เที่ยวป่าเที่ยวเขานี่มันรื่นเริงนะไม่ทราบเป็นยังไง ถ้าเข้าป่าเข้าเขาไปแล้วมันรื่นเริง อย่างภูพาน ระหว่างสกลฯ กาฬสินธุ์นี้เราไปเรื่อยนะ พอเราไปก็ตัดเข้าพระตำหนักแล้วตัดออกภูพานเลย นู่นออกถึงสมเด็จแล้ววกกลับทาง อ.กุมภวาปี ศรีธาตุ เวลาไปก็ไปทาง อ.กุมภวาปี สว่างแดนดิน พังโคน สกลฯ พอไปจะถึงสกลฯ ไม่ไป ตัดเข้าภูเขาภูพาน แล้วไปทางสันเขาภูพานจนกระทั่งออกสี่แยกสมเด็จ แล้วตัดมาทางวังสามหมอ ศรีธาตุ กุมภวาปี ก็ประมาณ ๕ ชั่วโมงนะมา เข้าป่าเข้าเขามันสบาย เพราะป่าเขาแถวนั้นเป็นบริเวณที่เราอยู่ โอ๊ย อยู่อย่างโชกโชน
ตั้งแต่วัดท่านวันไป ตั้งแต่ภูเหล็กไปเราเที่ยวหมดเลย เรียกว่าที่เที่ยวอย่างโชกโชนที่สุด ภูเขาลูกภูพานนี้ตั้งแต่สว่างฯ ตั้งแต่วัดท่านวันถึงภูจ้อก้อท่านหล้า ไกลไหมล่ะ เที่ยวอยู่สกลนคร ๘ ปี ทางนครพนม ๕ ปี ในเขาลูกนี้เรียกว่าเที่ยวอยู่ถึง ๑๓ ปีมันถึงแหลกหมด ใครพูดที่ไหนรู้หมดเลย เราจึงไปเที่ยวบ่อย ๆ ไปดูความหลังตัวเอง แม้สภาพของมันจะไม่เหมือนแต่เก่าก็ตาม แต่เราก็ถือว่าทำเลเหล่านี้เป็นทำเลที่เราเคยเที่ยวเคยอยู่ แต่ก่อนเป็นดงเป็นป่าล้วน ๆ ไม่มีบ้านคนเลย มีแต่ป่าแต่ดงแต่สัตว์แต่เนื้อเต็มไปหมด ช้างก็เต็ม เสือ สัตว์เนื้อ กระทิง วัวแดง เต็มป่าแต่ก่อน ไม่มีใครทำลายเขา เราไปอยู่กับเขานั่นแหละ
อยู่สกลฯ ๘ ปีนี้ก็เที่ยวแถวนี้ทั้งนั้น นครพนมอีก ๕ ปีก็เที่ยวทางด้านนั้นไปอีกไปถึงหนองสูง คำชะอี ที่ท่านหล้าอยู่ ไปเที่ยวหมดเลย เพราะฉะนั้นจึงไปบ่อย ๆ ไปดูความหลังของตัวเอง คือสภาพดั้งเดิมมันหมดแล้วแหละ เราจะจำได้เฉพาะว่าเขาติดป้ายไว้ในหมู่บ้านนั้น บ้านนั้นชื่อว่าอย่างนั้น ๆ แต่สภาพมันเปลี่ยนไปหมด ในบริเวณบ้านเขาก็เป็นถนนตัด ๆ แต่ก่อนนั้นไม่มีถนน เวลานี้ไปมันเปลี่ยนไปหมด ในป่าถึงจะเปลี่ยนมันก็เป็นดงของมัน มีบ้านผู้บ้านคนหนาแน่นก็ตาม แต่ดงมันก็หนาแน่นของมันอยู่อย่างนั้น เราก็ไปตามนั้นแหละ
พอขึ้นรถไปเข้าภูเขาแล้ว รถช้า ๆ ไปเรื่อย จะนอนไปบนรถก็ตามนะ พอจวนจะไปถึงสกลนครเลี้ยวเข้าภูเขาแล้วจะลุกคึกคักทันที ชมป่าชมเขาเรื่อยไปโน้น จนกระทั่งหมดภูเขาเรียบร้อยแล้ว เป็นทุ่งเป็นนาแล้วอยากนอนก็นอนเลยไม่สนใจ ถ้าเข้าในป่าในเขาแล้วคึกคักลุกขึ้นชมป่าชมเขา เพราะเราเคยอยู่ที่นั่นมานาน นานจริง ๆ ฟังซิ ๑๓ ปีเที่ยวในป่าในเขา ป่าเขาภูพานนี้เรียกว่าเที่ยวมากกว่าทุกแห่งในชีวิตแห่งความเป็นพระของเรานี้ รู้สึกว่าภูเขาลูกนี้จะเที่ยวมากที่สุดเลย ที่อื่นก็ไปแต่ไม่มาก ไม่ได้เหมือนภูเขาลูกนี้ซึ่งเป็นทำเลที่เราบำเพ็ญภาวนาล้วน ๆ ไปอยู่นั้นเพื่อภาวนาล้วน ๆ เลย ไปที่อื่นมันก็อย่างว่านั่นแหละ มันไม่เหมือนนะ
ไปทาง อ.บ้านผือ อ.บ้านบ่อ ศรีเชียงใหม่ ก็ไปเป็นกาลเวลาเสีย ไม่ได้อยู่นานเหมือนภูพาน อันนี้อยู่ประจำถึง ๑๓ ปี เช่น หน้าแล้งนี้ก็ไปเพียงเท่านั้นก็ผ่าน ๆ พอมีโอกาสเราถึงไปเสมอ ไปเที่ยวภูพาน เอารถไป พอดีไปเที่ยวสุดท้ายนี้ไปภูพาน ก่อนหน้าที่จะไปภูพานนี้ ไปชมพระตำหนักภูพาน เข้าไปเลยนะ เพราะตอนนั้นสมเด็จฯ ท่านเสด็จกลับใหม่ ๆ เราก็ไป ตอนที่ท่านประทับอยู่นั้นไม่ได้ไปแหละ ไปตอนท่านเสด็จกลับได้วันสองวันเราก็ไป เข้าไปในนั้นเลย พวกนั้นพอเราไปเขาก็จำได้หมด ทีวีนี่สำคัญหนา ไปไหนรู้หมด ตำรวจ ทหาร ที่เขารักษานั้นรู้กันหมดเลย แล้วเปิดทางให้หมด พาเราเที่ยวหมด ยิ่งมาทราบว่าเป็นเราอีกด้วยแล้ว เขาเห็นเขาก็ทราบแล้ว ยิ่งทราบชัดว่าเป็นเราด้วยแล้วก็พาไปเที่ยวหมด ดูซอกแซกซิกแซ็กพระตำหนักที่ท่านประทับ พระตำหนักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าประทับก็พาไปดูหมดเลย จากนั้นก็เที่ยวไปเลย
เราชอบเที่ยวป่าเที่ยวเขา เพราะเข้าในป่าในเขามันรื่นเริง ไปบ่อยแหละเรา ทีนี้วันที่ว่าไปภูพานนี่ พอไปถึงกลางดง โอ๊ย ต้นไม้สดเขียวงดงามชุ่มเย็น เป็นดงล้วน ๆ เป็นทำเลพอเหมาะดีเราก็เลยจอดลงเที่ยวตามนั้นสบาย ๆ พอจอดรถลงข้างทางแล้ว ส่วนมากเราจะไม่ออกไปข้างถนนแหละ เพราะรถผ่านมาพอเห็นเราแล้วจำได้นี่นะ โห มันเหมือนนักโทษคนหนึ่งนะเรา เหมือนผู้ต้องหา ไปไหนปั๊บจำได้ทันทีจ้อเลย วันนั้นก็พอรถจอดนี้ปั๊บเราก็ลงไปทางด้านนี้เราจะไปเที่ยว แล้วก็มีรถบรรทุกคันหนึ่งมา เขาอยู่ลพบุรีนะผู้ชายคนนั้น อายุประมาณสัก ๓๐ กว่านี้แหละ เขาไปส่งสินค้าทางโน้น สกลนคร เขาไปคนเดียว
เราจอดรถทางนี้แล้วก็ลงเดินไปดูทางนี้ แล้วรถเขาผ่านมานี้ปุ๊บฟาดไปถึงนู้น แล้วถอยหลังกลับมาอีก นี่มันอะไรอีก เรายิ่งเป็นผู้ต้องหาอยู่แล้วมันก็ต้องระวัง มันอะไรก็ต้องมายุ่งกับเราพวกนี้น่ะ ถอยหลังกรูด ๆ มาจอดกึ๊ก พระท่านก็เดินไปนั้น กระซิบกระซาบกันสักเดี๋ยว ก็ถามถึงเรานั้นแหละ เขามองเห็นแต่ด้านหลังเรายังไม่เห็นหน้า เขาจำรถคันนี้ด้วย สองอย่างประกอบกัน คือรถเรานี้ตอนที่ไปเทศน์ที่ลพบุรีเขาก็ไปฟังเขาว่าอย่างนั้น เขาจำรถคันนี้ได้ เขาว่าดูเหมือนหลวงตา เขาไปจอดรถถึงโน้นแล้วเลยถอยหลังกลับมามาจอดข้างหลังเรา แล้วเขาลงมากระซิบกระซาบกับพระเรานั้นแหละ พอทราบแล้วคึกคัก วิ่งมากราบเลย โอ๊ย น้ำตาคลอหน่วยเลยนะ
โอ๊ย ผมมีวาสนาได้มาพบหลวงตา หลวงตาอะไร ก็หลวงตาบัวซี ดีอกดีใจ โอ๊ย ผมมาพบแล้วผมมีวาสนา เอาอยู่นั้นแหละเหมือนสนิทมาตั้งกัปตั้งกัลป์นะ เป็นอย่างนั้นนะ เขาคุยอยู่นั้น คุยไปคุยมาเรียบร้อยแล้วเราก็มอบเงินรางวัลให้เขาหนึ่งพันบาท เขาบอกเขาไม่เอา นี่เป็นน้ำใจนะ น้ำใจมันมากกว่าเงิน เงินไม่มากอะไรนักเท่ากับน้ำใจที่ติดไปกับเงิน เขาเลยยอมรับ ทีแรกเขาจะไม่เอา คุยกันพอสมควรแล้วเราก็ออกไปเลย รถเขาตามหลัง อู๊ย ดีใจเอาเสียจริง ๆ เขาอยู่ลพบุรี อ.เมือง เขาบอกเขาพอจำรถได้ แล้วไปฟังเทศน์ที่หลวงตาไปเทศน์ที่ลพบุรีด้วย แล้วจำรถนี้ได้ด้วย เขาดีใจใหญ่ วันไปภูพานเขาก็ไปภูพาน เขาไปส่งสินค้าเพิ่งกลับมา