คณะชาวไร่ชาวนาคนยากจนสมทบร่วมกฐินทองคำช่วยชาติ ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.หนองคาย มีหมู่บ้านหนองแวง ประชาสรรค์ บ้านโพ บ้านกลาง บ้านคำไผ่ บ้านนาขาม บ้านแสงอรุณ และมีผู้ร่วมบริจาคสมทบด้วยเป็นเงินบาท ๗๒๐,๐๐๐ บาท ทองคำ ๒ กิโล ๑๐ บาท ดอลลาร์ ๕,๓๐๕ ดอลล์ อนุโมทนาทุกคนนะ (สาธุ) นี่ละมีราคาเท่ากันหมด ไม่ว่าใครจะอยู่ในป่าในเขาลำเนาไพรที่ไหนก็ตาม ออกมาเพื่อประโยชน์แก่โลกด้วยน้ำใจศรัทธารักชาติ เสียสละ และความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน เหมือนฝนตกจะตกในทิศใดแดนใดก็ตาม ตกลงมาจะทำให้ชุ่มเย็นทั่วหน้ากันไปหมดนั่นแหละ
นี่ก็เหมือนกัน ใครอยู่ที่ไหนบริจาคเข้ามาไม่ว่าใกล้ว่าไกล จุดศูนย์กลางของเมืองไทยเราคือคลังหลวง เป็นที่รวมจิตใจของประชาชนทั้งชาติ นี่ละเป็นเครื่องยืนยันประเทศไทยเราให้จีรังถาวรแน่นหนามั่นคงเรื่อยมา เพราะหัวใจของชาติ ได้แก่ ทองคำและดอลลาร์นี้เป็นสำคัญมาก ยืนตัวอยู่ในท่ามกลางแห่งชาติไทยของเราคือคลังหลวง นี่ละที่หลวงตาได้อุตส่าห์พยายามพาพี่น้องทั้งหลายตะเกียกตะกาย ก็เพื่อจุดใหญ่นี้ ให้เป็นความแน่นหนามั่นคงแก่ชาติไทยของเราตลอดไป เพราะฉะนั้นท่านผู้ใดที่บริจาคมามากน้อยเพียงไร นั้นคือฝนตกแต่ละหยดละหยาด จะประมาทกันไม่ได้เลย ตกตรงไหนก็คือหยดน้ำฝนที่จะทำแม่น้ำลำคลองทั้งหลายให้เต็ม ๆ ด้วยกันทั้งนั้น จะมาจากทิศใดแดนใด เป็นน้ำใจของพี่น้องชาวไทย น้ำใจนี้มีความลึกซึ้งเสมอกันหมด ไม่ว่าจะอยู่ในป่าในเขา คนมีน้ำใจเป็นคนมีคุณค่ามีราคา เป็นคนมีสาระสำคัญฝังใจตัวเอง
คำว่าน้ำใจ คือน้ำใจต่อหมู่ต่อเพื่อนต่อฝูงต่อชาติบ้านเมือง นี่เรียกว่าน้ำใจ คนไม่มีน้ำใจนี้แห้งผาก ๆ ไปนั่งอยู่บนกองภูเขาแห่งเงินและทอง ก็ไปแห้งผาก ๆ อยู่บนภูเขาแห่งกองเงินกองทองนั้นแหละ ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร สำคัญอยู่ที่น้ำใจนะ น้ำใจอยู่ที่ไหนนี้ชุ่มเย็นไปหมด เพราะฉะนั้นขอให้ทุก ๆ คนมีน้ำใจต่อตัวเอง คือรับผิดชอบตัวเองด้วยการรักษาตัวให้ดี อย่าทำความชั่วช้าลามก กระทบกระเทือนเป็นฟืนเป็นไฟเผาตัวเอง และเกี่ยวข้องออกไปก็ตลอดครอบครัว วงงานต่าง ๆ กระจายไปทั่วเมืองไทยเรานี้ ให้ต่างคนต่างมีน้ำใจกว้างขวาง น้ำใจอันนี้สำคัญมาก ไปอยู่ที่ไหนคนมีน้ำใจนี้ชุ่มเย็นนะ ไม่ได้เหมือนคนจิตใจแห้งผาก ๆ ทุกคน ๆ ขอให้ต่างคนต่างมีน้ำใจ อย่าจืดจางต่อชาติของเรา ถ้าเราจืดจางต่อชาติของเราก็เท่ากับเราจืดจางต่อตัวของเราเองแล้วจะเกิดความเดือดร้อนทีหลัง ถ้าต่างคนต่างมีน้ำใจจะแน่นหนามั่นคงไปโดยลำดับลำดา
นี่ก็เริ่มต้นแล้วที่ว่างานช่วยชาติ ๆ งานกฐินของหลวงตาบัว ถ้าหากจะพูดแบบโลก ๆ วัดหลวงตาบัวแต่ก่อนไม่เคยมีงานนะ งานไม่มีเลย ตัดขาดเลยบอกว่างานไม่มี ไม่เคยให้มีงานใดยิ่งกว่างานจิตตภาวนา โน่นพระอยู่ในป่าบำเพ็ญอยู่ตลอดเวลา ขวนขวายคุณงามความดีเข้าสู่ใจ ๆ ตลอดมา ครั้นต่อมานี้จนกระทั่งถึงเข้ามาประจักษ์ใจของเรา คือบ้านเมืองของเรากำลังจะล่มจะจมเห็นอยู่ทั่วดินแดนกันนี้เป็นยังไง เดือดร้อนกันหมด หลวงตาเองก็เป็นลูกชาติไทย พ่อแม่เกิดมาในป่าในเขาก็พ่อแม่ของชาติไทยมีความรับผิดชอบ ถืออวัยวะของชาติไทยเป็นตัวของตัวเหมือนกันหมด เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงนอนใจอยู่ไม่ได้ นี่ที่ได้นำพี่น้องทั้งหลายออกมา
สรุปลงมาแล้วก็ว่า เอะอะงานวัดป่าบ้านตาด ๆ แต่ก่อนไม่มีงานนะวัดป่าบ้านตาด ไม่ให้มี นี่อะไร ๆ ก็วัดป่าบ้านตาด วันที่ ๖ นี้ก็งานกฐินวัดป่าบ้านตาดเพื่อช่วยชาติ ช่วยชาติเท่านั้นเราอ่อนลงหมดเลยนะ แต่ก่อนอะไรมายุ่งเราไม่ได้ จะมีแต่ธรรมดีดผึง ๆ ท่าเดียว แต่นี้พอชาติเข้ามา เราก็อยู่ในท่ามกลางชาติ พอว่างานวัดป่าบ้านตาดเพื่อช่วยชาติของเรา ก็อ่อนลงเลย ทีนี้ก็มีงานเรื่อยมา วัดป่าบ้านตาดถ้าพูดแบบโลก ๆ ก็เหมือนกับว่าวัดนี้กลายเป็นวัดกวนบ้านกวนเมืองไปแล้วเวลานี้ แต่นี้ย้อนเข้ามาเป็นธรรม กวนเพื่อมาเทิดทูนชาติไทยของเรา กวนนี้ไม่ใช่เอามือไปกวน เอาขี้ตมขี้โคลนไปกวนนะ คือเอาสารส้มไปกวนลงเพื่อให้น้ำใส น้ำใสแล้วเราก็ใช้ได้สะดวกดี นี่หลวงตากวนกับศรัทธาทั้งหลาย เท่ากับน้ำกับน้ำ หลวงตาเป็นผู้กวนไป ๆ กวนแล้วก็กว้านเข้ามายกเข้าสู่คลังหลวงของเรา ชุ่มเย็นไปหมด นี่ละจุดใหญ่
เพราะฉะนั้นวัดป่าบ้านตาดซึ่งเป็นจุดศูนย์กลาง จึงหลีกเว้นไม่ได้ว่าจะไม่มีงาน อยู่ที่นี่เรียกว่าเป็นจุดศูนย์กลางของวัดแถวนี้ เฉพาะอย่างยิ่งวัดกรรมฐานจะมารวมอยู่จุดนี้หมดเลย แล้วท่านเหล่านั้นก็มีน้ำใจแบบเดียวกันหมด ต่างท่านต่างองค์ต่างเสียสละมา วัดโน้นวัดนี้ อย่างวัดศรีชมภูตะกี้นี้ เงินตั้ง ๗๒๐,๐๐๐ ทองคำ ๒ กิโลกับ ๑๐ บาท ดอลลาร์ตั้ง ๕,๓๐๕ ดอลล์ นี่ฟังซิ ท่านเหล่านี้อยู่ในป่าในเขา ไม่ได้มาอยู่ท้องตลาดซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งเงินแห่งทอง ตลาดเงินทองอะไรเลย อยู่ในป่าในเขา ทำไมจึงขวนขวายมาได้ขนาดนี้ เงิน ๗๒๐,๐๐๐ ของเล่นเมื่อไรสำหรับคนจนนะ มีคุณค่ามากที่สุด นำน้ำใจของเขาเขาถอดออกมาเลยเพื่อชาติของเขา แล้วทองก็ตั้ง ๒ กิโล ในคอของคนเหล่านั้นเราไปหาดูซิ คอใครที่มีทองคำ ไม่มีนะ คอเขาไม่มีทองคำนะ แต่ทำไมเขาเอาออกมานี้มาเป็นทองน้ำหนักตั้ง ๒ กิโล ๑๐ บาท นู่นเป็นของเล่นเมื่อไร
แล้วขอพูดย้ำเข้าอีกว่า ดอลลาร์ ๕,๓๐๕ ดอลล์นี้ เกิดมาหมดทั้งโคตรทั้งแซ่ของบ้านเหล่านี้เขาไม่เคยได้เห็นดอลลาร์ นี้เขาหามายังไงถึงได้มาตั้ง ๕,๓๐๕ ดอลลาร์ นี้คือน้ำใจ พี่น้องทั้งหลายเห็นน้ำใจกันนะ จะเทิดชาติไทยของเราขึ้นสูงเพราะน้ำใจ เราพูดตามความจริงท่านเหล่านี้อยู่ในป่าในเขา ตามซอกห้วยภูเขาอยู่ทุกแห่งทุกหน เขาไม่ได้สนใจกับสิ่งเหล่านี้ แต่ทำไมเขาถึงขวนขวายหามาได้ ที่สำคัญมากที่สุดก็คือว่าดอลลาร์ตั้ง ๕,๓๐๕ ดอลลาร์เป็นของเล่นเมื่อไร ไปหาธรรมดาไม่เจอเขาต้องเสาะต้องแสวงจริง ๆ เขาถึงได้มา พี่น้องทั้งหลายจำไว้นะ
ชาติไทยของเราคราวนี้เป็นคราวที่จะเห็นน้ำใจของชาติไทยเราว่าเป็นยังไง น้ำใจจืดจางหรือน้ำใจมีความเข้มข้น รักษาตัวรักษาชาติของตัวด้วยความเข้มงวดกวดขัน แสดงอาการออกอย่างไรบ้าง นี่ชาวโลกเมืองนอกเขาก็จะได้เห็นชาติไทยของเรา เข้มข้นหรือไม่เข้มข้น หรือจืดจางขนาดไหนเขาจะได้เห็น ทั้ง ๆ ที่มีผู้นำทั้งสองฝ่ายเต็มสมบูรณ์บริบูรณ์ พูดตามความจริงเป็นนายกสมบูรณ์แบบที่พี่น้องชาวไทยเราทั้งชาติ ยกให้เป็นนายก คนทั้งชาติยกให้เป็นนายก แล้วก็เป็นนายกอย่างสมบูรณ์แบบเต็มที่แล้ว
ทีนี้ทางธรรม หลวงตาบัวก็เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าก็บืนมาตามอย่างนี้แหละ เช่น หนูวิ่งตามช้างก็ได้ใช่ไหมล่ะ วิ่งแซงหน้าช้างไม่เคยมี แต่วิ่งตามช้างนั้นมีได้ นี่หลวงตาวิ่งตามครู เราพยายามตะเกียกตะกายพาพี่น้องทั้งหลายนำเวลานี้ก็อย่างนี้เอง เข้าใจนะ ขอให้มีน้ำใจทุกคน ทางชาติบ้านเมืองเราก็เป็นที่แน่ใจ พูดอย่างยันเลย หลวงตาบัวถ้าลงได้ออกแล้วขึ้นสนามเลย ไม่มีคำว่าอ่อนข้อ ไม่มีย่อหย่อน ไม่มีคำว่ากล้าว่ากลัว ผึงเลยทันทีต่อหลักความจริง นี่เราก็พร้อมแล้วเวลานี้ ต่างคนต่างพร้อมเพรียงกันนะทุกคน
มีมากมีน้อย เราอย่าคำนึงแต่ความสิ้นเปลือง ความหมดสิ้น หรือความทุกข์ความยากลำบากของเรา เมืองไทยเราจะจมให้คิดตรงนี้นะ เราอยู่ที่ไหนก็ได้ขอให้เมืองไทยของเรามีหลักฐานมั่นคง เฉพาะอย่างยิ่งคลังหลวงของเราเหลืองอร่ามไปด้วยทองคำ ดอลลาร์ ซึ่งเป็นเครื่องค้ำประกันชาติได้อย่างเด่นดวงนี้เราเป็นที่พอใจ เราหากินอยู่ตามป่าตามเขานี้ก็ได้ อย่างที่บ้านเหล่านี้เขาไปหาของเขา แต่เวลาออกมาเป็นเงินเป็นทองนี้เป็นของที่มีคุณค่ามากเด่นชัดต่อเมืองไทยของเรา ให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาทุกคน ๆ นะ ให้ต่างคนต่างตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติหน้าที่ของเรา
เวลานี้พร้อมแล้ว ทางบ้านเมืองก็พร้อม ทางศาสนาก็พร้อมมาเป็นประจำแล้ว พระพุทธเจ้าศาสดาองค์เอก พร้อมมาเป็นประจำ นี้เราก็ได้อาราธนาธรรมของท่านมาเป็นเครื่องดำเนินชักจูงพี่น้องทั้งหลายตลอดมา จนกระทั่งปัจจุบันที่พูดวอก ๆ อยู่เวลานี้ เอาแต่ธรรมของจริงมาพูดทั้งนั้น ขอให้ต่างคนต่างตั้งหน้าตั้งตาประพฤติปฏิบัติตัวเอง ในเรื่องครอบครัวเหย้าเรือนก็อย่าทะเลาะเบาะแว้ง ผัวอย่ามีเมียมาก เมียอย่าเสาะแสวงหาผัวมาก นี้ไฟกองใหญ่ตรงนี้กองหนึ่งนะ หากว้านแต่ข้างนอกข้างในไม่ดูไม่ได้นะ มันเป็นส้วมเป็นถานเป็นฟืนเป็นไฟเผากัน
ผัวเดียวเมียเดียวพอแล้วตั้งแต่กัปไหนกัลป์ใดมา พระพุทธเจ้าพระองค์ใดไม่เคยสอนสัตวโลก เช่น มนุษย์เราคนหนึ่งให้มี ๓ เมีย ๔ เมีย ๕ เมีย ๑๐ เมีย ผู้หญิงคนหนึ่งให้มีผัว ๒๐-๓๐ เอามาแข่งกัน ผัวคนนั้นกับผัวคนนั้นเอาเมียมาแข่งกัน เมียคนนี้เอาผัวคนนั้น ๆ มาแข่งกันไม่เคยมี เหตุใดแดนมนุษย์ เฉพาะชาติไทยของเราเป็นลูกแห่งชาวพุทธทำไมจะมายุ่งกับสิ่งเหล่านี้ มันเป็นของเพียงพอเมื่อไรเรื่องกามกิเลส เป็นฟืนเป็นไฟเป็นเชื้อไฟ หามาเท่าไรกว้านมาเท่าไรเผาแหลก ๆ
เราอย่าเข้าใจว่าเราจะได้ความสุขความเจริญเพราะความมีผัวมากเมียมากนะ นี้คือกองฟืนกองไฟที่มาก จะเผาเราหมดทั้งครอบครัวเหย้าเรือน แล้วแดนแห่งเมืองไทยเรานี้ถ้าต่างคนต่างมีผัวมีเมียมาก หมาตัวนั้นมีเมีย ๑๐ ตัว เป็ดไก่เหล่านั้นมีผัวตัวละ ๕๐-๘๐ สุดท้ายเหาอยู่ในหัวเรานี้ก็มีผัวมีเมียเต็มหัวเรา แล้วเป็นยังไงเมืองไทยเรา เอาซิพิจารณาให้ชัดเจนนะ นี้ยกภาพพจน์ให้เห็น แล้วสิ่งที่กล่าวมานี้ดีไหม ถ้าไม่ดีให้ปัดออก อย่าฝืนธรรมพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าสอนให้มีผัวเดียวเมียเดียว ท่านไม่สอนให้ละอย่างตัดขาดนี่นะ สอนอบรมผ่อนผันไปตามความสามารถของผู้ปฏิบัติธรรม เพื่อให้ประโยชน์ทั่วถึงกันตามกำลังของตน ท่านก็สอนไว้ให้พอดิบพอดี
คือผัวเดียวเมียเดียว นี้ศาสดาองค์เอกทุกพระองค์สอนแบบเดียวกันหมด ให้จำเอาไว้ อย่าฝืนถ้าไม่อยากเอาไฟเผากัน นี่ละเป็นแบบฉบับของลูกชาวพุทธ อย่ายินดีกับหญิงใดชายใดนอกจากสามีภรรยาของตน ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบมาจากอวัยวะเดียวกัน พึ่งเป็นพึ่งตายกันเท่านั้น อย่าเอาอะไรมายุ่ง เข้ามาแฝงปั๊บนี้เป็นไฟทันที สำหรับสามีภรรยาเป็นคู่ควรแก่กัน แล้วคู่บารมีก็อยู่ที่นี่เมื่อเราปฏิบัติตามศีลตามธรรม เห็นไหมพระพุทธเจ้าศาสดาองค์เอกของเรา พระนางพิมพา เคยเกี่ยวข้องกันมากี่กัปกี่กัลป์ ท่านแยกทางกันไปที่ไหน ต่างคนต่างมุ่งหน้ามุ่งตาปรารถนาโพธิญาณด้วยกัน สามีภรรยาเป็นเชือกสองเกลียวแล้วฟั่นเข้าไปเป็นเส้นเดียวผึง ๆ มา เรายกตัวอย่างให้เห็นชัดเจน จนกระทั่งวาระสุดท้าย
นี่ละทางดำเนินของท่านผู้ดีผู้เลิศผู้เลอเป็นตัวอย่างของโลก นอกจากท่านครองบรมสุขเป็นอนันตกาลเรียกว่านิพพานเที่ยงแล้ว ยังมาสั่งสอนสัตวโลกให้ถือเป็นแบบเป็นฉบับดังที่ว่านี่ อย่าลุกลาม อย่าฝืนพระพุทธเจ้านะ ท่านเป็นแบบเป็นฉบับที่ดีเยี่ยมทุกอย่างสำหรับพระพุทธเจ้าของเรา เฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับเรื่องการสร้างโพธิญาณ ชาดกอันไหน ๆ ก็พระนางพิมพา พระเวสสันดร นี้เป็นพื้นฐานมาเลย ท่านไม่เคยแยกเคยแตก ไม่เคยแบ่งจิตแบ่งใจไปสู่ชายใดหญิงใด พระเวสสันดรก็เหมือนกัน ผู้หญิงคราวนั้นไม่มีเหรอ หรือมีแต่หญิงเมืองไทยเรานี้เหรอ ชายเมืองไทยเรานี้เหรอ มันถึงกว้านหากันคนละ ๒๐ เมีย ๓๐ เมีย มันอดอยากขาดแคลนมาจากไหน
พระพุทธเจ้าสร้างบารมีมา หญิงก็มีเต็มโลก ชายก็มีเต็มโลก ท่านไม่เห็นอดอยากขาดแคลนอะไร ทำไมเราจึงไม่ถือท่านเป็นตัวอย่างได้ แล้วผู้เป็นบรมสุขเป็นตัวอย่างของโลกก็คือพระเวสสันดรกับพระนางมัทรี นี่ท่านกลมกลืนกันมาตั้งแต่ไหน เอ้า ฟังให้ดีนะ ชาดกเล่มไหน ๆ เราก็อ่านมาแล้วมาโม้เมื่อไร จนกระทั่งวาระสุดท้าย จะมีขัดข้องกันอะไรไม่เห็นมี ตลอดเวลามาเลย ทีนี้วาระสุดท้ายพระพุทธเจ้าเสด็จออกทรงผนวช การเสด็จออกทรงผนวชกรุงกบิลพัสดุ์เรียกว่าแว่นแคว้นของพระองค์ที่ปกครองสะเทือนไปหมดนั่นแหละ เทวบุตรเทวดาอนุโมทนายกออก แต่ประชาชนนอนหลับครอก ๆ นางสนมอะไร ๆ วันนั้นเป็นวันเผอิญทุกอย่างนะ ขับลำทำเพลงเกลี้ยกล่อมให้พระองค์ได้รับความรื่นเริงบันเทิง วันนั้นไม่ยุ่งกับอะไรแล้ว
เนื่องจากพระองค์เสด็จไป ๔ วัน เสด็จไปแล้วไปเจอแต่พระธรรมเทศนากัณฑ์ใหญ่ ๆ ไปเห็นเด็กเกิดใหม่ ๆ เป็นยังไง คนแก่เป็นยังไง ท่านเสด็จไปทอดพระเนตรพระนคร ถึงที่สามก็คนตาย จากนั้นก็เห็นสมณพราหมณ์ที่นั่งทำความเพียร ธรรมบันดาลหากเป็นไปเอง ไปเห็นเด็กเกิดก็มีแต่กองทุกข์ดิ้นแขม่ว ๆ อยู่นั้น จากนั้นก็เห็นคนแก่งก ๆ งัน ๆ เห็นคนเจ็บดิ้นทุรนทุราย จากนั้นก็เห็นคนตาย มีแต่ธรรมเทศนาที่กระเทือนพระทัยพระองค์ มองดูมาข้างหลังนี้เป็นแบบเดียวกันหมด จากนั้นก็เห็นสมณพราหมณ์ ท่านนั่งภาวนาของท่านสงบ นี่เป็นเพศอะไร เพศสมณะท่านบำเพ็ญเพียร สะเทือนพระจิตของท่านได้อย่างเอก
กลับมามาพิจารณา ในคืนวันนั้นในพระราชวังประหนึ่งว่าเป็นป่าช้าผีดิบไปหมดเลย ด้วยอำนาจแห่งธรรมของท่านที่เต็มที่แล้ว ๆ หนุนขึ้นมา เทวบุตรเทวดาทั้งหลายอนุโมทนา พวกนางสนมอะไรหลับครอก ๆ แครก ๆ ทิ้งเนื้อทิ้งตัวเหมือนป่าช้าผีดิบ พระองค์เสด็จไปทอดพระเนตร โอ้โหย ทำไมเป็นอย่างนี้ ทุกวันไม่เห็นเป็นอย่างนี้ ทำไมวันนี้จึงเป็นอย่างนี้เสียทั้งหมด ยิ่งเพิ่มความสลดใจให้พระองค์ เข้ามาแล้วทีนี้ตัดสินใจออกในคืนวันนั้นเวลาดึกสงัด
เวลาจะออกก็ทรงเป็นห่วงใย นั่นเห็นไหมล่ะ สำคัญที่สุด บำเพ็ญพระบารมีมาด้วยกันถึงวาระสุดท้ายแล้วก็ห่วงกันล่ะซิ เวลาจะเสด็จออกก็ห่วงพระราหุลซึ่งอยู่อกแม่ เอ้า ถ้าห่วงพระราหุลก็ห่วงแม่จะทำยังไง ถ้าไปเยี่ยมพระราหุลเดี๋ยวแม่จะกอดคอพันกันลงไปนั้นจะออกไม่ได้ ตัดสินใจ ถึงจะอยากเข้าไปชมลูกก็ตามเมียก็ตาม เข้าไม่ได้วันนั้น ถ้าเข้าไปนี้จะเกิดเหตุ ตัดสินใจ เป็นยังไงความตัดสินใจ เหมือนฟ้าดินถล่ม พระองค์ตัดพระทัยออกไป พอออกไปประตูพระนครเปิดอ้าไว้เลย เห็นไหมล่ะ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น นี่ละอำนาจแห่งธรรม เราอย่าไปคาดไปหมายว่าประตูต้องมีคนเปิด ไม่มีคนเปิดประตูเปิดไม่ได้ ธรรมนี้เหนือทุกอย่าง เป็นไปได้หมดด้วยอำนาจของธรรม ในเวลาที่จะเป็นไปได้แง่ใดธรรมจะเป็นไปเอง ๆ ใครจะมายุ่งเหยิงหรือมากีดขวางไม่ได้นะ
พระนางพิมพาพอทราบว่า พระองค์เสด็จออกทรงผนวชแล้วบำเพ็ญเพียรอยู่สถานที่ใด พระนางพิมพาแทนที่จะโกรธกริ้วอะไรนี้ไม่เป็นนะ ก้มพระเศียรแล้วกราบพระสิทธัตถราชกุมารตลอดทุก ๆ ครั้งไม่มีพลาดเลย จนกระทั่ง ๖ ปีพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ทีนี้ย่นเข้ามานะ พอตรัสรู้แล้วสอนสัตวโลกพอสมควรแล้ว พระราชบิดาอาราธนานิมนต์ให้เข้าไปเสวยพระกระยาหารในกรุงกบิลพัสดุ์ พระติดตามไปสองหมื่น ไม่ใช่เล่น ๆ นะ ตามตำราว่าอย่างนั้น
พอเสร็จเรียบร้อยแล้วพระราชบิดาก็ทรงเผดียง จะหาคนใดดีอย่างพิมพานี้หาไม่ได้แล้วนะ ทรงชมเชยคุณสมบัติคุณธรรมทุกอย่างของพระนางพิมพา ซึ่งเป็นคู่บารมีของพระองค์ ให้พระองค์ทรงสำนึกและระลึกบ้างถึงพระนางพิมพา เวลานี้อยู่ที่ตำหนักรอคอยอยู่ พระองค์ก็ตั้งหน้าจะไปอยู่แล้ว แต่นี้พระราชบิดาเผดียงอีกทีหนึ่งก็ยิ่งเป็นการเสริมเข้าไป อย่างไรพระองค์ก็จะเสด็จไปแน่ ๆ ใครจะแน่ยิ่งกว่าพระญาณของพระพุทธเจ้าทรงหยั่งทราบในพระบารมีของพระนางพิมพา ซึ่งเป็นคู่บารมีพึ่งเป็นพึ่งตายมากี่กัปกี่กัลป์ กว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมาเพราะพระนางพิมพานี้ นั่นเห็นไหมล่ะ
เวลาจะเสด็จเข้าไป ท่านไม่ไว้ใจใครนี่ เพราะเรื่องจิตใจของโลกกับของธรรมต่างกัน จิตใจของผู้มีธรรมเต็มตื้นในหัวใจ กับจิตใจของโลกผู้มีกิเลสเต็มหัวใจด้วยกัน ความคิดจะแตกแยกแตกสามัคคีกันทันที เพราะฉะนั้นเวลาจะเสด็จเข้าไปจึงรับสั่งว่า พระสงฆ์ที่มีอยู่เหล่านั้นให้กลับกันให้หมด ให้ติดตามเราไปเฉพาะพระสารีบุตรกับพระโมคคัลลาน์ ซึ่งเป็นอัครสาวกข้างซ้ายข้างขวา เพียงสององค์นี้เท่านั้น แล้วกำชับอีกนะ เพราะไปจะไปเจออย่างนั้นแน่ ๆ ว่า เวลาไปถึงที่แล้ว หากพิมพามาหาเรา จะมาทำอะไร ๆ ก็ตามอย่าสนใจนะ ให้ทำเหมือนหูหนวกตาบอดเฉยไปอย่างนั้น พระนางพิมพาจะทำอะไรต่อเรานี้อย่าไปสนใจ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าหากไปทำสักนิดหนึ่งจะกระเทือนพระทัยแล้วจะสลบไสล ดีไม่ดีตาย จะไม่ได้รับมรรคผลนิพพานในวาระสุดท้ายสมความปรารถนาเลย เพราะฉะนั้นจึงกำชับพระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์ อย่าให้มีอะไร ภาษาของเราเรียกว่า พระนางจะมาเกี้ยวมากอดอะไรก็ตาม ก็ภรรยาคู่บารมีกันมาตั้งกัปตั้งกัลป์ทำไมจะเป็นอื่นไปได้ ต้องเป็นอย่างนั้น พระองค์ทรงเล็งญาณทราบหมดแล้ว
พอไปก็จริง ๆ มีผู้ไปทูลว่าพระลูกเจ้าเสด็จมาถึงแล้วเท่านั้น มานี้ก็ปรี่เข้าใส่เลย เห็นไหมล่ะ ใครรู้ว่าดีว่าชั่วว่าหนักว่าเบาว่าที่ลับที่แจ้งที่ควรไม่ควรที่ไหน พระบารมีอำนาจเต็มที่ ที่ความหนักหน่วงถ่วงใจต่อกันเป็นเวลานานมา ปรี่เข้ากอดพระพุทธเจ้าเลย พระองค์ก็เฉย พระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์ก็เฉย ต่างคนต่างเฉยด้วยกันไปหมด พระนางทำสมพระทัยแล้ว พระองค์ก็ทรงนิ่ง พระญาณนี้หยั่งทราบตลอดในหัวใจของพระนางพิมพา วาระไหนควรจะปฏิบัติยังไงต่อพระนางพิมพา พระองค์จะพิจารณาเล็งญาณดูตลอด
พอสมควรแก่กาลเวลาแล้วพระองค์ก็ค่อยแย้มออกมา พระนางพิมพานี้เป็นคู่พึ่งเป็นพึ่งตายคู่บารมีของเราตถาคต บัดนี้เป็นวาระสุดท้ายปลายแดนของเรา เรียกว่าสมมักสมหมายแล้วทุกอย่าง สำหรับเราก็เป็นศาสดาแล้ว เวลานี้ก็เป็นห่วงแต่พระนางเท่านั้นเอง จึงได้อุตส่าห์เข้ามานี้ ให้ตั้งอกตั้งใจ เวลานี้เป็นเวลาสุดท้ายของเรา พระนางก็จะผ่านพ้นไปในระยะนี้ไม่เป็นอื่นไปได้เลย ทรงโอวาทสั่งสอน พระนางได้สติก็ถอยออกไปเอง เห็นไหมล่ะ ทั้ง ๆ ที่กอดพันพระพุทธเจ้าอยู่ ค่อยถอยออกไป พระองค์ทรงแนะนำสั่งสอนเรื่อย ๆ จนเห็นคุณค่าแห่งธรรมทั้งหลายและบารมีที่ร่วมสร้างกันมาเป็นยังไง ค่อยถอยออกไป ๆ ไปนั่งพับเพียบด้วยความสวยงาม พระองค์ก็สอนสำเร็จเป็นมรรคผลขึ้นมาในเวลานั้น จากนั้นก็จนกระทั่งถึงเป็นโสดา สกิทาคา อนาคา เราสรุปเลยนะ ถึงขั้นอรหันต์เลย พระนางพิมพาหลุดพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิง
นี่เรื่องความเกี่ยวโยงพัวพันกัน ท่านก็มีผัวเดียวเมียเดียว มันมี ๑๐ ผัว ๒๐ เมียเต็มบ้านเต็มตั้งแต่เมืองไทยของเรานี่เหรอ เอามาคิดบ้างซิ ถ้าเป็นของเลิศ ใครจะมีเมียมากยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า เหตุใดจึงมีพระนางพิมพาพระองค์เดียว ฟังให้ดีนะ อย่ามายุ่งเหยิงวุ่นวายกับขี้หมูราขี้หมาแห้ง ซึ่งมันก่อฟืนก่อไฟเผาครอบครัวเหย้าเรือนแตกฉานซ่านเซ็นออกไป เพราะผัวกาฝากเมียกาฝาก นี่พูดถึงเรื่องการสร้างบารมีการศีลการธรรม ให้พากันอยู่ร่มเย็นเป็นสุข
ให้ฝืนนะฝืนจิตใจของเรา ใจของเรานี้มันปริ่มตลอดเวลา เหมือนสายยางดึงไปไหนมันก็จะดึงเข้ามาหาตั้งแต่เรื่องกิเลสตัณหา ลากออกไปเพื่อมรรคผลนิพพานมันไม่ยอมไปนะ หลุดปั๊บมันจะวิ่งเข้าหากิเลสตัณหา เข้าหาฟืนหาไฟ ให้พากันลากกันเข็นให้ดีนะ ให้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ
วาระสุดท้ายก็พูดถึงเรื่องพระพุทธเจ้าที่ทรงเป็นตัวอย่างแก่โลกมาเรื่องศีลเรื่องธรรม เฉพาะอย่างยิ่งกามกิเลสพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ท่านสอนมาอย่างนี้ ท่านทำมาอย่างนี้ ท่านไม่รุ่มร่าม ๆ เหมือนอย่างพวกเรา หมามันวิ่งเข้าป่า ไปถามดูซิหมาในวัดนี้มี ๑๒ ตัว มันไม่วิ่งออกไปนอกหมดแล้วหรือ สู้คนเป็นบ้าหญิงบ้าชายบ้ากามกิเลสไม่ได้ ในเมืองอุดรเรานี่ เฉพาะอย่างยิ่งอยู่ในศาลานี้มีไหม ถ้ามีแล้วหลวงตาบัวก็จะหาทางออกไม่ได้ เข้าใจ เอาละพอ
เราก็วิตกวิจารณ์ในที่พัก ศาลาใหญ่ของเราเวลาจำเป็นก็นอนได้กลางคืน ตื่นเช้ามาแล้วค่อยเก็บสิ่งของ แล้วค่อยมีงานใหม่ต่อเข้ามาในศาลาหลังนั้น เวลานี้ไปหากลางคืนจนกระทั่งสว่างวันพรุ่งนี้ ศาลาใหญ่นั้นบรรจุได้นอนได้สบาย หลังนี้ข้างบนข้างล่างนอนได้สะดวกสบาย ศาลาใหญ่หน้าวัดก็พักได้สบายทุก ๆ คนนะ ตอนเช้าจะประกอบการงานต่อไป เป็นวันงานนั้น เราค่อยเก็บออกแล้วบรรจุงานใหม่เข้ามา กรุณาทราบไว้ตามนี้ พักได้ตั้งแต่บัดนี้ต่อไป ที่ไหนพอพักได้ให้พักเลย ศาลาใหญ่เหล่านี้ ๆ ได้ทั้งนั้น
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com