อย่าจืดจางกับชาติของตน
วันที่ 30 ตุลาคม 2544
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔

อย่าจืดจางกับชาติของตน

ก่อนจังหัน

ออกพรรษาล้นเข้ามา ๆ เราจะตาย โหย หนักมากนะเรา ยั้วเยี้ย ๆ พระน่ะ ออกพรรษาแล้วหลั่งไหลเข้ามาที่นี่ มันไม่มีหรือพระธรรมวินัยที่จะเข้าสู่หัวใจ ที่อื่น ๆ ไม่มีเหรอ มีแต่วัดป่าบ้านตาดเหรอ เข้ามาแล้วมันเหลวไหลทั้งนั้นนะ เราสอนพระสอนเณรมานี้เป็นหมื่น ๆ แสน ๆ มันไม่เห็นอะไรลอดตามหายักษ์คือกิเลสไปได้นะ มันไม่มีอะไรเหลือ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านถึงอ่อนใจในการสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหา เพียงเราตัวเท่าหนูมันก็อ่อนจะให้ว่าไง มีแต่แบกขี้แบกตดมา แบกศีลแบกธรรมไม่ค่อยมี ออกไปก็แบกขี้แบกตดออกไป แล้วแจกขี้แจกตดไว้ในวัดนี้ด้วยก่อนจะไป มันทุเรศจริง ๆ นะ พวกหูหนวกตาบอดพระเณรเราทุกวันนี้

พระเณรควรอย่างยิ่งเป็นอันดับหนึ่งที่สอนตนได้พอสมควร และได้เต็มที่แล้วสอนประชาชน กลายเป็น สรณํ คจฺฉามิ ขึ้นมา สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ แต่นี้หูหนวกตาบอดหนาที่สุดไม่มีใครเกินพระเณรในศาสนาพระพุทธเจ้าของเรานะเวลานี้ ไปที่ไหนเลอะ ๆ เทอะ ๆ ดูท่านก็ได้ดูเราก็แบบเดียวกัน เป็นอย่างนั้นนะเวลานี้ จะให้ปลงตกปลงลงคอลงใจได้ยังไง นอกจากปลงตกไปทางจมนรกอเวจี หวังพึ่งไม่ได้แล้วพระหัวโล้นเหล่านี้ว่างั้นนะ มีแต่หัวโล้นมีแต่ผ้าเหลือง ศีลธรรมไม่มีติดตัวเลยเป็นยังไง จะให้ใครยึดเกาะที่ไหนล่ะ ไปที่ไหนเลอะ ๆ เทอะ ๆ ยั้วเยี้ย ๆ ไปที่ไหนยั้วเยี้ยด้วยส้วมด้วยถานความไม่สำรวมระวัง ไม่มีหิริโอตตัปปะ ความดื้อด้านในหัวใจต่อศีลต่อธรรมนั่นแหละ เลอะเทอะไปมากแล้วนะเวลานี้

พวกเรารู้แล้วยังพระเราน่ะ ศาสนาพระพุทธเจ้าเลิศเลอขนาดไหน เอามาสอดแทรกเข้าในหัวใจของเราพอได้บ้างไหม หรือมีแต่ส้วมแต่ถานเต็มวัดเต็มวาเต็มบ้านเต็มเมืองเต็มพระเต็มเณรนั่นหรือเวลานี้ เราอยากถามอย่างนี้ ความจริงเป็นอย่างนี้จะให้พูดว่ายังไง หูมีตามีนี่นะทำไมจึงดูตัวเองไม่ได้ ตาหูอยู่กับตัวเองแท้ ๆ หัวใจอยู่กับตัวเราเองทำไมจึงดูตัวเอง ฟังเรื่องราวคนอื่น เรื่องราวตัวเอง มาบวกลบคูณหารคัดเลือกกันหาของดีมาใช้ ทำไมหาไม่ได้วะ มันเป็นยังไง เลอะเทอะมากนะเวลานี้พระเณรเรา ในประเทศไทยนี้ละไม่ต้องประเทศอื่น บวกหมดทุกวัดทุกวา ไม่ว่าวัดไหน ๆ บวกเข้าไปอยู่ในวินิจฉัยของธรรม แล้วเป็นยังไงกับพวกเราเข้ากันได้ไหม มันเลอะ ๆ เทอะ ๆ ทั้งนั้นนะเวลานี้ ไปไหน โอ๋ โอ่อ่าฟู่ฟ่า แต่งตัวเต็มยศ หัวโล้นผ้าเหลืองแล้วไปไหน ใครแตะไม่ได้นะพระเหล่านี้ พวกทิฐิมานะมากไม่มีใครเกินพระที่ไม่เป็นธรรมในใจ มีแต่ความลืมเนื้อลืมตัว ผ้าเหลืองหัวโล้นโกนคิ้วมีแต่เครื่องเสริมกิเลสให้เย่อหยิ่งจองหองไปเท่านั้นเอง

ใครเขาไม่อยากแตะ เห็นผ้าเหลืองก็เคารพพระพุทธเจ้า เห็นหัวโล้นก็เคารพพระพุทธเจ้า เคารพพระสงฆ์สาวกท่าน เลยไม่อยากแตะ หัวโล้นผ้าเหลืองเรานี้มันจึงสนุกเพ่นพ่านเวลานี้ เลอะเทอะมากแล้วนะ ทำลายศาสนาอยู่ทุกแห่งทุกหน พระเณรในวัดนี่ละ แต่ละวัด ๆ นี่ ไปดูเอาถ้าเรื่องเหล่านี้พูดผิดไปน่ะ ธรรมวินัยมี ใครจะเรียนใกล้ชิดติดพันยิ่งกว่าพระเณรเราเกี่ยวกับเรื่องศาสนธรรม แล้วทำไมความเลอะเทอะมันถึงมาก เหมือนหนึ่งว่าคนตาบอดหูหนวก พระเณรตาบอดหูหนวกทั้งวัดทั้งวาทั้งประเทศเต็มอยู่ในนี้ พากันทำลายศาสนา จะไม่มีใครเกินพระเกินเณรเรานะเวลานี้ ฟังให้ดี นี่หลั่งไหลเข้ามา วันนี้ก็ ๖๐-๗๐ เข้ามาแล้วนี่

เราแบกคนทั้งขี้มันลำบากนะ พระทั้งขี้มันเหม็น เหม็นธรรมดาค่อยยังชั่วมีอยู่ทั่วไปอยู่แล้ว เหม็นเรื่องคนไม่มีศีลมีธรรมแต่กิเลสขยี้ขยำแหลกเหลวหมดคลุ้งไปหมดทั่วประเทศนะ เอาประเทศไทยนี้เสียก่อน ฟังให้ดีพี่น้องทั้งหลาย และพระเณรเหล่านี้ฟังให้ดีนะ เอาธรรมมาสอนนี่เป็นยังไงไป ต่อไปนี้จะให้พร

หลังจังหัน

(ลูกตัดสินใจไม่เอาอะไรแล้วเจ้าค่ะ) กิเลสมันยอมรับแล้วยัง ตัดสินเอาเฉย ๆ กิเลสไม่ยอมรับไม่เป็นท่า เหมือนอย่างเฒ่าแล่ เมียเป็นคนปากจัด เอาผัวเป็นเขียงยำอยู่เรื่อย ผู้เฒ่าก็โมโหแต่ไม่ค่อยพูด วันไหนมีแต่เมียยำตลอด แกโมโหคว้าได้มีดแล้วโดดลงไป เขาเรียกต้นอะไรเทศ เหมือนต้นอ้อยขึ้นไป เขาปลูกไว้ข้าง ๆ บ้าน แล้วทำท่าขู่ มันยังไงเมียเรานี่ว่ะ อยู่ด้วยกันมาก็นาน วันไหนมีแต่ยำเรื่อย เราไม่ใช่ลาบนี่นะ สูวันนี้กูจะตัดหย่ากับเมียกูนะ กูโมโหวันนี้ คว้าได้มีดแล้วก็ไปตัดต้นอันนั้นละปุ๊บ ๆ บางคนก็ว่าพ่อ บางคนก็ว่าลูก แล้วตัดอะไร แกก็ว่า กูโมโหกูตัดหย่าเมียกู แล้วทำไมมาตัดต้น…เทศ ถ้ากูตัดมันกูกลัวมันคอขาด กูตัดต้นอันนี้ละแทน เป็นอย่างนั้น นี่ละกิเลสมันตัดเราหรือเปล่าล่ะ มีแต่เราตัดหย่า ๆ ตัดสินมัน กิเลสมันตัดเราหรือเปล่า เอามาเทียบกันซิ

ที่ไปในงานจังหวัดสุพรรณบุรี กลับมาเมื่อวานนี้ก็ได้ทองคำ ๑๓ กิโล ๖ บาท ๙ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑,๒๕๓ ดอลล์ เงินสดได้ ๒,๑๒๗,๗๐๘ บาท

คณะชาวบ้านโพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ (มีผู้พูดแทรกขึ้น) ตีปากให้หน่อยน่ะ ข้อยกำลังอ่านอยู่นี่ไม่ฟังหน้าฟังหลัง คณะชาวบ้านโพน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ และในนามของศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่เขียน (เจ้าคุณอริยเวที) ขอน้อมถวายทองคำแท่งจำนวน ๑ กิโลกรัม ทองคำรูปพรรณหนักสองสลึง ดอลลาร์ได้ ๓๐๘ ดอลล์ เงินสดได้ ๑๕,๒๓๑ บาท กรุณาทราบตามนี้ ทางบ้านโพน เจ้าคุณอริยเวที เจ้าคุณเขียน เป็นเพื่อนกันแต่ก่อนไปเรียนหนังสืออยู่ด้วยกัน ท่านเรียนตั้งแต่เป็นเณร เพราะฉะนั้นท่านถึงได้มากได้สูงกว่าเราไปเรื่อย ๆ อายุเท่ากัน เกิดปีฉลู แต่ท่านเรียนตั้งแต่เป็นเณรมาเรื่อย ๆ พอเสร็จจากนี้แล้วท่านก็ได้รับตั้งขึ้นเป็นเจ้าคณะจังหวัด ท่านอยู่ไม่กี่ปีก็ออกจากเจ้าคณะจังหวัดแล้วมาตั้งวัดป่าอยู่ที่บ้านโพน ท่านอยู่เรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้ เราเคยไปทอดผ้าป่าถวายท่านปีหนึ่ง ญาติโยมชาวอุดรเรานี้แหละพาไปทอดผ้าป่าที่บ้านโพน จากนั้นดูไม่ได้ไปเยี่ยมท่านอีกนะ

เวลานี้อาการของท่านเป็นยังไง รักษาท่านด้วยวิธีไหน สายยางระโยงระยางอยู่จมูกหรืออยู่ยังไง (คนเดิมพูดแทรกขึ้นอีก) ข้อยเตรียมจะตีปากเจ้าสองหนนี่นะ ครั้งที่สามจะไม่บอกนะ ปั๊วะเลย แทรกเข้ามาทำไมกำลังท่านพูดเรื่องอะไรอยู่ ฟังบ้างซิสังคมเขานิยมกันยังไง นิยมแว้ด ๆ แย่งกันพูดอย่างนั้นหรือ มันฟังไม่ได้นะ ขวางในสังคมนี้ มนุษย์เรามีกฎมีระเบียบ มีเวล่ำเวลากาลเทศะให้ฟังซิ มันเป็นอะไร ถ้าจะถามเราก็ถามมา ควรจะตอบเราก็ตอบไป ถ้ายังไม่ใช่โอกาสพูดมาหาอะไร ยังงั้นซีไปที่ไหนมันขวางอยู่นี้ มันเคยซิเก่งกับผัว ฟาดจนผัวตกบ้านเรื่อย เดี๋ยวข้อยจะหามีดอีโต้ให้ ให้ผัวเจ้าไปตัดหย่า มีดเอามาอะไร ก็ได้ทราบจากหลวงตาว่าตัวแว้ด ๆ มันเก่ง จนกระทั่งผัวมันไปตัดหย่าที่ต้นไม้โน่น นี่มีดเอามา ข้อยเห็นเจ้าแว้ด ๆ เก่งนัก

จำเอาไว้นะทุกคน เวลาคนหนึ่งพูดให้คนหนึ่งฟังถึงถูก ยั้วเยี้ย ๆ มันฟังใช้งานไม่ได้นะ เหมือนหมาเดือน ๙ เห่าหอนอึกทึก นี้ไม่ใช่เดือน ๙ นะนี่ หรือมันจะเลื่อนไปเดือน ๑๑-๑๒ นั่นหรือ มันเป็นอย่างนั้นนะ แล้วท่านอยู่ยังไงเวลานี้ท่านเดินไปเดินมาได้ไหม (อยู่กับที่ครับ) นั่นซี มีแต่ให้อาหารทางสายยางไปอย่างนั้น โฮ้ อยู่ทรมานไปวันหนึ่ง ๆ ให้อาหารทางสายยางไม่คุ้มค่ากัน ดีดผึงคุ้มค่าทันที

นี่ก็ท่านอาจารย์ชา อาจารย์ชาได้เผาศพก็เพราะปากนี้ละ ฟาดเปรี้ยง ๆ ที่สวนแสงธรรม ก็พระไปหาอย่างนี้ละ ถามอาการของอาจารย์ชา ก็สนิทสนมกันมานาน เรากับอาจารย์ชา กับเจ้าคุณอริยเวที เหมือนกัน คุ้น คุ้นทางปริยัติเรื่อยมา ส่วนกรรมฐานไม่ได้ไปมาหาสู่กันเหมือนปริยัติ นั่นก็สายยางระโยงระยางอยู่เต็มจมูก ถามอาการของท่านเป็นยังไง ๆ ถามไปก็ไปเข้าจมูกนี้หมด เข้าจมูกมันก็ออกปากล่ะซี ผางออกเลย สายยางเข้าจมูกอาจารย์ชานู่น มันก็ทะลุออกปากหลวงตาบัวซี ฟาดเปรี้ยง ๆ เลย พระก็อัดเทปไว้ที่นั่น เปิดเต็มเหนี่ยวเลย พูดถึงเหตุถึงผลถึงหลักถึงเกณฑ์แล้วให้เอาไปพิจารณา จะคัดค้านก็ให้คัดค้านได้ นี้คือหลักความจริง บอกอย่างนั้นเลย

พอพูดเสร็จแล้ว เขาก็นำเทปนี้ไปเปิดที่อุบล ผู้ว่าราชการจังหวัดเอามาเปิดให้ชาวอุบลฟังในวัด คนเต็ม เอ้า ทีนี้จะเอาเทปจากอาจารย์มหาบัวเทศน์ที่สวนแสงธรรม พระที่ไปเยี่ยมท่านที่วัดแล้วได้เทปนี้มา จะเปิดให้ฟัง ฟังเสร็จแล้วใครจะเห็นว่ายังไงให้แสดงกันในวันนี้ เริ่มต้นตั้งแต่สายยาง ธาตุขันธ์ตั้งแต่ต้นมาก็เป็นทุกข์เป็นลำบาก อาศัยคนอื่นบำรุงรักษาช่วย พอโตขึ้นมาก็รักษาตัวเองได้ตลอดมาและทำประโยชน์ให้โลกได้เต็มกำลังความสามารถวาสนาของแต่ละคน ๆ นี่ท่านอาจารย์ชาท่านก็เหมือนกัน เวลานี้ธาตุขันธ์ของท่านอยู่ในสภาพที่เป็นภัยต่อท่านอย่างยิ่งแล้วเวลานี้ ไม่มีคุณแม้นิดเดียว บอกอย่างนี้เลย แต่ก่อนเป็นคุณทำประโยชนให้โลกก็ได้ ทำให้ตัวก็ได้ เวลานี้ทำประโยชน์ให้ใครไม่ได้ ทำประโยชน์ให้ตัวก็ไม่มี มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้ด้วยสายยางระโยงระยางทรมานท่านไว้ เอาท่านไว้ทำไม เวลานี้ธาตุขันธ์ไม่เกิดประโยชน์ มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาไหม้ท่านตลอดเวลา สมควรแล้วหรือที่จะให้ท่านทรมานอยู่อย่างนี้ หรือให้ท่านออกจากนี้ไปเสีย พ้นจากกองทุกข์คือฟืนไฟเผาไหม้ธาตุขันธ์ของท่าน

นี่เราพูดย่อ ๆ นะ ใส่เปรี้ยง ๆ ไปนั้นเลย เวลานี้ธาตุขันธ์ไม่มีประโยชน์อะไรเลย มีแต่โทษมหันตทุกข์เต็มอยู่ในธาตุขันธ์ของท่าน ถ้าท่านผ่านไปเสีย ท่านอาจารย์ชาพูดตรง ๆ ไม่ใช่พระประเภทนี้ ไม่ใช่คนประเภทนี้ บอกตรง ๆ เลย ท่านรู้เรื่องทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว แต่เวลานี้ท่านช่วยตัวเองในธาตุขันธ์ไม่ได้ ก็มีคนเอาไปทรมานท่านทุกสิ่งทุกอย่าง อยากให้ท่านอยู่ อยู่ทรมานต่อไปเกิดประโยชน์อะไร นี่อยู่ทรมานไม่ใช่อยู่เป็นความสุขความสบายอะไร ก็บอกตรง ๆ เลย ถ้าอันนี้ผ่านไปเมื่อไรท่านพ้นทันที เพราะขันธ์ของท่านดีดดิ้นอยู่ตลอดเวลา ใจของท่านไม่มีอะไรเราก็บอก แล้วก็มารับทราบเรื่องขันธ์กวนตลอดเวลามีอย่างเหรอ นี่ย่อ ๆ นะ แต่เทศน์นี้เต็มเหนี่ยว ๆ

พออ่านจบลงแล้วอย่างที่ว่านี่ เอ้า ค้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดละ เอ้า ใครมีความเห็นยังไงให้ค้านขึ้นมา การแสดงท่านแสดงอย่างนี้ อาจารย์มหาบัวเป็นผู้แสดงบอกเลย แง่ไหนที่ควรค้านให้ค้านขึ้นมา ถ้าไม่ค้านเราจะปฏิบัติยังไง ความหมายของท่านก็อย่างที่เราทราบทุกคนในเทปไม่สงสัยแล้ว เอ้า ใครจะค้าน-ค้านเลย ใครไม่ค้านก็ให้เงียบ แสดงว่าไม่ค้าน เห็นด้วยแล้ว ถ้าใครจะมีข้อขัดแย้งอะไรให้ค้านขึ้นมา เงียบเลยไม่มีเสียงแม้ปากเดียว เป็นอันว่าตกลงตามอาจารย์มหาบัวนะ ถ้าตกลงนี้เรื่องสายยงสายยางระโยงระยาง สายทรมานเป็นเสี้ยนเป็นหนามเป็นฟืนเป็นไฟเผาท่านจะได้เอาออกนะ ถ้าเอาออกแล้วท่านก็ไปว่างั้น เงียบไปหมดเลย เรียกว่าเห็นด้วยแล้ว ถอดสายยางท่านก็ดีดผึงเลย นั่นเห็นไหมล่ะ ท่านก็หมดทรมาน

สำหรับหลวงตาบัวแล้วพูดยังไงเป็นอย่างนั้น เราเองก็อย่าเอามายุ่งทันทีเลย เราครองตัวมาไม่ได้ครองมาด้วยสายยางนะ เราครองมาด้วยลมหายใจของเรา เมื่อลมหายใจกับธาตุขันธ์มันจะขาดกันเมื่อไรก็ปล่อยให้มันไป เมื่อรักษาไม่ได้แล้วปล่อยให้ไปเท่านั้นเอง ใครอย่าเอาอะไรมายุ่ง บอกตรง ๆ เลยเราเป็นอย่างนั้น ดีดผางเดียวเท่านั้น นี่ท่านอาจารย์ชาท่านก็ไปอย่างนั้นอย่างที่ว่า อันนี้ถ้าหากเป็นเรื่องที่จะทรมานท่านไปนานแสนนาน นี้เพียงให้อาหารทางสายยางไม่ทรมานนักเราก็ไม่ว่าอะไร ไอ้ส่วนที่ซัดกันอยู่นี้ ให้ดีดให้ดิ้นอยู่ภายในธาตุในขันธ์ตลอด โอ๋ย ไม่ไหวอย่างนี้ ปล่อยเลยเรา

ดีแล้วทางบ้านโพนเราก็ได้ช่วยมากมายก่ายกอง ทุกสิ่งทุกอย่างได้มาเยอะ นี่ละที่ได้พาพี่น้องทั้งหลายอุ้มชาติไทยของเรา ขอให้ทราบทั่วหน้ากัน การทำเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ใครอย่าถือเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าใครถือเรื่องการช่วยชาติเป็นเรื่องเล็กน้อยแล้ว คนนั้นคือเศษเดนของชาติ เสี้ยนหนามของชาติ จะทำลายชาติได้โดยไม่สงสัย นอกจากไม่ทำตามแล้วยังจะคัดค้านต้านทานเพื่อความล่มจมของชาติต่อไปอีกนะ การทำอย่างนี้เป็นการช่วยชาติบ้านเมือง อุ้มชาติบ้านเมืองขึ้นไปด้วยความเสียสละของคนไทยเราทุกคนที่รักชาติ ต้องรักการเสียสละ บำรุงรักษาชาติไทยของเรา

เวลานี้กำลังจะฟื้น ให้ต่างคนต่างรู้เนื้อรู้ตัวทุกคน เวลาจะจมก็เห็นอยู่ทั่วหน้ากันไม่ใช่คนตาบอดหูหนวก ดูเมืองไทยดูคนไทย ดูทุกสิ่งทุกอย่าง วงราชการงานเมืองที่ปฏิบัติหน้าที่ต่อคนไทยทั้งชาติ ปฏิบัติกันยังไง ๆ ก็ดูเรื่อยมา จะพาให้เจริญรุ่งเรืองหรือจะพาให้ล่มจมก็ทราบกันแล้ว นี้ก็ทราบอย่างไม่สงสัยแล้วเวลานี้ จึงให้ต่างคนต่างฟื้นฟูขึ้นมาเวลานี้ เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วขอให้พากันตั้งอกตั้งใจ อย่าเห็นว่าการช่วยชาติเป็นเรื่องเล็กน้อย คนคนนั้นคือคนขวางชาติบ้านเมือง คนจะทำลายชาติ นอกจากไม่เห็นด้วยแล้วยังจะมาคัดค้านต้านทานกีดขวางตลอดเวลาอีกด้วย คนนั้นคนเสียหายมากทีเดียว ก่อความพินาศให้แก่ชาติบ้านเมืองจากบุคคลคนเดียว ใช้ไม่ได้ อย่านำมาใช้ในเมืองไทยของเรา

เมืองไทยของเราเต็มบทเต็มบาทเต็มตาเต็งทุกคน ๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นบกพร่องก็รู้ว่าบกพร่อง ต่างคนต่างช่วยเหลือกันทุกคนถึงถูกต้อง จะมาถือว่านั้นเป็นของเขา นี้เป็นของเรา ใช้ไม่ได้นะ ชาติไทยเป็นของเราทุกคน เราอยู่ในเมืองไทยของเราอยู่เมืองไทยทุกคนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นคนไทยเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน เมื่ออะไรบกพร่องก็ต้องต่างคนต่างช่วยเหลือกัน เกื้อกูลกันไปเต็มกำลังความสามารถ อย่างนี้ถูกต้องกับผู้ที่มีสมบัติและรักษาสมบัติของตัวเอง เราจะได้อยู่ยืนยงคงถาวรต่อไป ถ้าต่างคนต่างเห็นอย่างที่ว่า กีดขวางแล้วทำลายจริง ๆ ไม่สงสัย ชาติไทยนี้จะจมได้นะ นี่ก็พยายามฟื้นฟู ให้ต่างคนต่างฟื้นฟู มีมากมีน้อยได้มาเท่าไร คนหนึ่งเป็นหนึ่ง คนหนึ่งเป็นสอง เป็นสาม บวกกันเข้าเป็นสี่เป็นห้า เป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านขึ้นไปได้ ด้วยจำนวนของเล็กน้อยที่บริจาคเข้ามาไม่หยุดไม่ถอยนั้นแหละ

คนที่กีดขวางเห็นว่าตัวดิบตัวดี ไม่ได้ทำอะไรแล้วก็ไปคอยให้คะแนนเขาไปตัดคะแนนเขา พวกเปรตในชาติไทยของเรา อย่านำมาใช้ คนประเภทนี้คือพวกเปรตพวกผีในชาติของตน แล้วกินชาติของตนกลืนชาติของตน เหยียบย่ำทำลายชาติของตน ไม่มีประโยชน์อะไรเลยคนประเภทนี้ ตายแล้วอย่านิมนต์พระไปกุสลานะ จะเป็นพระก็ตามอย่าไปกุสลาให้มัน ให้มันเหลือแต่หัวโล้น ๆ ผ้าเหลือง ๆ ถ้ามันเก่งจริง กุสลา ธมฺมา อันนี้ที่กีดขวางชาติบ้านเมืองและศาสนา ศาสนาอยู่ในชาติไทยของเรา ศาสนาพาคนให้ล่มจมที่ไหน การสอนโลกด้วยศาสนาของพระพุทธเจ้าสอนเพื่อฟื้นฟูทั้งนั้น ไม่ได้สอนเพื่อความล่มจมฉิบหายแต่อย่างใด เราทำไมเป็นเทวทัต เลยเทวทัตมาจากไหน จะมากีดขวางชาติบ้านเมืองและศาสนาให้ล่มจมไปตาม ๆ กัน ใช้ไม่ได้เลย ไม่มีทางที่จะเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์แม้นิดเดียว อย่านำมาใช้นะคนไทยของเรา ให้มีความพร้อมเพรียงสามัคคี

นี่หลวงตาก็พูดตามความสัตย์ความจริงมาตลอดเวลาแล้ว เราไม่ได้หวังอะไรแล้วในโลกอันนี้ เราก็หวังแต่ชาติไทยของเรา ที่จะพยุงชาติบ้านเมืองขึ้นไป ตามธรรมดาก็ต้องมีหัวหน้าคิดอ่านไตร่ตรองเต็มกำลัง ถ้าไม่มีผู้พาดำเนินก็ก้าวไม่ออกเหมือนกัน เมื่อมีผู้พาดำเนินและควรจะก้าวนี้ เราก็พาพี่น้องทั้งหลายดำเนินมาตลอด สมบัติเงินทองข้าวของเราเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์สำหรับหัวใจเรา ไม่มีมลทินใด ๆ ที่จะมางุบงิบ ๆ เอาของเหล่านี้มาเป็นส่วนของตนแม้สตางค์หนึ่งเราไม่เคยมี มีเท่าไรก็ทุ่มลงหมด ทุ่มมาตั้งแต่สร้างวัดทีแรก นี้เป็นนิสัยดำเนินมาอย่างนั้น นิสัยของวงศาสนาเป็นอย่างนั้น มีแต่ความเฉลี่ยเผื่อแผ่ ไม่มีความตระหนี่ถี่เหนียว อันนี้ก็ปฏิบัติมาอย่างนั้น จนกระทั่งได้นำพี่น้องทั้งหลายออกช่วยชาติบ้านเมืองเวลานี้

นำสุดส่วนทุกอย่างเราไม่ใช่ธรรมดานะ ทางด้านอรรถด้านธรรมก็สอนไปตามหลักความจริง ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ตลอดมาอย่างนี้ เพราะฉะนั้นท่านจึงเรียกว่าธรรมคือตรงไปตรงมา พี่น้องทั้งหลายก็ให้ต่างคนต่างตื่นเนื้อตื่นตัวนะบัดนี้ ชาติไทยของเราจะขึ้นได้จากพี่น้องทั้งหลายพากันบำรุงรักษาทุกคน ๆ แต่จะจมได้ด้วยต่างคนต่างเฉยต่างคนต่างเมยนะ จมได้ไม่สงสัย เราอย่าให้มีมาในเมืองไทยของเรา เมืองไทยเราเป็นเมืองพุทธ มีเหตุมีผล ไปด้วยความสงบงามตาทุกอย่าง หน้าที่การงานอะไรที่เป็นประโยชน์ให้พากันฟื้นฟูขึ้นมา อันใดที่จะเป็นโทษเป็นภัยแก่ตนและชาติไทยของเราแล้วให้ปัดออก ๆ อย่าให้เข้ามา อย่าสนิทสนมกับภัยนะ ไม่งั้นจมได้

นี่เราก็ได้พยายามเต็มกำลังแล้ว เวลานี้ก็อุตส่าห์พยายาม เห็นไหมธาตุขันธ์ขนาดนี้แล้ว คนอายุขนาดนี้ขึ้นไปเทศน์บนเวทีว้อ ๆ กี่ปีมาแล้ว เห็นไหมพี่น้องทั้งหลาย แล้วเราหวังอะไรจากการเทศนาว่าการกับพี่น้องทั้งหลายเวลานี้ เราไม่ได้หวังอะไรเลยฟังซิน่ะ ลำบากลำบนไปไหนมาไหน เราไม่ได้มีที่จะหวังเอาอะไรแม้เม็ดหินเม็ดทราย ก็เพื่อพี่น้องทั้งหลาย ควรจะพินิจพิจารณาเอามาใส่หัวใจเรา ซึ่งมีความหวังเต็มตัวอยู่ในหัวใจนั้น ให้ได้ความหวังนี้สร้างตัวเองขึ้นมา ให้สมหวังบ้างซิ นี่เราไม่ได้หวังอะไรเราพูดจริง ๆ หวังตั้งแต่จะให้ชาติไทยของเราฟื้นฟูขึ้นมาจากความล่มจม ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานคละเคล้ากันอยู่นี้เท่านั้นเอง นอกนั้นเราไม่ได้คิดอะไรเลย ขอให้พี่น้องทั้งหลายคิดบ้างนะ อย่าใจจืดใจจางจนเกินไปมนุษย์เรา

ขอให้คิดให้ดีศาสนาสอนด้วยเหตุด้วยผล ด้วยอรรถด้วยธรรม ควรจะนำมาปฏิบัติ สมนามกับว่าเราเป็นชาวพุทธ อย่าอยู่แบบเฉื่อยชาหน้าด้าน กินบ้านกินเมือง กลืนไปหมด เอาเนื้อหนังมนุษย์ ตับไตไส้ปอดมนุษย์มากินเลี้ยงกันสองสามโต๊ะ นี่พวกเปรตพวกผีในวงชาติไทยของเรา ใครเป็นอย่างนั้นเป็นเปรตทั้งนั้นแหละ ไม่ได้ว่าให้ผู้ใด ใครเป็นอย่างนั้นเป็นเปรตด้วยกันทั้งนั้น เป็นข้าศึกศัตรูต่อชาติบ้านเมือง อย่านำมาใช้ในเมืองไทยของเรา ให้พากันตั้งอกตั้งใจ นี่ก็พึ่งกลับมาจากจังหวัดอุทัยธานี ไกลหรือใกล้ฟังซิ จากจังหวัดอุทัยมานี้ทางหกร้อยเกือบเจ็ดร้อยกิโล อุตส่าห์ไปแล้วก็อุตส่าห์มา มาถึงเมื่อวานนี้ วันนี้ก็กำลังพูดว๊อก ๆ กับท่านทั้งหลายอยู่นี้ เราหวังเอาอะไร เราไม่ได้หวังเอาอะไรนะ

สำหรับเราเราหมดทุกอย่างแล้ว เรื่องความหวังนั้นหวังนี้ไม่มี พอทุกอย่างแล้วในหัวใจของเรา ธาตุขันธ์ก็พออยู่ไปกินไปช่วยชาติบ้านเมืองไป มีเท่านั้นเอง ช่วยโลกช่วยสงสาร เมื่อถึงสภาพของมันที่จะยุติแล้ว เราก็ปล่อยเลยทันที ไปเลย อาการที่ธรรม มาใช้อย่างนี้จะไม่มีอีกต่อไปแล้ว ในกิริยาของธาตุของขันธ์ของสมมุตินี้จะไม่มีเหลืออะไรเลย ในเวลานี้ก็ได้อุตส่าห์พยายามเต็มกำลังความสามารถ จึงควรช่วยกันพินิจพิจารณาทุกคน อย่าอยู่จืด ๆ จาง ๆ นะ ชาติไทยของเรา ดูไม่ได้นะ มองดูคนก็จืดจางไปหมดทั้งบ้านทั้งเมือง ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย มองดูสถานที่ตลอดถึงหมู หมาเป็ด ไก่ ในบ้านในเรือน มีแต่สัตว์ประเภทจืดจางไปตามเจ้าของเสียหมด เมืองไทยเป็นเมืองจืดจางกันทั้งประเทศ ดูได้ไหม

เวลานี้เขาไปมาหาสู่ก็เห็นว่าเมืองไทยเราพอมีราค่ำราคาอยู่บ้าง การไปการมา การซื้อ การขาย ติดต่อต่างๆ ไปมาอยู่อย่างนี้ทั้งเมืองนอกเมืองในเข้าออกกันอยู่เสมอ นี้ก็เห็นว่าชาติไทยของเราเป็นมนุษย์ แล้วก็เป็นชาวพุทธด้วย ก็พอที่จะเป็นเครื่องดึงดูดแก่จิตใจของประชาชนทั้งหลาย ในต่างประเทศ นอกประเทศ ไปมาหาสู่ได้อย่างสะดวกสบาย ตายใจ ถ้าเราเป็นแบบที่ว่าจืดชืดไปหมดแล้วใช้ไม่ได้นะ หมาตัวหนึ่งก็จืดชืดฟังซิน่ะ ไม่มีราคาอะไรเลยหมาตัวหนึ่ง ไก่ตัวหนึ่งก็จืดชืด ขึ้นไปหาผู้หาคน ทุกสิ่งทุกอย่างมีแต่สิ่งจืดชืดเต็มบ้านเต็มเมือง เอ้า วาดภาพขึ้นดูซิ หมดทั้งบ้านทั้งเมืองทั้งเมืองไทยของเรา มีแต่คนและสัตว์ประเภทจืดชืด ทุกสิ่งทุกอย่างจืดชืด เข้าหูเข้าตาคนไม่ได้ มันจะเป็นหอกเป็นหลาวทิ่มแทงตาของเขาให้ตาบอดหูหนวกไปหมด เพราะพวกเราเป็นตัวเสนียดจัญไรต่อโลกทั่ว ๆ ไป นี่ละถ้าเราเป็นตัวเสนียดจัญไรเสียอย่างเดียว เป็นไปหมดอย่างนี้แหละ

เพราะฉะนั้นจึงอย่าให้มีตัวเสนียดจัญไรในชาติไทยของเรา ให้พากันรื้อฟื้นทุกคน ๆ มีมากมีน้อยไม่สำคัญ สำคัญที่ต่างคนต่างมีน้ำใจมาบริจาค ฝนหยดหนึ่ง สองหยด เป็นสามหยดเข้าไปแล้วเป็นยังไง ตกไม่หยุดไม่ถอย ท้องฟ้ามหาสมุทรเต็มไปด้วยน้ำจากฝนหยดหนึ่งสองหยดนั่นแหละ อันนี้ก็เหมือนกันสมบัติเงินทองข้าวของ เฉพาะอย่างยิ่งคลังหลวงของเราซึ่งเป็นที่รวมหัวใจของคนทั้งชาติ ขอให้หนุนขึ้นไปๆ ด้วยกันบริจาคของคนทั้งชาตินี้มีความรักชาติ และมีความเสียสละต่อคลังหลวงของเราเป็นต้น แล้วคลังหลวงของเราก็จะขึ้น ลมหายใจของเราก็จะหายใจเต็มปอดทั่วหน้ากันทั้งประเทศไทยของเรา ให้จำเอานี้นะ แต่ความจืดชืด ความไม่เสียสละอะไรเลย มีแต่คอยให้คะแนนใครตัดคะแนนใคร นี่พวกเปรตในร่างมนุษย์เรา อย่าเอามาเกี่ยวข้องกับชาติมนุษย์ จะทำชาติไทยของเราทั้งชาติให้จมไปได้นะ พากันจำให้ดีนะ วันนี้พูดเพียงเท่านี้แหละ

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก