เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๕
อปริหานิยธรรม
เวลานี้รวมทองคำทั้งหมดได้ ๕,๓๙๖ กิโล อันนี้รวมทองคำกฐินเข้าด้วย เว้นกฐินเงินสดที่ฝากไว้ในธนาคาร ยังขาด ๕๐๐ กิโลที่เราจะมอบวันที่ ๑๐ ธันวา อยู่ ๑๖๓ กิโลครึ่ง
ธรรมไม่เหมือนโลก ต้องมีความเสมอ ไม่หนักโน้นเบานี้ ถ้ากิเลส...ไม่มี คำว่าประมาณไม่มี...กิเลส แต่ธรรมนี้มีตลอดตั้งแต่เล็กจนใหญ่สุด ธรรมจะมีพอเหมาะพอดีติดไปเลย เรียกว่าธรรม (อาจารย์ไพโรจน์ ดอยปุย ถวายทองคำกฐิน ๑ บาทค่ะ) เออ ท่านไพโรจน์ ดอยปุยนี้ ดูว่าบ้านเดิมอยู่ทางหนองคาย ท่านไปอยู่ดอยปุยนานแล้ว ท่านสนิทสนมกับพวกคนป่า พูดนี้ฟังไม่ทันเลย เขาเรียกพวกแม้วพวกอะไรนี่ ท่านไพโรจน์ไปอยู่นั้น อย่างนั้นละเห็นไหมล่ะ พระไปอยู่ที่ไหน ธรรมไปอยู่ที่ไหนสมานกัน สมัครสมานประสานกันเข้า ที่มันเรี่ยราดสาดกระจายอยู่ เข้ารวมตัวเป็นแท่งเป็นชิ้นเป็นอัน อันนี้พวกแม้วของเล่นเมื่อไร แม้วก็คน นั่นน่ะ มันอยู่ที่คนนะ หัวใจมีด้วยกัน
ทางเจ้าหน้าที่รักษาป่าก็ไปอยู่ที่นั่น อันนี้ก็แปลได้ยากเหมือนกัน แต่คิดไม่ยาก มันจะมีอะไร ไอ้เรื่องกิเลสมันจะชอบเบ่ง เข้าใจไหมล่ะ ว่าเราเป็นเจ้าเป็นนาย เป็นเจ้าหน้าที่อำนาจบาตรหลวง ทำหน้าที่อะไร ๆ นี้ก็จะเอาหน้าที่ออกเบ่งแล้วก็เป็นอำนาจขึ้นมา อยากทำอะไรก็ทำละซี ทีนี้พวกนี้เขาทำงานของเขาตั้งแต่เมื่อไรอยู่ในป่าในเขา เราจะไปเบ่งเอาทันทีทันใดโดยหาเหตุผลไม่ได้ก็กระทบกันละซี สุดท้ายเจ้าหน้าที่กับพวกนี้เลยเข้ากันไม่ได้ เป็นข้าศึกต่อกัน อย่างนั้นนะ เจ้าหน้าที่ที่ว่าเก่ง ๆ แต่ก่อน โอ๋ย ถอยกรูด ๆ นะ เขาเอาจริงน่ะ มันเหมือนมดแดง กัดช่องนั้น กัดช่องนี้เข้ามา เลยอยู่ที่ไหนอยู่ไม่ได้ เข้าใจไหมล่ะ ทุกอย่างมันเข้าถึงกันได้หมด แผนการยังไง เราจะทำยังไง ๆ วิธีการใด ทางนี้ก็อยู่ไม่ได้ซี มันจะมาช่องไหนแบบไหนแบบใดไม่รู้ เผาบ้านเผาเรือนเผาอะไรเข้าไป ตกลงก็ร้อนเป็นไฟ เป็นอย่างนั้นนะ
พอดีพระไปอยู่ที่นั่น ท่านไพโรจน์เรานี่ อยู่หนองคายอยู่อำเภออะไรน้า ท่านอยู่นั้นนานแล้ว โอ๊ย เป็นเนื้อหนังอันเดียวกันกับพวกนั้น เขาเคารพนับถือท่านมาก เวลาท่านไปอยู่นั้นท่านก็สมัครสมาน ถามเหตุถามผลทั้งสองฝ่าย ฝ่ายนี้เป็นยังไง เหตุผลกลไกอะไร ฝ่ายนี้เป็นยังไง เหตุผลกลไกอะไร ถึงได้ทะเลาะเบาะแว้งทำความเสียหายแก่กันและกัน เข้าไปสืบไปเสาะเอา ไม่เอามาประจันหน้ากัน ค่อยสอดค่อยแทรกเข้าไปก็สนิททั้งสอง พระท่านก็สนิททั้งสอง ฝ่ายเจ้าหน้าที่ท่านก็สนิท ฝ่ายนี้ท่านก็สนิท
ท่านเข้านอกออกในแทรกนั้นแทรกนี้ได้เรื่องได้ราวมาทุกอย่าง แล้วค่อยอบรมคนละฝักละฝ่าย พวกนี้อบรมแบบนี้ ๆ ต่อไปก็เข้าประสานกันเลย ทีนี้เจ้าหน้าที่ก็ผาสุกเย็นใจ พวกนั้นก็ผาสุกเย็นใจ เวลานี้เย็นไปหมดเพราะท่านเป็นผู้สมาน เห็นไหมล่ะ เพราะฉะนั้นเขาถึงเคารพท่านไพโรจน์ที่อยู่ดอยปุย จะไปไหนเขาไม่ยอมให้ไป เห็นไหมล่ะ เขาเคารพ ตลอดถึงเจ้าหน้าที่ก็เหมือนกัน เพราะได้มีความกลมกลืนสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว เป็นมิตรเป็นสหายต่อกันระหว่างพวกชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ ทีนี้ฝ่ายไหนก็ไม่อยากให้ท่านไป ท่านเลยอยู่นั้น เราได้ไปพักวัดท่านเหมือนกันตอนที่ไปเทศน์ผ้าป่า
นี่พูดถึงเรื่องที่เอาทองคำมา ก็ท่านเองเป็นผู้ประกาศบอกคนป่าพวกแม้วหลั่งไหลมาฟังเต็มไปหมดเลย ก็มาเพราะท่านองค์เดียว เขาเคารพนับถือหมด ท่านพูดคำเดียวนี้ทั่วถึงกันหมดเลย ท่านอยู่ดอยปุย เราก็ไปเทศน์ที่นั่น นี่ละการสมัครสมานประสานสามัคคีกัน เป็นคุณเป็นประโยชน์มากมาย อะไรไม่ดิบไม่ดีเอามาซ่อม สมัครสมานเยียวยารักษา คุณภาพก็ค่อยปรากฏขึ้น ๆ แล้วใช้ได้ อันไหนไม่ดีก็ทิ้งไป ๆ สุดท้ายกลับมาเป็นข้าศึกต่อตัวเองอีก การทำลายไม่ดี การสมัครสมานเป็นของดี อวัยวะของเราส่วนไหนที่ไม่ดีรีบแก้ไข ควรใส่ยาอะไรให้รีบใส่ ตรงไหนบกพร่องให้รีบหาหยูกหายามาใส่เยียวยารักษาแล้ว อวัยวะส่วนวิการก็หายไป ๆ ไม่ใช่ว่าพอไม่ดีแล้วก็เอามีดตัดเข้าไปก็เพิ่มเลย
นั่นละความสมัครสมานสามัคคีเป็นความดีงาม พระพุทธเจ้าทรงชมเชย สามคฺคี สมคฺคานํ ตโป สุโข ความสามัคคีความพร้อมเพรียงแห่งหมู่คณะนี้ ทำความร่มเย็นเป็นสุขต่อกัน ท่านแสดงไว้ในหลักธรรมเป็นสูตร ๆ ความสามัคคีนี้ยกขึ้นตลอดนะ เช่น พร้อมเพรียงประชุม พร้อมเพรียงกันเลิก พร้อมเพรียงกันทำกิจที่สงฆ์จะพึงทำ มีแต่ความพร้อมเพรียง ๆ นี่ละธรรมของพระพุทธเจ้า เรียกว่า อปริหานิยธรรม ธรรมนี้อยู่ที่ใดจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองโดยถ่ายเดียว หาความเสื่อมไม่ได้ ความสามัคคี ความสมัครสมาน เป็นของสำคัญมากทีเดียว
อะไร ๆ ใครก็ชอบของดีทั้งนั้น ไม่ได้ชอบของชั่ว แต่การไปพูดไปกล่าวไปทำความชั่วแก่เขานี้ทำไมทำได้ ก็เพราะความขัดแย้งต่อธรรม เมื่อขัดแย้งต่อธรรมก็ทำลายกันได้คนเรา ถ้าต่างคนต่างมีความพร้อมเพรียงสามัคคี เอาหลักความถูกต้องเป็นจุดศูนย์กลางค่อยเดินเข้ามา ๆ ยอมรับกัน ใครผิดใครถูกยอมรับกัน ๆ อยู่กันได้ทั่วประเทศเขตแดน ถ้ามีแต่ความอวดดีอวดเด่น อวดรู้อวดฉลาด อวดอำนาจวาสนาป่า ๆ เถื่อน ๆ มารุกรานผู้อื่น ๆ ตลอดถึงส่วนรวมก็เป็นไฟไป ตั้งแต่ไฟกองเล็กเป็นไฟกองใหญ่เผาได้ทั้งบ้านทั้งเมือง ความอวดดีอวดเด่น การยุแหย่ทำลายการก่อกวนไม่ใช่ของดี ทำความแตกร้าวได้ทั้งนั้น ความประสับประสาน ตรงไหนไม่ดีรีบแก้ไข ๆ ก็ดีขึ้นทุกแง่ทุกมุม สุดท้ายก็ดีหมด นี่ละความพร้อมเพรียงสามัคคีพระพุทธเจ้าทรงชมเชยเป็นอย่างยิ่ง นี่ก็มีในสูตร
เราลืมพระเจ้าแผ่นดินอะไรนา เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าจะคอยฟังอุบาย เพราะพระเจ้าแผ่นดินกับบริษัทบริวารไม่ค่อยจะลงรอยกัน เขาไม่ค่อยเคารพนับถือ จะเข้าไปหาอุบายจากพระพุทธเจ้า พระองค์ยกปึ๊บขึ้นเลย ความพร้อมเพรียงสามัคคี ลดราวาศอกซึ่งกันและกัน อย่าถือดีถือเด่น มันจะเป็นชั่วเด่นไปเรื่อย เอาความดีเข้าประสานเสมอ ความดีจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเอาความชั่วเข้าไปที่ไหนเหมือนไฟเผาโลก เผาน้อยไหม้น้อย เผามากไหม้มาก ไหม้จนหมด นั่นท่านว่า แล้วก็มาลงในความสามัคคี อย่าถือดีถือเด่น อย่าอวดดีอวดเด่น ผู้น้อยก็คน ผู้ใหญ่ก็คน ท่านสอน ก็หมายถึงว่า หัวหน้าก็คน ลูกน้องเต็มแผ่นดินก็คน มีหัวใจด้วยกัน ให้สมัครสมานหาเหตุหาผลมาประสานกัน แล้วจะมีความแน่นหนามั่นคงยิ่งขึ้น นี่คือความรวมตัว
แล้วก็เข้าไปหาความสามัคคี ให้มีความสามัคคี หมั่นประชุมปรึกษาหารือกันเสมอ อย่าถือดีถือเด่น อวดรู้อวดฉลาด อวดอำนาจว่าตัวเป็นผู้ใหญ่ ๆ จิตใจคนมันใหญ่ด้วยกันทุกคน ตัวเล็ก ๆ เท่าหนูมันก็มีใจ..สัตว์ แม้แต่เด็กสมมุติไปเฆี่ยนไปตีเขานี้ เขาร้องไห้เขาเสียใจขนาดไหนเด็กมีหัวใจ เคียดแค้นให้ผู้ใหญ่ นั่น นี้เขามีอำนาจน้อยในทางเปิดเผยว่าเขาต่ำ ในทางลับ ๆ ซึ่งเป็นความจริงอันหนึ่งคือจิตใจมันมีเหมือนกัน เคียดได้โกรธได้ ดีได้ นั่น นี่ละท่านจึงให้เอาธรรมเข้าไปประสานแล้วจะดีไปหมด ถ้ามีธรรมเข้าไปตรงไหนแล้ว แทรกตรงไหนจะดีขึ้น ๆ ก็อย่างนั้น
อย่างเมืองไทยของเราที่ได้ดำเนินมาโดยลำดับ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ก็เป็นมาด้วยดีเพราะความสามัคคีของพี่น้องชาวไทยเรา คิดดูซิ อย่างช่วยชาติก็ทราบกันทั่วทั้งประเทศ ต่างคนต่างช่วย ๆ ใครอยู่แห่งหนตำบลใดมาช่วยสนับสนุนกัน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ฟื้นฟูขึ้นมาเป็นลำดับ เป็นที่พอใจขึ้นเป็นลำดับลำดานะเวลานี้ ก็อย่างนั้นแหละ เพราะความพร้อมเพรียง ความสามัคคี ความรักชาติเป็นแกนสำคัญ มีความพร้อมเพรียง ความสามัคคี พร้อมที่จะเสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองของเราซึ่งเป็นส่วนรวมอันใหญ่หลวงมาก ต่างคนต่างมีความพร้อมเพรียงกัน อย่าแตกแยกสามัคคี อย่าไปเที่ยวหาอวดดี อวดเด่น นั้นคืออวดความเลวทรามของตัวเอง หาชิ้นดีไม่ได้
ใคร ๆ ที่อวดดีอวดเด่นคนนี้จะไม่ทำประโยชน์ให้โลกนะ จะทำแต่ความเสื่อมเสียให้โลกจนพินาศได้ คนใดไม่อวด หาเหตุหาผลที่ดิบที่ดีงาม แล้วเอาเข้ามา ๆ ของดีเข้าตรงไหนก็ดีตรงนั้น ดีในบุคคลดีในสัตว์ ดีในส่วนรวม ดีทั่วทั้งประเทศชาติ เพราะมีแต่ของดีเข้ามาประสานกันเข้าใจไหมล่ะ ของดีจึงเป็นสำคัญ ท่านเรียกว่าธรรม ดี ๆ เลิศก็มีแต่ธรรม เป็นธรรมแล้วก็ดีทั้งนั้น ดีเลิศ ให้พากันอุตส่าห์พยายาม หลวงตาก็ได้คิดเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วก่อนที่มาช่วยพี่น้องทั้งหลาย ก็เคยพูดมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว สุดหัวใจเรา คิดจนหัวอกจะแตก พิจารณาเต็มเหนี่ยวแล้วก็ออกสนาม เพราะฉะนั้นเวลาออกแล้วจึงออกเรื่อยเลย เพราะได้คิดเรียบร้อยแล้ว ที่ว่ามารบกวนพี่น้องทั้งหลายก็ถูก ทั้ง ๆ ที่หลวงตาไม่ได้หวังเอาอะไรเลยนะ แม้เม็ดหินเม็ดทรายเราไม่ได้หวังเอาจากการช่วยเหลือนี้ ว่าจะหยิบนั้นเอาอันนี้มาเป็นของเรา เราไม่มี เราเปิดโล่งตลอด แบมือตลอดเลย เพื่อชาติบ้านเมืองของเรา
เพราะฉะนั้นจึงขอให้พากันมีความพร้อมเพรียงสามัคคี มีเท่าไรก็ช่างเถอะ สมบัติเป็นของเราทำดีไปแล้ว ดีไปจากเรา มันก็ย้อนเข้ามาหาเราเป็นคนดี ๆ ความแน่นหนามั่นคงของชาติก็คือเราเอง จะเป็นผู้แน่นหนามั่นคง เพราะความรักชาติ ความสามัคคีของเรา นี่ละสำคัญมาก ความรักชาติ ความสงวนชาติ ให้สงวนเป็นวรรคเป็นตอนเป็นเขตเป็นแดนไปเรื่อย ๆ อย่างนั้นนะ
นี่ชาตินี้มันล้อมรอบหมด อะไรที่เป็นกฎของชาติหรือเป็นประเพณีขนบธรรมเนียมของชาติให้พากันรักษาด้วยดี เพราะบรรพบุรุษท่านพาดำเนินมาแล้วเรียบร้อยดีงาม สงบเสงี่ยมงามตา ให้เรายึดสิ่งเหล่านี้มาใช้มาปฏิบัติ จะเรียกว่าลูกที่ดีรับทอดมรดกจากพ่อแม่ปู่ย่าตายายมาเป็นขื่อเป็นแปต่อไปได้ข้างหน้า แล้วกุลบุตรสุดท้ายทีหลังก็ยึดเราสืบทอดไปโดยลำดับ ถ้าเราพาเหลวแหลกแหวกแนว เด็กก็จะเลวไปตาม ๆ กันหมด ให้พากันระมัดระวัง อย่าสักแต่ว่าทำ อยากทำอะไรก็ทำ ให้คิดเสียก่อนนะ ให้คิดเสียก่อนว่าผิดหรือถูกอันนี้ขึ้นก่อน ว่าจะทำอะไร ๆ อย่างนี้ให้คิดเสียก่อนว่าผิดหรือถูก ถ้าเห็นว่าผิดแล้วอย่าฝืน ฝืนก็ฝืนทำลายตัวเองและส่วนรวมไปเป็นลำดับไม่มีชิ้นดีเลย ถ้าหากว่าไม่ดีไม่ทำ ต่างคนก็งดความไม่ดีนั้นเสีย ทำแต่ความดีไป ความดีก็เด่น นั่น มันขึ้นอยู่กับเราแต่ละคน ๆ นี่นะ
เรื่องศีลเรื่องธรรมเป็นสำคัญอยู่ในหัวใจของชาวพุทธเรา อย่าห่างเหินศีลธรรม ศีลธรรมนี้ดีเลิศ เข้าตรงไหนไม่มีคำว่าครึว่าล้าสมัยไม่มี ดีไปหมด แม้แต่เด็ก เด็กใดเป็นคนดี ผู้ใหญ่ทราบแล้วจะไม่ทราบยังไง ก็เกิดมาจากผู้ใหญ่ เด็กดีเด็กชั่วรู้กันทั้งนั้น ผู้ใหญ่ดีผู้ใหญ่ชั่วทำไมจะไม่รู้กัน ยิ่งผู้ใหญ่ด้วยแล้วก็พร้อมแล้วที่จะแก้ไขดัดแปลงหรือส่งเสริมสิ่งที่ดีงาม ปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีออกโดยลำดับลำดา ด้วยความมีเหตุมีผลด้วยกัน บ้านเมืองเราก็เจริญ อย่าสักแต่ว่าอยากทำอะไรก็ทำไปตามอำเภอใจ คิดอะไรก็ทำไป คนหลักลอยหาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้เลื่อนลอย โลเลโลกเลก บ้านเมืองก็เลยไม่มีขื่อมีแป ไปที่ไหนก็ทำลายแต่ขื่อแต่แปของตัวเองทั่วทั้งประเทศ เมืองนั้นเลยไม่มีขื่อมีแป คือไม่มีขนบประเพณีธรรมเนียมอันดีงาม ที่บรรพบุรุษของเราปู่ย่าตายายพาดำเนินมา เราทำลายเสียหมด สิ่งที่เหลืออยู่และเกิดขึ้นทีหลังมีแต่สิ่งเลวร้าย ๆ เด็กเกิดขึ้นมาก็เลวร้ายแล้วแต่อยู่ในท้องของแม่นู่น พอแตกออกมาก็เป็นมหาโจร นั่นเห็นไหมล่ะ ความชั่วมันฝังมาตั้งแต่ลึก ๆ นะ ออกมาข้างนอกก็ชั่วยิ่งเปิดเผย ยังทำชั่วได้มากนั่น เสียหาย ให้พากันระมัดระวังรักษา ให้รักษาขนบประเพณีอันดีงามของเราไว้ให้ดี
อย่างที่เราเคยพูดเสมอ ๆ นั้น เราพิจารณาแล้วไม่ได้เอามาพูดเฉย ๆ นี่นะ ขนบประเพณีอันดีงามของปู่ย่าตายายของเรา ในชาติของเรา และชาติของใคร เขารักษาเป็นมรดกของชาติเขาเป็นลำดับลำดา ดูชาติใดดูการแต่งเนื้อแต่งตัวเขาจะบอกไว้เลย ชาตินี้แต่งเนื้อแต่งตัว ขนบธรรมเนียมเขาเป็นอย่างนั้น เป็นความดีงามของเขา อันนี้ชาติของเรามีขนบธรรมเนียมประเพณีเป็นยังไง การนุ่งการห่ม การใช้สอยต่าง ๆ มีขอบมีเขตมีเหตุมีผลหรือไม่ ต้องเอามาคิดซิ เมื่อคิดแล้วก็นำมาปฏิบัติ ถ้าต่างคนต่างปฏิบัติตามขอบเขตของประเพณีนั้น ๆ แล้วก็ดีไป ๆ นี่บ้านเมืองเราก็มีขื่อมีแปมีหลักมีเกณฑ์ อย่าสุ่มสี่สุ่มห้า เห็นอะไร ๆ มาก็คว้า ๆ ๆ นี้คือความเหลวแหลกแล้วก็แหวกแนวไปได้นะ ให้พากันรักกันสงวน
ให้พากันพิจารณาให้ดีด้วยนะขนบประเพณีอันดีงาม การแต่งเนื้อแต่งตัวสำคัญมาก เป็นการออกแขกออกคนประกาศตัวเองว่าดีหรือชั่ว ให้เขาเห็นชัดเจนมากนะ เหล่านี้ควรมีหลักมีเกณฑ์ สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ดี ยิ่งเข้ามาในวัดในวาด้วยแล้ว ยิ่งอุจาดบาดตามาก ดูไม่ได้เลย การแต่งเนื้อแต่งตัวสะวี้ดสะว้าด เปิดหน้าเปิดหลัง แบบกิเลสลากจมูกไป ไม่มองดูศีลดูธรรมคือความดีงามบ้างเลย อันนี้เสียมากอย่าพากันทำลูกหลาน คิดดูซิตั้งแต่หมาเรามันยังเห่า คนอื่นเขามาด้วยกันยั้วเยี้ย ๆ ก็ไม่เห็นอะไร แต่คนที่แต่งตัวแข่งหมาน่ะซิ หมามันก็ต่อสู้ มันก็เห่าวอก ๆ หลวงตาซึ่งเป็นเจ้าของหมาก็ช่วยหมาขนาบกันไปเรื่อย เข้าใจไหม ช่วยหมาขนาบกันใหญ่ นั่นละแต่งตัวแบบนั้นใช้ไม่ได้อย่าเอามา
เราไม่ได้เลิศได้เลอด้วยการแต่งตัว อันนี้เป็นเรื่องของกิเลสอวดกันต่างหาก เพราะอำนาจแห่งจิตใจที่มันต่ำทราม ไม่ใช่จิตใจที่มีคุณค่าราคาสูงอะไรนะ เป็นจิตใจที่ต่ำทรามออกมาแสดงต่อกัน คนนั้นก็ต่ำทราม แล้วแข่งกันไปแข่งในความต่ำทราม สุดท้ายต่ำทรามกันหมด ชาติไทยของเรามีแต่คนต่ำทราม เป็นยังไงน่าดูไหมพิจารณาซิ
ของดีมีอยู่ ที่ไหนจะเลิศเลอยิ่งกว่าเมืองไทย ของดีคือธรรม เป็นแบบฉบับได้ทุกระดับ ของผู้ปฏิบัติตาม ผลประโยชน์ที่ดีงามขึ้นเป็นชั้น ๆ ให้นำมาใช้กัน อย่าทำสุ่มสี่สุ่มห้านะ เสียมาก ทำแบบสุกเอาเผากิน ๆ โลเลโลกเลก ไม่มีกฎมีเกณฑ์บ้างเลย นี้เสียนิสัยจนกระทั่งวันตาย แล้วเด็กก็จะถือเอาผู้ใหญ่ที่เลวทรามนี้ละไปเป็นจิตใจอันต่ำทราม แล้วแสดงความลามกจกเปรตออกมาให้เห็นแล้วมันดูไม่ได้นะ ของดีมีอยู่ ยิ่งเราเข้ามาในวัดในวาซึ่งเป็นสถานที่เคารพบูชาอย่างยิ่งแล้ว ไฉนเราจะมาเอาของเลว ๆ อย่างนั้นมาอวดวัดมีอย่างเหรอ เราว่าจะเอามาเป็นคู่แข่งวัด มันคู่แข่งอะไรวัดท่านเลิศเลอมาพอแล้ว เอาอะไรมาแข่งท่านวะ พระท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเอาอะไรมาแข่งท่าน นอกจากความเลวของเราให้รีบปัดออกอย่าเอามาแข่ง โยนมันลงทะเลอย่างนั้นถึงจะถูก อย่าพากันทำนะลูกหลาน มันดูไม่ได้นะ
นี่ละในฐานะที่เราเป็นพระด้วย แล้วเอาธรรมมาสั่งสอนพี่น้องทั้งหลาย จึงเป็นภาษาธรรม ให้พี่น้องทั้งหลายได้ฟัง ถ้าภาษาโลกด้วยกันแล้วต่างคนต่างโมกโขโลกนะ เห็นแก่หน้าแก่ตาเกรงใจเขาเกรงใจเรา สุดท้ายก็ต่างคนต่างทำชั่ว จะติเตียนกันยังไงติเตียนไม่ได้ เพราะเกรงใจกัน ก็มีแต่ทำความชั่วช้าลามก แต่ธรรมท่านกระตุกปุ๊บ อย่าทำอย่างนั้นไม่ดี ก็เป็นผลประโยชน์อันดีงามขึ้นมา
นี่ละภาษาธรรม ดังที่หลวงตาได้นำมาสอนพี่น้องทั้งหลายเพื่อความดีงามแห่งชาติไทยของเรา แล้วประดับพระพุทธศาสนาให้สวยงาม สมชื่อสมนามว่าเราเป็นลูกชาวพุทธ นั่น นี่อันสำคัญมาก การแต่งเนื้อแต่งตัวนี้สำคัญนะ ประกาศจิตใจที่ต่ำช้าเลวทรามบอกชัดเจน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องกิเลสล้วน ๆ ทีเดียว ไม่มีอรรถมีธรรมแฝงแม้นิดหนึ่ง เป็นเรื่องกิเลสล้วน ๆ ความต่ำทรามล้วน ๆ อย่าเอาเข้ามาทำลายศาสนา ทำลายวัดวาอาวาส นี่เป็นจุดใหญ่ที่โลกชาวพุทธเราเคารพนับถือทั่วดินแดนของไทยเรา อย่านำสิ่งนรกจกเปรตเข้ามาทำลาย เสียมากทีเดียว มองดูแล้ว มองดูคนทั้งคนมันจะดูกันไม่ได้นะ ธรรมดูได้ง่ายมาก ธรรมดู ดูละเอียดลออ เราผู้ปฏิบัติตามธรรม ควรจะฟังเสียงอรรถเสียงธรรมบ้าง ฟังเสียงกิเลสตัณหาพาคนให้จมมามากขนาดไหนเราก็เห็นกันแล้ว ทีนี้ให้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรม ถ้าอยากเป็นคนดีมีคุณค่าให้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรม เสียงครูเสียงอาจารย์นะ วันนี้ก็พูดเพียงเท่านี้ละนะ หลังจากนี้แล้วเราก็จะไปธุระ บ้านแพง
อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่ www.luangta.com
|