สรุปทองคำและดอลลาร์ วันที่ ๓๑ ตุลา ๔๓ ทองคำได้ ๕ บาท ๑ สตางค์ และดอลลาร์ได้ ๓๑ ดอลล์ ทองคำที่ต้องการมอบเข้าคลังหลวง ๔ พันกิโลนั้นมอบและฝากไว้แล้ว ๒,๐๖๒ กิโลครึ่ง ทองคำที่ได้หลังจากฝากและมอบแล้วแต่ยังไม่ได้หลอมเวลานี้ได้ ๑๙๕ กิโล ๖๐ บาท ๓๘ สตางค์ รวมทั้งหมดได้ทองคำ ๒,๒๕๘ กิโล ยังขาดอยู่อีก ๑,๗๔๒ กิโลจะครบจำนวน ๔ พันกิโล นี่กรุณาทราบไว้ทุกวัน ๆ ทราบไว้อย่างถึงใจในชาติไทยของเราทุกคน ๆ นี่จะหนุนหัวใจเรานั่นแหละ หนุนความเป็นอยู่ หนุนชีวิตจิตใจ หนุนศักดิ์ศรีดีงามของชาติไทยเราทั้งหมด
อะไรขาดไปก็เท่ากับขาดตัวของเราเอง อย่าเห็นว่าขาดที่ใด นอกจากขาดในตัวของเราเองแต่ละคน ๆ ขาด ๖๒ ล้านคนขาดไปมากเท่าไร ทองคำสมมุติว่าขาดไป ๑ สตางค์นี้ ๖๒ ล้านสตางค์เป็นเท่าไร นั่นล่ะคุณค่าของชาติไทยเราลดลงขนาดนั้น จึงไม่ควรให้มีอย่างยิ่ง ที่กำหนดไว้ ๔ พันกิโลนี้กะไว้พอประมาณกับกำลังวังชา ความรักชาติรักทุกคน กำลังวังชาที่จะเสียสละนั้นได้มากน้อยต่างกัน อันนี้เป็นสิ่งที่เราจะต้องเสียสละด้วยกัน อย่าให้ขาดนะและให้พอกำลังวังชาของเราทุกคน
ที่กำหนดไว้นี้ไม่หนักมากเกินไป ไม่เบาถึงกับลืมตัวเหลิงเจิ้งนะ ไม่ให้หนักมากเกินไปกระทั่งแบกไม่ไหว เพียง ๔ พันกิโลคน ๖๒ ล้านคนนี้แน่ใจ หลวงตาก็ได้พิจารณาเต็มกำลังแล้ว ก่อนที่จะออกมาประกาศเพื่อพี่น้องทั้งหลายได้ทราบทั่วกัน นี่เป็นพื้นฐานแห่งทองคำคราวนี้ จะต้องได้ ๔ พันกิโลเป็นอย่างน้อยแหละ ต่อจากนั้นก็จะเสริมขึ้นไปเรื่อย ๆ ดังที่เคยเรียนให้ทราบแล้ว อันนี้หนุนพื้นเลยนะ ๔ พันกิโล นี่เรียกว่าขาดไปไม่ได้ ตั้งพื้นฐานไว้แล้วได้ทราบทั่วประเทศไทยของเราว่า ๔ พันกิโล นี้เป็นชีวิตจิตใจของเราจะขาดตกบกพร่องไปไม่ได้เลย
ดูคนนี้เป็นยังไง คนนี้ ๔ พันกิโล คนนั้น ๔ พันกิโลทุกคนเต็มเม็ดเต็มบาท เต็มเต็ง ๔ พันกิโล ๖๒ ล้านคน ๔ พันกิโลทุกคนเต็มเหนี่ยว นี่สมบูรณ์แบบ มีศักดิ์ศรีดีงามอย่างมากทีเดียว ในเมื่อ ๖๒ ล้านคนขาดคนละสตางค์ ประเทศไทยของเราขาด ๖๒ ล้านสตางค์ทองคำเสียไปหมด อย่าให้ขาดนะ ให้ได้ทุกคน ๆ นี้กะว่าให้พอดีกับกำลังความสามารถแห่งชาติไทยของเรา ยกได้ว่างั้นเลยไม่สงสัย ก่อนที่จะได้มานำพี่น้องทั้งหลาย ก็ได้พิจารณาบวกลบคูณหารเรียบร้อยแล้ว จึงรวมลงไปว่ายกได้ ทีนี้ก็ประกาศออกเลย ชาติไทยของเราก็คือทองคำเป็นหัวใจของชาติ จึงต้องได้บำรุงรักษาอยู่ตลอดมาและจะตลอดไปอีกด้วย
ยังไงก็ขอให้พี่น้องทั้งหลายเอาธรรมที่แสดงทุกวัน ๆ ตลอดมานี้ไปปฏิบัติให้ได้ทุกคน ๆ สมกับเราเป็นลูกชาวพุทธนะ ลูกชาวพุทธต้องเป็นผู้มีขอบเขต ไม่เตลิดเปิดเปิง โลเลโลกเลกใช้ไม่ได้นะ ต้องให้มีกฎมีเกณฑ์เครื่องบังคับตัวเอง คนเราถ้าไม่มีเครื่องบังคับตนเองนี้ไม่มีความหมายอะไรเลย ต้องมีเครื่องบังคับ เครื่องบังคับคือหมายถึงศีลธรรมนี้เป็นหลักใหญ่ หรือกฎข้อบังคับ เช่น กฎหมายบ้านเมือง อันนี้เป็นส่วนหยาบ ศีลธรรมเป็นส่วนละเอียด ให้นำไปปฏิบัติ ให้บังคับบ้างนั่นแหละ อดบ้างอิ่มบ้างไม่เป็นไร อดบ้างอิ่มบ้างเพื่อความเป็นคนดี ฟุ่มเฟือยแบบหมูขึ้นเขียงใช้ไม่ได้นะ หมูขึ้นเขียงไม่มีคุณค่าไม่มีราคา ฟุ่มเฟือยแบบหมูขึ้นเขียงใช้ไม่ได้ไม่มีราคา อดบ้างอิ่มบ้างไม่เป็นไรเพื่อความเป็นคนดี
อย่างที่ท่านแสดงไว้เป็นภาษิตโบราณ ภาษาภาคอีสานเขาว่า ข้าวเต็มพา หมายถึงว่าภาชนะ ปัญญาเต็มพุง จะเอาอะไรสองอย่างนี้ ข้าวเต็มพาหมายถึงว่าภาชนะ ในภาชนะนั้นอาหารเต็มหมดในภาชนะนี้อันหนึ่ง ปัญญาเต็มพุง จะเอาอะไร ประเภทหมูขึ้นเขียงเลยโดดเอาข้าวเต็มพา กินอิ่มแล้วนอนเหมือนหมูขึ้นเขียง ส่วนปัญญาเต็มพุง อดบ้างอิ่มบ้างเป็นไร ปัญญามีหากินได้ไม่ตาย คนมีปัญญาต่างกันนะ ปัญญาเต็มพุง พอกินหมดแล้วก็ขึ้นเขียง ทีนี้ขึ้นแล้วไม่เป็นประโยชน์อะไร จนกระทั่งเป็นลาบให้เขาเขี่ยลงใส่หอมกระเทียมไม่เกิดประโยชน์ ปัญญาเต็มพุงนี้ อดบ้างอิ่มบ้างไม่เป็นไรขวนขวาย อดเพื่อจะอิ่ม อดด้วยปัญญา อิ่มด้วยปัญญาไม่จนตรอกนะ ให้เราจำอันนี้เอาไว้
นี่ภาษิตโบราณเราเป็นคติได้ดีนะ ต้องเอาปัญญาออกหน้า อดอิ่มบ้างไม่เป็นไร เอาเหตุผลออกหน้า การปฏิบัติตัวเอง จะลำบากบ้างฝืนเอา ฝืนเพื่อความเป็นคนดีเราต้องฝืนเอา ไม่ฝืนไม่ได้นะ คือกิเลสนี้จะดึงลงตลอด คำว่ากิเลสหมายถึงสิ่งต่ำทราม คอยกดขี่บังคับทรมานเราตลอดมา นี่เรื่องของกิเลส ส่วนธรรมฉุดขึ้น ๆ การฉุดขึ้นจะหนักบ้างไม่เป็นไร ฉุดขึ้นเพื่อพ้นภัยไม่เป็นไร หนักบ้างเพื่อพ้นภัยไม่เป็นไร จมลงดิ่งอย่างสบาย ๆ นี้ไม่มีความหมายเลย ให้จำเอา
นี่เวลานี้เป็นเวลากฐิน นี่จวนแล้วนะขึ้น ๕ ค่ำวันนี้ ยังอีกประมาณ ๑๐ วันก็หมดเขตกฐิน นี้เรียกว่ากฐินทานของพี่น้องชาวพุทธชาวไทยเรา ไม่ว่าอยู่เมืองนอกเมืองใน พวกชาวพุทธจะต้องบำเพ็ญกุศลตามอัธยาศัยของตน ที่เป็นพื้นเพมาดั้งเดิมจากชาวพุทธของเรา ระยะนี้เงินไม่ว่าจะหารายได้มาจากที่ไหน ๆ เงินเดือนของชาวพุทธนี้ เดือนนี้เป็นเดือนเก็บหอมรอมริบ สมบัติเงินทองข้าวของเหล่านี้เข้าสู่คลังแห่งธรรม คือหัวใจของเรา มีมากมีน้อยต่างคนต่างเสียสละ เพราะเป็นเทศกาลเป็นกาลเป็นเวลา ต่างคนต่างขวนขวาย
เงินในกระเป๋าไม่มีเดือนนี้นะ เดือนนี้เป็นเดือนที่มีคุณค่ามากนะ เงินไม่มีในกระเป๋าแต่บุญเต็มในหัวใจเรา นี่ต่างกันตรงนี้ นี่เรียกว่าปัญญาเต็มพุง เงินไม่มีในกระเป๋าแต่มาเต็มอยู่ที่หัวใจเราด้วยบุญด้วยกุศล แบบข้าวเต็มพา เงินเต็มกระเป๋าแล้วไปแฟบ ๆ ลงทะเลหลวง ๆ นี่ข้าวเต็มพา เต็มภาชนะ ไม่เกิดประโยชน์เจ้าของก็จม เสียนิสัยด้วย ด้วยความสุรุ่ยสุร่าย แล้วเสียไปจนตายถ้าไม่ยอมแก้ไข อันนี้ก็ให้ระวังทุกคน ๆ ปัญญาเต็มพุง เก็บหอมรอมริบ
เช่น กฐินทานนี่เป็นเวลาที่พี่น้องชาวไทยทั้งหลายชาวพุทธเรา ต่างคนต่างอุตส่าห์พยายาม อยู่ทิศใดทางใดในประเทศไทย เสาะแสวงหาบุญกุศล ทอดกฐินวัดนั้นทอดผ้าป่าวัดนี้ ผ้าป่ากับกฐินแอบไปด้วยกัน ไปทั่วประเทศไทยเรา นี่เป็นปัญญาเต็มพุง ระยะนี้เป็นปัญญาเต็มพุง กาลอื่นนั้นข้าวเต็มพาก็ได้นะ มันไม่ค่อยปัญญาเต็มพุง(หัวเราะ) เดือนนี้ให้เป็นเดือนปัญญาเต็มพุงนะ อย่างภาคกลางเรานี้ ยกให้เลยภาคกลางเป็นที่หนึ่ง สำหรับสนับสนุนทางภาคอีสานของเรานี้ ภาคกลางทั้งนั้น หลวงตาไม่เอียงหน้าเอียงหลังเป็นธรรม ผิดตรงไหนบอกว่าผิด ถูกตรงไหนบอกว่าถูก นี้เรียกว่าธรรม
ทางภาคอีสานเรา เช่น เทศกาลกฐินนี้เราอยากจะพูดว่าทุกวัด บรรดาพระกรรมฐานที่อยู่ในสถานที่ใด ๆ ท่านเหล่านี้ออกเสาะแสวงหาอยู่ในป่าในเขา ในหุบเขาก็เข้าไป เข้าไปไม่ถึงก็ไปฝากไว้ ที่เข้าลำบากไปฝากไทยทานเอาไว้ แล้วก็ให้ทางนั้นส่งต่อ ๆ ทั่วทุกวัด ไปแต่ละแห่ง ๆ บางทีตั้ง โอ๊ย บางทีตั้ง ๓๐-๔๐ กองกฐินก็มีนะ ไปทอดวัดนั้นวัดนี้ให้ทั่วถึงกันหมดเลย นี้เป็นมานาน นี่แหละสำคัญมากทีเดียวทางภาคกลางได้ช่วยอุดหนุนภาคอีสาน ให้พอมีลมหายใจ
ทางด้านพุทธศาสนาก็หรูหราไปละ ถ้าผู้จะลืมตัวก็หรูหราฟู่ฟ่า โบสถ์วิหารหลังหนึ่ง ๆ ไปจรดชั้นดาวดึงส์ มันสูง สวรรค์ยังต่ำไป ความหรูหราฟู่ฟ่าลืมเนื้อลืมตัว สร้างไปอะไรนักหนา ไม่ได้สร้างหัวใจเลย พุทธศาสนาจริงๆ ท่านสร้างที่หัวใจ ผลิตออกเป็นด้านวัตถุก็เป็นประโยชน์ทั่วๆไปอยู่ในความพอประมาณ ไม่ได้หรูหราฟู่ฟ่า ไม่ว่าวัดบ้านวัดป่า นี้เราก็เคยพูดแล้ว เพราะมันถึงใจ พูดออกมาทีไรจึงสดๆ ร้อนๆ ทุกทีไปเลย ออกจากความจริง ความจริงไม่เคยจืดจาง ต้องสดๆ ร้อนๆ ตลอดไป
บรรดาทางภาคอีสานเรานี้ทางฆราวาสก็เหมือนกัน ดังที่เราพูดพอทำนาเสร็จแล้ววิ่งเข้าภาคกลางทั้งหมด ไปหาทำการทำงาน ได้อาหารได้สมบัติเงินทองมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องภายในครอบครัว แต่ละครอบครัวๆ เจือจานกันไปอย่างนั้นตลอดมา เพราะนี้ไม่มีงาน ภาคอีสานไม่ใช่คนขี้เกียจนะภาคอีสาน คือไม่มีงานให้ทำ แต่ปากท้องมันทำงานทุกวันๆ ทุกเวลา วันหนึ่งอย่างน้อย ๒ หน ๓ หน ถ้าจิ๊บๆ แจ๊บๆ แล้ววันยังค่ำว่างั้นเถอะน่ะ นั่นน้ำส้มนี่น้ำหวาน นั่นแอปเปิ้ล แล้วนี่เงาะ นี่ทุเรียน จั๊บๆ แจ๊บๆ นี่งานของปากมันทำตลอดเวลา แต่งานของมือที่จะทำมาเพื่อปากมันไม่มีงานทำ จึงต้องวิ่งเข้าไปทางภาคกลาง ทางโน้นพอมีงาน อย่างน้อยเรียกว่าพอมี และมีงานเต็มไปหมดทางภาคกลาง ได้อาศัยอันนี้เองเพราะไม่มีงานทำ
ไม่ใช่คนขี้เกียจ เราก็ยกให้ว่าไม่ขี้เกียจ ตลอดคนภาคอีสานไม่ขี้เกียจ เป็นแต่เพียงว่าไม่มีงานให้ทำ ก็ต้องวิ่งเต้นขวนขวาย ต่างคนต่างเฉลี่ยเผื่อแผ่กัน ชาติไทยของเราอยู่ได้ด้วยการเฉลี่ยเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันอย่างนี้เอง นั่นแหละทางโลกก็อาศัยกันแบบนี้ ทีนี้ทางธรรมทุกวัดทุกวา วัดบ้านวัดป่า ได้อาศัยการสนับสนุนจากทางภาคกลางทั้งนั้น เราไปที่ใดเห็น เห็นที่ไหนบอกชัดเจนเลย ออกมาจากภาคกลาง อะไรหรูหราฟู่ฟ่าขนาดไหนก็ตาม
นี่ดูซิอย่างกำแพงวัดป่าบ้านตาด มาจากไหน กำแพงวัดป่าบ้านตาดมาจากภาคกลาง พอทราบว่าเราจะเริ่มทำกำแพงเท่านั้น ทางโน้นก็มาไต่ถามเรื่องราว เราก็บอกเหตุผลให้ทราบ ปุ๊บเดียวมาเลย โรงงานปูนซีเมนต์ โรงงานเหล็ก ตอนนั้นเขาปิดโรงงานเขาไม่ให้สินค้าเข้าออก ทางกำแพงวัดป่าบ้านตาด นี่บึ่งเข้าถึงเลยขนออกมาต่อหน้าต่อตาเขา อย่างงั้นแล้วเห็นไหม ภาคกลางนั่นแหละเอามา ผู้ใหญ่แหละเอามา เห็นไหมล่ะ กำแพงรอบวัดนี่มาจากภาคกลาง เขาสไตรค์เขาปิดโรงงาน เหล็กก็ปิด ปูนซีเมนต์ก็ปิด ไม่ให้เข้า เขาปิดไว้ ทางนี้บึ่งเข้าไปเอา บึ่งเข้าไปเอาสบายๆออกมาหมดเลยไม่มีปัญหา นี่ภาคอีสานมันมีโรงงานเหล่านั้นไหม ก็ไปเอามาจากภาคกลาง
ก็คนทางภาคกลางเป็นผู้จัดมา แน่ะ ลูกศิษย์ลูกหาเห็นไหมล่ะ อย่างนี้เป็นต้น ก็อย่างนี้ละมาจากที่ไหน มาจากนู้นทั้งนั้น ในวัดในวา วัดบ้านวัดป่า มีแต่ท่านเหล่านี้สนับสนุนตลอดมา เพราะเป็นคนใจบุญ จิตใจกว้างขวาง สมบัติอำนวยด้วย ช่วยกันมาอย่างนี้ นี่เรียกว่าบุญ เวลานี้กำลังกฐิน ไปทุกแห่งทุกหนทอดหมดเลย ไปหมดละภาคอีสาน ทั่วไปหมดเลย หนุนตลอดเวลา พอวันเสาร์วันอาทิตย์รถบัสไม่ทราบว่ากี่คันๆ จอดเป็นแถวเลยหน้าวัดๆ มาจากวัดนั้นมาจากวัดนี้ผ่านเข้ามาที่นี่ ก็ทราบล่ะซิมาจากที่ไหน มีแต่ไปบำเพ็ญกุศลกฐินทาน ผ้าป่าทั้งนั้นแหละ หลั่งไหลไป นี่เสาร์อาทิตย์คอยดูซิ ดีไม่ดีก็จะขึ้นที่หนองผืออีก ภาคกลางก็จะหลั่งไหลมาที่นั่นเต็มไปหมดนั่นแหละ นั่นก็ดูซิ มีแต่อุดหนุนตลอดเวลา
นี่เป็นเวลากฐินทาน เป็นการขวนขวายสมบัติ เป็นวัตถุเงินทอง แปรสภาพเป็นวัตถุทาน กลายเป็นกุศลเข้ามาสู่จิตใจเรา ส่วนวัตถุก็เป็นประโยชน์ภายนอก ส่วนกุศลผลทานที่เราได้ให้ทานลงไปนั้นเข้าสู่จิตใจของเรา ได้ทั้งสอง ๆ ในเดือนหนึ่ง ๆ เพราะฉะนั้นเงินเดือนของผู้ใจบุญในวงราชการนี้จึงไม่ค่อยมี ดีไม่ดีไม่มี ขนออกทานวัดนั้นเท่านั้น คนนี้มาเรี่ยไร คนโน้นมาเรี่ยไร ต่างคนต่างอาศัยกัน เพื่อนฝูงมีมาก ทางนั้นมา นี่จะทำบุญวัดนั้น ๆ จะว่าไง ออกให้ คนนั้น ๕ คนนี้ ๑๐ หลายคนไปก็เป็นร้อย หลายคนไปก็เป็นพัน สุดท้ายเงินเดือนไม่มี แยกไปวัดนั้นแยกไปวัดนี้ เพราะเพื่อนฝูงที่ใจบุญด้วยกัน เห็นใจกัน ก็ต้องแยกไปนู้นไปนี้เดือนหนึ่ง ๆ ในเดือนนี้สำคัญมาก เดือนกฐินทาน
เงินหารายได้มาจากการทำงานต่างๆ ก็แบบเดียวกันนี่แหละ ไม่เข้าสู่กระเป๋า ออก ๆ ช่วยศาสนา และก็ช่วยตัวเองเป็นจุดสุดท้าย นี่ละศาสนาจึงให้ความร่มเย็นแก่โลกมาก นี้ออกมาจากจิตใจนะ ที่ทำกันอย่างนี้มีแต่ความเป็นมงคลทั้งนั้นนะ เป็นการสมัครสมานความรักชาติรักศาสนา รักความสามัคคีซึ่งกันและกัน เฉลี่ยออกไปเป็นปึกแผ่นมั่นคง ทั้งชาติทั้งศาสนาของเราออกมาจากจิตใจที่ได้รับการอบรมจากศีลจากธรรมแล้ว นี่เป็นของสำคัญมาก ถ้าไม่มีศีลธรรมเข้าแทรกในใจ มีอะไรเท่าไรๆ ก็ไม่มีความหมายนะ ว่าคนนั้นมีอันนั้น คนนี้มีอันนี้ ก็ว่าลม ๆ แล้ง ๆ ไปอย่างนั้น หลักใจความมั่นคงที่จะให้แก่สิ่งทั้งหลายเป็นประโยชน์นั้นไม่ค่อยมี คนเราจึงทุกข์มากทีเดียว
ถ้าไม่มีศีลธรรมทุกข์มากนะ คนมีศีลธรรมไม่ค่อยทุกข์เท่าไร ทุกข์ก็ยังมีที่เกาะที่ยึด ภายนอกก็มีภายในก็มี ถึงภายนอกไม่มีภายในมี ใจเป็นบุญเป็นกุศลยังมีความชุ่มเย็น ผิดกับคนที่ไม่มีบุญมีกุศล ไม่มีศีลธรรมภายในใจ ทั้งๆที่สมบัติมีจำนวนมาก หาที่เกาะที่ยึดไม่ได้ ตายแล้วจมเลย พวกนี้มีแต่คอยจะจมพวกไม่มีศีลมีธรรม แต่พวกมีศีลมีธรรมนี้มีแต่จะขึ้นท่าเดียว สมบัติเงินทองมีก็ใช้ไป เมื่อสิ้นสุดกันแล้วในชีวิตจิตใจสิ้นสุด สมบัติเงินทองก็สิ้นสุด หัวใจกับบุญไม่สิ้นสุด ไปเลย นี่ต่างกันอย่างนี้นะ
เพราะฉะนั้นจึงให้สร้างทั้งภายนอกภายในให้สม่ำเสมอกัน ธาตุขันธ์มีความจำเป็น บกพร่องต้องการตลอดเวลา การอยู่การกินการใช้การสอย การเจ็บไข้ได้ป่วย เกี่ยวกับเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ ต้องขวนขวายมาเพื่อเขา เราก็ต้องขวนขวาย ทีนี้จิตใจเรียกร้องหาความช่วยเหลือจากเจ้าของตลอดเวลา ด้วยความชุ่มเย็นเป็นสุขจากบุญจากกุศล เราก็ต้องขวนขวาย เพราะฉะนั้นคนเราจึงมีการทำบุญให้ทาน เจริญเมตตาภาวนา ให้มีความชุ่มเย็นทั้งภายนอกทั้งภายในแล้วอยู่กันเป็นสุขคนเรานะ
เรื่องสำคัญคือเรื่องธรรม อย่าให้ปราศจากใจนะ อย่าให้มีแต่วัตถุทับถมโจมตีเสียตลอดเวลา เมืองไทยเรานี้เป็นเมืองที่สมบูรณ์พูนผล ทำไมจะจมได้ ก็เพราะเรื่องจิตใจ ตัวโลภตัวโลเล ตัวตะกละตะกลาม ได้ไม่พอ มันกลืนเอา ๆ เผาไหม้ไปหมด หัวใจคนแห้งผาก ๆ สมบัติเงินทองข้าวของจะมีอะไร มันก็เป็นไปเพื่อฟืนเพื่อไฟเสียหมด เผาไหม้แหลกหมดไม่เกิดประโยชน์อะไร จึงต้องมีศีลมีธรรม มีเก็บมีใช้ ให้รู้จักประมาณ นี่ความพอดี
ให้พยายามฝึกตัวทุกคน ถ้าไม่ตั้งใจฝึกจะหาความดีไม่ได้นะ ตั้งแต่วันเกิดถึงวันตายจะไม่มีความดีติดตัว วันนี้ทั้งวันไม่มีความดีติดตัวเลย การฝึกอบรมตัวเองให้เป็นคนดีก็ไม่มีติดตัว วันนี้ก็ไม่มี วันหน้าก็ไม่มี เดือนนี้ไม่มี เดือนหน้าไม่มี ปีนี้ไม่มี ปีหน้าไม่มี ตั้งแต่วันเกิดจนกระทั่งวันตาย ไม่มีการฝึกฝนอบรมตัวให้อยู่ในกรอบแห่งศีลแห่งธรรมเพื่อความดีแก่หัวใจเลย นี้จมไปตลอด ตั้งแต่วันเกิดถึงวันตาย สั่งสมความจมแก่ตัวเองตั้งแต่วันเกิดถึงวันตายจะได้มากขนาดไหน ถ้าสั่งสมความดีใส่ตัวเองตั้งแต่วันเกิดถึงวันตายจะได้มากขนาดไหน เทียบกันปั๊บ นี่ต่างกันอย่างนี้นะ
คนเราอยู่ที่ปัญญานะ อย่าอยู่เฉยๆ กินเฉยๆ นอนเฉยๆ ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมไปตามโลกตามสงสาร ตื่นลมตื่นแล้งหาสาระไม่ได้ ไม่เกิดประโยชน์ เอาธรรมเข้าไปจับ ๆ ไปติดแนบกับหัวใจเจ้าของเสมอ ต้องมีบวกลบคูณหารกันไม่งั้นไม่ได้นะ ต้องได้ระมัดระวังเสมอ
อย่างวัดของท่านที่อยู่นี่ เห็นไหมล่ะ ท่านมีกฎมีระเบียบบังคับ การบังคับตัวเองเพื่อความดีใครจะไม่ลำบาก ลำบากท่านก็ไม่สนใจ ลำบากเพื่อความดีเป็นไรไป คือว่าความลำบากเป็นเรื่องของกิเลสฉุดลากไปเพื่อความสะดวก และเพื่อความล่มจมของมัน แต่ความดีที่เราฉุดลากด้วยการอุตส่าห์พยายามทุกด้านทุกทาง การฝึกการอบรมตนเอง ความทุกข์อันนี้เพื่อความสุขความเย็นใจแก่เรา เราจึงควรมีทุกคน ๆ วันนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมากนะ พูดเท่านั้นละ เอาละพอ เพราะพูดทุกวัน ๆ เหนื่อย
หนูเป็นทันตแพทย์มาจาก ร.พ.นากลาง หนองบัวลำภู มาขอความเมตตาจากหลวงตา เก้าอี้ทำฟันไม่พอค่ะ
เก้าอี้เราอยู่ทางหลังศาลาไปหาดูมันมีสักกี่ตัว
เตียงสำหรับทำฟันค่ะหลวงตา
โอ๊ย เตียงเราก็เยอะอยู่แถวนี้ ยังไม่เห็นจำเป็นถึงพูดอย่างนั้น เข้าใจไหมล่ะ ฟังปั๊บเข้าใจทันที พักไว้ก่อนยังไม่ให้ ประสาเตียงทำฟัน ยังไม่จำเป็นเท่าที่ควรจะให้ เพราะสิ่งจำเป็นยังมีมากกว่านี้อีกเยอะ ซึ่งเราช่วยอยู่เวลานี้นะ เราต้องเรียงอันดับหนึ่ง อันดับสอง การช่วยเหลืออย่างนั้นทุกแห่งไป เอาละพักไว้ก่อนนะ หนักนะหลวงตาก็หนักมากนะ
มีแค่ ๒ เก้าอี้คนไข้ต้องรอนาน สงสารคนไข้ค่ะ
เราก็ไม่อยากพูดมาก เดี๋ยวไอ้ปุ๊กกี้ ไอ้หยองเสนอขึ้นมานี้ พวกนี้ล้มระนาวนะ ไอ้ปุ๊กกี้ไอ้หยองมันไม่มีเครื่องทำฟัน พวกนี้ทำไมมายุ่งแต่เครื่องทำฟันมันจะว่างั้น เดี๋ยวมันไล่กัดจะว่าไม่บอกนะ เปิดประตูให้ไม่ทัน(หัวเราะ) ที่ไหนมันมีเยอะเรื่องอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงฟังย่อๆ ย่อๆ เพราะสิ่งที่มันมาเกี่ยวข้องกับเรา ปกคลุมหัวเราเลยนี่มากต่อมากนะ ไม่ใช่ธรรมดานะ เราช่วยเต็มเหนี่ยวนั่นแหละ
เดี๋ยวนี้มีเครื่องทำฟันอยู่ในโรงพยาบาลกี่เครื่อง
สองเครื่องค่ะ
โอ๊ย ตั้งสองมันก็หายากแล้วแหละ จริง ๆ นะ ถ้าเครื่องทำฟันตามโรงพยาบาลอำเภอมีถึงสองเครื่อง นับว่าเก่งมากแล้วนะ
แต่เจ้าหน้าที่เยอะ คนไข้ก็เยอะค่ะหลวงตา
โอ๊ย อย่าเอาหมอฟันมาพูด จะมาโจมตีอย่างงั้นไม่ได้ เอาหมอฟันมาโจมตีเงิน เงินไม่มีหมอฟันหงายเลย (หัวเราะ)มีเท่าไรหมอก็ตาม เงินไม่มีเท่านั้นคำเดียวขาดเลย อย่างนั้นนะ สองเครื่องแล้วให้พักไว้เสียก่อนนะ เผื่อเราจะช่วยทางอื่นที่จำเป็นกว่านี้นะ ให้พักรอไว้ก่อน ไม่งั้นไม่ได้เราไม่ไหว คือเฉลี่ยอยู่ตลอดเวลานะ คิดดูซิหลวงตานี้ไม่มีเงินติดตัว ฟังซิพี่น้องทั้งหลาย ถึงขนาดติดหนี้ๆ คนเราถ้ามีจะไปติดทำไมติดหนี้ใช่ไหม ไม่มีแต่ความจำเป็นมันมี เราพยายามขวนขวายหามา เอาไม่ได้จากไหน พอถูกันไปได้ด้วยการติดหนี้ เอ้าติด นั่นอย่างนี้เรื่อยมา ถึงขนาดนั้นละหลวงตาติดหนี้นะ ติดหนี้เพื่อโรงพยาบาลเรา
ส่วนอื่นไม่ปรากฏว่าหลวงตาติดหนี้ แต่ทางโรงพยาบาลนี้ติดบ่อย เพราะความจำเป็นของโรงพยาบาล มาคำนึงคำนวณดูความจำเป็น พิจารณาแล้วควรจะเอาก็เอา ควรติดก็ติด ถ้าไม่ควรติดก็ค่อยถูไถกันไปอย่างนั้น ให้พักก่อนนะหลานนะ หลานได้แล้ว กูบวชมาตั้งกี่พรรษาสูจึงมาเกิด ไม่ให้กูเรียกสูว่าหลาน จะให้กูเรียกว่าจังใด๋ เอาละไปเสียก่อนหลานเอ๊ยไป (หัวเราะ) ปู่กับหลานจากกันเสียก่อน กูก็จนหลานก็หิว อู๊ย ไม่รู้จะว่ายังไง หลานก็หิวปู่ก็จน (หัวเราะ) เท่านั้นละ ให้พร
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์อะไร ทาง internet
www.luangta.com