ความโลภเป็นภัยต่อธรรม
วันที่ 4 มิถุนายน 2543 เวลา 7:45 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
ข้อมูลเสียงแบบ(Win)   ข้อมูลเสียงแบบ(MP3)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๓

ความโลภเป็นภัยต่อธรรม

(วันนี้มีผู้มาฟังธรรมประมาณ ๓๐๐ คน)

เมื่อวานวันที่ ๓ มิถุนา ทองคำได้ ๕๐ สตางค์ ส่วนดอลลาร์ได้ ๙๓ ดอลล์ ทองคำ ๔,๐๐๐ กิโลนั้น เวลานี้ขาดอยู่ ๑,๙๕๔ กิโล ทองคำที่เราตั้งใจว่าจะได้มอบในการช่วยชาติคราวนี้ ๔,๐๐๐ กิโล เวลานี้ได้แล้ว ๒,๐๔๖ กิโล ยังขาด ๑,๙๕๔ กิโล ในจำนวนที่จะมอบในเร็ว ๆ นี้ ๑,๐๐๐ กิโล ได้แล้ว ๑,๐๐๙ กิโล ดอลลาร์ ๑ ล้าน เวลานี้ยังขาดอยู่ ๒๗๐,๘๗๒ ดอลล์ ตัดมันหางสั้นเข้าไป ๆ นะ

วันนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมากแหละ เพราะพูดทุกวัน ๆ พูดนี่พูดเพื่อชาติบ้านเมืองนะ แต่หนักมาก แบกชาติ แบกบ้านแบกเมืองนี้หนัก เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง ส่วนมากมีแต่เรื่องถังขยะ ๆ ถังส้วมถังถานมายุ่ง แหม อะไรก็ไม่รู้ หาความสะอาดมาเฉียดธรรม ซึ่งเทียบกับทองทั้งแท่ง ไม่ค่อยจะมีนะ มีแต่พวกถังขยะถังมูตรถังคูถมันทับเข้ามา ถมเข้ามา แล้วจะหาความสุขมาจากที่ไหนคนเรา เมื่อฝืนต่อหลักความจริงคือธรรมแล้ว หาความสุขไม่ได้นะ ใครจะว่ามีเงินมีทองกองเท่าภูเขา มันก็เสกเป่าเฉย ๆ ความทุกข์เต็มหัวใจ ๆ ด้วยกัน

ความโลภนี้สำคัญนะ จนกลายเป็นเรื่องความตะกละตะกลามไปเลยนะ หมดหิริโอตตัปปะ ความโลภมันได้แสดงตัวมัน มันเป็นภัยต่อโลกมาก อย่างที่ท่านแสดงไว้ว่า โลโก ธมฺมานํ ปริปนฺโถ แปลตามศัพท์ตรง ๆ ว่า ความโลภเป็นอันตรายต่อธรรมทั้งหลาย คำว่าธรรมคือ ความดีงาม คนดีงาม ความประพฤติดีงาม สมบัติเงินทองข้าวของมีอยู่ด้วยความดีงาม หามาด้วยความดีงาม แต่ความโลภนี้เข้าไปกลืนหมด แหลกหมด ท่านว่าเป็นอันตรายต่อความดีงามทั้งหลายนี้ เรียกรวม ๆ ว่า เป็นอันตรายต่อธรรม ธรรมคือความดีงาม

ความโลภมันของเล่นเมื่อไร แล้วต่างคนต่างส่งเสริมขึ้นมาไม่รู้เนื้อรู้ตัวนะ จนกลายเป็นความตะกละตะกลามไปเลย เวลานี้โลกขนาดนั้นนะ ถ้ามันหยาบมากเขาเรียก ตะกละตะกลามไปเลย เวลานี้ก็อย่างนั้นละ เรานี้ก็สอนมาเต็มเม็ดเต็มหน่วย ด้วยความเมตตาล้วน ๆ ไม่มีอะไรเลยเกี่ยวกับโลกสงสารที่จะแบ่งสันปันส่วนแม้เม็ดหินเม็ดทราย มันไม่มีในหัวใจเลย มีแต่ความเมตตา แล้วก็เห็นแบบนี้แหละ ไอ้พวกถังขยะ ถังมูตรถังคูถ มันแสดงความตะกละตะกลามออกมาอย่างผาดโผนโจนทะยาน

อันนี้ที่น่าทุเรศมากจริง ๆ เหมือนว่า ชาวพุทธเรานี้ไม่ได้เป็นชาวพุทธเลย เป็นชาวเปรต ชาวผี ชาวตะกละตะกลามไปด้วยกันหมด ฟังให้ดีนะ น่าทุเรศขนาดนั้นแหละเวลานี้ นี่ละกิเลสมันเข้าอยู่ในหัวใจผู้ใด มันแสดงออกมาอย่างผาดโผนโจนทะยานด้วยความตะกละตะกลาม นี้ตัวสำคัญมากนะ หยาบไหมตะกละตะกลาม หยาบไหมพิจารณาซี คือ กินไม่เลือก ขอให้ได้กิน ขอให้ได้กลืน อันนี้ที่หยาบโลนมากที่สุด

เรานี่หนักใจนะการสั่งสอนโลก รื้อฟื้นฉุดลากออกจากหล่มลึก มันก็บืนกัน นอกจากนั้นก็มาเห็นว่า เราเป็นภัยต่อมันเสียอีก นี่ซิมันยิ่งหนักเข้าไปอีกนะ โห น่าทุเรศเหมือนกัน เดี๋ยวนี้จะไม่มีบาปมีบุญติดหัวใจชาวพุทธเราแล้วนะเวลานี้ ไม่ว่าส่วนย่อยส่วนใหญ่ส่วนไหน ใหญ่เท่าไรความสกปรกโสมมยิ่งหนัก ออกหน้าออกตา ศีลธรรมจะแทรกออกไปไม่ได้เลย ถ้ามีศีลธรรมประจำ ๆ ทุกคน ตั้งแต่ครอบครัวหนึ่ง ๆ นี่ละรากฐานของโลกก็คือ ครอบครัวแต่ละครอบครัว ๆ มีศีลมีธรรมด้วยกัน ผัวกับเมียไม่ทะเลาะกันนะ ต่างคนต่างอยู่เย็นเป็นสุข ฝากเป็นฝากตายกันได้เพราะศีลธรรม มีขอบมีเขต เอาศีลธรรมเป็นรั้วกั้นบังคับเอาไว้ ไม่ทำสิ่งชั่วช้าลามก ซึ่งเป็นเครื่องความแสลงแทงใจซึ่งกันและกันไม่นำมาใช้ นี่เรียกว่า ธรรม ไม่ได้อยู่ในความว่ามีว่าจนนะ อยู่ที่น้ำใจและความประพฤติที่ปฏิบัติต่อกันนี้คือ ธรรม สำคัญตรงนี้

ถ้านี้มีประจำใจ ๆ ตั้งแต่พ่อแม่ลงไปหาลูก ลูกก็เป็นลูก ได้รับความชุ่มเย็นอบอุ่นจากพ่อจากแม่ เพราะมีศีลมีธรรม ไม่ระแคะระคาย ไม่ทะเลาะเบาะแว้งระหว่างพ่อกับแม่ให้ลูกได้เห็น ลูกก็อบอุ่นเย็นใจ ไปที่ไหนก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ลูกเขาเหมือนกัน ลูกเราเหมือนกัน ต่างออกมาจากแบบพิมพ์ที่ดีด้วยกัน นี่ละธรรม เห็นคุณค่าอยู่อย่างนี้ แต่มันไม่ได้สนใจนะ มันถึงเป็นฟืนเป็นไฟเผากันตลอดเวลา เพราะไฟมันซึมซาบอยู่ตลอดเวลา แล้วก็ออกอย่างผาดโผนโจนทะยาน ไม่มีความละอายบาปละอายบุญละ มันออก

ถ้าธรรมแทรกอยู่ตรงไหน ๆ นับตั้งแต่ครอบครัวเหย้าเรือนลงไป จนกระทั่งถึงส่วนรวมเป็นระยะ ๆ หัวหน้าบ้านดี ลูกบ้านก็เกรงขามและมีความเคารพรัก แล้วหัวหน้าไปเป็นลำดับ ตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือข้าหลวง ขึ้นไปเป็นลำดับจนกระทั่งถึงรัฐบาล ต่างคนต่างมีธรรมประจำตัวทุกคน ๆ ไปปฏิบัติหน้าที่การงาน เมืองไหนจะชุ่มเย็นยิ่งกว่าเมืองไทยเราที่เป็นชาวพุทธ และได้ปฏิบัติตามหลักแห่งธรรมพระพุทธเจ้า ไม่มีบ้านไหนเมืองใดจะเจริญรุ่งเรืองกว่าบ้านเมืองที่มีธรรมนะ ถ้าไม่มีธรรมตรงไหน นั้นละคือฟืนคือไฟแทรกไปแล้ว ๆ มันแทนกันทันที ไฟนั่นแหละมันเผา ถ้าไม่มีธรรม ไฟก็เผา

เวลานี้เราหาดูซิที่ว่านี่ มันมีที่ไหน แทบจะไม่ปรากฏนะ ยิ่งแสดงความผาดโผนโจนทะยานลงมาด้วยอากัปกิริยาของนรกจกเปรต ตะกละตะกลาม กินไม่เลือก ๆ กลืนไม่เลือก มันกินไปหมดตลอด ดะไปเลย นี่เห็นไหมความโลภ นี่ละมันเป็นอันตรายไหมที่ว่าเหล่านี้ หรือมันเป็นคุณต่อโลกเหรอ ใครโลภมากเท่าไรยิ่งเป็นคุณต่อโลก เป็นคุณต่อตัวเอง เป็นคุณต่อบ้านต่อเมืองอย่างนั้นเหรอ ไปหาซิมีที่ไหน

ความไม่โลภ ความมีอรรถมีธรรม ความรู้จักขอบเขตความพอดิบพอดีต่างหาก จะพาให้โลกมีความร่มเย็นเป็นสุข แต่ไม่สนใจมาปฏิบัติ เนื่องจากกิเลสมันลากมันไถไปเรื่อย ๆ รากฐานของมันคือราคะตัณหา รากฐานของกิเลสที่จะแสดงลวดลายออกมาทำโลกให้เดือดร้อนวุ่นวายไปทั่วดินแดนเรานี้ คือ ตัวราคะตัณหา แล้วต่างคนต่างเสริมเรื่อยนะ ไม่มีใครว่าจะลดหย่อนอ่อนข้อลงไปในการส่งเสริมราคะตัณหานี้ ทุกอย่างอากัปกิริยาแสดงออกมานี้ เป็นเรื่องของราคะตัณหาออกตลาดทั้งนั้นนะ

ดูซี เพียงเมืองไทยของเรานี้ แต่ก่อนพ่อแม่ของเราเคยเห็นมีไหม การนุ่งการห่มเป็นยังไง เรียบร้อยสวยงาม ประเพณีของชาวไทยเรามีขนบธรรมเนียมมาแต่ปู่ย่าตายาย เวลานี้ลูกหลานเกิดขึ้นมานี้ มันฆ่าพ่อฆ่าแม่ไปหมดเลยนะ เอาแต่งมา ยิ่งไอ้พวกลัทธิไม่มีศาสนา ลัทธิราคะตัณหาเขามีความฉลาดดัดแปลงแต่งเครื่อง แต่งเนื้อแต่งตัวต่างๆ มาเฉียดเมืองไทยเรานี้ล้มไปหมดเลยนะ แต่งเนื้อแต่งตัวนี้ดูซิเมืองไทยเราเวลานี้มีไหม ขนบประเพณีของชาวไทยเราซึ่งเป็นเนื้อเป็นหนังของเรามาตั้งแต่โบร่ำโบราณ มันมีที่ไหนเวลานี้

ก็ราคะตัณหาตัวนี้เองทำอวดกัน อวดก็อวดราคะตัณหานั่นเอง จะอวดอะไร เพื่อฟืนเพื่อไฟ ไม่ใช่อวดเพื่อความชุ่มเย็นนะ แหลกเหลวไปหมดแต่งเนื้อแต่งตัว จนกระทั่งไอ้ตูบ หมาดำหูมันตูบๆ มันคงรำคาญตามันบ้าง หรือมันรำคาญเหลือประมาณทนไม่ได้ มันถึงมาเตือนเสียบ้างก็ไม่ผิดนะ เราเห็นหนังสือพิมพ์ออกมา เห็นการ์ตูน เห็นหมาดำไอ้ตูบตัวหนึ่ง เขาเขียนรูปการ์ตูนเอาไว้ แล้วผู้หญิงคนหนึ่งนุ่งซิ่นมา ข้างหนึ่ง(หนีบ)ผ่า จนจะเห็นหีมันนู่นละ ผ่าเข้ามานี้ แล้วข้างหนึ่งยังไม่ผ่า ไอ้ตูบมา มันก็มาคาบทางนี้ มาคาบดึง แล้วก็ตบหัวไอ้ตูบนะ ผู้หญิงคนนั้นละ มาตบหัวไอ้ตูบ มาคาบทำไมว่างั้น ตรงนี้ยังไม่หนีบ ตรงนี้ยังไม่ผ่า มันว่างั้น ถ้าผ่าหมด เลิกหมดเลยแล้ว จะเห็นเป็นเหมือนกับไอ้ตูบนี่แหละ มันว่างั้น เดี๋ยวนี้ยังไม่ถึงขั้นไอ้ตูบนะ ยังเป็นลูกศิษย์ไอ้ตูบ

เอาเรียนเก่งๆ ปฏิบัติเก่งๆ ให้มันเก่งกว่าไอ้ตูบซิ เลิกหมดเลยทั้งหญิงทั้งชาย ให้มีแต่หำแต่หีเต็มบ้านเต็มเมืองอวดกัน แล้วเป็นยังไง หมานี่วิ่งเข้าป่าหมดเลย ถ้าใกล้ทะเลลงทะเลหมดแล้ว..หมา เห็นไหมนี่ ลัทธิหมามันเข้ามาแทรกบ้านแทรกเมืองของเรา มีศีลมีธรรมที่ไหน สิ่งเหล่านี้เป็นความสวยงามของมนุษย์ที่มีศีลธรรมอยู่ด้วยกัน แต่งเนื้อแต่งตัวสุภาพเรียบร้อย พอเหมาะพอดี เป็นที่งามตาชื่นใจด้วยความมีศีลมีธรรมด้วยกัน อันนี้มันยิ่งกำเริบเสิบสานเอาฟืนเอาไฟมาเผากันนะ แต่งแบบที่ไอ้ตูบไปสอนนี่น่ะ พวกเรามันสู้ไอ้ตูบไม่ได้ ไอ้ตูบต้องไปสั่งสอน มันไปคาบผ้าซิ่นดึงๆ ตบหัวมันนะ มึงมาคาบทำไม ตรงนี้ยังไม่หนีบ ตรงนี้ยังไม่ผ่า มันว่างั้น ให้ผ่าให้หมด หนีบให้หมด เลิกออกหมดเสีย ถ้ามันลงขนาดนี้แล้ว ให้เปิดเต็มที่เสีย อย่ามาทำวับๆ แวมๆ อย่างนี้ รำคาญตาไอ้ตูบเหลือเกินจึงมาคาบเตือนนี่แหละ ความหมายจะว่างั้น

พวกเรานี่เป็นยังไง หมาเราอยู่ในวัดป่าบ้านตาด ตัวหูตูบมันมีหลายตัวนะ ให้ระวัง เดี๋ยวเราจะเตือนหมาเราอีกเสียก่อน เตือนหมาไอ้ตูบเรานี่แหละ บอกมึงเตรียมตัวไว้ประตูวัดนะ ใครวับๆ แวมๆ มึงคาบลากลงคลองไปเลย บอกให้มันคาบลากลงคลองไปเลย นั่นน่ะห้วยหมากแข้ง อยู่ตรงนั้น มันเก่งนักพวกนี้ ช่วยกูหน่อย มันเก่งนัก เวลานี้เรายังไม่ได้สอนไอ้ตูบ มันยังไม่ถึงขั้นรุนแรง พอจะสอนไอ้ตูบให้ช่วย เราก็เลยช่วยเสียก่อนเวลานี้ ต่อไปไอ้ปุ๊กกี้ก็ มันมีตูบอยู่ปลายหูมันนิดหน่อย ไอ้นี่วับๆๆ มีหูตูบ บางตัวไอ้ตูบ ยิ่งเสี่ยวพระนั่นยิ่งเก่งนะ หางมัน เขาเรียก หางด้วนก็ไม่ใช่ด้วนนะ มันมีหางนะ หูมันตูบหมด ไอ้นี่ตัวจะเดือดร้อนมากกว่าเพื่อนนะ จะต้องได้รับใช้ตลอดเวลาเลย ให้ไปคาบคนนั้น ให้ไปคาบคนนี้

แล้วคนมาวัดป่าบ้านตาดมากขนาดไหน ไอ้พวกตัววับๆ แวมๆ นั่นน่ะ ตัวทำลายชาติบ้านเมืองขนบประเพณีของพ่อของแม่ ปู่ย่าตายายไม่มีเหลือนี่ ราคะตัณหาตัวนี้แหละ มันกลืนมันคาบไปหมดเลย ดีไม่ดีมันจะคาบหูไอ้ตูบไปด้วยนะ ไอ้ตูบไปเตือนไปคาบผ้ามัน เดี๋ยวมันฟาดหูไอ้ตูบอีก ไอ้ตูบจะหูกุดหูด้วนไปอีก ระวังยากนะ ไม่ทราบว่าจะมาทางไหนภัยนะ ไอ้ตูบไปเตือนภัย เดี๋ยวมันจะฟาดไอ้ตูบเข้าอีก ไอ้ตูบเลยเป็นภัยใหญ่เลย

นี่เห็นไหม ราคะตัณหาตัวนี้ ตัวมันรุนแรงเวลานี้น่ะ เขาผ่านออกมาจากเมืองนอกเขา อุบายหาเงินเขา เราก็เซ่อสุดเซ่อ โง่สุดโง่ เขามาอะไรคว้ามา ๆ มาอวดกัน แต่งเนื้อแต่งตัวจนจะดูไม่ได้นะเวลานี้ พวกชาวไทยเรานี้เป็นกันหมดทุกภาคนะ มันระบาดสาดกระจายเร็วที่สุดนะ ถ้าเรื่องความสกปรกโสมมเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้สัตวโลก เฉพาะอย่างยิ่งชาวพุทธเรานี้ มันระบาดสาดกระจายไปหมด มองดูบ้างซิ ศีลธรรมมี ทำไมไม่สังเกตบ้าง

แต่งตัวเอามาอวดกัน เยาะเย้ยตัณหา ไปเยาะเย้ยมันอะไรตัณหาน่ะ มันเหยียบหัวเราตลอดเวลา ไปเยาะเย้ยมันหาอะไร เรายังไม่รู้ตัวอยู่หรือ ไปที่ไหนจนจะดูไม่ได้นะ ทุเรศจริงๆ ขนบประเพณีของพ่อของแม่ไม่มีเหลือแล้วเวลานี้ เมืองไทยเรานี้ไม่มีอะไรเป็นเนื้อเป็นหนังนะ โลเลมากที่สุด ไม่มีหลักเกณฑ์เป็นเนื้อหนังของตัวเองเลย คือเมืองไทยเรานี้ พูดตรงๆ

เราก็เป็นคนไทย แล้วนำศาสนาที่เยี่ยมที่สุดมาสอนโลก แล้วก็มาเห็นความสกปรกโสมมที่สุดแล้วมันก็เข้ากันไม่ได้ ทีนี้มันก็คละเคล้ากันกับศาสนานี่ มันถึงได้เกี่ยวโยงได้สอนกันอยู่เวลานี้ ถ้ามันเป็นหมาหมดทั้งตัวเสียจริง ๆ ก็ไม่ต้องสอนมัน เพราะพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ไม่เคยมาสอนหมานะ สอนคน นี่เห็นว่าข้างหนึ่งเป็นคนข้างหนึ่งเป็นหมา เลยฉุดลากข้างที่เป็นหมา เพื่อจะให้เป็นคน เหมือนไอ้ตูบมันฉุดลากข้างหนึ่งที่ยังไม่หนีบยังไม่ผ่านั่นแหละ มันช่วย ถ้าหากว่าเปลือยเสียจริง ๆ แล้ว ดีไม่ดีไอ้ตูบเผ่นเลยละ สู้ไม่ได้

นี่มันเป็นอย่างนั้นนะพวกชาวไทยเรา ไม่มีหลักมีเกณฑ์เลย ขนบประเพณีเป็นของตัวเอง เป็นเนื้อหนังของชาติไทยเรานี้มีเหลือที่ไหนเวลานี้ ไม่เห็นมีนะ เลอะๆ เทอะๆ ดีไม่ดี ไปมีอยู่ตามบ้านนอกบ้านนาเขาต่างหากนะ การแต่งเนื้อแต่งตัวมีความสุภาพเรียบร้อย น่าดูน่าชม น่าชื่นอกชื่นใจ สมว่าผู้มีศีลธรรม นอกจากนั้นภายในเท่าไร ยิ่งเป็นนรกอเวจีไปหมดนะ มันคลุกเคล้าไปด้วยความสกปรกโสมมทุกอย่าง ทั้งส้วมทั้งถานทั้งขยะมูลฝอยทุกอย่าง มีอยู่ในนั้นหมดเลยนะ

แล้วว่า บ้านนั้นเจริญ บ้านนี้เจริญ ยิ่งใครเขาไปเมืองใหญ่ออกมานี้ โห โอ่อ่านะ เฉพาะอย่างยิ่งในเมืองไทยของเรานี้ ก็ถือว่า กรุงเทพฯ กรุงเทพฯ แปลว่า เป็นเมืองเทวดา มันเมืองเปรต เมืองผียังไม่ได้ดูกันเหรอ เอาธรรมจับเข้าไปซี เมืองเปรตเมืองผีมันอยู่ตรงนี้แหละ รวมกันอยู่นี้หมด กรุงเทพฯ เทวดามันจะมีสัก ๒-๓ ตัวหรือ ๒-๓ คนก็ไม่รู้นะ นอกนั้นมีแต่เปรตแต่ผีเต็มบ้านเต็มเมือง ทุกอย่างความสกปรกโสมม ความเดือดร้อนวุ่นวาย อยู่ในเมืองหลวง เมืองหลวงเป็นหัวใจแห่งฟืนแห่งไฟก็ไม่ผิดแหละทุกวันนี้ เพราะไม่มีศีลธรรมเข้าแทรกแซงเลย มันกลายเป็นเมืองผีเข้าไป

การปกครองบ้านเมืองก็ กรุงเทพฯ เป็นเมืองใหญ่ที่สุด เป็นเมืองปกครองบ้านเมือง แล้วนรกอเวจีมันก็อยู่ที่นั่น ความตะกละตะกลาม ความเห็นแก่ได้ เห็นแก่กิน เห็นแก่กลืนก็เต็มอยู่ที่นั่น ๆ กลืนนี้กลืนอะไร ไม่ใช่กลืนตับกลืนปอดมนุษย์กลืนใคร เหล่านี้ก็อยู่เมืองใหญ่นั่นแหละ ไม่ได้อยู่บ้านนอก ไม่มี ความเดือดร้อนของบ้านนอกจึงไม่ค่อยมีเหมือนในเมืองนะ แล้วสุดท้ายก็ในเมืองใหญ่ๆ นั่นแหละมันก่อไฟเผาออกมา ตาสีตาสาอยู่ตามท้องนาก็ร้อนไปตาม ๆ กันหมด ตาสีตาสาจริง ๆ ไม่ได้ไปก่อไฟเผาใครนะ กองใหญ่ๆ นั้นละ กองเมืองเทวดานั้นแหละ เป็นเมืองเปรตเมืองผี เมืองความโลภไม่พอ ตะกละตะกลาม มันกลืนไปหมด กลืนไปหมดเลย เราเห็นไหม

นี่แหละ เรื่องไม่มีศาสนาในใจ มีแต่ฟืนแต่ไฟ หวังแต่จะร่ำจะรวยจะสวยจะงาม จะดีจะเด่น ไม่ทราบเอาอะไรมาดีมาเด่น ก็สร้างตั้งแต่ความชั่วทั้งวันทั้งคืน มันเอาความดีความเด่นมาจากไหน ก็มีแต่ฟืนแต่ไฟเผาหัวอกตัวเองแล้วยังไม่แล้ว เผาคนอื่นอีก ก็มีเท่านั้นนะเรื่องความชั่ว อย่าเข้าใจว่า มันจะเอาความดิบความดี ความสุขความเจริญ สงบสุขร่มเย็นมาสู่บ้านสู่เมืองนะ ไม่มี มีแต่ฟืนแต่ไฟทั้งนั้น ให้พี่น้องทั้งหลายรู้เนื้อรู้ตัวทุกคนนะ วันนี้ก็ไม่พูดมากอะไรนักนะ พูดแค่นี้แหละเหนื่อย..

ลูกศิษย์จากฮาวายมากราบเรียนถามปัญหา

ลูกศิษย์ ลูกศิษย์จากต่างประเทศฝากมากราบเรียนถามปัญหาหลวงตาว่า นักปฏิบัติจะสามารถสัมผัสสภาวธรรม ที่เรียกว่า นิพพานชั่วคราว ได้หรือไม่อย่างไรค่ะ

หลวงตา แต่ผู้ทำความชั่วช้าลามก เป็นหมูเป็นหมาดังที่เทศน์อยู่ตะกี้นี้ มันจะครองความทุกข์ได้ชั่วคราว นอกนั้นมีแต่ความสุขอย่างนี้ได้ไหม เอาตอบมา หือ มันสร้างแต่ความชั่วช้าลามกเต็มหัวใจ แล้วมันจะครองนรกได้ชั่วคราวไหม นรกบีบหัวมันตลอดกัปตลอดกัลป์ไม่เห็นพูดบ้างเลย เข้าใจหรือเปล่าล่ะ นรกจะมีชั่วคราวได้ยังไง ก็สร้างแต่ความชั่วตลอดเวลาแล้วนรกจะมีชั่วคราวได้ยังไง มันก็เผาตลอดล่ะซี

สร้างนิพพานก็เหมือนกัน สร้างมากได้มาก สร้างน้อยได้น้อย ไม่สร้างเลยมีแต่จมนรก เข้าใจหรือเปล่าล่ะ ไปบอกเขาอย่างนั้น และบอกตัวเองก่อนไปบอกเขานะ อย่าไปบอกคนอื่น เขาฝากมา ๆ เหมือนเราไม่มีปัญหาอะไร นี่ตัวปัญหาตู้ใหญ่อยู่นี่ ถามมาเห็นไหมล่ะ ปั๊บเลย ถามมาปั๊บ ๆ ออกเลย พูดจริง ๆ นะ เราไม่โอ้ไม่อวด ธรรมนี่กระเทือนทั่วโลกธาตุ อะไรมาสัมผัสปั๊บ มันจะออกทันที ๆ

นี่ซี ที่ไม่มีใครสนใจมันก็ไม่รู้ไม่เห็นว่าธรรมเป็นยังไง ปั๊บมาปั๊บเลย ๆ ทันที เหนือขนาดไหนเหนือโลก ติดอะไร ข้องอะไร คาอะไร แม้จะไปติดเขา บ้านนั้นเคยเห็นไหม ก็บอกว่าไม่เคยเห็น แต่บ้านเราเราเคยเห็น เราอยู่บ้านเรา แน่ะเราก็ไม่ติด ติดบ้านเขา เราไม่ติดบ้านเรา ติดเขา เราไม่ติดเราเป็นไรไปใช่ไหมล่ะ ติดใครก็ติดซี เราไม่ติดเราเสียอย่างเดียว ดีหมด ถ้าติดเราซี เดี๋ยวติดหมดทั้งโลกธาตุ แน่ะ มันก็อย่างนั้น

หลวงตา อยากได้นิพพานชั่วคราวไหม

ลูกศิษย์ ไม่อยากได้ค่ะ

หลวงตา นึกว่าอยากได้ เราก็ให้ไปตายเสียชั่วคราว แล้วค่อยฟื้นมาใหม่

โอ๊ พูดจริงๆ นะ เอาธรรมออกมาพูด เราไม่ได้โอ้ได้อวดเหยียบย่ำทำลายใคร ธรรมเป็นธรรมล้วน ๆ สอนถังขยะนี่ แหมว่างั้นเลย บืนนะที่เราช่วยโลกทุกวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ออกแสดงนี้เรียกว่าบืนไป บืนจับขี้จับมูตรจับคูถไปอย่างนั้นแหละ เป็นอย่างนั้นนะ ถ้าธรรมดาแล้ว อึ๋ย ว่างั้นเลย ฟังแต่ อึ๋ย มันสกปรกขนาดไหนโลก มีแต่กองทุกข์จากความสกปรกคือ การทำชั่ว มันจะหาความดีที่ไหนมา

ใครมาก็อวดดี อวดดีอะไร ชั่วมันเต็มตัว มันเอาดีมาพูดเฉย ๆ ประดับร้าน ตัวของมันเองคือฟืนคือไฟ ยิ่งผู้มียศถาบรรดาศักดิ์สูง ๆ ใหญ่ ๆ โอ่อ่าฟู่ฟ่า มีเงินเป็นจำนวนไม่ทราบกี่ล้าน ๆ ๆ ทั้งเอาไปฝากเมืองนอก ทั้งขุดอุโมงค์ภายในเก็บเอาไว้ เอาเงินกองไว้ไนอุโมงค์ นี้ละตัวนรกทั้งเป็นนรกทั้งตายอยู่ตัวนี้หมด สายตาของธรรมจับปุ๊บ เห็นหมดเลย

นั่นมันยังโอ่อ่านะ โอ่อ่าในกองฟืนกองไฟที่จะเผามันในเมืองผีอีก เมืองคนนี้มันก็ปิดไว้เสีย ที่ไฟเผาหัวอกมันอยู่นี้ มันเอาเรื่องสิ่งภายนอกมาโอ่อ่า ยศถาบรรดาศักดิ์ เอาเงินทองข้าวของมาประดับให้โลกตาบอดดู ก็หลงเป็นบ้าไปตามมัน ภายในมันคือไฟ เผาหัวอกมันอยู่ตลอดเวลา ใครจะหนัก ไฟจะเผามากยิ่งกว่าพวกนี้ ว่างั้นเลย นี่ละสายตาของธรรม จับเข้าไปมันเห็นหมดจะว่าไง พระพุทธเจ้าสอนโลกได้ยังไงถ้าไม่เห็น มาสอนลูบ ๆ คลำ ๆ ได้เหรอ ธรรมถ้ามันเป็นแล้วมันเห็นหมดนี่ว่าไง พูดแล้วเหนื่อย เอาละจะให้พร

……………………………………..

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร WWW.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก