วันหยุดชดเชย ถ้าจำเป็นเราก็เห็นด้วย
วันที่ 8 พฤษภาคม 2544
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔

วันหยุดชดเชย ถ้าจำเป็นเราก็เห็นด้วย

..มันขึ้นเรื่อยๆ หละมาทางนี้ก็ขึ้นไปทางไหนก็ขึ้น ดังที่เคยพูดหละขึ้นไปตามหัวหน้า ไปทางไหนขึ้นไม่มากก็น้อยต้องขึ้นอยู่เรื่อยๆ นะนี่ สรุปทองคำและดอลลาร์วันที่ ๗ เมื่อวานนี้ ทองคำได้ ๒๗ บาทก็ได้มากอยู่นะ เมื่อวานนี้วันวิสาขบูชาทองคำได้ ๒๗ บาท ๕๐ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๓๓๐ ดอลล์เมื่อวานนะ ทองคำที่ยังไม่ได้หลอมเวลานี้ได้ ๔๐๑ กิโล ๕ บาท ๘๓ สตางค์อันนี้ยังไม่ได้หลอม ๔๐๐ ขึ้นไปหละทีนี้ รวมทองคำทั้งหมดได้ ๒,๔๖๓ กิโลครึ่งยังขาด ๑,๕๓๖ กิโลครึ่ง จะครบจำนวน ๔,๐๐๐ กิโลมันขึ้นไปเรื่อยหละคืบไปเรื่อยๆ นี่เรียกว่าน้ำหนักมันหนักถึง ๒ ตันกับ ๔๖๓ กิโลครึ่งนะ น้ำหนักของทองคำของเราที่ได้เข้าสู่คลังหลวงแล้วเวลานี้นะ ที่ยังก็คือที่ยังไม่ได้หลอม ๔๐๑ กิโล ๕ บาท ๘๓ สตางค์นอกนั้นก็เรียกว่าเข้าเรียบร้อยแล้วคลังหลวงเข้าแล้วทีนี้

ทองคำ ๒ พันกิโลมันของเล่นเมื่อไร ฟังแต่ว่าทองคำน้ำหนักของทองคำตั้ง ๒,๔๖๓ กิโลครึ่งมันของเล่นเมื่อไรวะน้ำหนักของทองคำ ที่เราเข้าคลังหลวงเวลานี้ส่วนดอลลาร์มันได้เท่าไรนะ (๕,๒๗๘,๐๐๐ ดอลลาร์ครับ) นี่หละดอลลาร์ที่เข้าแล้วนะ คือจำนวนที่เข้าคลังหลวงแล้ว ๕,๒๗๘,๐๐๐ เข้าแล้วนี้ เวลานี้ยังเหลืออยู่คุณชายพูดเมื่อวันที่อยู่อำเภอปักฯ ดูเหมือนว่า ได้ ๑ แสน ๗ หมื่นกว่าว่างั้นนะ อย่างนั้นหละหลวงตาไม่เป็นท่าหละ แต่ทางนี้จะได้เท่าไรก็ตามก็ไม่ทราบนะ ทางนี้ตั้งแต่ถอนออกไปรวมเป็นจำนวนดอลลาร์ ๑ ล้านดอลล์มอบที่สนามหลวงคราวที่แล้วนี่นะ มอบ ๑ ล้านดอลล์ทางนี้ ๕ แสน ทางโน้น ๕ แสนยังเหลืออยู่บัญชีทางนี้จะน้อยกว่าโน้นมากนะ รู้สึกจะน้อยกว่าทางโน้นมากอยู่ คือเวลาถอนก็เป็นเวลาที่เราอยู่กรุงเทพฯ ดอลลาร์ก็เพิ่มทางโน้นไม่ได้เพิ่มทางนี้ เวลาขากลับมานี้ก็ยังไม่ได้เพิ่มเพราะฉะนั้นจึงคิดว่าดอลลาร์ทางนี้จะไม่มีมากเลย ทางโน้นแน่ใจว่า ๑ แสนขึ้นไปแล้วแหละ นี้พอรวมพอสมควรจะเข้าคลังหลวงเมื่อไรเราก็เข้าเป็นระยะๆ อย่างนี้เองดอลลาร์ สำหรับทองคำก็เป็นระยะๆ เหมือนกัน

สำหรับเงินสดนั้นเราดังที่เรียนพี่น้องทั้งหลายทราบเราพยายามเสมอ ความจำเป็นที่จะแปรเงินบาทเงินสดของเรานี้เข้าสู่ซื้อทองคำนั้น เราคิดไว้อย่างหนักมากกว่าที่เราจะกระจายเงินเหล่านี้ไปสู่ทั่วประเทศเรานะ เพราะอันนี้เราพอถูพอไถ อย่างไรเราก็ไม่ค่อยหนักหน่วงอะไรมากนัก แต่ทองคำซึ่งเป็นหัวใจของชาตินี้เป็นจุดสำคัญมาก เพราะจิตเราถึงหมุนอยู่ในจุดนั้นๆ ตลอดเวลา เมื่อเงินสดได้มาพอสมควรที่จะตีเข้าอีกเราจะตีเข้าไปเรื่อยๆ นี้ทางนี้ก็จำเป็นก็ให้ไปตามความจำเป็น ถูไถกันไปอย่างนั้นแต่ไม่ถือเป็นความจำเป็นยิ่งกว่าทองคำเข้าสู่คลังหลวง จึงหนักที่จุดนั้นมากนะเวลานี้ เขามีแต่ว่า ๘๕๐ เลยไม่ได้ดูอีก

แต่ความจริงมันก็คงจะเพิ่มแหละคือที่เราแน่ใจอยู่ตลอดเวลาก็คือว่า เราเท่านั้นเป็นผู้ถอนว่างั้น ไม่ใช่เราแล้วใครจะถอนไม่ได้จะมีเท่าไรก็อยู่ในนั้นหมด ว่างั้นแหละที่เราเชื่อ จำได้ไม่ได้เราไม่สำคัญ ๆ ที่ว่าสมุดฝากนี้อยู่กับเราๆ เป็นเจ้าของว่างั้น จำได้ไม่ได้ก็ตามเถอะ ดูเมื่อไรก็เปิดดูก็ได้ใช่ไหมล่ะ นั่นอย่างนั้นแหละ ส่วนกฐินทองคำกฐินเพื่อชาตินี้เราดูสมุดเมื่อเช้านี้มี ๓ ล้านนะ ทางโน้นคง ๓ ล้าน ที่ว่า ๖ ล้านนะดูสมุดเราทางนี้มัน ๓ ล้านเท่าไรแสนนะลืม แต่ไม่มากนะ พึ่งมาเจอแน่ะ อย่างนั้นแล้ว ทั้งๆ ที่เจ้าของเป็นผู้เก็บไว้นะ แล้วก็มาตื่นเงาเจ้าของนั่นแหละ พึ่งมาทราบว่ากฐินทองคำนี้มาอยู่นี้สมุดหนึ่ง อยู่นู้นสมุดหนึ่ง คือเล่มหนึ่งทางนี้เล่มหนึ่ง ทางนู้นเล่มหนึ่งคือทางกรุงเทพฯ ก็ไว้ทางนู้นเลยไม่ว่าทองคำไม่ว่าดอลลาร์ แต่เงินสดเราพอโอนทางนู้นก็โอน เข้าบัญชีไหนเราเข้าหละอันนั้นไม่แน่นอนนัก แต่สำหรับดอลลาร์กับทองคำนี้ได้ที่ไหนไว้ที่นั่นตลอดมา

วันนี้ยังหยุดชดเชยอีกเหรอ (วันสุดท้ายหยุดชดเชยค่ะ) วันหยุดชดเชยวันหยุดดูเหมือน ๔ วันหละมั้ง ๕ วันเสาร์ ๖ วันอาทิตย์ ๗ วันจันทร์ก็วันวิสาขบูชา ๘ วันนี้เป็นวันหยุดชดเชยเป็น ๔ วัน อันนี้เราก็เคยพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังเสมอ จากบรรดาประชาชนพวกราษฎร์เข้ามาพูด ไม่ใช่เขามาร้องเรียนเรานะเขามาพูดให้เราฟัง หลายผู้หลายคนพูดแล้วพูดเล่าหลายครั้งหลายหนมันก็ฝังเข้าในใจฝังในใจเรา เกี่ยวกับวงราชการส่วนมากเราจะได้เรื่องได้ราวจากประชาชนและวงราชการของผู้ดีในกระทรวงนั้นๆ หน่วยนั้นๆ แหละที่เอามาพูดให้เราฟัง เพราะฉะนั้นจึงไม่ผิดเป็นแต่เพียงว่าเราไม่พูดเฉยๆ ฟังแล้วเก็บไว้ๆๆ อย่างที่เราเคยทราบมาเป็นเวลานานอย่างนี้นะ

กระทรวงต่างๆ วงราชการทำเลอะๆ เทอะๆ ที่ตรงไหนๆ อย่างนี้วงราชการผู้ดีนั้นแหละเขามาเล่าให้ฟัง ธรรมดาเขาไม่ตั้งใจมาฟ้องร้องเรานะเขาเล่าเรื่องความไม่ดีความสกปรกโสมมในวงราชการต่างๆ ให้ฟัง สำหรับผู้เลวผู้ดีเขาไม่ว่าหละ เขาชมเชยเล่าแล้วเล่าเล่าคนนั้นมาก็เล่าคนนี้มาก็เล่า เก็บไว้ในลิ้นชักๆ เรื่อยนะ เหมือนไม่รู้ไม่ชี้จนกระทั่งมาเกิดเหตุนี่แหละ อันไหนที่ควรจะแยกออกมาพูดเราก็แยก ไอ้ที่ไม่แยกก็เยอะอยู่ในภายในเก็บในลิ้นชักยังมีเยอะอยู่นะ ละเอียดลออขนาดไหน ลูกศิษย์ลูกหาตามเอามาได้เรื่องหมดมาอยู่ในลิ้นชักนี้หมด เราเป็นธรรม ชาติก็ชาติก็เป็นชาติไทยของเรา วงราชการก็เป็นคนไทยของเราอันหนึ่ง ก็เหมือนลากไส้ให้กากินถ้ามันทนไม่ไหวก็ลากเสียบ้างเข้าใจไหม

ไส้ของแกเธอนี้มันเลอะมันเน่าก็ว่าเอาเสียบ้างเข้าใจไหม นั่นหละเรื่องมันจึงไม่พูดอะไร อะไรๆ ก็เป็นคนไทยๆ เป็นพุงของคนไทยทั้งหมดได้เสียก็เป็นของคนไทย มันก็เอามาคิดบวกลบคูณหารดูก็เก็บไปๆ เมื่อเป็นความจำเป็นที่จะนำออกมาแจงเพื่อรักษาส่วนดีไว้ ให้ส่วนชั่วนี้แยกตัวออกไปให้คนทั้งหลายได้เห็นเรื่องของมันเพื่อรักษาส่วนดีไว้นี้ เราก็แยกออกมาพูดบ้างเข้าใจไหมล่ะ ไม่ใช่เราพูดอะไร เราจะตั้งหน้าตั้งตายกโทษยกกรณ์ต่อผู้ทำผิดคิดร้าย เราทำไม่ลงนะอย่างนั้น ก็จะต้องคิดแบบแบ่งสู้แบ่งรับพิจารณาให้เป็นธรรมๆ ล้วนๆ ไปเลย นี่สมควรพูดเราก็พูด ถ้าลงได้ออกพูดแล้วเรียกว่าขึ้นเวทีแล้วใครเอาออกได้เลย เป็นคำพูดของเรา

เพราะฉะนั้นเราถึงได้เตือนทางหนังสือพิมพ์เสมอว่าเรื่องต่างๆ นั้นน่ะที่อ้างถึงเรานั้นน่ะ คำไหนให้เป็นคำของเราแล้วขึ้นเวทีได้เลย บอกถ้าอันไหนไม่ใช่เป็นเรื่องของเรา การเสริมก็ดีการตำหนิก็ดีไม่ถูกเราบอกไม่ควรนำมาแทรก เพราะไม่ใช่ของจริงคือไม่ใช่เราเป็นผู้แสดงหรือเป็นผู้พูดออกมา ถ้าไปเสริมก็จะเป็นเจตนาดีก็ตามเสริมก็เสริมผิด นั่น จะเป็นตำหนิก็ตามตำหนิก็ตำหนิผิด ผิดทั้งสองเลย ส่งเสริมก็ผิดตำหนิก็ผิดอันนี้ใช้ไม่ได้ปัดออก จึงบอกว่าไม่ให้เอามาพูดสุ่มสี่สุ่มห้านะ บอกหนังสือพิมพ์เราเคยว่าเสมอ ให้เอาเรื่องความสัตย์ความจริงที่เราแสดงยังไงออกมาแล้วนั่น คือเรารับรองแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ ร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกคำไปเลยนะเราไม่ได้พูดแบบแบ่งสู้แบ่งรับ พอหลบ-หลบ พอหลีก-หลีก เราไม่มีจริงแล้วค่อยออกเป็นธรรมๆ ทีเดียวเลย ยอมรับผิด ผิดก็แบกรับต้องรับว่าผิด ถูกว่าถูกทันทีเลย จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นี่หละคือเรื่องของธรรม

เราจึงพูดได้ทุกสัดทุกส่วนเมื่อเป็นความจริงเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าทางฝ่ายผิดฝ่ายถูกเราจะพูดได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเพื่อแก้เพื่อไขในฝ่ายไม่ดี แต่ฝ่ายดีก็เพื่อจะส่งเสริมเราไม่พูดเพื่อเหยียบย่ำทำลายนะ เพื่อให้แก้ไขกัน เช่นอย่างเมืองไทยเรานี้ไม่ว่าวงราชการวงไหนก็ลูกประชาชนเรานี่เอง เป็นวงราชการทำความเสียหายแก่พ่อแก่แม่ พุงของพ่อของแม่ลูกเต้าหลานเหลนโคตรแซ่ของเมืองไทยเรา ก็อยู่ในวงในบ้าน มาลากไส้เอาไปกินเลี้ยงโต๊ะเลี้ยงเงิน ไม่สมควรอย่างยิ่งเราก็ว่าซิ นี้ว่าไม่ได้เสียหายนี่

พูดเรื่องอะไรมันก็ต่อมานี้นะ เราพูดแล้วมันก็หลงลืมเสีย โอ้ยเรื่องหยุดชดเชย หยุดชดเชยเราก็เคยพูดเหมือนกัน เรื่องหยุดชดเชยนี่ หยุดถ้าเป็นความจำเป็นที่จะชดเชยเราก็เห็นด้วย ธรรมเห็นด้วยเราเห็นด้วยทันที ถ้าหยุดเป็นแบบอะไร มันแบบเฉื่อยชาแบบหน้าด้านว่างั้นเถอะนะแบบถืออำนาจอย่างนั้นใช่ไม่ได้เลย ประชาชนเข้ามาพูดนี้เขาเรียกว่าเขาบ่นเขาไม่ได้มาฟ้องเรานะ เขาบ่นมาในวงราชการนี้มีแต่หยุดปิดชดเชยบ้าง ปิดอะไรต่ออะไรเขาพูดแจงจนกระทั่งถึงวงราชการ ในอาทิตย์หนึ่งหยุดกี่วันนู้นเขาไล่มา ก็วงประชาชนมีความรู้ยิ่งกว่าราชการเป็นบางคนๆ มีมากอยู่นะ แต่เขาไม่ได้เข้าไปในนามว่าเป็นราชการใช่ไหม อย่างหนึ่งเขาเคยเป็นราชการมาแล้วนั่นหละอย่างนั้นนะ

ลูกศิษย์ ตอนนี้ราชการเข้าก็หยุดอย่างมาก ๔ วันแล้วเจ้าค่ะ เขาไม่ให้หยุดเกินกว่านี้

หลวงตา เออนั่น นั่นซี อันนี้เราได้ทราบเรื่องราวอันนี้มานานเราเองก็ตำหนิก็ไม่สมควรอย่างว่า ก็ว่างี้นะ ทีนี้ก็มาเริ่มมาแก้อันนี้เราก็เห็นด้วยอีกการแก้ไขนี่ อันไหนบกพร่องเราเพื่อจะหนุนชาติของเรา อันไหนบกพร่องจะทำความเสียหายแก่พี่น้องชาวไทยเรา เช่นอย่างหยุดชดเชยนี้ทั่วแผ่นดินไทยจะต้องเข้าไปวงราชการใช่ไหม วันนั้นไม่ทำงานคือเสียงานไปหมดนั่นพิจารณาซิ เขาเสียการเสียงานมากขนาดไหนซึ่งหยุดชดเชยนี้ไม่จำเป็นถ้าจำเป็นเราไม่ว่าแน่ะ เช่นอย่างประชาชนพออกพอใจเหล่านี้นะ เช่นหยุดสงกรานต์ปีใหม่นี้หยุดไป ๓๗๐ วันเราก็ไม่ว่าถ้าประชาชนเขาไม่ว่านะอย่าว่าแต่ ๓๖๕ วันเลยนะ ๓๗๐ วันเราก็ไม่ว่า ขอแต่ประชาชนเขาพอใจเท่านั้นพอ

เราไม่สนใจเพราะเรานี้อยากกินเราก็บิณฑบาต ไม่บิณฑบาตก็ได้กินทุกวันนี่เราไม่เห็นเสียหายอะไร ถ้าชดเชยเราชดเชยตลอดเรานะกินทุกวันแน่ะ นี่ประชาชนเข้ามาเกี่ยวข้องกับวงราชการควรที่จะเห็นอกเห็นใจเขา การทำงานก็ด้วยความไว้วางใจของประชาชนเขามอบให้ทางราชการเป็นผู้ทำ หน้าที่การงานไม่ควรจะย้อนเข้ามากับเหยียบย่ำทำลายเขาให้บอบช้ำไม่สมควรว่างั้น ความหมายต้องแบ่งสู้แบ่งรับ เราจะเห็นแต่ว่าเราเป็นผู้ใหญ่เป็นเจ้าเป็นนายอย่างเดียวอย่างนี้ผิด เจ้านายใครเป็นคนมอบมาให้เป็นเจ้าเป็นนายนั่น ประชาชนไม่ลงใจเป็นไปได้เหรอ เจ้านายเป็นเจ้านายของประชาชนจะเป็นของใครไปวะ จึงต้องได้คำนึงให้เหมาะสมทุกอย่างไม่คำนึงไม่ได้นะ

นี่พิจารณา คือพิจารณาเรื่องอะไรก็ตามเถอะ เราจะไม่นอกเหนือจากธรรมเลยจะเอาธรรมเป็นเกณฑ์เดินตามธรรมเรื่อยๆ ถ้าอะไรขัดธรรมแล้วไม่เอาๆ ถ้าสมมุติเราผิดเราเดินมันจะผิดมันจะรู้ทันทีปั๊บแก้ขึ้นทันทีเลยอันใดเป็นธรรมแล้วโล่งเลยๆ ถ้าลงได้เป็นธรรมเต็มเหนี่ยวแล้วอะไรมาผ่านไม่ได้นะพุ่งๆ ใส่เลย เข้าใจไหมธรรมเป็นอย่างนั้นหละไม่มีคำว่ากล้าว่ากลัวต่อสิ่งใด มีแต่ความจริงล้วนๆ เป็นอำนาจแห่งในหลักธรรมชาติ ของเราธรรมชาติพุ่งออกเลยเพื่อให้เป็นคติของโลกทั่วๆ ไป เพราะธรรมนี้ไม่ผิด ถูกต้องความหมายว่างั้นนะ เด็ดก็เด็ดเพื่อถูก เด็ดเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวมไม่ได้เด็ดเพื่อความฉิบหายนี่

ต่อไปนี้ก็วงราชการของเราจะได้พิจารณาไปเรื่อยๆ แหละแล้วเราก็เสริมอีกด้วยว่าควรพิจารณาไปเรื่อยๆ แต่นี้ต่อไปเพราะเวลานี้ยอบแยบมากเมืองไทยของเราต้องได้เอากันเต็มเม็ดเต็มหน่วยทุกคน ให้ต่างคนประชาชนก็ให้รู้เนื้อรู้ตัว อย่าไปว่าแต่รัฐบาลอย่างเดียวนะประชาชนก็คนของคนไทย วงราชการก็ลูกของคนไทยเรานี้แหละใครผิดใครพลาดเฉลี่ยเผื่อแผ่แก้ไขทุกคนๆ ไป ทางวงราชการผิดตรงไหนให้พยายามแก้ไข ทางประชาชนผิดตรงไหนก็ให้พยายามแก้ไขนะ เพื่อชาติไทยของเราจะได้ฟื้นฟูขึ้นมาด้วยความเอาใจใส่ความรักชาติความสามัคคีกัน

ความสามัคคีสำคัญมากนะ เราอย่าถืออะไรยากมากยิ่งกว่าความสามัคคีนะความรักชาติก็เป็นความสามัคคีกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่แตกไม่แยกไม่ยกชาติชั้นวรรณะฐานะสูงต่ำเข้ามาเหยียบย่ำทำลายกัน อันนี้เป็นความเสียหายมากนะยกตนขึ้นมันก็ไปเหยียบคนอื่นนั่นซี กระทบกระเทือนแม้ตั้งแต่ไปเหยียบมดแดงมันยังกัดเอาว่าไง แล้วไปเหยียบหัวคน หัวหลวงตาบัวนี้ทั้งไมโครโฟนนี่ทั้งกำปั้นฟาดมันเลยเข้าใจไหม มาเหยียบทำไมหัวหลวงตาบัวจะว่างั้นนะ เหยียบหัวคนไม่ถูกต้องพิจารณาให้มีแง่หนักแง่เบา นี่แหละศาสนาปกครองโลก

เวลานี้ก็กำลังเอาศาสนามานำ พี่น้องทั้งหลายควรจะเอาไปคิดไปอ่านบ้างนะ การสอนเรานี้เราแน่ใจว่าไม่ผิด สอนพี่น้องชาวไทยเราทั้งการดำเนินเพื่อชาติบ้านเมืองเราพิจารณาไปโดยลำดับ การนำพี่น้องทั้งหลายเราไม่ได้ทำแบบที่ว่าเอาอำนาจเข้าว่า เราไม่มีอำนาจแบบป่าๆ เถื่อนๆ เราไม่เอามาใช้นะ ถ้าอำนาจของธรรมแล้วคอขาดเรายอมไปเลยนี่ เราไม่ฝ่าฝืนถ้าเป็นอำนาจของธรรม ถ้าเป็นอำนาจของสกปรกนี้ไม่เล่นด้วยเลย เพราะฉะนั้นการนำพี่น้องทั้งหลายเราจึงนำด้วยความบริสุทธิ์ใจทุกสัดทุกส่วน การตำหนิติเตียนหรือการชมเชยก็ดี เป็นเหตุเป็นผลเป็นอรรถเป็นธรรมไปทั้งนั้นแหละ เราจึงไม่มีคำว่ากล้าคำว่ากลัวกับสิ่งใด คำว่าได้ว่าเสียเราก็ไม่มี คำว่าแพ้ว่าชนะเราก็ไม่มี เรื่องความเอาเปรียบเอารัดอย่ามาพูดเลยว่างั้นหละ เรามีไม่ได้เด็ดขาด

มีแต่ความเมตตาครอบ ความเมตตานี้นิ่มไปหมดทั่วโลกธาตุจะว่าไง อันนี้เหนือทุกอย่าง อะไรจะมาเกินความเมตตาไปได้นั่น เราดำเนินตามนี้ตลอดมา ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้พากันพยายามเริ่มนะตั้งแต่บัดนี้ต่อไปอีก เราก็จะเริ่มทางบ้านเมืองก็รู้สึกว่าราบรื่นไปโดยลำดับ ค่อยราบรื่นไป ราบรื่นไปโดยลำดับ ทางศาสนาเราก็พยายามเต็มกำลังของเราอยู่แล้วจะราบรื่นหรือไม่ราบรื่นพี่น้องทั้งหลายก็ทราบเอง เราก็เป็นผู้ดำเนินก็เราก็ทราบของไปโดยลำดับก็มีเท่านั้นหละวันนี้

ลูกศิษย์ ถวาย ๓ ดอลลาร์เจ้าค่ะหลวงตาแล้วก็กฐินตกค้างอีกเจ้าค่ะ

หลวงตา เออเอามาอยากให้ตกค้างมากกว่านี้ เอาเรื่อยหละเอาตกค้างวันนี้พอเป็นเครื่องหมายของช่อง ๕ เท่านั้นไม่ให้มากมันไม่มีมากเพราะเราสั่งไม่ให้ยุ่งมากๆ มันกลายเป็นโลกไปเลย พิจารณาตลอดนะอะไรขัดปั๊บมันจะรู้ทันที แล้วเอาออกมาอีกมันยังไงกันนี่เราจะให้ช่อง ๕ ทั้งหมดเลยวันนี้เพราะมันมีน้อย เราไม่ให้ใครเอานี้ให้ช่อง ๕ อีกเอา ทำประโยชน์ได้มากมายนี่ เราไม่เห็นทำประโยชน์อะไรพวกเรา ไอ้หลวงตาบัวยิ่งแล้วมีแต่ว้อๆ เอาละวันนี้เท่านั้นละ

วันนี้เทศน์บ้างเล็กน้อยวันนี้ก็จะได้ถึง ๑๕ นาทีไหม (ได้ครับ) ปล่อยแล้วหมาเราจะได้ถามพระเรื่องไอ้กี้มันเห่าทั้งคืนมันเป็นยังไงวะ

ลูกศิษย์ เช็คเงินสดกราบนมัสการถวายช่วยชาติ ๑๑,๙๙๙ บาท

หลวงตา เออ ๑๑,๙๙๙ บาท นี่ถ้ามีผู้มาให้เอามาแข่งกันนะคนหนึ่งเอาเงินมาวางไว้ที่นี่ ๑๑,๙๙๙ บาทคนหนึ่งเอามาวางไว้ที่นี่เป็น ๑๒,๐๐๐ ใครจะเอาทางไหนเออ มีแต่ก้าวหน้าๆ บทเวลาถอยหลังขาดไป ๑ บาทไม่เห็นพูดวะ เออ ต้องเก็บให้หมดซิเอาละพอใจให้เท่าไรเอาหมดนั่นแหละ เท่านั้นหละวันนี้คนก็ยังมากอยู่นะ รถโรงพยาบาลมาไหมวันนี้ เมื่อวานก็ดูเหมือน ๓ โรงด้วยกันใช่ไหม

ลูกศิษย์ หลวงตาขาหนูมาขอลากลับกรุงเทพฯนะคะ

หลวงตา กลับกรุงเทพฯแล้วเหรอ รถเอามานี่แล้วเอาไปไว้ที่ไหน ไม่เห็น

ลูกศิษย์ เมื่อวานที่คนมาเยอะหนูเข้าไว้ข้างในค่ะ

หลวงตา ไว้ข้างใจเหรอ เห็นจอดไว้ที่นี่หลายวันแล้ว เราเดินมาทีไรมันไม่ปวดขี้ ถ้าปวดขี้แล้วจะโดดขึ้นไปหลังคาฟาดใส่ป้าดแล้วนี่รถใครเท่านั้นเราก็ผ่านไปเลย ๒-๓ วันนี้ไม่เห็นไปไหนวะเราว่างั้น เอาละไป ตั้งแต่วันเรากลับจากกรุงเทพฯมาพร้อมกัน จนกระทั่งป่านนี้ยังไม่กลับ เป็น ๑๒ วันแล้วนี่

มาเหรอปากน้ำ โฮ้มันไม่ได้ถอยหละปากน้ำ ไปไหนมันเอาแหลกไปเลยนะ ใครต้องระวังอย่างอื่นแต่ก่อนเราก็ไม่ค่อยระวังมากต่อไปนี้ต้องได้เตือนเวลาลูกศิษย์ลูกหาให้ระวังทางปากน้ำให้ดีนะเผลอไม่ได้นะเราบอก ปั๊บเข้าถึงเลยนะ เออเอามา

ลูกศิษย์ คุณสนิชชา สหเวชภัณฑ์เจ้าค่ะเธอยกชาติทุกวันเจ้าค่ะด้วยทองคำวันละ ๑ แผ่น เงินไทย ๒๐๐ บาทเงินดอลล์ ๒ ดอลล์ประมาณ ๓๐ วันก็ประมาณ ๖๐ ดอลล์เจ้าค่ะ

หลวงตา เออดีแล้ว ยกเข้ามา เงินบาทก็ไม่ใช่น้อยๆ น่ะนี่มันไม่รู้ว่ากี่บาทนะนี่

ลูกศิษย์ วันละ ๒๐๐ บาท ๓๐ วัน ดอลลาร์วัน ๒ ดอลล์ ทองคำวันละ ๑ แผ่นคุณสนิชชา สหเวชภัณฑ์เจ้าค่ะ

หลวงตา เออเอาละพอใจ เอารับไปเลย แล้วเอาพานเปล่ามาให้ไปหามาใหม่

ลูกศิษย์ เขากลับกันหมดแล้วอาจารย์รัตนายังไม่กลับเหรอ

หลวงตา มันน่าตีปากนะอยู่เฉยๆ ไม่อยู่ แต่นี้ดีกำปั้นๆ เขาเชื่องนะ ถ้าเป็นกำปั้นหลวงตาบัวนี้ปั๊วะแล้ว ยังดียังน่าชมอยู่คือกำปั้นเชื่อง หมัดเขาเชื่องถ้าเป็นหมัดเรานี้ยกมาทั้งหลังหมาเลยเอาหมดเลย หมัดบนหลังหมาฟาดคนเดียวเลย มาเมื่อไรนี่

ลูกศิษย์ มาเครื่องบินเที่ยวเช้าครับ ถวาย ๑๐๐ ดอลล์ครับ

หลวงตา หลวงตาอาจารย์อยู่ที่นี่หลวงตาอาจารย์โดดมานี่เห็นไหม ข้ามกรุงเทพฯมาเลยนั่นเห็นไหมล่ะ แต่ก่อนมาแวะที่กรุงเทพฯ พอหลวงตามาอยู่นี่ข้ามกรุงเทพฯมาเลยเห็นไหมล่ะ มหาชัยหละนี่เอาละพอใจ วันนี้มันจะได้ ๓๐๒ แล้วขึ้นเรื่อย เป็น ๓๐๐ เท่าไรลืมแล้ว

ลูกศิษย์ ๓๐๒ ดอลล์ครับ เขาทำวันละ ๒ ดอลล์ภายใน ๓๐ วันครับ

หลวงตา เออ นี่เป็นเดือนหนึ่งใช่ไหมที่มาตะกี้ วันละ ๒ ดอลล์ ภายไหนก็ภายเถอะถ้าลงได้เข้ามือหลวงตาบัวแล้วภายไหนก็ภายเถอะยังไงก็ไม่หลุดมือออกไป เอาหมดเลยถ้ามาถามหาชี้ใส่คลังหลวงเลย ว่างั้นเอาละนะ มันก็ขึ้นเรื่อยๆ อย่างนี้หละขึ้นเรื่อย ทองคำก็ขึ้น ดอลลาร์ก็ขึ้น ถึงไม่มากก็ขึ้นตลอดขึ้นอยู่ทุกวันทุกวัน วันนี้ดอลลาร์ก็ตั้ง ๓๐๐ กว่าแล้วนั่นของเล่นเมื่อไรวะ

นี่ก็ได้สั่งเขาแล้ว เขาเป็นผู้เก็บบัญชีดอลลาร์ ถ้าได้ตั้งแต่พันขึ้นไปแล้วก็ให้บอก คือเอาเข้าธนาคารสักทีหนึ่ง ตั้งแต่พันดอลลาร์ขึ้นไปเข้าทีหนึ่งๆ นี่ได้สั่งเขาแล้ว

ลูกศิษย์ ในบัญชีเดิมเอาออกไปแค่ ๕ แสน บัญชีของหลวงตานี่เฉพาะดอลลาร์เอาไป ๕๗๖,๑๐๕ ดอลลาร์ ก็เหลือ ๗๖,๐๐๐ ดอลลาร์) ก็นอกนั้นเราไม่เคยถอนทางนี้ ถอนเฉพาะ ๕ แสนเท่านั้นไป ทางโน้นก็เราอยู่เหมือนกันนะ คือบัญชีกรุงเทพฯก็อยู่ในเราคนเดียวที่จะเป็นผู้ถอนให้นะ ทางนั้นก็ถอน ๕ แสน ทางนี้ก็ถอน ๕ แสนเป็น ๑ ล้าน แล้วจากนั้นก็เหลือทั้งทางโน้นทางนี้ ก็คงจะยังเหลือสัก (๗๖,๑๐๕ ดอลล่าร์) นั้นแหละนะมันก็เหลืออยู่นั้นแหละคงเหลืออยู่นั่น แล้วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ทองคำเราก็ขึ้นเรื่อยๆ หละทองคำ ดอลลาร์ขึ้นเรื่อยๆ เงินสดมันขึ้นทุกวันนั้นแหละ เงินสด มันขึ้นของมันทุกวัน แต่ขึ้นทีไรมันเป็นน้ำไหลบ่าเงินสด เงินสดนี้น้ำไหลบ่านะซ่าออกทั่วประเทศไทยเลย เวลานี้ก็ตั้งมากมายนะที่มาขอ เราปัดพักเอาๆ ไว้เสียก่อน คือเราจะตายเราไม่ไหวหละ ที่จำเป็นมากที่สุดก็คือโรงพยาบาลเป็นอันดับหนึ่งตลอดนะโรงพยาบาล เครื่องไม้เครื่องมือยังไม่แล้ว แล้วตึกแต่ละตึกนี้มันไปกี่ล้านๆ นี่หนักมากนะเวลานี้ก็ยังเหลืออยู่ ๒ ตึกจ่ายงวดยังไม่เสร็จ กับโรงเรียนๆละ ๒ หลัง แน่ะ อย่างนั้นแล้ว นี่ก็มารออยู่แล้วเราพักเอาไว้ พักเอาไว้เสียก่อน เครื่องมือแพทย์นี้มาเรื่อย สั่งเรื่อยเครื่องมือแพทย์

ที่ว่าไปลงสีชมพูวันนั้นก็ไปเทศน์เขาก็ได้เงิน ๖๓๐,๐๐๐ พอดีเขาก็ขอทางโรงพยาบาลสีชมพูก็ขอทั้งรถพยาบาล ทั้งอุลตร้าซาวนด์ เราเลยได้ให้เฉพาะอุลตร้าซาวนด์เครื่องหนึ่งมันก็พอๆ กันหละกับได้ที่สีชมพูนะ ได้มาเท่าไรก็พอๆ กันกับให้เป็นค่าอุลตร้าซาวนด์ไปเลย ก็ยังดีไม่ได้เอาของเราไปหมดทั้งกระเป๋านี่ ยังแบ่งบ้างไม่เป็นไรวะ ส่วนรถแอมบูแลนซ์ให้รอเสียก่อน นี่พึ่งจ่ายไปเร็วๆ นี้รถแอมบูแลนซ์ เวลานี้รถแอมบูแลนซ์คันหนึ่ง ๙ แสน ๗ หมื่นนะ แต่ก่อนเพียง ๘ แสน ฟังซิ ขึ้นถึง ๙ แสน ๗ แล้วนะ แต่ก่อนเราเคยสั่งมาเพียง ๘ แสนเท่านั้น เดี๋ยวนี้ขึ้น ๙ แสน ๗ หมื่นแล้ว มันขึ้นทุกวันนะ ให้ลดลงไม่ค่อยเห็นมีนะขึ้นเรื่อยๆ เครื่องไม้เครื่องมือแพทย์ก็ขึ้น แม้ที่สุดคือการก่อสร้าง ไอ้เหล็กหลาอะไรมันก็ขึ้น มันก็เลยขึ้นไปด้วยกัน เราเป็นคนจ่ายเองมันรู้หมดนั่นแหละ จ่ายไปเท่าไรๆ รู้หมด เลิกกันทีนี้นะเกือบ ๙ โมงแล้ว เมื่อวานนี้ไปธุระบ้านแพงไปปุ๊บๆ ไป เข้าปั๊บเสร็จแล้วกลับมาเลย เมื่อวาน

ยังไงก็ต้องขึ้นเรื่อยๆ ละทีนี้สมบัติเพื่อคลังหลวงพี่น้องชาวไทยเราจะเริ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราก็ได้เตือนพี่น้อง ไอ้หมีมึงเก่งนะไอ้หมีมันมาอะไรไอ้นี่ ดูซิน่ะ ไอ้หมีไอ้หยองไอ้กี้ ๓ ตัวนี้ตัวสำคัญนะ มันมักเพ่นพ่านเห็นไหมไอ้หมี ๓ ตัวมันเข้าไปแอบอยู่ในครัวไ อ้หมีเดียวนี้ไปในครัวเป็นประจำนะ แต่ก่อนไม่ไปหละ เดี๋ยวนี้ไปในครัวไปทีแรกเฉยไม่สนใจกับอะไร ครั้นหลายครั้งหลายหนมันสู้เหยื่อล่อทางโน้นไม่ได้ ใครไปเขาก็ยื่นอาหารให้ ไอ้หมีก็เลยติดเหยื่อล่อ ต้องเข้าทุกวันนะไอ้หมีนี่ นั่นมึงเห็นไหม มันเข้าทุกวัน

ไอ้หมีถูกตีนะมันไปรังแกเขา มันท่าใหญ่นะตัวนี้มันไปรังแกเขา ถูกไม้เรียวนี้หมอบเลยนะ ไม้เรียวหวดลงนี้หมอบเลยตีหมอบ ไอ้พระก็พระผีบ้าอีกแหละให้ตีหมายอมแล้วหมาหมอบแล้วยังร่ำอยู่ มันเป็นบ้าหรือพระนี่ เราตีหมาเพื่อให้เห็นโทษ เขาเห็นโทษแล้วนี่เขายอมแล้วน่ะ ทำไมไปตีเขาอีกนี่วะ วันนั้นยังไม่ได้ใส่หลังพระ พอวันหลังนี้ไอ้หมีไปรังแกเขาอีก ก็บอกพระฟาดหลังหมาตีแรงๆ ก็ได้ ตีไม่แรงเราก็เอาไม้นี้ฟาดหลังพระอีกตีอย่างนี้ซิ นั่นเห็นไหมล่ะ ตีหลังพระเข้าใจไหม พระตีหลังหมา มันตีไม่แรง ตีแรงๆ กว่านั้นซิ ยังแป๊ะๆ อยู่เราก็ฟาดใส่หลังพระตีอย่างนี้ซิ เราบอกนั่นเห็นไหมล่ะ มันเป็นทุกแบบวัดป่าบ้านตาดเป็นทุกแบบ แต่ใครจะมาถืออะไรมันก็ไม่ได้เพราะอะไรก็ตามที่ทำเหล่านี้ ไอ้เรื่องเมตตานี้ครอบตลอดเวลาใช่ไหม ตีก็ตีแบบเมตตา มันไม่ตีแบบอื่น

ที่น้ำหนาวนั้นก็โอ๊ยจะร่วม ๓ เดือนละมั้ง น้ำหนาวที่ ๒ ด่านเราก็ไม่เคยได้ไป สงสารมากนะ นี่ไม่ได้ไปตั้งแต่เราเริ่มไปกรุงเทพฯเที่ยวก่อนตั้งแต่เดือนมีนา เมษา พฤษภา มานี้ยังไม่ไปแต่เราก็ได้สั่งไว้แล้วว่า ต่อไปนี้จะไม่ค่อยได้มาบ่อยนักนะ หลวงตามีงานหนักมากเข้าทุกวันๆ สั่งเขาไว้ทางนู้น เดี๋ยวเขาจะคอยเราเพราะปกติเดือนหนึ่งเราจะไปหนหนึ่งๆ เอาของไปแจก ๒ ด่าน เพราะ ๒ ด่านนี้เป็นด่านรักษาชาติเข้าใจไหมล่ะ น้ำหนาวดงใหญ่ทั้งหมดนั้นน่ะมีอยู่ ๒ ด่าน เพื่อรักษาความปลอดภัยของต้นไม้สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่มีอยู่ในนั้นเป็นหลักธรรมชาติ ของภูเขานั้นแล้วก็สัตว์เต็มอยู่ในนั้นหละ พวกนี้เป็นผู้รักษาสมบัติของชาติเอาไว้ เราจึงเห็นใจจึงต้องไปสงเคราะห์เสมอ ไปที่ไหนก็เหมือนกัน

เช่นอย่างเข้าเขาใหญ่เหมือนกันนะไปเขาใหญ่นะ ไปนี่ก็ไปทางปราจีนไปนี้ก็ไปกวาดซื้อของตามตลาดใส่รถเต็มเอี๊ยดแล้วก็ไป พอไปถึงด่านนั้นก็เปิดด่านนั้นก็เปิดได้ก็เทลงเลย แจกให้ครบกัน ครอบครัวละเท่านั้นๆๆ แล้วส่วนเงินสดไม่ได้ให้มาก ให้ครอบครัวละ ๑๐๐-๑๐๐ เด็กให้ ๑๐๐ แล้วผ่านเลย พอมองเห็นเรานี้ รถเรามันสำคัญนะ รถเราไปไหนมันทำไหมคนถึงรู้ได้เร็วนักนะ พอมองเห็นขนาดไกลๆ นี่ นั่นเขารู้เราแล้วนะ ปุ๊บปั๊บเปิดประตูปั๊บโบกทางโน้นโบกทางนี้ เขาบอกกันว่าพ่อครัวใหญ่มาแล้ว มาแล้วก็พรึบเลยๆ เราก็ลงก็เปิดเอ้าขนออกใส่เลย เรากำหนดพอแล้วคือ ๑๒ ครอบครัว เราให้เสมอกันหมดเลยนะ เราเทออก เอ้าแยกกันนะนี่เรากำหนดมาครบเรียบร้อยแล้ว พอเสร็จแล้วเราก็ขึ้นเขาเลย เราก็บอกว่าเราจะไม่กลับมาทางนี้อีก เราจะออกทางปากช่องเราว่าอย่างนั้นทุกครั้ง ไปทีไรให้ทุกที

นี่ก็เขารักษาสมบัติของชาติ มันเรื่องเล็กน้อยเมื่อไร ฟังแต่เรื่องชาติเราถือเอาอย่างนั้นนะ ไปไหนเราจึงเน้นหนักๆ กับท่านเหล่านี้ที่รักษาสมบัติของชาติไว้ให้แน่นหนามั่นคงต่อไปลูกเต้าหลานเหลนจะได้ดูจะได้ชมไม่งั้นฉิบหายหมดนะ นี่ที่เราสงเคราะห์อย่างที่ ๒ ด่านนี้เหมือนกัน ๒ ด่านนี้ก็ให้ครบแต่นี้ให้ครอบครัวละ ๕๐๐ กี่ครอบครัวให้ครอบครัวละ ๕๐๐ ส่วนเด็กมีกี่คนก็ให้คนละ ๑๐๐-๑๐๐ เหมือนกันหมดนอกจากนั้นเรากำหนดให้พอ พอดีเต็มรถเอี๊ยดเลยก็พอดีกับ ๒ ด่านเรากำหนดไว้พอดีไม่หนักมากเกินไปแล้วของก็ครบสมบูรณ์ เอาละไปละ

ลูกศิษย์ หลวงตาเจ้าขา หนูขอกราบเรียนถามธรรมะนิดนึงเจ้าค่ะจะได้กลับไปปฏิบัติ คือว่าเวลาที่สมาธิได้แล้วนะคะ จากนั้นเดินปัญญาต่อพอสักพักนึงมันจะหยุดนิ่งไปเฉยๆ คะหลวงตา

หลวงตา ไม่ใช่สมาธิมันได้แล้วมันลงไปก้นทะเลหลวงแล้วหรือ มันถึงก้าวปัญญาไม่ได้ ว่าได้สมาธิแล้วมันได้ยังไงมาบอกเราซะหน่อยน่ะ วิธีได้สมาธิเป็นยังไง

ลูกศิษย์ คือมันจะนิ่งไปเงียบไปเฉยๆ จะไม่ได้ยินอะไรเลย

หลวงตา เออก็ถูก

ลูกศิษย์ จากนั้นไปหลังจากถอนจิตขึ้นมา

หลวงตา คือเวลามันจิตสงบนะ คือจิตสงบนี่มันไม่ละกิเลสตัวใดได้หละพูดตรงๆ อย่างนี้เลยนะ แต่ตีตะล่อมกิเลสตัวผลักดันให้ฟุ้งซ่านออกไปนั้นเข้ามาด้วยอำนาจแห่งธรรมเช่นเรากำหนดคำบริกรรม เรียกว่าคำบริกรรมนี้ดึงคือบังคับอันนี้ความคิดนี้หละ ที่คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้เราอย่าเข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้นมาจากไหนนะ ออกจากนี้มันดันออกไปให้คิดภาพนั้นภาพนี้ภาพสัตว์ภาพบุคคลภาพเรื่องราวต่างๆ ที่เราไปเห็นข้างนอกนะมันออกจากนี้ออกไปทีนี้พอเอาคำบริกรรมกำหนดสติตั้งอันนี้ปั๊บบีบอันนี้ไว้ไม่ให้มันออกมันก็ไม่มีภาพข้างนอกอันนี้ทางนี้ก็ค่อยสงบลงๆ เมื่อสงบหลายครั้งหลายหนแล้วมันจะแน่นหนามั่นคงขึ้น จากนั้นมันก็จะเชื่อมโยงถึงเป็นสมาธิ คำว่าสมาธิหมายถึงความแน่นหนามั่นคงของความรู้อันนี้เด่นเข้าใจไหม แน่นหนามั่นคง ส่วนความสงบนั่นมันสงบเป็นบางคราวแล้วมันออกไปความแน่นหนามั่นคงก็ไม่มี มันสงบเป็นบางคราวท่านเรียก สมถะ

นี่ภาคปฏิบัติจับได้อย่างชัดเจนไม่สงสัยใครเลย ผ่านมาซะอย่างโชกโชนแล้วฟังซิไม่ใช่คุยนี่ เพราะฉะนั้นใครพูดที่ไหนมันจะรู้ทันทีๆ เลยทีนี้พอเราทำความสงบของเราได้พอสมควรแล้วมันสงบแล้ว ทีนี้เราจะพิจารณาทางด้านปัญญาเราก็พิจารณาได้ทางด้านปัญญา ถ้าหากว่าความสงบของเราไม่พอแล้วผลของปัญญาจะไม่เกิดเท่าไรนัก มันมักจะเถลไถลนะ เป็นสัญญาอารมณ์เลยกลายเป็นโลกไปเสีย เราย้อนกลับมาเสียให้ทำจิตสงบเข้าใจไหม นี่แหละคำว่าจิตสงบคือจิตอิ่มอารมณ์ อารมณ์ที่คิดหิวโหยอยากคิดเรื่องนั้นเรื่องนี่เรียกว่าความหิวโหย ทีนี้พอจิตสงบเข้ามาแล้วอิ่มอารมณ์ไม่หิวโหยกับสิ่งนั้นอยู่กับความสงบ เอาความสงบเป็นอารมณ์อยู่นั้นสบาย

ลูกศิษย์ มันเฉยๆ ค่ะหลวงตา

หลวงตา เฉยก็ช่างมันเถอะ ความรู้มันรู้อยู่ เฉยก็รู้ว่าเฉยนั่น แล้วเราพิจารณาเรื่องปัญญาพิจารณาแยกธาตุแยกขันธ์กฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ทั่วแดนโลกธาตุมันเป็นกฎไตรลักษณ์ทั้งนั้นหละ พิจารณาทั้งเขาทั้งเราเทียบไปแล้วพอสมควรแล้วเราก็พักภาวนาของเราตามขั้นตอนนะนี่ก็ดี คำว่าสมาธิ ปัญญาก็มีหลายขั้นหลายตอนขั้นนี้เราก็ทำไปอย่างนี้ซะก่อนพอขั้นถึงมันจะจริงจะจังไม่ต้องบอกมันก็รู้ของมันเองหละนะ เข้าใจเหรอ นี่ถามธรรมะก็ตอบแล้วหมดแล้วนะไปทีนี้

ลูกศิษย์ พอดีทางจังหวัดอุดรธานียังไม่มีศูนย์บำบัดยาเสพติดเจ้าค่ะ จังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดใหญ่แต่ปัญหาตรงนี้ยังไม่ได้รับการดูแลทั่วถึงเจ้าค่ะ

หลวงตา อันนี้เรายังไม่อยากอะไรมันมากนักหละ เพราะน้ำหนักมากคือเขาไม่มีเจตนาเขาไม่คึกไม่คะนอง เขาไม่มีเจตนาแต่เป็นความจำเป็นแห่งทุกข์ที่มาบีบคั้นเขาเองเช่นคนเจ็บไข้ได้ป่วย ปวดหัวตัวร้อนเกี่ยวกับโรงพยาบาลนี้เราเห็นว่าเป็นเจตนาเป็นความบริสุทธิ์ของเขา ไอ้พวกยาเสพติดมันคึกมันคะนองหากินนั้นสะแตกนี้ไปมันจะตายหมดทั้งโคตรก็พักมันไว้ซะก่อนนะ คือให้พักไว้ก่อนไม่ทำอะไรหละคือให้เพียงให้พักไว้ก่อนพอไป เข้าใจไหมล่ะพอดีฟาดทั้งโคตรทั้งแซ่ เราก็บอกว่าพักไว้ก่อน ไม่ทำไมไม่แตะต้องไม่ทำลาย พักไว้นั้นก่อนยังไม่ช่วยว่างั้นนะไปช่วยทางจำเป็นมากกว่า ไปละ

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก