 |


/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">


/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
 |
|

๕๐๐ กิโล วันธนาคารชาติ |
 |
วันที่ 30 ตุลาคม 2545
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด |
| | ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
| |
ค้นหา :
๕๐๐ กิโล วันธนาคารชาติ
เมื่อวานนี้วันที่ ๒๙ ตุลา ดอลลาร์ได้ ๕๕ ดอลล์ กฐินทองคำได้ ๒ กอง กฐินเงินสดได้ ๕๓ กอง รวมเป็น ๕๕ กอง รวมทองคำทั้งหมดได้ ๕,๒๘๔ กิโลครึ่ง กฐินทองคำ ๘๔,๐๐๐ กองนั้น ประเภททองคำได้ ๒๔,๘๐๑ กอง เท่ากับน้ำหนัก ๙๔ กิโล ๑๙ บาท ๓ สลึง กฐินเงินสดและเช็คได้ ๕๓,๔๗๕ กอง เท่ากับเงินสด ๘๕,๕๖๐,๐๐๐ บาท รวมกฐินทองคำทั้งหมดได้ ๗๘,๓๗๖ กอง ยังขาดอยู่อีก ๕,๗๒๔ กอง ทองคำที่ได้นำเข้าโรงหลอมแล้วเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๔๕ นั้นน้ำหนักรวม ๓๒๔ กิโล ๒๙ บาท ๓๐ สตางค์
เราพูดตรง ๆ มันก็เป็นอย่างนั้นจะให้พูดว่ายังไง คือกรรมฐานทั้งหลายที่ประชาชนไปทอดกฐินท่าน ท่านจะซื้อทองคำเข้ามานี้เลย องค์ไหน ๆ พอทอดกฐินแล้วท่านก็รวบรวมซื้อทองคำแล้วเข้ามาที่นี่ เราก็รอจังหวะนี้เสียก่อนจึงยังไม่ส่งเวลานี้นะ เพราะนี่มันก็เขตกฐิน ถึงวันที่ ๑๙ พฤศจิกา แต่เราไม่ให้ถึงเขตกฐินแหละ พอคำนวณดูเรียบร้อยสมควรแล้วเราก็รวบรวมแล้วส่งเลย
เวลานี้เรานับเฉพาะทองคำล้วน ๆ ที่ได้มานะ สำหรับเงินสดที่จะซื้อทองคำนั้นยังไม่นับ คือรอจังหวะเช่นเดียวกัน พอพร้อมแล้วเข้าถอนพรึบเดียวเลย แล้วซื้อทองคำแล้วเข้าโรงหลอมไปเลยเทียว เรารอจังหวะอยู่ เช่นอย่างกฐินของบรรดาพระกรรมฐานลูกศิษย์ลูกหาจะมาจากที่ต่าง ๆ ตีไว้ก็ไม่อยู่ยังไงต้องมาว่างั้นเลย เพราะฉะนั้นเราเตรียมหั่นหอมกระเทียมไว้เลย ก็มันแน่นี่จะให้พูดอย่างอื่นพูดได้ยังไง ก็เป็นอย่างนั้น องค์ไหน ๆ ก็มา พอเขาถวายกฐินท่านแล้ว ท่านจะซื้อทองคำแล้วมาเลย
เพราะปรกติของกรรมฐานก็ไม่ได้สนใจกับเงินกับทองยิ่งกว่าธรรมนะ นี่ปรกติ กรรมฐานสายหลวงปู่มั่นนี้เป็นอย่างนั้นนะ เฉพาะหลวงปู่มั่นยิ่งไปอีกละ ขาดสะบั้นไปเลย ไม่ยุ่งเลย มาระยะหลังนี้ก็มีอนุโลมบ้าง แต่ถึงอย่างไรก็ตามผู้มุ่งอรรถมุ่งธรรมแล้วท่านไม่มายุ่งกับการเงินยิ่งกว่าธรรม เพราะฉะนั้นเวลาเขามาทอดกฐินถวายทานต่าง ๆ ท่านนี้ ท่านจึงเอาซื้อทองแล้วมา เราจึงบอกว่าเรารอเวลานี้ ก็ความจริงเป็นอย่างนั้นจะให้พูดอย่างอื่นได้ยังไง คือส่วนใหญ่มา ๆ จากนั้นเราก็ไม่ค่อยกำหนดนักแหละ เรารอส่วนใหญ่พอสมควร ๆ ที่จะมาแน่นอน เราก็รอนี้ก่อน จากนั้นก็ไม่กำหนดนักแหละ นั่นละตอนที่จะได้ซื้อทอง อาจจะเป็นตอนนั้น
สำหรับเงินโครงการของเราเวลานี้มีอยู่เพียง ๕๐ ล้านนะ โครงการที่เราเคยถอนออกมาซื้อทองคำและดอลลาร์ ๙๔๑ ล้านนั้น เวลานี้ยังเหลืออยู่ประมาณ ๕๐ ล้าน อันนี้ก็ไม่แตะ ยังรอดูเสียก่อน แต่พวกนี้ยังไงก็จ้องจะเข้าหาทองคำแล้วเข้าสู่คลังหลวง เราไม่เคยถอนออกมาช่วยบ้านเมือง เช่น ปลูกนั้นสร้างนี้ เราไม่เคย เงินจำนวนที่เข้าในบัญชีโครงการที่จะซื้อทองคำคลังหลวงนี่นะ เราไม่เคยเอาออกมา เอาอย่างอื่นที่ยังไม่เข้าออกช่วยบ้านช่วยเมือง ซึ่งเป็นเงินโครงการอันเดียวกัน เป็นแต่เพียงว่าไม่ได้เข้าบัญชี
โยม : ถวายกฐินร้อยกอง แล้วถวายปัจจัยแล้วแต่หลวงตาอีกแสนบาท ลูกชายคนโตถวายหลวงตาอีก ๕,๐๐๐ บาท
หลวงตา : เราพูดตรง ๆ เอาตรงหน้านี่เลยนะ เวลานี้หลวงตากำลังจนมุมถ้าไม่ได้เขียนไว้ว่ากฐินในเงินแสนบาทนี่ หลวงตาจะเอาเข้าในบัญชีโครงการช่วยรอบด้านเลย เพราะเวลานี้จนจริง ๆ นะ เงินที่จะจ่ายเหล่านี้จนไม่มี เราไม่ได้ตำหนิใครนะ คือเราเองเป็นผู้สั่งไล่เข้าทองคำ ๆ จนกระทั่งเงินที่จะใช้จ่ายอะไรนั้นไม่มี ยังไม่สนใจยังไล่เข้าใส่ทองคำ เพราะฉะนั้นวันนี้จึงบอกตรง ๆ เลยว่ามันจนตรอก มันจะตายจริง ๆ ก็ต้องบอกลูกศิษย์ซี เงินแสนบาทนี้จะเอาช่วยรอบด้านที่นี่นะ จะไม่เข้ากฐิน
โยม : อันนี้ค่าบำนาญหนูหลวงตา ตอนนี้ศรัทธากับหลวงตาเท่าเดิม มากกว่าอีก แต่เงินน้อยลง รายได้มันลดน่ะหลวงตา ถวายแค่สองหมื่นบาท
หลวงตา : ศรัทธาไม่ลดไม่เป็นไร หลวงตายังไม่เห็นดูถูกลูกศิษย์ว่าจน หลวงตาไม่รับเป็นลูกศิษย์ หลวงตาไม่เคยเห็นว่าทำไมมาเสนอแล้วว่าเงินน้อย ตั้งสองหมื่นยังว่าน้อยใจอยู่
โยม : หลวงตาขาที่หลวงตาบอกว่าของกลาง หลวงตาจะเอาไปทำไม ที่ว่าส่วนองค์หลวงตาที่จะเอาไปแจกชาวบ้าน
หลวงตา : ไม่ใช่แจกชาวบ้าน ความจำเป็นรอบที่จะต้องจ่ายอะไร ๆ จากนั้นก็ออกดังที่เคยทำนั่นแหละ ปลูกสร้างต่าง ๆ โรงร่ำโรงเรียนกี่สิบหลัง ทั่วประเทศไทย คือเงินจำนวนเหล่านี้แหละ เข้าใจเหรอ นี่เป็นกลางอันหนึ่ง จุดใหญ่ก็คือว่าทองคำกฐินเข้านี้ ๆ อันนี้เรียกว่าต้นลำ
โยม : ถ้าอย่างนั้นถวายหลวงตาเพิ่มอีกห้าหมื่นบาทค่ะ
หลวงตา : เอามาจากไหนเร็วนักล่ะ
โยม : หลวงตาใจดี ๆ เดี๋ยวเอาออกมาอีก อันนี้แล้วแต่อัธยาศัยหลวงตา
หลวงตา : พอดีละ จำเป็นมันก็มาอย่างนี้ละจะว่าไง หลวงตาพูดจริง ๆ ที่ว่ามันหมดนี้ไม่ได้ตำหนิใครนะ ตำหนิเรา คือใครมาก็ชี้ใส่ทองคำ ๆ เขาจะมาถวายเราก็ไล่ใส่ทองคำจนกระทั่งไม่มีจะตายแล้วถึงบอกลูกศิษย์เข้าใจไหม เรื่องมันเป็นอย่างนั้นต่างหาก ไม่ใช่ไม่มีใครถวายนะ
โยม : หลวงตาทองคำตอนนี้แพง
หลวงตา : มันสู้เราไม่ได้แหละ ไอ้ทองคำแพง ๆ เราราคาสูงกว่าทองคำ ได้แล้วเข้าสู่ทองคำ ถ้าทองคำเข้าสู่คลังหลวงแล้วไม่มีขึ้นมีลง แพงหรือไม่แพงเต็มเหนี่ยวประเทศไทยเราสุดยอดแล้ว เต็มตัวราคาเข้าใจไหม ราคาของเราทั่วประเทศไทยเต็มตัว พอทองคำเข้าคลังหลวงนั้น เพราะฉะนั้นหลวงตาจึงหมุนเข้าตรงนี้นะ คือนี้หัวใจของชาติจริง ๆ ไม่มีอันนี้ไม่ได้ ได้พิจารณาหมดแล้ว เพราะฉะนั้นใครจะมาคัดค้านต้านทานไม่ได้ คอขาดเลย เพราะเราได้พิจารณาเต็มสัดเต็มส่วน จึงพุ่งออกมาเลย จะมาค้านไม่ได้ว่างั้นเลย ถ้าอันไหนที่ได้พิจารณาเต็มเหนี่ยวแล้วพุ่งเลย ๆ ไม่ผิดว่างั้นเลย นี่ก็ยังกวนพี่น้องทั้งหลายอยู่เวลานี้ก็คือว่า เราจะพยายามให้ได้ ๑๐ ตันนั้นแหละ ก็คือเราไปดูทองคำเองในคลังหลวง ไปดูลมหายใจของพี่น้องชาวไทยเรา หายใจอยู่ในคลังหลวงนั้น มีน้อยมาก แต่เราไม่บอกว่ามีเท่าไร บอกได้ชัดเจนแต่ว่ายังมีน้อยมาก ถ้าได้ขนาด ๑๐ ตันแล้ว จะหายใจโล่งทั่วถึงกัน กะเรียบร้อยแล้วถึงได้ประกาศออกมา เข้าใจเหรอ เดี๋ยวนี้ได้ ๕ ตันกว่าแล้ว ยังขาดอยู่เพียง ๔ ตันกว่าเท่านั้น ที่ว่า ๑๐ ตัน ๆ นี้เราได้ไปแล้ว ๕ ตันกว่าแล้ว เราจะเร่ง ๔ ตันกว่านี้เท่านั้นให้ถึงจุด ให้ถึงจุดนี้แล้วหลวงตาก็ล้มทั้งหงายเลยแหละ
โยม : ว๊าย
หลวงตา : อ้าว มันก็เต็มที่แล้ว
โยม : ไม่ได้ ๆ
หลวงตา : มันเต็มที่แล้วนะ คือเลิกว่างั้นเถอะ เลิกตามรบกวนพี่น้องทั้งหลายต่อไป เขาจะมาถวายตามอัธยาศัยก็เป็นเรื่องของเขา แต่ให้เราไปรบกวนอย่างแต่ก่อนไม่เอาว่างั้นนะ เข้าใจไหม
โยม : อยู่เป็นที่พึ่งก่อน
หลวงตา : ก็อยู่ อยู่อย่างนี้จะว่าไงอีก
โยม : สักร้อยกว่า ๆ หลวงตา
หลวง : เท่าไรช่างหัวมันเถอะ เราดูแต่ลมหายใจเราเท่านั้น
โยม : ขอถวายอีกห้าหมื่นหลวงตา
หลวงตา : ไม่เอา นี่พอดีแล้ว ถ้าจำเป็นจะไปขอใคร ก็ต้องขอลูกศิษย์เข้าใจไหม เวลานี้พอสมควร พออยู่พอเป็นพอไป ถ้าจำเป็นแล้วต้องขอลูกศิษย์ ขอคนอื่นเขาเอาไม้ไล่ตีเอาซิ เราต้องไปขอลูกศิษย์เราละซี แต่เวลานี้พอสมควรแล้วให้พักไว้ก่อน
โยม : หลวงตาคะ วันที่ ๑๐ ธันวาคม หลวงตาจะลงไปแบงก์ชาติ จะเอาพระป่าลงไป ๖๑ องค์
หลวงตา : โอ๋ นิมนต์ไปในงานนี้ละ เพราะพระเหล่านี้ท่านช่วยเต็มกำลังมาตลอด ท่านช่วยเรื่องทองคำนี้ บรรดาสายกรรมฐานไม่ว่าธรรมยุต มหานิกายช่วยทั้งนั้นเลย เพราะทั้งสองนี้เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ทีนี้ได้นิมนต์มาทั้งธรรมยุตมหานิกายในฝ่ายกรรมฐานเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นให้ท่านได้มาออกสนาม ให้พี่น้องทั้งหลายได้เห็นพระท่านผู้ทรงอรรถทรงธรรม เรามุ่งอย่างนั้นนะ ที่เอาพระกรรมฐานมา ท่านอยู่ในป่าในเขา มีความมุ่งมั่น โอ๊ย.เอาจริงเอาจังกับอรรถกับธรรมมีจำนวนมากผู้ทรงมรรคทรงผลมีน้อยเมื่อไรวงกรรมฐาน แต่ท่านไม่แสดง ผลของท่านได้มากน้อยเพียงไรท่านไม่ได้แสดง เพียงหลวงตาออกมาแสดงแย็บนี้ยังถูกโจมตีตูมตาม ๆ จากกองถังขยะเข้าใจไหม กองมูตรกองคูถ อ้าว เป็นอย่างนั้นนี่นะ
มันดูไม่ได้ ศาสนาจะไม่มีเหลือ จะมีแต่กิเลสครองบ้านครองเมือง พระพุทธเจ้าก็ถูกกิเลสเหยียบหัวลง ศาสนธรรมถูกเหยียบลง มรรคผลนิพพานถูกเหยียบลง เวลานี้กำลังนะ คิดดูตั้งแต่หลวงตาออกมาแย็บ ๆ เพื่อพี่น้องทั้งหลายนี้ ออกมาจากหลักความจริง ถอดออกมาจากหัวใจยังถูกโจมตีอยู่ตลอดเวลา ฟังซิน่ะ พระทั้งหลายท่านไม่มีความจำเป็นมีอะไร ท่านไม่ออกมาท่านไม่พูด การพูดของเราที่มาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟัง แต่ก่อนเราเคยพูดเมื่อไร เราก็ไม่เคยพูดเหมือนกัน แต่เวลาออกมานี้ก็เพื่อให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบ ทั้งด้านวัตถุ ทั้งด้านธรรมะให้เข้าใจถึงใจ ทั้งเหตุทั้งผลของอรรถของธรรม ที่ปฏิบัติมาได้ผลมากน้อยเพียงไร เป็นยังไงศาสนาของพระพุทธเจ้า เป็นโมฆะ หรือเป็นธรรมที่ว่าอกาลิโก ทรงไว้ซึ่งมรรคซึ่งผลตลอดมา ก็ได้มาแสดงให้พี่น้องทั้งหลายฟังทั่วหน้ากัน
ในระยะ ๕ ปีนี้แหละ อยากพูดว่า ๕ ปี พอถึงเดือนมกราคมนี้ก็เต็ม ๕ ปีแล้วนะ ตั้งแต่เราเริ่มออก ประกาศเอาวันที่ ๑๒ เมษา ต่างหากนะ เราออกมาก่อนหน้านั้นแล้ว แล้วก็ตั้งแต่นั้นมา พระเจ้าพระสงฆ์ท่านมีเท่าไรท่านก็ส่งมาเรื่อย ช่วยทุกแห่งทุกหนช่วยมาตั้งแต่โน้นจนกระทั่งป่านนี้ ทีนี้เวลาจะมีงานอย่างนี้ จะนิมนต์ท่านออกไปสู่สนามแห่งกรุงสยามของเรา ๖๑ องค์ นี่แหละที่จะเอาออกไป ท่านเหล่านี้ท่านไม่ค่อยได้ออก จะออกตั้งแต่หัวหน้า ๆ บ้างเท่านั้น ไม่ได้มากนะ ทีนี้เวลานี้จะนิมนต์ท่านมาทุกวัดนั่นแหละ ทีแรกว่าจะเอาวัดละหลายองค์ แต่เวลาคำนวณดูแล้ววัดมีมากกว่าจำนวนพระที่เรานิมนต์ ตกลงคงจะได้วัดละองค์ ๆ ไปอย่างนั้น ก็ยังดี ให้พี่น้องทั้งหลายได้เห็นพระท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นผู้ทรงมรรคทรงผล ไม่โอ้ไม่อวดอยู่ในป่าในเขาเหมือนไม่มีนะ
นั่นละท่านผู้ทรงความสุขทรงมรรคผลนิพพาน อยู่ทางแถวนั้นละ แถว รุกฺขมูลเสนาสนํ ในป่าในเขาบำเพ็ญอรรถบำเพ็ญธรรม ตักตวงเอามรรคผลนิพพานขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ อยู่ในป่าในเขา เวลามาพบกันแล้วเป็นยังไงองค์นี้ภาวนา เล่าขึ้นนี้ฟังลืมไม่ลง นั่นเป็นยังไง องค์นี้เป็นยังไงภาวนา เวลาพระกรรมฐานท่านเข้าหากันท่านจะสนทนาตั้งแต่เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา วิชชาวิมุตติ มรรคผลนิพพานทั้งนั้น พอเล่ากันจบแล้วต่างคนต่างเลิกเงียบเลย ๆ ท่านไม่ได้แสดงออกไปที่ไหน ปกติของกรรมฐานเป็นอย่างนั้นเรื่อยมา เราเองก็เป็นอย่างนั้นตลอดมา พึ่งมาออกนี่ ก็มันเกี่ยวกับโลกทั้งโลกจะไม่ให้ออกได้ยังไงใช่ไหมล่ะ มันก็ต้องออกเป็นธรรมดา นอกจากนั้นไม่ออก ท่านก็อยู่ของท่านอย่างนั้น
แต่ก่อนเราก็เป็นอย่างนั้น ถ้าสอนพระก็สอนเฉพาะพระบนศาลานี้ สอนธรรมะส่วนมากแกงหม้อใหญ่ไม่ค่อยมีละ มีแต่แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋ว ๆ สอนพระ สอนนี้ก็เก็บไว้ในเทป ๆ ใครต้องการโดยเฉพาะ ๆ ก็มาเอาไป ไม่โฆษณาไม่บอกกล่าวอะไรเงียบ ๆ ตอนนี้เองตอนที่เราออกช่วยชาตินี้ เราออกเองทีเดียว ให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบถึงเรื่องพุทธศาสนาเป็นยังไง ให้ความร่มเย็นแก่โลกมานานสักเท่าไร เฉพาะพระพุทธเจ้านี้ ๒๕๐๐ กว่าปี แล้วมีผู้ปฏิบัติตามท่านอยู่ไหม หรือมรรคผลนิพพานหมดแล้วสิ้นแล้วดังที่พวกส้วมพวกถานมันเหยียบมันย่ำทำลายอยู่เวลานี้นะ นี่ละผู้ปฏิบัติเรื่องธรรมท่านต้องรู้ธรรม เห็นธรรม ได้ธรรมซิ อยู่ในป่าในเขา พระกรรมฐานเรานี้ เราพูดจริง ๆ เป็นผู้ทรงมรรคทรงผลว่างั้นเลย เงียบ ๆ ๆ อยู่ในป่าในเขา
กรรมฐานรู้กันดี สำหรับคนภายนอกไม่รู้กับท่าน ไปหากันนี้ปั๊บไม่มีเรื่องอื่นใดทั้งหมด ไปแล้วเป็นยังไงภาวนา ทางนั้นเล่ามาปั๊บ ๆ ๆ เข้ากันได้ปึ๋งซึ้งในใจ องค์นี้เป็นยังไง องค์นั้นเป็นอย่างนั้น เรื่อย ๆ พอออกจากนี้เลิกจากนี้ปั๊บหายเงียบเลย ไม่มีใครรู้จักท่าน มีแต่วงกรรมฐานรู้กันได้ดี ใครทรงอรรถทรงธรรมขนาดไหน ๆ จะรู้ทั่วถึงกันหมดเงียบ ๆ นะ พระกรรมฐานท่านปฏิบัติธรรม ท่านก็ปฏิบัติเงียบ ๆ เวลารู้ธรรมเห็นธรรมท่านก็รู้เงียบ ๆ เวลาคุยกันก็คุยอยู่ในสถานที่เงียบ ๆ ไม่เกะกะกับอะไร ๆ ทั้งนั้น สบาย ๆ
เวลานี้เป็นโอกาสอันดีที่จะได้นิมนต์พระกรรมฐานออกไปในกรุงสยาม เกี่ยวกับเรื่องธนาคารชาติ ๖๑ องค์นะ จะออกไปนี้ จะมาละทางไหนก็จะมา วงกรรมฐานมาที่นั่น ทีนี้เวลาในงานกรรมฐานนี้ ทองคำนี้เราตั้งไว้เรียบร้อยแล้วนะ จะมอบทองคำนี้ในวันธนาคารชาตินั้น ๕๐๐ กิโลเป็นอย่างน้อย นี่กำลังเข้มข้นเวลานี้ทองคำ จะให้ได้ ๕๐๐ กิโล เป็นอย่างน้อยทีเดียว ส่วนดอลลาร์นั้นยังไง ๒ แสนนี้ก็ต้องติดไปแล้วแหละ เพราะเวลานี้ได้ ๒ แสนกว่าเรียบร้อยแล้ว ถ้าถึงวันนั้นอาจจะก้าวเข้าใกล้กับ ๓ แสน ถ้าพอขยับได้เราก็จะขยับเอา ๓ แสนเลย อันนี้จึงยังไม่แน่นัก ส่วนทองคำนั้นแน่ทีเดียว ๕๐๐ กิโล ต้องให้ได้ นี่ละงานนี้เป็นงานใหญ่โต งานธนาคารชาติ สมบัติของชาติไทยเราอยู่ที่ธนาคารชาติทั้งหมด แม้ที่สุดคลังหลวงก็อยู่ที่นั่นด้วยกัน อยู่ที่นั่นทั้งหมด งานวันที่ ๑๐ นี้เป็นงานของคนทั้งชาติทีเดียวไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะฉะนั้นเราจึงควรจะได้ที่ระลึกอันสำคัญคือลมหายใจของคนทั้งชาติ ได้แก่ทองคำ เข้าเป็นลมหายใจของพี่น้องชาวไทยเรา จากนั้นก็ดอลลาร์เคียงข้างกันไป ๆ เราจึงถือเป็นสำคัญมาก แล้วทางโน้นก็มานิมนต์เราให้ไปในงานนี้ เขาก็พูดตรง ๆ ให้เราไปเป็นประธาน เป็นหัวหน้า เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรว่างั้น แต่เราก็พูดว่าไปเป็นเจ้าภาพด้วยกัน เราก็ว่าอย่างนี้แหละ ทางบ้านเมืองและทางศาสนา เราก็พูดเพียงเท่านั้นแหละ ไปในงานนี้นะ
จึงได้กำหนดตายตัวไว้ ให้เป็นเครื่องหมายของการบำเพ็ญมหากุศลในชาติไทยของเราคราวนี้คือวันธนาคารชาติ ขอให้ได้ทองคำน้ำหนัก ๕๐๐ กิโล ต่ำกว่านั้นไม่ได้เลย นี่เป็นเครื่องหมายเป็นมหามงคลแก่พี่น้องชาวไทยเราอีกครั้งหนึ่ง แล้วจะมอบเป็นระยะ ๆ ไป คือมอบแต่ละครั้งนี่ให้ได้ทองคำ ๕๐๐ กิโลแล้วมอบที ๆ พอมอบแล้วก็มาขวนขวายเอากับบรรดาพี่น้องทั้งหลาย คนนั้นนิดคนนี้หน่อยรวมกันแล้วมันก็เป็นกองใหญ่ขึ้น ๕๐๐ แล้วก็รวมทีหนึ่ง ๆ เอาอย่างนี้ละ ให้พากันจำเอานะ เรากะไว้ว่าให้ ๑๐ ตัน ถ้าลงได้ ๑๐ ตันหลวงตา ทุกอย่างอบอุ่นเป็นไปตามความคิดความพินิจพิจารณาทุกอย่างไม่บกพร่อง สมบูรณ์แบบ ถ้าหากว่าไม่เป็นไปตามนี้บกพร่องมากนะหลวงตา ความคิดความอ่านพินิจพิจารณาสิ่งเหล่านี้กะว่าจะได้ กลับพลาดไปนี้หลวงตานี้เลวที่สุดเลยเข้าใจไหมล่ะ
ท่านทั้งหลายจะรักษาหลวงตาไม่ให้เลวที่สุด ก็ต้องต่างคนต่างอุตส่าห์พยายามหาทองคำมาให้ได้ตามจุดหมายปลายทาง แล้วจะอบอุ่นทั้งประเทศเราเลย เป็นมหามงคลอย่างยิ่งด้วยนะ วันนี้ก็พูดเท่านั้นละนะ วันนี้ก็เทศน์พอสมควรไม่เอามากมายนัก ขอให้พี่น้องทั้งหลายต่างคนต่างตั้งอกตั้งใจบืนใส่ ๔ ตันกว่านี้ ๕ ตันได้ไปแล้วนะ ยังอีก ๔ ตันกว่านี้ให้หนุนกันเข้าไปเรื่อย ๆ หนุนเรื่อย ๆ เลย หลวงตาคิดดูซิ ตั้งแต่เงินทองข้าวของมีมากมีน้อยไม่ได้สนใจนะ หมุนเข้านี้จนกระทั่งเงินจะใช้อะไร ๆ ที่เขามาขอทั้งหลาย ๆ นี้ มีแต่พักไว้ ๆ ก็คือเราไม่มีเงินเข้าใจไหม คือเขามาขอนี้ช่วยอยู่ตลอด ก็เงินจำพวกนี้แหละ ที่ว่าตามอัธยาศัย ๆ คือเราไม่ได้ถือว่าเงินเหล่านี้เป็นของเราแม้บาทหนึ่งนะ เคยเป็นอย่างนั้นตลอดมา เราไม่เคยสงวนสิ่งเหล่านี้ ได้มาเท่าไรช่วยชาติตลอดตั้งแต่เริ่มสร้างวัดมาจนกระทั้งป่านนี้นะ จึงว่าไม่มีคำว่าเงินเป็นของเรา มีแต่ตามอัธยาศัยแล้วเพื่อเราจะได้ทำประโยชน์แก่โลกเท่านั้นเอง เอ้าทีนี้ให้พร
อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่ www.luangta.or.th
|
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|