แมวจะทำยัง แมวมีนะมีแน่ ๆ เมื่อเช้าไปได้ซากลูกกระต่ายสีขาว มันกินจนหมดยังเหลืออะไรนิดหน่อยทางท้าย ๆ นิดเดียว เราไปเห็นซากของมัน โห นี่ยังมีแมวนะ มันกินลูกกระต่ายหมด จะได้เตือนพระอีกแล้ว ถ้าแมวเข้ามาในวัดลำบากนะ พระต้องช่วยกันดักที่นั่นที่นี่ ดักอะไร ๆ ไว้แล้วเอาไปปล่อย ประตูนี้ให้ทำใหม่แล้ว มันขึ้นตรงประตูได้ ต.ช.ด.อยู่ที่นั่นเห็นอยู่ต่อหน้าต่อตาไล่ไม่ทัน มันปีนปั๊บเข้าเลยว่างั้น เราบอกให้ทำใหม่ที่ประตูข้างนอก คิดว่าคงจะเข้าไม่ได้ แต่มันขึ้นต้นเสาได้นี่ มันขึ้นตรงต้นเสาปั๊บ ๆ ขึ้นต้นเสาเลย มันไม่ได้ขึ้นผนังนี่นะ ขึ้นต้นเสา ถ้าแมวมาทีไรแล้วสัตว์ฉิบหาย
เมื่อเช้านี้ไปเห็นกระแตเกลื่อนอยู่โน้นอยู่ที่กองไม้ มีเยอะ ที่ไหนมีกองไม้เป็นที่หลบภัยพวกกระแตนี้ชุม ถ้าที่ไหนโล่ง ๆ นี้มันวิ่งหลบภัยยากมันไม่อยู่ เมื่อเช้านี้ไปโน้นมีเยอะกระแต อยู่ตามกองไม้ ๆ จึงไปเห็นซากลูกกระต่าย มันเป็นกังวลต้องดักแมวออกไปอีก มันกินอยู่ตลอด หมด ไม่ได้ขึ้นกับว่าหิวนะแมว ถ้าหิวมันกินอิ่มแล้วก็ไปค่อยยังชั่วนะ พอเจอปั๊บมันด้อมใส่เลย หิวไม่หิวไม่สำคัญ มันเป็นนิสัยอย่างนั้น พวกกระจ้อน กระแต ลูกกระต่าย หรือตัวกระต่ายเองก็อาจกินได้ถ้ามันหิว แต่นี้มันมีลูกอยู่เยอะกระต่าย เพราะฉะนั้นแมวมันถึงกินลูกกระต่ายไปตลอด ๆ ยังไม่สนใจกับแม่ท่า โอ๊ย สลดสังเวชนะเรา เมื่อเช้านี้ไปจับขึ้นดู อ๋อ นี่แมวมากินแล้ว อยู่ข้างกุฏิทางด้านตะวันออก
ถ้ามีกองไม้ที่ไหนกระแตจะมีอยู่ที่นั่น ๆ คือกองไม้เป็นที่หลบซ่อนที่หลบภัย ถ้าโล่ง ๆ อย่างนี้มันหลบภัยไม่ได้ สัตว์ไล่กัดทันทีได้เลย เช่น แมวไล่กัด หรืออะไรไล่กัด มันก็หลบภัยไม่ได้ ถ้ามีกองไม้มันปั๊บเข้ากองไม้เลย เพราะฉะนั้นกองไม้มีอยู่ที่ไหน เราจะเห็นกระแตชุมที่นั่น ๆ เช่นอย่างเมื่อเช้านี้ไปทางนี้ มีกองไม้ที่ไหนกระแตเต็มอยู่นั่นเลย ทางแถวนี้มีเยอะกระแตชุม ข้างในก็มีแต่ไม่ทราบมันหาหลบซ่อนที่ไหน กระแตก็มีเยอะเหมือนกันข้างใน ถ้ามีกองไม้กองอะไรกองขยะบ้างอะไรนี้พอหลบได้ พวกกระแตนี้มี เขาหลบภัย โห กระต่ายมากเดี๋ยวนี้ กระต่ายใหญ่ ๆ มีอยู่ทั่วไป ทางด้านนี้ก็เหมือนกันมีอยู่ทั่วไป พระท่านเลี้ยงไว้ ท่านเอาผักมากองไว้ ๆ เขาก็กิน กระต่ายมีเยอะ พวกกระแตไม่งอกเงยได้เพราะแมว แต่ก่อนกระแตเยอะนะ แล้วมาเป็นโรคท้องเสียทีหนึ่ง กระแตตายเยอะ หลังจากนั้นก็แมวเข้ามา กระแตแทบจะไม่มีในวัด เราสงสาร
ทางด้านนี้อะไรต่ออะไร อู๊ย พวกปลูกนั้นปลูกนี้สร้างนั้นสร้างนี้เงียบ ๆ นั่นแหละเกลื่อนไปหมด สกปรกด้วย วัตถุมันคอยจะขึ้นเหยียบทำลายวัดนะ ได้ระวังไม่ระวังไม่ได้ พวกนี้จำพวกกิเลสความกังวลวุ่นวายสร้างนั้นสร้างนี้ กิเลสอยู่ในนั้นไม่ค่อยได้สนใจดูหัวใจเจ้าของ ถ้าลงมีการปลูกสร้างอะไรขึ้นมา ความกังวลจะไปอยู่ที่นั่น ถือว่านั้นคืองาน นั้นคือความกังวลห่วงนั้นห่วงนี้ จิตเลยไม่มีค่าแหละไม่สนใจ เพราะฉะนั้นท่านถึงไม่ให้ยุ่งกับเรื่องการก่อสร้าง
ไปเที่ยววิเวกสงัดก็แนะ พระพุทธเจ้าแนะ ในตำราบอกไว้ การไปเที่ยวให้หาที่สงัดเป็นสำคัญ สถานที่ใดจะรบกวนที่สงัด เช่น ต้นไม้ใบหนามีดอกมีผลอยู่ข้างบนพวกนกมันชุม เสียงมันรบกวนมาก ท่าน้ำที่ผู้คนหญิงชายขึ้นลง ๑ ไม่ให้ไป แล้วที่ไหนที่มีการปลูกสร้างสำหรับวัด จะเป็นสร้างอะไรก็ไม่ทราบแต่มีตำราไว้ อย่าไปอยู่ที่นั่น เช่น ปลูกสร้างวัดใหม่อะไรบ้างท่านว่าอย่างนั้น ห้ามไม่ให้ไป ท่านบอกสถานที่เสาะแสวงหาที่ทำความเพียร ท่านให้หาแต่ที่สงัด ๆ
การก่อสร้างเป็นข้าศึกต่อสมณธรรมของผู้ปฏิบัติ เช่น ในวัด เดี๋ยวนี้แยกไปละเป็นวัดกรรมฐานวัดอะไร ๆ ไป เดี๋ยวนี้ไม่มีกรรมฐานนะ ไปตั้งวัดที่ไหนสร้างความยุ่งยากที่นั่น ไม่ได้ไปตั้งวัดเพื่อสร้างอรรถสร้างธรรมนะ ตามตำราที่ท่านแสดงไว้นั้น เข้มงวดกวดขันทางด้านจิตตภาวนาเป็นแก่นเป็นอันดับหนึ่งตลอดเลยนะ ไปที่ไหนต้องอันนี้เป็นหลัก ๆ การภาวนาการชำระจิตใจ นี่ละตำรา ที่ไม่มีเหล่านั้นมันตำราของกิเลส แต่เกลื่อนทั่วโลก นี่ตำราของกิเลส ไม่จำเป็นต้องจดจารึกเอาไว้เขาช่ำชองพอแล้ว ไปที่ไหนยุ่งทันที พระกรรมฐานยุ่งเราดูไม่ได้นะดูจริง ๆ ดุเอา บอกจนกระทั่งมานี่ยังไม่ปวดขี้ ถ้าปวดขี้จะฟาดใส่ศาลาหลังที่ว่าสวย ๆ มันจะสวยขนาดไหน เอาขี้ไปราดมันสักหน่อย ประดับมันสักหน่อย ว่างั้นนะ
มันดูไม่ได้นะกรรมฐานเราหายุ่งกับสิ่งเหล่านี้ ดูไม่ได้จริง ๆ นะ มันเป็นยังไงเรามันเป็นวาสนาอาภัพยังไงไม่ทราบ ถ้าวัดไหนมีการก่อการสร้างไม่เข้าไปเหยียบแหละ มันมีแต่มูตรแต่คูถแต่ส้วมแต่ถานเต็มอยู่นั้น มีอรรถมีธรรมที่ไหน จี้เข้าไปตรงนั้นเลย ไปสถานที่ใดสถานที่อยู่เป็นแคร่เป็นร้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ทางจงกรมเป็นเหว นี่ละทันทีเลย เราเสริมทันทีเลย เพราะตำราก็บอกอย่างนั้น บอกอย่างชัดเจนทีเดียวตำรา เน้นหนักมากทางด้านความพากเพียรสำหรับพระ เวลาพระสงฆ์หรือสาวกเข้ามาเฝ้าพระพุทธเจ้านี้ ถามเป็นยังไง อยู่ในป่านั้นเขาลูกนั้นถ้ำนั้น นั่นเห็นไหมล่ะ ภาวนาเป็นยังไง ท่านไม่ได้ถามเป็นยังไง กุฏิได้กี่ชั้นแล้ว วิหารได้กี่หลังกี่ชั้น แข่งชั้นดาวดึงส์ได้ไหม ไปทดลองกับดาวดึงส์ ไปติดต่อชั้นดาวดึงส์มาแข่งกันลองดู ถ้าทางนี้ยังต่ำกว่าให้สร้างขึ้นอีกมาก ๆ นะ พระองค์ไม่เห็นว่า
มา ถามปั๊บเข้าตรงนี้เลย ในตำรา เป็นยังไงขึ้นเลย เข้านี้ปั๊บไม่ไปที่อื่น ที่เป็นแบบฉบับร้อยเปอร์เซ็นต์ก็คือพ่อแม่ครูจารย์มั่น หาที่ต้องติไม่ได้นะ อย่างที่ว่านี้ ท่านไม่ยุ่งอะไรการก่อสร้าง ที่ไหนอยู่ได้ท่านอยู่เลย ก็คิดดูซิกุฏิหลังเล็ก ๆ ที่เราไปเถ่อมองดู สงสัยว่าเป็นกุฏิหรือศาลา มันก้ำกึ่งกัน ศาลากรรมฐาน กุฏิกรรมฐาน ไปดูก็ดูแบบกรรมฐาน ไม่ได้รู้ว่าท่านยืนอยู่ ท่านเดินจงกรมท่านไม่ได้จุดไฟ มืด ๆ เราไป ท่านเดินจงกรมอยู่ข้างศาลาเล็กท่าน เราเดินเราเถ่อไปมองนั้นเซ่อ ๆ ซ่า ๆ ไปกลางคืน เราก็ไม่มีไฟ ท่านก็ไม่มีไฟ แต่เราไม่ได้ดูท่านอยู่ข้าง ๆ ซิ
เราเห็นศาลาหลังเล็ก ๆ นั่นละ ศาลาหลังเล็ก ๆ นั่นละท่านต่อเฉลียงออกไปนิดหน่อย เป็นพักสำหรับรับแขกเล็กน้อย เลยต่อเฉลียงออกไป พระที่มาอยู่กับท่านและฉันจังหันตอนเช้านี้มีเพียง ๘ องค์ ๙ องค์ นี่เรียกว่าท่านรับมากนะ ฉันเป็นแถวมาอย่างนี้ เป็นอย่างนี้อยู่บนอย่างนี้ เป็นเฉลียงต่อ แล้วพระก็นั่งเป็นแถว ศาลานี้ท่านก็กั้นผ้าอยู่ ไปอยู่ที่ไหนท่านกั้นห้องเลยนะ ท่านไม่หายุ่งให้ปลูกนั้นสร้างนี้นะ นี่เห็นไหมแบบฉบับสมัยปัจจุบันคือหลวงปู่มั่น ไม่มีเคลื่อนเลยนะ แบบฉบับตำราเดียวกันเลยเทียว นั่นผู้ทรงอรรถทรงธรรมท่านเป็นอย่างนั้น
ไปอยู่ที่ไหนมีแต่กั้นห้อง ๆ กั้นห้องศาลานั่นละ จะหลังเล็กหลังใหญ่ขนาดไหนท่านก็กั้นห้องอยู่นั้นเลย อย่างนั้นละสบายท่านเลย ไม่สนใจกับการปลูกนั้นสร้างนี้ พระไปก็พักอยู่ตามแคร่ ๆ หน้าแล้ง พอหน้าฝนก็เอาหญ้ามามุง กั้นบ้างไม่กั้นบ้าง เว้นแต่ในพรรษาก็กั้นตามหลักพระวินัย ถ้านอกพรรษาจะกั้นหรือไม่กั้นท่านก็อยู่ของท่านเอง ไปดูทางจงกรมท่านซีเลื่อมพั่บ ๆ นั่นละที่ทำงานของพระแท้ เป็นอย่างนั้นนะ มีที่เดินจงกรม ออกจากนั้นก็มานั่งภาวนา หรือแบบกุฏิเล็ก ๆ นี้ก็มีพักหนึ่ง กว้างประมาณ ๑ เมตร นั่งสำหรับภาวนา ออกจากนั้นก็ลงทางจงกรม อย่างนั้นละท่านดูหัวใจท่านทั้งวัน
ท่านไม่ได้เถ่อดูอิฐดูปูนดูหินดูทรายดูเหล็กดูหลานะ ท่านไม่ได้ดู ของเหล่านี้เลิศเลออะไร เขาก็ไม่เป็นภัยต่อเรา กิเลสเป็นภัยต่อเรา ธรรมเป็นคุณต่อเรา อยู่ที่ใจเราดวงเดียว ฟัดกันลงไปตรงนี้ซี เอาธรรมฟัดกิเลส ฟาดกิเลสแหลกลงไปแล้วจิตก็สงบเย็นขึ้นมา อยู่ไหนก็อยู่ได้ละที่นี่ เริ่มอยู่ได้ถ้าจิตมีที่อยู่ ถ้าจิตไม่มีที่อยู่สร้างหอปราสาทร้อยชั้นก็ครวญครางอยู่นั้นละ มีแต่กองทุกข์ไปเต็มอยู่นั้น สูงขนาดไหนก็มีอิฐปูนหินทราย ไฟมันเผาที่หัวใจคน ไปอยู่ที่ไหนมันก็ร้องครวญครางอยู่นั้น ถ้าจิตเย็นแล้วอยู่ไหนสบายหมด เป็นอย่างนั้นนะ ต่างกัน
เพราะฉะนั้นวงศาสนา ท่านจึงไม่สอนแบบหรูหราฟู่ฟ่าเหมือนบ้าพวกเราชาวพุทธนี่ ไปที่ไหนดูไม่ได้นะ มันเลยเหลือประมาณมันไม่ใช่ชาวพุทธ มันชาวผีว่างั้น มันจะได้พูดได้เต็มปากนะถ้าว่าชาวผี ชาวพุทธมันไม่เห็นมีวี่แววของพุทธติดเนื้อติดตัวเลย มีแต่เรื่องของกิเลสทั้งนั้น ศาสนาท่านไม่ได้ยุ่ง ท่านสร้างอันนี้ให้ดี อันนี้ดีแล้วมันเพียงพอเข้าโดยลำดับนะ ข้างนอกปัดออก ๆ ปัดออกเรื่อย ๆ ยิ่งเสริมภายในเข้าให้สง่างามขึ้นเรื่อย ๆ ข้างนอกก็ค่อยจืดไปจางไป ๆ ข้างในเหนียวแน่นขึ้น ๆ เจริญรุ่งเรืองขึ้นสง่าผ่าเผย ทีนี้อยู่ที่ไหนเลยสบายไปหมด ไม่ว่าจะการอยู่การกินการหลับการนอนไม่ได้เป็นกังวล กินก็มีอะไรนิดหน่อยพอธาตุขันธ์เยียวยาเขาไปเท่านั้น จิตพออาหารของตัวเองคือธรรม ได้แก่ความสงบเย็นใจ มันอยู่ภายในใจนะ
จิตนี้เปลี่ยนสภาพเรื่อยถ้าได้รับการบำรุงรักษาอยู่เรื่อย ๆ จะเปลี่ยนสภาพ ทีแรกก็วุ่นวาย นี่ที่เราเห็นในวงกรรมฐานของเรา เราไม่ต้องไปพูดที่อื่นแหละที่เขาไม่ค่อยสนใจและไม่สนใจกับเรื่องจิตตภาวนา มองดูหัวใจตัวเองเหมือนพระกรรมฐาน ซึ่งท่านสอนไว้ให้เที่ยวดูหัวใจตัวเองในป่าในเขา เพราะฉะนั้นเราถึงมักจะมองดูตั้งแต่พระกรรมฐานไปที่ไหน ไปวัดใดมองดูแหละ ถึงได้เห็นชัดเจน
คือกิเลสมันเป็นไฟอยู่ในหัวใจนี่นะ เวลาเราจ่อจิตเข้ามานี่ จ่อสติเข้ามานี้จะมาดูกิเลส จะมาชำระกิเลส กิเลสตีนี้หงายออกไปเลย ตีไปหงาย หลายครั้งหลายหนมันก็อิดหนาระอาใจ จะเข้าภาวนาเหมือนจะจูงเข้าสู่ตะแลงแกงฆ่านั่นเองพูดง่าย ๆ เข้าสู่ที่ประหาร พอจะไล่เข้าสู่ภาวนา คือให้จิตสติจ่ออยู่ในนั้นในภาวนา สติจ่อเข้าไปที่จิต จิตมันมีแต่ฟืนแต่ไฟได้แก่กิเลสเผาอยู่ตลอด เวลาเอาน้ำดับไฟคือความเพียร สติปัญญาจ่อเข้าไปชะล้างเข้าไป มันตีทีเดียวหงายออกมา ๆ ทีนี้ภาวนาก็ไม่ลง สู้กำลังไฟภายในใจไม่ได้ กำหนดจิตใจให้สงบมันไม่ยอมสงบ มีแต่ดีดแต่ดิ้นเตะออกไปข้างนอก เมื่อเตะออกไปข้างนอกแล้วทำยังไงที่นี่ จะเข้ามาข้างในไฟกิเลสมันอยู่ในหัวใจมันเผาเอา เข้ามาภาวนาไม่ได้ มันก็ต้องไปหาเกาที่นั่นเกาที่นี่ล่ะซิ แล้วสร้างนั้นสร้างนี้พอแก้รำคาญ ความเพิ่มรำคาญมันไม่ได้คิด
เพราะฉะนั้นพระกรรมฐานเราจึงชอบก่อชอบสร้าง หายุ่งนั้นยุ่งนี้สร้างนั้นสร้างนี้ คือมันแก้รำคาญ มันเข้าสู่ภายในไม่ได้ นี่ดูหมดแล้ว เราดูมาแล้วจึงเอามาพูดได้ ฟาดกับกิเลสนี่หงายหลัง ๆ หงายหมา ๆ สู้มันไม่ได้ แต่สำคัญมันไม่ถอยเท่านั้นเองถึงได้เรื่องกันออกมาพูดนี่น่ะ เวลามันรุนแรงนี้เข้าไม่ได้นะจิต พอจ่อเข้าไปนี้ถูกมันตีทีเดียวหงายเลย ๆ กิเลสอยู่ในใจมันไม่ยอมให้จิตจ่อเข้าไปนั้นได้นะ สติจ่อไม่ได้เพราะนั้นเป็นสถานที่ทำงานเพื่อวัฏจักรสร้างกองทุกข์ให้แก่สัตว์ทั้งหลาย อยู่ที่หัวใจของสัตว์แต่ละดวง ๆ นั้น นั่นละมันสร้างอยู่ตรงนั้น
กองฟืนกองไฟใหญ่จากโรงงานใหญ่ของมันคือใจ อยู่ที่นั่น สัตวโลกจึงหาความสุขความสบายไม่ได้ เราอย่าไปมอง มองนั้นสบายมองนี้สบาย หลอกกันไปอย่างนั้นละ ตื่นบ้ากันไปตลอด มันตื่นมากี่กัปกี่กัลป์แล้วตื่นแบบนี้ แล้วจะตื่นไปอีกกี่กัปกี่กัลป์ตื่นแบบนี้ แบบกิเลสหลอกตลอดเวลา ไม่มีคำว่าเข็ดว่าหลาบ เพราะฉะนั้นมันถึงถูกจูงอยู่เรื่อย ทีนี้เวลาความเพียรหนุนเข้า ๆ ไม่ถอย มันเป็นฟืนเป็นไฟทั้งกองภายในหัวใจ ไฟคือความพากเพียรเป็นน้ำดับไฟ ชะเข้าไปล้างเข้าไป หนักไม่ถอย สู้ไปสู้มาก็เห็นเล่ห์เห็นเหลี่ยมกัน เห็นผลขึ้นมาภายในใจแล้วก็มีแก่ใจ นี่เพิ่มกำลังทางด้านธรรมะขึ้นแล้ว ความเพียรก็ค่อยเริ่มหนักเข้า ๆ ตีเข้าไป ๆ พอไฟนี้สงบลงใจก็สงบได้ละที่นี่
ใจมีแต่วุ่นวายสร้างแต่กองทุกข์ให้ตัวเอง ก็กลายเป็นเรื่องสงบร่มเย็นเข้ามาที่ใจ จากการภาวนานั่นละ นั่นเริ่มเห็น ทีนี้พอจิตเริ่มสงบแล้วเริ่มจะได้หลักได้เกณฑ์แล้วที่นี่ แล้วเริ่มเสริมฐานเข้าไป ฐานแห่งความสงบให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ หนักแน่นเข้าไปเรื่อย มันก็ได้ฐานของจิตเป็นที่พักที่อยู่ของจิต จิตไม่วุ่นวายเหมือนแต่ก่อน อยู่สะดวกสบาย เริ่มสบายแล้วนะที่นี่ เรื่องภายนอกมันเป็นของมันเอง ขอให้ธรรมเข้าสู่ภายใน เพราะสิ่งเหล่านั้นสู้ธรรมไม่ได้เรื่องรสชาติ รสชาติของธรรมชนะหมดเลย พอธรรมเข้าไปที่ไหน ธรรมจะชะออกล้างออก ๆ สิ่งนั้นจะจางไป ๆ เป็นอย่างนั้นนะนักภาวนา
เวลาตั้งรากตั้งฐานทีแรกตั้งยาก มันเอาให้ตั้งตัวไม่ติดเลย กิเลสฟัดเอา ๆ ตั้งไม่ติดตั้งไม่ถอย สุดท้ายก็ตั้งติด ฟัดกันได้เหตุได้ผลออกมา เร่งไม่ถอยต่อไปก็เจริญขึ้น ๆ ทีนี้เริ่มได้ชมสมบัติ เรียกว่าธรรมสมบัติ ตั้งแต่สมาธิสมบัติ ปัญญาสมบัติขึ้นไปละที่นี่ เริ่มได้ชมแล้วชมภายในใจ อยู่ไหนอยู่ได้สบาย ๆ ขอแต่ได้สถานที่บำเพ็ญสะดวกสบายเป็นพอ นอกนั้นไม่ได้สนใจกับอะไร เข้าร่มไม้ชายคาตามถ้ำเงื้อมผาที่ไหนสะดวกสบาย ที่นั่นแหละทันทีเลย สะดวกแล้ว ๆ เลย เป็นอย่างนั้นนะ ภายนอกเลยประหนึ่งว่าไม่มีนะ มันก็มีแต่ข้าศึกคือกิเลสกับธรรมที่ฟัดกันอยู่ภายในหัวใจ งานก็มาอยู่จุดนี้ ๆ ภายนอกมันก็ไม่สนใจ การอยู่การกินการหลับการนอนไม่สนใจแล้วนะที่นี่ มันสนใจแต่จุดเดียวนี้เท่านั้น หมุนกันเท่านี้
อันนี้สว่างออกเท่าไร ๆ ก็ยิ่งเด่นขึ้น ๆ ข้างนอกมันหลุดลอยไปเองนะ ไม่ต้องว่าไปปล่อยมันไปวางมัน อุปาทานยึดมั่นถือมั่นไปปล่อยไม่ต้องบอก ขอให้มันจับอันนี้ติดเท่านั้นมันปล่อยของมันเอง เมื่อจับอันนี้ไม่ติดก็คว้าหาจับไปทุกแห่งนั่นละ อะไรจับหมด ฟืนไฟก็จับ มันไม่รู้ดีรู้ชั่วนี่มันโง่ มันเหมือนบุ้งตัวหนึ่ง เกาะไปเรื่อย ๆ กิเลสอยู่ในใจของสัตว์พาให้สัตวโลกทั้งหลายเกาะไปเรื่อย ๆ อันนั้นก็ดีอันนี้ก็ดี เกาะอันไหนมีแต่ฟืนแต่ไฟ เกาะไปเรื่อยเผาไปเรื่อยทุกข์ไปเรื่อย ไม่ว่าเขาว่าเรา ไม่ว่าใกล้ว่าไกล ชาติชั้นวรรณะใดไม่มีความหมายทั้งนั้น ลงกิเลสได้ครอบอยู่หัวใจแล้ว ใครจะสร้างความหมายที่ไหนมา มาอวดกันเปล่า ๆ นั่นแหละ ไม่เกิดประโยชน์
ให้หัวใจมันจ้าอยู่กับธรรมนี่ซิ เอาอะไรมาอวดได้วะ จับอยู่กับมือนี่ ถ้าเป็นมีดก็จิ้มเลยจะว่าไง นั่นละธรรมพระพุทธเจ้า ถ้าลงอยู่ในหัวใจดวงใดแล้วหัวใจดวงนั้นจะเป็นที่ว่านี่ กล้าหาญชาญชัยทุกอย่าง เพราะธรรมเป็นสิ่งที่กล้าหาญอยู่แล้ว ยิ่งครองอยู่ในหัวใจเรามากน้อยเพียงไร ยิ่งกล้าหาญชาญชัยทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เคยรู้เคยเห็นมันจะรู้ของมันเอง ใจนี้เป็นนักรู้ เวลานี้ถูกปิดบังเอาไว้มันก็ไม่รู้ เขาเหมือนเรา เราเหมือนเขา เป็นอย่างนั้น พูดอะไรก็มีแต่หลับตาพูดกัน มีแต่ปากมุบมิบ ๆ ตามันหลับหูก็หนวก ฟังไม่ได้ศัพท์ได้แสง พอจะเป็นผลเป็นประโยชน์บ้างมันก็ไม่ยอมเอาเสีย นี่เรียกว่าฟังไม่ได้ศัพท์ได้แสง ตาที่ดูอะไรจะพอเป็นผลเป็นประโยชน์มันก็ไม่ดูพอเป็นประโยชน์ มันก็ดูแต่ฟืนแต่ไฟจะเผาหัวมันเสีย มันก็ได้แต่กองทุกข์มาล่ะซิ โลกมันเป็นอย่างนั้นเวลานี้
โห ศาสนาของพระพุทธเจ้านี้เลิศเลอขนาดไหน เพราะฉะนั้นพระองค์ถึงได้ท้อพระทัย ๆ ก็มันเกินกว่าที่จะฉุดจะลากว่างั้นเถอะน่ะ มันหนักขนาดนั้นหนาขนาดนั้นแหละ ถึงขนาดนั้นยังวางไว้ ๕,๐๐๐ ปี เพียง ๒,๕๐๐ นี้ก็ดูเอาเถอะเดี๋ยวนี้ ศาสนาจะมีที่ไหนในเมืองไทยเราที่ว่าเป็นเมืองพุทธ ไปซิเดินเข้าไปซิมีศาสนาที่ไหนว่าเป็นเมืองพุทธน่ะ มันน่าอิดหนาระอาใจจริง ๆ เอาธรรมจับปั๊บ เราอย่าเอาความด้นความเดามาจับ มันหาเรื่องดูถูกดูหมิ่นกันได้นะ ถ้าดูแบบกิเลสแล้วดูถูกเหยียดหยามกันได้ ถ้าดูแบบธรรมไม่ดูถูกเหยียดหยาม ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ตรงไปตรงมาเลย
นี่ไปที่ไหนก็แบบเดียวกันหมด แล้วก็เอาเรื่องของกิเลสประดับร้านหลอกลวงนั่นแหละมาล่อกัน แล้วคนก็หาตั้งแต่ความหลงเสียด้วยไม่ได้หาความรู้ มันก็ยิ่งหลงไปวันยังค่ำคืนยังรุ่ง ตื่นไปทุกอย่าง สอนเน้นหนักลงที่หัวใจ วัดนี้ก็ถูกลบถูกล้างไปแทบจะหมดแล้วละ เราก็มองไม่ทันนะ ที่สำคัญก็คือเกี่ยวข้องกับการช่วยชาติบ้านเมือง ตาเราก็ได้มองข้างนอกมองให้ทั่วถึงทั้งใกล้ทั้งไกล ทีนี้ภายในวัดของเรามันก็เป็นลักษณะจะล้มเหลว ๆ ไป มองไม่ทัน มันสร้างขวากสร้างหนามขึ้นภายในวัดโดยที่เราไม่ได้ดู เรามองดูนั้นนี้ข้างนอกไปเสีย นี่มันก็ทำให้เสียได้ ดูไปที่ไหน ๆ เดินไปที่ไหน อู๊ย มันสะดุดตานะ ศาสนากับกิเลสมันต่างกันอย่างนั้น
โห มันจะหมดจริง ๆ นะเมืองไทยเราที่ว่าเป็นชาวพุทธ ๆ นี่ พุทธแทบจะไม่มีติดเนื้อติดตัวเลย กิริยามารยาทการประพฤติเนื้อประพฤติตัว การอยู่การกินการใช้สอยทุกอย่าง เป็นเรื่องของกิเลสไปทั้งเพเลย ไม่มีเรื่องธรรมแทรกอยู่บ้างพอให้งามตานะ มันขนาดนั้นละไม่อ่อนใจได้ยังไง เห็นกันอยู่ทุกวัน ตำหัวใจตำหูตำตาทุกวัน มันอดคิดได้เหรอคนเรามันต้องคิดล่ะซิ เรื่องความฟุ้งเฟ้อนี้พิลึกจริง ๆ นะมันเหมือนน้ำล้นฝั่ง มันล้นคอยแต่จะไหลโจนออกท่วมหัวเจ้าของอยู่ตลอดเวลา น้ำกิเลสน้ำความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมนี่ ไม่มีบกมีเบาลงบ้างนะ ท่วมตลอดเวลา ๆ มองดูแล้วจนจะดูไม่ได้
มันก็ส่อถึงหัวใจนั่นเอง คือกิริยาที่แสดงออกมานี้ออกมาจากหัวใจ ถ้าใจมีสติสตังมีอรรถมีธรรมอยู่บ้างแล้ว จะไม่เตลิดเปิดเปิงอย่างนี้ มันบอกอยู่ในตัวของมัน มีการรักษาการเข้มงวดกวดขันมีขอบมีเขตบ้าง อันนี้มันเตลิดเปิดเปิงไปหมด แล้วเขาก็เหมือนเรา เราก็เหมือนเขา ไม่ทราบจะไปตำหนิใคร คำว่าผู้ใหญ่ผู้น้อยมันว่าไปเฉย ๆ เรื่องกิเลสนั้นใหญ่ด้วยกันทุกคน ทุคตะเข็ญใจก็ใหญ่ มหาเศรษฐีเจ้ายศเจ้าศักดิ์ก็ใหญ่ ดีไม่ดีคนทุกข์คนจนนั้นไม่ใหญ่ยิ่งกว่าพวกนี้ด้วยซ้ำนะ ทุกข์ก็ไม่ได้แบกหามมากยิ่งกว่าพวกนี้ พวกนี้แบกกองทุกข์มากจริงๆ แต่กิเลสมันไม่ให้เห็นซิว่ากองทุกข์น่ะ มีแต่มันหลอกเพลินๆ ว่าดีๆ มีแต่จะเอาๆ แบกจนจะตายมันก็ตายทิ้งเปล่าๆ ไม่เห็นได้สติสตังอะไรเลย อย่างนั้นซิ
พระวัดกรรมฐานจะไม่มีเหลือแล้วเดี๋ยวนี้ เราเข้มงวดกวดขันกับวงกรรมฐาน ไปที่ไหนไปวัดไหน ได้จ่อกันเรื่อยดุกันเรื่อยนะ เอาจริงนะเรา นี่ก็ยังดีอยู่หนึ่งที่เรายังมีชีวิตอยู่ ผู้มีอรรถมีธรรมก็เคารพยำเกรงมีความหวังพึ่ง มีชิ้นดีอยู่นี้ ผู้ไม่หวังอรรถหวังธรรมมันจะลงนรกหลุมไหนก็ช่างโคตรมันซิ ไม่ใช่โคตรเรานี่วะโคตรมันต่างหาก มันจะไปลงหลุมไหนก็ช่างโคตรมันซิ สอนไม่เอาเราก็ไม่สอน เพราะฉะนั้นจึงไปเรื่อยไปวัดนั้นวัดนี้ เข้มงวดกวดขันทางด้านจิตตภาวนาซึ่งเป็นสถานที่เลิศเลอของธรรมอยู่ที่จุดนั้นนะ
นี่ก็สร้างศาลาใหญ่ขึ้นมาแล้วเห็นไหม อย่างนั้นแล้ว เราเคยคิดเมื่อไรว่าเราจะสร้างอย่างนั้น แต่มันก็เป็นเพราะสิ่งเกี่ยวข้องมันเกี่ยวโยงกันมา การช่วยชาติบ้านเมือง ประชาชนมามากมาน้อยทั่วประเทศไทยก็เข้ามาที่นี่ ผู้เกี่ยวข้องกับบุญคุณประโยชน์แก่ชาติแก่ตัวเอง แล้วก็ต้องเข้ามาหาสถานที่ที่เป็นที่เคารพนับถือเป็นที่ตายใจได้ เช่น วัด สถานที่นี่ก็คือวัดป่าบ้านตาด ครั้นเวลามาคนเต็มท้องนา ฝนตกฟ้าลงเปียกปอนงอมแงม ดูแล้วดูเล่ามันจะอดคิดได้ยังไงคนเรา เมื่อก่อนเราตัดขาดสะบั้นๆ นะมาสร้างไม่ได้ คิดดูซิศาลาหลังนี้เขาจะมาขอสร้างถึง ๔ หนนะ ดุกันแหลกเลย นี่ก็ได้ขึ้นมานี้ยกให้ในฐานะที่อนุโลม ให้ยกขึ้นนี้ จึงได้อยู่เป็น ๒ ชั้น
เขาจะมาปลูกมาสร้างอะไรเราไม่ให้ทำ กุฏิเรานั้น ๘ หน เขาจะมาปลูกกุฏิหลังใหญ่ๆ ให้มันสมยศเรา ยศหลวงตาบัวนั่นน่ะ มาสร้างกุฏิใหญ่ให้ ห้ามๆ ดุเรื่อยมา ห้ามเรื่อยมา จนถึงครั้งที่ ๘ ฟาดกันใหญ่เทียวนะ ครั้งที่ ๘ นี้เอาอย่างหนักเทียว ถึงขนาดที่ไม่ยอมฟังเทียวหรือครูบาอาจารย์พูดนี่น่ะ ถึงขนาดนั้นนะ ซัดกันใหญ่ จากนั้นเลยก็เงียบเดี๋ยวนี้เงียบไป แล้วก็มาโผล่ขึ้นทางศาลาใหญ่ มันขึ้นมันเงียบทางนี้มันขุดใต้ดินขึ้นช่องนั้น มันเป็นอย่างนั้นนะ
อันนี้ก็พอดีกับจังหวะที่เรากำลังรำพึงรำพัน เห็นคนเปียกปอนมาจากทุกทิศทุกทางมาลำบากลำบน ศาลามันก็มีเท่านี้ ถ้ามีการมีงานศาลาก็ไม่มีความหมาย ก็ต้องเอาหน้าวัดเป็นที่บำเพ็ญส่วนรวม คิดไปคิดมาพิจารณา กำลังเริ่มจะลง จะให้สร้างศาลา ก็พอดีเป็นจังหวะเดียวกันเขาก็มาขอเราเลย กระทิงแดงยกครอบครัวมาขอเลยเทียว มาขอก็ยกเหตุยกผลมาพูดๆ เหตุผลอันนี้เป็นเหตุผลที่เราคิดเรียบร้อยแล้ว ๆ มันก็เข้ากันได้ เขามาอ้างเหตุผลขอสร้างศาลา
ไม้นี้ก็ซื้อมาได้ ๒-๓ ปีแล้วก็ไม่กล้าที่จะมารบกวน เพราะได้ทราบว่าท่านไม่อยากให้สร้างเรื่องสิ่งก่อสร้างต่างๆ ได้ยินตลอดมาอย่างนี้ เขาก็เลยอ้างถึงเรื่องการเรื่องงานอะไรๆ มันก็เข้ากันได้กับเรา แล้วก็มาขอสร้างเขาว่าอย่างนั้น สร้างนี้ก็จะไม่สร้างตรงนี้ เขาก็เกรงใจนะ สร้างก็จะไม่สร้างที่หน้าวัด เขาจะไปสร้างมุมๆ นู่น ไปสร้างไว้เวลาจำเป็นคนก็จะได้ไปอาศัยนู้น เขาพูดเอง ส่วนหน้าวัดนี้เขาไม่ได้พูดละ เขาจะไปปลูกสร้างตรงนู้น สร้างศาลาขึ้นหลังหนึ่ง พอบรรเทาทุกข์ของคนจำนวนมากที่มาในงานซึ่งมีอยู่เป็นประจำว่างั้น เพราะฉะนั้นเราก็เริ่ม ต้อนรับคำพูดคำจา ตามความคิดเห็นของเราก็เริ่มลงในจุดนี้แล้ว ทางนี้มีความศรัทธา ไม่เดือดร้อนทุกสิ่งทุกอย่างเรื่องการทรัพย์สมบัติเงินทองเกี่ยวกับสิ่งก่อสร้างแล้ว เราก็จะเริ่มอนุญาตให้สร้าง เราก็บอกอย่างนั้น
โอ๋ นี่ไม่เดือดร้อนขึ้นทันทีเลย ไม่เดือดร้อน การเงินการทองทุกอย่าง บอกเต็มเหนี่ยวๆ อย่างอาจหาญเลยนะ พอว่างั้นแล้ว ทีนี้เราก็บอกถ้าสร้างแล้วก็ต้องมาสร้างที่หน้าวัด ทางนู้นงดเลย ไปสร้างไว้อะไรในถ้ำในเขานู้น เราสร้างไว้สำหรับประชาชน ก็เขาพูด เขาพูดเกรงใจเรา เขาไม่กล้าจะมาสร้างที่นี่ เราก็บอกถ้าสร้างต้องสร้างตรงนี้เลย ตรงหน้าวัดนี้เลย แล้วทีนี้การสร้างกำหนดความสั้นความยาวของศาลาจะประมาณเท่าไรล่ะ การสร้างให้เอามาสร้างตรงนี้แหละ ทางนู้นไม่เอา ถ้าสร้างรับแขก ก็แขกมาอยู่ที่นี่นี่นะเอาลงตรงนี้เลย แล้วความกว้างความแคบจะเอาเท่าไร
ความกว้างเขาว่าเอา ๑๕ เมตรความยาว ๕๕ เมตร ทางนี้ตอบทันที อู๊ย แคบไป เอาอย่างนี้นะความกว้าง ๓๐ เมตร ความยาว ๖๐ เมตร สาธุ ขึ้นเลยทีเดียวขึ้นทันทีเลย สาธุขึ้นเลย เอาเป็นอันว่าตกลงกัน นี่ก็เลยได้เป็นศาลาความกว้างมัน ๓๐ เมตร เขาว่า ๑๕ เมตรเพิ่มขึ้นอีก ๒ คูณไปเลย อันนี้ ๕๕ เมตรให้เป็น ๖๐ เมตร มันถึงใหญ่อย่างนี้ละเวลานี้ นี่เขาก็เริ่มแล้ว ที่ช้าอยู่นี้คือไม้ไปเอามาจากฝั่งลาว มันก็เกี่ยวเกาะกับทางราชการงานเมืองงานของชาติงานแผ่นดิน จะเอามาอย่างสะดวกสบายตามใจก็ไม่ได้แหละ จนกว่าจะตกลงปลงใจกันเมื่อไรแล้วถึงจะเอาข้ามมาได้ มันถึงช้านี่น่ะ ต้นเสาไม่พอต้องไปเอาอีก ติดต่อกันอีกเสียเวล่ำเวลา ไม่งั้นมันเสร็จไปแล้วป่านนี้น่ะ ต้นเสานี้ทำเหตุ นี่พึ่งได้มาเขากำลังเริ่มละ
นี่เจ้าของเขาก็เร่งมาแล้วทางนู้น ยังไงก็ต้องให้ทันกฐินเขาว่า กฐินที่จะมาข้างหน้านี้ เขาก็แน่ใจเขาก็บอกว่าทัน คิดทีแรกว่าจะเสร็จเร็วกว่านั้น แต่ต้นเสามาเหตุเสีย ไม่งั้นป่านนี้มันจะเสร็จแล้วละเขาว่างั้น เรื่องมันถึงได้ขึ้นมาศาลานี่นะ ก็พิจารณาด้วยเหตุด้วยผล พูดถึงความเดือดร้อนเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สมบัติเงินทองที่จะนำมาสร้างศาลาหลังหนึ่งๆ อย่างหลังที่ว่านี้ไม่ใช่น้อยๆ นะมันแพง เขาไม่เดือดร้อนเขาว่างั้นนะเขารออยู่แล้วเขาว่า เขาพร้อมแล้วว่างั้นเลย เราถึงได้อนุญาตให้เลย รับไปทั้งหมดเลยเขาเป็นเจ้าของไปเลย กับคุณธเนศ หนองคาย นี่เป็นคู่กัน ทางนี้เป็นผู้วิ่งเต้นกับฝั่งลาว เกี่ยวข้องกับสิ่งก่อสร้างอะไรๆ ตลอดคนงาน ทางนู้นเป็นคนคอยถามเหตุการณ์อะไรบกพร่องอะไร ทางนู้นหนุนมาเรื่อยๆ เรื่องราวมันถึงเป็นขึ้นมาอย่างนี้
นี่ละศาลากลายเป็นศาลาใหญ่แล้วนะ เราไม่ได้คิดได้อ่านเลยมันก็เป็นขึ้นมาอย่างนี้ละ วัดนี้มันก็จะพังเขาไปแล้วนะ ที่ไหนมีแต่หรูหราฟู่ฟ่า หาที่จะพักภาวนาของพระจะไม่มีแล้วนะเวลานี้ ยุ่งมากนะ เราสงวนจริงๆ เราสงวนธรรมไม่เคยลด คงเส้นคงวาหนาแน่นตลอดเวลาคือธรรม อะไรมาแตะไม่ได้นะธรรม ถึงขนาดนั้นนะ คำว่ารักว่าสงวนนี้เรียกว่าตายเข้าว่าเลยเทียวไม่มีบกบาง จะเสียดายชีวิตยิ่งกว่าธรรมเป็นไปไม่ได้ นี่ละที่ดุนั้นดุนี้อยู่คือสงวนสิ่งเลิศเลอ ให้ลูกเต้าหลานเหลนได้ประพฤติปฏิบัติ แล้วจะได้ทรงธรรมประเภทนี้ตามกำลังของตนเป็นลำดับไป ดีกว่าจะแบกส้วมแบกถานทั้งเขาทั้งเรา ไปคนไหนดูกันเฉยๆ นะ ถ้าดูดีๆ แล้วมันจะหัวเราะกันเข้าใจไหม
ถ้าต่างคนต่างดูกันให้ดีด้วยสติด้วยปัญญาแล้ว ต่างคนจะหัวเราะเป็นบ้าไปด้วยกัน คือคนนี้ไปก็หลังโก่งไปอย่างนี้ คนนั้นมาก็หลังโก่ง มองดูเข้ามาในวัดป่าบ้านตาดมีแต่คนหลังโก่ง คือมันหาบส้วมหาบถานเต็มบ่ามาด้วยกัน ไม่ได้หาบอรรถหาบธรรม หาบอรรถหาบธรรมท่านไม่หลังโก่ง พวกนี้พวกหลังโก่ง โก่งเพราะมันหนัก หนักก็พอใจแบก เพราะอยากได้อันนั้นอยากได้อันนี้มันไม่พอ ขนเข้ามา ขนเข้ามาก็หลังโก่งเข้าไปเรื่อย เอาเรื่อยพวกหลังโก่ง เฮ้อ พูดแล้วมันน่าทุเรศสัตวโลก แหลมคมมากนะกิเลส ถ้าไม่มีธรรมเท่านั้นโลกนี้หมดความหมายเลยนะ มีธรรมเป็นฝั่งเอาไว้แม้น้อยก็ตาม ผู้เอื้อมยังมี ไม่ใช่มีแต่ฝั่งของฟืนของไฟเผาไหม้อยู่โดยถ่ายเดียว โดยไม่มีธรรมเป็นอีกฝั่งหนึ่งพอเอื้อมยึดเอื้อมเกาะบ้าง
แต่นี้ธรรมก็มี โลกคือกิเลสก็มี ธรรมตั้งแต่สุข เป็นบรมสุขก็มี ผู้ที่เอื้อมทางไหนก็ได้ๆ เพราะผลนั้นพร้อมที่จะให้เสมอกัน ผลของกิเลสได้เสมอกันกับธรรม ธรรมได้เสมอกับกิเลส ขอแต่ความเอื้อมมือ การประพฤติปฏิบัติการสนใจของเรา หมุนไปทางธรรมเป็นธรรมขึ้นมาทันที หมุนไปทางกิเลสเป็นกิเลสขึ้นมาทันที แล้วก็สร้างกองทุกข์ขึ้นมา หมุนไปทางธรรมเป็นธรรมขึ้นมา สร้างความสุขขึ้นมา นี่เรียกว่าเสมอกันตั้งแต่ไหนแต่ไรมา โลกมันไม่ได้ไปเอื้อมทางด้านธรรมซิ มันเอื้อมตั้งแต่ทางด้านกิเลสตัณหา อันนี้ที่มันท้อใจนะ
เวลาบึกบึนทีแรก โอ๋ย หนักมากนะ เหมือนหนึ่งว่าไม่มีฝั่งมีแดนไม่มีฝั่งมีฝาเลย เท่ากับว่าเราว่ายน้ำในท่ามกลางมหาสมุทรนี้ ที่เวลาเราบึกบึนทีแรกมองไปที่ไหนก็ไม่เห็นมีอะไร มันทุกข์มันลำบากหาทางออกทางเข้าก็ไม่มี หากบืนไปอย่างนั้นแหละ เหมือนเขาว่ายน้ำในมหาสมุทร นี้เราบึกบึนก็เหมือนกัน แต่นี้ยังมีธรรม ธรรมมีแล้วครูบาอาจารย์มี นั่นละคือสิ่งที่จะมายื่นมาให้เรายึดเราเกาะ คือธรรมกับครูบาอาจารย์ ฝั่งมหาสมุทรนั่นก็คือมหาสมุทรมหานิยมวัฏจักร เราต่างคนต่างว่ายต่างลอยอยู่ แล้วมีอรรถมีธรรมท่านยื่นมาให้เราก็เกาะๆ ผู้เกาะติดก็ไปได้เรื่อยๆ เลยตามกำลังของตัวเองๆ ก็เป็นผลขึ้นมาเรื่อยๆ ผู้ไม่สนใจจะยึดจะเกาะมันก็จมไปเรื่อยๆ ของมัน
นี่เรายังดีนะมีอรรถมีธรรม เบื้องต้นต้องยาก ยากขนาดไหนก็ยากเพื่อความดี ยากเพื่อความสุข ยากเพื่อผลประโยชน์เป็นไรไป ไม่ได้ขาดทุนสูญดอก ไอ้ยากเพื่อกิเลสนี้เป็นทุกข์มหันตทุกข์ได้ตลอดไปนะ ยากด้วยการปฏิบัติธรรมนี้ยากขนาดไหนหนักขนาดไหนเพื่อสุขๆ ตลอด ไม่มีขาดทุนสูญดอกไปไหน มันควรจะทุ่มกันลงบ้างนะ ถึงกาลเวลาที่ควรทุ่ม อย่าปล่อยตัวจนเกินไปมนุษย์เรา นี่ก็เคยพูดให้ฟังพูดทุกแง่ทุกมุมให้บรรดาลูกศิษย์ฟัง เราพูดจริงๆ เปิดหัวอกพูดได้เลย ไอ้เรื่องที่ว่าจะโอ้จะอวด จะเอาโอ้เอาอวดมาหาอะไร ก็มีแต่ความเมตตาครอบโลกธาตุ พูดหนักเบามากน้อยแง่ไหนก็เพื่อให้เป็นคติเครื่องเตือนใจๆ ปลุกใจให้ตื่นเนื้อตื่นตัวบ้างความหมายว่างั้น
ทีนี้กิเลสมันไม่เป็นอย่างนั้น มันก็โหมเข้าให้ทางนี้ โหย ท่านพูดดุพูดด่าพูดโอ้พูดอวด นั่นเห็นไหมล่ะกิเลสมันไปอย่างนั้นนะ กิเลสมันไม่ยอมฟังเสียงธรรม พอธรรมท่านพูดอย่างนั้นกิเลสมันก็ขึ้นทางนี้แล้วท่านอวด กิเลสมันก็สอนทางนี้เข้าใจไหม นี่ท่านอวดนั่นเห็นไหมล่ะ มันไม่ได้เอานะคำที่ท่านสอน มันเอาตรงที่ว่าท่านอวดเลยนะ มันก็กลับไปแบบหลังโก่งกลับไปเข้าใจไหม เวลามาก็หลังโก่งมาไปก็หลังโก่งกลับไป พวกนี้ไม่มีเบาเลยเข้าใจเหรอ จะเอาแบบไหนแบบหลังโก่งมาแล้วตัวแบนกลับคืนไปยิ้มแย้มแจ่มใส หรือเอาแบบไหนพวกนี้น่ะเลือกเอานะ เอาละวันนี้เทศน์เท่านั้นพอ
วันที่ ๓ เมื่อวานนี้ทองคำไม่ได้ ดอลลาร์ได้ ๖ ดอลล์ เงินผ้าป่าช่วยชาติอำเภอสีชมพูจังหวัดขอนแก่น ทองคำ ๕ บาทดอลลาร์ ๔๗ ดอลล์มาเพิ่มเติมเหรอ (ครับเพิ่มเต็ม) เออ ก็ดีแล้ว นี่อุลตราซาวนด์ก็ให้แล้วนะ พระท่านจะบอกไปทางโรงพยาบาลหรือยังไม่รู้ กำลังสั่งเวลานี้บอกให้ทางนี้สั่ง แต่เราจะบอกกลับไปถึงผู้ขอหรือยังไม่บอกก็ไม่ทราบนะ ผู้ขอคือโรงพยาบาลสีชมพูให้เครื่องอุลตราซาวนด์เครื่องหนึ่งดูเหมือน ๗ แสน เราเคยสั่งมาให้มากต่อมากนะ นี่ขอมา ๒ แต่เรามันไม่มี คือที่ใหญ่นี้ขอ ๒ อย่างอุลตราซาวนด์ ๑ รถพยาบาล ๑ รถพยาบาล ๙ แสน ๗ หมื่น อุลตราซาวนด์นี้ ๗ แสน เราเลยได้ให้เฉพาะอุลตราซาวนด์ ๑ เครื่อง
ให้หมอทางนี้สั่งอุลตราซาวนด์มา แต่เราไม่ได้บอกพระว่าให้สั่งไปทางโรงพยาบาลผู้ขอ ไม่ทราบท่านสั่งหรือยัง ถ้ายังไม่ทราบก็ให้ทราบเสียนะ ท่านให้แล้ว ท่านกำลังสั่งแล้ว อุลตราซาวนด์ให้เครื่องเดียว รถแอมบูแลนซ์ต้องพักไว้เสียก่อนเพราะเราหนักมากต่อมาก แอมบูแลนซ์ ๙ แสน ๗ หมื่น อันนี้ประมาณ ๗ แสนอุลตราซาวนด์ คือเรากำลังไม่พอ หมุนทางโน้นทางนี้ วันนี้ก็จะจ่ายเช็คละ เมื่อวานนี้ลืมเช็คเขียนใบถอนเรียบร้อยแล้วเลยไปถึงไหนๆ ถึงระลึกได้ กูตายนี่วะ กลับมาเลยเอาเช็คให้เขาวันนี้เขาจะไปละวันนี้ ดูเหมือน ๑,๘๔๐,๐๐๐ บาท ๓ รายการเช็คที่จะไปจ่ายวันนี้นะ ล้วนแล้วตั้งแต่เรื่องโรงพยาบาลนะ
เราถึงหนักมากหนักตลอดนะ ต้องแบ่งโน้นบ้างแบ่งทางนี้บ้าง ให้คนนี้ ๑ ช้อนให้คนนี้ ๒ ช้อนให้คนนั้น ๓ ช้อน ถ้าจะให้หมดหม้อ คนนี้อิ่มคนนั้นท้องแห้งตาย มันต้องให้คนละช้อนสองช้อน ตักใส่คนนี้ปากนี้ ๑ ช้อน ปากนี้ ๒ ช้อนปากนั้น ๓ ช้อนไปเรื่อยๆ อย่างนี้นะ ถ้าโรงพยาบาลใหญ่ที่เราสร้างตึกให้เขานี้ มีอุปกรณ์อีกติดอยู่นั้น เราให้อันใหญ่เสียก่อน ส่วนเล็กนั้นรอไว้ก่อน แล้วก็ป้อนทางโน้นป้อนทางนี้ ย่นหดเข้ามาย้อนเข้ามาก็มาป้อนทางนี้อุปกรณ์ อย่างนั้นนะ ป้อนทางโน้นป้อนทางนี้มันไม่ไหว โถ ไม่ใช่เล่นนะ เอาละให้พร
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร
www.luangta.com