เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๑
ท่านอาจารย์ฝั้นกับอาจารย์ลีพลังจิตแรง
ก่อนจังหัน
เราได้ยินพ่อแม่ครูจารย์มั่นท่านเล่า ตั้งแต่สมัยท่านเป็นเณร พวกเณรนั่งเป็นแถว ท่านก็เป็นเณรด้วย ทีนี้พอถึงเวลาจะฉัน เณรหัวหน้าที่ได้ ปฏิสงฺขา จะเสกเป่า ปฏิสงฺขา เสกคำข้าวแล้วยื่นให้เณรนั้นๆ ท่านเล่าให้ฟัง เราอกจะแตกมันอดหัวเราะไม่ได้ แต่ท่านพูดเฉยนะ ตั้งแต่สมัยท่านเป็นเณร องค์ที่บวชใหม่ยังไม่ได้ ปฏิสงฺขา ผู้ที่ได้แล้วก็เสกเป่าใส่คำข้าวแล้วก็ยื่นให้กัน ท่านว่างั้น ขบขันดี ท่านเล่าท่านเล่าเฉยนะแต่เรามันอกจะแตก มันจะระเบิด มันอดหัวเราะไม่ได้ ผู้ที่ไม่ได้ก็ต้องเรียนต้องเสกเป่าให้กัน พวกนี้มันมี ปฏิสงฺขา หรือเปล่าก็ไม่รู้ นั่นเห็นไหมเวลาท่านจะเอา
หรือมันซัดเลยๆ เหรอ บวชมานานเท่าไรยิ่งไม่เห็น ปฏิสงฺขา เลย สู้เณรไม่ได้ ท่านว่างั้น เณรผู้ใดที่ยังไม่ได้ก็ต้องรอผู้ท่านที่ได้เสกคำข้าวยื่นให้กันๆ ท่านว่างั้น แต่พระวัดป่าบ้านตาดเรานี้มันมี ปฏิสงฺขา หรือเปล่าก็ไม่รู้นะเราไม่ได้ไปถามดู อิ่มแล้วเลยไม่พูดถึง ปฏิสงฺขา เลยทั้งวัน พวกนี้ไม่มี ปฏิสงฺขา นะวัดป่าบ้านตาดนี่ สู้เณรของหลวงปู่มั่นไม่ได้ องค์ใดได้ท่านเสกเป่าให้กัน เป่าแล้วยื่นคำข้าวให้กัน ขบขันดี เป็นขลังอันหนึ่งเหมือนกัน เป็นความบริสุทธิ์ใจ
พระเณรวัดป่าบ้านตาดมันมี ปฏิสงฺขา หรือเปล่าล่ะ มันสู้เณรหลวงปู่มั่นได้หรือเปล่า เณรหลวงปู่มั่นเสก ปฏิสงฺขา เป่าใส่คำข้าวแล้วยื่นให้กันๆ พวกนี้ไม่เห็นมียื่นอะไรให้กันเลยมันเป็นยังไง ไอ้เรายิ่งแล้ว มันขึ้นไปจากเรานี่ละ แทนที่จะยื่นให้กันๆ กลับยื่นเข้าปากตัวเอง นี่เอาไปให้.... เสกเสียก่อนนะ เรายื่นไปให้ให้เสกเสียก่อน มันได้ ปฏิสงฺขา หรือเปล่า หรือใส่ปุ๊บเลยๆ
หลังจังหัน
เอ๊ เราจำพรรษาหนองผือนี้กี่ปีนา เราจำพรรษาที่วัดป่าหนองผือกี่ปีลืมแล้ว ดูว่าอยู่ที่นั่นจะนานกว่าทุกแห่ง เพราะพ่อแม่ครูจารย์อยู่หนองผือดูว่า ๕ ปีหรือเท่าไร อยู่ที่นั่นจะนานกว่าทุกแห่ง ที่หนองผือ ท่านเดินทางมาจากบ้านโคก-นามน เลยสกลนครไปทางอำเภอนาแก ระหว่างสกลนครกับอำเภอนาแก จะครึ่งทางที่บ้านโคก-นามน ท่านเดินทางมาจากที่นั่นมาหนองผือ ดูเหมือนสักสองสามคืนละมั้ง ตอนนั้นเราไม่อยู่ ออกพรรษาเราก็ไปเที่ยว ก็พอดีเขาไปนิมนต์ท่านมาให้มาอยู่หนองผือ พอเราเที่ยวกลับมาก็ตรงมาหนองผือเลย ได้ทราบว่าท่านมาหนองผือแล้ว ท่านอยู่หนองผือจะเป็น ๕ ปีละมังเราลืมนะ
นั้นเป็นวาระสุดท้ายของท่าน เวลาออกมาจากหนองผือก็ได้ใส่แคร่หามลงมา ตั้งแต่ฉันเสร็จแล้วออกเดินทางเรื่อยๆ ทางตัดเขา ไปทางอ้อม ไปถึงบ้านที่เราพักภาวนาค่ำพอดี เราไปอยู่นั้นหลายคืนอยู่ จากนั้นพอเช้ารถเขาลงมาจากสกลนครมารับก็ไป พอตกกลางคืนมาท่านก็เสียพอดี คือท่านเร่ง ท่านเร่งมาก คืนสุดท้ายนี้ท่านไม่นอนเลย ท่านเร่งมาก เราผู้ที่รับทุกสิ่งทุกอย่างกับท่าน อยู่ในมุ้งกับท่านก็มีสององค์เรากับท่าน พระท่านก็นั่งรอบอยู่นอกมุ้ง เราเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่กับท่านอยู่ในมุ้งด้วยกัน
แต่ก่อนรถไม่ค่อยมีนะ ทางก็เอี้ยวโขกเขก(คดโค้ง) ทางหินลูกรังก็เป็นหลุมเป็นบ่อไปตามทาง ทางไม่ดี ออกจากนั้นก็ไปสกลนคร พอ ๖ ทุ่มท่านก็เริ่มมีอาการให้เห็นชัดเจน พอตี ๒ ท่านก็สิ้นลม ตอนนั้นก็ไม่ใช่เล่นนะ ตอนท่านมรณภาพในวงกรรมฐานนี่ แหม เหมือนฟ้าดินถล่มนะ โกลาหลอลหม่าน บรรดาพระกรรมฐานไม่มีที่เกาะที่ยึด เรานั่งตั้งแต่ตี ๔ นั่งเฝ้าท่านอยู่ ท่านสิ้นลมแล้ว แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าปิดไว้ตรงหน้า เราก็นั่งอยู่ข้างท่าน ตั้งแต่ตี ๔
คือจัดอะไรๆ เรียบร้อยแล้ว พระเณรท่านก็ลงไป ไปหมดแหละ มีแต่เรานั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ท่าน ท่านนอน เรานั่งอยู่ข้างๆ รำพึงรำพันเรื่องของตัวเอง คือเกี่ยวเกาะอยู่กับท่านตลอดเวลา ทีนี้ท่านมาสิ้นไป แหมเหมือนฟ้าดินถล่มนะภายในจิต คนมาเกาะท่านก็โกลาหลอลหม่าน ภายในใจของเราก็แบบเดียวกัน นั่งตั้งแต่ตี ๔ อยู่คนเดียว ใครก็ไม่เข้ามายุ่งแหละ เพราะจัดท่านนอนเรียบร้อยแล้ว พระท่านก็ออกไป ห้องนั้นก็ว่าง มีแต่เรากับท่านนั่งเคียงข้างกัน เรานั่งเหมือนหัวตอตั้งแต่ตี ๔ จนกระทั่งถึงเวลาบิณฑบาต พระท่านถึงมาสะกิด เป็นเวลาบิณฑบาตแล้ว จึงได้ลุกออกไปบิณฑบาต นั่นละจิตมันหวั่นขนาดนั้น
ตอนนั้นจิตของเราก็ไม่มีวันมีคืนเสียด้วยนะ ท่านเสียแล้วอยู่วัดสุทธาวาส เราก็อยู่บนภูเขาทางสกลนครไปกาฬสินธุ์ อยู่บนภูเขาองค์เดียว ถ้าวันไหนจะมากราบเยี่ยมศพของท่าน ฉันเสร็จแล้วก็เดินทางมาเลย มาถึงก็ปั๊บเข้ากราบท่าน เสร็จแล้วออกเลย เพราะพระเณรจะวิ่งตามเรา ตอนนั้นเราก็อยู่กับใครไม่ได้เหมือนกัน หมุนติ้วทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้หลับได้นอน ธรรมกับกิเลสฟัดกันโดยอัตโนมัติ
นี่ละจึงเห็นได้ชัด เวลาธรรมมีอำนาจฟัดกิเลสนี้ก็แบบเดียวกัน อยู่กับใครไม่ได้เลย อยู่ภูเขา วันไหนจะมากราบเยี่ยมท่าน ฉันเสร็จแล้วก็เดินมา เดินมาก็ทำงานมา ภาวนามาตามทางเรื่อย พอเข้าไปกราบท่านเสร็จแล้วออก ไม่อย่างนั้นพระเณรจะติดตามเรา เพราะตอนนั้นเราอยู่กับใครไม่ได้ จิตของเราหมุนติ้วตลอดเวลา บางคืนนอนไม่หลับเลย มันเร่งของมันเหมือนกัน คิดดูซิมาอยู่ในงานท่าน ท่านมรณภาพ ในงานที่จะเผาศพท่านอยู่ในนั้นได้เพียง ๔ วัน คือมันอยู่ไม่ได้มันหมุนของมันอยู่ภายในนี้ เป็นภาคปฏิบัติบูชาท่าน ภาคที่ปฏิบัติดูแลก็มีพระเณรเพื่อนฝูงเยอะนะ ภาคปฏิบัติทางด้านจิตใจเราไปเงียบๆ ไปหาท่าน กราบแล้วออก
นั่นละที่ได้พูดถึงเรื่องท่านอาจารย์ฝั้น พลังจิตของท่านแรงมากนะท่านอาจารย์ฝั้น ตอนสานขัดแตะอะไรๆ จะเผาศพท่าน ท่านเป็นหัวหน้าพระเณร-ประชาชนมาสานขัดแตะเต็มบริเวณวัด ก็มีผู้หญิงสองคนขี่จักรยานมา พระเณรท่านก็นั่งสานขัดแตะอยู่นั้นน่ะ ท่านอาจารย์ฝั้นเป็นหัวหน้า อยู่ๆ มันขี่จักรยานมา สะเปะสะปะมาใกล้ๆ พระนี่ จนกระทั่งท่านชะเง้อขึ้น เอ้ามันอย่างไรนี่ ท่านว่าอย่างนั้นนะ นี่ละจะได้เห็นฤทธิ์อำนาจจิตของท่าน
นี่มันอย่างไรกันไอ้เด็กสองคนนี่ มันมาสะเปะสะปะมาใกล้ๆ พระ ขี่จักรยานมาไม่ดูหน้าดูหลังอะไรเลย พอท่านชะเง้อคอขึ้น มันอย่างไรเด็กสองคนนี่น่ะ พอว่าอย่างนั้นท่านบอกว่า เอานี่ๆ จะเอาให้มันล้มให้ดู มันเก่งนัก ท่านว่าอย่างนั้นนะ พระเณรสานขัดแตะอยู่นี้ จะเอาให้มันล้มให้ดูมันเก่งนักเด็กสองคนนี่น่ะ พอว่าอย่างนั้นพวกสานขัดแตะก็หยุดมือหมดคอยจ้อคอยดูเด็กสองคน ท่านอาจารย์ฝั้นท่านก็นั่งดู จิตท่านเพ่งแล้วนะนั่น พอไปถึงได้จังหวะแล้วท่านก็เอาแหละ พอผ่านพับไปสักนิดหนึ่ง โครมครามจักรยานล้มทั้งสองคันเลย ล้มต่อหน้าพระขายขี้หน้า โอ๊ย คงจะอายมากที่สุดนั่นละมาล้มใส่สนามพระอยู่ที่นั่น
ท่านยังบอกด้วยนะว่าจะเอาให้มันล้มให้ดู ท่านว่าอย่างนี้นะ มันเก่งนักเด็กสองคนนี่น่ะท่านว่าอย่างนั้น พระเณรก็ได้ยินหมด มันสะเปะสะปะไปโครมครามล้มพร้อมกันทั้งสองคันเลย โอ๋ย มันคงจะอายจนกระทั่งป่านนี้ มันหายอายหรือมันข้ามแม่น้ำโขงไปแล้วไม่รู้นะเด็กสองคน เด็กกำลังรุ่น พวกพระเณรหัวเราะเสียด้วยนะ เพราะมันเป็นจังหวะที่ท่านบอกจะเอาให้มันล้มให้ดู ท่านว่าอย่างนี้ พระก็ได้ยินหมด พอว่าอย่างนั้นท่านก็หยุด พระเณรสานอะไรอยู่ก็นิ่งจ้อคอยดู ไปก็โครมครามฟาดเอาจักรยานล้มทั้งสองคันพร้อมๆ กัน
นี่พลังจิตของท่านเห็นไหมล่ะ ท่านบอกด้วยว่านี่จะเอาให้มันล้มให้ดูนะ มันเก่งนักเด็กสองคนนี่ ท่านว่าอย่างนั้น ไปก็โครมครามล้มลงไป ทีนี้พระเณรก็หัวเราะละซี เพราะมันจังหวะกันกับท่านพูดอย่างนี้แล้วก็รอดูเหตุการณ์ มันก็เป็นอย่างว่า ไปก็ไปล้มโครมคราม พอลุกขึ้นได้ก็เผ่นเลยเด็กสองคน นั่นน่ะ ท่านว่าบาปมีบุญมีมันมาประมาทได้เหรอ ท่านว่าอย่างนี้นะ พอล้มโครมครามลงไปเสร็จแล้วพระเณรก็หัวเราะกันลั่น นั่นน่ะบาปมีบุญมีมันมาประมาทได้เหรอ ท่านว่า คือท่านบอกก่อนว่านี่จะเอาให้มันล้มให้ดู ท่านว่าอย่างนี้นะ ท่านก็ดูอยู่
พระเณรก็วางหมด จ้อคอยดูผู้หญิงสองคน พอไปถึงนั้นก็โครมคราม จักรยานล้มทั้งสองคันพร้อมกันเลย พอล้มแล้วพระเณรก็หัวเราะลั่น นั่นเห็นไหมท่านว่าอย่างนั้นนะ บาปมีบุญมีมาประมาทได้เหรอ ท่านว่า ไปใหญ่เลยนะเด็กสองคน ขบขันดี นั่นพลังจิตของท่าน อำนาจจิตท่านเพ่ง บอกว่าจะเอาให้มันล้มให้ดู ท่านว่าอย่างนี้นะ จะเอาให้มันล้มให้ดู ท่านก็หยุด พวกพระเณรก็หยุด สานอะไรอยู่ก็หยุด จ้อคอยดูเด็กสองคน พอผ่านพระไปสักเดี๋ยวก็โครมครามล้มทั้งสองคันเลย ท่านว่านั่นน่ะเห็นไหมล่ะ บาปมีบุญมีมาประมาทได้เหรอ ท่านว่าอย่างนั้นนะ บาปมีบุญมี ก็เอาให้มันขายหน้าเท่านั้น บาปมีหรือไม่มี ขบขันดี
ท่านอาจารย์ฝั้นพลังจิตของท่านแรง เวลาท่านขึ้นเครื่องบินไปท่านเล่าให้ฟังเอง ตอนนั้นตอนเผาศพหลวงปู่มั่น เขาเอาเครื่องบินมาลงที่สนามบิน ว่าจ้าง ๒ นาทีต่อ ๔๐ บาทคนหนึ่งๆ เขาเก็บ ๔๐ บาทต่อ ๒ นาทีขึ้นลง ทีนี้เขาก็มานิมนต์ท่านให้ขึ้นเครื่องบิน อันนี้เขาไม่ได้ว่าจ้าง ตัวเขาเองเจ้าของเครื่องบินเขามานิมนต์ท่านขึ้นเครื่องบิน ท่านก็ขึ้น ท่านเล่าให้ฟังตอนนี้ละ ทีนี้เวลาขึ้นไม่ขึ้นธรรมดา ฟาดไปถึงนู้นร้อยเอ็ด-มหาสารคาม ไปที่ไหนตั้งนาน เงียบ จะถึงอุบลหรืออะไรก็ไม่ทราบละ ตั้งหน้าตั้งตาเขาพาท่านไปจริงๆ นะ
คืออันนี้ที่จ้างนี้ขึ้นสองนาทีขึ้นลงๆ ๒ นาที ๔๐ บาท แต่สำหรับท่านไปนี้เขาพาไปถึงร้อยเอ็ด-มหาสารคามที่ไหนนู้นนานถึงกลับมา ท่านก็ดูที่นั่นที่นี่ ท่านเล่านะท่านเล่าเอง ไปจังหวัดไหนเขาก็บอก นี่จังหวัดนั้นๆ ผ่านไปเลย ท่านก็ส่งจิตดูไป แต่ท่านไม่ส่งจิตเข้าในเครื่อง ฟังซิน่ะท่านพูด พอส่งจิตเข้าในเครื่องก็ให้เป็นจิตธรรมดา อย่าจ้อง ท่านว่า ถ้าจ้องแล้วพังทั้งเขาทั้งเรา คือเครื่องบินจะตกทั้งเขาทั้งเรา ท่านว่าอย่าจ้อง ให้ดู ส่งจิตไปธรรมดา ผ่านเครื่องก็ผ่านธรรมดา ไม่ให้จ้อง ถ้าจ้องแล้วเครื่องบินตก จะพังทั้งเขาทั้งเรา ท่านเล่าให้ฟัง ไปถึงนู้นร้อยเอ็ด-สารคาม ไกล นี่พลังจิตท่านอาจารย์ฝั้น ที่พลังจิตแรงๆ มีท่านอาจารย์ฝั้นกับท่านอาจารย์ลี วัดอโศการาม พลังจิตแรง ทีนี้จะให้พร
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|