ไอ้ด่างติดแล้วหรือ (ครับ) ผมไปเมื่อเช้าไปดูเห็นตาข่ายรื้อแล้ว แสดงว่าได้แล้ว ติดที่ไหน (ติดข้างในตรงช่องที่มันโดดตกลงมาครับผม) ติดตรงนั้นหรือ ผมไปเห็นรอยรื้อแล้ว แสดงว่าได้แล้ว ให้พระทั้งวัดศึกษากับมัน มาเป็นลูกศิษย์มันให้หมด ให้มันประกาศก้องขึ้น นี่เรื่องกิเลสมันเก่งขนาดไหน ตั้งแต่ข้าสู้กับพระข้ายังแทบตาย พระเหล่านี้ก็นึกว่าโง่ที่สุด เวลาสู้กับข้า ข้าเกือบตายเหมือนกัน ตกลงข้าก็สู้พระไม่ได้ แล้วมันจะได้สอนพระอีก พระอย่าโง่นะ เรื่องของกิเลสมันละเอียดยิ่งกว่าแมวกับหนูนะ โอ๊ย ขบขันดีนะ เราได้แมวตัวนี้มาเป็นเครื่องสอนอย่างเต็มที่นะ เอามาพิจารณาตลอด คือกิเลสกับธรรมเวลามันฟัดกันข้างใน เอามาเทียบกันปั๊บเลยทันที เรื่องกิเลสนี่เร็วที่สุดเลย
อย่างแมวตัวนี้มันขนาดนี้ยังหวั่นกันทั้งวัดเลย ผมก็ต้องเป็นหัวหน้า ดีไม่ดีวัดร้างจะว่าไง ท่านปัญญาต้องกลับอังกฤษอยู่ไม่ได้เมืองไทย ขนาดนั้นละ กิเลสยิ่งเก่งกว่านี้ว่างั้นเลย โห ได้ฟัดกันมาแล้ว ใครอย่าไปนอนใจนะ เก่งสุดยอดคือกิเลส ทีนี้สุดยอดของทั้งหลายก็คือธรรม ธรรมสุดยอด ถ้าไม่สุดยอดแก้กิเลสไม่ตก โธ้ น่าขบขันแมวตัวนี้ ทำให้เราอยากดูหน้ามันทำไมมันเก่งนัก เอามันใส่รถผมไปก็ได้ วันนี้ผมจะไปจังหวัดเลย ไปถ้ำผาปู่ เอาไปปล่อยวัดอีตาเผย ตาเผยโง่มากแมวตัวนี้มันฉลาด มันจะยอมเป็นเสี่ยวหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ เอาไปสอนอีตาเผยอีกทีหนึ่ง แมวตัวนี้ทำให้เราได้คิดมากนะ คิดในแง่อรรถแง่ธรรมทั้งนั้นไม่ได้คิดแบบโลกนะ ความฉลาดของมัน ฟาดเสียพระหวั่นกันทั้งวัด โฮ้ เก่งมาก
พระอย่าอ่อนแอนะเรื่องเดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนา พระในวัดป่าบ้านตาดนี้อ่อนไม่ได้นะ ถ้าจับได้แล้วไล่หนีทันทีเลย ผมไม่ได้รับพระมาไว้เพื่อความอ่อนแอท้อแท้ เหยียบหัวพระพุทธเจ้าด้วยความขี้เกียจขี้คร้านนี้ไม่ได้นะ ให้ตั้งหน้าตั้งตาทุกคน ผมเปิดโอกาสให้ทุกอย่างสำหรับพระภาวนา ไม่ให้เข้ามาเกี่ยวข้องอะไรเลย หากว่าจำเป็นจริง ๆ ผมก็ขอมาช่วยเล็กน้อยเพราะเกี่ยวกับงานช่วยชาติ บางทีอาจมีขึ้นมา นอกนั้นให้เป็นหน้าที่ของพระทำประโยชน์สำหรับตัวของเรา แล้วก็เป็นประโยชน์เพื่อโลกในขณะเดียวกันนั่นแหละ ด้วยความพากเพียรของเรา อย่าอ่อนแอนะ เดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนา
อยู่ที่ไหนให้มีสติตลอดเวลา ๆ สติเป็นของสำคัญมากในความพากเพียร ทั้งทางโลกทางธรรมเหมือนกันเลย สติปราศจากไม่ได้ ทางโลกทางธรรมเสมอกัน เป็นแต่ว่าแยกไปทำประโยชน์คนละแง่ละมุม สำหรับความตั้งใจจดจ่อต่อเนื่องด้วยสตินี้ คือความประกันความพลั้งพลาดโดยลำดับไป พากันจำเอานะ ตั้งหน้าตั้งตาภาวนา ผมทนเอานะทุกวันนี้ ทนจริง ๆ กับหมู่กับเพื่อนนะทนที่สุดแล้ว ทีนี้ให้พร
หลังจังหัน
แมวนี่มาทีแรกดูว่ามาสามตัว พวก ต.ช.ด.อยู่ข้างนอกเขาดู สองตัว..เล็ก ดูว่าจะเป็นแม่กับลูก มานี่ขึ้นไม่ได้กลับ ไอ้ตัวนี้มาบึ่ง ๆ เลย โดดผึงเลยเทียวเข้าจนได้ พวก ต.ช.ด.เขาเล่าให้ฟัง มีสามตัว เข้าได้วันนั้นแล้วก็มาเล่าสู่กันฟัง เมื่อวานนี้ถึงเตรียมการกันใหญ่เลย ตอนเย็น ๆ เราออกไปข้างนอกไปเห็นข่ายดักไว้ข้างบน มีข่ายสองข่ายดักไว้ คือไปดูศาลา เขาเลิกกันหมดแล้วเราไปดูอยู่เรื่อย ๆ หากมีอะไรควรเตือนเราเตือน พอเช้าเราถึงมาถามพระ ตอนเช้านี่อีกนะ เราก็ออกไปศาลาแล้วไปดูทางด้านโน้น ๆ เมื่อวานนี้ไปครู่เดียวออกจากนี้ปั๊บเลยไม่ทั่วถึง เมื่อเช้านี้ออกไปอีกไปดูรอบด้านทั้งหมด เขาทำยังไง ๆ เวลาออกไปจึงไปเห็นตาข่ายรื้อหมดแล้ว แสดงว่าได้แล้ว พวกข่ายรื้อหมดแล้ว ตอนเย็นเตรียมพร้อมไว้ พอตอนเช้าไปดูรื้อหมด คิดว่าได้แล้วเรา มาถามจริง ๆ ว่าได้
แมวตัวนี้สำคัญมากฉลาดมาก แล้วทีนี้ที่เราทำไว้เรียบร้อยแล้วนั้น ก็จะเป็นความสะดวกสำหรับพระตลอดไป แล้วสัตว์ทั้งหลายก็จะปลอดภัย จะมีน้อยมากที่จะมาทำอย่างไอ้ด่างนี่นะ มันมามันขึ้นไม่ได้มันก็ลงมันก็ไป ส่วนมากจะขึ้นทดลองดู หรือไม่ขึ้น มันมองเห็นมันก็รู้ แต่ไอ้นี่บึ่งเลยขึ้นเลย ตั้งท่ามาเอาจริง ๆ นี่นะ มานี้บึ่งขึ้นเลย นอกนั้นเขายังไม่ขึ้น ทีนี้ต่อไปกำแพงวัดนี้จะเป็นประโยชน์กั้นสัตว์พวกแมวนี้ตลอดไป แล้วสัตว์ในวัดนี้ก็จะค่อยงอกเงยขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งคือพวกกระแต ลูกกระต่ายนี้สำคัญมากสำหรับแมว กระแตนี้งอกเงยไม่ได้ เดี๋ยวนี้กำลังเริ่มมี เราจึงเข้มงวดกวดขันแมวมากทีเดียว
กระแตเริ่มมากขึ้นตามจุด ๆ ส่วนลูกกระต่ายแทบจะไม่มี แต่ก่อนมันยั้วเยี้ย ๆ ข้างกุฏิพระ เพราะท่านเลี้ยงไว้ อาหารอดอยากอะไรเต็มอยู่นั้น พวกไก่พวกกระต่ายมากเต็มอยู่ตลอดเวลา ครั้นต่อมา ๆ ทั้งทราบด้วยว่าแมวตัวนี้มา เราก็จ้องทางกระต่าย อ้าว กระต่ายแทบจะไม่เห็น เราเลยเดินรอบบริเวณกุฏิพระ มันจะบันดลบันดาลยังไงไม่ทราบให้ไปเห็นเศษหนังบาง ๆ แล้วมีขนลูกกระต่ายติด เราจับมาดูซิ นั่นละต้นเหตุมัน โถ นี่เป็นหนังลูกกระต่าย แสดงว่าแมวนี้กินหมดจริง ๆ แหละ ได้พยานแล้วที่นี่
ประกอบกับว่าเวลานั้นมองหาลูกกระต่ายไม่เห็นเลยนะ มันเอาไปกินแล้ว จึงมาได้พยานนี้ขึ้น จึงได้เอานี้มาเกิดเรื่องขึ้น เกิดเรื่องกับไอ้ด่าง เลยต้องตีสังกะสีรอบ สามสี่วันเสร็จ ช่วยกัน แล้วก็มาดัก พอดีได้ไอ้ด่าง ก็จะเบาใจไปนาน นอกจากนั้นก็จะไม่ค่อยมีเท่าไร รุนแรงมากนะ ตัวนี้เป็นตัวผู้ด้วย แล้วมันเคยกินอาหารอยู่ในนี้ด้วย มันไม่ยอมง่าย ๆ นะจะเอาให้ได้จะขึ้นให้ได้ตลอด มันถึงดื้ออยู่ไม่ใช่น้อย
แมวตัวใหญ่ ๆ จริง ๆ ก็มีนะ ใหญ่จริง ๆ มีเยอะจากวัดนี้เอาไปปล่อย แมวเหล่านี้คือว่าร้อยทั้งร้อยเลยมาจากบ้านทั้งนั้นแหละ มันมาหากินกลางคืน แมวเที่ยวไกลนะ แมวนี่เที่ยวไกลเหมือนเสือ เสือนี่เที่ยวไกลมาก เช่นอย่างทางวัดผาแดงโน่นกับบ้านตาดนี้ มันมาถึงกันนะเสือ มันหากินทางสี่ร้อยห้าร้อยเส้นมันไปได้สบาย พวกเสือเที่ยวไกล แมวเที่ยวไกล อยู่บ้านตาดมันก็มานี่ บ้านสุขสมบูรณ์ทางนี้อีก ทางนี้ก็มีแมวอยู่มันก็มาได้ เพราะฉะนั้นแมวจึงไม่ขาดวัด จับไปปล่อยนี้เรียกว่าร้อยได้เลย คือตั้งแต่เริ่มสร้างวัดแมวก็มาจุ้นจ้าน จับแมวเรื่อยจนกระทั่งป่านนี้ แมวมากต่อมาก เราอยากพูดไม่กระดากอายเลยว่าเป็นร้อยว่างั้นเถอะนะ
บางทีได้ไปทั้งแม่ทั้งลูกก็มี แม่ตัวหนึ่งลูกตั้งสี่ตัวห้าตัวแมว อยู่ในครัวนี้จับได้แล้วลูกก็มี ตกลงเลยเลี้ยงไว้ทั้งแม่ทั้งลูก โตด้วยกันแล้วก็ไปด้วยกันเลยทั้งแม่ทั้งลูก ไปปล่อยออกด้วยกันเลย ทีละสี่ตัวห้าตัวทั้งแม่ทั้งลูกไปพร้อมกันก็มี ตัวเดียวก็มี สองตัวก็มี ไปปล่อยเรื่อย จึงอยากว่าเป็นร้อยนะไม่ใช่ธรรมดา เพราะความสงสารสัตว์นั่นละไม่ใช่อะไร โถ หมดจริง ๆ กินจริง ๆ นะ ทีนี้ก็คิดว่าจะเบาละ หากว่ามีก็จะนานจริง ๆ ถึงจะมีมาสักรายหนึ่งอย่างไอ้ด่างนี่ ถ้าตัวไม่เก่งจริงมันก็เข้าไม่ได้ ถ้าเป็นแบบไอ้ด่างนี่เข้าได้
คือธรรมดาแมวจริง ๆ แล้วเชื้อมันก็มาจากป่าเหมือนกัน ไม่ใช่เราหามาได้จากที่ไหนมาเลี้ยงไว้นะ เอามาจากป่ามาเป็นสัตว์บ้านก็เลยเป็นสัตว์บ้านไป เช่น พวกแมวนี้ก็มาจากป่านั้นแหละ สัตว์ประเภทต่าง ๆ ที่มาเลี้ยงไว้ในบ้านก็มาจากป่า คือสัตว์ธรรมชาติที่อยู่ในป่า แมวนี้ก็เอามาจากป่ามาเลี้ยงไว้ในบ้านแล้วก็เป็นสัตว์บ้าน เห็นได้ชัดเราอยู่ในป่าในเขา พวกแมวมีอยู่ทั่วไปนะ ในป่าในเขาลึก ๆ เรียกว่าเป็นสัตว์ป่าจริง ๆ แมวป่าจริง ๆ เห็นเขาชัด ๆ เหมือนกับสัตว์ป่าทั่ว ๆ ไปนะ ที่เอามาเลี้ยงในบ้านก็คือเอามาจากป่ามาเลี้ยงไว้นั่นเอง อยู่ในป่ามีทั่วไป เรียกว่าแมวป่าหรือสัตว์ป่านั่นเอง มีหลายประเภทแมว แปลกอยู่นะ
เพราะฉะนั้นเวลามาเลี้ยงไว้ในบ้านจึงมีหลายสี เอามาจากป่ามันก็หลายสี เรื่องแมวกับพระนี้ทำให้เราสะดุดใจ ดูว่าได้เคยพูดบ้างแล้วเกี่ยวกับเรื่องแมวนะ มันเหมือนกับว่าเทวดาบันดาลใจสัตว์อะไรก็ไม่ทราบ ยกตัวอย่างขั้นต้นก็คือวัดดอยธรรมเจดีย์ ตั้งแต่สร้างวัดไม่เคยมีแมวเลย ไม่มีไม่ปรากฏ หนูมันมากัดหมอน หมอนพิงอย่างนี้มันมากัด ท่านก็โว้กว้ากขึ้นบ้างเพราะนิสัยท่านอาจารย์กงมาก็ตามชื่อท่านแหละ ตรงไปตรงมา เห็นหนูมันมากัดหมอนท่านแหลกเหลวหมด เฮ้ย มันยังไงกันวะ ท่านพูดขู่หนูเฉย ๆ มันยังไงหนูนี่มันทำลายศาสนายังไง มากัดหมอนแหลกหมด แมวไปไหนวะมาไล่หนูบ้าง ท่านไม่ได้บอกให้มากัดหนู แมวมันเป็นยังไง นี่หนูเพ่นพ่านมากเหลือเกิน
พูดตอนเช้า ออกมาจากห้องมาเห็นหมอนใหญ่ที่ท่านพิงอยู่ โว้กว้ากขึ้น ทีนี้กลางคืนนั้นอีก แน่ะมันเร็วอยู่นะ ก็ที่เก่าที่ท่านนั่งนั่นแหละ ท่านว่าท่านพูดขู่มันเฉย ๆ ท่านไม่มีเจตนาอะไร แล้วก็ไม่เคยเป็นอารมณ์ พูดแล้วก็แล้วไป ทีนี้พอกลางคืนนั่งภาวนาอยู่ที่นั่น ท่านจุดตะเกียงเขาเรียกตะเกียงโคมรั้ววางไว้ข้าง ๆ ให้แสงไฟอ่อน ๆ ไว้เท่านั้น ท่านก็นั่งภาวนา พอออกจากที่ภาวนาท่านลืมตาขึ้นมา ตะเกียงโคมรั้วตั้งอยู่นั้น แล้วแมวนั่งอยู่นี้ข้าง ๆ ท่าน ครั้นลืมตาขึ้นท่านมองดู อ้าว มันแมวน้ามองดู เอ๊ แมวมายังไง ท่านนึกเสียก่อนท่านไม่ได้ว่าอะไรนะ ท่านดูแล้ว ๆ อ้าวมันแมวจริง ๆ
พอท่านว่า นี่แมวหรือนี่เท่านั้นมันก็วิ่งเลย ท่านพูดออกมา นี่แมวเหรอ พอว่าอย่างนั้นมันก็วิ่งเลย โหย กูพูดเมื่อเช้านี้กูพูดไม่ให้สูมากัดหนูกูนะ กูพูดไปอย่างนั้นแหละ พูดขู่หนู สูอย่าไปหากัดหนูนะ แล้วตั้งแต่บัดนั้นแมวตัวนี้มาแอบอยู่นั้นเรื่อย เอ๊ จะทำยังไง ก็ไปดักในครัวอีกเหมือนกัน แมวตัวนี้เอามาเลี้ยงไว้ สอนมันมึงอย่าไปหากัดหนูนะอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็เลยกลายเป็นแมววัดไป แต่มีข้อหนึ่งที่ว่าไม่กัดหนู ธรรมดาไม่เคยเห็นมันกัดหนูนะแมวตัวนี้ แต่ถ้าวันไหนเห็นนุ่นแหลก หัวหนูจะอยู่ที่นี่ ท่านบอกว่าเป็นอย่างนั้นทุกครั้ง เหมือนกับว่าตัวไหนกัดหมอนแล้วเอาเลย นี่ท่านพูดเอง แล้วเราก็เห็นแมวตัวนั้นมันอยู่กับท่าน มันอยู่กับพระแล้ว ธรรมดาแล้วว่างั้นเถอะ อยู่กับพระธรรมด๊าธรรมดา เหมือนไอ้หมีไอ้ปุ๊กกี้นี่แหละมันอยู่กับพระป้วนเปี้ยน
แมวตัวนี้ธรรมดาไม่เคยเห็นมันกัดสัตว์ ถ้าเห็นหมอนขาดแล้วหัวหนูอยู่นี่แหละ มันจะไปกัดที่ไหนไม่รู้แต่มันเอาหัวหนูมาไว้ที่นี่ นี่จะไม่ให้กัดยังไงมันกัดหมอน ก็คงจะว่าอย่างนั้น นี่อันหนึ่งนะ พอท่านพูดถึงเรื่องแมวตอนเช้า ตอนกลางคืนก็มา เราพูดจะว่าไปเข้าเนื้อเข้าตัว เราจะพูดตามหลักความจริง ไม่ว่าพูดอะไรเราเอาหลักความจริงมาพูดทั้งนั้น อันนี้เราก็อยู่ห้วยทราย ๔ ปีเหมือนกัน ปีจะออกจากห้วยทรายมันก็แบบเดียวกัน ห้องนี้เอาหมอนมัดแขวนลงมาเป็นพวงเต็มอยู่นี้นะ แล้วหนูมันเลยขึ้นกัดสายนั้นขาดลงมา แล้วกัดหมอนนี้แหลกหมดเลย อู๋ย นุ่นนี้เต็มหมดในห้อง
เราเดินจงกรมอยู่ในป่า พอเราออกมาเณรก็มาบอก เณรก็ท่านน้อย ถ้ำกลองเพล นี่แหละเป็นเณรอยู่กับเราแต่ก่อน คือทีแรกพอเราออกจากทางจงกรม เณรมาบอกว่าหนูกัดหมอนแหลกหมดในห้อง ห้องก็เป็นห้องอยู่ที่ศาลานั้น แหลกหมดเลย ไหนดูซิ ในห้องนี้ ไปก็ไปดู โถ เราก็ร้องโก้กขึ้นเลย ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นแมวนะอันนี้ก็ดี อยู่ตีนภูเขาห้วยทราย เราก็ร้องโก้กขึ้นแบบท่านอาจารย์กงมา เจตนาก็อย่างเดียวกันไม่มีกับสัตว์ตัวใด ร้อง ทำไมหนูมาทำลายศาสนา แมวไม่มีเหรอดงนี้น่ะ มาขู่หนูให้หน่อยน่ะ มันทำลายศาสนา หมอนในห้องนี้น่ะ พอพูดแล้วเราก็แล้วเท่านั้นไม่ได้มีอะไร
ทีนี้พอเดินจงกรมอยู่ตอนจวนหกโมงเย็น กำลังจะมืดแล้ว เณรนี้เข้าไปอีกเข้าไปหา ธรรมดาใครจะเข้าไปหาเราได้ ผิดเวล่ำเวลา เณรด้อม ๆ ไป เณรมาอะไรเราว่างั้น แต่เราก็แน่ใจแล้วต้องมีเหตุการณ์ต่าง ๆ ถึงจะมาหาเรา เราก็ถามว่า เณรมาอะไร ที่ครูจารย์พูดถึงแมวเมื่อเช้านี้ แมวมาแล้วนะ มาอยู่ไหน อยู่ใต้ห้องนั้นเลย ห้องข้างบนมันมาหมอบอยู่ใต้ห้อง ใต้ถุนศาลาโล่ง ๆ มันมาหมอบอยู่นี้ พระยืนดูเป็นแถวอยู่ข้างนอก เขาหมอบอยู่ตรงกลาง ไหน อยู่ที่เก่านั่นแหละมันยังหมอบ เราออกมามันหมอบอยู่นั้นจริง ๆ เราไปมันก็เฉยนะมันหมอบ อู๊ย ตัวใหญ่ แมวตัวนี้ใหญ่โตมาก
เราก็ไปยืนสอนมัน โฮ้ นี่กูถามหามึงเมื่อเช้านี้ กูไม่ได้ถามหามึงมากัดหนูกูนะ หนูก็เป็นหนูวัด มึงก็เป็นแมววัด มึงเป็นลูกศิษย์วัดด้วยกันมึงอย่าทำลายกันนะ เพียงมึงขู่ร้อง อ่าว ๆ ไปตามวัดให้มันกลัวเท่านั้นก็พอแล้ว มึงอย่าไปกัดหนูนะ จากนั้นเราก็ไป มันก็หมอบอยู่นั้น พระก็ไม่ทราบหนีไม่หนี ป่านนี้หนีหรือยังไม่รู้พระที่ยืนรอได้ ๔๐-๕๐ ปีแล้ว ตั้งแต่วันนั้นมาที่นี่นะ นี่ก็เหมือนสอนไว้นะ ตอนค่ำมันจะเข้ามาอยู่นั้น เห็นแทบทุกวัน จากนั้นกลางคืนเดินจงกรม พระเดินจงกรมที่ไหน มันเป็นทางเป็นตรอกอย่างนี้ มันก็ร้องอ่าว ๆ ไปตามนั้น โอ๋ย หนูนี้หมอบราบเลยเทียว ไม่มีตัวไหนมาเพ่นพ่าน แต่ก็ไม่เคยเห็นมันกัดหนู จากนั้นมามันก็มาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเราหนีจากวัดมา อยู่ห้วยทราย ๔ ปี นี่เป็นประโยคหนึ่ง
ประโยคที่สอง ประโยคที่สาม มันก็สด ๆ ร้อน ๆ เหมือนกัน อันนี้ได้อ้อยดำมาจากโยมแม่ เอาอ้อยดำไปผสมยาแก้โรคอัมพาตโยมแม่ มันเป็นข้ออยู่ มันจะแตกแขนงขึ้นมา ปลูกได้อยู่ว่างั้น เราเลยถือข้ออ้อยนั้นมา ให้เณรมาปลูกไว้ข้าง ๆ กุฏิเรา เราปราบที่ไว้จะปลูกอ้อยสำหรับโยมแม่ อ้อยดำมันขึ้นเร็ว ก็เลยปลูกอ้อยไว้ พอปลูกอ้อยไว้มันขึ้นจริง ๆ โอ๋ย เขียวชะอุ่มเลย อันนี้ก็เป็นต้นเหตุแหละ เราไปเห็นหนูมันกัดอ้อยอยู่ที่หนองผือ กัดแหลกหมดนะ เลยทำให้ระลึกหนองผือได้ว่า หนองผือมีหนูมากัดอ้อย นี่อ้อยเรากำลังเขียวชะอุ่ม หนูแถวนี้มันคงไม่กินอ้อย เรานึกว่าอย่างนั้น
พอตกกลางคืนมามันมาถากถางแหลกหมดเลย ถางแหลกหมดจริง ๆ เรียบวุธเลย โถ ร้องโก้กขึ้นแหละ ทีนี้เอาอีกนะ โธ้ กูนึกว่าไม่มีหนู มีหนูแล้วนี่ ทีแรกขึ้นพอร้องโก้กไม่ได้ว่าอย่างนั้นนะ ว่าแมวไปไหน ไม่มีในดงนี้หรือแมว นี่หนูมาทำลายศาสนาแล้ว ปลูกอ้อยดำไว้ให้โยมแม่แล้วหนูมาถากถางหมด แมวไปไหนไม่มาขู่คำรามหนูให้มันกลัวบ้าง ไม่งั้นอ้อยหมดนะ ไม่นานนะ สักสองชั่วโมง เราไปเห็นนั้นแล้ว ออกจากนั้นเราก็มาอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วเราก็ลงไปศาลาเล็ก ๆ ฟังเสียงอ่าว ๆ ทางโน้นนะ เรานอนอยู่บนศาลาเล็ก ๆ เรานอนเล่นอยู่เฉย ๆ เสียงอ่าว ๆ มาทางสวนอ้อยเรานั่นแหละ
อ้าว มันเสียงแมวนะนี่ แล้วมีพระอยู่ด้วย ฟังซิเสียงแมวใช่ไหม เสียงอ่าว ๆ ใช่ว่างั้น ถ้างั้นคอยดูมันมาตรงสวนอ้อยเรานี่ มันก็อ่าว ๆ ออกมาผ่านมา แล้วก็คอยดูกัน..พระ เดี๋ยวก็โผล่ออกมา โอ๋ย แมวสีเหลืองใหญ่ ยาวขนาดนี้ โฮ้ มึงมารึ กูเรียกหามึงเฉย ๆ บอกแบบเดียวกันแหละ มึงอย่ามาทำลายหนูกูไม่ได้นะ กูพูดเฉยๆ เขาก็หยุดร้อง พอเห็นเราก็หยุดร้อง เขาก็เดินฉากลงไปน้ำบ่อ มันเป็นดงหมดเหล่านี้ ตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่สนใจอีก จนกระทั่งนานเข้ามานี้แล้วอ้อยดำมันก็ขึ้นอีก พอขึ้นอีกเขียวชะอุ่มอีกมันก็ทำให้ เอ้อ อ้อยดำนี่ขึ้นอีกแล้ว ไอ้หนูตัวที่มันมาถางอ้อยดำมันตายแล้วหรือไงนะ อ้อยดำขึ้นนี่ ถ้ามันไม่ตายมันก็เคยมาถางนี่ เราคิดอย่างนั้น กลางคืนฟาดแหลกหมดอีก มันเป็นอย่างนั้นนะ ตื่นเช้ามานี่ราบเรียบหมดเลย โอ๋ย มึงยังอยู่เหรอ
มันมาบันดลบันดาลอย่างนั้นนะมันแปลกอยู่ เหมือนกับเทวดาสังหรณ์ใจสัตว์ก็ไม่รู้นะ นี่เราพูดตามความจริง ก็พระก็เห็นเป็นพยานอยู่ด้วย ก็อย่างนั้นแล้วเป็นยังไง พูดถึงแมวตอนเช้า ตอนบ่ายปัดกวาดก็ไปเห็น ก็ ๒ ชั่วโมงเท่านั้น เสียงร้องอ่าวๆ มาแล้ว ไม่เคยเห็นนะแมวตัวนั้นตั้งแต่สร้างวัด มาเห็นวันนั้นแหละมันก็แปลกอยู่ เหมือนว่าจะมีเทวดาบันดลสังหรณ์ใจสัตว์ให้มา
เพราะเรื่องเหล่านี้ในชาดกก็มี ที่พระสารีบุตรท่านเจ็บท้องแล้วพระโมคคัลลาน์ก็เลยถาม ว่าอาหารชนิดไหนที่ถูกกันท้องไม่กำเริบ ท่านบอกว่าอาหารอย่างนั้นๆ ท่านก็พูดอย่างนี้แล้วเทวดาได้ยิน ทราบละซิ เลยไปบันดลบันดาลจิตใจประชาชนให้เขาทำอาหารนั้นมาให้พระสารีบุตร นั่นก็มันมีอย่างนั้นนะ นี่ก็บอกชัดๆ ว่าเทวดาทราบเทวดาบันดลใจเขา ให้เขาทำอาหารประเภทนั้นมาถวายพระสารีบุตรโรคท่านก็สงบไปเลยว่างั้นนะ มันก็มีอย่างนั้น อันนี้ลักษณะมันคล้ายคลึงกัน อย่างท่านอาจารย์กงมาท่านก็เหมือนกัน แล้วที่วัดเรานี้ก็เหมือนกัน แต่ก่อนก็ไม่เคยเห็นแมว ทางนู้นก็ไม่เคยเห็นแมว มันก็มีมาอย่างนั้น นี้ก็ไม่เคยก็มีมาอย่างนี้
ทีนี้อย่างหลวงปู่ขาวก็อีกเหมือนกัน พูดเรื่องช้าง-ช้างก็มา ท่านรำพึงถึงช้างใหญ่ตัวนั้น ช้างใหญ่ตัวนี้มันหายไปนานแล้ว มันตายแล้วเหรอไม่เห็นมานานแล้ว หรือถูกเขายิงตายแล้วหรือไงนะ ท่านรำพึงตอนบ่าย ตอนกลางคืนมันก็มาหาท่าน นั่นเห็นไหมล่ะ มาลูบคลำฝาท่าน ท่านเล่าให้ฟังทั้งหัวเราะขบขัน มาลูบคลำ เราก็นึกว่าเป็นอะไร เสียงซ่าๆ อยู่ข้างๆ ฝาที่เรานอนอยู่ข้างในนี้ มันมาลูบฝาข้างนอก มันมายืนอยู่ข้างกุฏิท่านข้างนอก มันเอางวงลูบคลำตรงกับที่ท่านอยู่เลย เห็นไหมล่ะ มันรู้เมื่อไรช้างว่าท่านอยู่ที่ไหน มันทำไมมาคลำถูก เหอ ขโมยเหรอ ขโมยมาหาเอาของขโมยของเหรอ ท่านว่าอย่างงั้นนะ ท่านพูดออกไป ถ้าขโมยมันก็ไม่มีอะไรละ มีพรมผืนหนึ่งปูไว้ข้างล่างอยากได้ก็เอาไปเสีย นอกนั้นไม่มีอะไรละ มีพรมผืนเดียวปูอยู่ข้างล่างเอาไปเสีย อยากได้เอาไปเสียท่านว่างั้น
ท่านก็หายกังวล ทีนี้ช้างตัวนี้มันก็กลับออกไป ลานอันนี้เป็นลานพวกทรายเขาเอามาเทซีเมนต์ที่นั่น ออกไปมันก็ไปเหยียบตรงนั้นเลยที่ลาน นี่ทางไปนี้มันไม่ไปนะมันไปเหยียบนั้นให้เห็น เราไปเห็นด้วยตาของเรา ก็พอดีวันหลัง ๒ วันหรือไงเราก็ไปนั่นแหละ ท่านก็เลยพามาดู จริงๆ อู๊ย ช้างนั่นแหละ ทางเข้ามานี่มันก็ไม่ทำลายนะ ที่ซุ้มประตูมันหลีกไปนู้นออกมานี้ เวลาไปมันก็หลีกออกไปมันไม่ทำลายซุ้มประตู พอพูดอย่างนั้นมันก็มา มันผิดสังเกตแต่เสือนี่แหละท่านว่านะ หมาเดือน ๙ เดือน ๑๒ มันคึกคะนอง เสียงมันกัดกันอึกทึกในวัด ภาวนาไม่สะดวกเราก็เลยรำพึง เสือดงนี้ไม่มีเหรอ หมามันอึกทึกเหลือเกิน มาไล่หมาให้สักหน่อยน่ะ พอดีวันหลังมาเสือมาไล่หมาจริงๆ แต่มันผิดเจตนาเรา เราบอกให้ไล่เฉยๆ มันเอาไปกินเสียตัวหนึ่ง มันเลยเอาหมาไปกินเสียตัวหนึ่ง ตั้งแต่นั้นหมาไม่มาอีกเลย
ท่านว่าไอ้เสือตัวนี้ดื้อ ไม่ฟังคำสอน ท่านพูดน่าฟัง พอพูดถึงเสือ-เสือก็มา แต่บอกให้มาไล่หมามันไม่ไล่ซิ มันเอาตัวหนึ่งไปท่านว่า นี่พูดถึงเรื่องความบันดลบันดาลมันแปลกๆ อยู่นะ แปลกอยู่ มันเหมือนกับมีเทวดาคอยสังเกตดูลักษณะอย่างนั้น อย่างท่านอาจารย์กงมานี้ก็เป็น ท่านอาจารย์ขาวก็เป็น อย่างเรานี้ประสีประสาอะไร พูดมันก็เป็นให้เห็นชัดๆ เพียง ๒ ชั่วโมง ตั้งแต่สร้างวัดมาไม่เคยเห็นแมว ทำไมมาในระยะ ๒ ชั่วโมง แล้วก็มาเรื่อยๆ แหละ
ก็มาแสดงตอนที่เราคิดนั่นแหละ คิดเรื่องหนูมันตายแล้วหรือ แมวมาวันนั้นกัดตายแล้วหรือ ไม่เห็นมาถางอ้อยอีก พอกลางคืนมันก็ฟาดเอาเรียบ บอกว่ายังอยู่ความหมายว่างั้น จากนั้นมาเราก็สอนอีกนะ กูรู้แล้วว่ามึงยังอยู่ ทีนี้มึงอย่ามาถางหมดนะ เราพูดตรงนั้นแหละ ถ้ามึงต้องการลำไหนให้มากัดเอาเป็นลำๆ เอานะ มึงกัดแล้วเอาเข้าไปกินในป่า มึงอย่ามาถางหมดมันจะไม่ได้กินนาน แล้วอ้อยนี้กูเอาไว้สำหรับโยมแม่นะ มึงอยากกินมึงก็ให้มากัดเป็นลำแล้วเอาไปกิน ตั้งแต่นั้นมาเขาต้องการลำไหนเขาก็มากัดเอาลำนั้นดึงเข้าไปกินในป่า อ้อยก็เต็มอยู่นั้น มันเหมือนคนบอกสอนกัน อู๊ย มันน่าคิดนะ แล้วไม่เคยถางอีก ได้เป็นลำๆ เขามาเอาเป็นลำ เขากัดแล้วก็ดึงเอาไปกินในป่า พอต้องการลำไหนเขาก็มากัดแล้วเอาไปกินในป่าประจำเลยนะ มันแปลกอยู่ เออ ชอบกล
วันนี้พูดถึงเรื่องไอ้ด่างมันฉลาด ไอ้ด่างฉลาดนี่ถึงใจเรา เมื่อวานนี้ทั้งวันมันสะดุดเรื่อยนะ เป็นอย่างนั้นละเรื่องธรรม แทนที่จะไปตำหนิไอ้ด่างไม่ตำหนินะ ชมไอ้ด่าง นี่ความโง่ความฉลาดดังที่เคยพูดเมื่อวานนี้ กิเลสมันฉลาดมันก็เอาเราได้อย่างนั้นๆ เราฉลาดเราก็เอากิเลสได้อย่างนั้น ๆ คือพูดแล้วมันหมุนเข้ามาหาตัวเองที่มันฟัดกับกิเลส เวลาจิตมันเป็นอัตโนมัติของมัน ทั้งความรวดเร็วทั้งอะไรๆ ใครเผลอไม่ได้ว่างั้นเถอะน่ะ ใครเผลอเป็นเสียท่าเลย ระหว่างธรรมกับกิเลส เราเอาเรื่องของแมวนั่น เผลอเมื่อไรมันก็เอาเมื่อนั้นเข้าใจไหม มันฟาดสัตว์ไปนี้กินจนจะตาย พระอยู่ในวัดนี้เป็นขอนซุงทั้งหมดไม่เป็นท่าเป็นทาง พอมาปลุกกันขึ้นถึงได้เรื่องเข้าใจไหมล่ะ
นี่สติปัญญาต้องปลุกขึ้นเหมือนกัน ไม่ปลุกไม่เกิด ไม่งั้นแมวตัวนี้ก็จะกินสัตว์ในวัดนี้หมด แล้วมันก็จะไปกินพระทั้งวัดนี้ พวกแม่ครัวให้เตรียมตัวเปิดประตูเอาไว้ แมวตัวนี้มันจะกินหมดนะ เพราะมันโง่มาก แมวตัวนี้มันฉลาดมากเกินกว่าที่จะอาหารธรรมดากินให้สมภูมิของมันที่มันฉลาดมาก มันต้องกินภูมิมนุษย์ กินภูมิมนุษย์อะไรอีก ต้องกินภูมิมนุษย์แล้วขึ้นกินพระ ฟาดแต่หลวงตาบัวลงไปกินหมด หลวงตาบัวก็กิน ลูกวัดก็กิน พวกแม่ครัวแม่เคออยู่ในนั้น เป็นลูกศิษย์หลวงตาบัวมันเซ่อด้วยกันกินให้หมดว่างั้นเลย เข้าใจไหม เพราะฉะนั้นมันถึงปลุกใจเรา
เมื่อวานเราคิดกระหยิ่มกับมัน แทนที่จะมีอะไรกับมันไม่มีนะ เอาอันนั้นละมาคิดเป็นอรรถเป็นธรรมตลอดเวลาถึงเรื่องที่ว่า มันจะไปงัดเอาลูกตะโปกหำของท่านปัญญาละ เพราะวัดนี้ยกให้ท่านปัญญาเป็นผู้ฉลาดในการทำนั้นทำนี้ ทีนี้เวลาทำข่ายดักแมวนี้สู้แมวไม่ได้ เรากลัวหำท่านปัญญาจะขาด แมวจะไปฟาดหำท่านปัญญา เรายังไม่ได้ตีเกราะประชุมบอกให้ต่างคนต่างรักษาหำท่านปัญญา ไม่งั้นแมวจะเอาไปกินหมดเราจะว่างั้นเข้าใจไหม แต่นี่พอดีจับแมวได้ เรียกว่าหำท่านปัญญาปลอดภัย หำพระทั้งวัดนี้ก็ปลอดภัย หำหลวงตาบัวก็ปลอดภัย เพราะได้แมวแล้วเข้าใจไหม เอาละจบแค่นี้แหละพอ มันต้องมีบทมีบาทบ้างซี ชมแมวเราก็ชม
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
เรื่องการจัดงานบูชาคุณแผ่นดินไทย
นมัสการ พระธรรมวิสุทธิมงคล เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี
สิ่งที่ส่งมาด้วย สำเนาเกียรติคุณบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย
ตามที่พระคุณเจ้าได้มอบทองคำจำนวน ๑,๐๒๕ กิโลกรัมและเงินดอลลาร์จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐให้นายกรัฐมนตรี เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๔๔ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงและนายกรัฐมนตรีได้มอบต่อให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเก็บรักษาและดำเนินการตามวัตถุประสงค์ต่อไปนั้น ในการนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มอบเกียรติคุณบัตรให้นายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงว่าได้รับมอบทองคำและเงินดอลลาร์ดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้ว จึงนมัสการมาเพื่อโปรดทราบ
ขอนมัสการด้วยความเคารพ
หม่อมหลวง ปาณสาร หัสดินทร
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร
เกียรติคุณบัตร
ประกาศเกียรติคุณบัตรฉบับนี้ขอมอบให้ไว้เพื่อแสดงว่า พณฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบเงินจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐอเมริกาและทองคำแท่งหนัก ๑,๐๒๕ กิโลกรัม ที่ประชาชนได้ร่วมใจกันบริจาคในโครงการช่วยชาติ โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อให้นำไปเพิ่มพูนสินทรัพย์ในคลังหลวงให้เพิ่มขึ้น เป็นสมบัติของชาติไทยตามเจตนาของประชาชนผู้บริจาคต่อไป เรื่องขอมอบทองคำและเงินดอลลาร์เพื่อเข้ามอบคลังหลวงของประเทศไทย อ้างถึงหนังสือของพระคุณเจ้า เรื่องขอมอบทองคำและเงินดอลลาร์เพื่อเข้าคลังหลวงของประเทศไทยลงวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๔ ถึงพณฯ นายกรัฐมนตรีและหนังสือ ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เรื่องการจัดงานบูชาแผ่นดินไทย ลงวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๔๔ ธนาคารแห่งประเทศไทยรู้สึกซาบซึ้งในความเสียสละของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน คณะศิษย์และประชาชนผู้ร่วมบริจาคทุกท่านที่มีต่อประเทศชาติในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง
ขอพระสยามเทวาธิราชช่วยปกป้องรักษาทุกท่านให้ปราศจากภยันตรายทั้งปวง มีความสุขความเจริญ และสมหวังในสิ่งอันชอบธรรมทุกประการ
ม.ร.ว จตุมงคล โสณกุล
ประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย
หลวงตา เราก็อ่านให้ทราบทั่วกันแล้วนะ นี่ก็เข้าแล้วก็มีเท่านั้น ก็เป็นอันว่าหมดปัญหาไปแล้วนะ เอาเท่านั้นแหละ
สรุปทองคำ ดอลลาร์วันที่ ๑๘ คือเมื่อวานนี้ทองคำได้ ๒ กิโล ๒ บาท ๕๐ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑๒ ดอลล์ แมวตัวนั้นไปไว้ที่ไหนไม่รู้นะ เราสั่งไปเรียบร้อยแล้ว เวลามันเข้าอยู่ในถุงไม่เห็นมัน เวลานี้มันอยู่ไหน ใส่ถุงไว้แล้วเดี๋ยวนี้ จะเอาไปเนรเทศว่ะ มันอันธพาล