เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์ (ผาแดง)
อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓
เวลาประมาณ ๑๑.๑๐ น.
อำนาจจิตที่รวมลง
จิตที่รวมชนิดผึงเดียวนี้ก็มี ค่อยรวมธรรมดาลงไปก็มี จิตที่กลัวที่รวมพรึบเดียวเลยเงียบหมดเลยไม่มีอะไรเหลือ แล้วค่อยๆ รวมลงไปก็มี แต่จิตที่ลงพรึบเดียวนี้แสดงอย่างรวดเร็ว เช่นอย่างเณรอยู่วัดดอยธรรมเจดีย์นะ เสือขึ้นมาแกอยู่ในมุ้ง แล้วที่มุ้งแกอยู่นั้นน่ะมันเป็นหินเป็นก้อนๆ เสือเคยมาอยู่เสือตัวนี้เคยมานอนพักอยู่ แต่ก่อนมันไม่มีวัด เสือตัวนี้มันเคยขึ้นมา พอมันหายใจ..คือคนอยู่ในมุ้งมันมาข้างๆ มุ้ง เพราะเป็นสถานที่มันเคยมานอนมาพักแล้วมันก็ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ที่นั่น มันก็มาหายใจธรรมดา ลักษณะฟูดฟาดๆ อยู่นอกมุ้ง คนอยู่ในมุ้ง พอเณรนี้รู้ก่อน เป็นเณรนะรู้ก่อน จิตก็รวมพรึบเลย พอรู้ว่าเป็นเสือนะจิตรวมพรึบ แต่เสือยังไม่รู้ว่าเณร คือเสือยังไม่รู้ว่าคน แต่คนรู้ว่าเป็นสัตว์เป็นเสือแล้ว จิตก็ลงเลย พอจิตลงไม่รู้อะไรเลยทีนี้ หายเงียบเลย เสือพอมันรู้ว่าเป็นคนมันก็หลบออกไปแล้วละ แต่คนไม่รู้ว่าเป็นเสือ คือพอรู้ว่าเป็นเสือเท่านั้นจิตมันลงแล้ว เงียบไปเลย ลงอย่างรวดเร็ว มันแปลกอยู่นะ
เราพูดอะไรไปมันหลงลืมได้เร็วนะ พูดไปเดี๋ยวนี้แล้วก็หลงลืมไป อย่างนั้นนะไม่เหมือนแต่ก่อน ลำบากอยู่ (เณรรู้ว่าเป็นเสือจิตลงพรึบเลย เสือพอรู้ว่าเป็นคนเสือก็ไป แต่เณรยังไม่ไปไหนเพราะจิตลง) มันก็ลงเลย มันก็ไม่อยู่ละมันก็ไปเลย แต่จิตเณรมันลงจริงๆ พอจิตถอนขึ้นมาแล้วความเข้าใจยังว่าเสืออยู่กับตัวเอง พอจิตถอนขึ้นมายังรู้สึกว่าเสืออยู่กับตัวเอง โดดผึงเดียวไปเลย เสือๆๆ ไปวัดดอยธรรมเจดีย์ เสือๆๆ มันเป็นบ้าอะไรเณรนี่ พระน่ะ สายๆ พระจะออกไปบิณฑบาตแล้วมันพึ่งมาเสือๆ อะไรนี่ เสือที่ไหน เสือจริงๆ ก็บอก คือเณรอยู่ในมุ้งมันมาข้างๆ มุ้ง เพราะที่นั่นเป็นก้อนหิน ก้อนหินมันเคยมานอน อยู่ที่นั่น ทีนี้พอคนไปอยู่ที่นั่นมันก็ไม่รู้ซิว่าคนเคยมาอยู่ที่นี่ มันก็มาตามภาษามัน เรื่องราว
อำนาจของจิตถ้าลงได้ลงแล้วอำนาจมาก ไม่มีอะไรทำลายได้เลยนะ ถ้าลงผึงลงไปแล้วไม่มีอะไรเข้าไปได้ละอำนาจจิตที่รวมลง เพราะฉะนั้นหลวงพ่อองค์หนึ่งเคยเป็นนักเลง ใจเด็ดเคยเป็นนักเลง ถ้าเข้าใจว่าเสือแล้วมันลงทันที ที่ว่าเคยเป็นนักเลงนะ เพราะอย่างนั้นเวลาท่านนั่งภาวนาท่านจึงไปหานั่งอยู่ที่ก้อนหินหรืออะไรบนเขา คือนั่งในสถานที่น่ากลัว พอทราบว่าอันตรายแล้วมันจะลงของมันทันทีเลย ลงได้ นี่ก็ไปเป็นอยู่ทางสกลนคร จิตมันไม่อยากลง ถ้ามีอันตรายมันจะลงเร็วจิตของพระองค์นั้น
ทีนี้นั่งภาวนาอย่างไรมันก็ไม่ลง ท่านเลยนึกถึงเสือ เสือตัวนี้มันเคยนอนอยู่บนถ้ำ ถ้ำล่าง ถ้ำบน ข้างล่างพระอยู่ มันมีทางขึ้นไป ขึ้นไปนอนอยู่ถ้ำบน พอกำหนดรวมมันไม่อยากรวม อย่างไรมันก็ไม่รวม ทำไมเสือไม่มานะว่าอย่างนั้นนะ นึกในใจ กำหนดอยากให้เสือมา ถ้าเสือมามันจะลงทันที มันกลัวอันตรายมันลงเร็ว พอไม่นานนึกถึงเสือตีสามแล้ว ตีสามตีสี่จะขึ้นไปนอน ฟังเสียงมันขึ้นมาแล้ว ซวบๆ ขึ้นมา ท่านนึกอยากให้เสือมาจิตมันลงง่าย เสือมันก็มาจริงๆ ซวบๆ ขึ้นมา มันจะขึ้นไปทางมัน ท่านก็นึกถึงเสืออยากให้เสือมาทีนี้เสือมาจริงๆ ประมาณสักตีสามท่านจะไปนอน
พอเสือมันขึ้นมาๆ ท่านก็กำหนดเอาเสือนี้ละทีนี้นะ กำหนดเพิ่มให้มีรสมีชาติขึ้น เสือมาพอมานี้กำหนดเอาเสือมางับคอ จิตท่านก็ลงผึงเลย เสือมาจริงๆ เวลาจิตถอนแล้วเห็นรอยเสือมันมา มันไม่สนใจกับคน มันก็มาขึ้นถ้ำเสืออยู่ข้างบน ถ้ำคนอยู่ข้างล่าง มันก็ไม่สนใจกับคนนะ คนก็นั่งอยู่ข้างหลังมันมามันก็ขึ้นไป ไม่เห็นมีอะไรกับคน เป็นอย่างนั้น ถ้าจิตได้ลงผึงเท่านี้อะไรทำไม่ได้ล่ะ ไปไหนนิสัย..คือผู้ที่เป็นอย่างนั้นละท่านชอบอยากจะพบแต่อย่างนั้นละ ไปพบไปหาที่น่ากลัวๆ พอเห็นได้ยินสิ่งที่น่ากลัวมาจิตลงเลย ทีนี้เสือมันก็มา มามันก็ขึ้นไปของมันแล้วคนก็นั่งภาวนา ไม่มีอะไรมันก็ขึ้นของมันไป อย่างนั้นละไม่ทำไมคนนะ
บางรายถ้ามีเหตุอย่างนั้นมันลงเร็วจิต ถ้าจนตรอกจริงๆ ลง ถ้าลงแล้วหายหมด ความกลัวอะไรไม่มี แล้วเสือเขามาของเขา เขาก็ไปเสีย ทางนั้นก็นั่งภาวนาอยู่ไม่กลัวเสือ ไม่มี เสือมาเขาก็ขึ้นไปนอนบนถ้ำของเขาอยู่ข้างบน คนก็นอนอยู่บนถ้ำ เขามานี่ขึ้นเลย เขาไม่มีอะไรนะ จิตลงแล้วนะนี่ จิตรวมแล้วหายหมด เรื่องสัตว์เรื่องเสือไม่มีเลย พรึบลงทีเดียวเงียบเลย ตอนเช้าสายๆ เวลาจิตถอนออกมาจึงออกมาดูรอยเสือขึ้นมานี้จริงๆ มานี้ มันก็ขึ้นไปนู้น พระก็นั่งภาวนาอยู่นั้นละเสือมันก็มานี่ มานี่มันก็ขึ้นข้างบน ถ้ำของเขาอยู่ข้างบน ถ้ำของพระอยู่ข้างล่าง เขาก็ไม่เห็นทำอะไรนะล่ะ เขาเดินผ่านมาขึ้นไปเลย องค์นี้แต่ก่อนเคยเป็นนักเลงโต ใจกล้าหาญมาก ท่านเลยไปหาอยู่ในที่เสือจะมา นิสัยท่านเคยอย่างนั้น พอได้ยินเสียงเสือมาทางนี้ลงแล้วพรึบหายเงียบเลย เป็นอย่างนั้นละ องค์นี้ชื่อหัด แต่ก่อนเคยเป็นนักเลง จิตใจกล้าหาญ
แต่เราไม่เคยมีเรา มีอย่างนั้นไม่เคย ไม่เคยมี หมู่เพื่อนไปเจอกันคนละแบบๆ เจออย่างนั้นนะแต่เราไม่เคยมี คือเวลามันจนตรอกจริงๆ มันสละหมดนะ จิตใจนี้เวลามันจนตรอกจริงๆ มันสละหมด สละหมดแล้วจิตมันก็ลง ปล่อย ความกลัวความอะไรนี้ไม่มี เป็นอย่างนั้น
พระเรานี้กรรมฐานเรานี้ที่อดอาหาร ท่านอดอาหารผอมโซแล้วทีนี้เทวดาองค์หนึ่งเคยเป็นแม่ของท่าน เวลาเงียบๆ กลางคืนจิตใจท่านเห็นจนกระทั่งถึงแม่นะ ถึงเทวดาที่เป็นแม่ นั่งเฝ้าท่านอยู่ที่นี่ เป็นห่วงลูก แล้วเวลาดึกๆ มาหาท่านเอาอาหารทิพมาลูบหลังให้ท่าน ท่านบอกโหไม่ได้ พระก็เป็นพระ โยมก็เป็นโยม ถึงเป็นโยมก็เป็นผู้หญิงว่าอย่างนั้น ไม่ได้ คือแม่จะไม่ให้ใครเห็นว่าอย่างนั้นนะ แม่บอกว่าแม่จะไม่ให้ใครเห็น จะให้เห็นแต่ลูกคนเดียว แม่สงสารเพราะอดอาหารหลายๆ วันไม่ฉันจังหัน แล้วผอมโซโตหล้า แล้วแม่อยากมาขอปฏิบัติอุปถัมภ์อุปัฏฐากว่าอย่างนั้น ปฏิบัติ อุปถัมภ์อุปัฏฐากอย่างไร ถามแม่นะ
รู้สึกว่ามีลักษณะตกใจ แม่จะไม่ให้ใครเห็นละว่าอย่างนั้น แม่กับเราก็ยังเห็นกันอยู่นี้คนอื่นทำไมเขาจะไม่เห็น แม่ไม่ให้เห็นไม่เห็น เอาจนกระทั่งพระลงใจ พูดกล่อมลูกชาย ลูกชายก็ไม่มีความกำหนัดยินดีนะ แม่เข้ามาหาก็ถือเป็นแม่ธรรมดาเลยนะ หากตกใจว่าเป็นเพศของพระ แม่เป็นแม่ก็จริงแต่เป็นเพศของผู้หญิง ตกใจไม่ให้เข้ามาใกล้ แม่จะไม่ให้ใคร เทวดานี้นั่งคอยดูอยู่ ท่านนั่งภาวนาท่านก็เห็นอยู่ท่านว่า นี่แม่จะเอาอาหารทิพเป็นอาหารทิพใส่มือแล้วมาลูบหลัง อาหารทิพนี้เวลาลูบหลังลงไปแล้วมันมีกำลัง ลูกก็ไม่ลงใจในเพศของแม่ เพราะเป็นแม่ก็จริงแต่เป็นผู้หญิงไม่ลงใจให้ทำ บอกว่าแม่จะไม่ให้ใครเลย จะให้เห็นเฉพาะลูก เพราะอำนาจแห่งความสงสาร แล้วมาหากันนี้ไม่ได้มาในฐานะอื่น มาในฐานะแม่กับลูก ลูกก็ไม่สนิทใจนะ เป็นแม่ก็จริงแต่ลูกก็เป็นพระว่าอย่างนั้น ไม่สมควร ลูกก็ไม่ให้ทำล่ะ คือแม่สงสารลูก อย่างนั้นก็มี
คือจิตมันเห็นนี่พวกเทพ นั่งคอยดูอยู่ก็เห็นอยู่ จิตมันสว่างมันเห็น จิตของนักภาวนามันหลายอย่าง จิตชนิดแพรวพราวมีเห็นใกล้เห็นไกลมี นี่มาก็อย่างว่าล่ะเอาจนกระทั่งเอาอาหารทิพมาลูบหลังให้ลูก ลูกก็ไม่ลงใจ ไม่เป็นอะไรละแม่จะไม่ให้ใครเห็น ให้เห็นเราเฉพาะแม่กับลูกเท่านี้ละ แล้วไม่มีความกำหนัดยินดีอะไรต่อกัน มันเป็นฐานะแม่กับลูกอยู่ดั้งเดิมว่าอย่างนั้น แม่เอาอาหารทิพมาลูบหลังลูกชาย พอลูบหลังลูกชายแล้วรู้สึกว่ามีกำลัง กำลังมี เรื่องความกำหนัดยินดีไม่มี แม่มาหาลูกลูกเป็นพระก็ไม่กำหนัด ลูกพบกับแม่ก็ไม่กำหนัด เพราะรู้สึกแม่กับลูกชัดๆ แล้วเวลานั้น
ทีนี้เวลาลูกนั่งภาวนาอยู่นี้แม่ก็ไปอยู่นี้คอยดูอยู่ คอยดูด้วยความเป็นห่วง แม่กับลูกต่างหาก ไม่ได้มีกิริยาอาการกิเลสอะไรแทรกขึ้นมา แม่คอยนั่งอยู่นั้นดูอยู่ นั่งภาวนาก็ดู ครั้นเวลาเงียบๆ มาล่ะแม่มากระซิบกระซาบ เพราะความห่วงใยความสงสารว่าแต่ก่อนเคยเป็นลูกของแม่ มานี้ก็มาเจอกันอีกล่ะ มันเคยทรมานกัน ลูกก็ไม่พอใจแต่แม่ก็สงสาร ให้ทำบ้าง คือให้เอาอาหารทิพใส่ฝ่ามือมาลูบหลังลูกชาย ลูกชายก็ตื่นเต้น ไม่มีนะคำว่ากำหนัดในหญิงในชายนี้ไม่มี ถือเป็นแม่กับลูกอยู่โดยดี แล้วไปนั่งภาวนาคอยดูลูก นั่งภาวนานี้แม่นั่งคอยดูอยู่เพราะลูกอดอาหาร ไม่ใช่อะไรนะอดอาหาร อดอาหารมันก็ผอมโซ แม่จึงได้เอาอาหารทิพมาลูบหลังให้
เป็นอย่างไรนักภาวนากรรมฐานท่าน มันมีอย่างนั้นจะให้ว่าอย่างไรมันมี แต่ท่านไม่มีความกำหนัดยินดีกัน มีในฐานะแม่กับลูกธรรมดา เป็นอย่างนั้น การภาวนามีได้ทุกอย่างนะ มีทุกอย่างมีทุกแบบ
มารดาเราคือตอนนั้นพ่อก็เสียใหม่ๆ เรามาทำศพพ่อ แล้วเราก็เป็นห่วงทางด้านจิตตภาวนา ทั้งเป็นห่วงโยมแม่ เราบอกว่าวันนี้จะไปค้างที่กกสะทอน เขานิมนต์ให้ไปฉันที่นั่น พอตอนเย็นๆ แม่แอบไปรออยู่ทางไปแต่เราไม่รู้ แม่ไปแอบดูอยู่ พ่อก็เสียไปใหม่ๆ ลูกไม่ได้ดีกับแม่เลย เกิดความน้อยใจ แม่เกิดความน้อยใจ ลูกก็ไปแบบลูกเลย พอมาทำบุญถึงพ่อเสร็จแล้วอยู่ได้สองวันลูกก็ไปคือเราก็ไป แม่ไปนั่งน้ำตาร่วงอยู่ทางที่ลูกไป แต่ลูกไม่เห็นนะ แม่ออกไปดูข้างทาง สถานที่พักของเราแม่ก็รู้อยู่ เวลาออกแม่ก็ไปรอยู่นู้นคอยดูลูก เรื่องพ่อเสียไปก็คิดห่วงใยเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ลูกมาทำบุญหาพ่อแล้วลูกก็จะไป ไม่อยู่หลายวัน พอทำเสร็จแล้วลูกก็ไป ทีนี้แม่บอกว่าแม่จึงน้ำตาร่วง ทั้งคิดพ่อทั้งจะคิดถึงลูก ลูกก็จะไปแบบลูกไปภาวนา พ่อไปที่ไหนก็ไม่รู้แหละ นี่หมายถึงแม่ละเล่าให้ฟังนะ เรื่องคิดถึงพ่อถึงแม่ทำไมจะไม่คิด แต่เรื่องธรรมเป็นเรื่องใหญ่โต เราต้องหักใจใส่ธรรม
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|