(มีพระมาขอจำพรรษา) กุฏินี้มันว่างเมื่อไร ล้นตลอด ๆ จึงลำบาก ใครจะมาอยู่หากว่าจะรับกันจริง ๆ ต้องได้ตกลงกันแต่เนิ่น ๆ ไม่งั้นไม่ได้นะ เช่น เรารับอย่างนี้เราจะต้องปรึกษาหารือพระอีกทีหนึ่ง เป็นอย่างนั้นนะ คิดดูซิ เมื่อเช้านี้ก็ ๔๐ แล้ว ทั้ง ๆ ที่พระอยู่ในวัดไม่ฉันจังหันก็เยอะนะ อยู่ข้างใน ออกมานี้รวมแล้วก็ตั้ง ๔๐ พระมาจากที่ต่าง ๆ วัดนี้มันแน่นตลอด ๆ ไม่มีคำว่าบกบาง ล้นตลอด ๆ อยู่อย่างนั้น พระนี้อัดแน่นตั้งแต่เขตป่านี้เข้าไปข้างใน เพราะฉะนั้นจึงไม่ให้คนเข้าไปยุ่ง ให้อยู่เฉพาะนี้ เขตมองเห็นอยู่นี่ ข้างในไม่ให้เข้าเลยนอกจากคนที่ทำงานประจำวัดซึ่งเป็นคนของวัด จะเข้าออกได้ตามสะดวก
อยู่ข้างในนั่นซี มันลำบากนะข้างใน จะเข้มงวดกวดขันอย่างทางนี้ไม่ได้นะ เราจึงลำบากหนักอยู่ในใจลึก ๆ คนเข้าออกไม่ทราบคนยังไง ๆ พวกเปรตพวกผีมันก็มีนี่ ระวังยากนะ การเข้าออกนี้ไม่ได้สะดวก จึงหนักใจอยู่เกี่ยวกับคนเข้าออกในครัว มันมีหลายประเภท คนธรรมดาเราไม่มีปัญหาอะไร พวกเปรตพวกผีมันแทรกเข้ามา ๆ
การรับพระรับเณรนี้เราอ่อนใจ ที่เป็นการศึกษาในการรับหมู่รับเพื่อนมาเป็นลำดับลำดา ผลได้ผลเสียรับมาพิจารณามาเรื่อย ผลตกออกมาก็เป็นความอ่อนใจ ก็มามันไม่ได้เรื่องนั่นซี มามีแต่ความคาดความหมายจะให้ได้อย่างนั้นให้ได้อย่างนี้ ครั้นเวลาเจอกองทัพกิเลสทีเดียวเท่านั้นหงายเลย กิเลสมันไม่ได้คาดหมายกับใคร มันฟาดหน้าผากทันทีเลยกิเลส เราไปคาดอย่างนั้นคาดอย่างนี้ ไปอยู่กับครูบาอาจารย์ได้ยินได้ฟังแล้วจะเป็นอย่างนั้น ๆ มันคาดเอานะ กิเลสมันไม่สนใจคาดแหละ พอมาพอเหมาะพอดีแล้วมันใส่ตูมเดียวหงายไปเลย ๆ นี่ละพระที่มาอยู่กับเรามีแต่แบบหงายไปเลย ๆ จึงเป็นบทเรียนอันสำคัญ ๆ ตลอดมานะ หนัก
ถ้าจะพูดในสมัยนี้แล้วก็รู้สึกว่า วงกรรมฐานนี่ลูกศิษย์ลูกหามากไม่น่าจะผ่านเราไปได้นะ จะมาอยู่ที่นี่ละ ลูกศิษย์ลูกหามาก ทีนี้ลูกศิษย์ลูกหามาก ผลเกิดจากลูกศิษย์ลูกหาทำประโยชน์ให้แก่ตนและส่วนรวมมีอะไรบ้าง นี่ซิมันท้อใจ อ่อนใจมากตรงนี้ หลวงปู่มั่นท่านได้มากนะ นี่ที่เราพูดอย่างเต็มปากเลยว่า โรงงานอันใหญ่หลวงสำหรับผลิตพระกรรมฐาน คือหลวงปู่มั่น นี้คือโรงงานใหญ่โต กระเทือนถึงเมืองนอก ออกจากหลวงปู่มั่นทั้งนั้น บรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่ประกาศศาสนาออกจากหลวงปู่มั่นทั้งนั้น ท่านได้มากนะ มีแต่เพชรน้ำหนึ่ง ๆ จะสิบกว่าองค์นะ เราก็เคยนับแล้วดูว่าสิบกว่าองค์ นับเอาเลยละ
กิเลสมาตีตลาดอยู่มันมีวันคืนปีเดือนที่ไหน มันนับเรื่องความเลวร้ายของสัตวโลกที่มันขี้รดหัว ๆ ตลอดมานั้น จนกิเลสจะนับไม่ได้ เราจะนับผู้ดีขี้รดหัวกิเลสบ้างนับไม่ได้เหรอ เอา เอามาเทียบกันซิ นี่ที่เราพูดว่าเพชรน้ำหนึ่งนี้ ประเภทท่านที่ขี้รดหัวกิเลส เผาศพมันทั้งซากทั้งโคตรมันเลย คือท่านเหล่านี้เองทำไมพูดไม่ได้วะ เอากันตรงนี้ ถ้าพูดเรื่องอรรถเรื่องธรรมกิเลสหัวเราะเยาะเย้ย ฟังซิกิเลสมันเลวขนาดไหน พูดของดีไม่ได้เลย พูดของดีผ่านหน้ากิเลสไม่ได้ หัวเราะเยาะเย้ยดูถูกเหยียดหยาม หยาบมากนะกิเลส ฟังซิพี่น้องทั้งหลาย มันเป็นยังไง ธรรมที่มาประกาศสอนโลกระงับดับไฟที่กิเลสสร้างขึ้นมา ทำไมมันถึงออกไม่ได้ว่ะ ถึงหัวเราะเยาะเย้ยกัน มันเป็นยังไงอำนาจของกิเลสบนหัวใจสัตวโลก เฉพาะอย่างยิ่งชาวพุทธเราเป็นยังไงเวลานี้
คิดให้ดีนะข้อนี้ เราคิดมาพอแล้ว ยิ่งจวนตายเท่าไรมันหากหมุนของมันเองนะ พูดให้เต็มปากมันจวนจะตายแล้ว ธรรมชาตินี้ไม่ต้องมีใครบอก หากเป็นหลักธรรมชาติทำงานของตัวเองตลอดเวลาเกี่ยวกับเรื่องสัตวโลกว่างั้นเถอะ เราเองหมดปัญหา ไม่มีแล้ว ทีนี้ดูเรื่องของสัตวโลกล่ะซิ นี่ที่มันดุโน้นดุนี้ก็เพราะอันนี้เอง เพราะดูอยู่ตลอดเวลาเห็นตลอดเวลา ไปที่ไหนขวางตา ๆ มันไม่มีล่องตาล่องใจนะ แม้แต่ภายในวัดมันก็ขวางตลอดเวลา ขวางไปตามส่วน ๆ ของวัดภายนอกภายใน เพศพระเพศฆราวาส เพศนักบวช มันขวางไปตามส่วนของมันอยู่จนได้ ๆ จนได้อยู่อย่างนั้นนะ
ถึงได้พูดถึงเรื่องหลวงปู่มั่นว่าโรงงานอันใหญ่หลวง เป็นน้ำที่สะอาดสุดยอดชะล้างสัตว์ทั้งหลายที่จมอยู่ในกองมูตรกองคูถมากี่กัปกี่กัลป์ นี่คือโรงงานอันใหญ่หลวงมากทีเดียว ที่เป็นน้ำที่สะอาด โรงงานใหญ่โรงงานน้ำที่สะอาด คือธรรมอันเลิศเลอมาชะล้างสัตว์ทั้งหลาย จึงเรียกว่าโรงงานใหญ่ ท่านผลิตลูกศิษย์ลูกหามามากขนาดไหน เราก็ยังไม่เคยเห็นในชีวิตของเรานี้ ที่จะผลิตได้อย่างท่านนะแม้ท่านเงียบนะ ใครรู้ท่านเมื่อไรว่าท่านเป็นยังไงน่ะ อยู่ในป่าในเขา ๆ อยู่ที่ไหนท่านอยู่กับใครเมื่อไร แต่หมู่เพื่อนก็เกาะตลอด มาอบรมท่านไล่หนีไป ๆ อยู่อย่างนั้นนะ เราสืบทราบตลอด อยู่กับท่านทีละองค์บ้างสององค์บ้างอยู่อย่างนั้น เดี๋ยวท่านก็ไล่หนีอีกแล้ว ท่านอยู่องค์เดียว แน่ะ ฟังซิ
เรื่องมันเกาะนี่ไม่ต้องบอกแหละ เอ้า ไล่องค์นี้ องค์นี้มา อย่างนั้นนะ ให้ไล่อยู่อย่างนั้น มันเกาะอยู่ตลอด อยู่ถ้ำเชียงใหม่สถานที่ท่านเด็ดมากที่สุดเลย หมู่เพื่อนครูบาอาจารย์เหล่านี้แหละที่ไปศึกษาอบรมกับท่านมานี่แหละไปเกาะท่าน องค์นั้นองค์นี้ ๆ เรื่อยมา ตั้งแต่โน้นก็มีหลวงปู่พรหม หลวงปู่แหวน หลวงปู่ขาว มาจากเชียงใหม่ทั้งนั้นนะ สี่หลวงปู่เรา ห้าหลวงปู่ตื้อ นี่เพชรน้ำหนึ่งเลยเทียว เพชรน้ำหนึ่ง ๆ หลวงปู่ชอบท่านก็เคยไปอยู่เชียงใหม่เหมือนกัน เราก็ยังไม่รับรองยืนยันอะไรนักนะหลวงปู่ชอบ พูดจริง ๆ เรายังไม่ได้คุยกัน
อย่างนี้ละพูดธรรมะต้องเป็นอย่างนี้ ที่ไหนเรายังไม่ได้เอ่ยถึงนัก เราไม่ได้แน่ใจเราไม่เอ่ย เดี๋ยวกิเลสจะมาตีหน้าผากเรา ถ้าตรงไหนเราแน่ใจแล้วมา หน้าผากมึงมีกี่หน้ากูจะฟาดหมัดเดียวเท่านั้นอยู่หมัดเลยว่างี้ ฟาดทีเดียวรัวไปเลยเหมือนปืนกล มันจะหงายไปหมดทั้งโคตรมันซิกิเลส ถ้าเราแน่ใจแล้วพูดเต็มปากเลย เพราะธรรมนี้ไม่เหมือนอะไร ถ้าไม่แน่ไม่ออก
เอาสักขีพยานไม่ได้ เอาอัฐิของท่านมา พระธาตุนี้ตีตราแล้วนะ ถึงจะบอกไม่บอกก็ตามถ้าลงอัฐิเป็นพระธาตุแล้วตีตราปึ๋งเลย ในตำราก็บอกไว้อย่างชัดเจนมีพระอรหันต์เท่านั้น ฟังแต่ว่าเท่านั้นที่อัฐิจะกลายเป็นพระธาตุได้ บอกไว้แล้ว ถ้าลงเป็นพระธาตุแล้วเห็นไม่เห็นก็ตามเถอะ นี่คือพระอรหันต์ว่างั้นเลย นอกจากนั้นต้องได้ศึกษาปรารภ ถ้ามีญาณก็หยั่งดูกันซิ นอกจากนั้นก็สนทนา แย็บออกมาจับได้ทันที เรื่องอรรถเรื่องธรรมแล้วปิดไม่อยู่ เวลาไปที่ไหน ๆ เห็นมาแล้วนี่ ใครพูดที่ไหนมันก็รู้หมดล่ะซี เห็นด้วยตาเนื้อเรานี่ ไปที่ไหนเห็นด้วยตาเนื้อ ได้ยินด้วยหูของเรา มันก็ชัดเจนตามหูตามตาของเราในขั้นนี้เรายังไม่สงสัย ทำไมหัวใจยิ่งจ้ากว่านั้นอีกจะเอาอะไรมาสงสัยอีก สู้ตาฝ้าตาฟางนี่ไม่ได้เหรอ
ตาพระพุทธเจ้าตาเลิศตาเลอตาโลกวิทู ตาพวกเราตาฝ้าตาฟางหามุดตั้งแต่กองมูตรกองคูถ มันไม่เห็นมันถึงมุด ถ้าเห็นมันจะมุดอะไร มูตรคูถก็รู้กันอยู่ จากนั้นมาก็เป็นลำดับลำดารองกันมาเรื่อย หลวงปู่คำดีองค์หนึ่ง นี่ก็ตีตราแล้ว แล้วท่านจวนองค์หนึ่ง ท่านสิงห์ทององค์หนึ่ง ที่แน่ ๆ แล้วนะ ท่านหล้าก็องค์หนึ่ง นี่มีแต่ตีตราเพชรน้ำหนึ่งแล้วไม่มีคำว่าสองเลย เป็นยังไงโรงงานใหญ่ผลิตออกมาได้มากขนาดไหน แต่ละองค์ ๆ ท่านมีลูกศิษย์ขนาดไหน ทำประโยชน์ให้โลกกว้างขวางขนาดไหนพิจารณาซิ
นี่ละธรรมถ้ามีผู้ปฏิบัติก็ขนออกมาละเพชรพลอยที่เลิศเลอ ๆ ออกมา ๆ ผู้ที่คุ้ยเขี่ยขุดค้นหาแต่มูตรแต่คูถ ก็ได้แต่กองทุกข์มาเผาหัวมันทั้งวันทั้งคืนยืนเดินนั่งนอน เว้นแต่หลับถ้าหลับสนิทนะ ถ้าหลับแบบฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ดิ้นล้มดิ้นตายกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ด้วยความเสียอกเสียใจ นอนก็ไม่หลับ หลับไปแล้วละเมอเพ้อฝัน พวกนี้บ้าสองชั้นเข้าไปอีก หลับก็ยังเป็นบ้าอยู่อีกพวกนี้ นี่ละกองทุกข์มันเผาหัวใจโลกพากันรู้ไหม ยังพากันเห่อบ้ากันอยู่เหรอ พระพุทธเจ้าถ้าเป็นอกแตกท่านแตกแล้วนะ ท่านดูไม่ได้ว่างั้นเถอะ พระอรหันต์ท่านท่านดูไม่ได้ อกท่านแตกแล้วนะ พวกเรายังเป็นบ้ากันอยู่นี่ อู๋ย ทุเรศนะ
เดี๋ยวนี้มันยิ่งนับวันลืมเนื้อลืมตัวเข้ามาแล้วนะ เข้าทุกวัน ๆ นะ กิเลสหนาเข้ามาทุกวัน ๆ อย่างภายในวัดนี้มันนุ่งจิ๊กโก๋จิ๊กเก๋เข้ามา อย่าเข้ามานะในวัดนี้ ไม้ไล่ตีมันหลงทิศไปนะ อย่าลืมตัวจนเกินไป สถานที่สูงที่ต่ำมี กิเลสอย่ามาเหยียบย่ำทำลายทุกแห่งทุกหน พวกจิ๊กโก๋จิ๊กเก๋พวกผู้หญ้าผู้หญิงที่มันไปมันมาอยู่นี้ เราดูแพล็บ ๆ เห็นแพล็บ ๆ มันเข้ามาแล้ว เหยียบเข้ามาแล้ว มันรู้ตัวไหม มันไม่รู้ตัวนะนั่น ไม่มีเจตนานะมันเป็นนิสัยสันดานที่หยาบภายในหัวใจมันอยู่แล้ว มันจึงลืมข้างนอกข้างในมีหรือไม่มีมันไม่รู้ มันก็เอาสันดาบหยาบเหยียบเข้ามาในวัดในวานี่ นุ่งจิ๊กโก๋จิ๊กเก๋เข้ามา จิ๊กโก๋จิ๊กเก๋ก็มีแต่หมานั่นละ คนเขาไม่ทำกัน คนผู้มีศีลมีธรรมรู้สูงรู้ต่ำรู้ควรไม่ควร ถ้าคนประเภทไอ้หางงอนั้นมันไม่รู้ มันอยากได้สิบหางมาแข่งหมาอีกโน่นพวกนี้น่ะ มันเป็นยังไง
โห มันจะดูไม่ได้นะพูดจริง ๆ โถ จะหมดจริง ๆ เหรอศาสนา ถึงขนาดนั้นนะ ไปที่ไหน ๆ โห จะหมดจริง ๆ แล้วเหรอศาสนา จะไม่มีเหลือเลยว่าชาวพุทธ ๆ เมืองไทยเรา มีแต่ชาวผีชาวสิบหาง ๆ เต็มบ้านเต็มเมืองเวลานี้ สิบหางแข่งหางหมา มันด้านขนาดนั้นนะ แล้วโอ่อ่าเสียด้วย กิเลสประเภทเหล่านี้โอ่อ่าเสียด้วยไม่ใช่ของเล่น ธรรมเลิศเลอขนาดไหนฟังซิ จนดูไม่ได้ว่างั้นเถอะ ที่โลกโอ่อ่ากันอยู่นี้น่ะแล้วให้ธรรมดู ดูไม่ได้เลยฟังซิ ดูที่โอ่อ่าของกิเลสที่มันออกมาอวดกันนี่น่ะ ธรรมดูไม่ได้เลยฟังซิน่ะ พี่น้องทั้งหลาย ดูไม่ได้เลยนะ มันพิลึกกึกกือ
นับวันรุกล้ำเข้ามาๆ ผลที่สุดในวัดเลยไม่ทราบวัดบ้านวัดป่าแหลกเข้ามา กำลังเข้ามาในวัดนี้ เข้ามาไม่ได้นะ ถ้าเอา-เอาจังมากนะนี่ไม่เหมือนใคร ไล่หมดทั้งโคตรมันเลย สูอย่ามา โคตรสูเป็นอย่างนี้หมดเหรออยากว่างั้นนะ ถ้าโคตรสูเป็นอย่างนี้ให้หนีให้หมดอย่ามาอยู่ในเมืองไทย มันหนักเมืองไทยอยากว่างั้นนะ จะทำลายกันหมดทั้งชาติไทยนี้เหรอ จะไม่ให้มีเกาะมีดอนบ้างเหรอ ศีลธรรมมีอยู่ หูตาจมูกลิ้นกายใจสูไปไหนหมดสูจึงไม่มาดูบ้าง ศีลธรรมกับสิ่งเหล่านี้ต่างกันอย่างไรบ้าง อยากถามว่างั้นนะ มันเลวลงทุกวันๆ ทำไง
นี่ละที่เคยพูดถึงเรื่องพระเราไปศึกษากับครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์แต่ละองค์ๆ มีลูกศิษย์ลูกหาน้อยเมื่อไร เต็มไปหมด ครั้นไปแล้วก็ได้แต่ของไม่เป็นท่าออกมา คือมันไปมองดูหน้ากิเลสไม่ได้ พอจะจ่อจิตภาวนาเข้าไปที่นี่กิเลสตีเอาหงายเลยๆ ทีนี้เมื่อหงายหลายครั้งหลายหนเข็ดหลาบนะ ถ้ากิเลสตีแล้วทำความเพียรแล้วเข็ดหลาบ ถ้าตีไปเข้าส้วมเข้าถานกิเลสนี้ โอ๋ย ไหลเข้าไปนะ จับหางดึงไว้ หางขาดยังบืนเข้าไปอยู่นะ คือบืนเข้าไปในส้วมในถานของกิเลส ถ้าโผล่เข้ามาหากองไฟที่กิเลสมันกำลังสร้างเผาหัวใจสัตวโลกอยู่นี้ ตีหน้าผากทีเดียวหงายไปเลย สติตั้งไม่ได้
ตั้งไปดูใจดวงมันกำลังเป็นไฟอยู่นั้นตั้งไปดูไม่ได้นะ มันตีทีเดียวหงาย หงายครั้งนี้หงายครั้งนั้นเข็ด ทีนี้ไม่อยากภาวนา พอภาวนาไปก็ไปเจอเหตุการณ์ที่ถูกมันตีหงาย สุดท้ายก็เอาอีกแล้วทีนี้เอาแล้วนะ เราทำอะไรก็ดีเราก็สร้างบารมีเหมือนกัน หาสร้างนั้นสร้างนี้ปลูกกุฏิศาลาสร้างวัดสร้างวาใหญ่โตรโหฐาน ประดับขึ้นด้วยอิฐด้วยปูนด้วยหินด้วยทรายให้เป็นเทวดาแทนเทวดาหลักธรรมชาติ มันเป็นไปได้ไงประสาอิฐ มันไปแข่งเทวดาให้เป็นเทวดาแทนเทวดาได้เหรอ ฟังซิ มันก็เป็นอิฐเป็นปูนเป็นหินเป็นทรายอยู่นั้นแหละ เสกไปไหนก็คือก้อนขี้ เอาๆ เข้าไปในส้วมก็คือก้อนขี้ ดึงออกมาจากส้วมก็คือก้อนขี้ กลิ้งไปไหนก็คือก้อนขี้ ราดสาดกระจายไปไหนก็คือก้อนขี้
นี่ละคนชั่วเป็นอย่างนี้เอง ไปไหนมันก็ชั่วของมันตลอดเวลา ไม่ว่าอยู่ที่แจ้งที่ลับ จะแก้ตัวขนาดไหนก็คือคนชั่วแก้ตัว คือกองขี้แก้ตัวให้เป็นทองคำมันเป็นไปได้ไหม พิจารณาซิ นี่ละเรื่องของโลกสกปรก เวลานี้มันกำลังพลิกแพลงเปลี่ยนแปลง ผิดไม่ยอมรับว่าผิด จะแก้ให้มันถูก มันจะถูกไปไหนก็กองขี้ แก้ไปไหนพลิกไปไหนก็คือกองขี้มันพลิกตัวมันไปเอง มันจะไปเป็นทองคำได้เหรอ เห็นไหมกิเลสมันให้รู้ไหมล่ะ ธรรมจับปั๊บรู้ได้ทันที กิเลสมันพลิกตัวของมันเพื่อจะหาทางออก มันออกยังไงก็กองขี้ เข้าก็กองขี้ออกก็กองขี้ อยู่ที่ไหนก็กองขี้ มันจะออกไปไหนเข้าไปไหนก็กองขี้ แน่ะมันก็เท่านั้นเอง ทองคำแล้วไม่ต้อง เคลื่อนไม่เคลื่อนก็เป็นทองคำสง่าอยู่นั้นตลอดเวลา ธรรมพระพุทธเจ้าเลิศเลออย่างนั้นละ
พูดไปพูดมาเหนื่อย มันหากเป็นนะมันคันฟัน พูดจริงๆ ดูนี้จะดูไม่ได้นะ เพราะฉะนั้นจึงระวังนะพวกข้างใน เราพูดแบบย่อมๆ ถ้าไม่อยากขายหน้าแล้วอย่านุ่งเข้ามานะล่อนจ้อนแล่นแจ้น จิ๊กโก๋จิ๊กเก๋เข้ามาในวัดป่าบ้านตาดนี้ เราเตือนไว้ก่อนนะ คราวหลังจะไม่เตือนอย่างนี้ เปี๊ยะทันทีเลย ไล่ทั้งโคตรมันไปเลยเทียว กูไม่ได้อัศจรรย์กับหัวสูนะ กูอยู่คนเดียวกูอยู่ได้แล้ว กูพอทุกอย่างแล้ว สูมายุ่งกูทำไม เอาละพอ พูดไปพูดมาเหนื่อย เวลาขึ้นเวทีก็ฟัดใหญ่เลย ครั้นลงจากเวทีมาแล้วก็เป็นคนธรรมดา ไม่มีอะไร แน่ะเป็นอย่างนั้นนะ
สรุปทองคำ ดอลลาร์วันที่ ๔ เมื่อวานนี้ทองคำได้ ๙ บาท ๕๕ สตางค์ดอลลาร์ได้ ๗๐ ดอลล์ ทองคำที่ต้องการมอบเข้าคลังหลวงคราวนี้ ๔ พันกิโล มอบไว้ที่คลังหลวงแล้ว ๒,๐๖๒ กิโลครึ่ง ทองคำที่ได้ทีหลังยังไม่ได้หลอมนั้นเวลานี้ ๓๙๘ กิโล ๖๓ บาท ๑๐ สตางค์ยังไม่ถึง ๔๐๐ กิโล เรากะไว้เป็นพื้นฐาน ๔๐๐ กิโลจะหลอม แต่ยังไงก็ยังไม่หลอม เพียง ๔๐๐ หลอมมันจะลด เรียกว่ายังขาดอยู่อีก ๒ กิโลจะถึง ๔๐๐ รวมทองคำทั้งหมดได้ ๒,๔๖๑ กิโลเวลานี้นะที่ได้แล้ว เท่ากับ ๒ ตัน กับ ๔๖๑ กิโล เวลานี้ได้แล้ว ได้ขึ้นเรื่อยนะ
พี่น้องทั้งหลายให้เขยิบขึ้น ทุกอย่างเขยิบขึ้นเพื่อชาติไทยของเรา อย่าอ่อนแอนะ ดูหัวหน้าก็แล้วกัน หัวหน้าพี่น้องทั้งหลายทางฝ่ายพระคือเราเป็นผู้นำ ท่านทั้งหลายเห็นความอ่อนแอของเราตรงไหนบ้างไหม ออดแอดอ่อนแอท้อแท้ นำพี่น้องทั้งหลายด้วยความยุบความยอบความหมอบความคลานเคยเห็นไหม นี่ซิถึงได้เตือนกันเรื่อยๆ บ้านเมืองของเราจะแน่นหนามั่นคงไม่ได้ขึ้นด้วยความยอบแยบนะ ขึ้นด้วยความจริงจังทุกอย่าง ชาติไทยของเราเป็นชาติเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ต้องเอาให้เต็มเหนี่ยว อย่าทำย่อหย่อนอ่อนกำลังวังชา อย่าทำใจจืดจาง ให้ถือเป็นหน้าที่ของตัวทุกคนๆ ใครมีเท่าไรก็ตาม เอ้า สละออกไป ๆ
นี่เราก็บอกแล้วถึงเรื่องธนาคารก็ประกาศไว้แล้วข้างหลังนั้น ใครจะบริจาคโอนเข้าไปธนาคารไหนก็ได้ทั้งนั้น เพราะเป็นธนาคารช่วยโลกด้วยกัน เราจะบริจาคด้วยมือของเราก็ได้ด้วยโอนก็ได้ แล้วทองคำดอลลาร์ก็เคยพูดแล้วบริจาคได้อย่างที่ว่า ให้หนุนกันเข้า ต่อไปนี้หนุนขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่งั้นไม่ได้นะ เราอ่อนลงทุกวันๆ แข็งอยู่ตั้งแต่ภายในหัวใจที่เต็มไปด้วยเมตตาเท่านั้น เรียกว่าธรรมแล้วไม่มีวัยนะ แต่ร่างกายนี้มี ไปเทศน์ที่ไหนอ่อนลงๆ หนักนะ เอาละพอ
ลูกศิษย์ หลวงตาเจ้าค่ะวันนี้มีผู้ร่วมบุญถวาย ๓๐๒ ดอลลาร์กับ ๑,๐๐๐ วอนเจ้าค่ะ
หลวงตา ๑,๐๐๐ วอนเป็นเงินไทยเราเท่าไร เงินอะไร
ลูกศิษย์ เงินเกาหลีเจ้าค่ะ
หลวงตา อันเงินต่างสกุลมานี้ที่เปลี่ยนได้ก็มีไม่ได้ก็มีนะ ก็ให้ธนาคารเขาเปลี่ยนเองเขารู้ดี อันไหนเปลี่ยนได้ไม่ได้เขาจะเอามาชี้แจงกับเราอีกทีนึง เงินต่างสกุล เงินไหนเขาเลิกใช้ สกุลไหนเขาเป็นยังไง ๆ พวกธนาคารรู้ได้ดี เวลาเขาไปเปลี่ยนอันไหนได้เขาก็ไม่พูดละ อันไหนไม่ได้เขาก็เอามา หลังๆ เราก็บอกว่าเผาไฟเสีย อ้าว ไม่อย่างนั้นจะเอาไปไหนอีก ของใช้ไม่ได้ยังจะไปกราบอยู่เหรอ ก็บอกว่าเผาไฟซี ไม่เห็นเกิดประโยชน์อะไร
วันนี้สายๆ หน่อยก็จะออกเดินทางไปโคราชแหละ ไปโคราชก็ไกลอยู่นะ ทางจากนี้ถึงโคราชดูเหมือนถึงกลางใจเมืองมันก็ ๓๑๕ กิโล แล้วจากนั้นไปอำเภอปักฯ มันเท่าไร (๒๘ กิโลค่ะ) เป็นเท่าไร (๓๔๓ กิโล) นั่นไม่ใช่เล่นนะ ต้อง ๔ ชั่วโมงกว่าแล้ววันนี้คิดว่า ๔ ชั่วโมงกว่า ไปนี้ก็ไม่เข้าโคราชไปทางเลี่ยงเมืองนะ
ไปก็ประมาณ ๔ ชั่วโมงถึงอำเภอปักฯ ไปอย่างสบายๆ ก็ ๔ ชั่วโมง นี่เวลาออกไปทางดีแล้วมันก็ไม่พ้นที่จะขึ้น ๑๒๐ เหมือนกันนะ เราดูเข็มแล้วมองดูทางมันก็ไม่มีข้อตำหนิ เราก็เลยหลับตาไปเฉยไปเลย ส่วนมากเราสั่งไว้ว่า ๑๑๐ ธรรมดาว่า ๑๐๐ หรือ ๑๑๐ ทีนี้หากว่ามันมีขัดข้องอะไรก็ให้ลดไปตามส่วน ทีนี้มันไม่ว่า ๑๑๐ มันฟาดขึ้นเลยหลวงปู่คูณไปแล้ว หลวงพ่อคูณ ๙๐ เราฟาด ๑๒๐ ขึ้นไปแล้ว หลวงพ่อคูณนี้เป็นคติดีนะ เราเอามาพูดเรื่อยๆ
นี่เราก็ฟาดหน่อหวายไปแล้วหลายถ้วยแล้วนะ คือว่าหน่อหวายนี้เขาว่ามันสั่งสมยาพิษสารพิษที่ให้เราเสียท้อง เราพอฉันหายลงไปแล้ว ทีนี้หน่อหวายมันมาอีกแล้ว มา มึงอยากมาๆ หลวงพ่อคูณอยู่ข้างหน้ากู กูวิ่งตามหลวงพ่อคูณเลย หลวงพ่อคูณลง ๙๐ กูจะลง ๙๐ มึงจะไป ๑๖๐ ช่างหัวมึงเถอะ กูลง ๙๐ ตามหลวงพ่อคูณ หลวงพ่อคูณโดดลง ๙๐ ท่านก็เอาตัวแยกออกได้ กูจะไปรักษาสูได้ยังไงก็กูโดดหนีตายลง ๙๐ กูเกือบตายนี่วะ สูจะไปไหนช่างโคตรสูซิ ถ้าเป็นเราว่าแล้วเข้าใจไหม อันนี้หลวงพ่อบัวเหมือนกัน ให้มันมาทั้งโคตรหน่อหวาย มา กูจะลงตั้งแต่ ๙๐ กว่ามันจะมาสั่งสมสารพิษให้เราได้เราตายไป ๕ ทวีป ๕ กัป ๕ กัลป์แล้ว เรียกว่าลง ๙๐ แล้ว ไปละหมดแล้วเลิกแล้ว