พระแท้ต้องมีสติ หิริโอตตัปปะ
วันที่ 13 ธันวาคม 2545 เวลา 18:30 น. ความยาว 29.59 นาที
สถานที่ : กุฏิหลวงตา สวนแสงธรรม
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)

ค้นหา :

เทศน์อบรมพระและฆราวาส ณ กุฏิหลวงตา สวนแสงธรรม

วันที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช  ๒๕๔๕ [ค่ำ]

“พระแท้ต้องมีสติ หิริโอตตัปปะ”

 

            เรื่องเทศน์นี่ก็เหมือนกันทั่วประเทศไทย ไม่ทราบว่ากี่พันกี่หมื่นกัณฑ์ เทศน์อยู่ตลอด ก็ไม่ทราบว่าเอามาจากไหน หลวงตา ป.๓ มันทำไมพิลึกนักล่ะ บทเวลาเทศน์ เรียนจบแค่ ป.๓ ประถม ๓ ใครเชื่อไม่เชื่อก็ตาม ก็ความจริงเป็นอย่างงั้น เราจบ ป.๓ คือแต่ก่อนมันไม่มี ป.๔ จบแค่นั้นก็หมดเลยแหละ ครูหมดความสามารถแหละ ฟาดเสียจนครูหมดความสามารถ ปล่อยนักเรียนไปเลย อายุไม่ครบ คือยังไม่ครบกำหนดที่จะควรออกจากโรงเรียน ถ้าสอบประถม ๓ ได้แล้ว ครบไม่ครบไม่สำคัญ ให้ออกได้เลย เราออกเลย อายุยังไม่ครบแหละ จบ ป.

            หลวงตา ป.๓ เทศน์ทั่วประเทศไทย มิหนำซ้ำสหรัฐฟังอยู่ใต้พื้นดินทุกเช้า อยู่อุดรก็เหมือนกันทุกเช้า แล้วมานี้อีกทางนู้นก็ติดต่อมาอีกทางสหรัฐ อย่างเทศน์เมื่อเช้านี้ก็ถึงสหรัฐ หลวงตา ป.๓ พิลึกนะ เชื่อไหมล่ะ ก็ไม่เชื่อคนอย่างนี้จะไปเชื่อใคร ก็เราไม่เคยโกหกใคร เราจบ ป.๓ เราก็บอกจบ ป.๓ ใครไม่เชื่อก็ไม่เชื่อไปซิ แสดงว่าหูตันหมดพวกนี้ พวกหูปิดหูตัน ไม่เชื่อ เราเรียนจบอย่างงั้นจริง ๆ จบแค่ ป.๓ พอเราออกจากโรงเรียนแล้ว จากนั้นเขาเริ่มตั้ง ป.๔ ขึ้น มี ป.๔ เรื่อยมาจนกระทั่งถึง ป.ไหนก็ไม่รู้หัวมันแหละ ตั้งแต่นู้นมาจนกระทั่งป่านนี้ไม่ทราบถึง ป.ไหน

            ที่วัดแพร่มีพระมากไหม (ไม่มากครับ แยกกันไปอยู่ที่ต่าง ๆ ครับ) แถวนั้นมันเป็นที่วิเวกสะดวกไปหมดนั่นแหละ ภาคเหนือไปที่ไหนก็มีความสะดวกสำหรับเที่ยววิเวก ตามป่าตามเขามีอยู่ทั่วไปสำหรับภาคเหนือ ทางภาคอีสานก็มีอยู่ทั่วไปเหมือนกัน ตามป่าตามเขามี ดีไม่ดีอุดรหายากด้วยซ้ำ ก็มีไปทางแถวภูพาน ข้ามไปหนองบัวลำภู อย่างที่วัดผาแดง วัดภูสังโฆ และต่อไปนั้นมีป่ามีเขาทั่ว ๆ ไป วัดก็มีอยู่ทั่วไป แถวจังหวัดอุดรทางด้านตะวันตกเป็นหนองบัวลำภูเหล่านี้ ด้านตะวันออกหรือด้านไหนก็มี มีอยู่ทั่วไป จากนั้นอุดรรู้สึกจะไม่ค่อยมีแถวนี้ ไปทางบ้านผือไปทางนู้น ทางอำเภอบ้านผือไปศรีเชียงใหม่ เข้าไปในป่าในเขานู้น

นี่หมายถึง ทุกวันนี้ต้องได้หาเอา แต่ก่อนไม่ต้องหา เป็นป่าเป็นดงทั้งหมดเลย ไปที่ไหนพวกป่า พวกเนื้อ พวกเสือ พวกสัตว์ต่างๆ เต็มอยู่ทั่วไปไม่อด สัตว์เนื้อไม่อด พวกเก้ง พวกหมูป่า พวกกวาง พวกนกนี่ไม่ต้องพูดแหละ เต็มไปหมด พวกอีเห็น พวกเม่น สัตว์ประเภทต่าง ๆ มีอยู่เต็มป่าไปหมดแหละ ไปอยู่ที่ไหนก็อยู่กับเขา เพราะไม่มีการค้าการขายแต่ก่อน เนื่องจากถนนหนทางไม่มี ใครหาอยู่หากินรอบบ้านรอบเรือนเจ้าของก็พอแล้ว เพราะไม่มีการซื้อขาย ได้มาพอปากพอท้องในครอบครัวหนึ่ง ๆ พอแล้ว ๆ นั่น แต่ครั้นต่อมาก็มีรถมีรา คือแต่ก่อนไม่มีนะ รถไม่มี มีรถมีราก็ต้องมีถนนหนทาง

เมื่อมีรถมีรา มีถนนหนทาง แล้วการซื้อการขายมันก็ขยายกันไปตามกันนั่นแหละ ได้มานี้กินน้อย ขายมากกว่ากิน ได้มาเพียงเล็กน้อยขายหมด ๆ ทีนี้อะไรก็ไม่พอ หามากินแล้วหามาขาย สุดท้ายป่าไม้เป็นดง ๆ หนาแน่น ถากถางปลูกเผือกปลูกมันก่อน จากนั้นก็กลายเป็นพวกอ้อย พวกมันสำปะหลัง เต็มไปหมดทุกแห่งทุกหน เหมือนกันหมดเลย นี่ล่ะการขาย มันขยายตัวออกไป ทีนี้หามาก็มีแต่เพื่อซื้อเพื่อขายอะไรๆ ถนนหนทางผ่านไปเหมือนตาข่ายเลย ป่าดงทั้งหลายก็หมด ไม่มีเหลือ

เราเคยพูดให้บรรดาลูกศิษย์ลูกหาฟังตอนที่เราเที่ยวนั้นเหมาะสมมาก เรียกว่าไม่มีเรื่องถนนหนทางไปมาหาสู่ นอกจากมีเป็นทางเป็นด่านๆ ในป่าในเขามีแต่อย่างนั้น ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไร ทางล้อทางเกวียนไม่มี จะมีแต่แถวหมู่บ้านเขาอยู่นอกๆ ทางล้อทางเกวียนก็เศร้า ๆ หมอง ๆ ไม่ค่อยไปมาละ ส่วนมากก็มีทางคนเดินเท้าไปมาอยู่ตลอด ไปบางแห่งทั้งวันไม่เจอบ้าน ฟังซิ หนาไหมป่าดง มีแต่ดงแต่ป่า สัตว์พวกเนื้อไม่ค่อยกลัวคน เพราะไม่ค่อยทำลายกัน เนื่องจากไม่มีการซื้อการขาย หากินพอปากพอท้องก็พอแล้ว สัตว์ทั้งหลายก็เต็ม ไม่มีใครรังแกทำลายนะ ทุกวันนี้หมดแล้วไม่มีอะไรเหลือ

ไปทางอุดรนี้มีทางทิศตะวันตก ที่ภาวนามี อย่างไปทางทิศใต้ ไปทางอำเภอหนองแสงเข้าในภูเขาก็มี มีอยู่ทั่วไป หนองบัวลำภูนี้มี ทางด้านตะวันออกก็มี ด้านอื่นก็มี จังหวัดเลยถึงมีมาก สกลนครก็มีอยู่ทั่วไป นครพนมก็มาทางอำเภอบ้านแพง ก็มีอยู่ทั่วไป พระท่านทำงานของท่าน มีเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนานะ งานของพระ ในครั้งพุทธกาลมีแต่อย่างนั้นเป็นส่วนมากที่สุดเลย ส่วนปริยัติก็มีเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปอย่างนั้นในตำรา ที่เป็นเนื้อเป็นหนังจริงๆ ก็มีภาคปฏิบัติกำจัดกิเลส เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา นี้เป็นงานของพระโดยแท้ในครั้งพุทธกาล

ต่อมาก็อย่างนี้แหละ ดูเอาซิ งานกิเลสตัณหามันเหยียบย่ำทำลายเข้าไป เหยียบหัวพระนั่นแหละ ไม่เหยียบไหนล่ะ เหยียบหัวพระ พระเลยโงหัวไม่ขึ้น มองหาทางจงกรมไม่เห็นเลย สุดท้ายไม่มีทางจงกรม พระทั่วประเทศไทย ซึ่งเคยเรียนมาด้วยกันรู้เหมือนกัน แต่ไม่เคยสนใจปฏิบัติ มีแต่คัมภีร์เต็มวัดเต็มวา ไปที่ไหนมีแต่คัมภีร์เต็ม คัมภีร์พุทธศาสนา แต่ไม่เคยไปสนใจ ถึงเรียนก็เรียนเพื่อเอาชื่อเอานาม เอาแต่ลม ๆ แล้ง ๆ ว่าสอบได้เท่านั้น สอบได้เท่านี้ ได้ชั้นนั้นชั้นนี้ ได้เท่านั้น ตัวเจ้าของไม่เคยสนใจแก้ไขดัดแปลงตัวเองเลย ด้วยการประพฤติปฏิบัติศีลธรรม

เพราะฉะนั้นศาสนาจึงจะไม่มีเหลือแล้วนะเวลานี้ จะว่ายังเหลืออยู่เหรอ ถ้าว่าพระ ไม่่าพระเขาพระเรามันก็แบบเดียวกัน มีแต่หัวโล้น ไม่ได้สนใจกับอรรถกับธรรม ยิ่งกว่าเรื่องของกิเลสที่จะพอกพูนหัวใจ ความโลภก็ไม่มีใครมากยิ่งกว่าพระ ได้เท่าไรยิ่งไม่พอ ๆ เป็นยังไงจึงเป็นอย่างงั้นล่ะพระ ฟังซิน่ะ พระพุทธเจ้าสอนให้ละความโลภ ตัวเองสั่งสมความโลภ โลภอยากได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ชื่อเสียงเรืองนามอะไรอยากได้ทั้งนั้น ยศถาบรรดาศักดิ์ ความมั่งมีศรีสุข เลยอยู่กับพระหมดนะเวลานี้ ทั้ง ๆ ที่พระเป็นนักเสียสละ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องกิเลสตัณหาล้วน ๆ เข้ากับเพศของพระไม่ได้ ตามหลักพุทธศาสนาอย่างแท้จริงแล้วเป็นอย่างนั้น มีแต่ชำระอยู่ตลอดเวลา อาศัยไปวันหนึ่งๆ บิณฑบาตกับชาวบ้านเขา เขาใส่อะไรมา มีเท่าไรก็ฉันเท่านั้น ท่านไม่ได้กังวลวุ่นวาย ผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรมเป็นอย่างนั้น ท่านไม่ได้สนใจกับความร่ำความรวยอะไร สวยงามอะไร ไม่เอาทั้งนั้น เอาแต่ธรรม ๆ เรื่อย นี้ละตำราท่านแสดงไว้อย่างนั้น

เห็นชัดเจนทุกคนผู้เรียนตำรา ไม่เห็นได้เหรอ ไม่ใช่คนตาบอด แต่หัวใจมันบอด เรียนเท่าไรมันก็ไม่สนใจกับอรรถกับธรรม ยิ่งกว่าเรียนเพื่อกิเลส เรียนธรรมก็เพื่อเป็นเขียงเหยียบขึ้นของกิเลส แล้วก็มาเหยียบธรรม เหยียบตัวเอง เหยียบบ้านเหยียบเมืองไปหมด ด้วยความไม่สนใจในธรรม นำกิเลสเข้ามาเหยียบย่ำทำลายโดยถ่ายเดียว แล้วศาสนาเจริญได้ยังไง ลองหาดูซิ ศาสนาเจริญที่ไหนเวลานี้ อย่าเอาเพศมาใส่นะ เอาหมาขี้เรื้อนมา เอาจีวรครอบหัวมัน มันก็เป็นหมาเหลืองขึ้นมา พระหมาก็ได้ หัวโล้นโกนเข้าไปจนถึงกะโหลกศีรษะก็ได้ มันอัศจรรย์อะไร ถ้าไม่ปฏิบัติกำจัดความชั่วช้าลามกในตัว ตามหลักศีลหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้แล้ว มันทำเท่าไรก็อย่างว่า ไม่เกิดประโยชน์อะไร แล้วมันเจริญที่ไหนศาสนา พิจารณาซิ พี่น้องทั้งหลายพิจารณาทุกคน

เราเป็นลูกชาวพุทธ ผิดพลาดด้วยกันทุกคน ให้นำธรรมะมาแก้ไขดัดแปลงตัวของพวกเราเอง จะไปตำหนิคนนั้นคนนี้ไม่ได้ มันเต็มอยู่ในหัวใจเราทุกคน ทั้งฆราวาส ทั้งพระ ฆราวาสก็เป็นไปอีกอย่างหนึ่ง เขาไม่มีขอบเขตก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง แต่พระเราที่มีขอบเขต แต่วิ่งเตลิดเปิดเปิงเหยียบย่ำทำลายหัวพระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวกไปโดยไม่คำนึงถึงอรรถถึงธรรมว่าท่านสอนอย่างไรบ้างเลย มันเลวไหมล่ะ พิจารณาซิ ยิ่งสั่งสมกิเลสหนาแน่นขึ้นทุกวันๆ ไม่มีใครเกินพระนะทุกวันนี้ ว่าพระบวชมาชำระสะสางกิเลส มันสะสางตรงไหนน่ะ ตาเห็นอยู่ด้วยกัน หูฟังอยู่ด้วยกัน ตำรับตำราเรียนมาด้วยกัน มันขัดกับตำรับตำรา เหยียบย่ำตำรับตำราที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้ามากน้อยเพียงไร มันก็เห็นกันอยู่จากความเคลื่อนไหว การประพฤติตัวของพระของเณรเรานี่ จะไปดูที่ไหน

ผู้รักษาศีลธรรมไม่ใช่พระเณรเราจะเป็นใคร ขึ้นชื่อว่านักบวช ก็เป็นเจ้าของผู้รักษาศีลธรรมโดยตรง ๆ ประกาศเปิดเผยออกมาด้วยเพศ คือความเป็นพระ นั่น เวลาเป็นพระแล้วเป็นยังไง กิริยามารยาทของพระที่แสดงออก ใจที่สำรวมระวังต้องสวยต้องงาม ต้องไม่กระทบกระเทือนผู้อื่นให้เกิดความเดือดร้อน ภาษาของธรรม ความรู้ที่เรียนมาจากธรรม เราปฏิบัติเพื่ออรรถเพื่อธรรมแล้ว จะไม่แสลงแทงใจผู้หนึ่งผู้ใด แม้จะพูดเป็นเสียงฟ้าดินถล่มลงมาก็ตาม ก็เหมือนฝนที่ตกลงมาจากฟ้า ฟ้ามันร้องเปรี้ยงๆ  ๆ แต่ฝนตกลงมามันเย็น นั่นเห็นไหมล่ะ

อันนี้เปรี้ยง ๆ เสียงอรรถเสียงธรรม เวลามาถูกหัวใจของสัตว์โลกเย็นไปหมดด้วยกัน นี่เสียงธรรมเป็นอย่างงั้น ไม่ได้เหมือนกับเสียงกิเลส เสียงกิเลสนี้มันเอาอย่างขาดสะบั้นหั่นแหลกไปหมดนะ นี่ละพวกนักบวชเรา ดีพระลูกพระหลานมาเยี่ยมเลยพูดให้ฟัง พอให้เป็นคติเครื่องเตือนใจ ศาสนาจะไม่เหลือแล้วนะทุกวันนี้ พูดอย่างภาษาของพระ ภาษาของธรรม มันมีแต่หัวโล้น ๆ ไปที่ไหนเต็มวัดเต็มวา ในวัดนั้นมีอะไรบ้าง เอา ตรวจเข้าไปดูให้ดี ในวัดนั้นมีแต่ความหรูหราฟู่ฟ่าเป็นเรื่องของกิเลสทั้งหมดเลย

ความหรูหราฟู่ฟ่าแบบนั้น พระพุทธเจ้าสอนไว้เหรอ ทรงส่งเสริมเหรอ ตกแต่งทุกสิ่งทุกอย่าง ผลที่สุดดอกไม้ ต้นไม้มาประดับประดากุฏิ ประดับประดากุฏิวิหารให้สวยให้งามแบบกิเลส มันเป็นเรื่องของพระเมื่อไร ไม่ใช่เรื่องของพระ เรื่องของพระประดับประดาตกแต่งใจของเรา มันบกพร่องที่ตรงไหนแก้ไขมันที่ตรงนั้น วาจาพูดออกไปถูกศีลถูกธรรมหรือไม่ ถ้าไม่ถูกอย่าพูดออกมา พูดออกมาทำไม การกระทำเหมือนกัน กิริยาท่าทางที่แสดงออกไป ขัดต่อธรรมตรงไหน อย่าทำ

นี่เรื่องของพระต้องเป็นผู้มีหิริโอตตัปปะ สะดุ้งกลัวต่อบาปต่อกรรม และมีความสำรวมระวังตัวตลอดเวลา นี่ชื่อว่าผู้มาชำระสะสางกิเลสซึ่งเป็นความชั่วช้าลามก ออกจากกาย วาจา ใจของตนทุกอิริยาบถ มีสติสตังระมัดระวังตลอดเวลา นี่พระเป็นอย่างงั้นนะ นี่พระตามแบบตามฉบับ พระของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างงั้น เรามาเทียบกับพระเราทุกวันนี้ ดูให้ดี ดูเรานี้ ที่กำลังเทศน์ให้พระทั้งหลายฟังอยู่นี้ กับพระทั้งหลายนั่น มันก็แบบเดียวกัน มันเลวเหมือนกันไปหมด จะให้ว่าไง

ตื่นเช้าก็หาบิณฑบาตมากิน กินแล้วก็เรียนตั้งแต่วิชาทางโลกทางสงสาร สั่งสมกิเลส อยากได้ชื่อได้นาม อยากได้ชั้นนั้นชั้นนี้ เป็นชั้นนั้นชั้นนี้ขึ้นไป มันไม่ได้สนใจกับอรรถกับธรรมอะไรเลย ที่เป็นชั้นที่จะพาให้กิเลสพังจากใจ ส่งเสริมจิตใจให้มีความสว่างกระจ่างแจ้งขึ้นมาด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา ศรัทธา วิมุตติหลุดพ้นไปด้วยอำนาจแห่งความพากเพียร มันไม่มีนะเดี๋ยวนี้ มันมีแต่เพียรไปหากิเลส ให้กิเลสลากหัวมันไป หัวโล้น ๆ มันก็ลาก กิเลสมันไม่ได้กลัวใคร บวชเข้ามาสักเท่าไรก็บวชเถอะน่ะ หัวโล้นก็โล้น ผ้าเหลืองก็ผ้าเหลืองเถอะ กิเลสไม่เคยกลัวใคร กลัวแต่ธรรมเท่านั้น ถ้าใครมีธรรมในใจแล้วกิเลสกลัว ไม่ว่าฆราวาส ไม่ว่าพระ กิเลสกลัว ถ้าไม่มีธรรมไม่กลัว

ให้ยึดเอาหลักนี้เป็นเกณฑ์นะ กิเลสดังที่เคยพูดแล้ว มันเป็นภัยต่อสัตว์โลกมานานสักเท่าไร แล้วกิเลสเหล่านั้นอยู่ที่ไหนเวลานี้ มันก็ติดแนบอยู่ในหัวใจของเราทุกคน เทศน์ก็ต้องเทศน์ตำหนิตรงนี้ด้วยกัน จะไปว่าใครดีใครไม่ดีไม่ได้ มันมีอยู่กับทุกคน ให้ต่างคนต่างแก้ ดัดแปลงเจ้าของให้เป็นคนดีขึ้นมา อย่าเป็นบ้าตั้งแต่ตกแต่งภายนอก เรื่องของกิเลสหลอกให้ตกแต่ง อะไรก็ไม่ดี อะไรไม่งาม อันนั้นไม่ดี อันนี้ไม่ดี ตกแต่งจนวันตายก็ไม่เห็นความสุขความเจริญอะไรในจิตใจเลย ไม่มีหลักมีเกณฑ์เลย

ถ้าตกแต่งภายในจิตใจนี้ ทุคตะเข็ญใจก็เถอะ เรื่องหัวใจสง่างาม ตัวใจนี้แหละตัวที่จะพาไปมรรค ไปผล ไปสวรรค์ นิพพาน ไม่ได้ไปด้วยการตกแต่งนั้นตกแต่งนี้ อันนี้เป็นวัตถุภายนอก เป็นเรื่องของกิเลส มันชอบสวยชอบงาม ใครไปตำหนิไม่ได้นะกิเลส ชอบยกชอบยอก็ตัวกิเลส ชอบสวยชอบงามตัวกิเลส ตัวปลิ้นปล้อนหลอกลวง หวานฉ่ำหลอกหูหลอกตาสัตว์โลกให้ล่มจมไปก็คือกิเลส ธรรมท่านไม่หลอก พูดอย่างตรงไปตรงมา ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก นี้เรียกภาษาของธรรม ตายใจได้ทั้งนั้น แล้วก็ไม่เคยเห็นธรรมว่าหลอกลวงต้มตุ๋นสัตว์โลกรายใดให้ได้รับความฉิบหายลงไป ไม่เคยมี แต่เรื่องกิเลสนี้เต็มไปหมด มีอยู่กับหัวใจของสัตว์จึงต้มกันได้ทุกแง่ทุกมุม

เราเคยเห็นไหมเขาต้มไก่ เขาเอาความพูดอย่างตรงไปตรงมา มาต้มเมื่อไร เอาอย่างหวานฉ่ำทีเดียว ตกแต่งทุกอย่าง คำพูดคำจาไพเราะเพราะพริ้งให้หอมหวนชวนฟัง จนเพลินแล้วเคลิ้มหลับไป แล้วตับไม่มี เอาไปกินแล้ว หมด นี่แหละนักต้มนักตุ๋น เขาต้องเรียนวิชาไพเราะเพราะพริ้งมาทุกแง่ทุกมุมที่จะต้มสัตว์โลก คือวิชาของกิเลสเป็นอย่างนี้ แล้วทำไมเวลาพูดตรงไปตรงมามันจึงไม่อยากฟัง ก็กิเลสมันอยากฟังธรรมเมื่อไร เพราะกิเลสเป็นตัวปลิ้นปล้อนหลอกลวง ธรรมเป็นของจริง พูดอย่างตรงไปตรงมา มันก็เข้ากันไม่ได้ซิ

นี่แหละที่ว่ากิเลสกับธรรมเป็นข้าศึกกัน ภาษาธรรมออก ถูกกิเลสโจมตีแหลกไปหมดเลย เพราะกิเลสมันเต็มโลกสงสารจะว่าไง ใครก็เป็นภาษาของกิเลส จอมปลิ้นปล้อนหลอกลวง หลอกทั้งเขาหลอกทั้งเราเอง มันเต็มอยู่ด้วยกันทุกคน หัวใจเขาก็มีเครื่องหลอก หัวใจเรามีเครื่องหลอก ไม่มีใครหลอกก็หลอกตัวเราเอง ฟังซิ มีไหมกิเลสหลอกตัวเรา มันหลอกแบบไหนบ้าง เราดูบ้างซิ อย่าดูตั้งแต่คนนั้นหลอกคนนั้น คนนี้หลอกคนนี้ เราหลอกเราเองเราไม่ดูบ้างเหรอ ถ้าเรารู้ว่าเราหลอกเราเอง เราจะแก้ไขกลมายาที่กิเลสหลอกเรา เช่น จะไหว้พระภาวนา โอ๊ย เหนื่อยแล้ว นั่นหลอกแล้วเห็นไหมล่ะ

นั่งคุยเป็นบ้าอยู่ไม่ได้สนใจกับเวล่ำเวลา จนจะก้นแตกก็ให้มันแตกไป แต่น้ำลายปากมันยังไม่หมด โม้ใส่กัน คุยกัน ไม่ได้พูดถึงเวล่ำเวลา ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แต่พอจากกันเท่านั้น จะไหว้พระจะนอน โอ๋ย เหนื่อยมากแล้ววันนี้ นี่มันหลอก เห็นไหมล่ะ เราไม่รู้หรือว่ากิเลสหลอกเรา เรานึกว่ามันอยู่ที่ไหน นึกว่าในตู้ในหีบ ตู้หีบนั้นทั้งกิเลสทั้งธรรม ท่านไม่มีอะไรกับใคร มันเป็นอยู่กับคน กิเลสอยู่กับคน ตัวหลอกลวงอยู่กับคน ให้พากันพยายามนะ

เราพูดจริง ๆ เราพูดอย่างเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ล้านเปอร์เซ็นต์ เราไม่มีสะทกสะท้านกับสิ่งใดในสามแดนโลกธาตุนี้ คำว่ากลัวเราก็ไม่มี คำว่ากล้าเราก็ไม่มี เรื่องเป็นเรื่องตาย เราไม่มีกลัว ไม่มีกล้า ไม่มีได้ไม่มีเสีย ไม่มีคำว่าแพ้ว่าชนะ ไม่มีคำว่าได้เปรียบเสียเปรียบ มีแต่ธรรมล้วน ๆ ที่พูดกับโลก สอนโลกไปนี้ จะเด็ดเดี่ยวหรือเฉียบขาดขนาดไหน เป็นภาษาธรรมที่พาให้เด็ดเดี่ยว พาให้เฉียบขาดตามทางเดินของธรรมเท่านั้น ที่จะไปเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดให้ผู้หนึ่งผู้ใดฉิบหายเพราะภาษาธรรมนี้ ไม่เคยมีในพระพุทธเจ้าทั้งหลายด้วย ไม่เคยมีในสาวกทั้งหลายด้วย จึงไม่มีในหัวใจของเราและภาษาของเราที่พูดออกเวลานี้

ผิดบอกว่าผิดทันทีเลย นี่ภาษาธรรม ตายใจกันได้ ไม่หลอกลวงต้มตุ๋นกัน นั่นแหละภาษาธรรม จึงได้ยกออกไปพูดล่ะซิ ภาษาธรรม ๆ ท่านทั้งหลายเคยอ่านแล้ว ภาษาอย่างนี้ไม่ค่อยมีใครได้ยินได้ฟังละ มีตั้งแต่ภาษาของกิเลสหลอกลวงต้มตุ๋นกันทั่วโลกดินแดน จนไม่มีตับมีปอดก็หมอบไปกับมันอย่างงั้น ไม่เห็นโทษของมันนะ ว่ามันต้มมันตุ๋นโลกเป็นยังไง แต่ภาษาธรรม พอได้ยินเสียงบ๊งเบ๊งเท่านั้น เหมือนฟ้าเริ่มร้องขึ้นบนฟ้าเท่านั้น เป็นยังไง ฟ้าร้องบนฟ้านั้นน่ะ พวกชาวไร่ชาวนา ชาวสวนเขายังดีใจนะ โอ๊ นี่แล้งมาหลายวันแล้วนะ ฟ้าร้องแล้ว วันนี้ฝนจะตก คือฟ้าร้อง ร้องจริง แต่ฝนตกมาชุ่มเย็น ทำให้สิ่งเพาะปลูกต่างๆ ชุ่มเย็นไปหมด

ทีนี้ฟ้าร้องทางอรรถทางธรรม เสียงลั่นออกมาเป็นอรรถเป็นธรรมล้วน ๆ ผู้ปฏิบัติธรรมกระหยิ่มยิ้มย่องต่อเสียงประเภทนี้ที่จะชำระล้างกิเลสได้เป็นอย่างดี แต่หูกิเลส คลังกิเลสแล้วจะไม่อยากฟัง หาว่าดุด่าว่ากล่าว กระโชกกระชาก พูดกระแทกแดกดัน พูดหยาบโลน ไปอย่างงั้นกิเลส นี่มันหาไปอย่างงั้น หาเรื่องของธรรม แต่ตัวมันไม่หยาบโลน เป็นยังไง พิจารณาซิ จนโลกนี้จะไม่มีตับ มันต้มกัน ตัวไม่หยาบโลนต้มเอาเลยพวกนี้น่ะ พากันตั้งอกตั้งใจนะ พระลูกพระหลาน มาปฏิบัติอรรถธรรมด้วยดี จะไม่มีแล้วนะศาสนา จะมีแต่หัวโล้น ๆ ผ้าเหลือง ๆ เต็มวัดเต็มวา เต็มบ้านเต็มเมือง แล้วก็เต็มไปด้วยถานขี้ในวัดในวา มันสร้างแต่ความชั่วช้าลามก ความสกปรกโสมม ไม่เรียกถานขี้จะเรียกสวรรค์ นิพพานได้ยังไง

ความสกปรกมันอยู่กับคน คนอยู่วัดไหน มันก็เป็นส้วมเป็นถานในวัดนั้น ไม่เลือก มันอยู่กับคน พระก็กลายเป็นพระส้วมพระถานไป เพราะพระสกปรกด้วยความประพฤติ หน้าที่การงานไม่ได้เป็นไปเพื่ออรรถเพื่อธรรม เป็นไปเพื่อส้วมเพื่อถานคือความทุกข์ความทรมาน เป็นบาปเป็นกรรมไปทั้งนั้น นี่เป็นอย่างงั้น เราว่าศาสนาเจริญหรือเวลานี้ มันเจริญที่ไหน นี่ละภาษาของธรรม ฟังเอา พี่น้องทั้งหลายไม่เคยฟัง มันเจริญที่ไหน ดูพระก็รู้ ดูพระเขาไม่รู้ ดูตัวเองก็รู้ เราก็เป็นพระอย่างเดียวกัน

เป็นยังไง ใจของเราได้สำรวมระวังไหม ทั้งวันมีสติติดแนบกับใจบ้างสักนิดหนึ่ง วินาทีหนึ่งได้ไหม สองวินาที สามวินาทีได้ไหม หรือหนึ่งนาทีได้ไหม ต้องมาถามเจ้าของ ถ้าเจ้าของยังเผลอ ๆ อยู่ เหลวไหล นั่น พระเหล่านี้พระเหลวไหล พระโกโรโกโส พระไม่มีสติ เมื่อไม่มีสติแล้ว ปัญญาจะคิดอ่านไตร่ตรองได้ยังไง ก็เป็นเรื่องสัญญามาสังหารเจ้าของทั้งนั้น  ฉะนั้นพระแท้จึงต้องเป็นผู้มีสติ หิริโอตตัปปะ สำรวมระวัง เห็นศีลมีคุณค่าเหนือชีวิต เอา ตายก็ตาย จะศีลขาดไม่ได้

เอา ทำสมาธิฟาดมันลงไป จิตใจนี้ถูกกิเลสลากเข็นลงไปทะเลลูกไหนก็ไม่รู้ มีแต่ความทุกข์ความทรมาน ลากกิเลสขึ้นมายำมันด้วยอรรถด้วยธรรม ด้วยสติธรรม ปัญญาธรรม วิริยธรรม ยำมันลงไปจนกระทั่งมีความสงบได้ นั่นแหละลากหัวกิเลสเสียทีหนึ่ง นี่ผู้ปฏิบัติธรรม นี่ศาสนาเจริญตรงนี้นะ เราอย่าเข้าใจว่าเรียนมาก ๆ ศาสนาเจริญ ถ้าไม่ปฏิบัติ เรียนมาเท่าไร ๆ ก็นกขุนทองนั่นแหละ เป็นหนอนแทะกระดาษไปหมด ใครเรียนก็จำได้ ไม่หนอนแทะกระดาษยังไง ให้เด็กเรียนเด็กก็จำได้ ให้ผู้ใหญ่เรียนก็จำได้ ทั้งผู้หญิงผู้ชายเรียนได้จำได้ แต่เมื่อไม่มีการประพฤติปฏิบัติ และความรู้สึกไปตามอรรถตามธรรม ที่ท่านแสดงว่าบาป บุญ คุณ โทษ ไม่มีความรู้สึกไปตามนั้น สักแต่เรียนจำเฉย ๆ มันก็เป็นหนอนแทะกระดาษนั่นแหละ เกิดประโยชน์อะไร

ถ้าสนใจปฏิบัติ กับการศึกษาเล่าเรียนมานั้นถูกต้อง พระพุทธเจ้าก็สอน เช่นว่า ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ  ปริยัติได้แก่ การศึกษาเล่าเรียน ปฏิบัติ เมื่อศึกษาเล่าเรียนแล้ว ให้ทำปริยัติซึ่งเป็นแบบแปลนแผนผังอันดีงามถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ปฏิบัติตนไปตามนั้น ปฏิเวธ คือผลแห่งการปฏิบัติจะปรากฏขึ้นมา ศีลเราก็ปฏิบัติรักษาอยู่ เราก็อบอุ่น สมาธิก็มีความสงบร่มเย็น ปัญญาก็หนาแน่นขึ้นทุกวัน ๆ กิเลสขาดสะบั้นไปโดยลำดับลำดา นี่เพราะภาคปฏิบัติ เรียกว่าปฏิเวธ ๆ คือรู้แจ้งขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็นผลของงานจากการปฏิบัติ ซึ่งสืบเนื่องมาจากแบบแปลนคือปริยัติ

ถ้ามีอย่างนี้แล้ว เป็นผลเป็นประโยชน์ ถ้ามีแต่เรียนเฉย ๆ ไม่สนใจประพฤติปฏิบัติ เหมือนนกขุนทอง เหมือนหนอนแทะกระดาษ เราไม่ว่าให้ใคร ว่าตามความจริงที่เป็นอย่างนี้ ใครก็เรียนได้เหมือนกัน เห็นมันวิเศษวิโสที่ไหน ก็หัวใจมันสกปรกรกรุงรังยิ่งกว่าส้วมกว่าถาน แล้วจะเอาความดีมาจากไหน เรียนธรรมก็ธรรมล่ะซิ มีแต่ชื่อเฉย ๆ ตัวเองไม่ปฏิบัติ จะเกิดผลเกิดประโยชน์อะไร สู้เขาไม่เรียนแต่เขาสนใจปฏิบัติธรรมไม่ได้นะ นี่ละเราอย่าเย่อหยิ่งจองหองว่าเราเรียนมาก ๆ โอ่อ่าฟู่ฟ่า ว่าตัวความรู้สูง สูงอะไร มันสู้หมาไม่ได้

หมาเขาไม่มีความรู้สูง แต่เขายังรู้จักดีชั่ว สำหรับกับเจ้าของยิ่งรู้ดีนะ หมานี่เคารพเจ้าของมาก มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อเจ้าของมาก ไอ้ความรู้ของคนพาลนี้ โหย แม้แต่ครูแต่อาจารย์มันก็ยังฟัดยังเหวี่ยงจะว่าไง มันไม่รู้จักเจ้าของนะ คนพาลเป็นอย่างงั้น  พระพาลมันก็แบบเดียวกันอีกนั่นแหละ พระก็มาจากคน กิเลสอยู่กับคน เป็นพระก็เป็นพระอันธพาลนั่นแหละจะเป็นอะไรไป ฟังเสียนะ ศาสนาเจริญที่ไหน สอนทุกวันอยากให้รู้เรื่องศาสนาเจริญ ให้เห็นที่หัวใจซิ ดัดแปลงแก้ไขหัวใจนี้ก่อนอื่น อย่าไปสนใจแต่ดัดนั้นแก้นี้ แก้นั้นแก้นี้ ไปที่ไหนมีแต่งมเงาอยู่นอกๆ ตัวหัวใจที่มันก่อฟืนก่อไฟด้วยความผิดพลาดนี้ไม่ได้มองดูมัน ไม่ได้มาดัดแปลงแก้ไขมันเลย จะหาความสุขมาจากไหน มันไม่ได้มีนะความสุข มีแต่ฟืนแต่ไฟ เขาเหมือนเรา เราเหมือนเขา ศาสนามีเต็มตู้เต็มหีบคัมภีร์ใบลาน ก็มาดับไฟไม่ได้ เพราะเจ้าของไม่นำมาดับ ปล่อยไว้อย่างงั้น แล้วก็จมไป ๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไรนี่นะ

เทศน์สอนให้จำให้ดีนะ ฟาดมันให้กิเลสพังลงจากใจ อยู่ไหนมันสบายหมดเลย ไม่ได้ถามหาที่นั่นที่นี่ สะดวกสบายไม่มี มีแต่กิเลสเท่านั้นหาคัดหาเลือกนั้นเลือกนี้ กิเลสทั้งนั้น ถ้าธรรมไม่เลือก ที่ไหนตูมไปสบายเลย

 

อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่ www.luangta.com

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก