ทางคดเคี้ยวที่สุดเข้าอำเภอแม่สอด คดเคี้ยวมากทีเดียว ต้องได้เตือนคนขับรถ ให้เชื่อคำเตือนของเขาข้างถนน ๆ เตือนเพื่อความปลอดภัย ถ้าปฏิบัติตามคำเตือนเขาจะปลอดภัย ใครอวดเก่งพัง ที่เขาเขียนเตือนไว้ตามป้ายต่าง ๆ สองฟากทาง คือเป็นความห่วงใยของทางราชการนั่นเอง
(เขื่อนอุบลรัตน์ ทอง ๓ บาทครับ) พยายามเก็บหอมรอมริบแต่นี้ต่อไป พวกเรามีมากมีน้อยไม่สำคัญ สำคัญที่น้ำใจที่รักชาติของเรา ทำให้เสียสละ แสดงออกมาจากความรักชาติของตน มีคุณค่ามากนะ เก็บไว้เพื่อกิเลสตัณหาเพื่อความเพลิดความเพลิน ความเพื่อของตัวเองว่า เพื่ออยู่เย็นเป็นสุขสะดวกสบาย กิเลสจะพาใครให้สะดวกสบายเคยมีไหม ถ้ามีแล้วศาสนามีพระพุทธเจ้าศาสดาองค์เอกก็ไม่มีในโลก เพราะกิเลสเก่งกว่าธรรมแล้ว นี่เพราะอะไรจึงต้องมีศาสนาประจำ ก็เพราะศาสนาคือน้ำดับไฟ ไฟคือกิเลสเผาหัวใจสัตว์ เรายังไม่รู้ตัวอยู่เหรอว่าศาสนาเลิศเลอขนาดไหน ยังเห็นว่ากิเลสเป็นของเลิศเลออยู่เหรอ แล้วปีนธรรมของพระพุทธเจ้า ซึ่งเท่ากับอวดดีต่อธรรม นั้นแหละคือการทำลายตัวเองโดยไม่มีข้อคิดอะไร จมเลย ๆ ไม่มีข้อแม้
ศาสนาท่านสอนทุกอย่างแม่นยำ ๆ ตายใจได้เลย ๆ ถ้าตามธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วไม่เป็นอย่างอื่น เรื่องกิเลสนี่ไม่เป็นอย่างอื่นเหมือนกัน มีแต่จอมปลอมตลอดเลย ไม่ว่าส่วนใหญ่ส่วนย่อยจอมปลอม ล่อลวงสัตวโลกให้จมไปเรื่อย ๆ แต่สัตวโลกก็ไม่มีความเข็ดหลาบ ทุกข์ไม่เข็ดไม่หลาบคือทุกข์เพราะอำนาจของกิเลสกล่อมใจ อันนี้ไม่เข็ดหลาบ โลกมนุษย์เราจึงมีความทุกข์ความทรมานอยู่ทุกหย่อมหญ้าเลยเชียว คือสัตว์ก็มีในหย่อมหญ้า สัตว์ก็เป็นทุกข์เพราะกิเลสฝังอยู่ในใจสัตว์ คนก็เป็นทุกข์เพราะกิเลสฝังอยู่ในหัวใจคน ยิ่งผู้ใดส่งเสริมกิเลสตัณหามาก ๆ แล้ว ผู้นั้นจะเป็นคลังแห่งกองทุกข์ทั้งหลาย แล้วก็มาอวดร้านว่าคนนั้นเขาดีอย่างนั้น เขามั่งเขามี เขามียศถาบรรดาศักดิ์อย่างนั้นอย่างนี้ มาประดับร้าน กิเลสเผาอยู่ในหัวตับ ว่างั้นเลยนะ
นี่แหละภาษาธรรม พี่น้องทั้งหลายฟังเอา กิเลสฝังอยู่ในหัวตับ ให้มันถึงกิเลสละซิ เมื่อกิเลสมันถึงขนาดนั้นแล้วเราก็ซัดกันใหญ่ นี่แหละคำพูดที่มีความเน้นหนัก มีน้ำหนักที่เห็นกิเลสเป็นภัยจริง ๆ ฟัดกันเต็มเหนี่ยว พูดต้องมีน้ำหนัก ความสกปรกโสมมอย่างนี้ท่านไม่มีในภาษาของธรรม มีแต่กิเลสมันปิดป้องตัวของมัน พูดอะไรออกมาอย่างนี้ กิเลสจะต้องพยายามปิดป้อง ๆ เพราะตัวกิเลสนี้คือตัวหยาบโลน คือตัวสกปรกอยู่ในนั้นหมด มันจะไม่มีของดีในตัวของมัน เพราะฉะนั้นมันถึงปิดป้องให้โลกทั้งหลายนี้ยอมนับถือเคารพเทิดทูนมันตลอดมา เพราะกิเลสเป็นตัวหิวโหยที่สุด ไม่มีคำว่าอิ่มพอในกิเลส ไม่เหมือนธรรมนะ
อะไร ๆ ถ้าเป็นเรื่องของกิเลสแล้วไม่พอทั้งนั้นแหละ คือหิวตลอด ๆ เพราะฉะนั้นกิเลสจึงต้องการความยกยอสรรเสริญ ยกยอปอปั้นอะไร ความจริงมันไม่คำนึงแหละ ขอแต่ความยกยอมันก็พอ ความจริงมันไม่คำนึง ถ้าธรรมแล้วยอก็ไม่เอา ตำหนิก็ไม่เอาเพราะไม่ตรงกับความจริง ยอหาอะไรคือมันไม่เป็นตามยอ มันผิด แล้วตำหนิหาอะไรก็ถูกต้องแล้ว นั่นธรรมเป็นอย่างนั้น ธรรมจึงเอาความจริงเข้าว่า กิเลสเอาความจอมปลอมหลอกลวง จริงไม่จริงไม่คำนึง เรื่องของกิเลสจึงเป็นข้าศึกกับธรรมตลอดมา
ทีนี้โลกทั้งหลายถูกกล่อมมาเสียตั้งกัปตั้งกัลป์ มันก็ยังไม่อิ่มพอและจะไม่อิ่มพอตลอดไปด้วย เมื่อไม่อิ่มพอในกลอุบายของกิเลสหลอกลวงอย่างนี้แล้ว เรื่องความทุกข์ความทรมานของสัตว์ก็ต้องเป็นแถวเป็นแนวเดียวกัน เป็นเงาติดตามตัวไปเลยแหละ เราอย่าไปบ่นหาความสุข หวังแต่ความสุข หวังนั้นหวังนี้ แต่เราสร้างแต่ความทุกข์ตามอำนาจของกิเลสหลอกลวง เราจะหาความสุขมาจากไหน กิเลสไม่เคยทำใครให้มีความสุขความสบาย
ยกตัวอย่าง เอ้า ส่วนมากเรามักจะยกผู้ชายขึ้นเสียก่อนนั่นแหละ ทั้ง ๆ ที่ผู้หญิงก็มีเหมือนกันในสิ่งเหล่านี้ จะยกผู้ชายขึ้นเสียก่อน สมมุติว่าผู้ชายคนนี้มีเมียอยู่คนหนึ่งแล้ว เขาไม่พอใจ มันไม่พอ ทีนี้เขาจะไปหาให้พอใจเขา เขาก็ไปหามาอีกได้เมียมาอีก ๒ คน ๓ คน พอมาถึงบ้านนี้ฟัดกันกับเมียเก่าอยู่ในบ้านนี้ เป็นยังไงสุขไหม เขาไปหาความสุขแล้วเป็นสุขไหม นี่แหละกิเลสหลอกให้เป็นวิชาหมากัดกัน นั่นเห็นไหม นี่แหละกิเลสหลอกโลกหลอกอย่างนี้ ท่านทั้งหลายอย่าเป็นบ้า ผัวเดียวเมียเดียวนี้เคยมีมาตั้งกัปตั้งกัลป์ ครองความสุขกันมาพอแล้ว ศาสนาครอบเอาไว้ให้เป็นผู้มีผัวเดียวเมียเดียวนี้ ครองความสุขกันได้กระทั่งวันตาย
ถ้าลงมีสองผัวสามเมีย เอาเถอะน่าว่างั้นทันทีนะ นี่คือเรื่องของกิเลส หลอกเข้ามาปั๊บเป็นไฟทันที ถ้าเป็นธรรมแล้ว เอ้า อยู่กันไปจนตายด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อกัน เป็นความพึ่งเป็นพึ่งตายฝากเป็นฝากตายต่อกันแล้วไปที่ไหนสบายหมด ผัวไปไหนก็ตามเมียไปไหนก็ตาม เพราะตายใจต่อกัน มีธรรมประจำใจแล้ว โลกทั้งโลกนี่ผู้ชายมีกี่คน นั่นไม่ใช่ผัวของเรา ไม่ยุ่งเท่านั้นพอ ผู้หญิงมีกี่คนในโลกอันนี้ ไม่ใช่เมียของเราเท่านั้นพอ คนไหนเมียของเรามองดูหน้าก็รู้แล้ว จำเป็นอะไรจะต้องไปตีตราอีก แกเป็นเมียข้าไหม ไอ้ตาบอดเราจะว่าอย่างนี้ ฟาดหน้าผากมันอีกถ้าเป็นเรานะ เข้าใจเหรอ เท่านี้พอ พระพุทธเจ้าท่านสอนโลก เหตุใดจึงพากันฝืนเอานักหนา จนเป็นบ้าไม่เลิกเลยพวกเรานี่ บ้ากิเลสบ้ากามไม่เลิกนะ เวลานี้กำลังกำเริบเสิบสานมาก กำลังส่งเสริมมันมากทีเดียว
เรื่องของกิเลส กามกิเลสนี้ตัวสำคัญมาก เป็นอำนาจบาทหลวงใหญ่โตสง่าผ่าเผยมาก เพราะได้รับการยกยอปอปั้น การหมอบคลานจากสัตวโลกที่ยอมรับมัน ไปที่ไหนมันถึงออกหน้าออกตา เป็นเจ้าตลาด ๆ ไปหมด ท่านทั้งหลายดูนะ ที่พูดมานี้เป็นเรื่องใส่ร้ายกิเลส ไม่ได้ใส่ร้าย มันตัวร้ายอยู่แล้วจะใส่มันหาอะไรเพิ่มเข้าอีกล่ะ อะไรจะร้ายยิ่งกว่ากิเลส จะไปใส่ร้ายมันหาอะไร ก็มันร้ายอยู่แล้ว มีแต่ใส่ดีเข้าไป เอาน้ำดับไฟเข้าไป สอนให้แก้ให้ไข ให้ชำระสะสางถึงถูก
พระพุทธเจ้าท่านสอน ธรรมตายใจได้ขนาดนั้น เราดูซิตัวอย่างตะกี้นี้ นี่ละธรรมเป็นอย่างนี้ ใครลืมกระเป๋า พอเห็นปั๊บจับมาแล้วนี่ใครลืมกระเป๋า นั่นเห็นไหม ก็ต้องจับมาโฆษณาหาเจ้าของ เพราะไม่ใช่ของเราใครก็รู้ นี่หลักธรรมเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ของเราทำอย่างไรก็เอาไม่ลง กินไม่ลงกลืนไม่ลง ถ้าธรรมเป็นอย่างนั้น พอเห็นแล้วก็ประกาศ นี่กระเป๋าของใครลืม เห็นไหมล่ะ คือให้เจ้าของมารับไป นี่ตามความสัตย์ความจริงของธรรมเป็นอย่างนั้น แล้วอยู่ที่ไหนตายใจกันได้หมดคนเราเมื่อมีธรรมแล้ว อย่างลืมกระเป๋านี่ อย่าว่าแต่กระเป๋าหนึ่งสองกระเป๋า ลืมไปเท่าไรมันก็เกลื่อน ก็ไม่มีใครแตะไม่มีใครยุ่ง นอกจากจะจับมาโฆษณาหาเจ้าของ ถ้าไม่ขี้เกียจ ถ้าเป็นหลวงตาบัวนี่ปาเข้าป่า มันลืมอะไรนักหนา มันเซ่อ
นี่เขายังโฆษณายังดี นี่หมายถึงธรรมเข้าใจหรือพี่น้องทั้งหลาย คือธรรมนี้ตายใจได้เลย ไม่ใช่ของเราไม่แตะ จ้างให้ก็ไม่เอา บังคับให้เอาก็ไม่เอา นี่เรียกว่าธรรม จึงตายใจกันได้อย่างนี้ ผัวเมียตายใจกันได้อย่างที่ว่านี้เป็นสุขในโลก ไม่มีอะไรสุขยิ่งกว่าการครองกันด้วยความซื่อสัตย์สุจริตฝากเป็นฝากตายกัน ตามหลักธรรมพระพุทธเจ้าสอนไว้ ท่านสอนมานานสักเท่าไร ให้เราป้องกันรักษาตัวและเพื่อความอบอุ่นแก่ครอบครัวของตัวเอง ท่านเอาธรรมครอบเอาไว้ ๆ แต่กิเลสมันไปพัง ถ้ากิเลสไม่มาพังเราก็โดดไปหากิเลสละซิ นั่นซิมันถึงได้ร้อนทุกวันนี้
โห น่าทุเรศนะ แล้วเสริมไปทุกวัน ๆ ยิ่งเสริมนะ เรื่องกิเลสจะเป็นเรื่องคำไพเราะเพราะพริ้งหมอบคลานกับกิเลส พูดแข็งหรือว่าพูดธรรมดาเป็นอรรถเป็นธรรม คือธรรมต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาเรียกว่าธรรม กิเลสต้องอ้อมแอ้ม ๆ ต้องประจบประแจงเลียแข้งเลียขา อย่างนั้นเป็นเรื่องของกิเลส กิเลสชอบยอ ไปพูดธรรมดาไม่ได้ เพราะธรรมดาตรงไปตรงมา ผิดบอกว่าผิดถูกบอกว่าถูก นี้เป็นธรรม เป็นข้าศึกกับกิเลส มันจึงต้องได้รบกันอยู่ตลอดเวลาระหว่างกิเลสกับธรรมในหัวใจเรานั่นแหละ ออกจากนั้นก็ไปรบกันกระทบกระเทือนกันได้ กิเลสตัวนี้ไปไหนอาละวาดนะ ให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้
ดังที่เทศน์ตะกี้นี้ พอพูดอย่างนี้เราก็ระลึกได้ ตอนที่ไปเทศน์อำเภอ..เทศน์ไปเทศน์มามันก็เกี่ยวโยงกันกับ คือสิ่งที่เป็นพิษเป็นภัย ไม่สอนให้รู้สิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยและเป็นคุณจะสอนว่าอย่างไร ธรรมต้องสอนให้รู้ทั้งพิษทั้งภัยให้รู้ทั้งบุญทั้งคุณ เรียกว่าให้รู้ทั้งโทษทั้งคุณนั้นแหละ นี่สอน แถวนั้นเป็นแถวที่มีแต่มหาภัยสังหารคนทั้งเป็นให้หมดคุณค่าหมดราคาเป็นหมาขี้เรื้อนไปตาม ๆ กันหมด อะไรมันทำคนให้เป็นหมาขี้เรื้อน คือยาเสพติด แถวนั้นเต็มหมดเลย ไปเราก็ต้องได้สอนเรื่องยาเสพติด บอกพิษบอกภัยของมัน เรียกว่ายาทำคนให้เป็นหมาขี้เรื้อน คือยาเสพติด นี่ก็สอนเข้าไปตรงนี้เพื่อให้ได้รู้เรื่องรู้ราวกัน คือมันเป็นภัยต้องบอกว่าเป็นภัย ไม่สอนอย่างนั้นไม่ได้ เด็กไม่รู้เรื่องรู้ราววิ่งไปตามเขา เสียคนทั้งคนได้มากต่อมากนะ
เราพูดถึงเรื่องยาเสพติดเป็นภัยต่อโลก ถ้าใครได้ติดอันนี้เข้าไปแล้วหมด โลกนี้เป็นโลกหมาขี้เรื้อน หาคุณค่าหาราคาไม่ได้ ใครอยากเป็นหมาขี้เรื้อนไหม ถ้าไม่อยากเป็นหมาขี้เรื้อนแล้วอย่าเอามายุ่ง ถ้าอยากเป็นหมาขี้เรื้อนไปสั่งมา ฟากเมืองไทยเราไปนี้ ฝั่งของเขามีแต่ยาที่เขามามอบให้คนไทยเราเป็นหมาขี้เรื้อนกันทั้งนั้นแหละ ใครอยากเป็นหมาขี้เรื้อนให้โดดออกไป ใกล้ ๆ นั่นแหละเขตเขาเขตเรา เขตนั้นเขตยาเพื่อหมาขี้เรื้อน เขตนี้เป็นเขตของคนที่ต้องการเป็นหมาขี้เรื้อน เอ้าไป กลับมานี่เป็นหมาขี้เรื้อนทันทีเลย เข้าใจไหม
นี่แหละธรรมท่านสอนอย่างนี้แหละ ผิดท่านบอกว่าผิดแต่มันไม่ยอมฟังนะซิ มันถึงได้เสียคน ความรู้วิชามากน้อยนั้น ใครเรียนมาด้วยกันไม่ปฏิเสธ แม้แต่เด็กก็ยังรู้ผิดรู้ถูก ทำไมผู้ใหญ่ถึงขนาดเรียนมาเมืองนอกเมืองนา ประเทศไหน ๆ ดอกเตอร์ดอกแต้อะไรก็ไม่รู้แหละ เกิดมาแต่โคตรพ่อโคตรแม่หลวงตาบัวไม่เคยหรอกดอกเตอร์ดอกแต้ ได้ก็ได้ที่เขามายกให้หลวงตาบัวอยู่ข้างบน หลวงตาบัวเป็นดอกเตอร์สองดอกเตอร์นะ ดอกเตอร์มหาวิทยาลัยขอนแก่นและดอกเตอร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง ครั้นเวลาเขาถาม วิชาดอกเตอร์นี้มันคืออะไร ไม่ได้เรื่อง ก็จะต้องอ้อมแอ้มไป อย่ามาถามไม่เกิดประโยชน์ ไปหากล้วยหอมมาจะว่างั้น เวลาเขาถามต้องแก้ไป ไปหากล้วยหอมกล้วยไข่มา อันนั้นเกิดประโยชน์ มันก็ต้องไปอย่างนั้นเสีย ความจริงคือเจ้าของไม่ได้เรียนดอกเตอร์ใช่ไหม แต่เขามาหยิบยื่นให้ มันก็มีแต่กระดาษล่ะซี
การเรียนเรียนอย่างไร ถ้าไม่มีธรรมแล้วเหนือนี้ไปก็เหนือเถอะน่ะ กิเลสครอบไว้หมด ๆ กิเลสมันเหนือวิชา วิชานี้เป็นวิชากิเลสผลิตให้ทั้งนั้น ไม่ใช่วิชาธรรมผลิตให้ เมื่อวิชากิเลสผลิตให้แล้ว เอาวิชาใดมาก็คือเครื่องมือของกิเลสจะฟันหัวเรา ๆ ถ้ามีธรรมแทรกเข้าปั๊บ ๆ เป็นประโยชน์ทั้งหมดวิชาความรู้มากน้อย นี่สำคัญอยู่ตรงนี้นะ
โห ได้ระวังมากนะเวลานี้ลุกลามมาก เมืองไทยเรานี้ยิ่งหนาแน่นเข้าไปทุกวัน ๆ ต่อไปคนนี้มันจะไม่มีบุญมีบาปนะ มันจะเต็มบ้านเต็มเมืองมีแต่พวกหมาขี้เรื้อนทั้งนั้น ดอกเตอร์ก็ดอกเตอร์หมาขี้เรื้อน เรียนอะไรมาสูงต่ำขนาดไหน เมื่อไม่มีธรรมยอมรับความผิดถูกชั่วดีเอาเป็นเครื่องกำจัดความชั่วแล้ว เรียนมาเท่าไรก็เรียนเถอะ เป็นเครื่องมือให้คนเป็นหมาขี้เรื้อนทั้งนั้นแหละ ถ้ามีธรรมอยู่ไหนสบายหมดคนเรา เย็นใจอยู่ด้วยการไว้ใจกันได้ตายใจกันได้ดังที่พูดตะกี้นี้ กระเป๋าเงินของใครตกหายก็โฆษณาหาเจ้าของ ฟังซิ นี่ธรรม ไม่เอาไม่ใช่เป็นของเจ้าของ มันเป็นอย่างนั้น ตายใจกันได้อย่างนี้เองจะว่าไง ถ้าเป็นเรื่องของกิเลส อย่าว่าแต่มึงมาลืมกระเป๋าเดียวนี้เลย ให้มึงเอาโคตรพ่อโคตรแม่มึงมาลืมกระเป๋าไว้นี้ กูจะเอาโคตรพ่อโคตรแม่กูมาเอาหมดเลย มึงมีกี่โคตรกูมีเท่านั้นโคตรเลย มึงมาลืมกูจะเอาหมดทั้งโคตรกูนี่จะว่าไง เข้าใจไหม ไม่มีถอยกัน ถ้าเป็นธรรมแล้ว อย่ายุ่ง เห็นไหมล่ะ ไม่ใช่ของตัวเองไม่เอา
นี่ละธรรมเป็นเครื่องตายใจได้ ท่านทั้งหลายทำไมจึงไม่ฟัง ไม่สนใจบ้าง เป็นบ้าอะไรกับเรื่องของกิเลสที่พาให้ล่มจมตลอดเวลา มันล่มจมมาเท่าไรแล้วยังไม่รู้เนื้อรู้ตัวไม่เข็ดไม่หลาบ แล้วจะไปเข็ดหลาบตอนไหน พิจารณาซิ เวลาตายแล้วไป กุสลา ธมฺมา มันไม่ใช่คนเข็ดหลาบ เวลาตายแล้วนิมนต์พระไปกุสลา อย่างหลวงตานี้ไม่ไปให้แหละ สอนเต็มเม็ดเต็มหน่วยยังไม่สนใจ ตายแล้วหลวงตาบัวไป กุสลา ให้นะ สันพร้านี่ตีหัวคน เวลายังมีชีวิตกูสอนมึงทำไมไม่ฟัง เวลามึงตายแล้วจะมานิมนต์กูไป กุสลา หาอะไร นอกจากสันพร้ากูจะฟาดหน้าผากมึง เคาะโลงโป๊ก ๆ เข้าใจไหม
ให้รีบเร่งแก้ไขตัวเองตั้งแต่บัดนี้ บ้านเมืองเราเราหาที่ไหนหาความสุข ต้องหากับตัวของเรา หาความทุกข์ก็หากับตัวของเรา มันกระจายออกไปเองเรื่องความทุกข์ ใครต่างคนต่างหากระจายไปเป็นกองทุกข์ เรื่องความสุขต่างคนต่างหาความสุขด้วยปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี ความดีมันกระจายไปได้ ความสุขความทุกข์อดอยากเมื่อไรในโลกนี้ มันอยู่กับคนมันอยู่กับสัตว์ หาได้จากคนหาได้จากสัตว์ ทั้งดีทั้งชั่วทั้งสุขทั้งทุกข์ หาได้ด้วยกันนั้นแหละ อันนี้เราไม่หาสิ่งที่จะให้ความสุข มันหาตั้งแต่ความทุกข์ ครั้นหากันก็บ่น บ่นตั้งแต่เรื่องทุกข์ เจ้าของหาไม่สนใจเลย มันเป็นอย่างนั้นนะ
นี่ก็ไปเราลำบากลำบนมากน้อยเพียงไรพี่น้องทั้งหลายได้เห็นไหมล่ะ หลวงตาบัวหวังอะไรกับพี่น้องทั้งหลาย พูดตรง ๆ อย่างนี้นะ นี่ละเรียกว่าภาษาธรรม หลวงตาบัวไม่ได้หวังอะไรกับพี่น้องทั้งหลายที่เป็นผู้นำฉุดลากอยู่เวลานี้ เรียกว่าเที่ยวบิณฑบาตทางนั้นทางนี้ ประกาศให้บริจาคช่วยชาติบ้านเมืองของเรา เพื่อสมบัติของเรา จะได้อุ้มเราขึ้นจากหล่มลึก สมบัติอยู่ในกระเป๋าไม่ได้อุ้มนะ สมบัติที่จะเป็นบุญเป็นกุศลจากความรักชาติสละลงไป อันนี้อุ้มเราขึ้นนะ สมบัติที่เราได้มาแบบเอาไปใช้โกโรโกโสนั้น สมบัตินั่นละจะพาให้เราจม
นี่เราก็ได้พยายามมานี้ร่วม ๔ ปีแล้ว สอนฟังซิ พี่น้องทั้งหลายเห็นไหม สอนคนมาร่วม ๔ ปีนี้แล้ว เรียกว่าตั้งหน้าตั้งตาออกสอน ออกประกาศทั่วถึงกันด้วยความเป็นผู้นำในการช่วยชาติ เราก็พยายามเต็มเหนี่ยว เมื่อค้นมาหาหลักตัวจริงจริง ๆ แล้ว เราหาเพื่ออะไร เราพอทุกอย่างแล้วเราไม่หาเพื่ออะไร เพียงแต่อาศัยขันธ์อยู่เฉย ๆ ธาตุขันธ์ของเราหล่อเลี้ยงมันไว้ทุกวัน ปรนปรือกันไปอย่างนั้นแหละ พาอยู่พากินพาหลับพานอนเพื่อให้มีกำลัง แล้วนำเครื่องมือคือร่างกายนี้ไปทำประโยชน์ในการแนะนำสั่งสอนประชาชนและโลกทั่ว ๆ ไปเท่านั้นเอง สำหรับเราเราพอทุกอย่างแล้ว เราไม่หวังอะไร
ท่านทั้งหลายฟังไหม เป็นยังไงธรรมพระพุทธเจ้าโกหกโลกเหรอ นี่เอามาพูดให้ฟังอย่างจัง ๆ โกหกโลกเหรอ เราไม่โกหกเราเสียอย่างเดียว ใครจะว่าโกหกอะไรเราก็ไม่สนใจ การปฏิบัติตะเกียกตะกายแก้ความผิดความพลาดอยู่ในตัวของเรานี้ เต็มกำลังความสามารถ แก้ไม่หยุดไม่ถอย ๆ เพื่อความดีตลอดเวลา ๆ บำรุงด้วยความดีตลอดเวลาจนกระทั่งมีความเจริญรุ่งเรืองภายในจิตใจ ตั้งแต่ศีล สมาธิ ปัญญา วิชชาวิมุตติ ไม่มีอะไรบกพร่องในหัวใจ เราพูดจริง ๆ อย่างนี้นะ เราปฏิบัติธรรมตั้งแต่บวชมานี้ได้ ๖๘ ปีฟังซิพี่น้องทั้งหลาย นี้ยังไม่เกิดนะนี่ อายุของการบวชเราได้ ๖๘ ปี นี่อายุกี่ปีจะมาอวดหลวงตาได้หรือ หลวงตาบวชตั้ง ๖๘ ปีนี้ ดอกเตอร์ได้ถึง ๒ ดอกเตอร์ เรียนฟาดจนกระทั่งครูหมดความสามารถ หมดยังไง คือเราได้ประถม ๓ แต่ก่อนประถม ๔ ไม่มี
เราพยายามปฏิบัติตนอย่างนี้ตลอด ชีวิตของพระ หน้าที่ของพระ มีแต่การเข้มงวดกวดขันในการเก็บรักษาคุณงามความดี กำจัดปัดเป่าสิ่งชั่วช้าลามกออกตลอดเวลา ไม่ไปสร้างความชั่ว สร้างแต่ความดีตลอดเวลา ทีนี้เมื่อเวลาเราสร้างความดี ผลของความดีคือความสุขมันก็มีขึ้นมาพร้อม ๆ กัน เราไม่สร้างความชั่ว ความชั่วจะมาจากไหน มาติดตัวเราให้เดือดร้อนภายในจิตใจเราไม่มี ก็มีแต่กิเลสที่เป็นธรรมชาติมันฝังอยู่ในใจ มันดีดมันดิ้น เราก็ฟัดมันอยู่ตีมันอยู่ตลอดเวลา ตีไปตีมาตีไม่หยุดไม่ถอยมันก็ค่อยจางไปๆ ฟาดให้มันกระจ่างขึ้นมาเลย เมื่อกิเลสไม่มีเชื้อที่จะเป็นเหตุให้สัตวโลกทำความชั่วช้าลามกมันไม่มี มันก็หมดไปตามๆ กันแล้วไม่มีอะไรมากวนหัวใจ
เราพูดจริงๆ ท่านทั้งหลายเชื่อไหมธรรมพระพุทธเจ้า มาหลอกโลกหรือ เป็นของจริงตั้งแต่กิเลสนั้นเหรอ ว่ามรรคผลนิพพานมีหรือไม่มี ความดีมีหรือไม่มี นี้เอาตัวมายันเลยพระพุทธเจ้านิพพานแล้วก็ตาม พูดแล้วสาธุ ขอทำงานแทน เพราะจวนจะตายแล้ว ให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบเสียว่าธรรมของพระพุทธเจ้าจริงหรือไม่จริง เราทรงไว้เต็มหัวใจของเราแล้วเราไม่ได้สงสัยอะไร สอนพี่น้องทั้งหลายเราสอนด้วยความเมตตา เราไม่ได้แบ่งสันปันส่วน เรียกว่าเราสอนด้วยความพอทุกอย่างแล้วสอนโลกนี้นะ ไม่ว่าจตุปัจจัยไทยทานที่ท่านทั้งหลายบริจาคมามากน้อยนี้ ไม่มีรั่วไหลแตกซึมไปไหนเลย เราเป็นผู้เก็บรักษาเองผู้เดียว สั่งจ่ายแต่ผู้เดียวๆ เพื่อความปลอดภัย สำหรับสมบัติที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมาให้ตายใจได้ว่างั้นเลย เราก็ทำแบบนั้นตลอดมาไม่มีมลทินอะไรแปดเปื้อนในหัวใจเราเลย นี่เราทำอย่างนี้เพื่อโลก
เราไม่ได้เอาอะไรนะที่มากต่อมาก คิดดูซิ เงินสักกี่ล้านที่เข้าคลังหลวง สมบัติเงินทองเข้าในคลังหลวงของเรา จากพี่น้องทั้งหลายที่บริจาคด้วยความรักชาติของตน เข้าไปมากขนาดไหน เราไม่ได้มีอะไรไปแบ่งสันปันส่วนนะ เข้าอย่างสมบูรณ์พูนผลตามที่ได้มาๆ ทั้งนั้น เราไม่หวังอะไรเลย มีแต่ความเมตตาสงสารโลก สำหรับเมตตาสงสารเรา เราไม่มี เราพูดจริงๆ พอทุกอย่างแล้วสงสารหาอะไร การใช้ประโยชน์เกี่ยวกับธาตุขันธ์นี้ก็ใช้เพื่อโลกต่างหาก เราไม่ได้ใช้เพื่อเรา ถ้าหากว่าใช้เพื่อเรา เราไปนานแล้วนะ เราไม่อยู่ หนัก พาอยู่พากินพาขับพาถ่าย พาหลับพานอน มีแต่เรื่องขันธ์กวนทั้งนั้น หัวใจธรรมชาตินั้นจะไม่มีอะไรกวนเลย นอกสมมุติไปหมดแล้วเอาอะไรมากวน
สุขทุกข์ทั้งหลายก็อยู่ในแดนสมมุติทั้งนั้น สุขทุกข์ทั้งหลายเป็นสมมุตินี้ไม่มีในความบริสุทธิ์ของใจ หรือไม่มีในพระนิพพาน หรือไม่มีในท่านผู้จิตบริสุทธิ์แล้ว เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันต์ก็ดี ตั้งแต่วันท่านตรัสรู้แล้วท่านจึงไม่มีความทุกข์แม้เม็ดหินเม็ดทรายเข้าแทรกในจิตของท่านเลย นอกจากมีอยู่ตามธาตุตามขันธ์เป็นธรรมดาเหมือนโลกทั่วๆ ไปเพราะธาตุขันธ์เป็นสมมุติเหมือนกัน มันก็มี แต่ไม่สามารถที่จะไปซึมซาบจิตใจท่านให้เป็นทุกข์ได้เลย นี่เป็นอฐานะ เป็นคนละฝั่งแล้ว ฝั่งนี้เป็นฝั่งสมมุติฝั่งวุ่นวาย ฝั่งนั้นเป็นฝั่งวิมุตติหายกังวลทุกอย่าง ต่างกันอย่างนี้
นี่ก็ได้มาสอนพี่น้องทั้งหลายได้ ๓-๔ ปีนี้แล้ว หลวงตาบัวจนแทบจะเป็นจะตาย ถึงขนาดนั้นบางคนมันก็ยังมี เราไม่สนใจพวกขี้หมูราขี้หมาแห้ง เราจะหาแต่ของดี เพราะฉะนั้นใครมาว่าอะไรตำหนิติเตียนเราอะไร เราไม่สนใจ เราจะเล็งตั้งแต่ความดีงามสำหรับโลกทั่วๆ ไปเท่านั้น ส่วนที่ไม่ดีเราก็รักษาตัวเราอยู่แล้ว เราจะเอาความไม่ดีไปโปะพี่น้องชาวไทยและสัตวโลกได้ยังไง เราโปะไม่ลงเราทำไม่ได้ เราจะทำแต่ของดีทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้นใครจะมาตำหนิติเตียนเราก็เป็นเรื่องลมปากของเขา เขาตำหนิก็เป็นความผิดของเขา เขาเป็นผู้รับกรรมเอง เขาชมก็เป็นความดีของเขา เราไม่เอาทั้งความชมความติเราพอทุกอย่างแล้ว นี่ละเราสอนพี่น้องทั้งหลายเราสอนด้วยความเพียงพอทุกอย่างแล้ว เราไม่ได้มีอะไรติดเนื้อติดตัวว่าเป็นสมมุติ มีแต่ขันธ์เท่านี้ที่อาศัยอยู่วันหนึ่งๆ เท่านั้นเอง
หลังจากนี้แล้วไม่ต้องนิมนต์พระมา กุสลา เรา การสอนโลกนี้เราสอนด้วยความอาจหาญชาญชัย เลยสมมุติทั้งหมดไป คำว่าอาจหาญก็อาจหาญในสมมุติ เราไม่มีในนี้ อาจหาญเลยสมมุติ เป็นหลักธรรมชาติของธรรมล้วนๆ ที่เหนือโลกตลอดเวลา เรานำมาสอนโลกเราสอนอย่างนี้นะ ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นของจริงหรือเป็นของเล่น เป็นตุ๊กตาเครื่องเล่นของเด็กเหรอ ทำไหมจึงทำกันเหยาะๆ แหยะๆ ไม่สนใจกับอรรถกับธรรม แต่เรื่องของกิเลสพันกันวันยังค่ำคืนยังรุ่ง มีแต่ความบ่นอื้อกันทั้งบ้านทั้งเมือง ครอบครัวเหย้าเรือนผัวเมียอยู่ด้วยกันไม่เป็นสุข เพราะกิเลสเข้าไปรบกวนตีอยู่ตลอดเวลา ถ้าธรรมเข้าไปแทรกแล้วผัวเมียร่มเย็นเป็นสุข ครอบครัวร่มเย็นเป็นสุข โคตรแซ่ร่มเย็นเป็นสุขตลอดส่วนรวม ต่างคนต่างมีศีลมีธรรมสงบร่มเย็นตายใจกันได้ทั้งนั้นแหละคนเรา
เดี๋ยวนี้มันไม่มีธรรมละซิ ไปที่ไหนก็ไว้ใจกันไม่ได้ แม้ที่สุดผัวเมียนอนติดข้างกันอยู่นี้เผลอไม่ได้นะ ผัวนี้มันยิ่งกว่าลิง เราตำหนิเสียก่อนเพราะผัวนี้มันถือว่าเป็นเพศที่เปิดเผย เหมือนกับว่าเป็นเพศผู้ชายเป็นเพศหัวหน้า อะไรมันก็ออกหน้า ๆ ถ้าเป็นของไม่ดีมันก็ออกหน้าผู้ชายนี่ เป็นอย่างงั้นนะ ผู้หญิงก็มีเหมือนกันเรื่องมี เราไม่ยกเราไม่ตำหนิทางใดนะ มีเหมือนกัน แต่ที่ออกหน้าออกตาเร็วที่สุดคือผู้ชาย ถ้าไม่มีธรรมนอนติดข้างกันอยู่ก็เผลอไม่ได้ ถ้าลงมีธรรมในใจแล้วผัวเป็นผัวเมียเป็นเมียแล้ว เท่าไรถึงไหนถึงกัน ตายด้วยกันเป็นด้วยกัน นี่คือความสุข นี่คือธรรม ความฝากเป็นฝากตายทำไมไม่เอามาใช้ในครอบครัวเหย้าเรือน ไปหาทำไมอีหนูอีบ้า ว่างั้นแหละเราโมโหอยากหาอะไรตีด้วยนะ มันโมโหนี่มันไม่ถึงใจ เพราะสอนเท่าไรมันก็ไม่รู้เรื่องรู้ราว มันไม่ยอมรับอรรถรับธรรม มันจะเอาตั้งแต่ความชั่วช้าลามกมาเผากันตลอดเวลา ธรรมะมีอยู่ซึ่งเป็นน้ำดับไฟมันไม่ยอมเอามาชะมาล้าง ถึงได้เกิดความเดือดร้อน
ไปซิโลกอันนี้ เราว่าสถานที่ใดมีความสุขความเจริญ อย่าไปหาให้เป็นบ้าเปล่าๆ นะ ถ้าเจ้าของไม่ทำตัวเจ้าของให้เป็นคนดี ไปที่ไหนเป็นกองทุกข์ทั้งนั้น เพราะเจ้าของสร้างความทุกข์ เขาก็สร้างเราก็สร้าง ต่างคนต่างสร้าง เอาความทุกข์มาเผากันมีความสุขที่ไหน โลกนี้มีความสุขที่ไหน เพราะกิเลสเป็นเจ้าอำนาจบาตรหลวงใหญ่โตครอบสัตวโลกทั่วไปหมด แล้วใครก็หลงตามมันๆ ไปเรื่อย แล้วพูดประจบประแจงเลียแข้งเลียขากิเลสนี้เก่งมากนะ ที่จะพูดตำหนิติเตียนกิเลสไม่ค่อยมี แต่เรื่องธรรมมักจะตำหนิเสมอ ชวนไปวัด โอ๊ย ไม่ไปแหละ วัดอย่างนั้นอย่างนี้หาเรื่องแล้วนะ ไปวัดไปวาไปฟังเทศน์ฟังธรรมไม่อยากไป กิเลสมันพาตำหนิเรารู้ไหม เราเป็นเครื่องมือของกิเลสให้มันเอาไปตำหนิ ตำหนิวัดวา ตำหนิพระเจ้าพระสงฆ์ ตำหนิศีลธรรมตำหนิศาสนาหาว่าครึว่าล้าสมัย ตัวทันสมัยมันเป็นยังไงเอามาอวดบ้างซิ เอาตัวทันสมัยมาอวดหลวงตาบัวให้เห็นสักหน่อยน่ะ
นี้ครองหมดแล้วนะ เรื่องธรรมพระพุทธเจ้าที่ปฏิบัติมานี้เต็มหัวใจแล้ว ไม่สงสัยมรรคผลนิพพานมีหรือไม่มี เราไม่ไปทูลถามพระพุทธเจ้า เพราะท่านสอนเพื่อมรรคผลนิพพานแท้ๆ ปฏิบัติตามนั้นไม่ไปถึงมรรคผลนิพพานจะไปไหน นี่มันก็เต็มอยู่ในหัวใจนี้แล้ว เราจึงไม่มีอะไรสงสัยในโลกอันนี้ สอนโลกนี้เราสอนด้วยความเมตตาสงสาร ถึงวาระของเราแล้วดีดผึงเดียว ไม่ต้องนิมนต์พระมา กุสลา ธมฺมา หลวงตาบัวตายแล้วไปไหนนาไม่ต้องมายุ่ง เราฝึกตัวของเรามาพอแล้ว นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าฝึกจนกระทั่งพอไม่มีที่ตำหนิ จะไปตำหนิที่ตรงไหนไม่มีที่ตำหนิ สอนตัวเองปฏิบัติตัวเองให้ดีเต็มที่แล้วไม่มีที่ต้องติ ถ้าลงให้กิเลสมาลากมาไถไปแล้วมีทุกข์ตลอดเวลาจนกระทั่งวันตาย ตายแล้วยังลงไปจมอยู่ในนรกอีก
ท่านทั้งหลายยังเข้าใจอยู่เหรอว่านรกไม่มี ให้กิเลสหลอกอีกเหรอ ใครจะไปตกนรกเวลานี้ ก็ผู้ที่ว่านรกไม่มีนั้นแหละ กองรับเหมาใหญ่อยู่ตรงนี้นะไม่อยู่ที่ไหน บาปบุญนรกสวรรค์ ก็เราสร้างบาปอยู่ตลอดเวลา บุญไม่ค่อยสร้างจะเอาบุญมาจากไหน มีแต่สร้างบาปตลอดเวลา แล้วบาปไม่มาติดอยู่กับผู้สร้างจะไปไหน มันไม่ได้ติดอยู่ต้นไม้ภูเขานะบาปบุญนรกสวรรค์ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ไปนรกสวรรค์ คนผู้สร้างบาปสร้างบุญต่างหากจะไปนรกสวรรค์ ให้ดูคนนะ ดูคนคือดูใคร ดูเราให้ดี ถ้าดูเราไม่ดีจะบกพร่องตลอดเวลาจมไปเรื่อยๆ นะให้จำให้ดีทุกคน
ท่านทั้งหลายมานี้มาเพื่ออรรถเพื่อธรรม วันนี้เป็นโอกาสอันดี หูตามีก็ได้เห็นวันนี้ ได้เห็นวัดเห็นวาเห็นพระเจ้าพระสงฆ์ตามี หูมีก็ได้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรมเป็นยังไงวันนี้ เอาไปพิจารณาซิ ตา หู จมูก ลิ้น กาย มีติดมาตั้งแต่เกิด ใช้ในทางเป็นประโยชน์ก็เป็นประโยชน์ ใช้ในทางเสียหายก็เสียหายวันยังค่ำ วันนี้ได้นำเอามาใช้ในทางเป็นประโยชน์ ขอให้ทำประโยชน์ให้ได้สมใจนะวันนี้ พี่น้องทั้งหลายมา อย่ามาเฉยๆ มาโอ้เอ้ ๆ เที่ยวนั้นเที่ยวนี้โก้เก๋ด้วยความเพลิดเพลิน ให้กิเลสจูงจมูกไปไม่ใช่ธรรม ไม่เกิดประโยชน์อะไร ไปไหนก็ให้กิเลสจูงไปแล้วเอาธรรมเป็นโล่บังหน้า วันนี้จะไปวัดไปวาอย่างนั้นอย่างนี้ ธรรมชาติแท้ๆ แล้วกิเลสลากไปอยู่ลึกลับ กิเลสมันลากอยู่ลึกลับ ให้พากันจำเอาทุกคนๆ
ไปแล้วให้ปฏิบัติตัวนะ อย่าไปเร่ ๆ ร่อน ๆ เราเรียนมาทุกคน ๆ ทำไมไม่รู้จักวิธีรักษาตัวเอง เรียนมาหาอะไร เกิดประโยชน์อะไร สู้เด็กอมมือเขาไม่ได้นะ เด็กเขาไม่ได้ทำความชั่วช้าลามกเหมือนผู้ใหญ่เรา ผู้ใหญ่เรานี้เรียนมาสูงเท่าไร ๆ ยิ่งทำความชั่วช้าลามกจนไม่มีบาปมีบุญติดตัว ตายไปแล้วก็ลงจมนรก ก็น่ากลัวว่านรกจะแตกเหมือนกัน เพราะมันไม่กลัวนรกละซิ มันจะเอานรกให้แตก ให้ยกโคตรมันลงไปตกนรกก็ไปซี มันแตกหมดทั้งหัวมันนั่นแหละ นรกไม่มีคำว่าแตกแหละ เอาละวันนี้เทศน์เพียงเท่านี้พอ เหนื่อยแล้ว