(ผู้ฟังเทศน์ประมาณ ๖๐๐ คน)
เมื่อวานวันที่ ๘ ทั้งวันไม่ได้ทองคำแม้สตางค์นึงเลย ดอลลาร์ได้ ๑๑ ดอลล์ ทองคำขาดมาเรื่อย ๆ ไม่ได้สักสตางค์ ทองคำที่ต้องการมอบเข้าคลังหลวงสี่พันกิโลนั้น มอบเข้าคลังหลวงไว้แล้ว ๑,๐๓๗ กิโลครึ่ง ฝากไว้กับคลังหลวงแล้ว ๑,๐๒๕ กิโล รวมทองคำที่มอบและฝากไว้กับคลังหลวงได้ ๒,๐๖๒ กิโลครึ่ง ทองคำหลังจากที่ได้มอบและฝากไว้แล้วนั้น(ยังไม่ได้หลอม)ได้เพิ่มเติมอีก ๕๒ กิโล ๑๔ บาท ๓๖ สตางค์ รวมทองคำทั้งหมดเวลานี้ทั้งที่หลอมแล้วและยังไม่หลอมได้ ๒,๑๑๔ กิโลครึ่ง ยังขาดทองคำอยู่อีก ๑,๘๘๕ กิโลครึ่งจะครบจำนวนสี่พันกิโล กรุณาทราบตามนี้เรื่อย ๆ ไป ก้าวไปเรื่อย ๆ ดอลลาร์เหรอ นี่ได้ ๑๐๐ ดอลลาร์แล้ว เมื่อวานนี้ได้ ๑๑ ดอลล์ วันนี้มาลบล้างกัน ตอนเช้านี้ได้ ๑๐๐ ดอลล์ แต่ทองคำยังลบไม่สูญเห็นขีดอยู่ตลอด
เมื่อวานที่พูดแล้วว่า หลังจากฉันเสร็จแล้วจะไปดูโรงพยาบาลใหม่ที่หนองบัวลำภู ก็ได้ไปมาแล้วเมื่อวานนี้ โอ๋ เอาใหญ่เลยนะเมื่อวานนี้ เข้าไปดูโรงพยาบาลใหม่ เขาพึ่งย้ายไปอยู่เดือนกุมภาฯ นี่จากโรงพยาบาลเก่า เพราะโรงพยาบาลเก่าคับแคบเหลือเกิน มี ๙ ไร่หรือเท่าไร เขาเลยย้ายจากนี้ไปอยู่โรงพยาบาลใหม่ ทีนี้กว้างขวาง ดูเหมือนร้อยกว่าไร่นะ อยู่ทางตีนเขา ดูเรียบราบดีเหมาะสม พอไปพวกหมอพวกพยาบาลก็รุมมาเลย ไม่ได้บอกล่วงหน้าล่วงแน่อะไรเขาว่า เขาบอกเราไม่ได้บอกล่วงหน้าล่วงแน่อะไร เขาไม่ทราบ ไม่ทราบก็ทราบเสียซิ มาเห็นหน้ากันแล้วยังไม่ทราบอยู่เหรอ
จากนั้นก็รุมเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องเครื่องมือที่จำเป็น ๆ เราก็รับให้ตามที่จำเป็นเมื่อวานนี้ คือให้ประมวลมาเครื่องมืออันไหนที่จำเป็น ๆ อันดับหนึ่ง ให้เอามาในวันนี้ เขาก็เอามา เครื่องมือที่จำเป็นให้เอาอันดับหนึ่งมานะ เอามาที่จำเป็นรวมแล้วได้ ๒ ชุด เป็นความจำเป็นมาก เครื่องมือที่ผ่าตัดกระดูก ผ่าตัดอะไร ๆ นี้ไม่มีเลย หมอก็ไม่ทราบจะทำยังไง ตกลงเราก็ให้เลยเมื่อวานนี้ เครื่องมือพวกผ่าตัดนั่นละที่สำคัญ ๆ เป็นอันดับหนึ่ง ได้ ๒ ชุดเมื่อวานนี้ ชุดละ ๑ ล้านห้า รวมแล้วเมื่อวานนี้เป็น ๓ ล้าน รับมาจากหนองบัวลำภู แต่ที่เอามานี้ไม่ใช่ว่าเรามีเงินอยู่แล้วนะ เราเคยฟัดเคยเหวี่ยงกับความจนกับหนี้กับสินมาแล้ว อันนี้เขาสั่งมากว่าจะตกมานี้เป็นเวลากี่เดือน เราคำนวณแล้วนะ แล้วเงินจะค่อยมา ๆ พอดีทางนู้นมาถึงปั๊บใส่กันกึ๊กเลย ผ่านไปได้ ไม่ใช่ว่าเรามีเงินอยู่แล้ว
คือเราเคยปฏิบัติอย่างนั้นมา ถ้าอันไหนเครื่องใหญ่ ๆ ก็คำนวณถึงเวลาที่ส่งมาจะประมาณเท่าไร ๆ ส่วนมากพวกราคาแพงต้องคำนึงคำนวณ ถ้าธรรมดานี้ก็ไม่ละ อันนี้เครื่องมือสำคัญ ๆ ๒ ชุด ๆ ละ ๑ ล้านห้า เรากะว่าประมาณ ๒ เดือน ๓ ล้านนี่คงหาเงินได้ ได้รับเขามาเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งเช็คไปทางเรือนจำหนองบัวลำภู หนองบัวลำภู จ่ายไปแล้วครั้งแรก อันนี้มันเศษมันเหลือเขาบกพร่องตรงไหน ๆ เขาก็ไปเอามาอีกแล้วเขาก็บอกเรามา เราก็จ่ายให้ทั้งหมด ไม่มากละ ที่เครื่องใช้ในเรือนจำหนองบัวลำภู เพราะอันนี้มันเศษมันเหลือนอกจากที่กำหนดตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้ว มันเศษมันเหลือที่เขาเอามาใหม่ เมื่อวานนี้ดูเหมือน ๘ หมื่นกว่า อันนี้เป็นเศษเหลือจากจำนวนที่จ่ายทีแรกไปแล้ว อยู่ห่างไปตั้งหลายกิโล ดูเหมือนสิบกว่ากิโลมั้ง จากจังหวัดไปนี้แล้วหักไปข้างในอีกดูเหมือนตั้ง ๗-๘ กิโล เข้าไปลึก ๆ เรือนจำอยู่ที่ว่าง ๆ ไม่มีอะไร เราเคยไปดูแล้ว เข้าไปดูหมดสถานที่เขาว่าจำเป็น ๆ เขามาขอเรา เราก็ไปเที่ยวดูหมด เพราะฉะนั้นจึงได้เห็นหมดเลย
หนองบัวลำภูนี้โรงพยาบาลเขาสร้างใหม่ ให้เหมาะสมกับหนองบัวลำภูเป็นจังหวัดแล้ว แต่ก่อนเป็นอำเภอ แม้เป็นอำเภอก็คับแคบอยู่แล้ว ทีนี้เลยขยายออก คือย้ายออกจากนี้ไปเป็นโรงพยาบาลโดยสมบูรณ์ เนื้อที่ถามเมื่อวานนี้มัน ๑๑๐ ไร่หรือเท่าไร ก็แสดงว่ากว้างพอประมาณ อยู่ตีนเขา ที่ราบเรียบ เราถามว่าเป็นที่ยังไง เขาบอกว่าเป็นที่ทางราชการสงวนเอาไว้ เอ้อ เหมาะสม ถ้าไปซื้อก็ไม่ใช่เล่นนะ เขาสงวนไว้เป็นที่โรงพยาบาล ที่เรียบราบดี เหมาะ เขากำลังปลูกสร้างอึกทึกเวลานี้ หมอดูเหมือนมี ๑๔ คน ทั้ง ๑๔ คนขึ้นอยู่กับเครื่องมือ ถ้าเครื่องมือมีจำนวนมากหมอก็ต้องเพิ่มเข้า ๆ ถ้าเครื่องมือไม่มีหมอก็ต้องขาดไปตามเครื่องมือ ก็คิดดูอย่างหมอตาอุดรฯ นี่ แต่ก่อนมี ๒ หมอประจำ ทีนี้พอเราให้เครื่องมือมาครบนี้ หมออย่างน้อย ๕ หมอ เฉพาะแผนกตานะตั้ง ๕ หมอ อย่างนั้นละถ้าเครื่องมือมาครบหมอก็มาครบ ดำเนินงานได้สะดวก คนไข้ก็มีหวัง ๆ
เมื่อวานนี้เจ้าคุณธรรมโสภณ วัดสุทธจินดา มากับฝ่ายนายทหารเกี่ยวกับอนุสาวรีย์หลวงพ่อพุธ เจ้าคุณพุธ ที่วัดสาลวัน จะสร้างเจดีย์ วันนั้นจะวางศิลาฤกษ์ วันที่ ๓๐ กันยา นี้ ตรงกับวันเสาร์พอดี พอฉันเสร็จแล้วเราก็ไป ดูว่าพิธีจะเริ่มเที่ยงครึ่ง เราฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางไปถึงโน้น เวลาจะพอ ๆ กันกับพิธีเริ่ม เพราะจากนี้ไปก็คงไม่ต่ำกว่า ๓ ชั่วโมงครึ่ง ไปโคราช ที่ว่า ๓ ชั่วโมงครึ่งพอดี เพราะเป็นทาง ๒ เลนแล้ว ทางนี้ไปก็พุ่งไปเลยไม่ชักช้า ไปได้สะดวกสบาย จากนี้ไปขอนแก่นก็ไม่เห็นมีอะไร จากนั้นก็เป็นทาง ๒ เลนตลอดถึงโคราชเลย รถเราก็วิ่งประมาณ ๑๑๐ ถ้าหากว่าทางดีจริง ๆ เร่งกับเวลานี้เราอาจเร่งถึง ๑๒๐
เพราะการขับรถเรายังต้องเป็นคนขับอีกทีนึง คนขับรถขับช้าเกินไปเร็วเกินไป เราคอยเตือนเสมอ ถ้าธรรมดาแล้วทางดีก็เพียง ๑๑๐ ปกติ ๑๑๐ หากว่าเวลาจำเป็นประกอบกับทางสะดวกเร่งกว่านั้นก็ได้ เป็น ๑๒๐ ทีนี้ดูรถเราเวลาถึง ๑๒๐ มันจะมีลักษณะสั่น ๆ ถ้า ๑๑๐ พอดี เราสังเกตดูรถ ถ้ารถหนักด้วยไป ๑๒๐ ด้วยไม่เหมาะ ส่วนมากไป ๑๑๐
ท่านเจ้าคุณมาก็คุยกันกับทางฝ่ายนายทหาร แม่ทัพภาค ๒ ให้พวกทหารตัวแทนมาแทนเมื่อวานนี้ กับผู้การทหารทางนี้พลตรีอะไรไม่รู้ มาเมื่อวานนี้ ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย เราไปถึงพิธีก็เริ่มทันทีเลย เที่ยงครึ่งเริ่มพิธี เราก็กะว่าจะไปถึงระยะนั้น จากนั้นก็พิธีเรื่อย แล้วมีเทศน์ด้วย พิธีติดต่อกันไปจนถึง ๔ โมงกว่า ๆ ละมั้ง ตั้งแต่เที่ยงครึ่งไป พิธีติดต่อกันเรื่อย ๆ มีการเทศน์ในระหว่างพิธีนั้นด้วย จากนั้นเราก็กลับ เราก็บอกเลย ไม่จำเป็นอย่าให้สัตตาหะมาเลย งานนี้เป็นงานธรรมดาเราบอก ถ้าเป็นงานพิเศษเป็นอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งอาจจะทำสัตตาหะมาแล้วเราก็พิจารณา แต่นี้เวล่ำเวลาก็พอเหมาะพอดี พิธีก็ไม่ขาด สมบูรณ์แบบ เสร็จเรียบร้อยกลับมาก็พอดี จึงขออย่าให้ค้างคืนทางโน้นเลย
เพราะจำพรรษานี้เป็นความสำคัญมาก เราถืออย่างนั้น ไม่จำเป็นเราก็ไม่อยากขาด คำว่าขาดคือหมายถึงว่า สัตตาหะไปได้ พระวินัยมีอนุญาตไว้ถ้าจำเป็น ท่านบอกไว้ ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็สัตตาหะอย่างพระสมัยจรวดดาวเทียมเราทุกวันนี้ มักเป็นอย่างนั้นแล้วนะ มักเป็นอย่างนั้นหรือเป็นอย่างนั้น พระจรวดดาวเทียมจะไม่มีพรรษาแหละ ไม่ทราบว่าสัตตาหะไม่สัตตาหะ พออนุโลมเพียงเท่านี้มันเลอะไปหมดเลย เรื่องกิเลสตีตลาดเป็นอย่างนั้น ตีเข้าในพระในเณร พระจะไม่มีธรรมวินัยติดเนื้อติดตัวเลย มีแต่หัวโล้น ผ้าเหลืองเท่านั้นเกิดประโยชน์อะไร ผ้าเหลืองในตลาดเต็มไปหมด หัวโล้นโกนที่ไหนก็ได้ยากอะไร หัวใครก็มีผม ผมใครก็มี โกนได้ทั้งนั้นไม่เกิดประโยชน์อะไร ถ้าหลักธรรมวินัยไม่เป็นตัวประกัน หัวโล้น ผ้าเหลือง ไม่มีค่า อยู่ตรงนั้นนะ
ไม่จำเป็นจริง ๆ เราไม่สัตตาหะนะ หากว่าจำเป็น พระวินัยท่านก็บอกไว้แล้วนี่ จำเป็นอันดับหนึ่งคืออะไร ท่านก็บอก จากนั้นก็มีอนุโลมบ้างเล็กน้อย นั่นละอนุโลมบ้างเล็กน้อย เลยกลายเป็นเรื่องหลวมไปหมด เหลิงเจิ้งไปเลยสำหรับผู้ดื้อด้าน พระดื้อด้านเป็นอย่างนั้น สัตตาหะนี้สัตตาหะมันวันยังค่ำ ไม่ทราบความหมายว่ายังไง อู๊ย สลดสังเวชนะ ก็เรียนธรรมวินัยด้วยกัน เห็นมาด้วยกัน ค้านกันได้ยังไง อะไรถูกต้อง อะไรผิดพลาดเป็นยังไง ธรรมวินัยบอกชัดเจน ๆ
ธรรมวินัยคือทางเดินเพื่อมรรคผลนิพพาน เดินด้วยความถูกต้องเพื่อมรรคผลนิพพาน ผิดแล้วจะไปได้ยังไง นั่นมันบอกอยู่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ตรงไหน ๆ คือสด ๆ ร้อน ๆ ต่อความผิดความถูก ว่าผิด-ผิดสด ๆ ร้อน ๆ เลย ถูกก็ถูกสด ๆ ร้อน ๆ เสมอกันเลย ไม่มีอะไรยิ่งหย่อนกว่ากันนะ ความผิดก็ดี ความถูกก็ดี เรื่องบาปก็ดี เรื่องบุญก็ดี ถ้าผิดแล้วก็เป็นบาปไปเลย ถูกก็เป็นบุญไปเลย ถูกก็ตรงแน่ว ผิดก็แยกทางไปแล้ว จะลงนรกแล้วนั่น
ท่านสอนไว้อย่างสด ๆ ร้อน ๆ เพราะฉะนั้นท่านถึงบำราบพระอานนท์ ที่ไปทูลอาราธนาท่านให้อยู่เป็นเวลานาน ๆ ท่านก็บำราบเอาเลยว่า อานนท์ มาหวังอะไรกับเราอีก ธรรมวินัยเราสอนไว้แล้วโดยถูกต้องสมบูรณ์แบบ เพื่อมรรคผลนิพพานทั้งนั้น ธรรมวินัยนั่นละเป็นศาสดาแทนเรา จะมาหวังอะไรกับเราอีก คือท่านมอบไว้นั้นหมดแล้ว ท่านยังเหลือแต่พระสรีระ ร่างเท่านั้นเอง ท่านจะไปวันไหนท่านก็ไปของท่าน เพราะมอบไว้โดยสมบูรณ์แล้ว ที่จะเป็นสาระสำคัญ ๆ แก่สัตวโลก มอบไว้หมดแล้วในธรรมวินัย จากนั้นท่านก็อนุโลมมา พระธรรมวินัยที่เราสอนไว้แล้วโดยถูกต้องนั้นแลอานนท์ จะเป็นศาสดาของเธอทั้งหลายแทนเราตถาคต นั่นท่านบอกว่าแทนท่าน เมื่อเราตายไปแล้ว
จากนั้นก็อธิบายต่อไปอีก อานนท์ เมื่อยังมีผู้ปฏิบัติตามหลักศาสนาที่เราสอนไว้โดยถูกต้องแล้วนี้ พระอรหันต์ไม่สูญจากโลกนะอานนท์ บอกชัด ๆ อย่างนั้นเลย ถ้าปฏิบัติตามนี้พระอรหันต์ไม่สูญจากโลก ก็คือคงเส้นคงวาตามธรรมที่สอนไว้อย่างสด ๆ ร้อน ๆ นั้นเองจะเป็นอะไรไป แล้วเรียวที่ไหน แหลมที่ไหน มันแหลมที่พวกเทวทัตปล้นศาสนาเท่านั้นเอง อยู่กับพวกเรานะพวกเทวทัต ไม่ได้เรียวแหลมอยู่กับธรรมวินัย กิเลสไม่เคยเรียวแหลม ธรรมก็ไม่เคยเรียวแหลม นี้เสมอกัน เป็นคนละฝั่ง สมบูรณ์แบบเหมือนกัน ธรรมก็ไม่เคยเรียวแหลม กิเลสไม่เคยเรียวแหลม
แล้วแต่ใครจะเสริมทางไหนขึ้น ใครเสริมทางไหนขึ้นในผู้ใด ผู้นั้นก็เป็นไปในทางนั้น เช่น เสริมบาปเสริมกรรม คนนั้นก็กอบโกยเอาบาปเอากรรมเอานรกอเวจีใส่ตัวไปเรื่อย ๆ ผู้ที่มีหิริโอตตัปปะสะดุ้งกลัวบาปกรรมตามคำสอนพระพุทธเจ้าแล้ว ผู้นี้ก็ห่างไกล ๆ และใกล้ชิดติดพันกับคุณงามความดีมรรคผลนิพพานไปเรื่อย ๆ นั่น สด ๆ ร้อน ๆ อยู่ทั้งสองฟากนะ เราอย่าเข้าใจว่าศาสนาพระพุทธเจ้าจะเรียวจะแหลมไปไหน อันนี้มันเรื่องกิเลสต่างหากมันโจมตีธรรมของพระพุทธเจ้า กิเลสมันออกตลาดตเลได้ทุกแห่งทุกหนไม่มีเว้นเลย ไม่มีใครถือสีถือสา ถ้าธรรมออกนิด ๆ หน่อย ๆ นี้กิเลสโจมตีแล้ว ธรรมนี่เป็นเครื่องแสลงมากทีเดียว คือแสลงกิเลสตัวเป็นภัยนั่นแหละจะไปแสลงอะไร ท่านผู้ทรงธรรมท่านไม่แสลง ท่านเอาความจริงออกแสดง คือกิเลสมันแสลงเพราะถือเป็นข้าศึกศัตรูกัน มันต้องต่อต้านตลอดเวลา
อย่างที่เขามาเล่าให้ฟัง อันนี้ก็เล่าเป็นธรรมจะว่าไง เราก็เคยมีพูดบ้างอยู่ พูดตามหลักความจริง เช่น ไปเทศน์ที่จังหวัดสุรินทร์ เราก็พูดถึงว่า ถึงเราจะเรียกว่าเราคือพระอรหันต์องค์หนึ่งก็จะผิดไปไหน ว่าอย่างนี้นะ เขาอาจจะเอาคำนี้หรือจากที่ไหนที่ใดที่เราเทศน์ทั่วประเทศไทยเราออกมาก็ได้ ออกมาก็มาโจมตีเรานั่นแหละไม่ใช่อะไร ว่าเป็นพระอรหันต์ทำไมดุด่าเก่งนัก เขาว่าอย่างนั้นนะ เขาว่า เป็นพระอรหันต์ทำไมดุด่าเก่งนัก โคตรพ่อโคตรแม่มึงไม่เคยเป็นพระอรหันต์มึงมาอวดกูทำไม นั่นตอบกันแล้วเข้าใจไหม มันตอบกันแล้วนั่น มึงเอาโคตรพ่อโคตรแม่ของกิเลสมีแต่ส้วมแต่ถานมาสู้กับธรรมของกูเหรอ นั่นเห็นไหมล่ะเวลามันตอบกันอย่างนี้ นี่เรียกมันทันกันเข้าใจไหมล่ะ
ธรรมมีธรรมออกไม่ได้มีเหรอ กิเลสมีมันออกได้ตลอดทุกแห่งทุกหน ไม่ได้เลือกว่าสัตว์ว่าบุคคลมันออกได้ตลอดเวลา ทำไมไม่ถือสีถือสาไม่กำจัดปัดเป่ามันบ้าง ถ้าจะเป็นใจนักเหตุนักผลมีอรรถธรรมแทรกอยู่บ้างแล้ว ต้องรู้ผิดรู้ถูก กิเลสออกมาอันไหนมันพาถูกเมื่อไร มันผิดทั้งนั้น ทำไมจึงไม่ได้ถือสีถือสาไม่สะดุ้งกันบ้าง ธรรมเพื่อแก้ความผิดออกมาแย็บเท่านี้โจมตีกันแล้ว ๆ ฟังซิมันเป็นยังไง เพราะฉะนั้นถึงได้ตอบกันอย่างนี้ละ เป็นพระอรหันต์ทำไมเทศน์ดุเทศน์ด่าเก่งนัก ก็โคตรพ่อโคตรแม่มึงเคยเป็นพระอรหันต์เหรอ เห็นไหมตอบ มึงจะมาอวดกูเหรอ ก็อย่างนั้นมันถึงทันกันเข้าใจไหม มันเอาความสกปรกมาโปะธรรม ธรรมก็ตีคืนล่ะซิ ของสกปรกนี้ธรรมไม่ต้องการ มึงเอาไปหมดทั้งโคตรทั้งแซ่มึง กูไม่หวงละของไม่ดี กูจะสงวนไว้แต่ธรรมเท่านั้น มึงอย่ามาแตะถ้ามึงไม่อยากดับโคตรมึง ถ้ามาแตะกูฟาดหมดทั้งโคตรมึงเลย
นี่การพูดอย่างนี้กิเลสมันก็หาว่าหยาบโลนอีกเห็นไหมล่ะ ธรรมท่านไม่มีกิริยาหรือว่ามียิบ ๆ แย็บ ๆ ออกไปว่าเทศน์หยาบโลนอย่างนั้นอย่างนี้ ธรรมท่านไม่มี ท่านเทศน์ตามเหตุตามผล เทียบน้ำหนักระหว่างคู่ต่อสู้ ใครมีน้ำหนักมากผู้นั้นชนะ ไม่ว่าลวดลาย ไม่ว่ากำลังวังชา ถ้ามีน้ำหนักมากกว่ากันฝ่ายหนึ่งต้องแพ้ อันนี้ธรรมกับกิเลสต่อยกันก็เหมือนกัน ถ้าธรรมอ่อนธรรมก็แพ้ ถ้าธรรมแข็งกิเลสก็แพ้ นี่ละท่านเอาน้ำหนัก ท่านจึงไม่คำนึงว่าเทศน์หยาบเทศน์โลน เทศน์สกปรกโสมม เทศน์ดุเทศน์ด่า ท่านไม่สนใจ ท่านจะสนใจตั้งแต่น้ำหนักที่จะเทียบกันระหว่างคู่ต่อสู้คือกิเลสกับธรรมฟัดกัน พากันเข้าใจตามนี้นะ
ไอ้เรื่องที่ว่าหยาบโลนอันเป็นเรื่องของกิเลสมันปิดล้อมตัวของมันไว้ ไม่ให้ธรรมเข้าไปแทรก เพราะมันสกปรกเต็มที่อยู่แล้ว ให้พากันทราบไว้อย่างนี้ ธรรมท่านไม่มีที่ว่าเจตนาจะเป็นเรื่องหยาบโลน อย่างโลกกิเลสสกปรกถือกัน กิเลสถือกันอย่างนี้ ธรรมไม่ถือ ชะล้างไปเรื่อยเลย ให้พากันจำฝังให้ลึกนะ ธรรมกับกิเลสเป็นสิ่งที่ให้ผลเสมอกันตลอดมาและจะตลอดไป ใครเสริมทางไหนทางนั้นก็มีกำลัง ถ้าเสริมทางชั่ว -ทางชั่วมีกำลัง ก็ทำลายเจ้าของไปโดยลำดับ ถ้าเสริมทางดี-ทางดีก็มีกำลังเสริมเจ้าของขึ้นไปโดยลำดับ เหมือนกัน ไม่มีอะไรยิ่งหย่อนกว่ากัน
ธรรมกับกิเลส มรรคผลนิพพาน สัตว์นรกอเวจี สด ๆ ร้อน ๆ เหมือนกัน ไปทางนรกก็ผึงถึงเลย ไปทางมรรคผลนิพพานด้วยการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็ผึงถึงเลยเหมือนกันหมด ให้ยึดคำนี้เอาไว้ให้ดี นี้เป็นคำที่คงเส้นคงวามาดั้งเดิม และจะคงเส้นคงวาตลอดไปตามหลักความจริง ไอ้ส่วนที่จะมาลบล้างต้านทาน อันนี้เป็นเรื่องของกิเลส แล้วแต่จะมาแง่ไหน ให้เราทันกลอุบายของมันก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นจะเสียท่าเสียที
เวลานี้ศาสนาเรานี้แหม จืดจางเอามากทีเดียว เราจนวิตกนะ ดังที่เคยพูดเมื่อเช้าวานนี้ ท้อใจที่ว่า คือมองลงไปมันมีแต่เรื่องของกิเลสเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้สัตวโลกเต็มไปหมด เรื่องอรรถเรื่องธรรมที่เป็นช่องเล็ดลอดออกไปนี้ไม่ค่อยมี ดีไม่ดีไม่มีเข้าไปอีกนู่น ย้ำเข้าไป มันขนาดนั้นนะเวลานี้ จึงวิตกวิจารณ์ในเรื่องการสั่งสอนโลก ยิ่งเราจวนจะตายเข้าไปเท่าไร ก็ยิ่งเห็นความสลดสังเวชของโลกของสงสารหนักเข้า ๆ ดีไม่ดีท้อใจ ๆ ไม่ทราบจะสอนไปยังไง คือกิเลสมันไม่ให้ยอมฟังเสียงอรรถเสียงธรรมเลย มันดึงมันลากมันเข็นลงนรกอเวจีโดยถ่ายเดียว ๆ แล้วมันก็ปิดไว้ นรกอเวจีไม่มี แล้วก็จับคนนี้ไสลงไปนั้นละตรงที่ว่าไม่มี
พวกสัตวโลกนี้ตกนรกหลุมไม่มีกันทั้งนั้น คือกิเลสลวงเอาไว้ ปิดเอาไว้ว่าไม่มี ๆ แต่ความจริงมันผึงถึงเลย นั่นคือความจริง คำว่านรกไม่มีคือกิเลสหลอกไว้ ความจริงลงถึงเลย ๆ เพราะการทำ-ทำชั่วจริงเป็นชั่วจริง ทำดี-ดีจริง ถึงที่ดีจริง ๆ อันนี้ไม่เอียงกับใคร บาป บุญ นรก สวรรค์ สด ๆ ร้อน ๆ เหมือนกันหมดเลย ใครอย่ากล้าหาญชาญชัยนะถ้าไม่อยากจม
กิเลสมันกล่อม โอ๋ย กล่อมทุกอย่าง น่าสลดสังเวชจริง ๆ นะ ก็มันเห็นทุกแง่ทุกมุมเรื่องของกิเลสมายาของกิเลสที่มันออกหลอกลวงต้มตุ๋นสัตวโลกมาตลอด พวกสัตวโลกไม่เห็น ธรรมท่านเห็นหมดจะว่าไง ไม่เห็นท่านเอามาสอนได้ยังไง พระพุทธเจ้า โลกวิทู เห็นหมด สอนได้ทั้งนั้น ถ้าโลกมีความสามารถจะรับได้ขนาดไหนจะออกทันที ๆ ธรรมพระพุทธเจ้า ถ้าออกไม่ได้ก็อย่างว่า ท้อพระทัย คือสอนไม่ได้แล้ว ดึงยังไงมันก็ไม่ขึ้น เหมือนคนตายแล้วจะไปทำอะไรให้มันฟื้น ก็มีแต่พลิกศพมันเท่านั้นแหละ จะไปทำให้มันฟื้นไม่มีทาง ไอ้คนที่หนาขนาดนั้นแล้วทำให้ฟื้นไม่มีทาง มีแต่มันจะจม คอยลมหายใจ
แล้วก็ตื่นลมตัวเอง ตื่นลมตัวเองยังไง สมบัติเงินทองข้าวของที่เอามาจากตับปอดของพี่น้องชาวไทยเราทั้งชาติ มีจำนวนมากขนาดไหน ต่างคนต่างเสียสละเข้าสู่ส่วนรวม เพื่อหนุนชาติไทยของตนเอง แต่ครั้นเข้าไปแล้วพวกพุงใหญ่พุงหลวง พวกยักษ์พวกผี พวกความโลภไม่มีเมืองพอ มันกลืนเอา ๆ อย่างภาคภูมิใจ กินโต๊ะเลี้ยงโต๊ะบนเก้าอี้กันนี้อย่างภาคภูมิใจ นี่คือเอาตับปอดของประชาชนไปเลี้ยงโต๊ะกัน พวกนี้พวกบาปหนาที่สุดเลย จะเทียบว่าพวกอนันตริยกรรมเราก็ยอมรับทันที เพราะคนทั้งประเทศเป็นอาหารของพวกพุงหลวง กินไม่อิ่มพอ กินโต๊ะกันคนสองสามคน สองสามก๊กเท่านี้ กินตับกินปอดของประชาชนด้วยความภาคภูมิใจ ในสมบัติเหล่านี้ที่ได้มามากน้อยจากตับปอดของประชาชน นี่ก็ภาคภูมิใจประเภทหนึ่ง ที่กิเลสหลอกให้ภาคภูมิใจ แล้วจากนั้นเรามียศถาบรรดาศักดิ์ เรามีอำนาจบาตรหลวงปกครองบ้านเมือง ชี้ไปยังไงก็ได้ ๆ นี้ก็เป็นความภูมิใจของกิเลสหลอกพวกดินเหนียวติดหัวอีกประเภทหนึ่ง นี่ละเครื่องหลอกพวกนี้ให้จมลงในนรกอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย
เราจึงไม่กล้าค้านที่ว่า อนันตริยกรรม กรรมที่หนักมากที่สุดคืออะไร ท่านก็แสดงไว้แล้วในธรรม บอกไว้ ๕ ประการคือ ฆ่ามารดาหนึ่ง ฆ่าบิดาหนึ่ง ฆ่าพระอรหันต์หนึ่ง ทำลายพระพุทธเจ้าแม้ไม่ตายก็ตาม เพียงได้รับความบอบช้ำบ้างเท่านั้นหนึ่ง ทำลายสงฆ์ที่ท่านมีความพร้อมเพรียงสามัคคีกลมกลืนกัน ด้วยหลักธรรมวินัย ให้แตกร้าวจากกันหนึ่ง ธรรม ๕ ประการนี้ท่านยังเตือนไว้ด้วยว่า ถ้ายังพอมีสติระลึกได้อยู่บ้าง อย่าทำเป็นอันขาด ฟังซิน่ะ อันนี้เอาเข้าไปเรียกว่าลักษณะตัดสินธรรมวินัย
ท่านแสดงไว้เป็นกลาง ๆ อันไหนที่ควรแก่สิ่งใดให้น้อมเข้าไปสิ่งนั้น คือถ้าอันใดที่ควรแก่ฝ่ายผิดก็ให้น้อมไปทางฝ่ายผิด ยกตัวอย่างเช่น แต่ก่อนมีสุรา ยาฝิ่น กัญชา ยาเสพย์ติดนี้ไม่มี ท่านให้โอนเข้าไปฝ่ายผิดนี้เพราะเป็นประเภทเดียวกัน นี่เรียกว่าลักษณะการตัดสินธรรมวินัย ให้โอนเข้าไปทางฝ่ายควร ควรกับฝ่ายไหน ฝ่ายชั่วอย่างนี้ให้โอนเข้าไปทางนี้ เช่น น้ำตาลอย่างนี้ แต่ก่อนก็ไม่ปรากฏ ไม่มี แต่เวลานี้น้ำตาลกับน้ำอ้อยเข้าเป็นคู่เคียงกัน คือน้ำอ้อยเป็นของคู่ควร น้ำตาลคล้ายคลึงกัน ไม่เป็นฝ่ายผิดฝ่ายถูกเหมือนกัน ก็ให้โอนเข้าไปหาน้ำอ้อยเสีย นี่ท่านให้ตัดสินกันอย่างนี้
พระพุทธเจ้าทรงวางไว้อย่างกลาง ๆ อันไหนที่เข้าไปในสิ่งไม่ควรก็ให้โอนไปสิ่งไม่ควรเสีย อันไหนที่ควรให้โอนไปสิ่งที่ควรเสีย อันนี้เรื่องที่ว่าพวกยักษ์พวกผีกินตับกินปอดประชาชน เฉพาะอย่างยิ่งชาวไทยทั้งชาตินี้ เป็นใครเป็นคนกิน กินโต๊ะกินเลี้ยงกันมานานสักเท่าไร หมดมากขนาดไหน ตับปอดประชาชนเราจนจะไม่มีเหลือ เอาไปกินเลี้ยงกันบนโต๊ะบนเก้าอี้อย่างภาคภูมิใจ ดีไม่ดีมีสุรายาเมามาตั้งข้างโต๊ะ ๆ เข้าอีก กินอย่างที่เรียกว่าลืมเนื้อลืมตัว ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม เหมือนว่าขึ้นอยู่บนหัวเทวดา ขี้รดหัวเทวดาลงด้วยการเลี้ยงโต๊ะกันอย่างนี้ แล้วพวกนี้ภาคภูมิใจที่สุด
แล้วสิ่งที่เอามากินเลี้ยงกันและสมบัติที่ได้มาทั้งหมดได้มาจากใคร ได้มาจากตับปอดของประชาชนทั้งชาตินั้นเอง มาเป็นจุดส่วนรวมเพื่อเป็นการส่งเสริมอุดหนุนชาติของตน ให้มีความแน่นหนามั่นคงขึ้น แต่พวกนี้กลับมาเผากินโต๊ะกันเสียแหลก ๆ เพราะฉะนั้นท่านว่าอนันตริยกรรม ๕ ข้อนั้น ข้อนี้จะอนุโลมเข้าไป เราพูดจริง ๆ เราไม่ค้าน ว่างั้นเลย เพราะอันนี้เป็นกรรมที่หนักมากที่สุด เอาตับเอาปอดของคนทั้งชาติมากินอย่างหวานคอ ๆ ในบุคคลไม่กี่โต๊ะกี่เก้าอี้ ไม่กี่ก๊กกี่เหล่า กินตับกินปอดของประชาชนมานี้ จะอนุโลมเข้าเป็นฝ่าย อนันตริยกรรม ๕ ก็ได้ เพราะเป็นของที่โอนได้ตามหลักธรรมวินัย
กรรมกินตับปอดคนทั้งชาติเป็นของเล็กน้อยเมื่อไร ทำไมจะโอนเข้าไม่ได้ ฆ่าพ่อฆ่าแม่เพียงคนหนึ่งสองคนยังโทษหนักมาก นี่ฆ่าคนทั้งประเทศ กินตับกินปอดแต่ไม่ให้ตาย เอาตับเอาปอดออกมากิน ให้ทนทุกข์ทรมานอยู่ด้วยความทุกข์จนข้นแค้นทั่วประเทศไทยของเรา เห็นไหมเวลานี้ นี่ประชาชนเราได้รับความทุกข์จนเพราะอะไร เพราะสิ่งเหล่านี้เอง ได้มาแล้วไม่เข้าตามจุดที่หมาย รั่วไหลแตกซึมออกไปลงมหาสมุทรทะเล จากนั้นก็ไหลขึ้นบนโต๊ะบนเก้าอี้ สะแตกแดกปอดกันอยู่นั้นเสียแหลกเลย นี่ละกินตับกินปอดของประชาชน มีเท่าไร ๆ ขนเข้าไปกินกันตลอด จะไม่เป็น อนันตริยกรรม ได้ยังไง เข้าได้อย่างสนิทเลย เราพูดจริง ๆ
เอามาเทียบซิหลักธรรมวินัยมี มันควรแก่ อนันตริยกรรม ได้ พวกนี้เป็นพวกที่ทำกรรมหนักมากที่สุดทีเดียว เพราะกินตับปอดประชาชนแล้วยังทรมานเขาด้วย กินไม่ให้ตายนะ กินตับกินปอดประชาชน เวลานี้กำลังทุกข์จนข้นแค้นดีดดิ้นกันทุกแห่งทุกหน ด้วยการทำมาหาเลี้ยงชีพ การซื้อการขาย ตะเกียกตะกายแทบเป็นแทบตาย นี้คือดิ้น คนไม่ตายมันต้องดิ้นเพราะความจน จนมาจากอะไร จนเพราะเขาเอาตับเอาปอดไปกิน นั่นแยกให้ชัด ๆ อย่างนั้นซิ แล้วจะไม่เป็นไปได้ยังไงในอนันตริยกรรม ให้พี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้
เราแยกหลักธรรมออกมาเทียบเคียงกัน ท่านบอกไว้เพียง ๕ ข้อ อนันตริยกรรม ๕ ส่วนฟาดประเทศไทยเอาตับเอาปอดมากิน ทรมานไว้ไม่ให้ตายนี้ มันจะเป็นกรรมหนักมากเท่าไร ให้ไปพิจารณากันเอง เราไม่กล้าตัดสิน แต่เรื่องที่จะอนุโลมธรรมประเภทที่หนักมาก ๆ นี้เข้าสู่อนันตริยกรรม เราไม่ค้านเลยว่างั้น ให้พากันจำเอาไว้
เพราะสอนธรรมสอนตามหลักความจริง ควรโอนไปทางไหนโอนไปได้ ดังพระพุทธเจ้าทรงสอนไว้แล้ว สิ่งใดที่ควรโอนได้ให้โอน ให้โอนไปทางนั้น เช่น ฝ่ายไม่ดีก็ให้โอนทางไม่ดี เช่นอย่าง ยาฝิ่น กัญชา พวกยาเสพย์ติดอะไรเหล่านี้ ท่านไม่มีในพระวินัย ปราชญ์ทั้งหลายท่านก็โอนเข้าทันทีเลย เพราะมีหลักตัดสินธรรมวินัยไว้แล้ว อันใดที่ไม่ควรอย่างนี้ให้โอนเข้าสิ่งไม่ควรเลย เช่น สุรา ท่านบัญญัติไว้แล้วในพระวินัย ในหลักศาสนาบัญญัติไว้แล้ว ทีนี้พวกยาเสพย์ติดเหล่านี้มีขึ้นทีหลัง เพราะฉะนั้นจึงว่าอันใดที่คู่ควรกันกับสิ่งไม่ควรนั้น ให้โอนเข้าไปหาสิ่งไม่ควรให้หมด ว่าไม่ควรไม่ดี อันไหนที่เป็นของดีของถูกต้อง ให้โอนเข้าไปทางฝ่ายดี แน่ะท่านบอกไว้แล้วอย่างนั้น ทีนี้เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วก็พิจารณาซิ
ตับปอดของประชาชนคนหนึ่ง ๆ มีราคาเท่าไร อย่างตับปอดหลวงตาบัวนี้ จะมากินตับกินปอดให้เราเห็นซึ่ง ๆ หน้านี้ ฟาดมันหมดทั้งโคตรเลย เอาหมดทั้งโคตรทั้งแซ่แล้วยังไม่แล้ว ถ้าเราหิวตับมันเราก็จะเอาตับเอาปอดมันมากินโต๊ะกินเลี้ยงกัน ในวงพระกรรมฐานวัดป่าบ้านตาดของเรา ถ้าเราเห็นตัวมันมากินอย่างนั้นนะ แต่นี้มันก็สุดวิสัย มันไม่เห็นล่ะซิถึงได้ขู่ฟ่อ ๆ อยู่นี่ มันไม่เห็นเข้าใจไหม ถ้าเห็นไม่ขู่ เปรี้ยงเลยทันที ให้พากันจำเอาไว้ วันนี้เทศน์เพียงเท่านี้ก่อนไม่เอามาก เอาละเอาแค่นี้
(หลวงตาครับผมมาจากโรงพยาบาลภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิครับ) ก็อย่างนั้นแล้วมาเรื่อย โรงพยาบาลนั้นโรงพยาบาลนี้ ตะกี้นี้ก็ฟาดไป ๓ ล้านแล้ว โอ๊ย เราจะตายนะ นี่ก็อนุญาตไปทางนราธิวาสเมื่อเช้านี้ ให้ไปทางนราธิวาส เพราะทางโน้นห่างไกล ไปช่วยทางนราธิวาส เขาขอมา เราอนุญาตแล้วให้สั่งได้เลย เพราะห่างไกล มาเป็นย่าน ๆ ให้ไปเป็นย่าน นราธิวาสเป็นสุดเขตของประเทศไทยเรา มาเรื่อย เอาไว้เสียก่อนหนังสืออะไร ๆ เราจะพิจารณาทีหลัง เราไม่ไหวนะ หนัก เข้าใจไหมหนัก ที่พูดนี้ มีตับไหมล่ะมาฟังอยู่นี่ ไม่ใช่เขาเอาไปกินหมดแล้วเหรอ ยังกระเสือกกระสนอยู่ ยังไม่รู้ตัวว่าตับหมด
(มีผู้เอาเทียนมาถวาย) เทียนเหล่านี้จะเอาไปถวายเพื่อท่านได้เดินจงกรมสะดวกอย่างนั้นเหรอ ลองไปถามดูซิ ท่านเดินจงกรมสักทีไหมพระวัดป่าบ้านตาด ถ้าเอาเทียนไปถวายแล้วมีแต่พระขี้เกียจไม่เดินจงกรมแล้ว ให้รีบเอาคืนแล้วบอกมาว่าพระองค์ไหนบ้าง หลวงตาจะไปฟาดมันแหลกหมดเลย เอาละเท่านั้น ถ้าไม่มีข้อตลกมันก็ไม่มีข้อขบขันใช่ไหมล่ะ มันต้องขึ้นเรื่อยแย็บเรื่อย ๆ เทียนถ้าได้มาก ๆ ให้ส่งเข้าไปในครัวนะสำหรับจุดเดินจงกรม ต้องใช้เทียน อยู่ในโน้นมี เห็นมีอยู่ทั่วไปกลางคืน เราอยู่มืด ๆ มองไปเห็นที่ไหนเห็นหมด เดินจงกรมทางโน้นใช้ไฟเทียน ๆ เหลืองอร่ามอยู่ในป่าทางฟากโน้นละ ฟากรั้ว มันมีรั้วกั้นอยู่ ให้เอาเทียนไปทางโน้นสำหรับทำความเพียรสะดวกสบายดี เทียนเขาก็มาถวายเรื่อย ๆ ถวายที่นี่ ก็ได้สั่งอยู่เรื่อย ๆ ให้ส่งเข้าไปข้างใน สำหรับทางครัวจะได้อาศัยจุดอาศัยแสงสว่างในกิจการงานต่าง ๆ และให้เป็นแสงสว่างเพื่อเดินจงกรม เอาละที่นี่ให้พร
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com