ธรรมะของเรามีทุกขั้น
วันที่ 14 ธันวาคม 2550 เวลา 18:10 น.
สถานที่ : สวนแสงธรรม
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพ

เมื่อค่ำวันที่ ๑๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐

ธรรมะของเรามีทุกขั้น

ผู้สื่อข่าว        ที่ผ่านมาหลวงตาได้มอบทองคำมาโดยตลอด ซึ่งหลายๆ คนบอกว่าตอนนี้ทุนสำรองระหว่างประเทศเงินในคลังหลวงค่อนข้างจะเยอะมาก แต่หลวงตาก็ยังเดินหน้าหาทองคำเข้าสู่คลังหลวงต่อไป อยากจะถามหลวงตาว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายหรือว่าหลวงตาจะทำไปเรื่อยๆ

หลวงตา        โอ๊ย หามาเราจะบอก ถ้าเราเห็นสมควรแล้วเอาละหยุดเราจะบอกเอง ถ้ายังไม่หยุดนี้มีแต่มาถามเรื่องหยุดๆ ก้าวเดินไม่มี เราไม่ตอบ ขี้เกียจตอบ นี่คือตอบแล้ว

ผู้สื่อข่าว        หลวงตาทำไปเรื่อยๆ ใช่ไหมครับ หลวงตายังมีความเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องของคลังหลวงอยู่หรือเปล่าครับในปัจจุบัน

หลวงตา       ห่วงสัตว์โลกทั่วดินแดนจะมาว่าอะไรแต่คลังหลวง แต่คลังหลวงนี้อยู่ในวงความรับผิดชอบของคนทั้งชาติแห่งไทยเรา เราจึงออกนี้ก่อนๆ

ผู้สื่อข่าว        เห็นรัฐบาลและนักวิชาการก็บอกว่าตอนนี้เงินในคลังหลวงเยอะ เยอะไปหมดเลย แล้วก็อยากจะบริหารจัดการบ้าง มีการแก้ไขกฎหมายเงินตราของแบงก์ชาติ หลวงตาคิดว่าแนวทางแบบนี้ถูกต้องหรือเปล่าครับ

หลวงตา        ถ้าเขาไม่เอาไปจมมันก็ถูก ถ้าเอาไปจมมันก็ผิด จะเอาไปยังไงเงินที่ว่าเอาไปน่ะ เงินมีมาก

โยม             เหมือนกับไปซื้อกองทุนบ้าง ซื้อหุ้นบ้าง ตามที่เขารายงานให้ทราบทางหน้าหนังสือพิมพ์ และเขาก็หวังว่ามันจะงอกเงยขึ้น มีกำไรขึ้นมา แต่นี้หลวงตาเคยบอกว่า ไอ้มีกำไรมันก็คิดว่าสมหวังๆ ถ้ามันผิดหวังล่ะใครจะรับผิดชอบ

หลวงตา        นั่นละ ถ้ามันมีเสี่ยงอยู่แล้วเราก็ไม่ควรไปเสี่ยง เท่านั้นละ ถ้าอะไรมีเสี่ยงๆ แล้วไม่ควรเสี่ยง เสี่ยงได้กับเสียมันก็ไปด้วยกัน ถ้าลงเสี่ยงนะ ไม่ได้ก็เสีย ถ้าไม่เสี่ยงมันก็ไม่เสีย ถึงไม่ได้มาเพิ่มอีก เงินของเราก็มีอยู่แล้ว ไม่เสียหายไปไหนก็เท่านั้น

ผู้สื่อข่าว       ความหมายก็คือ หลวงตาอยากจะให้เงินในคลังหลวงพอกพูนมากที่สุด เท่าที่จะทำได้

หลวงตา        นั่นแล้วเราก็อยากให้มันพอกพูนมากเพื่อคนไทยเราท้องแฟบๆ อยู่ให้มันป่องขึ้นสักหน่อย ทางนี้ก็เงินเต็มท้อง ทางนั้นก็เงินเต็มท้องป่อง เราอยากเห็น ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็น มันเห็นแต่แฟบๆ เขารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เงินไม่พอใช้จึงโทรมาหาเรา เราก็ตามไปแก้ไขให้ๆ ตามโรงพยาบาลต่างๆ เราไม่พูดเฉยๆ นะ เมื่อมันมาสัมผัสแล้วเราก็พูด โรงพยาบาลต่างๆ ในกรุงเทพเหล่านี้นะ เพราะเขาเคยเห็นเราช่วยโลกอยู่แล้ว ไม่เคยเห็นหน้าเห็นตาก็ตามเขาก็โทรมาด้วยความหวังพึ่งกันคนเรา เขาโทรมาปั๊บบอกเบอร์โทรศัพท์ บอกเบอร์ห้องเสร็จทางนี้ก็ตามไปเลย ขัดข้องยังไงๆ แก้ไขกันปุบปับๆ เสร็จเรียบร้อย มาอย่างนี้แหละเป็นประจำนะ อย่างนี้เราก็ไม่พูด

เงินที่พี่น้องทั้งหลายบริจาคนี้ เราเอาเข้าธนาคารไว้ แล้วเงินจำนวนนี้คือว่าธนาคารนี้เพื่อแก้ไขความจำเป็นในวงนี้ว่างั้นเถอะ ส่วนที่ธนาคารโน้นเราก็เพื่ออย่างเดียวกัน ส่วนที่เราจะเก็บมาไว้สำหรับเรานี้ ไม่มี เราไม่มีจริงๆ เราไม่เอา เราพอหมดจริงๆ ใครจะว่าเราคุยก็คุย ที่มันมักโม้ ปากอมขี้มาโม้ใส่เรา ให้โม้มา นี่คือความจริง อันนั้นมันโม้ มันปากอมขี้ต่างหาก ปลิ้นปล้อนหลอกลวงอะไรๆ ไม่มีใครเกินหลวงตามหาบัวว่าอย่างงั้นใช่ไหมล่ะ เราปลิ้นปล้อนอะไร เอาหามาความจริงสักนิดหนึ่ง ถ้าเรานี้ได้ทำผิดตามหลักธรรมหลักวินัยอันเป็นหลักศาสนาที่เป็นที่ตายใจของโลกตรงไหนให้ว่ามาเลย เราจะตอบทันทีเลย

ถ้าผิดเราก็ยอมรับทันที นักธรรมะต้องยอมรับแพ้ชนะกัน นักธรรมะเป็นอย่างนั้น นี่เราทำมาอย่างนั้น เราไม่เคยเห็นตรงไหนที่ว่ามัวหมองในใจของเรา ที่ได้ช่วยพี่น้องทั้งหลายมานี้ เราได้หยิบ ได้เอาอะไรนิดๆ หน่อยๆ พอมาเป็นเครื่องมัวหมองในใจ เราบอกชัดๆ เลยว่าไม่มีเลย มีมากมีน้อยออกหมดๆ อย่างนี้ตลอดมา เพราะฉะนั้นที่เขาโจมตีเราว่าปลิ้นปล้อนหลอกลวงอะไรต่างๆ นี้ ทางไหนเขาประกาศเมื่อไร เขาโฆษณาเพื่อจะยกตัวของเขาขึ้น แล้วจะเหยียบเราลง

จะเหยียบเราลงไปไหน เขาไม่ได้คิด เหยียบเขาแล้วนั่น อย่างนี้ละมันทำ โลกนี้ไม่มีเหตุมีผลเพื่อยกตัวๆ ใครจะเป็นยังไงก็ตามขอให้ตัวว่าดีๆ เลวขนาดไหนก็ขอให้ว่าดีๆ ได้แต่ลมปากเท่านั้นก็เอามนุษย์เรา ธรรมไม่ได้เป็น ทำต่อโลกเราทำด้วยความสุจริต ด้วยเมตตาครอบตลอดๆ ที่ได้เงินมาทั้งหลายมากน้อยเหล่านี้ เข้าหาเราเมื่อไรไม่เคยเข้านะ ให้ท่านทั้งหลายทราบเสีย ที่ใครมาว่าเรานักปลิ้นปล้อนหลอกลวงเอาเงินเอาทองเอาสมบัติใดๆ ของส่วนรวมมาเป็นสมบัติของเรา สตางค์หนึ่งไม่เคยมีฟังซิน่ะ

มีเท่าไรทุ่มๆๆ อย่างที่ว่านี้ละ มาอยู่ที่นี่เขาเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลในกรุงเทพหลายโรงพยาบาลนะ เอาเงินมาไม่พอ เวลาไปรักษาจ่ายไปๆ หมด เงินไม่พอ เขาก็ไม่เคยเห็นหน้าเห็นตาเราละ เขาก็ได้ยินชื่อเสียงที่เราได้ช่วยโลกนี่คือสร้างความดี เขาก็โทรมาเลย โทรมาบอกทั้งโรงพยาบาลด้วยบอกทั้งห้องด้วย เลขที่เท่าไรๆ มาเลย ทางนี้ก็ตามไปเลย ตามไปมีอะไร เอ้าพิจารณาจัดการให้เรียบร้อย แน่ะเราไป พอไปกลับมา เขาจัดการเรียบร้อยแล้วแน่ะก็อย่างนั้นละ นี่เราไม่พูด เมื่อมันมีสัมผัสอย่างนี้เราก็พูดเฉยๆ ความจริงเราทำอย่างนี้มานานแล้ว เช่นอย่างเงินที่เอามาฝากไว้ในกรุงเทพ พี่น้องทั้งหลายบริจาคเป็นเช็คๆ นี่เราจะฝากที่กรุงเทพ แล้วก็เขียนใบถอนให้คนของเราที่กรุงเทพนี่ละ หากมีความจำเป็นอะไรแล้ว ก็เอาใบถอนเรานี้ไปถอนออกมาจากธนาคารนั้นๆ แล้วไปจ่ายตามความจำเป็น นี่เป็นอย่างนี้

ทางอุดรเราเป็นหัวหน้าสั่งเอง แบบเดียวกันนี่แหละ เราไม่ได้เก็บเงินทั้งทางโน้นทั้งทางนี้ ไม่ได้เก็บเงินเพื่อวัดป่าบ้านตาดนะ เราเก็บเงินไว้เพื่อโลกทั้งนั้นแหละ เป็นอย่างนี้ตลอดมา ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบเสียวันนี้ นี่คือความจริงที่เอาออกให้ท่านทั้งหลายได้ทราบ เราตะเกียกตะกายมานี้เราหาเอาอะไร เราเอาอะไร เราไม่เอาอะไรนะ อำนาจแห่งความเมตตาทั้งนั้นให้เราทำอยู่เวลานี้ หมดถึงไหนถึงกันเราไม่เคยคำนวณว่ามันหมดมันยังเท่าไร เหลือเท่าไร จะมานับห้านับสิบนี้ ไม่ อะไรจำเป็นเท่าไรๆ เรามีเท่าไรตูมเลยๆ ตูมไปเรื่อยๆ อย่างนั้น

เราปฏิบัติต่อโลกเรื่อยมาสมความเมตตาต่อโลกอย่างล้นพ้น เมตตาจริงๆ ท่านทั้งหลายยังไม่เคยได้ทราบเรื่องของเรา วันนี้เอาความจริงออกมาให้ได้ทราบ ทราบกันเสีย ที่เขาว่าหลวงตาบัวโกหกปลิ้นปล้อนหลอกลวงอย่างนั้นอย่างนี้ คือพวกนี้เขาจะคัดเลือกอะไรๆ ให้เขาไปยกยอเขา เหยียบเราลงแล้วเขาจะได้ขึ้น หมดทั้งโคตรมันก็จมหมด ให้มันขึ้นมันไม่ขึ้น เข้าใจไหม โคตรของเราไปไหนๆ ก็ตามเถอะเราดีนะ พ่อแม่ของเราก็สอนเราเป็นคนดี เราเป็นที่พอใจเข้าใจไหมล่ะ เอามีอะไรว่ามาอีก

ผู้สื่อข่าว        ที่ผ่านมา หลวงตาต้องเหน็ดเหนื่อยกับการที่ต้องมาช่วยสร้างฐานะให้กับคลังหลวงด้วย แล้วก็เหน็ดเหนื่อยกับการที่จะต้องบริจาคช่วยประชาชน แต่ก็มีข่าวมาโจมตีมากระทบอะไรอย่างนี้ หลวงตาท้อไหมครับ

หลวงตา        สำหรับเราไม่ท้อ มีแต่สลดสังเวชตัวเลวทราม ตัวเสนียดจัญไรต่อชาติบ้านเมืองเท่านั้น เพราะเราทำนี้ไม่มีอะไรที่ต้องติว่าเราทำผิดไป แต่การตำหนิติเตียนหาเรื่องไม่ถูกต้องมาใส่เรา นี่ละที่เราสลดสังเวช คนเช่นนี้คนสกปรก สกปรกมาก ถ้าแบบนี้อย่างที่ว่าเราเป็นฆราวาสนะ พูดได้อย่างสะดวกสบายเหมือนฆราวาส พูดแล้วแล้วไป ให้เอามันมาทั้งโคตรเอาไปฆ่าทิ้งให้หมด มันหนักแผ่นดินไทยเรา เข้าใจไหม แต่นี้เราเป็นพระ ก็หลีกกันตรงนั้น ไม่ว่าอะไร เราเป็นพระเราไม่ทำ เข้าใจไหมล่ะ มันผิดถึงขนาดนั้นละ ไม่ควรจะเลี้ยงไว้คนประเภทนี้ เอาให้หมดทั้งแผ่นดินเลย จมไปด้วยกันหมด ปลาจะกินไม่กินก็แล้วแต่เขา ก็น่ากลัวเหมือนกัน ปลาก็ดี ปลามันก็รู้จักคนดีคนชั่วเหมือนกัน เข้าไปแล้วมันจะเผ่นเดี๋ยวทะเลแตกนะปลา จะอยู่ทะเลไม่ได้ พวกนี้ตกทะเล

ผู้สื่อข่าว        หลวงตาครับ ที่ผ่านมาทางผู้ว่าแบงก์ชาติหรือว่าท่านรัฐมนตรีคลังเคยมารายงานข้อมูลกับหลวงตาไหมครับ ที่เขาต้องการแก้ไขกฎหมายอะไรต่างๆ เพื่อให้ดูแลคลังหลวงได้ หลวงตาได้ให้คำแนะนำยังไงบ้าง

หลวงตา        ไม่เคยมานะ ดูเหมือนเราไม่เคยได้ยิน ถ้าได้ยินก็ข้อเหล่านี้มันก็จะออกให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบวันใดวันหนึ่งจนได้ เพราะเราเป็นคนของประชาชน เรื่องราวอะไรเมื่อมันไปสัมผัสที่ควรจะออก จะออกแน่นอน แต่นี่ยังไม่ปรากฏ

ผู้สื่อข่าว       หลวงตาครับผ่านมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ฐานะของประเทศหลวงตายังเป็นห่วงอยู่ไหมครับ

หลวงตา       โอ๊ย ห่วงจนวันตายนู่นแหละ ไม่ได้ห่วงธรรมดาเข้าใจเหรอ ห่วงทุกคนๆ เจ้าของก็ห่วงเจ้าของ หลวงตาก็ห่วงคนนั้น ทั้งห่วงเจ้าของ อันนี้ก็ดูซิ ลูกศิษย์ลูกหาก็ห่วง คนนั้นมากดคนนี้มากดก็ห่วงเรื่อย กดเรื่อย เจ็บเรื่อย เราก็ไม่ทราบจะว่ายังไง เดินมานี่มากดหลายคนแล้วนะนี่ อย่างนี้ละ เอามีอะไรว่ามา นี่คลังหลวงเราเวลานี้ได้ทองคำ หนึ่งหมื่นหนึ่งพันเท่าไร (ถ้ารวมทั้งหมดก็ ๑๑,๖๒๘ กิโล) เงินตั้งแต่เราชักชวนบรรดาพี่น้องทั้งหลายหาทองคำเข้าคลังหลวงของเรานี้ เวลานี้ได้แล้ว ๑๑,๖๒๘ กิโลแล้ว มากไหมล่ะ ฟังซิ มีที่ไหนหาเงินได้อย่างนี้ ก็มีแต่พี่น้องชาวไทยเราที่รักชาติจึงกล้าเสียสละออกมาเพื่อชาติ คนอื่นเขาไม่ได้มาเกี่ยวข้อง เราพยายามหาแทบเป็นแทบตายเพื่อชาติของเรา เพราะเรารับผิดชอบชาติของเรา

ผู้สื่อข่าว        เกี่ยวกับการดูแลคลังหลวงนี้ หลวงตาอยากจะฝากอะไรถึงรัฐบาลบ้างไหมครับ

หลวงตา       อันนี้เราก็ไม่ทราบนะว่ารัฐบาลแสดงอากัปกิริยาอะไรออกมา เป็นภัยหรือเป็นคุณต่อสมบัติในคลังหลวงนั้น เท่านั้นเอง ถ้าหากพูดธรรมดาไม่มีได้มีเสีย เราก็ไม่เห็นจำเป็น ถ้าพูดมีส่วนได้ส่วนเสีย และส่วนเหล่านี้จะมาเกี่ยวข้องกับเรา เช่น เรานำสมบัติเข้าคลังหลวงนี้ มันก็อาจจะมีข้อขัดแย้งหรือเห็นด้วยกันไปตามเรื่อง แล้วมีอะไรหรือเปล่าล่ะ

(พระบอกว่าทองคำที่จะมอบ ๕๗๕ กิโลกรัม ได้มาอีกแท่งหนึ่ง ๑๒.๕ กิโลกรัม รวมแล้วเป็น ๕๘๗.๕ กิโลกรัม ที่จะมอบวันที่ ๑๙ นี้ครับ)

ส่วนดอลลาร์เราไม่ได้มอบละ เพราะดอลลาร์แต่ก่อนเรามอบพร้อมได้เพียง ๑๐ ล้าน ๒ แสนกว่า (๑๐,๒๑๔,๖๐๐ ดอลลาร์) เอ้อ นี่ละ ที่เรามอบดอลลาร์เข้าสู่คลังหลวง จากนั้นมาเราก็หยุดเทศน์ช่วยชาติ ทีนี้การเงินการทองร่อยหรอลงไปๆ น้อยลงไป แต่ความจำเป็นของประชาชนที่มาเกี่ยวข้องกับเราไม่ได้ร่อยหรอ มีมากขึ้นๆ ทีนี้ดอลลาร์ที่เราเคยเอาเข้าคลังหลวงตกลงเลยเข้าไม่ได้ ต้องเอาดอลลาร์นี้มาช่วยเงินไทยเพื่อช่วยชาติต่อไป เดี๋ยวนี้ดอลลาร์จึงไม่ได้เข้า คือ ตามเงินไทยไปด้วยออกช่วยชาติบ้านเมือง

สำหรับทองคำนี้ร้อยทั้งร้อย ใครแตะไม่ได้ตลอดไป ไม่ให้ออกเลย ให้เข้าล้วนๆ ทองคำ ดอลลาร์อย่างว่านี่ละ แปรออกมาช่วยเงินไทยออกช่วยชาติบ้านเมือง อู๊ย สร้างนั้นสร้างนี้ ไหลเข้ามานี้หมดนะ ขึ้นเบื้องต้นก็โรงพยาบาล โรงพยาบาลแล้วก็โรงร่ำโรงเรียน โรงพยาบาลนี้พิสดารมาก แล้วก็โรงร่ำโรงเรียนที่ ราชการต่างๆ เป็นจุดๆ ที่มาขอร้องจากเรา ด้วยเหตุด้วยผล เราพิจารณาตามเหตุผลแล้วควรจะช่วยเหลือได้มากน้อยเท่าไร เราก็ช่วยเหลือเรื่อยมาอย่างนี้ นี่ละเงินที่ว่าเงินไทยกับเงินดอลลาร์มันจึงออกแบบนี้ ไม่ได้เข้าคลังหลวง แต่สำหรับทองคำนี้ไม่ให้ออกไปไหนเลย เพื่อให้เป็นสมบัติอันล้นค่า เป็นหัวใจของชาติไทยเราตลอดไป ไม่ให้เอาออก

ผู้สื่อข่าว        หลวงตาครับใกล้จะถึงปีใหม่แล้วอยากจะให้หลวงตาช่วยให้คำแนะนำในการดำเนินชีวิตสำหรับประชาชนคนไทยทั่วประเทศครับ

หลวงตา       โอ๊ย เราก็เคยช่วยมาแล้ว ปีใหม่ปีเก่าก็คนคนเก่านั่นละ ปีใหม่ว่ากันมาเรื่อย มันเคยอีลุ่ยฉุยแฉก มันก็อีลุ่ยฉุยแฉก มันเคยกินเหล้าเมาสุราสูบฝิ่นกินกัญชา มันก็กินของมันมาเรื่อย มันไม่คำนึงถึงปีใหม่ปีเก่า มืดแจ้งมันก็เปลี่ยนของมันธรรมดา เลยสมมุติว่าเป็นปีใหม่ แล้วมาขอพรปีใหม่ให้เจริญรุ่งเรือง เจริญอะไรเจ้าของทำความอีลุ่ยฉุยแฉก แล้วหลวงตาจะมีอำนาจบาตรหลวงมาจากไหน มายกอำนาจนี้ให้เจริญรุ่งเรืองหมดทั้งๆ ที่จากอีลุ่ยฉุยแฉกมันก็เป็นไปไม่ได้ พูดอะไรก็ต้องมีเหตุมีผล การช่วยชาติช่วยวิธีไหน แล้วชาติทำอะไรถึงจะต้องได้ช่วยชาติ ทำอะไรมันก็ทำแบบอีลุ่ยฉุยแฉกนั่นแหละ

ผู้สื่อข่าว        เดี๋ยวนี้สังคมมีความคิดเห็นที่แตกแยกกันค่อนข้างจะมาก มีแนวทางไหนที่จะใช้หลักธรรมช่วยให้สังคมไม่แตกแยกกันในอนาคตข้างหน้านี้

หลวงตา        นั่นซีเราก็วิตก ธรรมพอเอื้อมมือมาจะช่วยนี้ คลื่นส้วมคลื่นถานมันยิ่งกว่าคลื่นทะเลนะ มันตีเอา คลื่นของธรรมเท่าฝ่ามือนี้แตกกระจาย เห็นได้ชัดอย่างว่าหลวงตานี้พยายามช่วยชาติบ้านเมืองมาเต็มเม็ดเต็มหน่วย ก็ไม่พ้นที่จะถูกคลื่นอันนี้ตีหลวงตา คือเขาโจมตี หลวงตาปลิ้นปล้อนหลอกลวงอย่างนั้นอย่างนี้ หาสิ่งที่ปลิ้นปล้อนหลอกลวงดังที่เป็นข้อหาของเขามันไม่มี หายังไงก็เห็นกันอยู่อย่างนี้ เข้าอยู่อย่างงั้น เราไม่เก็บ ไม่มีอะไรที่จะเป็นมลทินต่อเรา เราแน่ในใจ ช่วยพี่น้องชาวไทยนี้ เขียนเป็นประวัติศาสตร์ได้เลยว่าเราไม่เคยมีความมัวหมอง ไม่ว่าส่วนย่อยส่วนใหญ่เข้าหมดเลย ก็อย่างนั้นนี่ความจริง แต่เวลาเขาไปพูด เขาก็บอกปลิ้นปล้อนหลอกลวงอะไรว่าไป อย่างที่เขาพูดเมื่อ ๒-๓ วันนี้ เขาจะสมัครผู้แทนอะไร เขาจะยกตัวของเขาขึ้น แล้วเหยียบเราลง มันขบขันอันนี้ละ จะให้ว่าอะไรอีกล่ะ มันก็มีเท่านั้น แล้วมีอะไรว่ามา หลวงตาพูดได้ทุกแบบ

ผู้สื่อข่าว        หลวงตามีข้อแนะนำยังไงไหมครับที่จะให้สังคมไม่แตกแยกกัน

หลวงตา        ก็อย่าทะเลาะกันซิ แต่นี่มันทะเลาะ วิชาหมาร้อยตัวสู้ไม่ได้ พวกดอกเตอร์หมาสู้ไม่ได้ วิชาหมากัดกัน หมาสู้ไม่ได้ มันเป็นแต่อย่างนั้น สามัคคีกันได้ยังไงล่ะ ก็ต่างคนต่างความเห็นแตกแยก เพื่อยกตัวขึ้น ยกตัวขึ้นเหยียบท่านลงไป ยกตัวขึ้นเหยียบเขาลงไป แล้วจะให้ว่าอะไรอีก มันก็เป็นอย่างนั้นละ

ผู้สื่อข่าว        ตอนนี้เท่าที่หลวงตาเห็น ผู้คนสนใจเรื่องธรรมะมากขึ้นหรือว่าน้อยลงครับ

หลวงตา        ไปเที่ยวถามดูซิ พวกนี้มาสนใจหรือไม่สนใจ ไปหาถามเข้าใจไหมล่ะ ถามเรามันไม่แน่ ไปเที่ยวถามดูซิ เอาทะเบียนบัญชีไปจด สนใจหรือไม่สนใจไปถาม แล้วก็ถามคนนี้ก่อนไปถามคนอื่น สนใจหรือไม่สนใจ มันจะเป็นแบบท่านอาจารย์สิมเรานะ มันเป็นเรื่องขบขัน ท่านอาจารย์สิมของเรานี่ละ ที่ท่านเพิ่งล่วงไป อาจารย์สิมท่านเป็นอาจารย์ที่มีชื่อดังน่าเคารพนับถือมากอยู่นะ เวลาท่านเป็นไข้มาลาเรียอยู่ถ้ำพระเวส อำเภอนาแก เป็นไข้มาลาเรียขึ้นสมองเสียด้วยนะ เวลาไปบิณฑบาตนี้ คือท่านมีความหนักแน่นในธรรม เพราะฉะนั้นเวลาแสดงออกกิริยาใดจึงเป็นแต่เรื่องธรรมล้วนๆ แม้แต่มีอยู่ในบุคคลที่มาลาเรียขึ้นสมองเป็นลักษณะบ้าก็ตาม แต่มันเป็นบ้าธรรม คือจิตใจส่วนใหญ่ท่านหนักในธรรม

พอเดินบิณฑบาตไปนี้ เห็นเขาตำข้าว แต่ก่อนตำข้าว มีครกกระเดื่อง เมืองไทยของเรามีทั่วประเทศนะ ไม่มีแต่ทุกวันนี้เท่านั้น พอเดินเข้าไปบิณฑบาตนี้ ไปเห็นบ้านไหนเขากำลังตำข้าวอยู่ พอเข้าไปนี้ สำเร็จหรือยัง คือท่านมุ่งต่อธรรมอย่างมากมาย ความหนักแน่นของท่านมุ่งต่อธรรม แต่ทีนี้สติไม่ดีน่ะซี เป็นไข้มาลาเรีย ไปที่ไหนๆ ก็เข้าไปถามเขา สำเร็จหรือยัง เขาไม่รู้เรื่องรู้ราว  ถ้าไม่รู้เรื่องท่านก็จะไม่ได้ฉันจังหัน ซัดกันอยู่นั่นกับเขา สอนเขา เข้าใจไหมล่ะ กว่าจะมาได้ฉันจังหันที่ไหนมันบ่ายโมงแล้ว

ทีนี้พอเขารู้เรื่องแล้ว เขาก็คบคิดกัน คือท่านไปแล้วท่านจะเดินเข้าไปหาเขา เขาตำข้าวตำอะไร สำเร็จหรือยัง ถ้าไม่สำเร็จก็ให้อย่างนั้นๆ ท่านก็สอนไป ท่านเป็นไข้มาลาเรีย ทีนี้มากต่อมากมันก็ดังไปหมดทั้งบ้านนั่นละ ท่านไปบิณฑบาตทีไรท่านจะไม่ได้ไปฉันจังหันตามเวลาละ คือท่านสอนคนไม่จบ พออย่างนั้นแล้วเขาก็คบคิดกัน พอเห็นหน้าท่านเข้าไปแล้ว ท่านเดินเข้ามา สำเร็จแล้ว ไปเรื่อยเลย คนนี้สำเร็จ คนนั้นสำเร็จ ท่านก็ได้ไปฉันจังหัน ท่านจะเอาให้เขาสำเร็จหมดเสียก่อน ท่านจะตายก็ตาม ไม่ได้ฉันท่านไม่สนใจ นี่ท่านอาจารย์สิมเวลามาลาเรียขึ้นสมอง แต่ขึ้นสมองในหัวใจของบุคคลที่มุ่งมั่นต่อธรรม แสดงกิริยาใดออกมาจึงเป็นธรรมทั้งหมดเลย สำเร็จหรือยังๆ ไอ้เราถ้าบกพร่องก็มีเรานั่นละ ลูกศิษย์เราก็มีมากอยู่ยังไม่ได้ไปถามดูสำเร็จหรือยัง พวกนี้สำเร็จหรือยังๆ เข้าใจหรือยังพวกนี่น่ะ

ผู้สื่อข่าว        อีกสักคำถามนะครับหลวงตา นอกเหนือจากพุทธศาสนิกชนที่มานั่งอยู่ที่สวนแสงธรรมนี้ คนในสังคมข้างนอกนี้ห่างเหินธรรมะมากเกินไปหรือเปล่าครับในปัจจุบัน

หลวงตา        อ๋อ เรื่องห่างธรรมะนั้นมันมีหลายอย่าง ห่างด้วยกิริยาห่างไกลจากวัดจากวา จากการไปมาหาสู่ วัดวาอาวาส ครูบาอาจารย์ ห่างจากการขวนขวายในทางบุญก็มี บางรายก็ห่างหมดทั้งจิตใจไม่สนใจเลยก็มี บางรายทางด้านการงานมีผูกรัดมัดตัวตลอดเวลา แต่จิตใจมีความใกล้ชิดติดพันกับธรรมอยู่ตลอดอย่างนั้นก็มี เข้าใจเหรอ

ผู้สื่อข่าว        กราบขอบพระคุณครับ เรื่องของศีลห้า มีคนบอกว่าคนไทยไม่ค่อยปฏิบัติเท่าไร หลวงตามีคำแนะนำอะไรที่จะให้คนไทยตั้งอยู่ในหลักศีลห้านี้บ้างครับ

หลวงตา        มันก็จะแน่ เพราะผู้ที่ว่าอย่างนั้นมันก็ไม่เคยปฏิบัติ เข้าใจไหม มันไปว่าแต่เขาไม่ปฏิบัติ ตัวมันเป็นต้นเหตุไม่ปฏิบัติเข้าใจไหมล่ะ เป็นได้ ไม่ค่อยสนใจกับศีลกับธรรม

(ผู้สื่อข่าวกราบเรียนว่า ที่สัมภาษณ์หลวงตาไปนี้ วันที่ ๑๘ ธันวาคม เวลาประมาณ ๑ ทุ่มเศษจะไปออกรายการช่อง ๙ แล้วก็ไปออกอีกครั้งหนึ่งวันที่ ๑๙ ธันวาคม เวลา ๓ ทุ่มครึ่ง ข่าวข้นคนข่าว ซึ่งตอนนี้กำลังฮิตอยู่ในช่อง ๙ กำลังเป็นที่นิยมของประชาชน) แล้วไปออกยังไงเขาถึงนิยม (ก็เขาไปสรรหาสิ่งที่สำคัญๆ ยิ่งมาหาหลวงตานี้สำคัญที่สุด ไปออกนี่ประชาชนจะได้ตื่นเนื้อตื่นตัวบ้าง) พูดตามความสัตย์ความจริงให้ประชาชนเขาฟังเขาฟังแล้วเขาชอบ ถ้าชอบไปหาต้มเขา เขาเบื่อกันทั้งเมือง ดีไม่ดีโรงพิมพ์แตกเลย ไปโกหกเขาใช่ไหมล่ะ เข้าใจหรือยังที่พูดนี้ เอาละไปละ พอ

ที่ได้พาพี่น้องทั้งหลายอุตส่าห์พยายามหาสมบัติเข้าคลังหลวง มันก็เป็นมหามงคลเต็มที่แล้ว ที่เขาว่าหลวงตาบัวต้มตุ๋นหลอกลวงโลก เรามองไม่เห็น ไม่เห็นมีที่ตรงไหน มันทำไมปั้นขึ้นมาพูดได้ ถ้าไม่เลวสุดขีดแห่งความเลว เพราะฉะนั้นเราจึงบอกว่า ถ้ามันคิดนิดเดียวนะ เวลานี้เราเป็นพระ ถ้าสมมุติว่าเราเป็นฆราวาส เราจะให้เกณฑ์คนทั้งหมดตีเกราะประชุมกันทั่วประเทศเลย เอาอันนี้ไปต้มยำให้หมดเลยเข้าใจไหม แต่เราไม่พูด เราทำประโยชน์ให้โลกแทบเป็นแทบตาย แล้วมันหาว่าเราหลอกลวงต้มตุ๋น ตัวมันเองตัวไม่หลอกลวง มันเอาอะไรมาให้เป็นประโยชน์แก่ชาติบ้าง ไม่มากก็เอาแค่นี้ให้เราเห็นสักหน่อย ไม่มี แต่มันโม้ขึ้นมาหาอะไรคนเรา ไม่มีอะไรก็ตามแต่มันอยากดัง หาเรื่องดังทุกแบบ อยากดัง ไม่ได้ทำอะไรกับเขาก็ตาม ดังขึ้นมาด้วยความโง่

(ทองคำถ้ามอบครั้งนี้ด้วยแล้วเป็นทองคำทั้งหมด ๑๑,๖๒๕ กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า ๑๐,๒๙๕,๑๐๐,๐๐๐ บาท) นี่ละได้พาพี่น้องทั้งหลายนำสมบัติเข้าสู่คลังหลวงของเรา นับว่าเด่นอยู่มาก ทองคำเป็นหมื่นขึ้นไป ๑๑,๖๐๐ กิโลขึ้นไปเข้าคลังหลวง แล้วก็ดอลลาร์ดูเหมือน ๑๐ ล้าน (๑๐,๒๑๔,๑๐๐ ดอลลาร์) นี่หมายถึงที่เข้าคลังหลวง เข้าไปแล้ว ส่วนที่ไม่เข้าก็คือพวกดอลลาร์ที่แยกออกมาช่วยเงินไทย ดอลลาร์กับเงินไทยออกช่วยชาติทั่วประเทศ ที่ออกจำนวนมากอยู่นะ ถ้าเราไม่หาเหล่านี้ไม่มีนะ ไม่มีกระทั่งชื่อ สมบัติเหล่านี้ที่มีค่ามาก เช่นทองคำเป็นต้น นี่ได้มาเป็นหมื่นๆ กิโล เป็นของเล่นเมื่อไร แล้วดอลลาร์ก็ตั้ง ๑๐ ล้านกว่าเข้าคลังหลวง ก็เยอะนะ

อย่างนี้ละเห็นไหมล่ะขนเข้าคลังหลวง ดูชาติของเรา ได้มาเท่าไรหนุนเข้า หนุนหมด ในเวลาช่วยชาติคราวนี้ทางด้านวัตถุ ประชาชนจะเข้าใจว่าเด่น ทราบทั่วถึงกัน ถ้าว่าด้านวัตถุก็อย่างนี้ละ เงินทองข้าวของช่วยชาติ แต่ด้านธรรมะซึ่งอยู่ลึกลับนั้นเราคิดคนเดียว คราวนี้เป็นคราวที่ธรรมะจะได้ออกสู่จิตใจประชาชนพร้อมไปกับด้านวัตถุ ที่ประชาชนเห็นด้านวัตถุมากกว่าด้านนามธรรม แต่ด้านนามธรรมจะเข้าสู่จิตใจมากเวลานี้ ก็จริงๆ นี่วิทยุก็ตั้ง ๑๐๐ กว่าสถานี เอาธรรมออกทั้งนั้น ๑๐๔ สถานี

ส่วนมากก็เป็นธรรมหลวงตาบัว ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านก็ออกเพียงเล็กๆ น้อยๆ เวลาออกหน้าออกตาจริงๆ ก็เป็นเรื่องของเรา ธรรมะของเราก็มีทุกขั้นด้วย คือไม่บกพร่องเลย ตั้งแต่ธรรมะพื้นๆ ขึ้นเรื่อยๆ ถึงที่สุดเลยธรรมะเทศน์สอนพระ เทศน์สอนพระอยู่วัดป่าบ้านตาด ตอนไม่มีใครเข้าไปเกี่ยวข้อง เราเทศน์สอนพระล้วนๆ มีแต่ธรรมะเด็ดๆ เลย คือแกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วๆ ตลอด ต่อมาประชาชนเข้ามาเกี่ยวข้องมากก็เลยกลายเป็นแกงหม้อใหญ่ไป เวลานี้เทศน์แต่แกงหม้อใหญ่เท่านั้นละ ส่วนธรรมะเด็ดๆ เผ็ดๆ ร้อนๆ แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วไม่ได้เทศน์แหละ มีแต่เอาของเก่าออกมาเทศน์ ถ้าผู้อยากฟังเทศน์ธรรมะขั้นสูง เขาก็คอยฟังเอาตอนดึกๆ ตอนกลางวันเทศน์แกงหม้อใหญ่ ตอนดึกๆ จะเป็นแกงหม้อเล็กหม้อจิ๋ว เพราะเราเทศน์ไว้ในธรรมทุกขั้นไม่บกพร่องเลย

วันพรุ่งนี้มีธุระอะไรบ้างไหม (ว่างครับ มะรืนนี้ไปจังหวัดระยอง วันที่ ๑๖ ทั้งเทศน์ทั้งรับผ้าป่าช่วยชาติ แล้วก็กลับครับ ไปเช้าเย็นกลับ) พอฉันเสร็จแล้วเราก็ออกเดินทางไป ตอนบ่ายก็เทศน์ เทศน์จบแล้วกลับ ไม่ค้างคืน จังหวัดระยองที่วัดธรรมสถิตย์ พอพูดถึงเรื่องธรรมสถิตย์ มีเด็กสองคนน่ารักมาก เด็กผู้หญิงสองคนกำลังน่ารักอายุประมาณสัก ๖-๗ ขวบมาด้วยกันทั้งสอง พอเทศน์จบลงเรียบร้อยแล้วสงบเงียบ แม่คงจะสะกิดให้ลูกมา เรานั่งอยู่ธรรมาสน์ เด็กสองคนผู้หญิงมายืน หันหน้ามาดูเรานิ่งๆ นะ

มีอะไรล่ะหนู มีอะไรให้ว่ามาซิ เวลาเขาพูดออกมา สวรรค์อยู่ที่ไหนเขาว่างั้น เข้าใจไหมเด็กเขาถามเราว่า สวรรค์อยู่ที่ไหน เราก็บอกว่าอยู่ที่อกแม่ ไปหาแม่จะเจอสวรรค์ที่นั่นแหละเราว่า ไปหาแม่แล้วเงียบ คงไปเจอสวรรค์นั่นแหละท่า ขบขันดีนะเขามาถาม สวรรค์อยู่ที่ไหน นี้ธรรมดาเราจะตอบว่าไง จะตอบยืดเยื้อเข้าใจไม่เข้าใจ ฟั่นๆ เฝือๆ ไปเลย พอว่าอยู่อกแม่แล้วไปเงียบเลย มันร้องแว้ๆ พอเข้าอกแม่แล้วมันเงียบเด็กใช่ไหมล่ะ นั่นมันขึ้นสวรรค์แล้ว

สงสารพวกคนเจ็บไข้ได้ป่วยที่มารักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ เฉพาะอย่างยิ่งที่กรุงเทพ ที่โทรมาติดต่อเรา เขาไม่มีทางไปไม่มีทางออก โรคภัยไข้เจ็บก็บีบเข้ามาๆ ค่าเยียวยารักษานี้ไม่มี เงินเอามาไม่พอ ร้อนใหญ่เลย สุดท้ายก็ติดต่อเข้ามา เราให้คนของเราตามไปๆ ไปช่วย ช่วยทุกรายเรียกว่าสมบูรณ์ทุกราย จะจ่ายเท่าไรๆ มอบให้เลยๆ ที่พูดอยู่นี้ก็จะเป็นใครที่ไหนไป ก็เป็นเงินของท่านทั้งหลายที่ออกไปช่วยโลกเวลานี้ เงินของพี่น้องทั้งหลายออกไปช่วยพี่น้องทั้งหลายด้วยกัน เขาไม่เคยเห็นเรา แต่เพราะชื่อเสียงของเราที่ทำประโยชน์แก่โลก คงจะดังอยู่ในหูในใจเขา เขาจึงต้องโทรมา โทรมาด้วยความจำเป็นหวังพึ่งเรา เขาก็บอกโรงพยาบาล บอกตึก บอกชั้นไหนๆ เลขที่เท่าไรๆ มาพร้อม ก็ตามไปเลย ไปก็จัดการๆ น่าสงสาร

แต่ก่อนไม่เคยมีโรงพยาบาลนะ อยู่กันอย่างนั้น แม้แต่เมืองอุดรก็ไม่มี พึ่งมาตั้งใหม่ๆ โรงพยาบาล ที่ไหนๆ ก็ไม่มี สำหรับพระกรรมฐานด้วยแล้วมันเป็นพื้นเพมาจากครูบาอาจารย์ของเราคือหลวงปู่มั่น ท่านไม่ค่อยสนใจกับยาเลย นิสัยท่านเอาธรรมเป็นเกณฑ์ เป็นกับตายอยู่กับธรรม เป็นอย่างนั้น ทุกวันนี้โรคภัยไข้เจ็บจะดกหนาขึ้นหรืออะไร พวกหยูกพวกยาพวกหมอก็มาก โรงพยาบาลก็มากขึ้น มีทุกแห่งโรงพยาบาล ไม่เช่นนั้นก็ไม่ทันกับโรค แต่ก่อนไม่ค่อยมีโรงพยาบาลไม่มี

ให้พากันไปภาวนานะไปอยู่บ้าน ภาวนาสำคัญมากเคยเล่าให้ฟังแล้ว ภาวนาเป็นที่รวมของกุศลศีลทานทั้งหลายลงที่จุดภาวนา เรียกว่าทำนบใหญ่อยู่ที่ภาวนา พอพูดเรื่องภาวนา เมื่อวานนี้เขาก็พูดไม่ใช่หรือว่าเราอวดตนอวดตัวว่าเป็นพระอรหันต์ใช่ไหม เขาโจมตีเมื่อวาน ว่านักปลิ้นปล้อนหลอกลวงไม่มีใครเกินหลวงตามหาบัว อวดตนว่าเป็นพระอรหันต์ เขาออกเมื่อวานนี้ แล้วตัวเขาที่ออกมานั้นเขาได้ทำประโยชน์ให้โลกได้เป็นที่ระลึกอะไรบ้าง ไม่มี แน่ะ มันก็แปลกมาก เราที่ตัวปลิ้นปล้อนหลอกลวง ที่ตรงไหน จุดที่เราไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องนี้แทบไม่มี ฟาดแต่คลังหลวงลงมา

ก็อย่างนั้นละเขาไม่พูดเรื่องเหล่านี้ เขาจะพูดหาแต่สิ่งทำลาย พวกนี้พวกทำลาย เรามีแต่กู้ขึ้นๆ เขาทำลาย คอยเอาไฟเผา อย่างนั้นละ หากเราจะเอาพวกนี้เป็นเนื้อเป็นหนัง ชาติไทยจมไปนานแล้ว ต้องเอาคนดีเป็นหลักเป็นเกณฑ์เป็นเนื้อเป็นหนัง เอาคนดีเป็นคติตัวอย่างก้าวดำเนินไปแล้วบ้านเมืองก็พยุงตัวไปได้ ถ้าเอาพวกนี้มาเป็นเนื้อเป็นหนัง ก็คือเอาไฟเข้ามานั้นเองเผาแหลกหมด พระสมัยปัจจุบันก็คือพ่อแม่ครูจารย์มั่นเรา เลิศสุดยอดเลย คือเราไปอยู่กับท่านเป็นเวลา ๘ ปี ตั้งแต่วันก้าวเข้าไปจนกระทั่งวันท่านมรณภาพ เลิศที่สุดคือหาที่ต้องติไม่ได้เลย

ดูที่ไหนแหม มีแต่ความเพิ่ม เพิ่มความปีติยินดีความซาบซึ้งในการได้เห็นได้ยินได้ฟัง ดูอากัปกิริยาของท่านทุกอย่างเป็นธรรม ยิ่งแสดงธรรมออกมานี้ธรรมออกมาจากใจล้วนๆ นะ แหม ธรรมออกจากใจ ออกไปมันไม่มีแต่ลม อารมณ์หรือลมของธรรม คือไม่ใช่มีแต่ลมปาก ธรรมออกมาพร้อม เพราะท่านมีธรรมในใจ พระพุทธเจ้า พระสาวกอรหันต์ท่านมีธรรมเต็มหัวใจ เวลาแสดงธรรมออกปั๊บนี่ธรรมออกไปพร้อมกันๆ เพราะฉะนั้นผู้ฟังจึงได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่จืดไม่ชืด

ถ้ามีแต่ลมเฉยๆ ธรรมไม่ติดลมมาเลย เช่นอย่างพวกเราเรียนมาจดจำมาธรรมดามาเทศน์ เจ้าของก็สงสัยไม่แน่ใจ การแสดงก็แสดงตามแบบตำรับตำราไป สุดท้ายก็ไม่แน่ใจทั้งผู้เทศน์ทั้งผู้ฟัง ผลจึงไม่ค่อยได้เท่าที่ควร ไม่ดูดไม่ดื่ม ถ้าธรรมที่ออกจากใจท่านจริงๆ แล้วไม่จืด มันหากเป็น ไม่จืดเพราะอะไร เพราะธรรมที่ท่านแสดงออกนี้ไม่ได้จืดกับหัวใจของท่าน อัศจรรย์อยู่ตลอดเวลา ออกมาก็เป็นฤทธิ์เป็นเดชในทางดี เป็นสิริมงคลไปตลอด

อย่างพ่อแม่ครูจารย์เทศน์อัศจรรย์นะ ไปอยู่กับท่านเบื้องต้นท่านเทศน์ถึง ๔ ชั่วโมง ไปอยู่กับท่านทีแรกเทศน์ถึง ๔ ชั่วโมง พระนั่งเต็มส่วนฆราวาสไม่มีละ เพราะท่านอยู่ในป่า มีก็มีแต่พระล้วนๆ เพราะอยู่ลึกๆ ถนนหนทางก็ไม่มี รถยนต์ก็ไม่มี มีแต่ทางคนเดินไปเดินมา เวลาท่านเทศน์นี่อัศจรรย์นะ ๔ ชั่วโมง พระนั่งเต็มเลย เหมือนไม่มีคนนะ เงียบหมดเลยเหมือนไม่มีคน เพราะต่างองค์ต่างตั้งใจฟังด้วยความจดจ่อต่อเนื่องกัน กับสติกับจิตไม่ห่างจากกันเลย ก็เหมือนเราเปิดโอ่งใหญ่ๆ ไว้นี้ ฝนตกมาก็ไหลเข้านั้นหมด นี่สติตั้งอยู่กับหัวใจ

หัวใจเป็นเหมือนภาชนะอันใหญ่หลวง สติครอบธรรม เทศน์นี้ไหลลงๆ จิตใจที่ไม่เคยสงบ สงบได้นะ เทศน์ภาคปฏิบัติเราไม่สงสัย เทศน์ธรรมดานี้ไม่ว่าท่านว่าเราเทศน์ตามปริยัติ เล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ไป สอนชั้นนั้นชั้นนี้ หรือว่าเทวบุตรเทวดาก็ว่าไปธรรมดา โดยที่เจ้าของไม่ได้สัมผัสสัมพันธ์ธรรมเหล่านั้นสิ่งเหล่านั้น ทีนี้ผู้ฟังก็ฟังแบบงูๆ ปลาๆ ผลก็ไม่ค่อยได้เท่าที่ควร แต่ท่านผู้ทรงสิ่งที่แสดงออกนั้นเต็มหัวใจ ออกไปมากน้อยเป็นรสเป็นชาติตลอดไปเลย

อย่างพ่อแม่ครูจารย์มั่นนี้ คือธรรมท่านเต็มหัวใจ เวลาท่านแสดงออก ธรรมออกพร้อมๆ จากหัวใจๆ ฟังนี้เพลิน แล้วจิตยังไม่เคยสงบ สงบได้ พอสติติดอย่างนี้ก็ธรรมะเข้าไปกล่อมเหมือนแม่กล่อมลูกด้วยบทเพลงนั่นแหละ จิตค่อยสงบลงๆ แน่ว บางทีหายหมดเลย เวลามันรวมเต็มที่แล้วเสียงธรรมนี้จะได้ยินแหววๆ อยู่สูงๆ นะธรรม ใจช่วยตัวเองได้แล้วเวลานั้น ทีแรกก็ธรรมช่วยเสียก่อน เสียงอรรถเสียงธรรมกล่อมเข้าไปๆ สติตั้งดีอยู่ตลอด พอจิตสงบเข้าไปแล้วก็เป็นตัวของตัว เรียกว่าพึ่งตัวเองได้ในเวลานั้น ทีนี้ธรรมก็เลยอยู่ผิวเผิน ธรรมที่ท่านแสดงอยู่ผิวเผิน อันนั้นช่วยตัวเองได้แล้ว ทีนี้ไม่เกี่ยวกับธรรมนะ เวลาจิตเข้าเป็นที่พึ่งของตัวได้แล้ว จะสงบแน่วเลย

ท่านเทศน์ตั้ง ๔ ชั่วโมง ไม่รู้สึกตัวเลยว่าเจ็บปวดที่ตรงไหนในอวัยวะ ท่านจบแล้วยังอยากให้ท่านเทศน์ฟังต่อไปอีก คือมันดื่มด่ำอยู่ภายในจิตมันไม่ได้ออกมาส่วนร่างกาย จึงไม่รู้ความเจ็บปวดแสบร้อนของร่างกายว่าเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าอะไรบ้าง ไม่มี มีแต่เพลินฟัง นั่นละฟังธรรมได้ผล คือท่านผู้เทศน์ถอดธรรมออกมาจากหัวใจเลยทีเดียว ผู้ฟังก็มุ่งต่อธรรมล้วนๆ เข้ากันได้ดี นี่ได้ผลๆ โถอัศจรรย์นะฟังเทศน์หลวงปู่มั่น อัศจรรย์จริงๆ เพราะเราได้ฟังเต็มเม็ดเต็มหน่วยฟังเทศน์ท่าน นี่ละธรรมแท้คือออกจากหัวใจล้วนๆๆ ออกมานี้ไม่ใช่ออกมาแต่ลม คือธรรมออกมาพร้อมกันกับลม มันก็มีรสมีชาติซี ถ้ามีแต่ลมเฉยๆ ธรรมไม่มีออกมา ฟังมันก็จืดๆ ชืดๆ ไป ถ้ามีธรรมออกมาจากใจ จากลมที่ออกมานั้นด้วยมันดื่มด่ำนะ ดื่มด่ำมากทีเดียว

นี่ก็พ่อแม่ครูอาจารย์มั่นเรานั้นแหละที่เป็นพ่อใหญ่กรรมฐานจนกระทั่งทุกวันนี้ จะเป็นใคร หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น แต่สำหรับหลวงปู่เสาร์ท่านไม่ค่อยเทศน์ ท่านหากเป็นคู่กัน คือหลวงปู่เสาร์เป็นอาจารย์ของหลวงปู่มั่น ท่านเป็นคู่กันโดยลำดับลำดามา แต่หลวงปู่มั่นเรานี้เป็นฝ่ายเทศนาว่าการ หลวงปู่เสาร์ท่านไม่เทศน์ นี้เราทราบเฉยๆ ว่าท่านเคยปรารถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า แล้วท่านถอนความปรารถนานั้นเสีย เพราะฉะนั้นกิริยาหรือนิสัยนั้นจึงเป็นลักษณะเหมือนพระปัจเจกพุทธเจ้า ไม่เทศน์สอนใคร นั่นละท่านติดพันกันมาแต่ไหนแต่ไร แต่พ่อแม่ครูจารย์มั่นนี้แสดงเต็มเม็ดเต็มหน่วยทางด้านอรรถด้านธรรม ยิ่งเทศน์สอนพระด้วยแล้วนี้แหม อัศจรรย์นะ

คือเทศน์สอนประชาชนทั่วๆ ไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง ผิดกันมากนะ พอท่านหมุนเข้ามาหาพระนี้มีแต่ธรรมเพื่อพระล้วนๆ พุ่งๆ นั่นละที่ฟังเพลินไปนะ เทศน์ ๔ ชั่วโมงเหมือนว่าชั่วโมงเดียวก็ไม่พอ คือเวลานิดเดียวความมันเพลินในหัวใจ บางทีกายจนหายเงียบเลย เวลาฟังเทศน์จิตสงบแน่วลงเต็มที่แล้วกายเลยหายเงียบ เสียงก็แว้วๆ อยู่สูงๆ นั่นเรียกว่าพึ่งตัวเองได้แล้วเวลานั้น นั่นละเวลาฟังเทศน์จิตได้ผล

อย่างที่ท่านแสดงไว้ในองค์ของผู้เป็นธรรมกถึก ผู้แสดงธรรมมีประกอบด้วยองค์ ๕ คือ ๑ แสดงธรรมไปโดยลำดับไม่ตัดลัดให้ขาดความ ๒ อ้างเหตุผลและแนะนำให้ผู้ฟังเข้าใจ ๓ ตั้งจิตเมตตาปรารถนาให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ฟัง ๔ ไม่แสดงธรรมเพราะเห็นแก่ลาภ ร่ำรวย ๕ ลืมแล้วละ มี ๕ ข้อ การแสดงธรรมมี ๕ ข้อ ผลที่ได้รับก็มี ๕ เหมือนกัน ๑ จะได้ยินได้ฟังสิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง  ๒ สิ่งใดที่เคยได้ยินได้ฟังแล้วแต่ยังไม่เข้าใจชัดก็จะเข้าใจสิ่งนั้นชัด  ๓ จะทำความเห็นเสียได้ให้ถูกต้องได้ ๔ แน่ะ ลืมแล้ว  ๕ จิตผู้ฟังย่อมสงบผ่องใส นี่ข้อ ๕ สำคัญมากนะ คือจิตผู้ฟังย่อมมีความสงบผ่องใส นี่อานิสงส์ผลของการฟังธรรมมีอยู่ ๕ ประการ ผู้แสดงธรรมก็ประกอบด้วยองค์ ๕ ว่าอย่างนั้น นี่ท่านแสดงไว้ในปริยัติ

แต่เวลาท่านฟังธรรมภาคปฏิบัตินี้ท่านไม่ค่อยคำนึงนะว่าลำดับยังไงๆ ในการเทศน์การจาการฟัง ท่านจะเน้นหนักลงในธรรมที่จะเข้าสู่จิตใจของผู้ฟังล้วนๆ เลย ผู้ฟังก็เพลินไปเลย ฟังเต็มเม็ดเต็มหน่วยเอิบอิ่มภายในใจ พอได้ยินได้ฟังธรรมท่านเต็มหัวใจ วันนั้นรู้สึกว่ามันเปลี่ยนแปลงไปมากหลังจากการฟังเทศน์ลงไปแล้ว คือกำลังได้เพิ่มในขณะที่ฟังเทศน์ท่าน นั่นละจึงเป็นของสำคัญ ท่านเทศน์ท่านเทศน์ภาคปฏิบัติ ท่านถอดออกมาจากหัวใจจริงๆ ครูบาอาจารย์ผู้ทรงอรรถทรงธรรมจริงๆ เทศน์ถอดออกมาจากหัวใจๆ มีรสมีชาติตลอดเลย ผู้ฟังจึงเพลินๆ อย่างสมัยปัจจุบันก็คือหลวงปู่มั่นเรา เทศน์อรรถเทศน์ธรรมอะไรนี้ไม่มีคำว่าจืดจาง ฟังเท่าไรยิ่งดื่มด่ำๆ ลงไป เอาละวันนี้ พอแล้ว เท่านั้นละ

พูดท้ายเทศน์

หลวงพ่อผางนี่ก็เป็นพระสำคัญองค์หนึ่ง อยู่ที่มัญจาคีรี ตอนนั้นเราอยู่บ้านนามน พอดีท่านก็ไปบ้านนามน แต่ท่านอ่อนพรรษากว่าเรา เพราะท่านเคยมีครอบครัวมาแล้วบวชบั้นแก่ เพราะฉะนั้นท่านจึงอ่อนพรรษากว่าเรา อายุเราอ่อนกว่าท่าน แต่พรรษาบวชท่านอ่อนกว่าเรา เวลาท่านไปวัดบ้านนามน โห ท่านเทศน์นี้แผดมากเทียวนะ นั่นละท่านจะเห็นอะไรอยู่ เทศน์หลวงพ่อองค์นี้เทศน์เข้มข้นมาก ใส่เปรี้ยงๆๆ เราก็มาปฏิบัติแต่ว่าผ่านได้นะ ท่านผ่านได้ หลวงพ่อผางถูกกัน พวกงู พวกจระเข้ ในวัดมีจระเข้ด้วย มีงูด้วย ในวัดท่านงูนี้ยั้วเยี้ยๆ คนไปเห็นก็ตื่นเต้นทั้งกลัว

จะไปกลัวเขาอะไรท่านว่างั้น ท่านก็ไม่เคยขับไล่เขาหนีนะพวกงู ทุกประเภทนะงู แล้วมีจระเข้ตัวหนึ่งอยู่นั้น เดี๋ยวนี้ตัวหนึ่งตายดูว่ายังมีอีกตัวหนึ่งอยู่ ลูกเต้าหลวงพ่อผางนะ ที่เกี่ยวกับพวกงู พวกจระเข้ เวลามาแสดงกับผู้เฒ่าเป็นตนเป็นตัวจริงๆ นะ งูที่ว่าพญานาคนั่นน่ะ เท่าต้นเสานี้น่ะ ไปภาวนาอยู่ทางน้ำหนาว ในภูเขาลูกนั้น เวลาไปภาวนา มีหลวงพ่อองค์หนึ่งไปด้วย ไปกับผู้เฒ่าหลวงพ่อผางนี้ละ พอไปหลวงตาองค์นั้นภาวนาอยู่ทางด้านนั้น หลวงพ่อนี้ภาวนาเดินจงกรมตอนบ่ายนะ โอ้ เห็นตัวจริงๆ ไม่ได้ธรรมดา เห็นอยู่เหมือนต้นเสานี่ อ้าปากอยู่ จนหลวงตาร้องว้ายๆๆ ขึ้น

เดินจงกรมตอนบ่ายด้วยกัน ท่านก็เดินอยู่ ได้ยินเสียงร้องว้ายๆ ขึ้นทางนั้น เอ้าเป็นยังไงหลวงตามันเป็นบ้าอะไรมาร้องเพลงอยู่ ท่านก็เลยปุ๊บปั๊บเดินไป อะไร ร้องอะไร นี่งูใหญ่ว่างั้นนะ ก็ชี้มาเจอมันกำลังอ้าปากอยู่ด้วยนะ เท่าต้นเสานี่ มันอ้าปากตัวใหญ่เท่าต้นเสา ผู้เฒ่าก็เดินจงกรมตัวแข็งอยู่นั้น พญานาคมันก็มาอ้าปากอยู่ใกล้ๆ ผู้เฒ่านั้นก็มา เป็นอะไร โห นี่งูใหญ่ งูใหญ่อยู่ไหน ผู้เฒ่าเหลือบลงไปก็เห็นจริงๆ เห็นด้วยตานะ งูตัวเท่าต้นเสา พญานาค ผู้เฒ่ากับพญานาคเข้ากันได้ดี กับงูกับพญานาค ไปเห็นมันกำลังอ้าปากอยู่ใกล้ๆ กับหลวงตา ตัวเท่าต้นเสา ยกคอขึ้นอ้าปาก

คุณไปทำอะไรนั่นน่ะ หือ ว่างั้น ท่านก็เดินเข้าไปหาเลย เดินเข้าไปหางูใหญ่ตัวนั้น เอ้ามึงจะกินกูก็กิน ท่านว่างั้นละ ทางนี้กลัวตัวสั่นหลวงพ่อ ร้องวากๆ มันอ้าปาก ผู้เฒ่าก็เดินเข้าไปหาเลย เอ้ามึงกินกูถ้ามึงเก่งจริงว่างั้น พอไปถึงดับพรึบเลย หายเงียบ อย่างนั้นแหละ ผู้เฒ่ากับพญานาค ถูกกันดีกับพวกงู วัดของผู้เฒ่านี้งูยั้วเยี้ยๆ ท่านบอกว่าจะไปไล่เขาทำไม เขาก็ลูกศิษย์พระ ลูกศิษย์พระอะไรไปเอาผีเอางูมาเต็มวัด ว่าลูกศิษย์พระใครจะเชื่อ ผู้กลัวมันกลัวจะตาย อย่ามายุ่งมันลูกศิษย์พระท่านว่า ท่านเก่งทางนี้ พวกงูพวกพญานาคท่านไม่กลัว เข้ากันได้สนิท อยู่วัดท่านยั้วเยี้ยๆ เต็ม ไม่ทำอะไรใคร ก็ท่านเป็นหัวหน้าอยู่แล้วมันก็กลัวซีใช่ไหม เวลาท่านเสียไปแล้วมันจะอยู่นั้นหรือไม่อยู่ก็ไม่ทราบละงู ถ้าอยู่เขาฆ่าตายหมดแหละ

 

รับชมรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และทางสถานีวิทยุเสียงธรรม FM103.25MHz พร้อมเครือข่ายทั่วประเทศ


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก