เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๒
แก้ปัญหากันด้านจิตตภาวนา
(เขาพูดว่าเขาอยากจะไปแต่หลวงตารั้งไว้) หลวงตาแก่กว่านี้หลวงตายังไม่เห็นอยากไป พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วทำให้สะดุดทันทีที่จิตมันเป็นอยู่ปรกติ เวลาคิดถึงเรื่องการก้าวไป การถอยกลับ การอยู่คงเส้นคงวา จิตก้าวไปมันก็ไม่ก้าว พูดให้หมู่เพื่อนฟัง มาชาตินี้คงเป็นชาติไม่ก้าวแล้ว คือไม่ก้าวหน้า ไม่ถอยหลัง เป็นก้าวท่ามกลาง พอ มันรู้ชัดๆ นะ เหมือนอย่างเราหิวอาหารนี่ เพราะรับประทานแล้วความอิ่มมันปรากฏก็รู้ เวลาหิวอาหารก็รู้ อันนี้ก็เหมือนกัน จิตเวลาบำเพ็ญเข้าไป บำเพ็ญเข้าไป มันหมุนติ้วๆ พอไปถึงจุดของมันแล้วหยุดกึ๊ก พอว่าอย่างนั้นละ ได้คำนี้ออกมาว่าพอเหมือนกับเรารับประทานว่าอิ่มแล้วพอ แบบเดียวกัน คือคำว่าพอในจิตนี้มันต่างกันกับพอในรสอาหารนะ รสอาหารพอมันก็รู้ในเศษอาหารแค่นั้น แต่พอในที่นี่ไปอีกแบบหนึ่งนะ พอนี่มันเปิดโล่งหมดเลย พอในจิตเปิดโล่งหมดเลย
พูดอย่างนี้เราเคยได้เล่าให้หมู่เพื่อนฟังละมังที่เราอยู่วัดดอยธรรมเจดีย์ ตอนเช้ามืด โอ้ เวลามันแสดงความอัศจรรย์ไม่ใช่เล่นนะ ทั้งๆที่กิเลสยังมีอยู่นะ เดินจงกรมอยู่ทางจงกรมบนหลังเขาเลยละ เราไปเดินอยู่บนหลังเขากลางคืนประมาณตี ๔ ตี ๕ แล้วทางที่ไปนี้มันตรงด้วยนะ หลังเขาทางนี้ เขาทางนี้มันเหมือนว่าลงมานี้ ทางเดินมันตรง เดินไปเดินมา คือจิตตอนนั้นมันอยู่ในขั้นว่าง เวลาพิจารณาไปเวลามันกำหนดดูความว่างมันว่างเอาหมดเลย ยืนรำพึงอยู่คนเดียว นี่ละพระธรรมท่านสอน ผลที่เราได้มานี้ปรากฏว่าสว่างไสว ทีนี้มันก็ติดในนั้น นี่เป็นความหลงอันหนึ่ง โห จิตของเราทำไมจึงอัศจรรย์เอานักหนา ยืนรำพึงประมาณตี ๔ ตี ๕ หลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์
สักประเดี๋ยวไม่นานธรรมะท่านบอกเลยนะ คือจิตของเรามันว่างหมดเลย ว่างแล้วโล่งหมด เป็นความอัศจรรย์ขึ้นมา ยืนรำพึง สักเดี๋ยวพระธรรมท่านกลัวจะติด ท่านเตือนขึ้นมา ท่านบอกว่าถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้ที่ไหนนั้นแลคือตัวภพ จุดก็คือจุดอันสว่างไสว เหมือนตะเกียงเจ้าพายุสว่างไปข้างนอก มันมีไส้ตะเกียงพาให้สว่าง จิตมันก็สว่างตรงนั้นจุดนั่นละจุดแห่งภพแห่งชาติ ถ้ามีจุดมีต่อมแห่งผู้รู้อยู่ที่ไหนนั้นแลคือตัวภพตัวชาติ เรายังงงอยู่ เวลามันผ่านปึ้งเข้าไปนั้นถึงรู้ พอผ่านปึ้งออกไปแล้วก็รู้ว่าจุดต่อมคือความสว่างไสวในจิตนั่นแหละ มันจุดสว่าง จิตมันสว่างมากน้อยต่างกัน สว่างจ้านี้มันก็อัศจรรย์เหมือนกัน หลงเหมือนกันนะ นี่ก็เป็นแล้ว หลง ท่านสอนอีกว่าถ้ามีจุดมีต่อมของผู้รู้อยู่ที่ไหนนั้นแลคือตัวภพ บอก เราก็งง จุดก็คือจุดความสว่างไสว ถ้าพ่อแม่ครูอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่พอเราอย่างนี้ท่านจะใส่ผางเลย มันอาจจะสำเร็จในเวลานั้นก็ได้ ดังพระสาวกทั้งหลายทูลถามธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วบรรลุธรรมต่อพระพักตร์ อย่างนั้นละมันไปถึงจุดที่มันจะเปิด เปิดปุ๊บออกเลย
พอพูดอย่างนี้ระลึกถึงท่านอาจารย์คำดี มันก็แปลกอยู่นะ มันมาดลบันดาลกันอะไรไม่รู้ ท่านเดินจงกรมอยู่ตอนเช้าตอนตี ๔ ตี ๕ เดินจงกรมอยู่ทางกุฏิท่านอยู่นี้ ตอนนั้นกำลังจิตหมุน ท่านว่าอย่างนั้น เลยไปติดอันหนึ่ง เวลามันติด แหม มันขวางหมดเลยท่านว่า มันไม่ไปไหนจิต คือท่านอาจารย์คำดีท่านไม่สงวนตัวนะ ท่านพูดอย่างตรงไปตรงมา มันไม่มองเห็นใคร มองเห็นแต่ท่านมหาเท่านั้น ปุ๊บปั๊บออกจากทางจงกรมขึ้นมาจุดธูปเทียนเสร็จแล้วกราบ ท่านไม่ได้พูดว่านิมนต์นะ ขออาราธนาท่านมหาบัวมาโปรดโดยด่วน ว่าอย่างนั้นนะ เราก็โผงผางไปวันนั้นจริงๆ ละ ไม่คิดว่าไปตอนเที่ยง สั่งรถเข้ามาแล้วไปเลย มาเร็วดีนะ เร็วอะไร เดี๋ยวจะได้พูดกันท่านว่า ท่านพูดอย่างนี้ละ คือท่านจุดธูปเทียงนิมนต์เราให้มาโดยด่วนท่านว่า
มาก็คุยกันไปถึงจุดนั้นใส่ผาง ออกเลย เสียงโก้กเลย เงียบๆ สองต่อสอง เอาล่ะทีนี้เปิดแล้ว โล่งแล้ว คือเปิดแล้วประตูจะเข้าล่ะทีนี้ท่านว่า โอ้โหเป็นอย่างนี้ สำคัญนะท่านว่าอย่างนั้นนะ มาดลบันดาลให้ท่านนิมนต์เรามาโดยด่วน เราก็ไปในวันนั้นเลย ไม่ได้คิดว่าจะไปไหนมาไหนละ บทเวลาจะไปห้าโมงเช้า สั่งรถเขาปุ๊บปั๊บเข้ามาเลยไปหาท่าน นั่นละท่านว่าท่านติดปัญหา ขออาราธนาท่านมหาบัวมาโปรดโดยด่วน มาก็ไปเอาจริงๆ ตรงนั้นแหละ พอท่านพูดปัญหาขึ้นมา พอแก้ปัญหาท่านก็โล่ง เออเอาล่ะทีนี้เปิดโล่งแล้ว ยังจะเข้าเท่านั้นละ อย่างนั้นละแก้ปัญหากันทางด้านจิตตภาวนา ถ้าไม่รู้แก้ไม่ได้ ผู้ถามถ้าไม่รู้ก็ถามไม่ได้ รู้จุดที่มันติดขัด ไม่รู้ก็แก้ไม่ได้เหมือนกัน มันเป็นอย่างนั้นละ ท่านอาจารย์คำดีเลยยกเราเป็นครูเป็นอาจารย์เลยนะ เห็นเมื่อไรนี้ท่านมหาบัวเป็นอาจารย์ของอาตมานะ ท่านไม่ออมปากเลยนะ ไม่อยากให้ท่านพูดเราเคารพท่านมาก ขอพูดให้มันถึงใจสักหน่อยเถอะท่านว่า ท่านบอกว่าพูดให้มันถึงใจ นิมนต์ให้ท่านมหามาโปรดโดยด่วน ให้พร
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|