เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๒
ใจพระอรหันต์เป็นธรรมธาตุ
เราหาสมบัติเข้าคลังหลวงได้หลายชนิดนะ เข้าเยอะนะ ทองคำนี้เท่าไร (๑๒ ตันกับ ๑๒ กิโลครับ) เฉพาะทองคำ ดอลลาร์ก็ ๑๐ ล้านนะ ได้เข้าคลังหลวงเยอะ ตอนนี้กำลังสร้างตึกโรงพยาบาลช่วยคนไข้ ๑๐ ชั้น เราว่าอย่างนั้นละ จะให้พอไม่พอ เครื่องเวชภัณฑ์ไม่พอ เวชภัณฑ์ ๓๐๐ ล้านไม่พอ สร้างตึก ๒๐๐ ล้าน เราว่าเครื่องเวชภัณฑ์อีก ๓๐๐ ล้านจะพอฟัดพอเหวี่ยงกันว่าอย่างนั้น แต่พิจารณาแล้วไม่พอ ไม่พอหาใหม่ หาเรื่อยๆ
จิตใจให้ใฝ่ธรรมนะ อย่าเพลิดเพลินกับโลกเกินไป ไม่ถึงไหนนะโลกจะพาจมนะ ถ้ากับธรรมนี้ฉุดขึ้นๆ อย่าดูแต่สิ่งภายนอกมาหลอกจิตใจให้ดีดให้ดิ้นไปตาม นั่นละจะพาจม ให้ดูหัวใจเจ้าของบกพร่องศีลธรรมอันใด อันนี้ละเป็นจุดยืนตัว ถ้าศีลธรรมมีอยู่ภายในใจอะไรภายนอกไม่ค่อยสำคัญนะ มันดูดเข้ามาอยู่ในนี้หมดเป็นหลักใหญ่ หลักใหญ่อยู่ที่ใจ อะไรๆ ก็ตามพอใจมีธรรมเข้าสู่ตัวเองแล้วอะไรเหล่านั้นมันจะไหลเข้ามา ไหลเข้ามา มันหนักอยู่ที่นี่ อันนั้นจืดไปจางไป ไหลเข้ามาแน่นหนามั่นคงเข้าเรื่อยๆ มันไม่มีหลักใจมันจึงคว้าเอาภายนอก ไม่รู้จักเป็นจักตาย ถ้ามีใจเป็นหลักแล้วมันค่อยดึงดูดเข้ามา ดึงดูดเข้ามา สิ่งทั้งหลายดูดเข้ามาหาใจ ใจชุ่มใจเย็นใจสบาย
นี่พูดให้ท่านทั้งหลายฟัง นี่ก็จวนตายแล้ว อายุเท่าไรแล้ว ๙๗ แล้ว จะไปถึงร้อยอะไรอายุคนเรา ๙๗ มันก็เตรียมพร้อมแล้ว (อายุยืนไปร้อยกว่า) คอยอยู่ร้อยกว่านะ เดี๋ยวนี้มันไม่คำนึงเลยนะ อายุเท่าไรต่อเท่าไรไม่สนใจนะ ดูแต่ธาตุขันธ์ลมหายใจ ไม่ไปดูข้างนอกข้างในอะไรที่ไหน ดูกาลเวลาที่จะไปแล้วเหรอ ปุ๊บไปเลย ประวัติของพระสาวกทั้งหลายไม่ค่อยมีนะ มีพระพุทธเจ้า พระสารีบุตร พระโมคคัลลาน์ พระอานนท์ พระกัสสปะ นี่ละบรรดาสาวกทั้งหลายท่านเป็นพระอรหันต์นะ ท่านตายง่าย อยู่ที่ไหนๆ ถึงเวลาแล้วปั๊บเข้าร่มไม้ร่มไหนแล้วไปเลยๆ
เพราะฉะนั้นประวัติของพระสาวกจึงไม่ค่อยมีมาก มีปรากฏชัดเจนก็คือพระสารีบุตร พระโมคคัลาน์ พระอานนท์ พระอัญญาโกณฑัญญะ นี่เป็นรัตตัญญู ตรัสรู้ก่อนใครๆ พระอัญญาโกณฑัญญะ นอกจากนั้นพระสาวกนิพพานเงียบๆ นะ คือท่านไปง่ายๆ เข้าร่มไม้ร่มไหนไปเลยๆ คือท่านหมดกังวลทุกอย่าง ดูแต่ลมหายใจกับธาตุขันธ์ที่มันครองกันอยู่ มีใจครอง พอถึงกาลเวลาแล้วดูแล้วปั๊บดีดผึงเลย ใจนี้เป็นธรรมธาตุ นะ ใจพระอรหันต์เป็นธรรมธาตุ พอธาตุขันธ์แตกกันแล้วจิตนี้เป็นธรรมธาตุไปเลย
ภาคปฏิบัติเป็นภาคที่แน่นอนแม่นยำมากนะ ไม่สงสัยเลย พอจับปั๊บเข้าไปนี้มันกระเทือนถึงพระพุทธเจ้าทั้งหลาย กระเทือนถึงกันหมดเลยนะ ไม่ว่าสาวก ไม่ว่าพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์เป็นอันเดียวกันเลย เป็นอันเดียวกันเลย ถ้าว่าเสมอก็คือท่านผู้สิ้นกิเลสแล้วเป็นอันเดียวกัน นับแต่พระพุทธเจ้าลงมาถึงสาวกองค์สุดท้าย พอสำเร็จเท่านั้นละเป็นอันเดียวกันเลย ไม่ถามกัน มีอย่างเดียวกันหมดเลย นั่นละที่ว่าเอกนามกึ หนึ่งไม่มีสอง ไม่ได้วัดได้ตวงได้เทียบได้เคียงกัน พอถึงขั้นบริสุทธิ์แล้วปั๊บเป็นอันเดียวกันหมดๆ เลย
นี่ละธรรม ที่ว่าสวากขาตธรรมตรัสไว้ชอบอย่างนี้ละ ธรรมพระพุทธเจ้าไม่มีผิด จึงเรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้วๆ ทุกขั้นทุกภูมิของธรรมจนกระทั่งถึงวิมุตติหลุดพ้น เป็นธรรมที่แน่นอนที่สุดคือพุทธศาสนาเรา เราไม่ได้ประมาทเราเอาความจริงออกมาพูด เจ้าของศาสนาแต่ละศาสนานี้เป็นคลังกิเลส พระพุทธเจ้าคลังแห่งธรรม คลังแห่งธรรมกับคลังกิเลสสอนโลกต่างกันอย่างไร คลังแห่งธรรมออกไหนจ้าเลย คลังของกิเลสออกไปก็เป็นกิเลสไปเลย บางทีก็ดึงเข้ามาหาตัว ดึงเข้ามาหาตัว มันไม่พ้นเข้ามาหาตัวละธรรมกับกิเลสนั่นน่ะ ถ้าเป็นธรรมล้วนๆแล้วออกๆๆ เสมอเลย
รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM103.25 MHz
พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ
|