อุบายวิธีกลืนชาติกลืนศาสนา
วันที่ 22 ตุลาคม 2544
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔

อุบายวิธีกลืนชาติกลืนศาสนา

เมื่อวานวันที่ ๒๑ ทองคำได้ ๑๓ บาท ๗๔ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑๑๔ ดอลล์ หนังสือพิมพ์มักจะเคลื่อนให้เห็นอยู่เสมอ เช่นอย่างดอลลาร์เข้ามอบทำเนียบรัฐบาลวันนั้น หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งบอกว่า ๑ แสนดอลล์ อีกฉบับหนึ่งว่า ๓ แสนดอลล์ ผิดทั้งสองเลย ออกหนังสือพิมพ์นะ ที่ถูกคือ ๔ แสนดอลลาร์ ที่วันมอบนั่น กรุณาพี่น้องทั้งหลายได้ทราบทั่วกันไปเรื่อย ๆ นะ ทราบจริง ๆ ทราบด้วยความสนใจจริง ๆ เวลานี้เรากำลังช่วยบ้านเมืองของเรา อย่าพากันทำเล่น ๆ เฉื่อยชานะ คนไทยของเราเมืองไทยของเราไม่ใช่คนและเมืองเฉื่อยชา ให้มีความจดจ่อกันอยู่เสมอที่จะพยายามบำรุงรักษาชาติของตน ให้พยายามทุกคน มีมากมีน้อยช่วยกันทุกคน เราอย่ามาคิดตั้งแต่หัวหน้า ๆ ว่าอะไรก็จำเป็นอยู่ที่หัวหน้า ๆ เวลาจมลงไปมันจมหมดทั้งชาตินะ หัวหน้าจะจมหรือไม่จมไม่ทราบ ไอ้ผู้ที่เฉื่อยชานั้นแหละผู้จะจม ให้พี่น้องทั้งหลายคิดจุดนี้ให้มาก

เรานำธรรมะมาสอนโลกคราวนี้ เรานำมาอย่างภาคภูมิใจทุกอย่าง จากการรอดเป็นรอดตายของเรามาในการบำเพ็ญธรรม ท่านทั้งหลายอย่าทำเล่น ๆ นะ เวลาบำเพ็ญก็เคยพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังแล้ว ทุกข์หรือไม่ทุกข์ พูดให้ใครฟังส่วนมากเขาจะไม่เชื่อ เพราะเขาไม่ได้ทำเขาจะเอาอะไรมาเชื่อ ก็เราทำเอง ประจักษ์อยู่ในตัวของเราเอง นำของจริงออกมาพูดจะผิดไปไหน ใครไม่เชื่อเป็นแสนเป็นล้าน ๆ คน ก็เป็นโมฆะสำหรับเขาเองนั่นเอง ความจริงก็อยู่กับเราหมด นี่ละการบำเพ็ญเพื่อผลประโยชน์ แล้วธรรมพระพุทธเจ้าทำให้เสียหวังไหมล่ะ พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญจนเป็นศาสดาเอกขึ้นมาก็เพราะธรรม ธรรมเอียงที่ไหน ถ้าเอียงศาสดาก็เป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ เพราะทำอะไร ๆ ก็ไม่ได้ผล ๆ ไม่เกิดประโยชน์ ทั้ง ๆ ที่ทำหาประโยชน์

นี่ธรรมไม่ได้เป็นอย่างนั้น การตอบรับระหว่างเหตุกับผลจะแยกกันไม่ออกเลย เหตุหนักผลหนัก เหตุดีผลดี เหตุชั่วผลชั่ว เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ เรื่องกิเลสมันมาลูบมาคลำมาหลอกลวงโลกให้เป็นโจรเป็นมาร เป็นเปรตเป็นผีกินบ้านกินเมือง กินทั้งที่ลับที่แจ้งอยู่เวลานี้ ก็คือกิเลสมันหลอก คนไม่เห็นไม่เป็นไร ไอ้คนไม่เห็นไม่เป็นไรละนะ ไอ้เราผู้ทำความชั่วอยู่นั้นมันเป็นหมาหรือมันถึงไม่เห็น เราอยากถามอย่างนั้นนะ ผู้ทำความชั่วอยู่นั้นมันก็คือคน ก็คนเห็นอยู่แล้วนี่ เจ้าของทำลงไปเพื่อเจ้าของ จะเป็นหมาตัวไหนมารับบาปรับกรรมแทน หมาก็หมาตัวที่ลบล้างตัวเองนี่แหละ ในที่ลับว่าคนไม่เห็น ๆ นั่นน่ะเป็นยังไง คำว่ากรรมมีที่ลับที่แจ้งที่ไหน กรรมดีกรรมชั่วจะเกิดทันทีในผู้ทำ ไม่ว่าที่แจ้งที่ลับ จุดที่เกิดคือการทำ ฟังซิน่ะ ทำดีหรือทำชั่วในที่แจ้งที่ลับไม่มีความหมาย มีความหมายเต็มตัวแต่การทำ นั่นสำคัญมากนะ ถ้าทำชั่วเป็นชั่วทันที ทำดีเป็นดีทันที นี่ละพระพุทธเจ้าสอน

ศาสนาพุทธของเราเป็นศาสนาให้ความร่มเย็นแก่โลก ไว้วางใจได้ ตายใจได้ ตลอดมาและตลอดไป ไม่มีการหลอกลวงต้มตุ๋น ศาสนาอื่นใดก็ตามเราก็เคยพูดแล้ว เป็นศาสนาที่เต็มไปด้วยกิเลส ก็คือเต็มไปด้วยพิษด้วยภัยนั่นเอง จนกระทั่งถึงมหาพิษมหาภัย บางศาสนาเอาคำว่าศาสนา ๆ ไปเป็นโล่บังหน้า ฉากหลังมันมีแต่มหาภัยอยู่ข้างหลัง ๆ นี่ละมันหากลืนเอาบ้านเอาเมือง เอาศาสนาเป็นโล่บังหน้า ไปที่ไหนกลืนไปเรื่อย ๆ เหมือนงูเหลือมกลืนสัตว์ กลืนไปเรื่อย ศาสนามหาภัยก็เป็นอย่างนั้น ระวังให้ดีนะชาวพุทธเรา ถือพุทธศาสนาซึ่งเป็นของแน่นอนเลิศเลอ เป็นของจริงล้วน ๆ มาตั้งแต่ปู่ย่าตายายของเรา เรียกว่าเราเดินมาถูกต้องแล้ว ยึดถูกต้องแล้ว อย่าปล่อยอย่าวาง ให้ศาสนาใด ๆ เข้ามาหลอกลวงต้มตุ๋นนะ

ส่วนมากมักจะเอาอามิสนั้นละมาหลอกเรา จนกลายเป็นสินจ้างรางวัลไป ทีแรกให้เป็นรางวนรางวัลอย่างนั้นอย่างนี้ ใครมาถือศาสนาของเราจะดีอย่างนั้นจะเด่นอย่างนี้ นี่พวกหลอกลวง ศาสนามหาภัย ให้พากันระวังนะมันเข้าทุกด้านทุกทาง ตั้งแต่เราถือพุทธศาสนา ศาสนามหาภัยของกิเลสมันยังมา มันแทรกเข้ามาในนั้นแหละเราไม่รู้ ถ้าว่าจะไปทำความดี ศาสนาอันหนึ่งก็แทรกเข้ามา มีการคัดค้านกัน ทำความดีหาอะไร ข้าทำมาแล้วไม่เห็นดี ข้าอะไรมันไม่ได้เคยทำ มันก็หลอกว่าข้าเคยทำมาแล้วไม่เห็นดี นั่นน่ะฟังซิ มันหลอกในเดี๋ยวนั้นเลย เราจะไปทำคุณงามความดีในหัวใจของเรา อันหนึ่งมันแทรกขึ้นมา ไปทำความดีหาอะไร ข้าทำมาแล้วไม่เห็นดี คือมันไม่ได้ทำ มันมาหลอกเฉย ๆ ว่าข้าทำมาแล้วไม่เห็นดี แล้วทำยังไงจะดี ก็ทำแบบข้า ข้าโกหกโลกด้วย คือข้าไม่ทำแต่ข้าบอกว่าข้าทำ แล้วข้าไม่ไปทำความดีด้วย นี่ละมันโกหกในใจของเรานะ เรื่องนอกเรื่องใน ศาสนานอกศาสนาใน

ศาสนาพุทธของเรานี้กิเลสมันเข้าแทรก เป็นลัทธิอุบาทว์อยู่ในจิตประจำ ๆ ให้จำไว้นะ ศาสนานอกจากนี้ไปก็ศาสนานั้นศาสนานี้ ดังที่เคยรู้เคยเห็นมานั่นแหละ มันเป็นมหาภัยแทรกมาในนั้น ๆ พวกนี้พวกเหยื่อล่อปลาทั้งนั้นอยู่ปลายเบ็ด ๆ ทั้งนั้น มีแต่หลอกตลอดเวลา กิเลสไปไหนจะต้องเป็นตัวภัย มีความหลอกเป็นสำคัญ หลอกล่อไว้ข้างหน้า ๆ เป็นเหยื่อล่อ ๆ หอมหวนชวนชมทุกอย่าง ถ้ากิเลสออกตรงไหนนั้นละปลายเบ็ดอยู่ตรงนั้น ตวัดทีเดียวเลือดสาด ๆ หมดความหมายเลย ให้ระวังเรื่องศาสนาจะเข้ากลืนบ้านกลืนเมืองไทยของเรา คือเขาเอาคำว่าศาสนาเป็นโล่บังหน้า นี่ละเหยื่อล่อปลามาอย่างนี้ ให้ปลาชอบล่ะซิ ติดอยู่ปลายเบ็ดนั่นน่ะ

อันนี้ศาสนามาทั้งอามิสสินจ้างรางวัล แทรกทางนั้นทางนี้เข้ามา ยิ่งคนทุกข์คนจนด้วยแล้วยิ่งติดง่าย เหมือนปลาตัวหิวโหยมาก ๆ ไม่ได้มองดูเหยื่อที่เขาล่ออยู่ปลายเบ็ดเลย เอาเลยเทียว กลืนลงไป คนทุกข์คนจนยิ่งมีมากชาวไทยเรา แล้วพวกนี้ยิ่งหาหลอกหาลวงด้วยสินจ้างรางวัล อามิสต่าง ๆ เรื่อย ๆ มา ยกยอสรรเสริญแบบนั้นแบบนี้ ใครถือศาสนาเราจะเป็นคนดีอย่างนั้น คนดีอย่างนี้ ว่าไปทุกแบบทั้งข้างนอกข้างใน มันหว่านล้อมไปทุกอย่างที่จะหลอกคนหลงให้จมไปตามมัน จำให้ดีที่พูดมานี่

หายกหายอ นั่นละมันกลืนไปในนั้น ๆ นี่เขาเรียกว่าศาสนากวนบ้านกวนเมือง ศาสนาการบ้านการเมือง ศาสนามหาภัย มันไปที่ไหนจะรู้ทันที ให้สังเกตให้ดีนะไม่งั้นจมจริง ๆ อุบายวิธีการของกิเลสจะมีทุกแบบ นี่ละที่ว่าศาสนา ๆ นี่คืออุบายวิธีการของความล่มจมแห่งความชั่วช้าลามกทั้งหลาย มันเสี้ยมสอนเข้าไปสู่จิตใจของมนุษย์ แล้วมนุษย์ก็เป็นไปตามมันแล้วก็จมเลย ๆ นี่ก็เคยได้พูดการปฏิบัติ ระหว่างเหตุกับผลแยกกันไม่ออก นี้ก็เคยพูด แยกกันไม่ออกยังไง คือเราทำความดี ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความชั่ว ทำความดีหวังความดีเด่นอยู่ในหัวใจ เราทำมากทำน้อยจะปรากฏขึ้นในใจของเรา เป็นความดี ๆ นี่ละเหตุกับผลแยกกันไม่ออก ถ้าไม่ให้มีผลให้หยุดเหตุ อย่าทำเหตุ ถ้าก่อเหตุเมื่อไรก็ต้องผลิตผลขึ้นมาในเวลาเดียวกัน นี่ได้พูดให้ฟัง

สอนพี่น้องทั้งหลายไม่ได้สอนเล่น ๆ นะบอกแล้ว ขอให้ฟังเสียงธรรม เสียงธรรมจะไม่พาใครให้ล่มจม ถ้าเสียงกิเลสมีแต่เสียงล่มเสียงจมทั้งนั้น ให้ระวังให้ดี นี่ปฏิบัติมาที่นำมาสอนพี่น้องทั้งหลาย ได้สอนเต็มเม็ดเต็มหน่วย รอดเป็นรอดตายมาทีเดียว ผลได้มากน้อยเพียงไรก็ดังเคยเล่าให้ฟัง ในฐานะลูกศิษย์กับอาจารย์ สอนมาเรื่อย ๆ บอกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ธรรมที่ได้บำเพ็ญมานั้น ตั้งแต่ล้มลุกคลุกคลาน ทั้งดีใจทั้งเสียใจ เจือปนกันมาด้วย ระหว่างกิเลสกับธรรมฟัดกัน เวลาไหนกิเลสมันได้ท่าฝ่ายธรรมก็เสียใจ เวลาไหนฝ่ายธรรมได้ท่า สู้กับกิเลสได้ชัยชนะ กิเลสมันขยับใหญ่ มันไม่ค่อยเสียใจนะกิเลส กิเลสเสียท่า เราไม่รู้ว่ากิเลสเสียท่าด้วยซ้ำ กิเลสมันฝังอยู่ลึก ๆ มันแก้แค้นครู่เดียวเสร็จเลย

วันนี้ทำความเพียรมากสบายแล้ววันนี้ วันหลังพักให้สบาย นั่นเห็นไหมมันกินแล้วนะ พักให้สบาย วันหลังค่อยเร่งเอาเหมือนเมื่อวานนะ พอไปถึงวันหลังแล้วหายเงียบ ขยับล่อไปข้างหน้าอีก วันหน้าค่อยเอานะ สุดท้ายวันหน้ากับวันหลังก็คือวันคนขี้เกียจตัวเดียวนั่นแหละ ข้างหน้าก็ขี้เกียจ ข้างหลังก็ขี้เกียจ คนทั้งคนเป็นคนขี้เกียจหมดทั้งตัว นี่กิเลสกล่อมแล้วเป็นตัวขี้เกียจหมดทั้งตัวเลย ใครได้แบ่งสันปันส่วนได้ไหม ว่าส่วนนี้ขยัน ส่วนนี้ขี้เกียจ คนคนเดียวมีไหม เอามาอวดหลวงตาบัวบ้างซิ เฉพาะลูกศิษย์ของเราเต็มศาลานี้แบ่งออกมา ข้าเอาความขี้เกียจไว้ช่องนี้ ไว้มุมเสามุมนี้ ข้าเอาความขยันหมั่นเพียรไว้มุมเสามุมนี้ เอามาอวด ในร่างกายของข้าอันเดียวนี้ไม่เห็นมี ถ้าขี้เกียจก็ตูมหมดทั้งตัวเลย หมอนแตกไปทั้งลูกเหมือนกันนั่นแหละอันนี้น่ะ

นี่พูดถึงเรื่องเหตุเรื่องผล เราได้ปฏิบัติเต็มเม็ดเต็มหน่วย นี่ละคำว่าธรรมพระพุทธเจ้าเห็นประจักษ์ในใจนะ ปฏิบัติมามากน้อยจะเด่นขึ้นที่ใจ ๆ จะไม่มีอะไรเป็นเครื่องตัดสินดีชั่วให้ประจักษ์ตัว เหมือนเราบำเพ็ญธรรมภายในใจของเรา ความทุกข์ร้อนทั้งหลายซึ่งเป็นฟืนเป็นไฟ เป็นพิษเป็นภัยของกิเลสสร้างขึ้นมา ชำระล้างด้วยอรรถด้วยธรรม ด้วยคุณงามความดีของเราแล้วจางไป ๆ ทีนี้ความสว่างผ่องใสค่อยเกิดขึ้น ๆ ใจดวงนี้เวลานี้ถูกปิดไว้หมดไม่มีคุณค่าอะไรเลย สง่างามตั้งแต่กิเลสในสายตาของคนโง่อย่างพวกเรานี้ กิเลสผ่านมาทางไหนสวยงามทั้งนั้น ธรรมนี้เป็นเหมือนผ้าขี้ริ้ว ถ้าเป็นกิเลสละสวยงามมาก เป็นบ้ากันทั้งบ้านทั้งเมืองทั้งโลกทั้งสงสาร เป็นอย่างนั้นนะเรื่องกิเลสมันสวยงาม มันปิดหัวใจของเราให้หลงไปตามมัน

ทีนี้พอเวลาชำระเข้า ๆ ฐานข้างในคือจิต ได้รับการบำรุงรักษาจากธรรมชำระล้างอยู่สม่ำเสมอ ค่อยสว่างขึ้นมา ๆ พอสว่างขึ้นมาก็มาเห็นภัยของตัวนั้นแหละ ทั้งเห็นคุณของตัวด้วย ทั้งเห็นภัยที่มีอยู่รอบตัวด้วย แล้วชำระล้างไปเรื่อย ๆ ด้วยความพออกพอใจ ก็สว่างขึ้นเรื่อย ฐานแห่งความเลิศเลอและความเลวร้ายทั้งหลายขอให้ดูหัวใจเรา อย่าไปดูดินฟ้าอากาศ ตึกรามบ้านช่องถนนหนทางเงินทองข้าวของสมบัติบริวาร นั้นไม่ใช่สถานที่เลวและเลิศเลอ เลิศเลอและเลวอยู่ที่นี่ ความทุกข์ความสุขอยู่ที่หัวใจ ให้ดูตรงนี้ จะเห็นทั้งข้างนอกข้างในมาประกอบกันได้อย่างชัดเจนประจักษ์ใจ

เวลาใจมีความสว่างขึ้นไปเท่าไร ๆ อยู่ที่ไหนมีราคาขึ้นเรื่อยนะคนเรา มันมีความกระหยิ่มยิ้มย่อง ๆ อยู่ในหัวใจ เพลิน เพลินอันนี้ไม่ได้เป็นทุกข์ เพลินเรื่องกิเลสทุกข์มันอยู่ฉากหลัง มันคอยตามจิ้มเราเรื่อย ๆ ข้างหน้าหลอกไป ข้างหลังมันตามจิ้มเราเรื่อย เพราะฉะนั้นคนถึงมีทั้งความสุขความทุกข์เจือปนไปตลอดถ้าหมุนไปตามกิเลส สุขก็สุขเพื่อทุกข์นั่นแหละ ไม่ใช่สุขเพื่อสุข ทางธรรมไม่เป็นอย่างนั้น มีความสุขขึ้นมาแล้ว สิ่งที่จะทำให้เราพออกพอใจก็เกิดขึ้นมาตาม ๆ กัน หมุนตาม ๆ กัน ความพากเพียรก็หนักเข้า ๆ ก็ยิ่งเห็นของแปลกประหลาดอัศจรรย์มากเข้า ๆ

ทีนี้อยู่ที่ไหนมันไม่มี มองไปหาที่ไหน ความเลวความเลิศอะไรมองไปที่ไหนมันไม่เห็นมี มองไปนี้ เช่น ต้นไม้ก็เป็นต้นไม้ไปเสีย มองฟ้ามองอากาศก็เป็นฟ้าเป็นอากาศไปเสีย ตามที่เราไปเสกสรรเขานะ เขาไม่ได้ว่าเขาฟ้าเขาอากาศเป็นอะไร ๆ แหละ ตัวจิตนี้แหละมันตัวคึกตัวคะนองไปหาให้คะแนนอันนั้นตัดคะแนนอันนี้ แล้วตัดคอเจ้าของผู้ลุ่มหลงเป็นบ้ากับสิ่งภายนอก ไม่ได้ดู เพราะฉะนั้นคนจึงมีแต่คนคอขาดทั้งนั้น ถูกตัดคอเจ้าของ คือไม่ได้มองดูเจ้าของ มองดูนั้นดีนี้ดี ตัวเจ้าของเองคือใจมันมีความสุขความทุกข์มากน้อยเพียงไร

เอาสมบัติเงินทองมากองเท่าภูเขา ขึ้นนั่งอยู่บนกองทองกองภูเขาที่โลกยอมรับกันว่าเป็นของดีของเลิศที่ประสงค์กันยิ่งนัก อยากได้กันยิ่งนักนั้น ตั้งไว้แล้ว แล้วผู้นี้บำเพ็ญธรรม เอาธรรมขึ้นไปนั่งอยู่บนภูเขา อันนี้ก็ว่าสง่างาม แต่มันสู้หัวใจไม่ได้นะ หัวใจที่สง่างามจะอยู่ใต้กองทองก็งามอยู่ทางใต้ อยู่ข้างบนก็สวยงามเป็นสุขรื่นเริงไม่มีวันจืดจาง อยู่ข้างบนกองเงินกองทอง อยู่ใต้กองเงินกองทอง อยู่ไหนสง่างาม

ตรงกันข้ามถ้ามีแต่ความทุกข์แล้ว เอา ขึ้นไปนั่งอยู่บนยอดเขาแห่งสมบัติทั้งหลาย มันก็ไปครวญครางอยู่นั้นเป็นความทุกข์ มันทุกข์อยู่ที่หัวใจ เพราะฉะนั้นจึงต้องชำระจิตใจกันให้ดี อย่าไปชำระอะไรมากยิ่งกว่าชำระจิตใจ วัตถุที่จะออกมาให้สำเร็จประโยชน์แก่เราได้พึ่งพาอาศัยทุกวัน ๆ นี้ขึ้นมาจากใจ ใจพาวิ่งเต้นขวนขวาย ถ้าใจวิ่งเต้นขวนขวายไม่ถูกทางเพราะความไม่ได้อบรมตัวเอง มันก็กว้านหาฟืนหาไฟมาเผาเจ้าของ มีมากเท่าไรทุกข์มากเท่านั้น เป็นอย่างนั้นนะ ถ้าผู้มีธรรมในใจแล้วจะเสาะแสวงหาแต่สิ่งที่ดีงามพอเหมาะพอดี ๆ อันนี้สว่างไสว ปัจจุบันนี้เป็นยังไงประจักษ์ในใจด้วยความปีติยินดี มีหลักยึดคือธรรม ตายไปแล้วไม่ต้องสงสัย ตัวนี้ตัวจะไปมันก็รู้

นี่ก็พยายามสอนเต็มเหนี่ยวแล้ว เรื่องศาสนานี้ดังที่เคยกล่าวแล้ว เวลานี้มาทุกแบบทุกฉบับ อุบายวิธีการที่จะกลืนชาติไทย ที่จะกลืนศาสนาให้ลงไปพร้อม ๆ กันนี้ มาอย่างลึก ๆ ลับ ๆ นะ ตาเผิน ๆ อย่างพวกเรานี้ไม่เห็น ตาอย่างลึกลับ ตาอรรถตาธรรมมองทะลุไปหมด ให้พากันระมัดระวัง วัตถุสิ่งของเงินทองที่ว่านี้ได้มาจากจิตนะ ถ้าจิตมีอรรถมีธรรม อะไรเย็นหมด สมบัติเงินทองเย็นไปหมด เพราะได้มาถูกทาง ถ้าจิตไม่มีอรรถมีธรรมแล้วได้มาก็เท่ากับกว้านเอาไฟมาเผาเรานั่นแหละ เผาไปเรื่อย ๆ โลกจึงหาความสุขไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่สมบัติเงินทองข้าวของมีเต็มโลก สมบัติเหล่านี้บกพร่องที่ไหน ไปบ้านใดเมืองใดสมบัติเงินทองข้าวของที่เป็นที่อาศัยของโลกทั้งหลายก็มีอยู่สมบูรณ์ แต่โลกทำไมมีตั้งแต่ความทุกข์ความเดือดร้อน ก็เพราะโลกไม่มีธรรม มีแต่กิเลสเผาหัวใจ ใจก็ร้อนล่ะซิ

ให้พากันเสาะแสวงหาธรรม ข้างนอกก็มีข้างในก็มี ถ้าดิ้นตั้งแต่เรื่องวัตถุอย่างเดียวจม ใครจะเก่งขนาดไหนก็เก่งเถอะ ดิ้นไปด้านวัตถุ วัตถุก็เอามาแข่งกัน ๆ แย่งกันล่ะซิ ด้านวัตถุแย่งกัน แย่งอยู่แย่งกิน แย่งซื้อแย่งขาย แย่งอะไรแย่งไปหมด มันแย่งกันตลอดเวลานะพวกนี้ เรียกว่าแข่งดิบแข่งดีกัน ถ้าธรรมแล้วรู้จักประมาณ อะไรที่หามาพออยู่พอกินเหมือนเรารับประทาน พอเข้าไปเต็มท้องแล้ว ของจะมีมากมีน้อยไม่มีปัญหา เอาท้องเป็นประมาณ ท้องอิ่มแล้วเท่านั้นหยุด สิ่งเหล่านั้นไม่มีประมาณ จิตของเรามีประมาณอยู่แล้ว อะไรที่ได้มามากน้อยจะรู้ประมาณเอง ไม่ได้จมไปๆ ด้วยความโลภโลเล นี่ได้เท่าไรไม่พอ ได้เท่าไรไม่พอกับใจที่ต้องการมาก ๆ สุดท้ายความต้องการมาก ๆ เลยสร้างความผิดหวังให้เสีย คนผิดหวังดีไหมล่ะ คนผิดหวังมีแต่คนทุกข์ทั้งนั้นละ

วันนี้พูดถึงเรื่องอรรถเรื่องธรรมให้พี่น้องตายใจนะ ธรรมพระพุทธเจ้า ศาสนาใดก็ตาม คำสอนใดก็ตาม เรียกว่าร้อยทั้งร้อยมีแต่คลังกิเลส เอาคำว่า ธรรม ๆ มาออกหน้า กิเลสตามหลัง เอาไฟเผาโลกอยู่ข้างหลัง ธรรมพระพุทธเจ้าเปิดข้างหน้าเป็นธรรม เปิดข้างหลังเป็นธรรม เปิดจุดกลางคือหัวใจของโลกของเราก็เป็นธรรม นี่สร้างความเป็นธรรมขึ้นนี่แล้วเป็นความสุขขึ้นมา เราน่ะวิตกวิจารณ์ทั้งวัตถุ ความเป็นอยู่ทั้งหลายมันกระทบกระเทือนกับเหตุการณ์ภายนอก เพราะอยู่ด้วยกัน มนุษย์เป็นสัตว์หมู่สัตว์พวก เข้ามาถ้าเล่ห์เหลี่ยมของเราไม่แหลมไม่คมก็ไม่ทันเขา วิ่งต้อย ๆ ตามเขาแล้วหอบตั้งแต่กองทุกข์เข้ามาทับถมตัวเราเอง นี่ก็ควรได้พินิจพิจารณา

ทางด้านศีลธรรมสำคัญมาก คนเรามีศีลมีธรรมภายในใจแล้วจะเย็นตลอด ไม่ดีดไม่ดิ้นจนมากมาย ดิ้นเท่าไรยิ่งทุกข์นะ มันก็ไม่ค่อยดิ้นมากนัก เราอยากให้พี่น้องทั้งหลายอบรมจิตใจให้เห็นประจักษ์ในใจนี่นะ ไม่มากก็น้อย วันหนึ่งการภาวนาอย่าปล่อยวาง การภาวนาคือการอบรมจิตใจของเรา ภาวนา ๆ แปลว่าการอบรมจิตใจ เหมือนผลไม้เราบ่มให้มันสุก อบรมบ่มนิสัย อบรมบ่มอินทรีย์ อินทรีย์ แปลว่าความเป็นใหญ่ อบรมบ่มอินทรีย์ให้มีความเป็นใหญ่ กล้าแข็งขึ้นไป นี่อบรมจิตใจของเราให้มีความกล้าแข็งด้วยศีลด้วยธรรม แล้วอยู่ที่ไหนจะเย็น สบายอยู่ตรงนี้นะ โลกไม่ได้มองดูนะ เวลานี้มองดูแต่วัตถุกัน เพราะไม่มีใครมารู้ธรรมภายในใจว่าเลิศเลอยังไงดังที่พระพุทธจ้าสอน

ในโลกนี้ก็ดูว่าศาสนาเต็มบ้านเต็มเมือง แล้วศาสนาไหนที่จะมาแข่งของจริง คือพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าได้ ถึงแข่งไม่ได้เขาก็แข่ง เหยียบหัวศาสนาพุทธเราไปด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่กองทุกข์เต็มอยู่กับเขา เขาก็ไม่สนใจ นี่ซิเรื่องกิเลสมันไม่ยอมง่ายๆ นะ เราได้ศาสนาพุทธที่ดีงามมาแล้วขอให้ยึดหลักเกณฑ์นี้ให้ดี ไปที่ไหนจะสง่างามๆ นะ การพูดต้องขออภัยนะ หลงหน้าหลงหลังเวลานี้ จับต้นชนปลายไปเรื่อยๆ อย่างนี้ ต่อไปนี้จะเทศน์ไม่ได้นะ ยังอุตส่าห์สอนอยู่อย่างนี้ จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายเป็นที่แน่ใจธรรมของพระพุทธเจ้า

นี่เราเอาตัวของเราออกเป็นพยานเลย ใครจะว่าเราบ้าก็ว่าไป ว่าก็ปากเขาต่างหาก เราไม่เป็นบ้าจะเป็นไรไป นี้ได้เป็นที่พอใจทุกอย่าง ไม่มีที่ต้องติแล้วในหัวใจดวงนี้ เรียกว่าเราไม่มีอะไรบกพร่อง โลกสมมุติก็อยู่ไปกินไปเหมือนเขาเหมือนเรา ไม่เห็นแตกต่างกันอะไร ว่าแต่มันโลกวิมุตติในใจละซิ นั่นโลกพอ ก้าวจากโลกเข้าสู่วิมุตติ แปลว่า เมืองพอ อยู่ที่ไหนพอหมด ท่านจึงเรียกว่า นิพพานเที่ยง ก็คือพอ ไม่มีอะไรรบกวน อนิจฺจํ ทุกขํ อนตฺตา เข้าไม่ถึง นิพพานเที่ยง ธรรมชาตินั้นแหละที่เลิศเลอสุดยอด ให้ชื่อว่าเลิศเลอ อันนั้นยังเหนือนั้นอีกนะ ถ้าเราจะเทียบเอาแดนสมมุตตินี้ ยังไงก็ไม่ถึงธรรมชาตินั้น แต่โลกมีสมมุติก็ต้องยกขึ้นมาว่าเลิศเลอขนาดไหน ก็พูดไปตามนั้น

ให้พากันปฏิบัตินะ ใจนี้เรียกร้องหาความช่วยเหลือจากเจ้าของอยู่ตลอดเวลาทุกๆ รายไป นอกจากรายที่บริสุทธิ์หลุดพ้นไปแล้ว ท่านไม่เรียกหาอะไร ท่านพอ นั้นแหละผู้แสนสบาย อยู่ที่ผู้พอในธรรมทั้งหลายที่ขวนขวายมาแล้วแทบเป็นแทบตาย จนกระทั่งได้ความเพียงพอจากเหตุที่อุตส่าห์พยายามมาตลอดเวลา กลายเป็นผลคือความเพียงพอขึ้นมา นี่แหละเหตุกับผลแยกกันไม่ออกอย่างนี้ ให้พากันตั้งใจปฏิบัติทุกคน อย่าทำเหลาะ ๆ แหละ ๆ นะ ธรรมพระพุทธเจ้า กิเลสจึงเอามาเป็นตุ๊กตาเครื่องเล่นของเด็กจนได้นะ วันหนึ่งๆ ให้ดูหัวใจเจ้าของ กิเลสมันเล่นอะไร เหมือนอย่างกับลิงอยู่ที่วัดท่านอาจารย์ฝั้น จะยกนิทานลิงมาประกอบนะ

ที่วัดอุดมสมพร พวกพ่อค้าเขาไปขายน้ำย้อมน้ำสี แล้ววัดอุดมสมพรนั้นท่านเลี้ยงแมวไว้ตัวหนึ่ง แมวตัวนั้นมันใหญ่จริงๆนะ เวลาพระฉันจังหันเขาจะไปนอนหมอบอยู่หน้าศาลา พวกค้าขายเขาก็มา มีลิงตัวหนึ่งขี่มาบนคอเขา พอมาเห็นนั้นแล้วเขาก็ปล่อยลิงลง พอปล่อยลิงลงแล้วแมวมันก็หมอบเฉย พอปล่อยลิงตัวนั้นมันก็ลงดู มันเห็นแมวหมอบอยู่ มันก็ไปฉากทางนั้นฉากทางนี้ เข้าไปใกล้ไปไกล เฉียดไปเฉียดมา จนกระทั่งพยายามเข้าถึงตัวนะ แอบไปลูบไปคลำมันก็เฉยมันยังไม่ว่าอะไรนะ ทีนี้พอไปลูบจมูกมันเท่านั้นละซิ ทีแรกลูบหางมันก็ไม่ว่า ลูบอะไรมันก็หมอบเฉยอยู่ คือมันยังไม่ได้จังหวะ ความหมายของมันก็คือว่าให้มึงคลานเข้ามาหาจมูกกูนี้ คลำนั้นคลำนี้แมวก็เฉย คลำไปคลำมาก็มาคลำจมูกมันละซิ มันก็แม้วทีเดียวซัดหน้าผากลิง ลิงก็ส่งเสียงดังก้อกๆๆ โดดขึ้นต้นไม้ ส่วนแมวก็วิ่งเข้าไปใต้ถุน

ไอ้นั่นเสียใจมากร้องก๊อก ๆ ไม่นานแมวตัวนั้นก็ออกไปอีกทางหนึ่ง มันมองเห็นแมวก็โดดลงไปแก้แค้น ทีแรกมันเจ็บมากเสียงร้องดังก้อกๆๆ พอเห็นแมวตัวนั้นออกไปนู้น จึงโดดลงไป ด้อมไปข้างหลังแล้วจับหางแมวกระตุก แมวก็ แม้ว ไอ้นี่ก็วิ่งเลย มึงเห็นฝีมือกูไหมคงว่าอย่างนั้น เรียกว่าได้ทีแล้ว

นี่ก็พยายามทองคำให้ได้ตามที่กำหนดไว้นี่นะ จากพี่น้องชาวไทยเรารวมกัน อย่างน้อยต้องให้ได้ ๔,๐๐๐ กิโล ส่วนอื่นที่ได้มาเป็นพิเศษๆ ไม่นับเข้าในจำนวนนี้ว่าให้เป็นเพิ่มขึ้นไป อันนี้เป็นของทางนี้ด้วย ส่วนได้มาอย่างอื่นก็เป็นอันอื่น เช่นอย่างที่เงินโครงการช่วยชาติ ได้เท่าไรไม่นับเข้ามาบวกกับพวก ๔,๐๐๐ กิโล คือ ๔,๐๐๐ กิโลนี้ได้จากพี่น้องชาวไทยเรารวมกันเข้าๆ เป็นเท่านั้นกิโลเท่านี้กิโลเข้าไป เมื่อครบจำนวนแล้วจึงจะบอกว่าได้ ๔,๐๐๐ กิโล ส่วนได้จากเงินไปซื้อทองคำมานี้ อันนั้นเป็นประเภทหนึ่ง ประเภทนั้นจะต่อยอด อันนี้เป็นเนื้อเป็นหนัง ๔,๐๐๐ กิโล

เรื่องศาสนานี้เป็นหลักใหญ่นะ เรื่องศาสนามันจะแทรกจะซึม เขาเอาคำว่าศาสนานะมาเป็นเหยื่อล่อไว้ปลายเบ็ด พวกเราพวกปลาโง่มันจะกลืนให้ระวัง แล้วมันมีแทรกๆ มานะ ศาสนามาแล้วอามิสมันจะแฝงมา เครื่องล่ออีกอันหนึ่ง ก็เป็นสินจ้างรางวัล ความชมเชยสรรเสริญแบบนั้นแบบนี้ ใครถือศาสนาเขาดีอย่างโน้น ได้ทั้งปัจจุบัน หลอกไปทั้งวันนี้หลอกไปทั้งวันหน้า ได้ทั้งปัจจุบันทั้งอนาคต ถ้าว่าไปสวรรค์อย่างนี้นะ ไปสวรรค์ไปนิพพาน ศาสนาเขาสูงกว่าสวรรค์นิพพาน ใครถือศาสนาเขาไปสวรรค์ เลยสวรรค์แล้วไปนิพพาน เลยนิพพานไปอีก เข้าใจไหม ศาสนาเขาจะเป็นอย่างนั้นนะ เข้าใจหรือยัง เขาจะต้องสูงกว่าเราทุกอย่าง นี่เรียกว่าเหยื่อล่อให้พากันเข้าใจนะ

มันมาทุกแบบกิเลสนี้มันร้อยสันพันคม ไม่มีอะไรจะแหลมคมยิ่งกว่ากิเลสนอกจากธรรมอย่างเดียว ธรรมจะไปไหนไปเถอะว่างั้นเลย จะตามรู้หมดโดยหลักธรรมชาติของธรรม เรื่องกิเลสมันจะออกแง่ไหนมุมใดรู้หมดเลย ธรรมนี้ท่านรู้หมดเลย นี่ท่านเอาธรรมมาสอนโลก ถึงขนาดนั้นพวกเรายังหลงกลมันจนได้ นี่ละเล่ห์เหลี่ยม เขาเอาศาสนามาอ้างๆ นี่ละมหาภัยจะมากลืนบ้านกลืนเมืองกลืนชาติกลืนศาสนาเรา คนเราเมื่อลงใจแล้วจะทำอะไรก็ยอมให้ทำทั้งนั้น จะเอาอะไรก็ยอมให้ถ้าลงใจเสียอย่างเดียว อันนี้เขากล่อมให้เราลงใจแล้วเขาจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ให้พากันจำอันนี้ให้ดี เรื่องกล่อมทุกอย่าง พวกนี้มีแต่จะคืบจะคลานที่จะกวาดต้อนเอามาเป็นอำนาจวาสนาของตัวเองปกครองไปหมดๆ ทุกอย่าง นี่เรื่องราวมัน

อะไรที่โลกชอบใจที่เป็นเครื่องฝังใจของโลกประจำมานมนานคืออะไร ก็คือ ศาสนา เขาต้องเอาศาสนานี้มาเป็นโล่บังหน้าหลอกไป มหาภัยอยู่ข้างหลังๆๆ ให้จำให้ดี มาทุกแบบนะ ใครได้ถือศาสนาของเขาแล้วเหมือนจะเหาะเหินเดินฟ้าไปไหนขนาดนั้นนะ ไม่มีปีกก็บินเลย ถ้าถือศาสนาเขาแล้วไม่มีปีกก็ได้บินเลย เป็นอย่างนั้นนะมันหลอก คิดดูซิว่านี่จะถือศาสนาของพวกแกเพื่อไปสวรรค์ ไปสวรรค์อะไร ตามหนังสือธรรมะท่านบอกไว้ว่าอย่างน้อยเป็นมนุษย์ มนุษย์ผู้มีศักดานุภาพบุญญาบารมี ทำความร่มเย็นแก่ตนและส่วนรวม นี่เรียกว่าเกิดมาด้วยอำนาจวาสนาจริงๆ มันก็เอาอันนี้แหละเข้ามาสวมรอย มาสวมรอยนี้ปั๊บ พวกแกถือพุทธศาสนานี้ผิด แกถือศาสนาของแกมาแต่อ้อนแต่ออกก็ถือมานมนานแล้ว ไม่เห็นใครเลิศเลอเหมือนศาสนาข้า ศาสนาข้าเอาคนข้ามจากมนุษย์นี้ขึ้น เลยสวรรค์ฟาดไปนิพพาน เลยนิพพานอีก ศาสนาของข้าเลยนิพพานนะ ศาสนาพระพุทธเจ้าสู้ไม่ได้เข้าใจไหม ไอ้พวกตาบอดหูหนวก หือ อย่างนั้นเหรอ หือ ๆ นี้จะไปชวนลูกหลานชวนไอ้ตูบไอ้หยองไปด้วยได้ไหม ขึ้นเลยใช่ไหมล่ะ ตกลงหมาเราก็เลยจะเดือดร้อนไปตาม เพราะถูกพวกนี้มาลากมันไปสวรรค์นิพพาน

พ่อแม่มันที่ไหนเราก็ไม่รู้แหละสวรรค์นิพพาน ตั้งแต่โคตรพ่อโคตรแม่ของหลวงตาบัวก็ไม่เคยได้ยินว่าอะไรเลยนิพพานไป ก็มีแต่แดนนรกเท่านั้น อย่างอื่นเราไม่เห็นมี จำให้ดีนะพูดนี้ นี่หมายถึงว่าอุบายเล่ห์เหลี่ยมร้อยสันพันคมของพวกที่จะมาเกลี้ยกล่อม เป็นอย่างนั้นนะ เรายกตัวอย่างอันใหญ่ๆ ไว้ให้รู้ แล้วมันจะมาตามนั้น แฝงมาตามนั้น ให้จำให้ดี นี่ละมันตั้งใจจะกลืนทั้งชาติทั้งศาสนา อุบายวิธีการของมหาภัยเหล่านี้ พูดให้มันชัดเจนก็คือตอนนี้มันไม่สมหวัง มันจะเอาพยายาม กิเลสไม่สมหวังจะต้องหาท่าทางใหม่ จะให้มันยอมแพ้ง่ายๆ มันไม่ยอมเรื่องกิเลส นอกจากธรรมปราบมันเรียบไปอย่างพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ มันจะเอาโคตรไหนมาก็ฉิบหายไปด้วยกันหมด เพราะฉะนั้นธรรมจึงเหนือตลอด

ต้องเอาธรรมเข้ามาพินิจพิจารณาใคร่ครวญ อย่าไปเชื่อสุ่มสี่สุ่มห้าด้นเดาเกาหมัดนะ เดี๋ยวไปเจอหลังหมาเข้าหมากัดเอานะ คือหมัดมันอยู่หลังหมาเข้าใจไหม เกาไปเกานั้นเกานี้ไปเกาหมัดบนหลังหมา หมามันวากทีเดียวหลงทิศไป เข้าใจเหรอ เรามัวแต่จะไปลากหมาเราขึ้นสวรรค์นิพพาน มันเกิดมาจากโคตรพ่อโคตรแม่ของหมาเหล่านี้มันไม่เคยเห็นสวรรค์นิพพาน จะเรียกมันไปสวรรค์นิพพานอะไร มันก็มีแต่เขี้ยวมันแหละหงับเอาหลงทิศไป เราเตือนทุกด้านทุกทาง เข้าใจไหมล่ะ วันนี้พูดเพียงเท่านั้นละ

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก