เมื่อวานนี้ก็ไปเยี่ยมวัดผาแดง ไม่ได้ไปนาน ไปนั้นโดยเฉพาะแล้วกลับเลย มาถึงนี้บ่ายโมงกว่านิดหน่อย ไปที่ภูวัวระยะนี้เป็นอุปสรรคทั้งนั้นนะ กำลังเป็นอุปสรรคทั้งสองเที่ยวเลย เที่ยวเราไปก็เป็นอุปสรรค เข้าไม่ได้เลย คือตามธรรมดารถจะเข้าออกได้ตลอด เขาก็ทำฝายน้ำล้นอยู่นั่น แต่เขาทำทางให้รถเข้าออกถึงวัด ๆ แต่พอดีตั้งแต่วันนั้นมารถแทร็คเตอร์ขุดดินขึ้นมากองไว้ ทางที่ขึ้นมานี้เขาขุดดินมากองพะเนินเทินทึก พอดีเราไปนั้นกำลังฝนตกหนัก เริ่มแต่สว่างฯ ไปจนกระทั่งถึงโน้นเลย ถึงภูวัว ระยะทางพันกว่าเส้นนะ ประมาณสักสี่ห้าสิบกิโลเห็นจะได้มั้ง ตั้งแต่เจริญศิลป์ไป นี่ตกหนักทั้งนั้นนะเราไปวันนั้น
คือธรรมดาถ้าเราไปก็เอาอาหารเสริมไป ส่วนอาหารประจำเราเอาไปเป็นประจำแล้วไม่มีปัญหา เราไปทีไรเราก็เอาอาหารเสริมไป วันนั้นก็เอาอาหารเสริมไปสองคันรถตู้เต็มเอี๊ยดเลย เข้าไม่ได้เลย ลงรถแม้แต่เราจะก้าวเข้าไปก็ก้าวไม่ได้ว่างั้นเถอะนะ คือดินที่เขาเทพูนขึ้นไปสูง ๆ นั้น เวลาฝนตกแล้วมันเลอะไปหมดเลย ตั้งแต่เราจะย่างเท้าไปก็ไปไม่ได้ เราลงแค่นั้นก้าวต่อไปไม่ได้เลยถอยกลับ ขนของลงนี้หมดแล้วให้รถในวัดมา รถเล็ก ค่อยคลานมา เหมือนจิ้งโก๋ต้นยางมันก็ขึ้นได้ไต่ได้จิ้งโก๋เข้าใจไหม จิ้งเหลนน่ะ แต่รถเราไปไม่ได้ เลยเอารถเล็กมาขนไป ตกลงเราเลยเข้าไม่ได้
เขาไปวันที่ ๒๕ นี้ก็เหมือนกันอีกนะ คราวนี้เป็นคราวที่ส่งอาหารเป็นประจำด้วย รถตั้งสี่คันเต็มเอี๊ยดเลยเทียว เข้าไม่ได้เลย ป่านนี้ขนเสร็จแล้วยังไม่รู้ ได้สามวันนี้ละเขาขน คือเอารถเล็กมาขน ถ้ามาไม่ได้ก็ให้พวกนี้ขนไปใส่รถ ให้ขนอยู่นั้นไม่ทราบกี่วัน เพราะของสี่คันรถไม่ใช่เล่น ๆ นะ โอ๋ย กองพะเนิน เราอยากว่าภูเขาย่อยนั้นแหละ คันหนึ่งมันหกล้อเต็มเอี๊ยด สามคันนั้นเป็นรถปิกอัพ แต่บองขึ้นสูง ๆ นี้เต็มเอี๊ยด ๆ เหมือนกันหมด รถเล็กมาขนอยู่นั้นสามวันจะเสร็จหรือไม่เสร็จก็ไม่รู้ เพราะไม่ใช่มาแล้วขนจากนี้ไปได้เลย บางทีมันติดฝนตกนั่นซี เขาก็ต้องทยอยขนทางโน้นทางนี้มาเสียเวลา ช่างหัวมันเถอะเพราะถึงที่แล้ว ออกจากนั้นก็เข้าวัด
ไปเที่ยวนี้ก็เป็นอุปสรรคอีก ภูวัวเป็นอุปสรรคเพราะฝนตกหนักมาก เราเองเราตั้งหน้าจะเข้าไปเพราะไม่ได้ไปถึงสามเดือนแล้ว ธรรมดาเราจะไปสองเดือนครั้งหนึ่ง ส่วนเดือนละครั้งไม่ค่อยมีเพราะงานเรามาก นาน ๆ เราจะไปวัดนี้แล้วเข้าวัดนั้น ๆ ไปก็คือไปดูสภาพต่าง ๆ ตามสถานที่และพระเณร แนะนำตักเตือนสั่งสอน แล้วผ่านไปวัดนั้นวัดนี้ เราอยู่จุดศูนย์กลางไปทั่วหมดบรรดาวงกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นนะ ประหนึ่งว่าสายเหล่านี้เข้ามาอยู่ในจุดนี้หมด เหมือนหนึ่งว่าหัวใจของสายกรรมฐานมาอยู่นี้หมด เพราะฉะนั้นเวลาเราไปเราจึงไปที่นั่นที่นี่ไปให้ทั่วถึงหมด อย่างเมื่อวานนี้ก็ไปผาแดง
เพราะจุดใหญ่มันอยู่ที่นี่ ยังเหลือแต่หลวงตาบัวองค์เดียวสายหลวงปู่มั่นที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังมีอาจารย์เจี๊ยะเท่านั้นละ อาจารย์เจี๊ยะท่านก็ไม่เอาไหนแล้วแหละ มีแต่ให้เขาหามเข้าโรงพยาบาลหามออกมาอยู่อย่างนั้น หามไปไหนไม่ไป แต่เข้าโรงพยาบาลเร็วยิ่งกว่าลิง เดี๋ยวเข้าโรงพยาบาลแล้ว เดี๋ยวออกจากโรงพยาบาลเดี๋ยวเข้าแล้วอยู่อย่างนั้น ท่านไม่ค่อยเอาไหนแหละ ก็ยังมีเหลือเท่านี้ เหลืออาจารย์เจี๊ยะกับเราเท่านั้น นอกนั้นก็ไม่เห็นมี เพราะฉะนั้นเราถึงได้ไปทุกแห่ง ๆ
วัดดอยธรรมเจดีย์เราก็ไป วัดดอยธรรมเจดีย์มีพระจำนวนมากมีท่านแบนอยู่นั้นแต่ก่อน เวลานี้ท่านแบนไปอยู่ที่กลางดงระหว่างโคราช กรุงเทพต่อกัน เราก็เข้าไปแวะดู วันนั้นก็ไปแวะดูแล้ว วัดดอยธรรมเจดีย์นี้ก็ไป จำนวนพระแต่ก่อนตั้งหกสิบเจ็บสิบ แต่เวลานี้คงจะลดน้อยลงเพราะหัวหน้าไม่อยู่ ไปโน้น นอกนั้นก็ไปวัด..อย่างภูวัวเข้าไม่ได้คราวนี้ แล้วก็วัดดงศรีชมภู ยี่สิบกว่าองค์ วัดป่าแก้ว นี้ก็มียี่สิบกว่าละมั้ง วัดภูสังโฆ มากกว่าเพื่อนดูเหมือนร่วมสี่สิบนะวันนั้นไป พระตั้งร่วมสี่สิบพระมาก สถานที่ก็เหมาะ ถึงพระมากก็เหมาะ ที่จะไม่เหมาะบ้างก็เกี่ยวกับการโคจรบิณฑบาต บิณฑบาตไปถึงกลางทางโน้นแล้ว ให้รถรับจากนั้นเข้าบ้าน ไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน ในหมู่บ้านหนึ่ง ๆ ก็มีหลายวัด
เพราะฉะนั้นเราถึงได้เตือนพระ พระเป็นผู้สุขุมเป็นผู้พินิจพิจารณา ไม่เลยเพศของพระไปได้แหละ พระในพุทธศาสนาเราต้องเป็นผู้ละเอียดสุขุมยิ่งกว่าใครทั้งนั้น เราบอกตรง ๆ อย่างนี้เลย นอกจากจะเอากฎของเปรตของผีเข้าไปใส่วัดใส่วา พระก็กลายเป็นพระเทวทัตไปได้ ถ้าเป็นพระของพระพุทธเจ้าแล้วไม่มีใครจะละเอียดสุขุมพินิจพิจารณายิ่งกว่าพระ เพราะฉะนั้นเวลารับพระรับเณรเข้ามาอยู่ในวัด ให้คำนึงถึงชาวบ้านเขา ไปเท่าไรเขาก็ใส่นั่นละ ถ้าเราไม่ได้คิดให้ละเอียดลออให้พอเหมาะสม บ้านหนึ่งเขามีวัดกี่วัด แล้ววัดเรามีพระเท่าไร แต่ละวัด ๆ มีพระเท่าไร รุมเข้าบิณฑบาตในหมู่บ้านทั้งหมด ๆ ไม่มีหัวคิดปัญญาบ้างใช้ไม่ได้นะพระ ต้องพินิจพิจารณา อย่างนี้ละสอนพระให้รู้จักประมาณ
ถ้ำผาแดงเมื่อวานนี้ก็สามสิบ ทางภูสังโฆประมาณสี่สิบ ผาแดงสามสิบนี้ก็เตือนเมื่อวานนี้เตือนเรื่องนี้แหละ ไปที่ไหนก็เป็นอย่างนั้นต้องเตือนเรื่อย ๆ ความรอบคอบความละเอียดความพอเหมาะพอดี เพราะธรรมพอดีตลอด ออกจากความละเอียดลออของผู้ทรงธรรม ไม่ได้เหมือนทั่ว ๆ ไปนะ พุทธศาสนาเรานี้ถ้าหากว่าได้เอาตามแบบพระพุทธเจ้ามาใช้แล้วจะน่าดูหมด ไม่ว่าฆราวาสไม่ว่าพระ จะไม่มีอะไรสดสวยงดงามยิ่งกว่าผู้ทรงพระพุทธศาสนาและปฏิบัติตามกฎตามระเบียบ และตามเพศตามวัยของตน
ฆราวาสก็มีแบบมีฉบับของธรรมประเภทหนึ่ง พระก็มีแบบมีฉบับของธรรมวินัยประเภทหนึ่ง แล้วจะเหมาะสมไปคนละทิศละทางทีเดียว อันนี้มันก้าวก่าย ไม่ทราบว่าพระว่าโยม มองดูแล้วถ้าต่างกันบ้างก็หัวโล้นกับผ้าเหลือง กิริยาอาการความเคลื่อนไหวไปมา ทำผิดหรือถูกประการใดนั้นไม่ค่อยคำนึงถึงธรรมวินัย เลอะเทอะไปหมดอย่างนี้ล่ะซี มันเสียตรงนี้ ถ้ามองดูหัวโล้นตัวเองมองดูผ้าเหลืองมันสะดุดใจ ๆ นะคนเรา จะมีหิริโอตตัปปะประจำเพศของตนตลอดเวลา ทีนี้ไปไหนงามหมด เพราะหัวใจงามด้วยสติด้วยปัญญา งามด้วยความระมัดระวังทุกด้านทุกทาง ถ้าอยู่ในนี้เป็นความระมัดระวังแล้วออกไปทางไหนก็งามไปหมด ถ้าอันนี้เลอะเทอะไปไหนเลอะเทอะหมด เลอะเทอะอยู่กับหัวใจนะไม่ใช่อยู่ไหน
พุทธศาสนาสอนลงที่หัวใจปึ๋ง ๆ เลยไม่ไปที่ไหน ขึ้นต้นก็ มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฏฺฐา มโนมยา สิ่งทั้งหลายทั่วแดนโลกธาตุมีใจเป็นสำคัญ เห็นไหมจ้อลงนั้นเลย มีใจเป็นใหญ่ใจเป็นสำคัญ ความเคลื่อนไหวดีชั่วประการต่าง ๆ จะออกจากใจ เพราะฉะนั้นจึงให้พิจารณาใจรักษาใจบำรุงใจ เข้มงวดกวดขันที่ใจ นั่นพุทธศาสนาเอาจุดใหญ่เลย เมื่อได้เข้มงวดกวดขันนี้ให้ดีแล้ว แสดงออกไปทางไหนจะดีหมด ๆ ถ้าอันนี้เลว-เลวไปหมด นี่ละพุทธศาสนาเป็นของเล่นเมื่อไร
สรุปทองคำวันที่ ๒๘ เมื่อวานนี้ ทองคำได้ ๘ บาท ๗๖ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๓๔๔ ดอลล์ อย่างนั้นละมาทุกวัน ๆ ได้ทุกวัน ทองคำที่ต้องการมอบเข้าคลังหลวงเวลานี้ที่ตั้งไว้เรียบร้อยแล้วนั้นสี่พันกิโล นี่เคยได้ประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทราบเรียกว่าแทบทุกวัน ที่มอบเข้าคลังหลวงแล้วเวลานี้ ๒,๐๖๒ กิโลครึ่ง ทองคำที่ได้หลังการมอบแล้วนี้ซึ่งยังไม่ได้หลอมเป็นจำนวน ๔๑๐ กิโล ๓๑ บาท ๒๗ สตางค์ รวมทองคำทั้งหมดทั้งหลอมและไม่หลอม มอบหรือยังไม่มอบเป็นทองคำทั้งหมด ๒,๔๗๒ กิโลครึ่ง
(ลูกศิษย์จากกรุงเทพฯ มาขอพักภาวนาถึงวันที่ ๑๐ ครับผม) เออ ภาวนาก็ภาวนาเถอะ เวลานอนไม่เห็นพูดวะ ใครมาก็มีแต่มาภาวนา เสื่อมัดติดหลัง หมอนมัดติดคอไม่เห็นพูดถึงเลย แต่ที่พักของเราเวลานี้น่าจะแน่น ดูกันเถอะ คับที่อยู่ได้ทั้งนั้น คับใจนี้อยู่ในทุ่งอยุธยาก็อยู่ไม่ได้นะ ถ้าไม่คับใจเสียอย่างเดียวอยู่ได้หมด คับที่ท่านบอกว่าอยู่ได้ แต่คับใจนั้นอยู่ยาก ต่างกันนะ ถ้าคับใจอยู่ไหนอยู่ไม่ได้ละ แต่คับที่อยู่ไหน เอ้า อยู่ไปอยู่ได้ทั้งนั้น
งานนี้ใครก็ถามก็ถูกต้อง ผู้ที่สงสัยก็ถามงานนี้ที่เกี่ยวกับโยมแม่ที่เสียไปเมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ จากนั้นเราก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลถึงโยมแม่โยมพ่อ ถึงสัตว์ทั่วโลกดินแดน แต่เราไม่ได้ประกาศว่าทั่วโลกดินแดน เราพูดแต่ว่าทำบุญอุทิศส่วนกุศลถึงโยมพ่อโยมแม่เท่านั้น ครั้นต่อจากนั้นมาไม่กี่ปีเราก็สั่งเลิก เอาละ พอสมควรแล้ว ครั้นต่อมาก็มีงานอันนี้ขึ้นอีก บรรดาลูกศิษย์ลูกหาก็มาพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับการทำบุญให้ทาน โดยยกโยมแม่ขึ้นเป็นต้นเหตุ แล้วก็เพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลถึงทั่วแดนโลกธาตุ ทั้ง ๆ ที่เราทำเราอุทิศอย่างนั้นอยู่แล้วแต่เราไม่พูด ทีนี้บอกอย่างนั้นเราก็เลยปล่อยตาม เพราะฉะนั้นถึงวันที่ ๓๐ เช่นอย่างวันพรุ่งนี้นั้น เป็นงานที่จะบำเพ็ญกุศลเพื่ออุทิศถึงโยมแม่ซึ่งเป็นต้นเหตุ แล้วกระจายอุทิศส่วนกุศลนี้ทั้งแดนโลกธาตุทั่วไปหมดเลย กรุณาทราบตามนี้
หลักใหญ่คือด้านวัตถุเข้าสู่คลังหลวงของเรา ก็อาศัยงานมหากุศลนี้เป็นต้นเหตุ ส่วนกุศลผลบุญทั้งหลายกระจายถึงสัตว์ทั้งหลาย ให้มีความสงบสุขร่มเย็นจากกุศลส่วนนี้ทั่วหน้ากัน มีสองภาคนะ ภาควัตถุเข้าสู่คลังหลวงของเรา ภาคธรรมภาคบุญภาคกุศลเข้าสู่จิตใจของท่านผู้บริจาคหนึ่ง แล้วอุทิศส่วนกุศลเข้าสู่จิตใจของบรรดาสัตว์ทั้งหลายผู้เรียกร้องหาความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลาทั่วโลกดินแดนอีกหนึ่ง ให้พากันเข้าใจตามนี้
ถ้ามีคนสนใจอรรถธรรมมากขึ้น บ้านเมืองนี้ส่อแววขึ้นโดยลำดับที่จะเป็นไปเพื่อความเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขร่มเย็นทั่วหน้ากัน อย่างอื่นเราอย่าหวังเลย เมืองไหนก็ตามถ้าไม่มีธรรม คือธรรมในหลักธรรมชาติ ธรรมนำเป็นแบบเป็นฉบับออกมา มันสองประเภทนะ ธรรมในหลักธรรมชาติที่มีอยู่ดั้งเดิม ผู้ปฏิบัติตามหลักธรรมชาติ ก็เป็นความชุ่มเย็นในหลักธรรมชาติไปเรื่อย ๆ ผู้นำเอาแบบเอาฉบับออกมาปฏิบัติ ผลก็เป็นอย่างเดียวกัน แต่อาศัยแบบนี้เป็นข้อยึด อย่างหนึ่งไปเจอเข้าแล้วยึดได้เลย ๆ เป็นเครื่องพร่ำสอนได้เลย นี้เรียกว่าธรรมในหลักธรรมชาติ
กิเลสหลักธรรมชาติเหมือนกัน ธรรมกับกิเลสนี้ถ้าเป็นในหลักธรรมชาติแล้ว ไม่ต้องจดจารึกก็มีมาดั้งเดิมอยู่แล้ว เป็นแต่เพียงว่ากิเลสพื้นเพของมันนั้น เป็นหลักธรรมชาติที่ไม่มีใครจะต้องแนะนำสั่งสอน มันก็เป็นไปตามหลักธรรมชาติของมัน สำหรับกิเลสเป็นอย่างนั้นเพราะเป็นฝ่ายต่ำไหลลงได้ง่าย แต่ส่วนธรรมเป็นฝ่ายสูง ต้องมีผู้ฉุดผู้ลาก เหมือนเขาทดน้ำเขาสูบน้ำขึ้นข้างบน อันนี้ธรรมต้องมีผู้นำมาแล้วก็มาแนะนำสั่งสอนฉุดลากกัน ๆ จนกว่าจะตั้งตัวได้ พอตั้งตัวได้แล้วธรรมนี้ก็เป็นไปเองเหมือนกันกับกิเลส ไม่ใช่จะต้องฉุดลากตลอดเวลา ธรรมเมื่อมีกำลังแล้วก็ทรงตัวไปได้ ๆ แล้วก็พุ่งไปได้เลยเช่นเดียวกัน ให้ทราบกันอย่างนี้ว่าธรรมกับกิเลสเป็นหลักธรรมชาติ
แต่ธรรมของผู้ที่มีอุปนิสัยปัจจัยที่ควรจะยึดธรรมได้เป็นหลักธรรมชาติ ก็ยึดได้เช่นเดียวกับยึดกิเลส ออกจากหลักธรรมชาติเหมือนกัน ไปเห็นสิ่งที่ดีงามยึดเป็นคติปั๊บยึดเอาเลย นี่ก็เป็นธรรมในหลักธรรมชาติ ส่วนใหญ่ที่ว่าต้องนำออกมาสอนคือส่วนใหญ่นะ ส่วนย่อยส่วนที่เป็นไปตามจริตนิสัย ของคนผู้จะรับเอาธรรมในหลักธรรมชาตินั้นก็มีอยู่ทั่วไปเหมือนกัน ให้พากันเข้าใจอย่างนี้ กิเลสเป็นหลักธรรมชาติ คนทำชั่วไปตามอำนาจของกิเลสซึ่งเป็นหลักธรรมชาติก็มีได้ คนทำดีไปตามธรรมที่เป็นหลักธรรมชาติก็มีได้ เป็นแต่เพียงว่าน้อยต่างกัน
หลวงตาก็ไปโน้นไปนี้อยู่เรื่อย ๆ ไม่ค่อยได้อยู่ ไปก็เกี่ยวกับพระกับเณรนั่นแหละ วัดนั้นวัดนี้ดังที่เคยพูดตะกี้นี้เราไม่ค่อยมีเวล่ำเวลา เป็นห่วงใยพระเณร เพราะก็เคยพูดแล้ว คือเราพูดทุกสิ่งทุกอย่างที่แสดงให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ทั้งกว้างแคบลึกตื้นหยาบละเอียด เราพูดอย่างเปิดเผยเลย เราไม่มีอะไรมากีดขวางหัวใจเรา ขึ้นชื่อว่าสมมุติแล้วสามแดนโลกธาตุนี้ผ่านหมดเลย ถ้าหากว่าพูดเป็นภาษาของโลกก็เรียกว่าเหนือหมดแล้ว ไม่มีอะไรที่จะมากีดมาขวางจิตใจดวงนี้ธรรมดวงนี้ซึ่งเป็นธรรมธาตุล้วน ๆ แล้วได้เลย จิตพระพุทธเจ้าจิตพระอรหันต์ท่านเป็นอย่างนั้น
เจอเข้าปั๊บรายเดียวเท่านี้ไม่ต้องไปหาใครมาเป็นสักขีพยาน เป็นหลักธรรมชาติพอตัวแล้ว อย่างพระพุทธเจ้าตรัสรู้ปึ๋งนี้ไม่ต้องหาใครมาเป็นสักขีพยาน สอนโลกสามแดนโลกธาตุได้อย่างเต็มพระทัยพระองค์ บรรดาธรรมที่พระอรหันต์ทรงไว้ก็เป็นธรรมประเภทเดียวกัน ต่างแต่นิสัยวาสนากว้างแคบต่างกันเท่านั้น ท่านก็ยืนยันของท่านเองได้ สอนได้เลย จึงว่าธรรมนี้ธรรมนอกสมมุติ แดนโลกธาตุนี้เป็นแดนสมมุติ ธรรมพูดแล้วก็ต้องลงมาสู่แดนสมมุติเพื่อสมมุติได้เข้าใจ แต่ยังไงก็ต้องมีวี่แววแห่งธรรมที่เหนือสมมุติไปตลอดเวลา คือไม่ค่อยมีอะไรที่จะไปกล้ากับสิ่งนี้ ที่จะไปกลัวกับสิ่งนั้น อย่างนี้ธรรมไม่มี ธรรมจะตรงเป๋ง ๆ ไปเลย
ส่วนกิเลสผู้มันฟังมันก็ฟังไปตามภูมิของมัน มีสูงมีต่ำมีหยาบมีละเอียด มีดุมีดี เพราะฉะนั้นเวลาฟังธรรมของธรรมที่เลยสมมุติไปแล้ว มันจึงดึงลงมาสู่สมมุติ โอ๊ย นี่ท่านเทศน์ดุนะ มันดึงลงมาหาส้วมหาถาน เข้าใจไหม นี่ท่านเทศน์ดุท่านเทศน์ด่า นี่ท่านเทศน์สกปรกโสมม ตัวมันสกปรกแค่ไหนมันปิดไว้หมดไม่ให้เห็นตัว กิเลสเป็นอย่างนั้น ต้องป้องกันตัวตลอดเวลา เพราะฉะนั้นโลกจะพูดที่ไหนก็ตามต้องเอากิเลสเป็นกำแพงกั้นไว้หมด ไม่ให้พูดสิ่งชั่วช้าลามกซึ่งมีอยู่ในตัวของมันเต็มตัวแล้วออกมาได้เลย แต่ธรรมนี้ผางเข้าไปใส่กำแพงนั้นเลย กำแพงความสกปรกของกิเลสแตกกระจายออกไปเลย นี่ละธรรม เรียกว่าตรงไปตรงมา เหมือนน้ำที่สะอาดชะล้างสิ่งสกปรกจ้าไปเลยเข้าใจไหมล่ะ นี่ละธรรมกับกิเลสจึงขัดแย้งกันตลอดเวลา
วันเทศน์ที่สนามหลวงเราก็ได้แย็บออกบ้างให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายทราบ เพราะเราได้ออกธรรมประเภทนี้มาเป็นเวลานาน อย่างน้อยเรียกว่า ๓ ปีกว่าแล้ว มากกว่านั้นก็ตั้งแต่ ๕๐ ปีมา ตั้งแต่ลงจากวัดดอยธรรมเจดีย์จนกระทั่งป่านนี้ ทำอยู่ใต้ดิน ๆ ตลอดเวลา ครั้นต่อมานี้ก็มาทำเหนือดิน เราจึงได้แย็บออกวันนั้น พูดถึงเรื่องภาษาป่าหนึ่ง ภาษาธรรมหนึ่ง ภาษาของกิเลส ภาษาของบ้านเมืองหนึ่ง ย่อมไม่เหมือนกัน ภาษาของป่าภาษาของธรรมคล้ายคลึงกัน ภาษาของกิเลสไปอีกแบบหนึ่ง เราก็อธิบายให้ฟัง เพราะฉะนั้นผู้ฟังทั้งหลายขอให้แยกแยะฟังเอา เพราะภาษาทั้งสองภาษา ภาษาของธรรมกับของโลกนี้ไม่เหมือนกัน
คือภาษาของธรรมจะตรงไปตรงมา ตายใจได้เลย ไม่ว่าจะพูดหนักพูดเบาขนาดไหน เป็นความจริงล้วน ๆ ไปเลย ส่วนภาษาของโลกของสงสารซึ่งเป็นคลังกิเลสแล้วจะไม่พูดตามหลักความจริง พูดนิ่มนวลอ่อนหวานไพเราะเพราะพริ้ง ประดับประดาตกแต่ง แต่ภายในของมันเต็มไปด้วยยาพิษ เพราะฉะนั้นจึงทำโลกให้ล่มจมด้วยความอ่อนหวานนี้เป็นเครื่องหลอกลวงตลอดมา เป็นอย่างนั้นนะให้พากันทราบเอาไว้ นี่เราก็แย็บออกแล้วให้พี่น้องทั้งหลาย เพราะมันเต็มหัวใจมาเป็นเวลานานแล้ว แล้วจะพูดอะไรก็จะไม่มีใครรับได้บ้างเหรอคนทั้งประเทศนี่ คนที่ยึดเอาเป็นคติเครื่องเตือนใจจากธรรมเพียงเล็กน้อยเท่านี้จะไม่ได้เหรอ หรือจะแบกตั้งแต่กิเลสตัณหาทั้งบ้านทั้งเมืองนั้นเหรอ มันก็จึงออกบ้าง แย็บออกบ้าง ๆ ให้พากันเข้าใจเป็นลำดับลำดาไป
เพราะคนมีนิสัยเหลื่อมล้ำต่ำสูงต่างกัน ผู้ที่จะยึดได้ยึด ผู้ที่ยึดไม่ได้ก็ปล่อยมันไป เรียกว่าเป็นกรรมของสัตว์ไปเสีย ผู้ที่ควรยึดได้ยึดไปเกาะไปก็ผ่านพ้นไปได้ เพราะธรรมไม่เคยทำความล่มจมแก่ผู้ใดเลยนอกจากกิเลสเท่านั้น มีเท่าไรลากลงทั้งนั้น ธรรมนี้มีแต่ลากขึ้น เราจึงได้เทศนาว่าการแยกแยะออกไปเป็นภาษาโลกภาษาธรรม วันไปเทศน์ที่สนามหลวง แย็บออกไปพอเข้าใจบ้าง แต่ก่อนไม่ค่อยพูดแหละ พูดก็ตรงไปตรงมาไปเลย ไม่ทราบว่าเป็นภาษาธรรมภาษาโลก เพราะฉะนั้นเขาจึงสนุกเหมาเอาซิ หลวงตาบัวไปเทศน์ที่ไหนดุแต่คน ทั้งดุทั้งด่าทั้งพูดหยาบโลน เหมือนว่าโลกอันนี้ไม่มีความหยาบโลนเลย มีแต่ความสะอาดเต็มส่วน แล้วมีแต่หลวงตาบัวแบกความสกปรกไปพูดให้โลกฟัง เขาจึงไม่อยากฟังกันเขาเป็นโลกสะอาดเข้าใจไหม เราเป็นโลกสกปรกคนเดียว นี่ละเทียบกันได้เป็นอย่างนั้น
ธรรมพระพุทธเจ้าสะอาดจ้าขึ้นเพียงพระองค์เดียว มองดูโลกเป็นส้วมเป็นถานเป็นถังขยะ เป็นนรกอเวจีเห็นสด ๆ ร้อน ๆ นี่ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วทั้ง ๆ ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้ามา มีอยู่ ๓ ประเภทนะพระพุทธเจ้า ประเภทที่สำเร็จแล้วเยี่ยมเป็นที่หนึ่ง ๑๖ อสงไขย แสนมหากัป แสนมหากัปนี้ติดแนบ ๆ ทุกประเภทของพระพุทธเจ้าที่ทรงปรารถนา เรียกว่าตั้งแต่โพธิสัตว์ขึ้นไปถึงพระพุทธเจ้า ประเภทที่สองก็ ๘ อสงไขย แสนมหากัป ประเภทที่สาม ๔ อสงไขย แสนมหากัป แสนมหากัปติดแนบ ๆ
ตั้งใจจะสอนโลกอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย พอตรัสรู้ปึ๋งขึ้นมาแล้วกลับตรงกันข้าม คือความคาดคะเนความจดความจำกับความจริงเข้ากันไม่ได้เลย ที่พระพุทธเจ้าทรงรู้ขึ้นมาเป็นความจริงล้วน ๆ หาที่คัดค้านไม่ได้เลย เป็นยังไง ๆ เห็นหมด ที่ตั้งพระทัยไว้ว่าจะสั่งสอนโลกเต็มเม็ดเต็มหน่วย โรคอย่างไรจะเต็มเม็ดเต็มหน่วยได้ บางโรคมันยังเหลือแต่ลมหายใจครอก ๆ เข้าไปในโรงพยาบาลแล้วมันยังโดดเข้าไปห้อง ไอซียู จะไปโปรดมันให้หายโรคเหมือนโรคประเภทที่คอยยาอยู่แล้วได้ยังไง มันก็ต้องเตรียมหีบศพมาพร้อมคนประเภทนั้น อันนี้โรคที่เตรียมหีบศพมาพร้อมนี้มันมีมากขนาดไหน กับธรรมที่พระพุทธเจ้าจะทรงสอนให้หลุดพ้นมา ๆ มันก็มีไม่มากที่จะออกมาได้ ๆ เหมือนอย่างคนไข้เข้าไปรักษาโรค หายโรคหายภัยออกได้ ๆ ที่ตายจมไปจากห้อง ไอซียู มีเยอะ อย่างนั้นละพระองค์จึงท้อพระทัย
เพราะความจริงเห็นเข้าไปแล้วมันไม่ได้เป็นเหมือนความจำความคาดคะเน มันจริงมันจังในหัวใจไม่สงสัย ควรที่ขยะก็ต้องขยะ ควรที่น่าอ่อนใจก็ต้องอ่อนใจ ควรที่จะขยับใส่ก็ต้องขยับ เช่น ผู้ที่มีอุปนิสัยปัจจัยควรแก่มรรคผลนิพพานอยู่แล้ว เสด็จปึ๋งออกไปโปรดเลย เห็นไหมล่ะ ยกตัวอย่างเช่น พระอังคุลีมาล อุปนิสัยปัจจัยถึงขั้นจะเป็นพระอรหันต์ แต่เพราะอำนาจแห่งบรรดาเพื่อนฝูงมาทำให้เสีย คืออังคุลีมาลนี้เป็นเด็กที่ดี อาจารย์รัก เหล่านั้นเขาก็ธรรมดาและโกโรโกโส เขาก็รวมหัวกันมาอิจฉาอังคุลีมาล ว่าเป็นเด็กชั่วเด็กลามกจกเปรตอะไรว่าหาเรื่องไป ทีนี้ก็ไปฟ้องอาจารย์ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน คนดีคนเดียวคืออังคุลีมาลมีปากเดียวจะไปสู้เขาได้ยังไง
นี่ละความชั่วมีอำนาจเหนือแล้วทำความดีคนดีให้เสียได้อย่างนี้เอง เอามาเป็นคติสอนเมืองไทยเราบ้าง เมืองไทยเรามีคนดีคนชั่วประมาณเท่าไร แล้วทีนี้อาจารย์ก็บอกว่า เอ้อ อย่างนั้นจะจัดการเด็กคนนี้ให้ ก็เลยส่งเด็กคนนี้โดยอุบายของอาจารย์นั่นแหละ ให้ไปศึกษาวิชาความรู้สำนักนั้น ๆ บอกให้ไปศึกษาวิชาความรู้มา ได้วิชาความรู้มาแล้วนี้ไม่มีใครสู้ เลิศ ลูกศิษย์คืออังคุลีมาลเป็นคนมีอุปนิสัยแล้วเป็นคนดีด้วย ก็ย่อมเชื่ออาจารย์ ไม่เชื่ออาจารย์จะไปเชื่อใคร เมื่ออาจารย์บอกให้ไปศึกษาที่ไหนก็ต้องไป บอกว่าให้ฆ่าคนหนึ่งพันคน เมื่อฆ่าได้ครบแล้วอาจารย์จะประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ ตอนนี้ให้หาแต่เล็บมือคนยังไม่ได้ไปศึกษา ให้ไปหาเล็บมือคนมาเสียก่อน ฆ่าคนคนหนึ่งตายเอาเล็บมือมาแขวนคอ ๆ สองคนสามคน
คนนี้ก็ซื่อสัตย์สุจริตนี่ก็ไปหาฆ่าคน เพื่อจะได้คนหนึ่งพันคนพร้อมกับเล็บมือคนละหนึ่งเล็บ ๆ มาหนึ่งพันเล็บ แล้วจะเอาไปเสนออาจารย์ อาจารย์จะประสิทธิ์ประสาทความรู้วิชาให้ แต่ความจริงนั้นอาจารย์มีความปรารถนาลามกสุดขีดสุดแดนเลย ให้เด็กคนนี้ไปฆ่าคนจะได้ไม่ถึงกี่คนแหละ ไปฆ่าเขาเขาก็จะฆ่ามัน เรียกว่ากำจัดเด็กคนนี้ไปในตัว เด็กอันธพาลที่ยกตัวขึ้นเป็นเทวดาเขาอยู่สบาย อยู่หอปราสาทราชมณเฑียรใต้เทวทัตลงไป จึงไปหาเอาเล็บมือมา
นี่ละที่พระพุทธเจ้าทรงเล็งญาณ เห็นไหม ถึงระยะแล้วนะ ทรงเล็งญาณในวันนั้น สะดุดปึ๋งในพระทัยเลย โถ ตาย นี่อังคุลีมาลถูกอาจารย์ต้มตุ๋น เริ่มแต่เพื่อนฝูงอิจฉาพยาบาท เพราะเป็นเด็กดี นี่วันพรุ่งนี้เช้าแม่ก็จะมา นี้เป็นวันสุดท้ายของอังคุลีมาล ถ้าหากว่าแม่มานี้ฆ่าแม่เสียปึ๋งคนเดียวนั้น เรียกว่าต้นไม้ทั้งต้นนี้ถอนทั้งรากแก้วรายฝอยออกหมดเลยไม่มีชิ้นเหลือ ตายร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ยังเหลือแม่คนเดียว ที่ฆ่าคนมา ๙๙๙ คน เทียบกับว่าต้นไม้แต่ละต้น ๆ มีกิ่งมีก้าน ๆ ตัดกิ่งนั้นตัดกิ่งนี้ ยังไม่ถึงต้นก็ไม่ตาย แต่เวลามาฆ่ามารดาซึ่งเทียบกับต้นใหญ่แล้ว ตายหมดเลย นี่ฆ่าคนมากี่คนก็ตามซึ่งเท่ากับตัดกิ่งตัดก้านมาเท่านั้น ไม่ใช่ตัดอุปนิสัยอันแท้จริงออก เป็นแต่เพียงกิ่งก้านของอุปนิสัยถูกตัดถูกอะไร พอฆ่ามารดาแล้วจะขาดสะบั้นไปหมดเลย หมด นิสัยที่จะเป็นพระอรหันต์ต่อไปไม่มี แล้วก็จะจมลงในนรกโดยถ่ายเดียวเท่านั้น
พระองค์จึงรีบเสด็จไปเลย พอเสด็จไป ฟังซิอุบายของพระพุทธเจ้ากับอุบายของคนธรรมดา พอไปอังคุลีมาลมาเจอ ก็เสด็จไปหาอังคุลีมาลไม่เจออังคุลีมาลจะเจอใคร พอไปแล้วอังคุลีมาลก็วิ่งปรี่เข้าใส่เลย ทางนี้ก็หลบฉากของศาสดานั่นแหละ บอกว่าหยุด ๆ ทั้งหยุดทั้งวิ่ง ทางนี้บอกว่าหยุดแล้ว ๆ หยุดแล้วทำไมถึงวิ่งอยู่ล่ะ นี่ตอนจะเอากันนะ ว่าหยุด ๆ แล้วทำไมถึงวิ่งอยู่ล่ะ โอ๋ย เราหยุดจากการทำบาปทำกรรมหมดแล้ว เราไม่ได้ทำบาปทำกรรมเหมือนเธอซึ่งกำลังทำอยู่เวลานี้ สะดุดกึ๊กเลย เห็นไหมล่ะ นี่อุปนิสัยมีแล้ว เราหยุดจากการทำบาปทำกรรม แต่เธอยังไม่หยุด ความหมายว่างั้น ยังวิ่งไล่จะมาฆ่ากระทั่งพระพุทธเจ้าอีกว่างั้นเถอะน่ะ
พอสะดุดกึ๊กแล้ว รู้เรื่องทุกอย่างแล้วพระพุทธเจ้าก็สอนธรรม สำเร็จเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาเลย นี่ละผู้ที่ควรพระองค์จะเสด็จเข้าถึงทันทีอย่างนี้ ให้พากันเข้าใจ นี่คือผู้มีอุปนิสัย มันแทรกอยู่ในหลุมนรกอเวจีนั่นแหละ แต่ไม่ใช่นรกอันนี้ ถอนขึ้นมาได้เลย นี่ละพระพุทธเจ้าท่านสอนโลก โลกนี่มันหนาแน่นขนาดไหน คนชั่วมากกว่าคนดี คนดีมีน้อย เพราะฉะนั้นอะไร ๆ คนชั่วความชั่วจึงมักเอาเปรียบแบบโลกชั่วนั้นแหละ ถ้าโลกดีแล้วไม่มีคำว่าเอาเปรียบกัน เอาเปรียบเท่าไรเสียเปรียบเท่านั้นถ้าเป็นเรื่องของธรรมแล้ว ถ้าเป็นคนชั่ว ได้เปรียบเท่าไรยิ่งดี ๆ ดีของความชั่วต่างหากไม่ใช่ดีของความดีนะ นี่ละธรรมมีอย่างนี้ละที่พระพุทธเจ้าสอน อันนี้ก็เทียบเท่ากันได้ คนชั่วหลายคนทำให้คนดีคนเดียวเสียได้ คนชั่วมีหลายคนคนดีมีเพียงคนเดียวสามารถทำคนชั่วให้ดีได้ แน่ะพระพุทธเจ้าทำให้ดีได้ นั่นเห็นไหมล่ะ เทียบกันปั๊บเข้าเลย มันพอ ๆ กันนั่นแหละ
เรื่องแมวใครอยู่ในครัว ใครปรากฏเห็นแมวไหม เขากำลังเข้มงวดกวดขันคอยดูผลที่ทำเรียบร้อยแล้วว่ากั้นแมวนะ แล้วยังมีแมวโผล่เข้ามาได้อยู่ไหม ถ้าพบอีกก็จะเอากันอีกแก้ไขกันใหม่อีก ถ้าหากว่าไม่พบแล้วก็นอนใจ ต่อไปนี้ก็นอนใจ (มีกระต่าย
..)นั่นแล้วจะทำไง เดี๋ยวไอ้หมีมันเข้าเรื่อยจะทำไงล่ะ เดี๋ยวไอ้หมีมันไปเจอแล้วมันไล่กัดจะทำไง ก็ทางนี้เป็นทางเข้าของไอ้หมีด้วยนะ หมาตัวนี้มันเข้าไปนั้นแล้วเจอน่ากลัว.. ถ้าสมมุติว่าจะอยู่นี่จริงๆ ก็ต้องมีโครงเหล็กกั้นไว้เลยให้เข้าได้แต่กระต่าย หมาเข้าไม่ได้เข้าใจไหม ถ้าหมาเข้าได้ก็ตาย คือเป็นช่องเฉพาะกระต่ายเข้าได้นะแต่หมานี้เข้าไม่ได้คือเป็นเหล็กนี้ให้แข็งเลยเข้าไม่ได้ จะให้เข้าได้แต่กระต่าย อันนี้ปลอดภัย ให้พากันรักษาเราเป็นห่วงมากนะ ทางนู้นกระต่ายนี้เต็มไปหมด เพราะฉะนั้นเราถึงเข้มงวดกวดขัน
ออกทางอินเตอร์เน็ตทุกวันเรื่องแมวเรื่องกระต่ายนี้ออก เพราะเราพูดด้วยความเป็นห่วงเมตตาสงสารสัตว์เข้าใจไหมล่ะ เราจึงพูดได้ทุกคำเลย นี่เราเข้มงวดกวดขันมาก คิดดูซิ สังกะสีนี่เรามาตีเกาะกับต้นเสาซีเมนต์รอบวัดหมดเลยนะนี่ เพราะแมวมันขึ้นมาเอาสัตว์ตายไปเกือบหมดนะ เราถึงทำกันใหม่ วันนี้จึงถามหาผลเป็นยังไง คือกั้นเรียบร้อยแล้วถ้าว่ายังเห็นแมวอยู่ เอาอีกเข้าใจไหม ถ้าว่าแมวไม่มีแล้วก็ตายใจว่าการทำงานกั้นแมวนี้ได้ผล โห กระต่ายไม่ใช่น้อย กระแต กระต่ายนี้เป็นสัตว์ที่แมวกินได้ง่ายมาก กระจ้อน กระแต แล้วก็กระต่าย ส่วนไก่นี้เขาไม่สนใจ เพราะบ้านเขามีไก่อยู่แล้วเขาไม่สนใจ เขาออกมาจากบ้านเขาไม่สนใจกับไก่แหละแต่พวกนี้เอาจริง เพราะฉะนั้นจึงได้พูดถึงเรื่องไอ้หมีๆ มันไปเจอกระต่ายไม่ได้นะเอาแน่ๆ จึงต้องได้พากันพิจารณาเสียนะ
ปรึกษากับพระด้วยโครงเหล็กให้เข้าได้เฉพาะกระต่าย หลวมตัวกระต่ายเข้าได้เท่านั้น ส่วนหมานั้นให้เข้าไม่ได้แล้วให้กว้างหน่อยนะ ถ้าแคบไม่ได้เดี๋ยวมันเข้าไปเอาได้นะ โฮ้ เราสงสารสัตว์มาก ทีนี้ห้ามไอ้หมีมันก็ห้ามไม่ได้เพราะมันเคยเข้าเคยออกมานานแล้ว พึ่งจะมากั้นมันเดี๋ยวนี้ก็กั้นยากนะ เพราะทางเขาเคยเข้าเคยออกแล้ว ไปไล่เขาเดี๋ยวเขาจะไล่กัดเรา มาทะลึ่งทำไมทางของเรา มันลำบากนะเราต้องหาที่กั้นเอา ไอ้หมีนี่เข้าแน่ๆ มันเคยเข้าทุกวันไอ้หมี เมื่อมันไม่เจอกระต่ายแล้วก็ไม่มีเรื่องใช่ไหม พอเจอกระต่ายเข้าจะได้เรื่องทันทีละ เรากันไว้เสีย เวลานี้กระต่ายเรากับพวกกระจ้อนกระแตกำลังดกหนานะเวลานี้ มีอยู่ทั่วๆ ไปหมดตั้งแต่เราพยายามกัน
แต่ก่อนแมวมันยกทัพมา ยกทัพมาจริงๆ นะ โอ๋ย เป็นฝูงๆ มาขึ้นนี้เข้าเลยๆ กินหมด มันได้อาหารอันใหญ่หลวงแล้วในนี้มันเลยไม่ไปหาอาหารที่ไหน พอตกบ่าย ๓ โมงก็ตีเกราะประชุมแมวละเข้าใจไหม พวกแมวเขาตีเกราะประชุมกัน ไปเถอะนี่ได้เวลาแล้วเข้าไปบุกหลวงตาบัว นี่หลวงตาบัวก็เป็นคนใช่ไหม ทางนี้ก็ยกทัพ เอา ซัดแมวเลย ให้มันหมดทั้งโคตรมันเลย
(ลูกศิษย์เตรียมบวช) บวชที่ไหนก็บวชเถอะเป็นพระแล้วสมบูรณ์แบบเหมือนกันนั่นแหละ บวชแล้วจะมาวันไหนก็ค่อยมา ก็ได้กำหนดตกลงกันเรียบร้อยแล้ว อันไหนที่เรากำหนดแล้วเราสั่งไว้แล้วตายตัวๆ พวกที่มาก็ไหลล้นออกหมดๆ เพราะคำสั่งอันใดเราขาดตายตัวเราไม่มีเปลี่ยนแปลง นอกจากเหตุผลจะเหนือกว่าเท่านั้นจะเปลี่ยนแปลงไปได้ เจ้าของก็เปลี่ยนได้คนอื่นก็เปลี่ยนได้ ถ้าหากว่าเหตุผลไม่เหนือกว่า เจ้าของตั้งลงแล้วเจ้าของจะทำลายไม่ได้นะ เราเป็นอย่างนั้นมาแต่ไหนแต่ไร ต้องเหตุผลของเจ้าของเองเหนือกันเราถึงจะแก้ไข ถ้าเหตุผลไม่เหนือเจ้าของตั้งไว้แล้วยังไงแล้วต้องเป็นอย่างนั้น ตัวเองก็แก้ไม่ได้นะ อย่างนั้นละหลวงตาไม่เหมือนใครนะ เด็ดขาด
นี่ก็ประกาศไว้แล้วว่ารับจำนวนเท่าไรในปีนี้ บัญชีนี้เข้าปุ๊บแล้วเข้าเต็มอัด ทีนี้นอกนั้นมาพระเก่าพระใหม่ก็ตามที่ไปเที่ยวที่ไหนมา กลับมาก็ล้นไปหมดเลย พวกพระเก่าที่เคยมาจำพรรษา อันนี้อัดเข้าไปแล้วอันนั้นก็ต้องล้นออกไป นี่ก็ได้สั่งแล้วพวกที่ไปเที่ยวกลับมาทีหลังนี้บัญชีนี้เข้าปิดไว้เรียบร้อยแล้ว ให้ล้นออกไปตามจำนวนที่เหลือเข้าใจไหม นี่เราก็สั่งไว้แล้ว พระที่ไปเที่ยวพึ่งหลั่งไหลมา หลั่งไหลมาก็มีแต่ล้นออกๆ เพราะบัญชีของเรารับไว้แล้วเต็มแล้ว ไหลออกหมดเดี๋ยวนี้นะ พระเก่าที่ไปเที่ยวกลับมาไม่ได้อยู่แหละ ไล่มันเคยอยู่มานานแล้ว ขนาบเอางั้นนะ จะมาอยู่อะไรไม่เห็นได้เรื่องได้ราวอะไร ขู่เอาเสีย ก็ให้คนใหม่อยู่บ้างซิ แน่ะ ไปอย่างนั้นเสีย ไปละที่นี่