''เด็ดหัว''.. ฟังซิแม้แต่ฆราวาสเขายังไม่กล้าพูด
วันที่ 18 ธันวาคม 2545 เวลา 18:30 น. ความยาว 58.07 นาที
สถานที่ : กุฏิหลวงตา สวนแสงธรรม
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ กุฏิหลวงตา สวนแสงธรรม

เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
“
เด็ดหัว” ฟังซิ..แม้แต่ฆราวาสเขายังไม่กล้าพูด

วันนี้ก็ไปเทศน์ที่มหาวิทยาลัยกำแพงแสนตั้งชั่วโมง ๖ นาที เทศน์นานอยู่ เทศน์มันเหนื่อยก็เลยหยุด เขาบอกว่าตั้งชั่วโมง ๖ นาที นานอยู่ ถ้าเทศน์ธรรมดานี้มันก็นานบ้างพอสมควร ถ้าเทศน์มีเร่งมีอะไรแล้วไม่นานนะ การเทศน์นี้แล้วแต่เหตุการณ์ที่มันหนักมันเบาแค่ไหน ถ้าธรรมดาๆ มันก็ไปธรรมดา ถ้าสมควรจะเน้นจะหนักนี้ก็ออกเรื่อย ๆ จากนี้ไปกำแพงแสนก็ชั่วโมงพอดี ขากลับมาก็ชั่วโมงพอดี แต่เรามีรถนำนะ ถ้าไม่มีรถนำก็ช้ากว่านั้น แต่นี้เรามีรถนำ อย่างไฟเขียวไฟแดงนี้ผ่านเลย ๆ ก็พอดีชั่วโมง ไปชั่วโมง มาชั่วโมง พอดีเลย

รถเรามีรถนำแล้วผ่านไป ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นไฟเขียวที่เขาจะมาได้ก็ต้องหยุดคอยเรา ก็อดคิดไม่ได้นะเรา เรานี้มันเอารัดเอาเปรียบมนุษย์เกินไป แน่ะมันเป็นนะ แต่ความจำเป็นมีก็บืนไปอย่างนั้นแหละ เรื่องขัดมันขัดอยู่นะเรื่องใจนี่ เอารัดเอาเปรียบเขาเกินไป ไฟเขียวปุ๊บแทนที่เขาจะไปได้ ก็พอดีเป็นไฟแดงของเราที่จะหยุดกลับผ่าน นี่ดูอยู่ตลอดนะ

อะไรก็ตามเมื่อไม่มีธรรมเข้าแทรกแล้ว อย่างน้อยไม่ค่อยเป็นผลดี มากกว่านั้นไม่มีผลนอกจากความเสียหาย ความรู้เหล่านี้เป็นความรู้ของกิเลสที่มันบึ่ง ๆ ไปเรื่อย เรียกว่ากิเลสมันมีรถนำ มันบึ่งไปเลย เราไฟเขียวไฟแดงมันก็ต้องได้รอ ให้กิเลสมันผ่านไป ๆ ทีนี้กิเลสมันไม่มีน้อยที่นี่ กองทัพนี้ผ่านไปแล้ว กองทัพหลังมาอีก สุดท้ายเราก็มีแต่จอดแจกันอยู่อย่างนั้น เพราะไม่หมดขบวนของกิเลสผ่าน คิดอย่างนั้นซิคิดบ้าง คือกิเลสมันมีกำลังมาก ไม่มีการยับการยั้งไม่ฟังเสียงใคร มันจะบึ่งไปตามเรื่องของมันเรื่อย เรื่องของกิเลสเป็นอย่างนั้น

อย่างวิชาทางโลกก็เหมือนกัน เรียนมาได้มากได้น้อยเท่าไร เป็นเครื่องส่งเสริมทิฐิมานะความประพฤติหน้าที่การงานให้เหลวแหลกแหวกแนวไป โดยอาศัยอำนาจแห่งการศึกษามาของกิเลสนั่นแหละ เพราะฉะนั้นมันถึงมีแต่ไฟเขียวเรื่อย พวกอรรถพวกธรรมเราไม่มีแล้วก็มีแต่จอดแจอยู่นั่น ทั้ง ๆ ที่เป็นไฟเขียวควรจะไปได้ แต่กิเลสผ่านได้หมด ไฟเขียวไฟแดงพวกเขารอให้รถนำนี้ผ่านไปเสียก่อน เสร็จแล้วเขาถึงจะผ่าน แต่เรื่องกิเลสมันไม่สนใจว่าใครจะรออยู่เท่าไร มันผ่านของมันตลอด เป็นอย่างนั้นนะเดี๋ยวนี้ พวกเรานี้พวกผ่านตลอด เข้าใจไหม ถ้าเป็นทางกิเลสแล้วผ่านกันตลอด ไม่มีวันมีคืน เอาตายเข้าว่าเลย นิมนต์พระมากุสลายังไม่รู้ว่าเจ้าของตายแล้ว ยังจะผ่านตลอดไปอีก เห็นไหมล่ะ

เรื่องของโลกล้วน ๆ ก็คือเรื่องของกิเลสล้วน ๆ เพื่อให้รับกันกับธรรม จึงต้องพูดว่าเรื่องโลกล้วน ๆ นี้ คือเรื่องของกิเลสล้วน ๆ ทำงานบนหัวใจคน ตลอดกิริยามารยาทการแสดงออกมีแต่กิเลสบงการ ๆ จึงมีแต่ไฟเขียวตลอด ๆ ไฟแดงเพื่อหักห้ามตัวเองไม่มีในวงของกิเลส วงธรรมก็เป็นฝ่ายแพ้ เปิดไฟเขียวจ้า ๆ นี้ก็ไปไม่ได้ ๆ ควรจะไปได้อยู่ แต่มันสู้กิเลสไม่ได้ก็ต้องหยุด เป็นอย่างนั้นนะ พากันพิจารณานะเรื่องอย่างนี้ มันเป็นธรรมหมดนั่นแหละ มองไปไหนก็เป็นธรรม นอกจากจะเอามาพูดหรือไม่พูดเท่านั้น ธรรมแทรกไปทุกแห่งทุกหน จะมีตั้งแต่กิเลสมีรถนำอย่างเดียวเหรอ ธรรมก็มี

มันเป็นเข้าในวัดในวาในพระในเณรเวลานี้กิเลส มีแต่ไฟเขียวของกิเลสบุกนั้นบุกนี้ก่อเรื่องนั้นก่อเรื่องนี้ขึ้นมา มีแต่ไฟเขียวของกิเลส มันเป็นไฟเขียวตลอด ไม่มีไฟแดงให้ฝ่ายความดีงามทั้งหลายผ่านไปได้เลย ให้มีแต่เรื่องของกิเลสเลอะๆ เทอะๆ ไปหมด ไปที่ไหนเลอะๆ เทอะๆ นี่มันจะก่ออะไรขึ้นอีกฟังซิ ว่า “ธนาคารสงฆ์”ธนาคารเส็งมันมีมาที่ไหนเรื่องพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าน่ะ

พระพุทธเจ้าตำหนิเงินทองข้าวของมามากน้อยเพียงไรก็เห็นอยู่ในธรรมวินัย แล้วไหนยังจะมาส่งเสริมยกขบวนเป็นสงฆ์ขึ้นมา ตั้งธนาคารสงฆ์ขึ้นมา ก็เท่ากับเหยียบหัวพระพุทธเจ้าผู้ทรงบัญญัติห้ามการเงินการทองละซิ มันก็เห็นอยู่นี้ ธรรมวินัยก็เห็นอยู่นี้ มันดูเมื่อไรไฟแดง มีแต่มันจะไปท่าเดียวพวกนี้ เปิดเป็นไฟเขียวตลอด มันไม่มีธรรมมีวินัยเลยกลายเป็นหน้าด้านไปหมด กวนบ้านกวนเมือง คือพระของเราที่ไม่มีธรรมมีวินัยในตัวนั่นแหละ

ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามหลักธรรมหลักวินัย ได้รับความกระทบกระเทือนจากเปรตจากผีผู้ก่อกวนชาติบ้านเมืองในเพศของพระนี่ละ เวลานี้กำลังมาก ก่อขึ้น ไปหาโฆษณาไปทุกแห่งทุกหนตั้งแต่ผู้ใหญ่ลงมาหาเด็ก อย่าว่าแต่พระเลยนะ ฟาดไปถึงฆราวาสญาติโยมเด็กผู้ใหญ่โฆษณาชวนเชื่อไปหมด ขอตั้งธนาคารสงฆ์ๆ ออกไปหมดทุกทิศทุกทาง ประกาศหน้าด้านไปเลยนะ โห มันไม่มีธรรมวินัย ธนาคารสงฆ์ ตั้งแต่พระที่ดื้อด้านหาญทำเกี่ยวกับการเงินการทองเวลานี้มันก็ทนดูกันไม่ได้แล้ว ยังจะมาตั้งธนาคารสงฆ์ขึ้นมาอีกก็เท่ากับเหยียบหมดเรื่องศาสนาจะไม่ให้มีอะไรเหลือเลย

ที่พระเราทำอยู่ทุกวันนี้ถูกต้องตามธรรมวินัยที่ไหนเกี่ยวกับเรื่องการเงิน ก็ทนดูกันอยู่อย่างนั้น ก็เป็นมาอย่างนี้จะว่ายังไง เห็นกันอยู่ ธรรมวินัยก็กางอยู่มันไม่ฟังเสียง ไม่ทำตาม เป็นอยู่นี้ ก็ทนดูเอา คราวนี้จะมาตั้งธนาคารสงฆ์ขึ้น พระจะเป็นผู้ทำหน้าที่การเงินการทอง มีอำนาจบาตรหลวงในธนาคารสงฆ์ขึ้นมา พระก็เป็นเจ้าหน้าที่อันใหญ่โตรโหฐานป่าๆ เถื่อนๆ มาวางอำนาจไว้เหยียบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ในธนาคารสงฆ์นั่นแหละ นั่นฟังซิน่ะ

มันผิดมันถูกยังไงๆ เห็นอยู่ทุกคน คัมภีร์วินัยเรียนมาทุกคนเห็นอยู่ พูดไม่ได้ยังไง ตั้งแต่ผู้มันทำแบบหน้าด้านมันก็ยังทำได้ เราไม่ใช่หน้าด้านเราทำไมจะพูดไม่ได้วะ ก็เราพูดตามหลักธรรมหลักวินัยนี่ อันนั้นมันมีหลักมีเกณฑ์ที่ไหน มันไม่มี มันหน้าด้านทำเอาเฉยๆ มันกำลังด้านมากนะ เวลานี้พระกำลังกวนบ้านกวนเมือง กวนชาติกวนศาสนาให้แหลกเหลวไปหมด พี่น้องทั้งหลายให้ทราบนะ โห เลวมากทีเดียว เราเพศพระด้วยกันมองหน้ากันไม่ได้ว่างั้นเลย มันไม่ทำในสิ่งที่พระพุทธเจ้าให้ทำ แต่แหวกไปทำสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไม่ให้ทำ

ในพระวินัยนี้มีทั้งต้นบัญญัติ มีทั้งอนุบัญญัติ นี้ดูมาหมดแล้วนี่นะ ต้นบัญญัติตัดขาดเรื่องเงินเรื่องทองไม่ให้มายุ่งเลย ขาดสะบั้นไปเลย เป็นภัยต่อการบำเพ็ญสมณธรรมของพระ  นั่นฟังซิ  พระพุทธเจ้าตัดขาดหมดเลยพุทธบัญญัติ  โย ปน ภิกฺขุ ชาตรูปรชตํ อุคฺคณฺเหยฺย วา อุคฺคณฺหาเปยฺย วา อุปนิกฺขิตฺตํ วา สาทิเยยฺย นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํ นี้เป็นต้นบัญญัติ

ภิกษุรูปใดรับเงินและทองเองก็ดี ให้เขาเก็บไว้เพื่อตนก็ดี เป็นนิสสัคคีย์ ของนั้นต้องเสียสละออกไป เจ้าของแสดงอาบัติปาจิตตีย์ เป็นอาบัติแล้ว นั่นบอกไว้แล้วอย่างนี้ นี้ต้นพุทธบัญญัติห้ามไม่ให้พระสงฆ์เกี่ยวกับเงินกับทองเลย นี่พุทธบัญญัติสวดอยู่ในปาฏิโมกข์ทุกอุโบสถ มีหรือไม่มีธรรมวินัย เห็นอยู่ทุกคนบรรดาพระที่บวชมาร่วมอุโบสถสังฆกรรมไม่เห็นอันนี้ไม่ได้ เป็นพระวินัยของพระ เห็นอยู่อย่างนี้ นี่ละบัญญัติต้น

ครั้นต่อมาบรรดาผู้มีศรัทธาเคารพเลื่อมใสทุกชั้นทุกภูมิตั้งแต่มหากษัตริย์ลงมา มาขอบวชในพุทธศาสนา ชาติชั้นวรรณะมันก็ต่างกัน ทุกสิ่งทุกอย่างมีหยาบมีละเอียด ทีนี้กษัตริย์ออกมาบวชจะให้ทำเหมือนประชาชนทั่วๆ ไป เหมือนตาสีตาสาตามท้องนาอย่างนี้มันก็ลำบาก เมณฑกเศรษฐีเป็นปู่ของนางวิสาขาไปขอความผ่อนผันจากพระพุทธเจ้า  ขอให้ทรงอนุญาตผ่อนผันลงในการตัดขาดเรื่องเงินเรื่องทอง ทั้งเก็บไว้ด้วยตนเองก็ดี ทั้งคนอื่นเก็บก็ดี ห้ามเด็ดขาด ขอให้ลดหย่อนผ่อนผันลง ให้คนอื่นเก็บไว้ให้บ้าง เก็บไว้เพื่อท่านจะต้องการอะไรก็ให้ไปเอาของจำเป็นที่ท่านต้องการนั้นมาถวายพระ

เมณฑกเศรษฐีขอผ่อนผันพระพุทธเจ้า พระองค์จึงทรงผ่อนผัน ยังเหน็บไว้ด้วยนะ ผ่อนผันแล้วก็ยังเหน็บไว้อีกด้วย คือผ่อนผันว่าให้ผู้อื่นเก็บแทนได้ แต่ให้ยินดีในกัปปิยะที่ของนี้จะไปซื้อไปแลกเปลี่ยนมาเท่านั้น ไม่ให้ยินดีในเงินและทอง ถ้ายังยินดีนี้ปรับอาบัติอีกโน่นฟังซิ ถึงอนุโลมผ่อนผันแล้วยังมีปรับไว้อีก มีข้อเหน็บไว้อีก นี่ละที่มีผ่อนผันนี่มันทำให้จุ้นจ้านอยู่ทุกวันนี้ จนไม่มีความหมายเลยพระวินัยข้อนี้ แหลกเหลวไปหมดมานมนานสักเท่าไรพี่น้องทั้งหลายก็เห็นกัน นี่พระวินัยมีอย่างนี้จะว่ายังไง ผู้ปฏิบัติตามหลักธรรมวินัยมีอยู่ ท่านปฏิบัติมาตลอด เพราะฉะนั้นจึงเข้ากันไม่ได้ซิ คนหนึ่งรักษาอยู่ คนหนึ่งมาทำลายมันเข้ากันได้ยังไง มันก็แตกกัน เป็นนิกายนั้นนิกายนี้เข้าไปละซิ จะทำให้แตกอีกนะ ผู้หนึ่งรักษาผู้หนึ่งทำลาย

เดี๋ยวนี้จะมาสั่งสมเงินสั่งสมทองเหยียบย่ำพุทธศาสนาเข้าไปอีก จะตั้งธนาคารสงฆ์ขึ้นมานี้มันก็ยิ่งไปใหญ่แล้ว พระพุทธเจ้าทรงว่าอย่างนั้นแล้วมาตั้งธนาคารสงฆ์ขึ้นมาในแดนไทยของเรานี้มันฟังได้ไหม พิจารณาซิ ตั้งแต่รับไว้เพื่อบุคคลๆ นี้ก็เป็นการอนุโลมผ่อนผันเต็มที่แล้วว่าให้คนอื่นรับแทนได้ ใช้ในกิจการที่จำเป็นเท่านั้น ก็มีไว้เฉพาะๆ นี้ก็ทรงผ่อนผันพอเหมาะพอดีแล้ว แล้วจะลุกลามไปที่ไหนอีก ขนาดเหยียบหัวพระพุทธเจ้าให้แหลกไปหมดเลย โดยตั้งธนาคารสงฆ์ขึ้น พระก็จะเข้าไปทำงานในธนาคารสงฆ์ เป็นเจ้าอำนาจบาตรหลวงในเงินในทองยิ่งกว่าอรรถกว่าธรรม ธรรมไม่สนใจเลย จะสนใจแต่เงินแต่ทองเท่านั้น บวชมาเพื่อเงินเพื่อทองเท่านั้น ไม่ได้บวชมาเพื่ออรรถเพื่อธรรม มันเข้ากันได้เหรอกับพระที่บวชมาเพื่ออรรถเพื่อธรรม ฟังซิน่ะ มันมีอยู่ ขึ้นแล้วเวลานี้ ประกาศลั่นทั่วไปหมด มีแต่พระใหญ่ๆ ดินเหนียวติดหัวแล้วว่าตัวมีหงอนละซิ ประกาศทั่วไปหมด ไปที่ไหนๆ ก็ประกาศ ขอตั้งธนาคารสงฆ์ๆ โฆษณาชวนเชื่อไปหมดทุกหย่อมหญ้านะเวลานี้ เอาคะแนนเสียงมาก

จะเอาคะแนนเสียงมากมาลบความจริง ก็เท่ากับเอาธนบัตรปลอม มีกี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านๆ ใบก็ตาม จะเอามาลบธนบัตรจริงฟังซิ ธนบัตรจริงคืออะไร พุทธบัญญัติที่ทรงบัญญัติไว้แล้วนี้เป็นความจริง พระสงฆ์ผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรมกราบไหว้บูชาตลอดมาเป็นขวัญตาขวัญใจไม่เคยฝ่าฝืน อันนี้ฝืนเข้ามาอย่างนี้เป็นยังไงฟังซิ ขนาดรุกล้ำเข้ามาขนาดนั้นมันก็พอแล้ว เดี๋ยวนี้ยังจะมาตั้งธนาคารสงฆ์ขึ้นมาอีกมันดูได้ไหม ฟังซิพี่น้องชาวไทยเรา

เราเป็นลูกชาวพุทธ ตามีหูมีดูเอา ใครพูดควรเชื่อหรือไม่ควรเชื่อฟังเอา หูเราเคยฟังอยู่แล้วนี่ มันเป็นอย่างงั้นจะให้ว่าไง ใครจะลงใจได้ เมื่อทางนี้มันขึ้นมาทางนี้มันก็จะรับกันล่ะซิ พุทธบัญญัติว่ายังไง มันจะขึ้นรับกันตรงนี้ เราไม่ได้บวชมาด้วยพวกเปรตพวกผี สรณํ คจฺฉามิ นี่นะ เราบวชมาจาก พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ต่างหาก เราจะกราบไหว้และปฏิบัติตามพระโอวาทที่ทรงบัญญัติไว้แล้ว คือธรรมวินัยนี้เท่านั้น นอกนั้นเราจะไม่ปฏิบัติตาม มันจะยกเมฆมาก็ยกมา เมฆเหล่านี้ไม่ใช่เมฆเป็น สรณํ คจฺฉามิ ของเรา เมฆป่าๆ เถื่อนๆ ลุกลามมาด้วยเมฆอลัชชีหาความละอายบาปไม่ได้ เราไม่กราบ เราไม่ปฏิบัติตาม ว่าอย่างนี้ละเรา มันจะยกเมฆเอาอำนาจบาตรหลวงมาจากไหนก็ตาม บีบได้บีบร่างกายนี้ จะเอาเราไปฆ่าเราก็ยอมตาย แต่เราไม่ยอมถอยถึงเรื่องการคัดค้านตามพุทธบัญญัตินี้ เพราะพุทธบัญญัติมีอยู่นี่ นี่ละต้นเหตุต้นหลักเกณฑ์อยู่ที่นี่ มันจะมาขนาดไหนก็ของปลอมมันไม่ใช่ของจริง ของจริงคือพระธรรมวินัยเท่านั้นที่เป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลายแทนเราตถาคตเมื่อตถาคตตายลงไปแล้ว ก็บอกอย่างนี้ ไม่ได้บอกว่า ธนาคารสงฆ์นะที่เป็นสรณะของพวกเธอทั้งหลาย ไม่มีในพุทธบัญญัติ จะให้เรายอมลงใจปฏิบัติได้อย่างไร

มันกำลังลุกลามนะไฟไหม้ศาสนาจะไม่ให้มีอะไรเหลือ พี่น้องทั้งหลายฟังให้ดี เราฟังไม่ได้แล้วเวลานี้ มันหน้าด้านขนาดนั้นนะพระเรา แหม ด้านสุดขีดเลย ไม่มียางอาย หลักธรรมหลักวินัยมีเป็นกำแพงกั้นมันเหยียบไปเลยเชียว หลักธรรมวินัยคือธรรมวินัย เหยียบไปก็คือเหยียบหัวพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นศาสดาองค์แทน ได้แก่หลักธรรมวินัยนั้นแหละ มันเลอะเทอะไปหมดแล้วเวลานี้ แหม ดูไม่ได้นะ เอาผ้าเหลืองใส่หัวแล้วอวดอำนาจบาตรหลวง เอาชื่อเอานามอะไรยศถาบรรดาศักดิ์ ดินเหนียวมาติดหัวว่าตัวมีหงอนนี่ซิ ผู้ตั้งท่านก็ตั้งเพื่อความดีความชอบให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ให้มีแก่ใจในการปฏิบัติศาสนา ส่งเสริมศาสนาต่อไป ท่านไม่ได้บอกว่าให้มีแก่ใจในการเหยียบย่ำทำลายศาสนานะ แล้วมันยังมาทำได้ลงคออย่างนี้จะว่าไง

พูดจริงๆ บวชมาอุทิศตัวเพื่อพระพุทธเจ้า จึงไม่ยอมลงใจถ้าผิดจากหลักของศาสดาองค์เอกที่สอนไว้แล้ว ไม่ลงด้วยนะ คอขาดขาดไปเลย ให้เราถอยไม่ได้เลยละ สิ่งเลวร้ายมันเห็นอยู่นี่ ผิดก็เห็นอยู่นี่จะให้ฝืนใจทำได้ยังไง เอาอำนาจมาเหยียบๆ ได้เราไม่ว่า เรื่องเกิดเรื่องตายมันอยู่กับรูปร่างอันนี้ละ เอาไปฆ่าโลกไหนเราไม่ได้ว่า แต่หัวใจเราจะฆ่าไม่ได้ว่างั้นเลย หัวใจนี้มอบกับศาสดาองค์เอกอย่างเต็มหัวใจแล้ว ร่างกายนี้ก็มอบกับกฎอนิจจัง มันจะตายเมื่อไหร่ก็ตาย ใครฆ่าใครไม่ฆ่ามันก็ตาย เราไม่เห็นมีกล้ามีกลัวอะไรกับสิ่งเหล่านี้ อย่างที่ว่านี่ละ ป่าๆ เถื่อนๆ ขนาดไหนมันก็ได้ยินมาเป็นความจริงแล้วนี่นะ เราก็พูดได้ เพราะได้ยินมาอย่างนี้ เราไม่เห็นแต่เราได้ยินที่เขามาเล่าให้ฟัง

เวลานี้พวกเปรตพวกผีพวกยักษ์พวกมาร พวกจะทำลายทั้งชาติทั้งศาสนานี้แหละ กำลังเดี๋ยวนี้หมายหัว อย่างน้อยหมายหัว แล้วเด็ดหัวทั้งนายกรัฐมนตรีด้วย ทั้งหลวงตาบัวนี้ด้วย จะเด็ดหัว สองตัวนี้เป็นตัวสำคัญต้านทานมัน แล้วก็มีพระองค์ใดที่ไม่เห็นด้วยแล้วจะเด็ดหัวมันให้หมด พี่น้องทั้งหลายฟังซิภาษาพระนะนี่ พระมาพูด เขาได้ยินได้ฟัง เขาเตือนเวลานี้ กำลังเตือนเข้าไปหาฝ่ายเถระผู้ใหญ่ หาต้นตอมันเป็นยังไงพูดอย่างนี้ ทางกฎหมายก็ผิดแล้วนี่ ทำไมพระแท้ๆ มาพูดอย่างนี้ได้ ฟังซิพิจารณาซิมันเข้ากันได้ไหม หมามันก็ไม่ได้เห่าแบบนี้นะ มันยังรู้จักเจ้าของมันนะหมา นี่ไม่รู้จักเจ้าของเลยว่าไง มันกัดดะไปเลย ใครทำดีจะเด็ดหัวมันทั้งนั้น นอกจากพวกที่ทำความชั่วนี้เสริมหัวมันขึ้น ให้มันได้ตั้งร้อยหัวพันหัวคนหนึ่ง ไปหาดูซิมันมีกี่หัว มันได้ไหมล่ะ

มันอวดแต่ฤทธิ์แต่เดชของมันด้วยทิฐิมานะ ที่มาจากความหยาบโลนของมันต่างหากนี่นะ มันไม่ได้มุ่งอรรถมุ่งธรรมอะไร มุ่งแต่ยศถาบรรดาศักดิ์มีชื่อมีเสียงเรียงนามเท่านั้น บวชมาเพื่ออันนี้ ไม่ได้บวชมาเพื่ออรรถเพื่อธรรม แล้วมันดูกันได้ยังไงผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรมมีอยู่ เราได้ยินมาอย่างนี้เราพูดตามเราได้ยินมาอย่างนี้ ผิดถูกประการใดได้ยินมาอย่างนี้ก็ต้องพูดอย่างนี้ เอาถ้าว่าเราพูดผิด แล้วพูดมายังไงมันออกจากใคร ไล่เข้าไปซิ อันนี้เรื่องเด็ดหัวของชาติของศาสนาไปหมดทั้งประเทศไทยเรานี้ไม่ใช่เหรอคำพูดเช่นนี้น่ะ ก็นี้เพื่อช่วยชาติช่วยศาสนา นายกก็เป็นผู้นำของชาติ ทั้งศาสนาก็แฝงไปด้วย เป็นผู้อุปถัมภ์อุปัฏฐากดูแลรักษาความปลอดภัยของศาสนาด้วย พระก็เป็นผู้ปฏิบัติบำรุงศาสนาโดยแท้ด้วย ทำความเสียหายหรือทำความผิดที่ไหน ทำไมจึงถูกมันว่าเด็ดหัวพวกนี้น่ะ มันมีกี่หัวมันได้หัวประเภทไหนมามันจึงเห็นหัวพวกนี้เป็นหัวแปลก หัวมันเป็นหัวชนิดไหนว่ะ

ลองถามมันดูซิ มีก็มีแต่หัวเปรตหัวผีหัวยักษ์หัวมาร มีกี่ร้อยกี่พันหัวกี่โคตรหัวของมันก็มีแต่หัวเปรตหัวผีหัวยักษ์หัวมาร เราจะลงใจมันได้ไหม พิจารณาซิ หัวประเภทนี้น่ะ หัวประเภทเด็ดหัวคนอื่น หัวของตัวมันเป็นยังไง ไม่ได้ดูหัวของตัวบ้างเหรอพิจารณาซิ นี่ละให้พิจารณาเสียนะ ถ้าไม่ได้ฟังๆ เสียวันนี้ เราได้ยินมาอย่างนี้เราพูดอย่างนี้ เราไม่เคยกล้าไม่เคยกลัวกับสิ่งใด สามแดนโลกธาตุนี้เราไม่มี เราจะพูดตามหลักความจริงล้วนๆ แห่งธรรมทั้งหลายเท่านั้น นอกจากนั้นเราไม่เล่นด้วยเลย

เกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้านะความเลวเวลานี้ มันจะเอาให้ฉิบหายไปหมดทั้งชาติทั้งศาสนา แหมเลวร้ายมากทีเดียวจนฟังไม่ได้เลยเราก็ดี ที่ว่าเด็ดหัวนี้แหม แม้แต่ฆราวาสญาติโยมใครต่อใครธรรมดาก็ไม่กล้าพูดออกมาเพราะมันผิดกฎหมาย นี่มันยังหน้าด้านพูดออกมาได้อย่างไร ฟังซิ เลวขนาดไหนดูเอาซิ

ศาสนาจนจะไม่มีเหลือแล้วต่อไป ค่อยยุบยอบลงไปเพราะอำนาจเหล่านี้เหยียบเอาๆ ความชั่วมีมากมันเหยียบแหลกๆ ไปได้ละ ความดีมีน้อยคนดีมีน้อย ใครทำความดีที่ไหนจะถูกเด็ดหัวหมด จะมีเหลือแต่หัวพวกเปรต คนหนึ่งมันมีสิบหัวก็มีได้หัวพวกเปรตนี่ แต่หัวคนดีมีไม่ได้ถูกเด็ดหมด ก็ยังแต่หัวเปรตนั่นละเข้าใจไหม

วันนี้เทศน์ก็ไม่ได้เอนไปทางพวกนักศึกษาเลยเพราะเวลาไม่พอเหนื่อย เทศน์ทั่วๆไปก็ไม่พอ กำลังก็เหนื่อยลง ถึงขนาดนั้นก็ได้ตั้งชั่วโมงกับ ๖ นาทีนะ เทศน์วันนี้นับว่ามากอยู่แต่มันเหนื่อยแล้ว ที่จะเบนเข็มแห่งธรรมเข้าสู่นักศึกษาให้เป็นคติเครื่องเตือนใจในเวลาศึกษาอยู่ก็เลยไม่ได้เทศน์นะวันนี้ เรารู้สึกว่าแป้วใจอยู่เหมือนกัน เวลามันไม่พอ วันนี้ก็เทศน์มาพอแล้วไม่เทศน์อะไรแล้ว นี่มันก็เทศน์มากแล้วนี่ เทศน์มามากแล้วนี่ตั้งแต่มานี้ พูดประมาณสัก ๒๐ นาที เห็นจะได้ละมั้งวันนี้ ดูนาฬิกา เพราะเทศน์มาก็เหนื่อยพอแล้ว มากพอแล้วเหนื่อย โถ นี่เขายังนิมนต์ให้มาเทศน์เดือนมีนา ให้มาเทศน์ที่กรุงเทพนี่บอกไม่มา บอกยังงี้เลยวันนี้บอกเลย

ถ้าหากว่ามีกิจการในช่วงที่เรามานั้นจะมีงานอื่นใดที่เข้ามาแทรกนั้น ถ้าควรรับได้เราก็รับ แน่ะเราก็พูดมีข้อแม้อีก ไม่มีอะไรเลยจะให้เราโดดมาเทศน์แล้วเรากลับไปเราไม่มา เราก็ได้ประกาศไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะธาตุขันธ์ไม่เหมือนแต่ก่อน เราจะไปให้เท่าที่จำเป็นๆ เราบอก ถ้าทั่วๆ ไปอย่างแต่ก่อนไม่เอาแล้ว ช่วยชาติก็จริงแต่ธาตุขันธ์ของเรามันไม่ได้ฟังเสียงคำว่าช่วยชาติหรือไม่ช่วยชาติ มันฟังแต่เรื่องของมัน ที่จะก้าวเดินไปตามวัยของมันเท่านั้น เมื่อเป็นอย่างงั้นเราก็ต้องฟังซิ ไม่ฟังธาตุฟังขันธ์ต้องพังทีเดียวไม่มีเหลือแหละ

วันนี้ก็สอนเรื่องภาวนาบ้างเล็กน้อย โอ๊ย น่าสงสารที่จิตใจไม่มีหลักมีเกณฑ์เลยนี่เสียมากนะ ตัวที่จะก้าวเดินต่อไปแต่ไม่มีหลักมีเกณฑ์ โลเลโลกเลกมาฉันใด โลเลโลกเลกอยู่ก็ฉันนั้น แล้วไปก็ฉันนั้นอีก เป็นแบบโลเล หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ ก็มีแต่ความทุกข์ คนหาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้มีแต่ความทุกข์ จะให้มีความสุขไม่มี ผู้มีความสุขไม่ว่าทางโลกทางธรรมต้องมีหลักมีเกณฑ์ การปกครองเหย้าเรือนของตัวเอง การเสาะแสวงหาสมบัติ การจับการจ่ายต้องให้มีหลักมีเกณฑ์เอาไว้ จ่ายขนาดไหนสมควรยังไง ไม่จ่ายยังไงต้องมีกฎมีเกณฑ์ แล้วการจ่ายนี้จ่ายยังไงบ้าง ต้องพิจารณาพลิกแพลงเปลี่ยนแปลง เพราะเราเป็นเจ้าของสมบัติที่จะทำประโยชน์แก่ตัวเองและครอบครัวของเรา ทำยังไงสมบัติเหล่านี้จึงจะเป็นประโยชน์สมเจตนาที่มุ่งหมาย ต้องใช้ความพินิจพิจารณา ไม่ใช่ว่าได้มาอะไรก็ถลุงเลยๆ ให้กิเลสเอาไปถลุงมีเท่าไรไม่พอ หาจนวันตายก็ไม่พอ

กิเลสไม่เคยพอ ใครอย่าเข้าใจว่ากิเลสมันพอนะ ถ้าเป็นธรรมปุ๊บเข้านี่จับปั๊บพอ เป็นลำดับลำดาพอดิบพอดี ไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวายเดือดร้อนและเป็นความทุกข์มากขึ้นเหมือนกิเลสนำตลอดเวลานะ ถ้ามีธรรมแทรกคนเรา วันนี้ก็ไม่มีอะไรมั้ง มีแต่ให้พรแล้วเลิกกันเท่านั้น เหนื่อยมากแล้ว เอ้า ถวายอะไรถวายมา เดี๋ยวนี้จะกินก็เหนื่อยแล้วละ อย่าว่าแต่ได้มาแล้วไม่เหนื่อย แม้แต่กินมันก็เหนื่อยแล้วไม่อยากกินแล้ว หลวงตาบัวไปไหนคนแตกฮือๆ แหละ มาแล้วนู่นนะเรายังหาเงินไม่ได้ ยังหาทองคำไม่ได้มาแล้ว เลยเผ่นกัน ไม่เผ่นเอาจริงๆ นี่ มันก็น่าเผ่นละซิ พอไป ไหนล่ะทองคำ ไหนล่ะดอลลาร์ ไหนล่ะเงินสด ยังงั้นมันก็น่ากลัวซีคน ว่าไหนๆ ตั้งแต่มันยังไม่พอนี่แหละ พอๆ แล้วหยุดเลย ไหนก็ไหนเพื่อพี่น้องทั้งหลายนั่นแหละเราไม่เอาอะไรเลย พอทุกอย่างแล้ว

ก็เป็นห่วงเป็นใยพี่น้องชาวไทยเราถึงได้บึกบึนอยู่เวลานี้นะ คือคิดรอบไปหมดจึงได้มาบึกบึน ถ้าลำพังเจ้าของไปเมื่อไรก็ไม่เห็นขัดข้องอะไร การอยู่กับการไปนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้าเปลี่ยนแปลงก็มีแต่ธาตุขันธ์เปลี่ยนลงไปนี้ก็ว่าตายเสีย มาเป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ เท่านั้นเอง แน่ะ เปลี่ยนไปไหน จิตจะเปลี่ยนไปไหน แม้แต่ลงในนรกมันยังไม่เปลี่ยนจากความเป็นจิต มันก็เป็นจิต รับความทุกข์แสนสาหัสแต่ไม่เคยฉิบหายไปคือจิตดวงนี้ แล้วซักฟอกให้บริสุทธิ์เต็มเหนี่ยวแล้ว มันจะเอาความทุกข์มาจากไหน นี่ละเห็นประจักษ์อยู่ในจิตของผู้บำเพ็ญธรรม ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นธรรมคงเส้นคงวาหนาแน่นท้าทายหลักความจริงตลอดเวลา ถ้าทำตามพระพุทธเจ้าแล้วยังไงก็ไม่จม ว่างั้นเลย

นี่ก็บืนมาถึงขั้นจนจะเป็นจะตายก็มีการปฏิบัติตัวเอง จะเป็นจะตายเพื่ออรรถเพื่อธรรม เราไม่ได้เพื่ออย่างอื่นพอที่จะมาเพิ่มกองทุกข์ให้เราได้รับบาปรับกรรมต่อไปอีก เราไม่มี เราไม่สร้างบาปสร้างกรรม สร้างแต่บุญ ทุกข์ก็ทุกข์ด้วยบุญ ทุกข์ด้วยอรรถด้วยธรรม สร้างไปสร้างมาสุดท้ายมันก็เพิ่มขึ้น ๆ นั่นแหละจะว่าไง ทุกข์ทั้งหลายที่เคยเป็นมาในเวลาบำเพ็ญแทบเป็นแทบตาย ไม่มีใครละอยู่ในป่า มันก็เป็นความหมายขึ้นหมดเลย ในขณะที่สร้างความดีอยู่นั้นน่ะอยู่คนเดียว อยู่ในป่าในเขา ไม่ว่าได้กินวันไหนไม่ได้กินวันไหนบีบบังคับกันตลอดเวลาเพื่อความดี นั่นเห็นไหมล่ะ อดข้าวก็เอา เอาจนกระทั่งท้องเสียถึงขนาดจะตายตอนช่วยชาติบ้านเมืองนี่ เพราะความตะเกียกตะกายเพื่อธรรมทั้งหลายนั่นแหละ

อดข้าวตั้งแต่เริ่มออกปฏิบัติ เห็นว่าการอดอาหารการภาวนาค่อยดี กินอิ่มหมีพีหมานี่ โอ๊ย ไม่เป็นท่านะ กินอิ่มเท่าไรการภาวนายิ่งขี้เกียจ สติสตังไม่ดีเลย ความขี้เกียจมีมาก กิเลสตัณหาราคะทั้งหลายเริ่มแสดงตัว เห็นอยู่อย่างงั้นจะว่าไง เมื่อเป็นยังงั้นแล้วจะอนุโลมให้มันเป็นไปได้อย่างงั้นเหรอ ถ้าเป็นอย่างงั้นมันก็เหยียบหัวเราล่ะซี แล้วทำไงจะเหยียบหัวมันได้ก็ฟัดกัน ไม่ให้กิน มันอยากมากให้กินแต่น้อย จากนั้นไม่ให้กิน ก็ทุกข์ล่ะซิคนไม่ใช่คนตายไม่ได้กิน ตั้งแต่สัตว์มันก็ยังหิวยังโหยมันยังอยากกินอาหาร คนทั้งคนทำไมจะไม่หิว มันก็หิว ความหิวก็เป็นทุกข์ เอ้า ทุกข์ก็ทน เวลาให้กินแล้วมันไม่เห็นได้เรื่องได้ราวอะไร กินแล้วนอนก็มาก ความขี้เกียจก็มาก นั่งอยู่ก็หาวนอน ฟังซิ นี่ละผลแห่งการกินมากมันดีที่ตรงไหน นอนก็ไม่อยากลุก ก้าวเข้าสู่ความเพียรเข้าทางจงกรมไม่อยากก้าวขา นี่เห็นไหมกินมากมันเป็นอย่างนี้ ดูมันอยู่ตลอดซิการฝึกตัวเอง เป็นยังไงเอาพลิกใหม่เปลี่ยนใหม่

นี่ละเหตุที่ได้อดอาหารก็เพราะการทดสอบตัวเอง ทำวิธีไหนก็เคยทำมาแล้ว อดนอนไม่ทราบว่ากี่คืนไม่นอน อดไปหลายวันเท่าไรๆ ยิ่งเซ่อยิ่งซ่ายิ่งมึนศีรษะ ทั้งๆ ที่ท่านก็มีในเนสัชชิธุดงค์ ๑๓ ข้อ คือมีอดนอนข้อหนึ่ง ถ้าใครถูกจริตจิตใจกับการอดนอน เราลองมาทำดูมันไม่ได้เรื่องสำหรับเราเอง ทำลงไปๆ ไม่นอนหลายคืนเท่าไร สมองก็ทื่อ อะไรก็ทื่อไปตามๆ กันหมด แทนที่สติสตังจะคล่องแคล่วว่องไวกลับไม่ได้ อ้าว อย่างงี้มันไม่ได้เรื่องไม่ได้ผล พลิกใหม่ อย่างงั้นนะ

การนอนน้อยก็ดี แต่สำคัญที่ธาตุขันธ์มันกำลังคึกคะนองอยู่นี้ เราจะไปเสริมอาหารเป็นเครื่องส่งเสริมธาตุขันธ์นี้ไม่ได้นะ ให้กินอิ่มเท่าไรมันก็เสริมกำลังขึ้น แล้วนอนก็มากความขี้เกียจก็มาก ราคะตัณหาก็เพิ่มก็แสดงให้เห็น มันไม่แสดงในอวัยวะละ มันแสดงอยู่ภายในจิต ก็เราจะบังคับจิตฝึกทรมานจิต มันแสดงผิดปกติมันก็รู้ อ้อ ถ้าอย่างนี้ไม่ดี พลิกใหม่อยู่งั้นแหละ ให้กินแต่น้อยๆ ดีแต่มันไม่จุใจ ถ้าอดปั๊บนี่มันหิวมาก มันอ่อนเพลียมากๆ การภาวนาดีสติดี มันก็ดีตรงนี้นะ สุดท้ายก็อดไปเลย เรื่องผ่อนรู้สึกว่าไม่อยากมีนะ ตอนไปภาวนาอยู่คนเดียว

ถ้าอยู่กับหมู่เพื่อนผ่อนตลอด เพราะมันอดไม่ได้ เอาเต็มเม็ดเต็มเหนี่ยวไม่ได้ มันเกี่ยวกับหมู่กับเพื่อนครูบาอาจารย์ ท่านเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพวกเรา เราไม่ได้ถูกขันตีนิมนต์มา เรามาเอง จะให้ท่านเดือดร้อนได้ยังไง เพราะความประพฤติของเราโกโรโกโส ต้องได้เข้มงวดกวดขันดูแลกัน นี่ละมันเกี่ยวข้องกับหมู่เพื่อนอยู่ ถ้าจะอดอาหาร อดอาหารมันต้องฟัดความเพียรอยู่ตลอด อันนี้มันไม่ได้ตลอดนี่นะ ก็ต้องผ่อนเอาอย่างงั้น พอออกจากหมู่เพื่อนไปหยุดเลยไม่เอา เต็มเม็ดเต็มหน่วยเลย สุดท้ายท้องมันก็เสีย มันไม่มีอาหารย่อย มันก็ย่อยเยื่อบุลำไส้อะไรดังที่หมอเขาพูดให้ฟัง สุดท้ายท้องก็เสีย เสียก็ไม่สนใจมีแต่จะเอาธรรมอย่างเดียวๆ ฟัดกันใหญ่เลย จากนั้นมันก็ท้องเสียไปเลย

ถึงแค่ ๑๖ ปีพรรษาได้ ๑๖ หยุด การขบฉันขบฉันตามเดิม ไม่อดอาหารเหมือนแต่ก่อน อันนี้มันได้เคยเป็นในธาตุในขันธ์เราแล้ว มันก็ถ่ายของมันไปเรื่อยๆ แต่ไม่มาก มันหากถ่ายของมันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอาจารย์หมออุดมท่านตรวจร่างกายเรา โอ๊ย ท่านอาจารย์ท้องเสียนะ เราก็ไม่สนใจ ปล่อยไปอย่างงั้นละ จนกระทั่งมันหนักเข้าๆ จะตายปี ๒๕๔๐ นี่ ถูกยาหมอนั่นมันถึงได้ฟื้นขึ้นมาช่วยชาติบ้านเมือง แล้วโรคท้องนั้นก็หายขาดเลย ทั้งๆ ที่มันเป็นอย่างรุนแรงไม่น่าจะยังเหลือมาได้เลย มันก็ขาดสะบั้นลงไป เรียกว่าหายขาดเลย ท้องที่เป็นมากๆ

เราก็อัศจรรย์เหมือนกัน โรคท้องขนาดนี้ถ้าเป็นนักเลงก็เป็นนักเลงโต กว่ามันจะตายนี้เจ้าหน้าที่ที่ไปฟัดไปเหวี่ยงกับมันจะตายไปกี่ศพก็ไม่ทราบนะ มันไม่ได้ยอมตายง่ายๆ นักเลงโต ก่อนที่จะตายต้องฟัดกับเจ้าหน้าที่เสียก่อน ดีไม่ดีเจ้าหน้าที่จะตายกี่ศพไม่ทราบ จากฝีมือของเสือใหญ่นักเลงโต โรคของเรามันก็เป็นแบบนั้น มันรุนแรงขนาดนั้น แต่ครั้นเวลาฉันยาลงไปแล้วแทนที่มันจะมีการต่อสู้ มีปฏิกิริยาต่อกัน ไม่มี พอฉันลงไปนี้ลดลงฮวบๆ เลย จนเจ้าของก็สงสัยไม่แน่ใจ มันเป็นมาตั้ง ๕๐ กว่าปีมันมาหยุดได้ยังไง แล้วหยุดแบบให้สงสัยคือหยุดไม่มีอะไรไหวติงเลย ปฏิกิริยาที่จะคัดค้านต้านทานกันกับยานี้ไม่มีเลย นี่มันสำคัญนะ

ถึงกับต้องถามหมอที่เขารักษา โรคนี้มันจะหายจริงๆ เหรอ ทำไมกินลงไปแล้วมันจึงหายวูบๆๆ ลงไปอย่างนี้ล่ะ มันไม่ใช่หายเพื่อโกหกเหรอ มันเป็นยังไง หมอเขาก็บอกว่าหาย ก็หาย หายจริงๆ เพราะอะไรเอ้าว่ามา เขาบอกว่าโรคชนิดนี้เ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก