ให้ธรรมเข้าฝังใจ
วันที่ 5 กันยายน 2543 เวลา 8:00 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๓

ให้ธรรมเข้าฝังใจ

(ผู้ฟังเทศน์นักเรียน ร.ร.ราชินูทิศ ๑๒๐ คน ประชาชน ๔๐๐ คน)

สรุปทองคำและดอลลาร์วันที่ ๔ กันยา เมื่อวานนี้ทองคำได้ ๕๐ สตางค์เราก็ไม่ว่า วันติดเครื่องพักเครื่องมี วันขยับใหญ่ก็มี ทีนี้เมื่อวานนี้ได้ ๕๐ สตางค์ก็ยังดีกว่าเมื่อวานซืนนี้ ไม่ได้สักสตางค์เลยทองคำ เมื่อวานนี้ ๕๐ สตางค์ยังดีนะ แต่ถ้าขืนให้เป็น ๕๐ สตางค์ตลอดไปเมืองไทยเจ๊ง เราอย่าเข้าใจว่า ๕๐ สตางค์เป็นของดีนะ เมืองไทยเจ๊ง สำคัญอยู่ตรงนั้น ดอลลาร์ได้ ๑๑๓ ดอลล์

ทีนี้จะอ่านทั่ว ๆ ไปทองคำที่ต้องการมอบเข้าคลังหลวงคราวนี้สี่พันกิโล ที่มอบเข้าคลังหลวงไว้แล้ว ๑,๐๓๗ กิโลครึ่ง ฝากไว้กับคลังหลวงอีก ๑,๐๒๕ กิโล รวมทองคำที่มอบและฝากไว้กับคลังหลวงได้ ๒,๐๖๒ กิโลครึ่ง ทองคำที่ได้หลังจากการหลอมเรียบร้อยแล้วและฝากคลังหลวงแล้วนั้น (ยังไม่ได้หลอม) เวลานี้ได้ ๕๑ กิโล ๑๐ บาท ๗๔ สตางค์ รวมทองคำทั้งหมดได้ ๒,๑๑๓ กิโลครึ่ง ยังขาดอยู่อีก ๑,๘๘๖ กิโลครึ่งจะครบจำนวนสี่พันกิโล กรุณาทราบเอาไว้ สี่พันกิโลนี้เป็นพื้นฐานของชาติไทย ที่เริ่มก้าวเหยียบขึ้นเพื่อยอดสูงส่งแห่งทองคำของเราต่อไป นี่วางไว้เป็นพื้นฐานให้พอเหมาะพอดีกับชาติไทยของเรา ไม่หนักมากเกินไปและเบาจนลืมเนื้อลืมตัวจนทำให้ชาติจม คือนี้กะให้พอดี สี่พันกิโลนี้หมายถึงรวมพี่น้องชาวไทยทั้งหมดทั่วประเทศไทยเรานี้ อย่างน้อยให้ได้ทองคำสี่พันกิโล

ส่วนเงินสดที่หลวงตาได้เจียดไว้แล้ว ๘๐๐ ล้านนั้น จะซื้อทองคำหมุนเข้าสู่คลังหลวงทั้งหมด ใครมาแตะไม่ได้นะ ๘๐๐ ล้านนี้ จะเอาไปต่อยอดต่างหาก ให้สร้างเนื้อสร้างหนังสร้างตนสร้างตัวขึ้นมา ทองคำนี้จะคอยต่อยอดต่างหาก ถ้าหากว่าไม่ได้เนื้อได้หนังทองคำนี้ต่อไม่ได้นะ ให้เอาทองคำมาอย่างน้อยสี่พันกิโลเป็นเนื้อเป็นหนัง แล้ว ๘๐๐ ล้านนั้นจะซื้อทองคำเข้าต่อยอด เงินปัจจุบัน ๘๐๐ ล้านนี้ก็จะซื้อทองคำได้ ๒ ตัน หมุนเข้าสู่คลังหลวงของเราเป็นการต่อยอดนะ รวมแล้วก็เรียกว่าทองคำหกพันกิโลหรือ ๖ ตันคราวนี้ วางพื้นฐานนะหกพันกิโลหรือ ๖ ตัน

ส่วน ๕๐ กว่าล้านนั้นก็ดังที่เรียนให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบกันทั่วแล้วว่า เราแยกไว้สำหรับความจำเป็น คือเป็นเงินหมุนเวียนต่อชาติไทยของเรา เรียกว่ากิ่งก้านสาขาดอกใบ ต้นลำจริง ๆ คือทองคำ นี้เป็นรากฐานเอาไว้ ๘๐๐ ล้านนี้จะเข้าต้นลำคือทองคำทั้งหมด ส่วน ๕๐ กว่าล้านนี้จะให้เป็นเงินหมุนเวียนเวลาจำเป็น เวลานี้รอไว้ทั้งจะเข้าคลังหลวงด้วย รอทั้งจะออกเป็นเงินหมุนเวียนด้วย เงินจำนวน ๕๐ กว่าล้านนี้นะ เราจะเป็นผู้พิจารณาเอง ทางไหนมีน้ำหนักมากกว่ากันจะหมุนเข้าทางนั้น แต่ส่วนมากที่ฝังอยู่แล้วเวลานี้ก็คือทองคำ ๕๐ กว่าล้านนี้อาจจะหมุนไปทางเป็นเงินหมุนเวียน กรุณาทราบตามนี้

เรียกว่าคราวนี้ได้แล้วไม่ต่ำกว่าหกพันกิโลหรือ ๖ ตัน ทองคำนะ นี่เทียบกันแล้ว ดอลลาร์ที่นำบัญชีมาจากกรุงเทพนั้นได้ ๔๙๐,๑๘๓ ดอลล์ ส่วนที่มีอยู่อุดรฯ นี้ ๕๒๐,๑๓๕ ดอลล์ เศษเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่นับนะ รวมแล้วเวลานี้ได้เป็น ๑,๐๑๐,๓๑๘ ดอลล์ ถึงล้านแล้วแน่นอนละ เอาบัญชีทั้งสอง กรุงเทพและอุดรฯ มาบวกกัน เป็นความแน่นอนแล้วว่าเวลานี้ที่เราพูดถึงล้าน ๆ อยู่นั้น เวลานี้ได้แล้ว

ส่วนค่าเงินบาทของเรากับดอลลาร์นั้น ๑ ดอลลาร์เท่ากับเงินบาทไทย ๔๐.๘๗ บาท เวลานี้เงินของเขา ๑ ดอลล์เท่ากับ ๔๐ หัวของผู้ใหญ่ ๘๗ หัวของเด็ก นี่ให้ฝรั่งมาเหยียบหัวอยู่เวลานี้พากันเข้าใจหรือเปล่า ฝรั่งนี้ตีนสูงนะ หัวเรานี้ต่ำมากทีเดียว ๔๐ หัวมันเหยียบเป็นประจำวันนะ แล้ว ๘๗ ดอลล์นี้ ลูกวิ่งตามแม่ ๘๗ หัวเด็ก เหยียบแหลกไปเหมือนกัน เหยียบแหลกทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งลูก ตีนไอ้หรั่งสำคัญนะ ตีนไทยเราก็มีทำไมไม่เหยียบหัวไอ้หรั่งบ้างวะ มันคันฟันนะเรา ตีนเราก็มี หัวเราก็มี ให้เขาเหยียบหัวเรา นี่หัวเขาก็มี ตีนเราก็มี ฟัดกันบ้างซิ พี่น้องทั้งหลายตื่นเนื้อตื่นตัวนะ ไม่ตื่นไม่ได้ ชาติไทยเราเป็นชาติไทย เราจะทำเฉื่อย ๆ ชา ๆ อย่างนี้ไม่ได้นะ

นี้เราช่วยชาติเราช่วยจริง ๆ ช่วยทุกสิ่งทุกอย่าง พินิจพิจารณาละเอียดลออเต็มความสามารถ ออก ๆ จึงไม่ต้องไปปรึกษาถามกับผู้ใด การนำพี่น้องชาวไทยคราวนี้เราไม่ได้ไปหาปรึกษาปรารภกับผู้ใด ๆ เลยนะ อุบายวิธีการตลอดที่นำพี่น้องทั้งหลายนี้ เราเดินด้วยอรรถด้วยธรรมล้วน ๆ เลย พิจารณาเต็มเหนี่ยว ๆ แล้วออก ๆ จึงไม่ไปปรึกษาปรารภกับผู้หนึ่งผู้ใดว่า ถูกหรือผิด ๆ เพราะธรรมนี้ละเอียดยิ่งกว่าทุกอย่างแล้ว เราพิจารณาตามนี้

เช่น อย่างการนำวัตถุเงินทองเข้าคลังหลวงของเราและแยกเป็นเงินหมุนเวียนนี้ เราก็พิจารณาเรียบร้อยแล้วค่อยออกตามนั้น ก็เป็นที่แน่ใจตลอดมา และการแนะนำสั่งสอนพี่น้องทั้งหลายก็เหมือนกัน สอนทั้งแกงหม้อใหญ่ แกงหม้อเล็ก แกงหม้อจิ๋ว สอนเต็มกำลังความสามารถของเราทุกด้านทุกทาง ซึ่งล้วนแล้วตั้งแต่เป็นธรรมที่มีคุณค่ามากต่อหัวใจของพี่น้องชาวพุทธชาวไทยเราทุกคน ควรจะเอาใส่ใจจริง ๆ การแนะนำสั่งสอนทุกอย่างเราก็พยายามเต็มกำลัง

เวลานี้การที่จะนำพี่น้องทั้งหลายด้วยการเทศนาว่าการในที่ต่าง ๆ นั้นเรางดแล้วเวลานี้ กำลังวังชาไม่อำนวย แต่บัญชีเปิดบริจาคตลอด อย่างที่มีอยู่ข้างหลังศาลานี้ ธนาคารกี่ธนาคารเปิดโล่งไว้แล้ว พี่น้องชาวไทยเราผู้ใดมีศรัทธาบริจาคหนุนเข้าสู่คลังหลวงของเราก็ให้ลงในบัญชี ๆ นั้น บัญชีโครงการช่วยชาติอยู่ข้างหลัง ทางกรุงเทพ มีธนาคารกรุงเทพ หนึ่ง กสิกรไทย หนึ่ง ไทยพาณิชย์ก็มีพวกดอลลาร์ ทางอุดรฯ นี้ก็มี ธนาคารกรุงเทพ สาขาอุดรฯ ธนาคารไทยพาณิชย์ กสิกรไทย มีอยู่ ๓ บัญชี ผู้ใดจะบริจาคเข้าในบัญชีใดได้ทั้งนั้น เราเปิดโล่งไว้เลย

การเป็นผู้นำ ตะเกียกตะกายไปที่ต่าง ๆ ดังที่เคยปฏิบัติมานั้น เราไม่อาจทำได้แล้วเวลานี้ธาตุขันธ์อ่อนลงทุกวัน ๆ การรับบริจาคก็รับบริจาค การเทศนาว่าการก็สอนอยู่นี้ทุกวัน เป็นประจำวันก็ได้นะ เราไม่เคยเห็นวันไหนเราว่างที่ไม่ได้เทศน์สอนประชาชนในเช้าแต่ละวัน ๆ เทศน์ทุกวัน ๆ การเทศน์นี้ก็ออกทางวิทยุด้วย เฉพาะอย่างยิ่งอุดรฯ เรานี้ ๘ สถานี นำเทศน์ของเราออก ๘ สถานีทุกวัน ๆ เป็นแต่เพียงไม่ซ้ำเวลากันเท่านั้น จากนั้นขยายออกไปทางกรุงเทพฯ และทั่วประเทศไทย แล้วยังออกทางอินเตอร์เนตอีกไปทั่วโลก

พี่น้องชาวไทยเราซึ่งเป็นชาวพุทธ ได้เทียบเหตุเทียบผลกันบ้างไหม พระพุทธศาสนาเริ่มปรากฏมาตั้งแต่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วจนกระทั่งบัดนี้ กระจายมาสู่เมืองไทยของเราซึ่งเป็นเมืองที่มีวาสนาอยู่นะ ถึงได้เป็นภาชนะรับพุทธศาสนาไว้ที่หัวใจของเรา แต่อย่าไปไว้ที่นอกถุง อย่างเงินพี่น้องชาวไทยที่หลวงตานำพี่น้องทั้งหลายนี้ เอาไปไว้ที่นอกถุงคลังหลวง นี้พุทธศาสนาอย่าไปไว้นอกถุงแห่งหัวใจนะ หัวใจคือคลังหลวง พุทธศาสนาให้ฝังเข้าในหัวใจจะเลิศเลอขึ้นที่นั่น พระพุทธเจ้าก็ธรรมฝังเข้าในพระทัย พระสาวกทั้งหลายธรรมฝังเข้าในใจท่าน ปรากฏเป็นศาสดาเอกและสรณะเอกของพวกเราตลอดมา นี้คือธรรมเข้าฝังใจ

ศาสนาที่นำมาสู่ประเทศไทยเรานี้นานแล้วนะ ขอให้ศาสนานี้เข้าฝังหัวใจ ธรรมนี้ฝังหัวใจ อย่าเอาไปนอกหัวใจอย่างถุงเงินหลวงตาบัว ที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคมาเพื่อเอาเข้าคลังหลวง เดี๋ยวนี้ไปอยู่นอกถุงนะ ฟังซิกระเทือนทั่วเมืองไทยเราไหม เงินของคนทั้งประเทศนับแต่วงศ์กษัตริย์ลงมาเป็นเงินสักเท่าไรคิดดูซิ ทองคำก็ ๒ พันกว่ากิโลแล้ว ดอลลาร์สักเท่าไร เงินสดสักเท่าไร เงินสดเราไม่ว่าเพราะเราไม่ตั้งใจเข้าสู่คลังหลวง

ที่สำคัญอย่างยิ่งคือทองคำกับดอลลาร์ ตั้งใจให้เข้าสู่คลังหลวง เวลานี้เข้าสู่คลังหลวงไม่ได้นะ ไปเป็นเมียน้อยเขาอยู่ข้างถุง เมียน้อยของพวกเปรตพวกผีพวกเศษพวกเดนแห่งมนุษย์ มันไปเป็นเจ้าใหญ่โตอยู่ในถุง เวลานี้เป็นข้าศึกศัตรูต่อชาติไทยของเราอย่างยิ่ง คืออันนี้เอง ถ้าพี่น้องทั้งหลายยังไม่ทราบให้ทราบเสีย หูมีตามีทุกคน เงินที่จะเข้าสู่คลังหลวงคือเงินของชาติ นับแต่วงศ์กษัตริย์ลงมา เป็นของคู่ควรกันอย่างยิ่ง ดังที่เคยพูดไว้เมื่อวานนี้ว่า เงินเหล่านี้ควรอย่างยิ่ง ควรเปิดประตูรับไว้แล้วตั้งแต่ยังไม่รับบริจาค เปิดประตูรับเข้าสู่คลังหลวง แล้วเหตุใดมันจึงมาปิดประตูไม่ให้เงินเหล่านี้เข้าสู่คลังหลวง ฟังให้ดีพี่น้องทั้งหลาย ข้าศึกของพี่น้องชาวไทยเราคืออะไร ดูจุดนี้ก็แล้วกัน

ทีนี้พุทธศาสนาก็ให้เข้าอยู่ในหัวใจเรา อย่าไปอยู่นอกถุงอย่างว่านะ นอกถุงอย่างเงินของพี่น้องชาวไทยเราไปอยู่นอกถุงนอกคลังหลวงเวลานี้ เข้าไม่ได้ ๒ ปีมาแล้ว พวกเปรตพวกผีมหาโจรมหาภัย กีดกันเอาไว้ ๆ เพื่ออะไร พี่น้องทั้งหลายทุกหัวใจเอาไปพิจารณา เด็กอมมือก็รู้ได้ทุกคน มันเป็นยังไง ทราบแล้วยังว่าอะไรเป็นภัยแห่งชาติไทยของเราเวลานี้ พิจารณาให้ดี นี่ละที่จุดมุ่งหมายของคนทั้งชาติจะเข้า เข้าไม่ได้ เป็นยังไง ประกาศป้างมาแล้วนี่คือภัยของชาติเราได้ปรากฏขึ้นแล้วต่อชาวไทยทั้งชาติเวลานี้ ว่าอย่างนั้นเลยไม่ผิดนะ

พุทธศาสนาที่เข้ามาในเมืองไทยของเราก็เป็นเวลานาน อย่าให้อยู่นอกถุง นอกถุงคือนอกใจ ให้นำไปปฏิบัติทุกคน ๆ ฝังใจด้วยนะ อย่าสักแต่ว่าถือพุทธศาสนา แต่ถือความจำเป็นในกิเลสฝังใจนี้ลึกมาก อย่างนี้อย่าให้มีนะ ขอให้พากันพิจารณาทุกคน เดี๋ยวนี้มีแต่กิเลสเป็นเจ้ากี้เจ้าการเป็นใหญ่เป็นโต มันอยู่กับคนจิตใจสกปรกเวลานี้น่ะ ชาติบ้านเมืองของเราจึงจะล่มจม ๆ ไปเพราะกิเลสเหล่านี้เป็นตัวมหาภัยมาตลอด

ธรรมพอรื้อฟื้นขึ้นมา ๆ ก็อย่างว่าแหละ เอาไม้ซุงไปงัดภูเขาทั้งลูก มันก็ดีกว่าไม่งัด นอนแผ่สองสลึงอยู่เฉย ๆ แผ่สองสลึงกับผู้ที่เอาไม้ซุงไปงัดภูเขา ผู้นี้ยังกล้าหาญ ได้แต่ไม้ซุงก็ฟัดหัวมันเลยภูเขาทั้งลูกไม่กลัว ไม้ซุงอันหนึ่งหรือไม้จิ้มฟันอันหนึ่งงัดภูเขาทั้งลูกด้วยความกล้าหาญยังดี คนนี้กล้าหาญ ได้ไม้จิ้มฟันก็งัดภูเขา ได้ไม้ซุงก็งัดภูเขา ดีกว่าคนที่แผ่สองสลึงอยู่ ให้ภูเขาเหยียบไปทับไปเป็นไหน ๆ เราจะเป็นขอนซุงหรือเป็นแผ่สองสลึง ถ้าแผ่สองสลึงไม่พอก็ประกาศกันอีกให้แผ่ถึงบาทเลย มันจะได้หมดเสียชาติไทย ไม่มีเหลือ ชาติไทยทั้งชาติจะได้จมไปเลย คิดซิทุกคน

เวลานี้กิเลสเข้าตีตลาดรากเหง้าเค้ามูลควานแหลกไปหมด ธรรมเข้าไม่ได้ นี่ละโทษแห่งกิเลสทำงานเป็นอย่างนั้น ชาติไทยเราจะล่มจะจมเห็นต่อหน้าต่อตา คือกิเลสเข้าทำงาน กิเลสตัวโลภตัวสำคัญมากที่สุด ได้เท่าไรไม่พอ ๆ คือตัวโลภ เหมือนไฟได้เชื้อ ไสเชื้อเข้าไปเท่าไรเผาแหลก ๆ แล้วไปกว้านหามาเหมือนกับเชื้อไฟ กิเลสเป็นตัวไฟ ได้มาเท่าไรมันเผาแหลก ๆ หามาเท่าไรตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งวันตายไม่มีคำว่าอิ่มพอ คือไสเชื้อเข้าไฟ ได้แก่เราปฏิบัติตามกิเลส ขวนขวายเสียแทบเป็นแทบตาย ครั้นได้มาแล้วความโลภกลืนหมด ๆ ไม่มีอะไรเหลือ

เวลานี้ความโลภกำลังเป็นภัยต่อชาติของเรา มันเป็นอยู่ต่อผู้ใดคนนั้นเป็นกองทุกข์ ยิ่งมีอยู่ในจุดใหญ่ผู้ใหญ่เท่าไร นั้นคือมหาภัยต่อชาติไทยของเรา อันนี้สำคัญมาก ความโกรธตามกันไป ใครมาขวางไม่ได้ ความโกรธเป็นไฟเผากันเลย ไม่ใช่ของดิบของดีนะ เราก็สุดกำลังแล้วช่วยโลก เพราะฉะนั้นจึงขอให้พากันยกศาสนาขึ้นช่วยชาติบ้านเมือง อย่ายกกิเลสขึ้นเหยียบย่ำชาติบ้านเมืองแทนคำที่ว่าช่วยชาติ ความโลภไม่ได้ช่วยชาติ ทำชาติให้จมต่างหาก ธรรมต่างหากที่ช่วยชาติ พยุงกันขึ้นด้วยอรรถด้วยธรรมทุกคน

เวลานี้เมืองไทยเรามีแต่ชื่อนะศาสนา จะไม่มีติดใจของชาวพุทธ มีก็มีไปกับตาสีตาสาตามท้องไร่ท้องนาไปเสีย ที่จะมีอยู่ในบุคคลสำคัญ ๆ ซึ่งจะนำชาติบ้านเมืองไม่มี มีแต่ส้วมแต่ถานเต็มหัวใจ เอาส้วมเอาถานออกสาดกระจายทั่วประเทศไทยของเรา เหม็นคลุ้งไปหมดถึงเมืองนอก เวลานี้เขาชี้หน้าเมืองไทยเรา นี่ละมูตรคูถมันสาดกระจายออกไปด้วยอำนาจของกิเลส มันแหลกไปอย่างนั้นนะ มันไม่มีของดิบของดี ศาสนาไม่มีเป็นอย่างนั้น พิจารณาเอา วันนี้ก็พูดเพียงเท่านั้นละ ไม่พูดอะไรมาก เอาแค่นี้ละ

พวกเด็กก็สอนทุกวันให้ฟังเอานะ เด็กก็มีหัวใจเหมือนผู้ใหญ่ ทำประโยชน์ให้ตัวเองและชาติบ้านเมืองเหมือนกัน ให้นำธรรมนี้เข้าไปปฏิบัติ ให้เข้าไปเป็นเงินก้นถุง ศาสนานี้เป็นเงินก้นถุงเข้าไป แล้วจะกระจายออกมาด้วยความสง่างาม เด็กก็สง่างามทั้งหญิงทั้งชาย ทั้งนักศึกษา นักเรียน สง่างามถ้ามีธรรมเข้าเป็นเครื่องประดับ กลับไปถึงบ้านถึงเรือนก็รู้จักพ่อรู้จักแม่ของตัวเอง อย่าเห็นว่าพ่อแม่นี้เป็นบ๋อยกลางเรือน ส่วนมากพวกเราว่าอย่างนั้นแหละ ว่าอีพ่ออีแม่ อีบ๋อยกลางเรือนไม่ได้ว่า ความจริงคือบ๋อยกลางเรือน

มันหากเป็นเองนะไม่มีเจตนาแหละ พ่อแม่กับลูกเป็นอย่างนั้น มันเป็นข้าหลวงใหญ่ขึ้นอยู่บนหัวพ่อหัวแม่ แล้วว่าอีพ่ออีแม่ แท้จริงมันเป็นข้าหลวงใหญ่ไม่ว่า ยิ่งตัวเล็ก ๆ ด้วยแล้วนั่นละข้าหลวงภาคทีเดียว ลูกคนไหนเล็กคนนั้นมีอำนาจมากที่สุด ในครอบครัวราบไปหมด ข้าหลวงใหญ่ข้าหลวงภาคนี้ครอบไว้หมดเลย พอโตขึ้นมาก็ลดลงมาเป็นข้าหลวงจังหวัด ต่อจากนั้นก็เป็นรองข้าหลวง ปลัดข้าหลวง เรื่อย ๆ ลงไป มาถึงนายอำเภอ มาถึงกำนัน มาถึงผู้ใหญ่บ้าน คือโตเท่าไรก็ค่อยลดลง ๆ พอมาถึงขั้นผู้ใหญ่บ้าน ไม่ยอมลด อีพ่ออีแม่ ขึ้นหัวพ่อแม่ตลอดเวลา ผู้ใหญ่บ้านละขึ้น ขั้นข้าหลวงลดลงแล้วมาอยู่ในขั้นผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้ใหญ่ของพ่อของแม่

นี่ละเขาเรียกว่าบ๋อยกลางเรือน คือพ่อกับแม่ เป็นหลักธรรมชาติของจิตใจคน ผู้เป็นก็ไม่เจตนา มันหากเป็นในหลักธรรมชาติอย่างนั้น หมดเท่าไรหมดไป มีลูกคนหนึ่งตั้งแต่แม่ตั้งท้องขึ้นมา ความระมัดระวังลูกในท้องเป็นยังไง เราไม่ได้ลืมแม่เราเอง กินอะไร โอ๋ย ไม่ได้ มันจะไปกระเทือนเด็กในท้อง เราก็ฟังธรรมดาตอนเป็นเด็ก พอเป็นผู้ใหญ่มาพิจารณาทบทวนเข้าไป โถ ตั้งแต่ลูกอยู่ในท้อง แม่ระมัดระวังทุกสิ่งทุกอย่าง ยารักษาครรภ์ว่าไง ฟังซิ คือรักษาเด็กในครรภ์เด็กในท้อง แม่เริ่มมาแล้ว ยารักษาครรภ์ สิ่งที่เป็นภัยต่อเด็กในครรภ์ แม่จะระมัดระวัง

นี่แม่พูด เราเป็นเด็กเราฟัง กินอันนี้ ๆ เวลาลูกกินนมมันถ่ายเป็นอย่างนั้น ๆ กินอันนี้ไม่ได้ แม่พูดนะ กินอันนั้นไม่ได้ คือลูกกินนมมันก็เข้าพุงลูก แล้วก็ถ่าย อู๊ย นี่ไม่ได้ ๆ กินอันนี้แล้วลูกกินนมมันถ่าย แม่พูดนะ นั่นเห็นไหมแม่ ฟังซิ ไอ้เราเป็นเด็กฟังเฉย ๆ แต่เวลามาเป็นผู้ใหญ่ทบทวนย้อนหลัง เพราะฉะนั้นคุณของพ่อกับคุณของแม่นี้จึงลึกซึ้งมากนะ ขอให้พิจารณาทุกคน ซึ้งมากทีเดียว

โน่นละเราคิดมาตั้งแต่โน้น ได้อะไรมานี้ เอาไว้ให้ลูก ๆ ลูกคนเล็ก ข้าหลวงภาคอยู่ในครรภ์มันเป็นภาคแล้วนะ อาหารอะไร ๆ เป็นหยูกเป็นยาต้องระวังครรภ์ พอตกคลอดออกมาอะไรจะผิดกับเด็กนี้ไม่ได้เลย แม่เข้มงวดกวดขันมาก แม่ของเราเองเป็นคนพูด เราเป็นเด็กเราฟัง แล้วก็ประมวลมาย้อนหลัง เพราะฉะนั้นถึงได้เห็นคุณของพ่อของแม่อย่างลึกซึ้งจริง ๆ ไม่ใช่ธรรมดา

เราทุกคนพ่อแม่เลี้ยงแทบเป็นแทบตายตั้งแต่อยู่ในท้อง พอตกคลอดออกมาเลี้ยงดูทุกสิ่งทุกอย่าง พอตกเข้ามาโรงร่ำโรงเรียนแล้วเป็นยังไงเด็กเหล่านี้ สูเป็นยังไง สูไม่นุ่งซิ่นนุ่งผ้ามาได้ไหม ซิ่นผ้าเหล่านี้พ่อแม่ให้ทั้งนั้น นี่ละเอามาตั้งแต่โน้น เลี้ยงมาเป็นลำดับลำดา พอโตขึ้นมาเข้าโรงเรียน เอ้า หาเครื่องเล่าเรียนให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย พ่อแม่จะอดจะยังอดบ้างอิ่มบ้างไม่สนใจ ยิ่งกว่าสนใจกับลูก นี่ละหัวใจของพ่อของแม่อยู่กับลูกทั้งหมด ขอให้พากันคิดระลึกถึงบุญถึงคุณของพ่อของแม่นะ

เพราะฉะนั้นท่านถึงว่าทำความกระทบกระเทือนต่อพ่อต่อแม่ ท่านบอกว่าเป็นบาปหนัก เท่ากับทำความกระทบกระเทือนให้พระอรหันต์องค์หนึ่ง ไม่ใช่ของเล่นนะ คุณค่าของพ่อของแม่มีน้ำหนักขนาดนั้น เทียบกับพระอรหันต์ได้ คุณของพ่อของแม่ที่มีต่อลูก วัดน้ำหนักกันเท่ากับคุณธรรมของพระอรหันต์องค์หนึ่ง เพราะฉะนั้นจึงไม่ให้ไปแตะกับพ่อกับแม่ บ่อบุญบ่อคุณอยู่นั้นหมดทีเดียว

เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโตขนาดนี้ พ่อแม่ไม่เลี้ยงใครเลี้ยง ออกจากพ่อจากแม่ทั้งหมด ทุ่มลงทุกสิ่งทุกอย่าง อดอิ่มไม่ว่าทั้งนั้น เป็นตายก็มอบให้ลูก ๆ ทั้งหมด เพราะฉะนั้นเวลากลับไปบ้านไปเรือนก็ให้รู้จักบุญจักคุณของพ่อของแม่ อย่าไปถกไปเถียงท่านั้นท่านี้ แว้ ๆ ๆ ปากหญิงปากชายมีเหมือนกัน มันเถียงพ่อเถียงแม่ไปคนละแบบ ปากลูกชายก็ไปแบบหนึ่ง ปากลูกหญิงก็ไปแบบหนึ่ง ก็แว้ ๆ กับพ่อกับแม่ ให้จำเอานะทุกคน ให้ปฏิบัติตนให้เป็นคนดี เอาละ จะให้พร

เมื่อคืนนี้ฝนตกเดินจงกรมไม่ได้ หลวงตาต้องได้กั้นร่มเดินนะเมื่อคืนนี้ มันปวดมันขัด มันเดินไม่ได้ เพราะเมื่อวานนี้ไม่ได้เปลี่ยนอิริยาบถตลอดจนกระทั่งถึงค่ำ เมื่อคืนนี้ฝนตกด้วยเดินจงกรมไม่ได้ แล้วทำยังไงนี่ ขัดแข้งขัดขา ไม่ไหว กั้นร่มเดินจงกรมเลยเมื่อคืนนี้ ออกจากนี้ไป(หลวงตาเดินตรวจศาลาตอนกลางคืน) กั้นร่มเดินจงกรมเลยนะ คือมันไปไม่ไหวจริง ๆ ต้องได้ฝืนกันอย่างนั้นละ กั้นร่มเดินจงกรมจนกระทั่งมันอ่อนแล้วถึงได้ขึ้นมา เห็นแต่พ่อแม่ครูจารย์แต่ก่อน พอท่านออกจากห้องปั๊บท่านจะเข้าทางจงกรม ฝนตกก็ตามท่านก็กั้นร่มเข้าเลย เดินจงกรมตอนเช้าก่อนบิณฑบาต หลวงปู่มั่นนะ เราก็ไม่ได้พิจารณา ความจริงเพื่ออนามัยธาตุขันธ์ของท่าน เพราะตอนกลางคืนตอนเช้าท่านนั่งภาวนา พอออกแล้วท่านก็เปลี่ยนอิริยาบถ พอดีฝนตกเดินจงกรมไม่ได้

ทำยังไง โหย ท่านไม่ได้สนใจเลยนะ เอาร่มมาปั๊บเข้าทางจงกรม เดินจงกรมอยู่ในทางจงกรมนะ จนกระทั่งถึงเวลาบิณฑบาตค่อยออกมา เราก็มาพิจารณา เดี๋ยวนี้เข้ามาหาเรานี้มันเข้ากันได้แล้ว ก็คิดดูซิอย่างเมื่อคืนนี้ฝนตกขนาดนั้นมันยังบังคับให้ไปเดินจงกรม กั้นร่มเดินกลางคืนอย่างนั้นแล้ว โห มันขัดมันปวด คือนอนไม่หลับถ้าลงมันเป็น มันขัดมันปวด มีกระตุกมีอะไรอยู่ในนั้นเสร็จ ทีนี้พอเราไปเดินจงกรมแล้วเส้นมันยืดของมัน มันค่อยอ่อนลง ๆ สังเกตดูพอได้จังหวะเหมาะดีแล้ว มาปั๊บนอนภาวนานี้หลับไปพร้อมกันเลย เป็นอย่างนั้น ที่ท่านเดินจงกรมตอนเช้า อ๋อ อย่างนี้เอง เรารู้นะ แต่ก่อนไม่รู้ พอออกจากห้องปั๊บนี่เข้าทางจงกรมเลย ไม่สนใจกับฝนนะ เดินจงกรมเรื่อย ฝนตกเรื่อย เฉย ท่านเดินจงกรมของท่าน เราก็อย่างนั้นแหละ มันมัดเราอย่างเมื่อคืนนี้ ก็เมื่อวานไม่ได้เดินทั้งวัน แล้วกลางคืนไม่ได้เดินอีก ปวดขัดหมดเลย ตกลงได้กั้นร่มเดินจงกรม

เทศน์เมื่อเช้าวานนี้เผ็ดร้อนอยู่นะคุณหญิง… ฟาดรัฐบาล นาน ๆ เอาทีนึง นาน ๆ ตีทีนึง เมื่อเช้าวานนี้ก็เอา เผ็ดร้อนอยู่เหมือนกัน เอาให้สะดุดใจกึ๊ก ๆ ถ้าคนพอมีใจมนุษย์ติดตัวอยู่บ้างแล้วจะสะดุด ๆ ถ้าเป็นใจเปรตใจผีแล้วไม่สนใจฟัง (หลวงตาคะคุณแม่ให้กราบเรียนว่า ท่านเห็นใจหลวงตาที่มาช่วยชาติ และท่านไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องการรวมบัญชี) อ้าว มันคอขาดอยู่ตรงนั้นน่ะ เพราะเหตุนั้นถึงได้ดันกันอย่างหนักล่ะซี คอชาติไทยเรา ๖๒ ล้านคนขาดอยู่ตรงนี้ละ รวมบัญชีเขาพูดไพเราะเพราะพริ้งต่างหากหนา นี่ละยาพิษเคลือบน้ำตาลให้คนเผลอตัวไป ว่ารวมบัญชีไม่รวมบัญชีก็เงินของชาติอันเดียวกันนั่นแหละ

ความจริงรวมบัญชีคือทางก้าวเดินปูราบเอาไว้ พอมือล้วงเข้าไปถึงคลังหลวงแล้ว บัญชีมีกี่บัญชีเหยียบแหลกไปเลย นั่นเราก็รู้อย่างนั้น เพราะฉะนั้นถึงได้ซัดกันอย่างหนักล่ะซี จุดสำคัญมันอยู่ที่นั่น มันหลอกไว้ที่นี่น่ะ โหย อย่ามาหลอก-หลอกธรรมว่างั้นเลย หลอกธรรมนี่อย่ามาหลอกนะ ใส่เปรี้ยงทันทีเลย เอาละ ไปละ พูดนานพวกนี้มันอ้าปากไม่งับ พวกนี้มันอ้าปากฟัง เพราะฉะนั้นเวลาเราจะไปจึงบอก ไป พากันงับปากแล้วกลับบ้าน เราจะไป ไปละนะ

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก