มหาองค์นี้มันโง่ถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2543 เวลา 8:00 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๓

มหาองค์นี้มันโง่ถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ

ทองคำเมื่อวานนี้พักเครื่อง ดอลลาร์ได้ ๑๑๐ ดอลล์ รวมทองคำทั้งหมดได้ ๒๒๕๙ กิโล ยังขาดทองคำอยู่อีก ๑๗๔๑ กิโล จะครบจำนวน ๔๐๐๐ กิโล กรุณาทราบไว้ตลอดไป หนุนเข้ามาเรื่อย ต้องหนุนเรื่อย ๆ ไปเลยนะ นี่ใครได้ไปหาเตรียมน้ำแล้วยัง น้ำเตรียมมารดศพ เมื่อวานนี้ทองคำตาย ได้หาน้ำมารดศพทองคำเมื่อวานนี้ ทองคำตาย ถ้ารดบางทีอาจจะฟื้นก็ได้ หรือรด กุสลา กันไปเลยก็ไม่ทราบ เมื่อวานนี้ทองคำตาย หมดทั้งประเทศไทยทองคำไม่ได้สักสตางค์เลย แสดงว่าตายกันทั้งประเทศเมื่อวาน สลบนะ ใครจะมาเป่าฟู่ ๆ ขึ้นให้ฟื้นเป่านะ ไม่เป่าแล้วจมไปเลยนะ เมื่อวานนี้ ๖๒ ล้านคนทองคำไม่ได้แม้สตางค์นึง เป็นยังไงชาติไทยเรา จะว่าแต่พักเครื่อง ๆ พักเครื่องมันจะลงทะเลนี่ พักไปพักมาใช่ไหมล่ะ ไม่ได้ ต้องดีดซิ เตรียม กุสลา ธมฺมา เตรียม กุสลา ทองคำ แล้วเตรียมน้ำรดให้ฟื้น ไม่ฟื้นก็เรียกว่าน้ำอาบศพไปเลย ศพทองคำเมื่อวานนี้

วันนี้วันที่ ๗ วันที่ ๘ พัก วันที่ ๙ ก็ไปหนองผือ พักค้างนั้นคืนนึง ตอนกลางคืนก็เทศน์ ตอนเช้าไม่ค่อยมีอะไร ก็พูดเป็นธรรมดา หลังจากนั้นแล้วก็ออกเดินทางไปกุดไห เขานิมนต์ไปรับผ้าป่าเขา เพราะเราเคยไปพักไปอยู่ที่นั่นที่กุดไหน่ะ พอรับผ้าป่าเสร็จแล้วก็ออกเดินทางกลับมาทางวาริชภูมิ วันที่ ๑๐ นะ ค้างที่หนองผือคืนนึง ถ้าเรื่องพ่อแม่ครูจารย์แล้วเราอ่อนไปเลยทุกอย่าง อ่อนนิ่ม กราบราบเลย ถึงขนาดนั้นนะเราถึงใจกับพ่อแม่ครูจารย์มั่น ว่าอะไรเราก็ไม่ถนัด ถ้าว่าทั้งพ่อทั้งแม่แล้วซึ้งนะ เพราะฉะนั้นจึงเรียกพ่อแม่ครูจารย์

อย่างที่พูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังก่อนฉันจังหัน พูดถึงเรื่องท่านเอาผ้าห่มท่านไปบังสุกุลให้เรา ฟังซิน่ะ ท่านทำกับเรานี่ ในหนองผือเราไม่เคยเห็นที่ไหนท่านทำกับใครนะ แต่กับเรานี่ทำให้สะดุดตลอดเวลา ไปบิณฑบาตมานี้เราได้อะไร เพื่อนฝูงมีมากขนาดไหนเราไม่สนใจกับใครเลย ท่านจับเราได้ยังไง เราไม่ได้บอกว่าเราสมาทานธุดงค์นะ คือเอาเฉพาะของที่ตกมาในบาตรเท่านั้น นอกนั้นไม่เอาเลย บิณฑบาตได้มากี่ชิ้นก็ตามไม่สนใจ มาจัดปุ๊บปั๊บ ๆ พอเสร็จแล้วเราก็เอาฝาบาตรปิดปุ๊บ แล้วเอาผ้าอาบน้ำทับแล้วสอดเข้าไปไว้ข้างฝา พระยุ่งไม่ได้นะ จากนั้นปั๊บก็มาจัดอาหารถวายท่านทุกอย่าง ๆ

เราจะดูแลทุกอย่างหมดเลย ถึงไปนั่งฉัน แล้วอยู่ ๆ ท่านเตรียมของท่านไว้แล้ว พอเราเอาบาตรของเราออกมาจัดจะฉัน คือได้อะไรก็ช่างเถอะเราไม่ได้สนใจขนาดนั้นแหละ เรื่องอาหารการขบการฉัน เรียกว่ามันพุ่ง ๆ อยู่กับธรรมอย่างว่าละซิ เพราะฉะนั้นมันถึงรุนแรง ทุกอย่างรุนแรงเพื่อธรรม ๆ เป็นตายไม่สนใจ เรื่องความมุ่งมั่นต่อธรรมนี่มุ่งขนาดนั้น ทีนี้พอมานั่งจะฉันแล้ว ท่านจัดไว้แล้วนะในบาตรของท่าน ปุ๊บปั๊บมาแล้ว เอ้า ใส่บาตรหน่อย ๆ ศรัทธามาสาย ๆ ก็ท่านทำเราจะทำยังไง ท่านมาเปิดฝาบาตร เปิดปุ๊บท่านใส่เลย เราก็นิ่งเพราะความเคารพ ถ้าท่านใส่ให้ก็ฉันทุกครั้งเลย

นาน ๆ ท่านจะใส่ให้ทีนึง ท่านก็ไม่ซ้ำซากนะ ใครจะเหมือนท่านว่างี้เลย จอมปราชญ์สมัยปัจจุบันหาที่ต้องติไม่ได้ เราพูดอย่างนี้เลย หลวงปู่มั่นนี่จอมปราชญ์ในสมัยปัจจุบัน รอบทั้งข้างนอกข้างในหมดเลย มาใส่บาตรปุ๊บปั๊บถึงแล้วนะ ท่านนั่งอยู่นั้น เรานั่งอยู่นี้ ท่านเตรียมไว้แต่เมื่อไรเราไม่รู้ ปุ๊บปั๊บมา ขอใส่บาตรหน่อย ๆ ศรัทธามาสาย หรือบางทีก็ว่าสมณะบริโภค คือธรรมดาใครมาใส่เราไม่ได้ พระเณรกลัวทั้งวัดนั่นแหละ รองพ่อแม่ครูจารย์ลงมา ไม่ใช่คุยนะ กลัวจริง ๆ พระเณรกลัวมากกลัวเรา เพราะนิสัยเป็นอย่างที่เห็นนี่ละ

ยิ่งอยู่กับพ่อแม่ครูจารย์เวลาหนุ่มน้อยมันยิ่งคล่องตัวกว่านี้ ทุกสิ่งทุกอย่างถึงหมด ๆ กับพระกับเณรนี่เห็นเรานี้ โอ๋ย หมอบราบไปเลย ระวัง กลัว ท่านก็ยังใส่บาตรเรา สรุปความลงแล้วนะ ท่านใส่ นาน ๆ ท่านใส่สักทีนึง ท่านรู้ได้ยังไงว่าเราสมาทานธุดงค์ ใส่บาตรนี้ก็เป็นที่ประทับใจ แล้วท่านไปดูเราได้ยังไงว่า เราห่มผ้าห่มผ้าผวยหรือไม่ ท่านยังเอาผ้าของท่านเอง ท่านห่มอยู่ทุกวัน ก็เราตากเราพับเราเก็บทุกวัน ก็เราเป็นผู้ดูแลอยู่ตลอด เวลาเราไม่อยู่ล่ะซี ท่านก็เอาผ้าพับเรียบร้อย ดูทุกอย่างนะเราก็ดี พับอย่างเรียบร้อยทุกอย่าง แล้วก็เอาเทียน มีดอกไม้ แล้วไปเหน็บไว้ข้างบน วางบนที่นอนเราเลยนะ พอเราไปปุ๊บ มาดู เอ้า ใครเอาผ้ามาบังสุกุล อุ๊ยตาย นี่มันผ้าพ่อแม่ครูจารย์นี่ ก็เราเก็บเราพับเราตากอยู่ทุกวัน แล้วกันทำไง

เราก็ยกมือไหว้กราบท่านแล้วก็ชักบังสุกุล ผ้าผืนนั้นเราห่ม แน่ะก็อย่างนั้นแล้ว คือท่านไม่ได้เอาผืนใหม่มาบังสุกุลนะ ท่านกลัวเราไม่ใช้ ท่านเอาของท่านเองเลย ท่านมัดเราแบบนั้น เข้าใจไหมล่ะ เอาผ้าท่านห่มอยู่ทุกวัน ๆ มาบังสุกุลเราเลย นี่เราก็ได้ห่ม แล้วท่านรู้ได้ยังไงว่าเราไม่ห่มผ้าห่ม ดูซิ พระเณรทั้งวัดรู้หรือไม่รู้ก็ไม่ทราบ แต่ท่านทำไมรู้ พิจารณาซิ นี่อันหนึ่งที่ถึงใจเรา อีกอันหนึ่งพูดกันตกลงถึงเรื่องว่าจะไปเอาเปลือกน่อง ไปย่นเปลือกน่อง ท่านพูดปรารภถึงเปลือกน่อง มันนิ่มดีนะท่านว่า แต่ว่าแถวนี้ไม่มี โอ้ มีเราว่างั้น มีอยู่ที่ไหนท่านถาม อยู่ที่นั่นภูเขาทางทิศใต้สกลฯ เราไปเที่ยวทางโน้นมา โอ๊ย มี ทางโน้นมีเยอะ มีเท่าต้นเสา ๆ ย่นพอดี ๆ กระผมจะไปหามาให้เราบอกงี้เลย ท่านก็ไม่ว่าอะไร

เราก็กราบเรียนย้ำเข้าอีก ท่านก็เหมือนอนุญาตด้วยความนิ่งแหละ พอตกลงแล้วเราจะไปเอาเปลือกน่องนี้ มีมากว่างั้น อยู่หน้าถ้ำ จะให้ญาติโยมเขาไปหาให้ สั้นยาวขนาดไหนได้ทั้งนั้น ทีนี้เวลาตกลงกันเรียบร้อยแล้ว วันพรุ่งนี้เช้าเราจะออกแต่เช้า เข้าไปกราบเรียนท่านตอนกลางคืนตอนค่ำ ว่าวันพรุ่งนี้เช้ากระผมจะได้ออกแต่เช้าเลย พอสว่างก็ออกเลยออกไปฉันจังหันที่โน่น ถนนใหญ่ทางไปสกลนคร ต้องข้ามภูเขาออกไป ไปฉันบ้านบางยาง ทีนี้เราก็จัดบริขารของเรา อะไร ๆ ที่จำเป็น ๆ ใส่ย่ามใบหนึ่งไว้แล้วก็เอาไปวางไว้ที่นอนเรานั่นแหละ เราก็สั่งเสียพระไว้ นี่วันพรุ่งนี้เช้าผมจะออกแต่เช้า พอฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วให้เอาย่ามนี้ไปเก็บเสียนะ

คือหนูมันกัดแหลกหมด ต้องเอาเก็บไว้เป็นที่ แล้วให้พระไปเก็บไว้เสีย สั่งพระเรียบร้อยแล้ว พอตอนเช้าเราก็ออกแต่เช้าเลย ทีนี้พอฉันจังหันเสร็จแล้ว ปกติท่านก็ไม่คุยกับใคร นอกจากพูดกับเราบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนฉันเสร็จแล้วคุยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่พระเณรเล่าให้ฟังนะ ฉันเสร็จแล้วปุ๊บปั๊บลุกไปเลย ตรงแน่วไปกุฏิเราเลย กุฏิเรามันอยู่เตี้ย ๆ ท่านขึ้นไปเลย ย่ามเราก็วางอยู่นั้นที่เราสั่งพระเรียบร้อยแล้วให้พระไปเก็บ กลัวหนูจะมากัดตอนกลางคืนที่เราไม่อยู่ เพราะจะไปค้างหลายคืนอยู่ สักสามสี่คืนนั่นละ

ท่านบึ่งจากนี้ไปก็ขึ้นกุฏิเราเลย ไปเอาย่ามเราออกมา สะพายลงมาเลยเทียวนะ ลงมานี้พระเณรก็รุมเข้ามา ใครก็ไม่กล้าเข้าไปหาท่าน กุลีกุจอจะไปเอาย่ามกับท่านอะไร ท่านขู่ไว้แล้ว อย่ามายุ่ง นั่นเห็นไหมคำเดียวเท่านั้น ท่านสะพายย่ามเรานี้ไปกุฏิเลย พอไปถึงกุฏิ พระก็รุมขึ้นไป นี่รู้ไหมว่าท่านมหาไปทำประโยชน์ แล้วย่ามท่านที่อยู่กุฏิท่านไม่เห็นมีใครมาเก็บมารักษา ท่านว่างั้นนะ คือท่านก็รู้ว่าหนู เพราะหนูมันชุม พระเลยกราบเรียนท่านว่า ท่านได้สั่งพวกกระผมไว้เรียบร้อยแล้วก่อนที่ท่านจะไป ท่านจัดอะไรใส่ย่ามไว้แล้ว ให้พากันไปเก็บเสียไม่งั้นหนูจะกัด นี่ฉันจังหันเสร็จแล้วถึงจะไปเอามา พอดีพ่อแม่ครูจารย์ก็เลยไปเอามาก่อน ท่านนิ่งนะคราวนี้

ทีแรกท่านขู่เสียก่อน พอเล่าเหตุผลให้ท่านฟังเรียบร้อยแล้วท่านก็เลยนิ่ง แล้วพระก็เลยคลานเข้ามามาเอาย่าม ท่านไม่ว่าอะไรนะ เอาไป คือท่านได้สั่งไว้แล้วว่าฉันจังหันเสร็จแล้วถึงจะไปเอาย่ามนี้ไปเก็บไว้ แต่พ่อแม่ครูจารย์ไปเอามาก่อน ท่านก็นิ่ง นั่นผ่านไปละ อย่างนี้ละท่านทำกับเรา โอ๋ ทำอย่างนี้นะ เรดาร์ท่านจะจับตลอดเลย ไม่ทราบเป็นยังไงกับเรา เรมืดของเราก็จับตลอดเหมือนกัน ท่านจับเรดาร์ตาสว่างใช่ไหมล่ะ หลวงปู่มั่นท่านจับด้วยเรดาร์ตาสว่าง เราจับด้วยเรมืดของเรา หัวชนไปเลย เราก็จับท่านเต็มกำลังของเราเหมือนกัน แต่สุดท้ายผลเราหน้าผากแตกทุกที หงายทุกทีสู้ท่านไม่ได้ เห็นไหมคนตาบอดกับคนตาดี เป็นอย่างนั้นละ เป็นที่ให้เราระลึกตลอดเวลานะ

ยิ่งท่านจวนเข้ามาเท่าไร ยิ่งรู้สึกว่าจับตลอดเลย เคลื่อนไปไหนรู้หมด อะไรเคลื่อนไหว อาหารการบริโภคอะไรที่เราเห็นว่าท่านชอบฉันชอบอะไรนี้ เรามาอุดรฯ แต่ละครั้งนี่ หาอุบายมานะมาอุดรฯ ความจริงตั้งใจมาหาเอาของ ต้องหาอุบายมาอย่างนั้นอย่างนี้ อุบายที่ท่านจะอนุญาต พอท่านอนุญาตแล้วมา แล้วสั่งโยมให้เขาไปเอาของมา อันไหนที่ท่านฉันสั่งเลย ๆ จัดใส่เข่ง ๆ เต็มเข่งแล้วขึ้นรถไปเลย พอไปถึง พรรณนา แล้วเอาล้อเอาเกวียนเขามาใส่เต็มไปเลย ทุกครั้งที่เราไปเราทำอย่างนั้น

เวลาไปก็ต้องมีอุบาย พยายามจะไม่ให้ท่านจับได้ ไปก็ไปหาแก่นขนุนบ้าง อะไรที่จำเป็นที่เป็นสาธารณะที่จะไม่ถูกตีหน้าผากเรา หาเอาแก่นขนุนท่อนแค่นี้ก็เอาใส่ในล้อไปเป็นข้อแก้ตัว เวลาจำเป็นจะเอานี้เป็นข้อแก้ตัว ส่วนของที่เอาไปถวายท่านเต็มล้อเทียวนะ พอถึงปั๊บให้เณรมาขนปุ๊บ ๆ ๆ เข้าไปซ่อนไว้หมดไม่ให้ท่านเห็น แต่ก่อนไม่มีรถ มีแต่พวกล้อพวกเกวียน พอไปถึงที่แล้ว ไม่ให้เข้าไปลึกนะกลัวท่านจะมองเห็น ต้องจอดไว้ข้างนอกแล้วก็ขนออกไปกระต๊อบเก็บไว้ที่ไหนดี ๆ เณรเพ็งนี่ละ เพ็ง ถ้ำกลองเพลนี่ผู้ที่คอยปฏิบัติกับเรา มาทีไรก็อย่างนั้น แก่นขนุนนี่ก็ไปเอาไว้ นี่ละแก่นแก้ตัว แล้วก็คอยดูท่าน

พอเรียบร้อยแล้วก็ไปหาท่าน ท่านก็ทราบว่าเรามาแล้ว ตอนเช้าเราก็สังเกต โอ๋ย ไม่ใช่เล่นนะ เดินบิณฑบาตออกมานี้ตาท่านส่าย ๆ รอยล้อรอยเกวียนเราเอาไม้กวาดไปกวาดไว้หมดนะไม่ให้เห็น นี่พูดถึงเรื่องว่าต่างคนต่างจับกันว่างั้นเถอะนะ สู้ท่านไม่ได้ เราปัดกวาดทางเข้าไป รอยล้อรอยเกวียนไม่ให้เห็นเลยนะ เอาไม้กวาดไปกวาดออกตลอดไม่ให้เห็นเลยละ เราก็ว่าเรารอบคอบตาดี ทีนี้ตอนเช้าท่านออกไปบิณฑบาต ตาท่านจับจนได้ไปเห็นรอยล้ออยู่นั้น กวาดไม่หมด นี่รอยเกวียนมาจากไหน เอาอีกละ กูตายที่นี่ ก็คว้าเอาแก่นขนุนมาล่ะซีเรา ก็เราหาเป็นข้อแก้ตัวไว้แล้ว อ๋อ มาจาก พรรณา เห็นแก่นขนุนดี ๆ ก็เลยเอาแก่นขนุนมา ท่านก็คงนึกขนุนใหญ่นั่นแหละ มหาโจรมันเอามาคงว่างั้น ท่านก็เลยนิ่งเลยนะ นี่เห็นไหมท่านจับได้แล้วนั่น

นี้รอยเกวียนมาจากไหนนี่ จี้เข้าไปเลย อ๋อ รอยเกวียนเอาแก่นขนุนมา เห็นแก่นขนุนดี ๆ เลยเอามาใช้หน่อย ท่านนิ่ง ท่านคงนึกว่านี่แก่นขนุนใหญ่นั่นแหละ ส่วนใหญ่มันเอาหนีหมดแล้วเข้าใจไหม แก่นขนุนใหญ่ อย่างนี้ละท่านจับตลอดนะ เราเอาไว้ดีขนาดไหนก็ตาม นั่นเห็นไหมล่ะ อยู่ ๆ ปัดกวาด ๆ เดินปัดโน้นปัดนี้ไปเปิดกุฏิที่นั่นจนได้ เห็นไหมล่ะ เราเอาไว้ลึก ๆ เสียด้วยนะ บทเวลาจะเจอ ปัดโน้นปัดนี้ มองโน้นมองนี้ กวาดนั้นกวาดนี้ ไปถึงนั้นเปิดออกเลย โถ อะไรเต็มอยู่นี่ อู๊ย เราจะตายเราหาข้อแก้ตัว ตามอยู่อย่างนั้นตลอดนะกับเรา

พ่อแม่ครูจารย์มั่นนี้ โอ๋ย ตามจริง ๆ นะ จับทั้งส่วนหยาบ ส่วนละเอียด จับหมดเลย เพราะฉะนั้นเราถึงเทิดทูนสุดยอดล่ะซิ อะไรก็ตามท่านเห็นหมดนี่นะ เราพยายามทำแบบไหนท่านเห็นหมด แต่ท่านก็พอที่จะคิดบ้างว่า นี่มันก็ต้องใช้ปัญญาเต็มภูมิมันนั่นแหละ ความหมายว่างั้นนะ ปัญญานี้มันปัญญาอึ่ง มันคงใช้ปัญญาเต็มภูมิ เพราะทดลองเรามาตลอด จับตรงไหนเราก็มีพลิกแป๊บออกเสีย จับตรงนี้พลิกออกนี้ อย่างจับที่ว่าล้อเกวียน ก็เอาแก่นขนุนออกอวดเสีย สู้กันไปเรื่อย เป็นอย่างนั้นละ

เรื่องพ่อแม่ครูจารย์นี้ โอ๊ย ฉลาดจริง ๆ นะ เพราะฉะนั้นเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับพ่อแม่ครูจารย์มั่นนี้ ลงทันที ๆ เลย เราสุดกำลังความสามารถของเราที่จะพินิจพิจารณาสังเกตสังกาท่าน ไม่ว่าหลักธรรมหลักวินัย ไม่มีเคลื่อนคลาดเลย เพราะเราก็เรียนมาเหมือนกันนี่ นี่ละที่เราเทิดทูนสุดยอดก็คือเรื่องความฉลาดแหลมคมของท่าน การปฏิบัตินี้ตรงแน่วตามตำรับตำราเลยนะ ตรงแน่วเลย เพราะต่างคนต่างเรียนก็รู้ ผิดพลาดตรงไหนก็รู้ นี่ไม่ผิดนี่ ตรงไหนท่านเก็บหอมรอมริบ ไม่มีเรี่ยราดสาดกระจายนะ เก็บเรียบหมด พระวินัยข้อไหน ๆ โอ๊ย ท่านเก็บเรียบ เราจึงได้เทิดทูนท่าน พรรณนาไม่หมดนะเรื่องที่เรดาร์ท่านจับเรานี่ ท่านจับจริง ๆ ไม่ใช่ธรรมดา

ก็คงจะเป็นความเมตตามากของท่านก็ได้ ก็รู้สึกว่าท่านเบาใจนะเวลาเราอยู่ที่นั่น พระเณรจะเรียบไปหมดเลย เพราะเราอยู่อย่างนี้ตลอดเวลากับพระกับเณร ไม่ให้มากระทบกระเทือนท่านได้ ให้ท่านอยู่ผาสุกร่มเย็นเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร พวกเราปฏิบัติกันเต็มความสามารถด้วยความสงบเรียบร้อย เราเป็นผู้ควบคุมอยู่ตลอดเวลา อย่างนี้ละเราปฏิบัติต่อท่าน ยิ่งท่านป่วยท่านหนักเข้าเท่าไร เรานี้ โอ๊ย เหมือนว่านอนอยู่งีบเดียวเท่านั้นนะ ตื่นพับไปแล้ว ดูทุกอย่าง ท่านก็รู้สึกว่าท่านเมตตามากกับเรานะ ท่านเมตตามาก

ท่านดัดเราหนหนึ่งเราก็ไม่ลืม ไม้กวาด เราไปเดินจงกรมอยู่ในป่า ถึงเวลาปัดกวาดเราออกมา ไม้กวาดที่สอดไว้ใต้พื้นกุฏิเราก็ก้มเข้าไปจะเอาไม้กวาดไปปัด แล้วเห็นไม้กวาดอันหนึ่งที่เราทิ้งในป่าแล้วนะมาเหน็บอยู่นั่น ไม้กวาดนั้นเราเข้าใจว่าใช้ไม่ได้แล้ว เราก็ทิ้งเข้าป่าข้างทางโน่น ข้างทางผ่านไปมา ทิ้งอยู่ข้างทาง ทิ้งเข้าไป เวลาเรามามือเอื้อมเข้าไปที่จะเอาไม้กวาดที่จะไปปัดกวาดนะ ไปมองเห็นไม้กวาดคันนี้ละ คันที่เราทิ้งแล้วนี้ อ้าว ไม้กวาดนี้มันมาได้ยังไง จับเอาไม้กวาดออกมา อ๋อ ไม้กวาดนี้เป็นไม้กวาดที่เราทิ้ง ก็ไปดูไม้กวาดนั้น เห็นก็ชัดแล้วก็ไปดูซ้ำอีกทีนึง ไม่เห็น โห ใครเอามาเหน็บไว้นี้ คงเป็นพ่อแม่ครูจารย์แหละสอนเรา ท่านสอนเรา

เรามา ออกจากนี้ก็ดูรอยท่านเดินไปทางโน้น ไปทางสุดวัด ทางจงกรมเราอยู่ลึก ๆ โน่น ไปนั้นแล้วท่านกลับ ท่านไปเห็นไม้กวาด ท่านไปเอาไม้กวาดออกมาเหน็บไว้แล้วท่านก็เดินด้อมไป ดูรอยรองเท้าท่าน โอ๋ย ใช่แล้ว หมอบเลยเราก็ดี ตั้งแต่นั้นมาไม้กวาดนี้ถ้าพอซ่อมได้ยังไงเราจะซ่อมเต็มเหนี่ยวเลยนะ นี่แสดงว่ามันพอใช้ได้อยู่เอาไปทิ้งทำไม ความหมายว่างั้น ท่านเทศน์สอนเรา ตั้งแต่นั้นมาก็เป็นอาจารย์เอกทีเดียว ไม้กวาดนี่ต้องซ่อมต้องอะไรเรียบร้อย จนใช้ไม่ได้แล้วถึงจะทิ้ง ถ้าทิ้งครั้งที่สองนี้น่าจะเอามาตีหน้าผากเรา ครั้งนี้ยังไม่ตี อย่างนั้นละท่านสอนเรา อุบายท่าน เราก็ปฏิบัติตามนั้นเลยนะ

นี่ละพ่อแม่ครูจารย์มั่น ในสมัยปัจจุบันนี้เราพูดจริง ๆ ว่าเราเป็นนักล่าอาจารย์ก็ไม่ผิด เพราะเราเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไม่ว่าด้านปริยัติ ด้านปฏิบัติ เราเข้านอกออกในได้หมด วัดราษฎร์ วัดหลวง วัดใหญ่ วัดน้อย ที่ไหน ทางปริยัติทางปฏิบัติ เราเข้าหมด เพราะฉะนั้นเวลาพูดถึงพูดได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยน่ะซิ ไม่มีใครเหมือนว่างั้นเลยนะผ่านมาทั่วประเทศไทย เราไม่ได้เหยียบย่ำครูบาอาจารย์องค์ใด ไม่เหมือนก็บอกไม่เหมือน พูดอะไรเป็นอันนั้นทุกอย่าง ท่านไม่มีคำว่าเหลาะแหละ ว่าอย่างไรเป็นอย่างนั้น ๆ ไปเลย คำพูดกับความรู้สึกของท่านจะออกตรงแน่ว ๆ เลย พูดอย่างไรเป็นอย่างนั้น ๆ เลย ไม่มีคำว่าเหลาะแหละ จึงเป็นคติได้อย่างเอกทีเดียว

เวลาท่านจวนเข้าไปเท่าไร เรายิ่งติดแนบ ๆ ตลอด ๆ หนีไปไหนไม่ได้เลย คอยดูคอยสังเกต คอยเตือนพระเตือนเณรให้ปฏิบัติต่อท่าน ให้เป็นความสงบร่มเย็นเฉพาะท่าน ไม่ให้มีอะไรมากระทบกระเทือน เราต้องเอาอย่างหนักทีเดียว เรื่องอาหารการฉันนี้อะไรที่ถูกกับธาตุกับขันธ์ของท่าน ก็เราเป็นผู้ปฏิบัติอยู่ตลอด ท่านชอบฉันอะไรบ้างเราสังเกตอยู่ตลอด อันไหนที่ท่านเมตตาท่านฉัน เห็นว่าถูกกับธาตุกับขันธ์ท่าน เราจะไปหาสิ่งนั้นละมา ฟาดมาเป็นเข่ง ๆ อะไรก็ดี อะไรถูกก็ตามต้องเอามาอย่างเต็มเหนี่ยว เพราะฉะนั้นจึงมาอุดรฯ หาอุบายมา ไม่มีอุบายไม่ได้นะ ต้องมีอุบายเต็มตัว ข้อแก้ตัวมาเต็มตัวเลย ท่านอนุญาตให้มา มาก็ไปกว้านหา ให้เขาไปหากว้านในตลาดใส่เข่ง ๆ เต็มที่แล้ว เอาละทีนี้กลับ

พอกลับไปก็แบบนั้นละ ไปต้องแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ตลอดนะ ไม่ใช่หนหนึ่งหนเดียว เอาเรื่อยไปเรื่อย ทีนี้ถ้าไปเที่ยวทางไหนก็อีกละในป่าในเขา มีอะไรที่ถูกกับธาตุกับขันธ์ท่านก็ไปหาเอามาอีก อยู่ในป่านู่นนะ ก็ไม่ได้นึกว่าท่านจะรู้ บทเวลาท่านใส่นี้ โอ๋ย ใส่นี้หงายหมาเลย ไม่ได้หงายธรรมดา ไม่มีท่าต่อสู้ สู้ท่านไม่ได้ว่างั้นเถอะ เปรี้ยงทีเดียวหงายเลย ทีแรกท่านก็ทำท่าอุบายเสียก่อนนะ

พระเรานี้แต่ละองค์ ๆ นิสัยไม่เหมือนกัน ท่านว่าอย่างนี้ขึ้นก่อนนะ ตอนจะฉัน ท่านเอาตอนที่ปิดประตูตีหมาเพื่อมันจะได้ขี้ทะลักออก ปิดประตูตีแมวเราไม่อยากพูด เราพูดปิดประตูตีหมาเหมาะ เรานั่งอยู่นี้ ก็ท่านนั่งอยู่นั้นจะฉัน พระเณรเรานี้นิสัยไม่เหมือนกัน องค์หนึ่งเด่นทางหนึ่ง ๆ แล้วก็ยกขึ้น ท่านกงมาก็เด่นทางนั้น อันนั้นมาทีไรต้องได้ผ้ามาเป็นไม้ ๆ ทั้ง ๆ ที่ผ้าหายากนะ สมัยนั้นสงครามโลกผ้าหายาก ทางโน้นมาทีไรเอาผ้ามาเป็นไม้ ๆ มาเลย ท่านหามาแต่ไหนก็ไม่รู้แหละ อาจารย์สีลา บ้านวา อากาศอำนวย นี้เก่งทางมีดโกนทอง มาทีไรเป็นกำ ๆ เป็นมัด ๆ มาเลย แจกพระเณรได้ทั่วทั้งวัด องค์นั้นเก่งทางนั้นๆ เราก็ฟังไปอย่างนั้นแหละ องค์นั้นเด่นทางนั้น ๆ เราก็มีแต่เพลินฟัง ทั้งอ้าปาก ไม่สนใจนะ

เปี๊ยะตรงนี้ถึงได้รู้ บทเวลาท่านจะเอาเราท่านไม่ได้ทำธรรมดานะ ทีแรกท่านก็พูดธรรมดา ๆ องค์นี้เด่นทางนั้น องค์นั้นเด่นทางนั้น ๆ พอหมดแล้วทีนี้ก็หันมาหาเรา ตัวยุ่งที่สุดคือตัวนี้ ชี้เลย นี่ยุ่งที่สุด ไปที่ไหนอะไรแหลกไปเลย ไปที่ไหนอะไรแหลกไปเลย คือเราไปหากว้านเอามา กูตาย เอาแล้วที่นี่ สู้ท่านได้ยังไง เรามีแต่เพลินฟังท่าน เวลาท่านจะฟาดเรานี้เราไม่ได้ดู ท่านใส่เอาอย่างถนัด ตัวยุ่งที่สุดคือตัวนี้ว่างั้นเลย ชี้นิ้วด้วยนะ โถ อะไร ๆ ที่ไหนมันไปยุ่งเอาหมด ท่านรวมทีเดียวเลย อะไรอยู่ที่ไหนมันไปเห็นหมด ไปยุ่งหมดนั่นแหละ เราก็หมอบ ก็มันเป็นความจริง นึกว่าท่านจะไม่รู้ เห็นไหมล่ะ อย่างนั้นแล้วเวลาท่านตี

เอาทีนี้เรื่องรับพระเณรก็เหมือนกันนะ เรานี้เรียกว่ารับหมู่เพื่อนในวัด เด็ดดุก็อยู่กับเรา แต่เวลาจำเป็นนี้เราตัดคอเข้ารอง ๆ ใครผิดที่ไหนเราก็หาอุบายสอดเข้าไป หาอุบายเข้าไปได้ ไม่ได้แต่งขึ้นนะ มันหากมีเงื่อนพอเข้าถึงได้เราก็ไป อันนั้นผิดอย่างนั้นผิดอย่างนี้ เราก็บอกว่าเรื่องราวมันเกี่ยวกับเรื่องกระผม เราสั่งให้หมู่เพื่อนทำอย่างนั้น ๆ เราก็ว่าไป ท่านขนาบพระองค์นี้ พอมาถึงเรา เราเป็นคนผิดแล้วท่านก็นิ่งเสีย นิ่งหนหนึ่ง นิ่งสองหน นิ่งหลายหนต่อหลายหน พระเณรไม่ใช่น้อยองค์นี่ เดี๋ยวองค์นั้นผิดอย่างนั้น องค์นี้ผิดอย่างนี้ มีแต่เราเป็นผู้ไปตัดคอรอง ครั้นนาน ๆ เข้าก็เอาตอนฉันจังหันนั่นละ ตอนเงียบ ๆ

บทเวลาจะขึ้น พระเณรผิดท้ายวัดหัววัดก็มหาผิด ขึ้นแล้วนะ พระเณรหูหนวกตาบอดผิดก็มหาผิด เป็นใบ้เป็นบอผิดก็มหาผิด ๆ ทั่วทั้งวัด พระเณรหูหนวกตาบอดเป็นบ้าเป็นบอมาจากไหน เข้ามาในเขตวัดนี้ มีแต่ผู้ถูกทั้งหมด มหาผิดคนเดียว นั่นเอาแล้วนะบัดเวลาจะเอา เหอ มหาองค์นี้มันโง่ถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ ท่านรู้แล้วว่าเราตัดคอรองหมู่เพื่อน เราก็หมอบเสีย อย่างนั้นละเห็นไหม ท่านจับได้หมด เวลาพระเณรจะเป็นจะตายเราก็ตัดคอรอง แต่เวลาออกมาแล้วก็สอน อย่างน้อยก็สอน มากกว่านั้นจับบิดเอาเลย ทำไมทำอย่างนั้น ๆ จี้เอาเลย ก็เราเป็นคนรองออกมาแล้ว นั่นละไม่ได้นึกว่าท่านจะรู้จะจับได้ เห็นไหมล่ะ จับได้หมดเลย อย่างนี้ซิเราถึงได้เทิดทูน อะไร ๆ ก็มหาผิด ๆ เหอ มหาองค์นี้จะโง่ถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ ท่านรู้แล้วว่าเราเอาหมู่เอาเพื่อน ความหมายก็ว่างั้นแหละ

เรื่องวัตถุเครื่องก่อสร้างนี้ไปยุ่งกับท่านไม่ได้นะ ฟังซิ นี่ละแบบฉบับของพระพุทธเจ้าจริง ๆ บวชแล้วไล่พระเข้าไปทุกองค์ เว้นไม่ได้นะ รุกฺขมูลเสนาสนํ นี่ คือบรรพชาอุปสมบทแล้วให้เธอทั้งหลายเข้าไปอยู่ในรุกขมูลร่มไม้ ในป่าในเขา ไล่เข้าเลย ๆ ทุกองค์ โอวาทข้อนี้ไม่เว้นแต่องค์เดียว ใครบวชต้องได้รับโอวาทข้อนี้ อุปัชฌาย์จะรังเกียจในการอยู่ป่าอยู่เขาขนาดไหน ต้องสอนวิชานี้ต่อพระผู้บวชใหม่ทุกองค์ ไม่สอน..ผิด หลักของอุปัชฌาย์ต้องได้สอน

พระพุทธเจ้าไล่เข้าป่า แล้วไม่สนใจเรื่องการก่อการสร้างนั้นนี้ ไม่มี มีแต่เรื่องสมาธิ เรื่องปัญญา เดินจงกรมภาวนาตลอด ๆ องค์ไหนเข้ามาหา ถามเป็นยังไง เป็นยังไงคือถามจิตเลยนะ สร้างศาลาได้หลังขนาดไหน ได้กี่หลัง สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร ได้กี่หลังไม่เคยมี ไม่เคยถามนะ มาก็ ไปอยู่ในป่านั้นเป็นยังไง ในเขาลูกนั้นเป็นยังไงการภาวนา จี้เข้าตรงนี้ นี่ละตำราท่านสอนอย่างนี้ องค์ไหนมามีแต่เล่าเรื่องสมาธิ เรื่องศีลไม่พูดแหละเพราะต่างคนต่างรักษาเรียบร้อยแล้ว ท่านจะขึ้นเรื่องสมาธิ เรื่องปัญญา เรื่องการภาวนาล้วน ๆ เลย นี่ละพระพุทธเจ้ารับสั่งหรือประทานโอวาทแก่พระสงฆ์ที่เข้าเฝ้าท่าน เฝ้าด้วยความเป็นธรรมจริง ๆ สอนก็สอนด้วยความเป็นธรรม เรื่องวัตถุเครื่องก่อสร้างไม่มี ยันกันเลย

ก็มีแต่นางวิสาขาที่สร้างศาลา วิหาร ถวายพระพุทธเจ้า ที่ บุพพาราม เท่านั้น นั้นก็ให้ฆราวาสเขามาทำ ท่านรับสั่งให้พระโมคคัลลาน์เป็นผู้ดูแลการก่อสร้าง พระโมคคัลลาน์ท่านก็เป็นพระอรหันต์ ฟังซิ ท่านผิดไปที่ตรงไหน ท่านคอยแนะเขาเท่านั้น นอกนั้นพระไม่ได้มายุ่งเลยนะ นี่ละก็มีเท่านั้นการก่อการสร้างเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วพวกตาบอดมันยังหาอุบายมาตีหน้าผากเราอีก ว่า ศาลานางวิสาขานั้นมีห้องพักถึง ๕๐๐ ห้อง ห้าร้อยห้องพ่อแม่มึงยังไงเราอยากถามว่าอย่างนั้น กูก็เรียนมาเหมือนกัน นู่นน่ะเห็นไหมล่ะ มึงจะมาโกหกกูได้เหรอ มันออกทางหนังสือพิมพ์นะ มันจะมาโกหกเรา เราก็เรียนมาคัมภีร์เดียวกัน มันหาเพื่อจะมากลบที่เราตำหนิเรื่องการก่อสร้าง มันเลยยกขึ้นว่า ศาลานางวิสาขานี้มีห้องเป็นที่พัก ๕๐๐ ห้อง ห้าร้อยห้องพ่อแม่มึงยังไง อยากถามว่าอย่างงั้น ก็เราเรียนมาเหมือนกันนี่ เอาอย่างนั้นมาทับศาสนา

ศาสนาเวลานี้มีแต่อิฐแต่ปูนแต่หินแต่ทรายแต่เหล็กแต่หลาเต็มวัดเต็มวา เต็มบ้านเต็มเมือง บ้านเขาไม่ต้องพูด วัดวาเรานี่ละตัวหรูหราที่สุดในเรื่องของสกปรก ส้วมถานขี้รดอรรถรดธรรม คือเหล่านี้เอง พระในครั้งพุทธกาลท่านไม่ได้สนใจกับสิ่งเหล่านี้นะ บิณฑบาตมาฉันแล้วเข้าป่า ๆ บำเพ็ญสมณธรรม นี้คือตำรา เรายันอยู่ได้อย่างนี้ เราเรียนมานี่จะว่ายังไง ไม่ได้มีวัตถุเครื่องก่อสร้างหรู ๆ หรา ๆ อย่างที่เห็นที่เป็นอยู่เวลานี้ ไม่มี นอกจากเข้ามาเหยียบย่ำกันอย่างหน้าดื้อหน้าด้านเท่านั้นเอง ไม่ว่าที่อยู่ที่หลับที่นอน โอ๋ย หรูหราฟู่ฟ่า

พระพุทธเจ้าสอนเห็นไหม อุจฺจาสยนมหาสยนา เวรมณี สิกฺขา นี่ ไม่ให้นั่งที่นั่งที่นอนอันใหญ่และสูง ภายในยัดด้วยนุ่นและสำลี ฟังซิ นั่นก็คือว่ามันจะนอนใจเกินไป ไม่ให้ไปหานอนในที่เช่นนั้น นอนพองีบไปพอบรรเทาขันธ์เท่านั้น ลุกขึ้นดีดผึงเลย ๆ อปัณณกปฏิปทา ท่านก็สอนไว้ การปฏิบัติไม่ผิด การหลับการนอนแบ่งเวลาเท่าไร ปฐมยาม เดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนา บอกไว้อย่างนั้น มัชฌิมยาม เที่ยงคืนไปแล้วพักเสีย ๔ ชั่วโมง พอปัจฉิมยาม ตื่นนอนแล้วออกเดินจงกรมบ้าง นั่งสมาธิบ้าง ภาวนาบ้าง นี้คือ อปัณณกปฏิปทาสูตร ท่านแสดงไว้เรียบร้อย

จากนั้นเรื่องความสำรวมระวังท่านก็ว่ากันไปหลายข้อเหมือนกัน แต่เรายกข้อสำคัญ ๆ มาให้ฟัง นี่ท่านยุ่งอะไรกับอะไร ที่หลับที่นอน ล้มที่ไหนลงไปนอนเลย พอหลับพองีบบรรเทาขันธ์เท่านั้น เพื่ออันใหญ่คือเรื่องจิตตภาวนา เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ถ้าเหนื่อยนั่งมันจะง่วง ให้ลงเดินจงกรม ท่านสอนวิธีทุกอย่างนะ พลิกแพลงเปลี่ยนแปลงเพื่อเอาชนะกิเลสตัวขี้เกียจขี้คร้าน ตัวท้อแท้อ่อนแอ ที่นอนหมอนมุ้งหรูหราฟู่ฟ่า พวกนี้พวกโจรพวกมารรบกับอรรถกับธรรม ภาวนามันจึงไม่ได้เรื่องได้ราว

ฟังซิพี่น้องทั้งหลาย นี้เอาคัมภีร์ออกมานะมาพูด เราไม่ได้มาพูดเล่น ๆ นี่ละครั้งพุทธกาลท่านเป็นอย่างนั้น แล้วกับทุกวันนี้เอามาเทียบกันซิเป็นยังไง มันมีไหมเรื่องป่าเรื่องเขาเรื่องจะเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา มันมีแต่กระดาษดินสอตามโต๊ะตามเก้าอี้ เก้าอี้ก็หรูหราฟู่ฟ่า ที่หลับที่นอนมันอยากแต่งขึ้นไปห้าร้อยชั้นนู่นอีก แข่งศาลานางวิสาขาห้าร้อยห้องอีก มันไม่พอมันหรูหราฟู่ฟ่า ที่อยู่ที่กินที่หลับที่นอนหรูหราฟู่ฟ่า แต่หัวใจแห้งผากจากธรรมทั้งหลาย ไม่เคยมีธรรมติดหัวใจเลยนี้ไม่ดูกันบ้างเหรอ เป็นยังไงลูกศิษย์ตถาคต ทั้งเขาทั้งเรา ดูทุกคนซิ บวชมาเพื่อดู ดูหัวใจเจ้าของ

ความผิดพลาดอยู่ที่หัวใจ ความถูกต้องอยู่ที่หัวใจ จึงต้องให้ดูหัวใจก่อนอื่น สอนที่ไหนท่านสอนที่หัวใจ ไม่ได้สอนที่อื่นนะ เวลานี้มันเลวไปขนาดนั้นละ เมื่อมันมากต่อมาก ของปลอมมากต่อมาก ของจริงเลยไม่ปรากฏ ทับของจริงไปหมดแล้วเวลานี้ ของจริงออกมาแย็บนี้ตื่นบ้ากันแล้ว ตื่นบ้ากันแล้วนะ เราไม่ตื่นเราพูดจริง ๆ เราพูดตามหลักความจริงอย่างนี้ละ พูดให้ฟังอย่างนี้ ของจริงมีอย่างนี้จะให้ว่ายังไง มันเป็นบ้ากันไปทุกวัน ๆ ศาสนาจะไม่มีเหลือนะ จะเหลือแต่ผ้าเหลือง หัวโล้น ทั้งเขาทั้งเราหัวโล้นด้วยกัน ผ้าเหลืองด้วยกัน เลอะเทอะด้วยกัน

บวชเข้ามาแทนที่จะมาส่งเสริมศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรือง ตั้งแต่ภายในตัวเองกระจายออกไปสู่ส่วนรวม ให้เป็นความสงบร่มเย็น กลับเป็นไฟเผาไหม้ตั้งแต่พระแต่เณรหัวโล้น ๆ ลงไปทั้งเขาทั้งเรา ไหม้ไปจากเรานี้ก่อน แล้วก็ไหม้ลุกลามไปหมด หาความดิบความดีความสงบร่มเย็นไม่มีนะเวลานี้ มีตั้งแต่ผ้าเหลือง ทั้งหัวโล้นเขา หัวโล้นเรา เต็มวัดเต็มวาเต็มบ้านเต็มเมือง มีแต่กองทำลายอย่างลึกลับ ๆ ทำลายลึกลับนะ

พระทำลายศาสนาใครไม่กล้าแตะนะ จะตำหนิติเตียนว่าอย่างนั้นอย่างนี้เขาก็ไม่กล้า นี้ยิ่งหยิ่งใหญ่นะ ว่าเราเป็นพระ ๆ ล่ะซิ ขึ้นสมุห์ ใบฎีกา พระครูพระคัน เจ้าฟ้าเจ้าคุณ แล้วยิ่งใหญ่เลยนะ ใหญ่แต่เรื่องของกิเลส เรื่องส้วมเรื่องถานเต็มหัวมันซิ ใหญ่อรรถใหญ่ธรรมมันไม่มีซิ ใหญ่พระพุทธเจ้านี้เป็นยังไง ศาสดาเอก ใหญ่สาวกเป็นยังไง สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา ใหญ่พวกเรามีแต่ขี้เต็มหัว พวกถานพวกขี้เต็มหัวพระหัวเณร ความลืมเนื้อลืมตัว ความไม่เอาไหนในหลักธรรมหลักวินัย ไม่สนใจกับอรรถกับธรรม นี้คือเรื่องส้วมเรื่องถานเต็มหัวพระหัวเณรเวลานี้ ดูเอาทั่วประเทศไทย ดูตั้งแต่วัดป่าบ้านตาดนี้ออกไป ให้ดู จะเห็นหมด เพราะสิ่งเหล่านี้มีเกลื่อนอยู่

ดูตั้งแต่วัดป่าบ้านตาดนี้ก็ดูเอาซิ แต่เว้นไอ้ปุ๊กกี้นะ ไอ้ปุ๊กกี้มันไม่มีธรรมมีวินัย มันอยากไปไหนมันก็ไป อยากเห่าก็เห่า อยากหอนก็หอน อยากลงน้ำมันก็ลง อย่าไปเอาไอ้ปุ๊กกี้มาเป็นกฎเป็นเกณฑ์นะ เขานอกบัญชีแล้วพวกนี้ เข้าใจไหม ให้ดูพวกเราที่อยู่ในบัญชีดีชั่วนี่ ให้ดู ผิดถูกประการใดให้แก้ไขดัดแปลง อยากเป็นคนดีต้องดัดต้องแปลง อยู่เฉย ๆ ดีไม่ได้นะ ต้องดัดต้องแปลง เพราะความชั่วมันรุมตลอดเวลาแล้ว สั่งสมไม่สั่งสมมันเป็นโดยเจตนาของมันลึกลับอยู่ภายในตัวเองของจิตนั่นน่ะ เพราะกิเลสตัวนี้พาให้เป็นไป ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจมันก็เป็นความชั่วของมัน เป็นกิเลสของมันไปเรื่อย ๆ

แต่ฝ่ายที่เราจะมาดัดแปลงให้เป็นอรรถเป็นธรรม เราต้องตั้งอกตั้งใจต่อสู้กันจริง ๆ ถึงจะแก้ไขกันได้ ต้องทำนะ เราอย่าหวังว่าเกิดมานี้มันจะดีเฉย ๆ มันไม่ได้ดีนะ ชั่วก็หาเอา ทำเอา กิเลสพาหา ดีธรรมพาหา เราต้องหาดีด้วยอรรถด้วยธรรมนะ ไม่งั้นจมจริง ๆ นะ เอาละวันนี้เทศน์เพียงเท่านี้ละพอ ให้พรเสียก่อน

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก