เงินช่วยโลกมีใช้อย่างเขียม
วันที่ 6 มิถุนายน 2544
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๔

เงินช่วยโลกมีใช้อย่างเขียม ๆ

(รพ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ มาขอเครื่องเอ็กซเรย์ฟันและตู้ดูฟิล์ม) รพ.นี้ยังไม่เคยให้ เอ้า ให้ทั้งสองเลย แล้วกำชับเอาไว้สั่งทางหมอของเราให้สั่งได้เลย ตู้ดูฟิล์มและเครื่องเอ็กซเรย์ฟัน เมื่อวานนี้เราเข้าไป รพ.โนนสะอาด เพราะรับใช้ตลอดเลย รพ.โนนสะอาดนี่ เรียกกันติดปากว่าหมออ้วน เขารู้กันทั้งโลกหมออ้วนน่ะ เป็นผู้รับใช้ทางวัดนี้ตลอด ไม่ว่าจะสั่งเครื่องมือแพทย์ไปโรงพยาบาลอะไร ๆ หมอนี้เป็นคนสั่งอย่างนั้น ๆ แล้วเป็นความสะดวก เพราะหมอเป็นคนสั่งเอง เมื่อวานนี้เลยไป ธรรมดาเราไปมันเหมือนพ่อแม่ไปที่ไหนมาลูกคอยทาง พอเห็นพ่อแม่มาลูกรุมเลย ได้ขนมชิ้นหนึ่งใส่มือลูกก็ดีใจใช่ไหม อันนี้เราเป็นลักษณะนั้นแหละ ไปที่ไหนแบบเดียวกันไม่เคยไปมือเปล่า

อย่างเมื่อวานนี้น่าจะตรงไปโรงพยาบาลนี้เลย ที่ไปถามเรื่องความบกพร่องอะไรโรงพยาบาลนี้นะ เราถามทั้งหมดเลย ตั้งใจจะสงเคราะห์นะนั่น ตั้งหน้าไปเลย ไปนี้ไม่มีอะไรไปให้ เลยโดดไปทางเขาสวนกวางไปหาซื้อขนม อาหารสดอะไร ๆ แล้วค่อยย้อนกลับมาโรงพยาบาล อย่างนั้นนะ มาก็เข้าไปเลย ไปถามไถ่อะไร ๆ ก็ยังรู้สึกว่าดีอยู่ ตกลงก็เลยไม่ได้ช่วยอะไรแหละ เราก็มีแต่เปิดทางให้เพราะเปิดทางเราเปิดตลอดอยู่แล้ว เมื่อวานนี้ย้ำเข้าอีก หากว่ามีอะไรจำเป็นก็ให้บอกไปเลย เพราะโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลที่รับใช้ทางวัดมาตลอด ส่วนสงเคราะห์ก็สงเคราะห์เหมือนโรงพยาบาลอื่น ที่จำเป็นอะไรก็สงเคราะห์อย่างนั้นทั่ว ๆ ไปเหมือนกัน

เป็นเวลานานแล้วเรายังไม่ได้เข้ามาโรงพยาบาลนี้ วันนี้ตั้งใจมาถาม เราบอกตรง ๆ เลย ถามเครื่องไม้เครื่องมือพอเป็นพอไป สุดท้ายก็ถามเรื่องรถก็ว่ามี เพราะรถเราก็เคยให้สองคัน ออกจากนั้นถึงได้กลับมา เมื่อวานนี้เอาเวลาพิเศษไปต่างหาก ตั้งหน้าไปเป็นพิเศษ ออกจากนี้ไปเยี่ยมวัดใหม่กกสะทอน ไปพักอยู่นั่นชั่วระยะ พอสมควรแล้วออกจากนั้นก็พุ่งนู่นเลยเขาสวนกวาง ย้อนกลับมาโรงพยาบาลโนนสะอาด ถึงกลับมาวัดเมื่อวานนี้ เวลานี้รถกำลังสั่งอยู่สองคันพร้อมกันนะ แอมบูแลนซ์ด้วยกัน บ้านแท่นแล้วก็ภูเรือ แล้วเอ็กซเรย์ของสหัสขันธ์ ที่กำลังสั่งเวลานี้

เวลานี้เงินเหล่านี้ที่ช่วยโลกรู้สึกว่าเราใช้อย่างเขียม ๆ นะ เงินก็มีอย่างเขียม ๆ นั่นแหละ ถ้าเงินมามากมันก็มากเหมือนกัน ทางนี้มันเตรียมมากอยู่แล้ว ต้องใช้ด้วยความจำเป็นอย่างนี้ เพราะห่วงหน้าห่วงหลัง เงินสดนี้เราพูดทีแรกตั้งแต่ต้นเลยบอกว่าจะไม่นำเข้าคลังหลวง จะนำออกช่วยชาติทั้งหมดเงินจำนวนนี้ ที่ประกาศให้ทราบในเบื้องต้น คือทองคำ ดอลลาร์นั้นจะเข้าคลังหลวงล้วน ๆ ไม่แยกไปที่ไหนเลย ส่วนเงินสดทั้งหมดทีแรกเราจะออกช่วยชาติกิ่งก้านสาขาของประเทศไทยเรา ไม่ว่าที่ไหนเป็นความจำเป็นเราจะช่วยให้ทั่วถึงไปหมด

ครั้นทำไป ๆ เรื่องความห่วงใยในทองคำนี้มันมีอยู่ภายในใจ ถึงจะประกาศว่าเอาเงินอันนี้ออกไปทั้งหมดก็ตาม นี้เป็นเรื่องที่เราประกาศ เราเอาออกทั้งหมดก็ได้เพราะเราพูดอย่างนั้นแล้ว ส่วนที่เราจะแยกไปไหนนั้นเป็นกรณีพิเศษของเรา อันนี้เราไว้ในใจของเราเราไม่พูด เราจะแยกแยะเงินจำนวนนี้ไปไหนอีกเพื่อประโยชน์แก่ชาติของเราเราไม่พูด พูดแต่ส่วนรวมเลยว่าจะเอาออกช่วยชาติทั้งหมด ครั้นทำไป ๆ ทองคำเรามันก็ติดหัวใจ ๆ สุดท้ายจึงได้แยกเงินจำนวนที่ว่าจะช่วยชาติทั้งหมดนี้ออกมา ๘๐๖ ล้าน นี่ตายตัวแล้วนะนี่ นี่จะเอาซื้อทองคำดังที่เคยพูดแล้ว ส่วนเหลือจากนั้นประมาณสัก ๔๐-๕๐ ล้านเราก็ไม่ได้ไปดู

คือดูก็ดูบัญชีเรานั้นแหละ ใครจะมายุ่งกับเรา ถ้าดูก็ดูบัญชีเราเอง เราเลยไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไร ๆ เวลาต้องการก็จับบัญชีมาเปิด จะสั่งจ่ายเท่าไรเราก็สั่งจ่ายเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเราจึงตายใจในสมบัติทั้งหมดที่เราเป็นผู้ควบคุม บริสุทธิ์เต็มที่ ๆ จะดูไม่ดู จำได้ไม่ได้ก็ตาม หลักตายตัวคือบัญชีมีอยู่นั้นแล้ว เราจะจ่ายเท่าไรเราก็จ่ายได้ เพราะฉะนั้นถึงว่ายังเหลืออยู่ ๔๐-๕๐ ล้าน ไม่ทราบมันขึ้นหรือมันลง ส่วนลงนั้นไม่ค่อยมี ถ้าจำเป็นจริง ๆ เราถึงจะถอน เช่น ช่วยส่วนรวม ออกช่วยชาติส่วนรวมใหญ่อย่างนี้นะเราถอนออกไป นอกจากนั้นส่วนอื่นเราไม่ถอนง่าย ๆ นะ

เราจะเอาเงินจำนวนที่เราเคยปฏิบัติมาอยู่แล้วเป็นพื้นฐานของวัดเลยว่า บัญชีของวัดป่าบ้านตาด อันนี้เราช่วยมาตลอดเลย ส่วนมากจึงเอาแต่บัญชีนี้ออกตลอด ๆ หากจำเป็นจริง ๆ ที่จะแยกไปหาบัญชีที่ว่าโครงการช่วยชาติ เราถึงจะแยกด้วยความจำเป็นจริง ๆ อย่างนั้นนะ ทั้ง ๆ ที่ช่วยชาติเหมือนกันกับอันนี้แหละ แต่เราก็ต้องระมัดระวังเพื่อให้ผลได้มีมาก ผลเสียเรียกว่าจะไม่ให้มี ด้วยความคิดของเราผิดพลาดไปอย่างนี้ เราพยายามจะไม่ให้มี จ่ายไปมากน้อยเพียงไรให้เป็นที่ภูมิใจ ๆ อย่างนี้ตลอดมานะ

เวลานี้เงินทางบัญชีของเราก็รู้สึกว่าร่อยหรอลง ไม่ค่อยจะมีใครส่งเข้ามาในบัญชีต่าง ๆ ที่เปิดบัญชีไว้เรียบร้อยแล้ว หรือคิดว่าเวลานี้เมืองไทยสมบูรณ์เต็มที่แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะช่วยชาติบ้านเมือง เพราะฉะนั้นเงินแม้สักบาทหนึ่งอย่างนี้ ก็ไม่จำเป็นจะต้องหนุนเข้าบัญชีเพื่อช่วยชาติ ช่วยพุงเจ้าของดีกว่า มันอาจคิดอย่างนั้นก็ได้นะ วันนี้จึงตีพุงคนบ้าง บาทหนึ่งอย่างน้อยเอามาสองสตางค์ก็ยังดีนะ ตีพุงปั๊วะเลย พุงนี้มันกินหมดทั้งบาทยังไงนี่ ชาติไม่ได้กินสักบาทสักสตางค์ เอามาให้ชาติสองสตางค์ ตีพุงปั๊วะแล้วก็คว้าเอาเงินมาสองสตางค์ ๙๘ สตางค์ให้พุงเขาเสีย ทีนี้เที่ยวหาตีพุงคนนะ ตีพุงชาติไทยเรานี่ มันพุงกางออกทุกวัน ๆ พุงของชาติเล็กลง ๆ แล้วจะแฟบนะเดี๋ยวนี้ ไม่มีใครที่จะหนุนเข้าบัญชีเพื่อการช่วยชาติของเรา

พากันคิดนะพี่น้องชาวไทยเรา เวลานี้เรากำลังช่วยชาติ ยิ่งจะเน้นหนักเข้าไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่จะอ่อนลง ชาติไทยของเราเบาเมื่อไร คน ๖๒ ล้านคนเหยียบอยู่บนแผ่นดินไทยเรานี่หนักขนาดไหน เราต้องต่างคนต่างช่วยกันไม่งั้นไม่ได้นะ อย่านอนใจนะ หัวหน้าไม่พานอนใจอย่านอนใจ หัวหน้าทางบ้านเมืองก็ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีลงมาโดยลำดับ วงราชการต่าง ๆ นี่เรียกว่าหัวหน้าทางบ้านเมือง หัวหน้าทางศาสนาก็คือหลวงตาบัวเองเป็นผู้นำมาตลอด เราไม่ได้อ่อนข้อนะ ทั้งสองฝ่ายนี้เรียกว่าต่างคนต่างเร่งงานการต่าง ๆ ทางบ้านเมืองเขาก็เร่งของเขา ทางเราก็เร่งอย่างนี้ เร่งอะไร ทางเราเร่งหาตีพุงคนเข้าใจเหรอ

พุงหนึ่งมันฟาดเข้าไปเสียหนึ่งบาท มันไม่ได้ให้ชาติซึ่งเป็นพุงใหญ่หลวงแม้แต่สองสามสตางค์เลย เราไปตีเอาขอเอาเพียงสองสตางค์ ไปตีเอาพุงหนึ่ง ๆ คว้าเอามาหนึ่งบาทนี้ เราเอาเสียสองสตางค์ คืนให้พุงของเขาเสีย ๙๘ สตางค์ ๒ สตางค์นี้เอาไว้ให้ชาติพุงนี้ ค่อยตีไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ พุงเมืองไทยเรา ๖๒ ล้านพุง ๆ ละ ๒ สตางค์จะได้เงินเท่าไร ลองคิดดูซิ เอ้า คิดมาเดี๋ยวนี้เราจะได้เตรียมพร้อมเที่ยวหาตีพุงคน กำลังเร่ง (๑๒๔ ล้านสตางค์เจ้าค่ะ) เอ้าคิดเป็นเงินบาท พูดแบบคนไม่พูด ผู้ฟังก็ฟังได้นะ ปุ๊บปั๊บตีพุงเข้าไปแล้วไม่ทราบว่าจะแก้ไขกันยังไง

(ได้ ๑,๒๔๐,๐๐๐ บาทเจ้าค่ะ) โอ้ พวกเราคิดเก่งนะ ตีคราวหลังเราจะฟาดเอา ๓ สตางค์นะอย่าว่าไม่บอก เราจะตีหนักหน้าเรื่อย เป็นยังไงพุงคนมันใหญ่กว่าชาติได้เหรอ ชาติพังพุงมันอยู่ได้เหรอ เอาตรงนั้นซี (เอาสัก ๑๐ สตางค์ดีครับ) ยังไม่เอา ให้เขาเตรียมพุงของเขาไว้ ตรงไหนจะเย็บไว้ ตรงไหนจะเปิดให้ ๓ สตางค์ เราก็ค่อยเปิดเอาสามสตางค์สี่สตางค์ไปเรื่อย ไปฟาดทีเดียวแหลกหมดเลยไม่ได้สักสตางค์ พุงแตกคนตายแล้วเอาอะไร สตางค์เดียวก็ไม่ได้

นี่ก็กำลังเริ่มพี่น้องทั้งหลายกรุณาทราบเอาไว้ เวลานี้ทางบ้านเมืองก็รู้สึกว่าค่อยแน่นหนามั่นคงขึ้นเป็นลำดับ ผลประโยชน์ที่ออกจากผู้นำคนนี้รู้สึกว่าเด่นมาก เด่นขึ้นโดยลำดับลำดา อุบายวิธีการที่ดำเนินงานนี้ ทางนี้จะสอดแทรกคอยสังเกตสังกาตลอดเวลา ถ้าขัดข้องตรงไหนที่จะเป็นการทำลายชาติในตัวอย่างนี้เราจะเตือนไป ๆ ทางโน้นขึ้นทางโน้น ทางนี้จะสอดรับกันตลอดเวลา ไม่ได้อยู่เฉย ๆ ทางโน้นกับทางนี้ประสานกันอยู่ตลอดเข้าใจไหมล่ะ

เพราะฉะนั้นเราถึงได้พยายาม อันไหนที่เป็นเรื่องของเราที่จะเตือนพี่น้องทั้งหลายให้ช่วยชาติของเราอย่างสงบร่มเย็น เราก็เตือนไปอย่างนี้ อย่างพุงหนึ่งเอาสองสตางค์ไม่เอามาก ออกจากนี้ให้ไปประกาศทางวิทยุว่าพุงหนึ่งเอาเพียง ๒ สตางค์ ๖๒ ล้านพุงนี้ได้กี่บาทให้ทางวิทยุเขาวิจารณ์อีกทีหนึ่งก็ได้นะ เราคิดเพียงพุงหนึ่ง ๒ สตางค์เท่านั้น ๒ สตางค์นี้จะเอาเข้าพุงหลวงพุงของชาติ ส่วน ๙๘ สตางค์ให้พุงเจ้าของเอง เราจะไปหาตีเอาอย่างนี้ไม่เอามาก ตีได้ ๒ สตางค์ก็เอา ถ้าไม่ตีไม่ได้เลยจะว่าไง ต้องตี ถ้าตีมากเดี๋ยวพุงมันแตก มันลำบากนะไม่ทราบจะตีแบบไหน ก็เราตีเอา ไม่ได้ตีจะให้ขาดทุนใช่ไหม

หนุนกันไปเรื่อย ๆ อย่าถอยหลังนะ หนุนเรื่อย ใครมีมากน้อยเพียงไร เอา แบ่งเพื่อชาติของเรา ๆ ไปเรื่อย ๆ อย่างนี้แหละ ไม่ว่าทองคำ ดอลลาร์ เงินสด ได้เท่าไรไม่ว่า ฝนตกทีละหยดละหยาดตกไม่หยุดไม่ถอย ท้องฟ้ามหาสมุทรเต็มด้วยน้ำทีละหยดละหยาด ไม่ได้เต็มด้วยฝนตกมาเม็ดหนึ่งเท่าลูกมะพร้าวหรือเท่าตุ่มเท่าไหไม่เคยมีนะ อันนี้ก็เหมือนกันให้ช่วย ให้เหนียวแน่นมั่นคงต่อชาติของเรา ไม่เหนียวแน่นมั่นคงไม่ได้ อย่าเหลาะแหละนะ ถ้าเหลาะแหละไม่ดีเลย

หัวหน้านี้ก็พูดจริง ๆ เราไม่เหลาะแหละว่างั้นเลย เอาจริงเอาจังทุกอย่างเพื่อชาติบ้านเมืองเต็มสัดเต็มส่วน ทีนี้ทางบ้านเมืองเขา เวลานี้นายกคนนี้ก็รู้สึกว่าเอาจริงเอาจังมากเข้ากันได้กับหลักธรรม อุบายวิธีการที่ออกแง่ไหนมุมใดทางนี้จะสอดแทรกสังเกตฟัง มันขัดต่ออรรถต่อธรรมตรงไหน คือธรรมเป็นความถูกต้องดีงามราบรื่นตลอดนะ ถ้าดำเนินทางโลกก็ให้ดำเนินไปแถวของธรรม ๆ อย่าปลีกอย่าแวะอย่าขัดอย่าขวางธรรม แล้วจะไม่ขัดขวางชาติของเรา ทำลายชาติของเรา จะเป็นไปเพื่อความราบรื่นดีงาม เพราะฉะนั้นทั้งสองฝ่ายนี้ต้องดำเนินไปตาม ๆ กัน แล้วบ้านเมืองของเราจะค่อยขึ้นเป็นลำดับลำดา

ไม่ตั้งอกตั้งใจจริง ๆ แบบเฉื่อยชาไม่ได้นะ ที่เป็นมานี้แบบเฉื่อยชา ใครทำอะไร ๆ ก็ไม่สนใจ ๆ สุดท้ายจะหมดเนื้อหมดตัว หมดทั้งชาติไทยของเรา นี่เพราะความเฉื่อยชาของเรา เวลานี้ตั้งหน้าปฏิบัติตัวเองเพื่อรักษาสมบัติชาติไทยของเรา และบำรุงให้เป็นไปด้วยความราบรื่นดีงาม จึงขอให้ทุก ๆ คนมีความอุตส่าห์พยายาม มีมากมีน้อยหนุนเข้าไป ๆ แล้วจะค่อยดีขึ้นเรื่อย ๆ คิดดูซิทองคำเวลานี้ก็ได้ ๒ ตันกว่าแล้ว ทองคำตั้งแต่เริ่มต้นที่เรารับบริจาคจากพี่น้องทั้งหลายมาจนกระทั่งบัดนี้ ปัจจุบันคือเมื่อวานนี้ วันนี้ยังไม่นับ รวมตั้งแต่เบื้องต้นที่พี่น้องชาวไทยเราบริจาคทองคำมานั้นได้ ๒,๔๘๐ กิโลแล้ว เท่ากับ ๒ ตัน ๔๘๐ กิโล ดอลลาร์เข้า ๕ ล้านกว่าแล้ว ส่วนเงินสดก็อย่างที่ว่านี่แหละ เข้าเรื่อย ๆ อย่างนี้ เข้าเรื่อย ๆ

ธรรมลี ถ้ำผาแดง มาอีกแล้วได้ทองคำ ๑ กิโล ๗ บาท ๕๐ สตางค์ แล้วก็เช็ค ๒๖,๔๐๐ บาท เห็นมาเรื่อย ๆ ธรรมลีมาเรื่อย ๆ หลวงปู่ลี กุสลธโร แปลว่า ผู้ทรงไว้ซึ่งความโง่สุดยอด ต้องแปลอย่างนั้นซีเขาเรียกว่าแปลทับศัพท์ แปลสวนหมัด ถ้าแปลไปตามหมัดก็แปลว่า ผู้ทรงไว้ซึ่งความฉลาด (สาธุ) ถ้าไปแถวเดียวกันเลยมันจะไม่ได้คิด มันต้องมีหมัดสวนมีศอกกลับ จึงต้องแปลว่าผู้ทรงไว้ซึ่งความโง่สุดยอด นี่เห็นไหมล่ะมาแล้ว ๑ กิโลแล้ว หลวงตาบัวมีแต่วอก ๆ ไม่ได้สักหนึ่งสตางค์เลย มีแต่คนนั้นให้คนนี้ให้เอามาหมดเลย เจ้าของไม่ได้ให้เลย

สรุปทองคำที่ได้เมื่อวานนี้วันที่ ๕ นั้น ทองคำได้ ๒ บาท ๕๐ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๓๖๓ ดอลล์ ได้เรื่อย ๆ อย่างนี้ สามร้อยสี่ร้อยเข้าไปก็ถึงพัน ทองคำได้เวลานี้ทั้งหมด ๒,๔๘๐ กิโล หนุนขึ้นเรื่อย ๆ นะชาติไทยเราอย่าอ่อน พี่น้องทั้งหลายอย่าได้อ่อน ให้ฟังเสียงธรรม ฟังเสียงกิเลสฟังเสียงเราฟังมานานแล้ว พาเจ้าของล้มเหลว ๆ จะล่มจมทั้งชาติเรื่องของกิเลส ถ้าเรื่องของธรรมจะฟื้นฟูขึ้นไปทั้งตัวเองและชาติไทยของเราโดยไม่สงสัยเหมือนกัน จึงเอาธรรมเข้ามาเป็นทางเดินหนุนเรานะ

เรานี้คิดเต็มกำลังแหละสำหรับพี่น้องชาวไทยเรา สำหรับเราเองเราไม่ได้คิดเราบอกอย่างนั้นเลย เราคิดตั้งแต่เรื่องของโลกของชาติไทยเรา เรื่องของเราเราไม่ได้คิด เราบอกแล้วว่าเราพอทุกอย่างแล้ว ไม่เอาอะไรแล้ว หมดในแดนสมมุตินี้เท่าเม็ดหินเม็ดทราย ไม่เข้ามาผ่านหรือเข้ามาติดหัวใจเราได้เลย เรียกว่าสลัดกันออกโดยสิ้นเชิงโดยหลักธรรมชาติเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็เป็นห่วงพี่น้องชาวไทยเรา เสียงจึงดังลั่นอยู่ทุกวัน ๆ ดุนั้นดุนี้อยู่อย่างนั้นก็เพื่อพี่น้องทั้งหลายนั่นเอง สำหรับเราเองเราไม่มีปัญหาอะไร อดีตเราก็หมดแล้ว เคยเป็นมาเท่าไรตายมากี่ภพกี่ชาติมากี่กัปกี่กัลป์ เป็นสัตว์ประเภทใด ๆ ขึ้นสูงลงต่ำสำหรับคนหนึ่ง ๆ มีจำนวนนับไม่ได้เลย แต่ละคน ๆ นับไม่ได้

ขึ้นสวรรค์ชั้นพรหม ตกนรกอเวจี เป็นเปรตเป็นผีเป็นสัตว์ประเภทต่าง ๆ จากจิตวิญญาณดวงเดียวที่ไม่เคยตายนี้มีจำนวนเท่าไร นับไม่ได้นะ นี้คือหลักความจริงไม่มีใครลบได้ เป็นหลักธรรมชาติมาดั้งเดิมของวัฏจักรที่มันบีบ เช่น ให้สัตว์หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างนี้ตลอดมา ถ้าไม่มีธรรมเข้าสกัดลัดกั้นแล้ว ทางของวัฏฏะนี้จะเป็นขอบด้ง หมุนไปเวียนมาของเก่า ๆ อยู่งั้น แต่ขอบด้งมันอยู่ที่เก่านะ ส่วนขอบวัฏจักรนี้มันลงด้วยขึ้นด้วย มีความทุกข์มากน้อย ความสุขมากน้อยเหมือนกัน มันสับปนอยู่ในขอบด้งคือวัฏจักรนี้ ถ้าไม่มีธรรมเข้าไปสกัดตัดขอบด้งออกแล้ว มันจะหมุนของมันตลอดไป ด้วยเหตุนี้ธรรมกับโลกจึงเป็นความจำเป็นเสมอกัน

ดังที่เคยอธิบายให้ฟังแล้ว เหมือนเราเดินตามทางสายกลางหรือเดินกลางแม่น้ำว่างั้นเถอะ เดินตามลำแม่น้ำ ฝั่งนี้เป็นฝั่งธรรม ฝั่งนี้เป็นฝั่งกิเลส กิเลสเป็นฝั่งให้ความทุกข์ความลำบากแก่สัตวโลกตลอดอนันตกาลไม่มีต้นไม่มีปลาย ทีนี้ฝั่งนี้คือฝั่งธรรม เป็นธรรมชาติที่ให้ความสุขทั่วโลกไปตลอดอนันตกาลมาแล้วเหมือนกัน การให้ความสุขแก่โลก ตัดความทุกข์ออกจากโลก ตัดภพตัดชาติออกจากโลกก็ตลอดเหมือนกัน ขอแต่ผู้ใดบำเพ็ญหนักเบามากน้อย ผลจะเป็นของผู้นั้นตลอดไป เช่นเดียวกับทางกิเลสซึ่งเป็นฝ่ายชั่ว ใครก้าวตามมันจะมีผลทุกข์ตลอดไปเช่นเดียวกัน มีความสม่ำเสมออย่างเดียวกันนี้ ทีนี้เราผู้ก้าวเดินจะแยกไปทางไหนเท่านั้นเอง

ธรรมนี้ยังมีผู้มาฟื้นนะ แต่ไม่มีผู้มาฟื้นธรรมก็มีอยู่งั้น ไม่มีใครนำออกมาทำประโยชน์ ไม่มีใครเฉลียวฉลาดจะนำธรรมออกมา ธรรมมีอยู่ก็สักแต่ว่ามี เหมือนแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีอยู่ใต้ดิน เราเหยียบย่างไปมานั้นก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรแก่เรา ต้องเป็นผู้มีความเฉลียวฉลาดไปขุดค้นแร่ธาตุต่าง ๆ ขึ้นมามาทำประโยชน์ นั้นละแร่ธาตุจึงจะปรากฏเป็นประโยชน์แก่โลก อันนี้ธรรมก็เหมือนกัน พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาแต่ละพระองค์ ๆ นั่นละค้นเอาแร่ธรรมที่เลิศเลอขึ้นมา ๆ ให้สัตวโลกทั้งหลายได้ประพฤติปฏิบัติตาม พระพุทธเจ้าเป็นพระองค์แรก จากนั้นสาวกตามกันเลย ค้นขึ้นมาเหมือนกันหมด เป็นของเสมอภาค

เราอย่าฟังเสียงกิเลสว่ามรรคผลนิพพานไม่มี บาปบุญนรกสวรรค์ไม่มี เราจมเพราะอุบายวิธีการนี้มานานแล้ว เราจะเข็ดหลาบหรือไม่เข็ดหลาบเท่านั้นเอง ถ้าเราไม่เข็ดก็เอ้าให้เชื่อมันไปอีก จมไปอีกตลอดเวลานะ พระพุทธเจ้าเรียนจริง ๆ เรียนอรรถเรียนธรรม เรียนสภาพแห่งความจริงทั้งหลาย คือว่าตรัสรู้ ตรัสรู้ความจริง คือกิเลสที่เป็นตัวหลอกลวงภายในพระทัยของพระพุทธเจ้า ให้หลงไปตามสิ่งชั่วช้าลามก สิ่งชั่วช้าลามกทั้งหลายนั้นมีอยู่ในพระทัย พระองค์ก็ต้องหลงไปเหมือนกันกับโลกเขา แต่เวลาทรงบำเพ็ญบารมีชำระสะสางก็ค่อยจางออก ๆ สิ่งเหล่านี้เบาลง ๆ ความสว่างไสวคือธรรมก็ค่อยปรากฏขึ้น ๆ จากนั้นก็สังหารสิ่งที่เป็นภัยนี้ออกจากพระทัยหมด พอออกจากพระทัยหมดแล้วความจริงมีมากมีน้อยขนาดไหน ทั้งดีทั้งชั่วมันมีอยู่ดั้งเดิมของมัน พอจ้าออกนี้มันก็เห็นหมด มันมีอยู่แล้ว พอทางนี้เปิดสายตาคือใจที่มีพระญาณหยั่งทราบเต็มดวงแล้ว จ้าออกไปนี้เห็นหมดเลย

สิ่งที่เราเห็นไม่ใช่พึ่งมีมานี่นะ มันมีมาตั้งกัปตั้งกัลป์ พระพุทธเจ้าองค์ใดมาพอเปิดจ้าก็มาเห็น ๆ นำอันนี้ออกมาสอนโลก ไม่ใช่สิ่งเหล่านี้ไม่มี แล้วพวกเราจะไปลบสิ่งเหล่านี้ได้ยังไง พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ลบไม่ได้นะ บาปบุญนรกสวรรค์พรหมโลกทุกอย่างสภาวธรรม สัตว์ทั้งหลายไม่มีใครลบได้ ลบไม่ได้เลย พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ นี่ละที่ว่าตรัสรู้ของจริง อะไรมียังไง ๆ วางไว้ตามสภาพแห่งความมีความเป็น ไม่ลบล้างไม่ปัด ยอมรับตามความจริง

อันใดที่เป็นฝ่ายชั่ว ทางเดินของมันที่จะไปความชั่วคืออะไร คือการทำบาป ท่านก็สอนไม่ให้ทำบาป ถ้าทำบาปแล้วจะไปอย่างนี้ ๆ อันใดที่ไปในทางดี คือบุญกุศลนี้จะไปในทางที่ดี ท่านก็สอนให้บำเพ็ญความดี นี่ลบไม่ได้นะ สิ่งเหล่านั้นลบไม่ได้ มีแต่เราหลบเราหลีกเท่านั้นเอง พระพุทธเจ้าสอนวิธีหลบหลีกทั้งนั้น ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ใดตรัสรู้แล้วมาสอนให้ลบบาปลบบุญลบสวรรค์พรหมโลกนิพพาน ให้ลบให้หมดไม่มี เพราะมีอยู่ดั้งเดิมใครมาลบไม่ได้ ต้องสอนให้หลีกให้บำเพ็ญ พากันจำเอานะ

คำสอนพระพุทธเจ้านี้ไม่ว่าพระองค์ใดเสมอกันหมด ตรงแน่วต่อความจริง ๆ ทั้งหมด แต่กิเลสนี้ไปทั้งโคตรทั้งแซ่ปู่ย่าตายายของมัน มีแต่โคตรต้มตุ๋นสัตวโลก เพราะฉะนั้นมันถึงต้มได้ตลอด ออกแง่ไหนมุมใดมีแต่ต้ม ๆ คือเรื่องของกิเลสหลอกลวงสัตวโลก เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านี้พอ ต่อไปนี้ให้พร

วันนี้วันที่ ๖ เดือน ๗ เพ็ญ วันที่หก แปด เก้า โฮ้ กินกันไป ๙ วัน คือจันทรคติเร็วไป ๙ วัน สุริยคติพึ่งวันที่ ๖ วันนี้นะ วันนี้ ๑๕ ค่ำ เก้ากับหกเป็นสิบห้า เร็วกว่ากัน ๙ วัน ปีหน้าย่นแหละ แปดสองหน ส่วนมากเว้นไปสองปีแล้วย่นทีหนึ่ง บางปีเว้นไปปีเดียวก็มี นาน ๆ จะมีเว้นปีเดียวย่นทีหนึ่ง มันก้ำกึ่งอะไรลำบากเลยย่นเสีย อันนี้ก็เดือนแปด ๑๕ วัน เดือนเก้า ๑๕ วัน เรียกว่าแปดสองหน ๆ เช่นอย่างระยะนี้ก็คือว่า เดือนเดียวกันคือเดือนมิถุนา สุริยคติเพิ่งได้วันที่ ๖ วันนี้ แต่จันทรคติคือพระจันทร์มันปาเข้าไป ๑๕ วันนี้แล้ว เก้ากับหกเป็นสิบห้า พระจันทร์เร็วกว่าพระอาทิตย์ถึง ๙ วัน ต่อไปก็ ๑๐ วัน พอถึงพรรษาหน้ามันก็ย่น เพราะมันกินกันไปหลายวัน

ใครเห็นแมวไหม แมวเข้ามาไหม มีแมวเข้ามาไหมทางในครัว(ไม่เห็นเจ้าค่ะ) ทางนี้ก็เงียบเมื่อคืนนี้เราก็ออกไปถาม ตชด. เมื่อคืนวานนี้ไปถามดู เมื่อคืนนี้ก็ไป ๔ ทุ่มเราออกไปถามว่าไม่เห็นมา เขาคงจะละความพยายามแหละ เขาพยายามมานานไม่สำเร็จ มันคงเข้าไม่ได้

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร

www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก