เมื่อวานวันที่ ๒๑ ทองคำได้ ๓ บาท ดอลลาร์ได้ ๑๒ ดอลล์ รวมทองคำทั้งหมดได้ ๓,๐๑๔ กิโล ต่อไปนี้ก็จะทยอยถอนเงินออกซื้อทองคำตามที่ดอกผ่านไป ๆ เขาฝากประเภทประจำสามเดือน ๆ ดอกผ่านไปเมื่อไรก็ถอนออก ๆ ซื้อเรื่อย ๆ จึงต้องถอนเป็นระยะ ๆ เงินสด ๘๐๖ ล้านนี้คิดว่าจะไม่ต่ำกว่า ๒ ตันกับ ๔ พันกิโลก็เท่ากับ ๖ ตัน เราเคยพูดกับพี่น้องทั้งหลายในความตั้งใจของเรา ที่จะช่วยพี่น้องชาวไทยเต็มกำลังความสามารถคราวนี้ เราพูดไว้เป็น ๓ ย่านตามความรู้สึกของเรา เป็น ๓ ย่าน ๓ พัก พักแรก ๔ พันกิโล อันนี้เรียกว่าเด็ดขาด ขาดสตางค์หนึ่งไม่ได้เลย เรียกว่าเด็ด ถ้าทองคำได้ขาด ๔ พันกิโลไปหนึ่งสตางค์ ก็เท่ากับหัวชาติไทยของเรานี้ หัวหลวงตาบัวเป็นหัวประกันอันดับแรก ต้องขาดไปหมดเลยไม่ให้มีเหลือ เรียกว่าเด็ด ใส่ ๔ พันกิโลไม่ให้ขาดแม้สตางค์หนึ่ง นี่พื้นฐานแรก
พื้นฐานที่สองก็อาศัยเงินฝาก ๘๐๖ ล้านจะเพิ่มเข้าอีกคงไม่ต่ำกว่า ๒ ตัน เราคิดว่า ๒ ตันนี้พอประมาณ ๆ กับ ๔ ตันก็เป็น ๖ ตัน นี้เราก็พอใจเป็นลำดับ แต่ถ้าหากว่าฟาดได้ถึง ๑๐ ตันแล้ว โอ๋ย หลวงตาบัวนี้ไม่ต้องนิมนต์พระมากุสลาเลย ๑๐ ตันนี้กุสลาหลวงตาบัวดีดผึงขึ้นเลย ไม่ต้องมีใครมากุสลาแหละ ๑๐ ตันนี้ผึงสุดยอดในหัวใจเราที่ช่วยชาติคราวนี้ แต่ไม่ได้ตั้งอะไรนักนะ เป็นความคิดเป็นความรู้สึกว่ามันสุดยอดจุดนั้น จากนี้ไปเรื่อย ๆ พอใจไปเรื่อย ๆ ถ้าถึงจุดนั้นแล้วสุดยอดเลย เวลาหลวงตาบัวตายไม่ต้องนิมนต์พระมากุสลาหลวงตาบัว หลวงตาบัวไปไหนนา กำลังไปหาทองคำให้ได้ ๑๐ ตัน หลวงตาบัวจะตอบว่าอย่างนั้น ได้ ๑๐ ตันแล้วไปเลย
เราคิดเห็นเท่านั้นที่เป็นโอกาสอันดีงาม ซึ่งพี่น้องทั้งหลายจะได้มีโอกาสช่วยหัวใจแห่งชาติไทยของเราให้หายใจเต็มปอดอยู่ที่ทองคำ เราจึงเน้นหนัก ๆ คิดดูซิเงิน๘๐๖ ล้านนี้เราได้ประกาศเมื่อไรว่า เราจะเอาเงินสดนี้เข้าสู่คลังหลวง เราไม่ได้เคยประกาศ ประกาศออกมาตั้งแต่เริ่มแรกเลยว่า ทองคำหนึ่ง ดอลลาร์หนึ่ง เราจะเข้าคลังหลวงทั้งนั้น ส่วนเงินสดนี้เราจะออกกระจายช่วยพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศ ไม่ได้เข้าคลังหลวงเราว่าอย่างนั้นนะ ก็เป็นคำประกาศของเราเอง ทีนี้ครั้นเวลาประกาศเรียบร้อยแล้ว แล้วทำไป ๆ ความห่วงในคลังหลวงนี้มันไม่ได้ถอยล่ะซี ที่เราไม่ได้ถอยก็เพราะเจ้าหน้าที่ทองคำซึ่งเขารักษาทองคำโดยเฉพาะ วันเราไปมอบทองคำเขามานิมนต์เราไปดูทองคำซี
คนเราต้องมีความมุ่งหมาย ไม่งั้นนิมนต์ไปดูทำไม พระทั่วประเทศไทยเขาไม่ได้นิมนต์ไป อยู่ ๆ เขาก็มานิมนต์เราไปดูทองคำในคลังหลวง นี้เป็นองค์ที่สองว่างั้นนะ องค์แรกคือสมเด็จพระเทพฯ สำหรับทองคำนี้ไม่มีใครเห็นใครรู้ได้เลย ไม่บอกใครเลย ก็มีสมเด็จพระเทพฯ กับเรานี้เป็นองค์ที่สอง เขาพูดตรง ๆ แล้วเขาก็พาเราไป มันเป็นซอก ๆ ทองคำเป็นตับ ๆ เป็นซอก ๆ เขาพาไปโดยเฉพาะ ๆ ไปจนหมดทองคำที่เก็บไว้ในที่ปลอดภัยและแน่นหนามั่นคง ดูเต็มตาแล้วออกมาคุยกันสองต่อสองละที่นี่ เฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เขารักษานี้กับเราเท่านั้น
เราได้ถามถึงเรื่องทองคำ ทองคำนี้ได้เก็บไว้กี่แห่งที่ไหนบ้าง ที่ไหนเก็บไว้เท่าไร ๆ เราถามโดยเฉพาะ ๆ เขาก็บอกตามนั้น ๆ คือธรรมดาเราการซื้อการขายการประกันตัวเกี่ยวกับสินค้าสินขายหรือเรื่องราวต่าง ๆ เราต้องเอาทองคำเป็นเครื่องประกันในแต่ละชาติ ๆ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องถาม ว่าเมืองไทยเรานี้ต้องเกี่ยวโยงกับประเทศอื่น ๆ เมืองใหญ่เมืองเล็ก ทองคำจะต้องไปเป็นตัวยืน ๆ ในนั้น ๆ เราคาดคิดไว้นะ ถามก็เป๋งเลยทันที ว่าเมืองนั้นมีเท่านั้น ๆ รวมหมดแล้วเมืองไทยมีเท่านั้น แล้วรวมทั้งหมดในเมืองไทยเรามีทองคำเท่านั้น นั่นละที่เราไปเห็นด้วยตาของเราเอง ผู้ที่มาเชิญเราหรือมานิมนต์เราไป เขาไม่มีความมุ่งหมายเขามานิมนต์ไปทำไม นี่อันหนึ่งนะ
ธรรมดาคนเราก็ต้องหวังพึ่งกัน นี้ก็เรากำลังเริ่มเอาทองคำเข้าสู่คลังหลวงและดอลลาร์ นี่ก็เป็นรูปเป็นเถาเบื้องต้นแล้วที่ควรแก่การนิมนต์ของเขาไปดู นั่นละต้นเหตุนะพี่น้องทั้งหลายทราบเอาอย่างนี้ พอไปดูแล้วก็ออกมา ค่ำวันนั้นเอง ทุกวันดุหนังสือพิมพ์แหลกนะ หนังสือพิมพ์ไปยุ่งที่สวนแสงธรรม วันนั้นถามหาหนังสือพิมพ์ ทั้งดุด้วยนะ เหอ หนังสือพิมพ์ไปไหนกันหมดวันนี้น่ะ ทุกวันเห็นมาจุ้นจ้านยุ่งตลอด วันนี้ไปไหนหมด ก็ค่ำแล้วนี่ จวนจะมืดแล้ว เวลาจะพูดอะไรไม่ได้พูดนี่น่ะมันเป็นยังไง ประมาณสัก ๕ นาทีพวกนักข่าวก็มา มาจากไหนไม่รู้นะ มาก็เปรี้ยงเลยตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบัดนี้เกี่ยวกับเรื่องทองคำ เน้นหนัก ๆ เรื่องทองคำ หายใจกับทองคำ ๆ ตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบัดนี้
นี่ละที่เงิน ๘๐๖ ล้านนี้เราประกาศแล้วว่าจะไม่เข้า เหตุใดจึงมาเข้าได้ตั้ง ๘๐๖ ล้าน ยังเหลืออยู่เวลานี้ประมาณสัก ๕๐ ล้าน รวมเงินสดทั้งหมดนี้ ๘๕๐ ล้านในสมุดบัญชีนะ แล้ว ๘๐๖ ล้านนี้แยกออกมาซื้อทองคำหมดเลยจะเป็นอื่นไปไม่ได้ คือ ๖ ล้านนี้หมายถึงกฐินที่เขามาทอดปีกลายนี้ เขาประกาศว่ากฐินเพื่อช่วยชาติ ดูว่ามีกฐินทองคำด้วยอะไรบ้างก็ไม่รู้แหละ แต่เรามาสะดุดจุดหนึ่งที่เป็นเหตุที่ว่า ช่วยชาติในงานกฐินนี้ได้ ๖ ล้าน ทางอุดรได้ ๓ ล้าน ทางกรุงเทพก็ได้ ๓ ล้าน รวมกันแล้วเป็น ๖ ล้าน เราจึงตบเข้ามานี้เลยเข้าหา ๘๐๐ ล้าน จึงเป็นเงิน ๘๐๖ ล้านไปเข้าใจไหม
นี่ละเราถึงได้หักออกมาเพื่อจะซื้อทองคำ ๖ ล้านเงินกฐินตีเข้ามานี้เลย แล้ว ๕๐ ล้านก็เก็บไว้อย่างนั้นแหละ เวลาจำเป็นก็แยก อย่างที่เราช่วยโลกอยู่เวลานี้ บัญชีของเรานี้เป็นบัญชีดั้งเดิม บัญชีช่วยโลกมาตั้งแต่สร้างวัด ไม่ได้ว่าบอกว่าโครงการช่วยชาติ บัญชีนี้เป็นบัญชีพื้นฐาน ที่เราจ่ายตลอดเวลาเราจ่ายบัญชีนี้นะ เราไม่ได้จ่ายบัญชีโครงการช่วยชาติ เราเป็นผู้ดูแลรักษาเองไม่จำเป็นเราไม่ถอน เมื่อพอถูไถทางนี้ได้เราถูไถทางนี้ เช่น จตุปัจจัยไทยทานพี่น้องทั้งหลายถวายเรานี้เข้าบัญชีนี้ ๆ มาดั้งเดิม เพราะฉะนั้น ๕๐ ล้านจึงยังไม่ถอน ดูเหมือนถอน ๕ ล้านปีกลายนี้ที่กฐินช่วยชาตินะ เรานำทองคำเป็นแนวหน้านะ มีถอนเท่านั้นแหละ ดูเหมือนถอนออกมาจากโครงการช่วยชาติ นอกนั้นเราไม่ถอน ก็อยู่ ๕๐ ล้านนั้น
ก็เราเป็นคนถอนเอง เราไม่ถอนใครจะถอน มีเท่าไรก็มีเท่านั้นนอกจากมันจะเพิ่มอีก คือเราประกาศอยู่นี้เรื่อย ประกาศตีกระเป๋าของพี่น้องชาวไทยเรา กระเป๋าไปเก็บไว้ที่ไหน ทางนี้ไปเที่ยวตีกระเป๋าเรื่อยไป มันอาจเพิ่มขึ้นอีกเท่าไรก็ได้นะ แต่เราไม่ได้ไปดูบัญชี คือเขาโอนเข้าเท่าไรก็เข้าในบัญชีเสร็จ ส่วนสมุดเราไปเมื่อไรเขาถึงขึ้นให้ ๆ ส่วนที่โอนมาอะไรเขาเข้าบัญชีใหญ่ของเขาแล้ว บัญชีธนาคาร เวลาเราไปเขาเอาสมุดไปกรอกให้เท่านั้นเอง เราก็ไม่ได้ถอน เราจึงแน่ใจว่ามันคงจะขึ้นอยู่ เพราะอันนี้ตีอยู่เรื่อยนี่ กระเป๋าแตกเงินไม่แตกได้หรือ กระเป๋าแตกเงินต้องแตกล่ะซี ไม่มากก็น้อย ตีอยู่เรื่อย ๆ ตีทั่วประเทศไทย
นี่ละที่เราแยกมา ๘๐๐ ล้านก็เพราะเป็นห่วง ไม่พูด อยู่ลึก ๆ ตั้งแต่วันไปเห็นทองคำ บวกลบคูณหารเรียบร้อยแล้วมีเท่าไร นี่ละที่เราเอามาโฆษณา เรื่องราวเป็นอย่างนั้น จึงได้เจียดทางนี้ออกมาไว้ ๘๐๐ ล้าน แล้ว ๖ ล้านนั้นเป็นกฐินก็เพิ่มเป็น ๘๐๖ ล้าน นี้จะเข้าให้หมดเลยไม่แยกไปไหน ถ้าลงได้ลั่นคำยังไงต้องเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างอื่นไม่ได้สำหรับเราเอง นี้ไม่เพียงเท่านั้นนะ เงินจำนวนเหล่านี้ต้องเป็นเหมือนเดิม คือเมื่อมันสมควรจะตีเข้าทางนี้ก็จะตีเข้าเรื่อย เพราะเรารับผิดชอบในเงินจำนวนนี้เพื่อคลังหลวงของเรา
เราเน้นหนักที่คลังหลวงมากกว่าการช่วยประชาชน อันนี้พอถูไถไป ถูไถไปเถอะไม่เป็นไร ขอให้หลักใจของเราดี เราหายใจเต็มปอดในคลังหลวงแล้วเป็นที่พอใจ เราเอาจุดนี้ต่างหากนะที่คอยตบเข้าไปเรื่อย ๆ ไม่พูด เพราะเราเป็นคนดูสมุดเอง จำนวนเงินเท่าไร ๆ เราจะตบเข้าเมื่อไรเราก็ตบของเราไปเรื่อย ๆ เงินจำนวนเหล่านี้จึงเป็นสองภาค ภาคหนึ่งเข้าทองคำ ภาคหนึ่งก็ช่วยประชาชน
ประชาชนนี้ก็พิลึก โอ๋ย เราหนักมากนะ ก็คิดดูซิเราติดหนี้ก็ยังมี ทั้ง ๆ ที่มีเงินอยู่ในโครงการช่วยชาติเรายังไม่ยอมไปแตะ ยังยอมติดหนี้เขา สั่งซื้อเครื่องมือแพทย์ที่เป็นเครื่องมือจำเป็น ๆ ต่อคนไข้จำนวนมากมาย เอ้า พอติด ๆ ติดไปเลยไม่แตะนะ นั่นน่ะเราสงวนขาดนั้น ไม่จำเป็นจริง ๆ เราไม่แตะ เพราะเราเป็นคนรักษาหัวใจพี่น้องชาวไทยที่บริจาคมานี้ทุกชิ้นทุกอัน เราจึงเข้มงวดกวดขันมากยิ่งกว่าธรรมดานะ เราจึงแน่ใจในเรื่องความรั่วไหลแตกซึม บอกเต็มปากเลยว่าไม่มี เพราะเรารับผิดชอบทั้งหมด
ถ้าได้ถึง ๑๐ ตันคราวนี้ โหย กระเทือน เมืองไทยเรากระเทือนเลยเทียวนะ สมชื่อสมนามว่าชาติศาสนาอยู่ร่วมกันและช่วยกันด้วย เวลานี้ทั้งชาติทั้งศาสนาหนุนชาติไทยของเรา จึงว่าควรจะได้วัตถุที่มีคุณค่ามากฝากไว้ในจิตใจของชาติไทยเราพอสมควรในคราวนี้ อย่าให้ด้อยเกินไป ให้มันเด่นมาก ทองคำนี้เราอยากจะให้เด่นมากอยู่ ทองคำ ดอลลาร์ สองอย่างนี้ให้เด่นมาก ส่วนเงินสดได้เท่าไรก็อย่างว่า ช่วยกันไปอย่างนี้ นี่เมื่อวานหรือวานซืนนี้ก็จะเริ่มสร้างตึกอีกแล้ว นั่นเห็นไหม ไปดูตึกมาเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็จะเริ่มสร้างตึกอีกแล้วตึกโรงพยาบาล ช่วยอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา เราไม่มีว่าง ที่ไหน ๆ ขอมา ๆ เลยบางทีดุเอาอย่างแหลกเลยก็มีนะมันโมโห
คือความมักง่าย ความเห็นแก่ได้ ความลืมเนื้อลืมตัว ขอได้ขอเอา ไม่คิดเห็นว่าเราเอาเงินของพี่น้องชาวไทยที่บริจาคมานี้เข้าสู่จุดสำคัญ ๆ ด้วยความจำเป็นของเราจริง ๆ อันนี้มาขอสุ่มสี่สุ่มห้า จะเลี้ยงกันเท่านั้นก็มาขอเงินเราฟังซิน่ะ พวกเป็นคณะจะเลี้ยงกันอะไร แล้วมาขอเงินจากเรา นี่ละที่มันเด็ด เราก็ใส่เสียเปรี้ยง ๆ พร้อมทั้งไม่ให้ด้วย บอกไม่ให้อย่างเด็ด ดุแหลกเลย พวกนี้มันเห็นเราเป็นส้วมเป็นถาน ใครอยากมากอบมาโกยเมื่อไรก็มากอบโกย ว่าอย่างนั้นนะ มันไม่คิดเห็นความลำบากของหัวใจประชาชนที่บริจาคมานี้ ดึงมาจากกระเป๋าของแต่ละคน ๆ ใครจะไม่หวง เงินแม้สตางค์หนึ่งก็หวง แล้วทำไมไม่เห็นมีคุณค่า มีคุณค่าแต่การเลี้ยงกันด้วยความเห่อเหิมนั่นหรือ ซัดเท่านั้นซิ ไม่ให้ว่างี้เลย ดุใหญ่ด้วยนะ
ให้จำเอานะแต่นี้ต่อไปอย่ามากวนเราแบบนี้อีกนะ ขายขี้หน้าเราว่างี้เลย นี่ความไม่เอาไหน ความเห็นแก่ตัว เลี้ยงกันด้วยความเพลิดเพลิน มาโกยเอาเงินของชาติเป็นหัวใจของชาติจากหลวงตาบัวเป็นส้วมเป็นถาน ไปเทกันอย่างนั้นใช้ได้เหรอ เราไม่ให้เราบอก หัวใจประชาชนไม่ใช่ส้วมถาน เราไม่ใช่ส้วมใช่ถาน ไม่ให้ อย่ามาขออีกนะขอแบบนี้ บอกตรง ๆ เลย ใส่เลยนะ
อันดับที่สองก็เมรุ ว่าทำไม่เสร็จก็มาขอ จากอำเภออะไร อันนี้เราก็ไม่ให้ เมรุเท่ากำปั้นคนทั่วบ้านทั่วเมืองเงินหาไม่ได้หรือ เวลาจะสร้างเมรุหามาจากไหนมาสร้างถึงว่าไม่พอ ๆ ขาดเท่าไรหาไม่ได้เหรอ นี่เราก็ไม่ให้ แต่ไม่ดุนักอันนี้นะ เป็นรองลำดับลำดา อันกินเลี้ยงกันนี่ฟาดอย่างหนักเลยนะไม่ใช่ธรรมดา สอนอย่างเน้นหนัก อย่ามาขอเป็นอันขาดอย่างนี้ใช้ไม่ได้ ประกาศขายตัว เรามีเหตุมีผลทุกอย่างนี่ทำอะไร เอะอะมาขอ ๆ ขอสุ่มสี่สุ่มห้าขอไม่มีเหตุมีผล ขอด้วยความลืมเนื้อลืมตัว ผู้คิดมันคิดตลอดเวลา ให้แต่ละบาทละสตางค์คิดเต็มหัวใจค่อยให้ ๆ นะ จะมาขอสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้กับเรา
นี่เราก็ช่วยกันอย่างนี้ พี่น้องทั้งหลายช่วยกันนะ ธนาคารต่าง ๆ ก็เคยประกาศให้พี่น้องทั้งหลายทั่วประเทศไทยทราบตลอดมา ออกทางวิทยุด้วยนะ พูดนี้ออกทางวิทยุ ให้ทราบทั่วหน้ากัน เรื่องความบกพร่องนี้กระเทือนทั่วประเทศไทย เรื่องการหนุนจึงกระเทือนทั่วกันหมดมันถึงจะถูกต้องนะ ต่างคนต่างเฉยต่างเมยใช้ไม่ได้ หัวหน้าพี่น้องทั้งหลายดูเอาซิเป็นยังไง เคยอ่อนแอท้อแท้ไหม ไม่ว่าอันใด ๆ ก็ตามเรื่องของเราแล้วเมื่อเต็มขีดเต็มแดนแล้วก็ออกอย่างเต็มขีดเต็มแดนตามอรรถตามธรรมเลย ไม่มีอะไรมาขวางได้เลย ขาดสะบั้นไปเลย ธรรมเป็นอย่างนั้น
เพราะธรรมไม่ได้อยู่ในวงไอ้พวกถังขยะของโลกนะ ธรรมเป็นธรรมที่เลิศเลอ นำมาสอนไม่ได้ไปอยู่ในถังขยะ อยู่นอกถังขยะ สอนลงมาถังขยะ ชะล้างสิ่งที่สกปรกในถังขยะให้สะอาดสะอ้านไป พออยู่ได้อยู่ไปนี่ต่างหากนะเราสอน เพราะฉะนั้นการสอนโลกเราถึงสอนได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยที่เราไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องในวงการต่าง ๆ เช่น การทะเลาะวิวาทบาดหมางกันอะไร ๆ นี้ เราไม่ได้ไปอยู่ในนั้น ธรรมนอกจากนั้นเข้าไปชำระสะสางต่างหาก อย่ามาถือเราว่าเป็นคู่กรรมคู่เวรคู่ได้คู่เสียด้วยไม่ได้ ธรรมเป็นธรรม นำมาสอนโลกมานี้กี่กัปกี่กัลป์แล้วธรรมพระพุทธเจ้า เรานำมาสอนประเทศไทยเราซึ่งเป็นเมืองพุทธจะผิดไปที่ไหน ก็เอาธรรมมาสอนเต็มเม็ดเต็มหน่วย เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าสอนมาโดยลำดับลำดานั่นเอง
ใครผิดถูกให้ฟังเสียงกันนะ เมืองไทยเราไม่ใช่เมืองหมา เมืองมีเหตุมีผล ผู้ที่จะมาปกครองบ้านเมืองล้วนแล้วตั้งแต่ศึกษาเล่าเรียนมาอย่างสูง ๆ พอเป็นที่น่ากราบไหว้บูชาของประชาชน เฉพาะอย่างยิ่งชาวไทยเราอยู่แล้ว อย่ามาทำให้เลอะเทอะมูมมามแบบหมาขี้เรื้อนในความรู้สึก หรือหลักวิชาที่เรียนมาสูง ๆ นั้นนะ มาคละเคล้ากับมูตรกับคูถซึ่งเป็นความสกปรกนั้นเข้ากันไม่ได้นะ อย่านำมาคละเคล้ากัน ความรู้สูงให้เป็นความรู้สูง นำมาปฏิบัติต่อโลกให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุข ชาวโลกเขาจะได้กราบไหว้บูชาเป็นขวัญตาขวัญใจ อยากมีข้าราชการเต็มบ้านเต็มเมือง เพื่อจะมีความสงบร่มเย็น
อย่าได้มีเปรตมีผีในวงราชการเข้ามากินบ้านกินเมือง อย่างที่เป็นมานี้สลดสังเวชมากนะ เราพูดจริง ๆ เอาธรรมจับเห็นหมดจะว่าไง มันเลอะเทอะเอาจนกระทั่งชาวบ้านชาวเมืองสลดสังเวชเต็มบ้านเต็มเมือง เมื่อสองสามปีผ่านมานี้ดูเอาทุกคน ผิดที่ตรงไหน ตามีหูมีทุกคน เลอะเทอะก็บอกว่าเลอะเทอะ ที่ดีก็บอกว่าดี สงบธรรมดามาก็มี อย่างผาดโผนโจนทะยาน มีแต่จะเอาจะกิน ตั้งหน้าตั้งตาเข้าไปในวงงานไหน สั่งการสั่งงานเพื่อกอบเพื่อโกยเพื่อกิน ไม่ได้สั่งงานเพื่อชาติบ้านเมือง สั่งตั้งแต่เรื่องความสกปรกโสมมใส่ส้วมใส่ถานตัวเองนั้นแหละ แล้วสุดท้ายเมืองไทยก็จะแหลกจะเหลว
เมื่อจำเป็นจริง ๆ ชาติไทยของเราก็เป็นชาติแห่งมนุษย์ ทำไมจะไม่รู้ดีรู้ชั่ว ก็ต้องหาทางออก พยายามหาผู้นำ ที่ไหนที่จะพอเป็นไปได้ ก็ต้องเลือกเฟ้นหากันซิ ไม่งั้นเมืองไทยจม ถ้าปล่อยให้พวกนี้หาตั้งแต่เข้าตับเข้าปอดเข้าไส้เข้าพุงตัวเอง เมืองไทยจมแน่ ๆ จึงต้องได้พยายามหากัน ดังที่เราหามาแล้วนี้ พอได้มาแล้วให้พี่น้องทั้งหลายได้พากันทะนุถนอมรักษา รักษาทุกอย่างนะ เอาอย่างเข้มงวดกวดขัน นี้ถือว่าทองคำแท่งหนึ่งในหัวใจแห่งประเทศไทยของเราคือนายก ใครเป็นนายกเวลานี้ก็รู้กันอยู่แล้ว นี่เท่ากับทองคำแท่งหนึ่งในหัวใจพี่น้องชาวไทย ให้พากันสงวนรักษานะ
เราจะจมเพราะอะไรเราก็ทราบกันแล้ว นี้เราจะฟื้นฟูเพราะอะไร ก็เพราะคนดี คนดีเราหาได้แล้วเอาให้เต็มเหนี่ยวของเรา หลวงตาเป็นหัวหน้า ใครว่าผิดเอาว่ามา เราเอาธรรมมาแสดงเวลานี้ผิดไปที่ตรงไหน คนดีรู้ด้วยกัน เด็กก็รู้ ผู้ใหญ่ก็รู้ ทำไมพระขนาดนี้จะไม่รู้ดีรู้ชั่ว แล้วพูดออกตามความดีความชั่วจะผิดที่ตรงไหน นี่ละนำมาพูดให้พี่น้องทั้งหลายฟังในวงแห่งธรรม สอนพวกถังขยะมันสกปรกโสมมมูมมาม กินไม่รู้จักหยุดจักถอย กินจนจะเอาให้บ้านเมืองจม เป็นขนาดนี้เทียวนะเวลานี้ เป็นถึงขนาดนั้น แล้วยังตามกีดตามขวางคนนั้นคนนี้ หาก่อกรรมก่อเวรจองล้างจองผลาญ ตั้งหลักตั้งเกณฑ์ขึ้นมาเป็นแผนการเข้าไป นักโทษอยู่ในเรือนจำตั้งแผนการขึ้นมาฟ้องคนดีมีอย่างที่ไหน เอาพิจารณาซิ นักโทษในเรือนจำตั้งแผนการขึ้นมาจองกรรมจองเวรกันไป แล้วก็ตั้งแผนการขึ้นมาฟ้องเรื่องนั้นเรื่องนี้
เรื่องจะมีนิดหน่อยเท่าเม็ดหินเม็ดทรายก็ตามตั้งขึ้นมาเท่าภูเขา ถือว่าเป็นความผิดอย่างร้ายแรงถึงขนาดที่จะปัดลงไป เฉพาะอย่างยิ่งนายกนี้จะไม่ให้ค้างอยู่ในเก้าอี้ของหัวใจแห่งประชาชนที่เขาเลือกเข้ามาได้เลย จะส้วมเอาถานขึ้นไปตั้งแทนเก้าอี้อันนี้ เป็นไปได้ไหม คนไทยเราใครยอมรับ เอา ออกมาพูดออกมา เราจะพูดให้อย่างจัง ๆ อย่างนี้ หัวใจของคนเรามันมียังไงบ้างรู้กันหมด ดีชั่วรู้ด้วยกัน จะออกมาเป็นกฎหมายบ้านเมืองทำท่ามาประจบประแจง แล้วมาอ้างหลักฐานอย่างนั้นหลักฐานอย่างนี้ หลักฐานคือความจริงที่มันชั่วมีอยู่แล้ว ตั้งไม่ตั้งขึ้นมามันก็มีหลักฐานของมัน ใครทำชั่วที่ตรงไหน ๆ มันก็มีในตัวของมัน ๆ แล้วทำชั่วเต็มบ้านเต็มเมืองใครจะไม่ทราบ มันก็ทราบอยู่นี้ ตั้งหลักฐานไม่ตั้งหลักฐานขึ้นมาก็ตาม มันก็ทราบกันอยู่อย่างนี้
เพราะฉะนั้นเราจึงให้พากันรักสงวนนะ เวลานี้บ้านเมืองของเรา ไม่ว่าเวลาไหนละ ต้องขึ้นจากคนดี คนดีเป็นผู้เชิดชูบ้านเมือง คนชั่วเชิดไม่ได้ มีแต่เอาให้จม ๆ ดังที่พูดเรื่องตะกี้นี้เรื่องนักโทษในเรือนจำ มันจะมาตั้งกฎเกณฑ์กฎหมายบ้านเมืองจองล้างจองผลาญ เป็นเจ้าอำนาจบาตรหลวงป่า ๆ เถื่อน ๆ เข้ามาบีบบังคับเอาคนนอกเรือนจำ ให้ไปอยู่ในอำนาจป่าเถื่อนของมันในเรือนจำสองสามคนนั้นมันเป็นไปได้เหรอพิจารณาซิ เมื่อเป็นไปไม่ได้พิจารณากันซิเป็นยังไง คนนอกเรือนจำกับคนในเรือนจำต่างกันยังไง ศักดิ์ศรีดีงามคุณค่าต่างกันยังไง เอามาเทียบกันซิ
เราจะรักษาคุณค่าแห่งคนดีให้สูงขึ้นโดยลำดับ เทิดทูนคนดีผิดไปแล้วเหรอ เมืองไทยมีความเห็นอย่างเดียวกันนี้ ถ้าผิดแล้วธรรมพระพุทธเจ้าไม่มีในโลกนี้ ศาสนาไม่มี เราต้องเดินตามแต้มตามแถวนี้ เราไม่ต้องฟังเสียงนักโทษในเรือนจำ ฟังเสียงคนดีที่จะเชิดชูบ้านเมือง นักโทษมันเชิดชูอะไร เราเคยเห็นมิใช่เหรอนักโทษไปเชิดชูเรือนจำให้เรือนจำที่ไหนเจริญ ๆ แล้วจะมากว้านเอาคนนอกเรือนจำไปอยู่ใต้อำนาจ แล้วมาควบคุมอีกเพื่อความเจริญ เจริญในส้วมในถานนักโทษนั่นแหละ ใครจะอยากสมัครไป ตั้งแต่มองไปเห็นเรือนจำเท่านั้นขยะแล้วนะ ใครจะสมัครไปเป็นนักโทษในเรือนจำให้พวกเปรตพวกผีมาครองอำนาจบาตรหลวงกินตับกินปอดต่อไปวะ ไม่มีใครว่าอย่างนั้นเลย เอาฟังให้ดีทุกคน
เราเป็นเจ้าของของชาติทุกคน ไม่มีใครว่าไม่เป็นเจ้าของของชาติ ๖๒ ล้านคนเป็นเจ้าของของชาติ ที่จะรักจะสงวนชาติเทิดทูนชาติ ไม่ใช่ทำลายชาติ อะไรเข้ามาเกี่ยวข้องอะไรไม่ดีปัดออกทันที นี่ละถูกต้องดีงาม ให้พี่น้องทั้งหลายทราบนะ ให้รู้คนดีคนชั่ว เวลานี้เรากำลังเสาะแสวงหาแทบล้มแทบตาย หาคนดีหาได้ง่ายเมื่อไร หาแทบเป็นแทบตายมันก็จะตายไปเฉย ๆ มันจะไม่ได้คนดี นี้พอโผล่ขึ้นมาบ้างก็จะถูกเตะถูกถีบถูกยันตกเก้าอี้ เอา ตกว่างั้นเลย เมืองไทยยังไม่ตายแล้วจะตกไปไม่ได้ว่างั้นเลย คอขาดไปด้วยกันเลย เราหาคนดีมานี้ขนาดไหน คนชั่วมันวิเศษวิโสอะไรพอที่จะเอาอำนาจบาตรหลวงป่า ๆ เถื่อน ๆ มาเหยียบคนไทยทั้งชาติให้จมไปด้วยกันจากอำนาจป่า ๆ เถื่อน ๆ นี้มีอย่างเหรอ ฟังให้ดีคำนี้น่ะ เราเป็นคนชาติไทย พุทธศาสนาสอนด้วยความจริง เราต้องปฏิบัติตามความจริง ดีบอกว่าดี ชั่วบอกว่าชั่ว ผิดไปไหนวะ เอาละพอ พูดไปพูดมามันเหนื่อย
(ไวยาวัจกรวัดนาแอง ตายแล้วครับ) เป็นคนไหนนะ เราจำไม่ได้ ที่เคยมาขอพระเรา ๆ ยังไม่ลืม แต่จะเป็นคนนี้หรือคนไหนไม่ทราบ หากเป็นคนที่มาขอเป็นผู้วางรากฐาน มาขอพระจากวัดเรานี้ไปอยู่วัดนาแอง ที่เป็นวัดนาแองขึ้นมาทุกวันนี้นะ มาแล้วพูดมันน่าหยอกก็ต้องหยอกล่ะซิ มาขอพระอย่างนั้นอย่างนี้ มาขอพระ ทำไมจึงรู้ว่าที่วัดป่าบ้านตาดมีพระ อู๊ย ค่อยสอดค่อยแทรกคอยมองมานานแล้วแต่เข้าไม่ถึง ว่าอย่างนั้นนะ วันนี้มีโอกาสก็เข้าถึง เข้ามาว่ายังไง ก็อยากได้พระ นิมนต์พระไปอยู่วัดบ้านนาแอง อยากจะสร้างวัดขึ้นมา แล้วทำไมจึงเห็นสมควรว่าอยากได้พระในวัดนี้ พระวัดนี้ก็มีสาวงามเหมือนกันเหรอ เราว่าอย่างนั้นนะ อู๊ย สาวงามมานานแล้ว คอยแอบคอยมองพอได้โอกาสก็จะมาขอสาวงาม พูดหยอกเล่นกันซัดกัน โหย นัวเนียนะ หัวเราะกันลั่น เรื่องขบขันขึ้นทันทีแหละ
ซัดกันไปซัดกันมา สาวงาม ซัดกันเรื่อย ก็รอจ้องมานานแล้วคราวนี้ได้โอกาส นั่นละถึงได้ไป แต่จะเป็นคนนี้หรือไม่ก็ไม่ทราบ (เป็นญาติกับคนนี้ครับ) เป็นญาติของคนนี้เหรอ ไม่ใช่คนนี้เป็นญาติของคนนี้นะ เออ เอาละเข้าใจ นึกว่าพ่อออกสาวงามคนนี้ ไม่ใช่นะ เมื่อไปเร็ว ๆ นี้ก็ไปพบกันอยู่ที่บ้านนาแอง แต่ไม่ทราบว่าเป็นคนไหน เอาละเข้าใจ
วัดบ้านนาแองนี้เราก็ได้ซื้อที่ให้ ด้านไปทางทิศเหนือที่มันมีแหว่งอยู่ แล้วก็พอดีเจ้าของก็จะขายอยู่ เราก็เลยซื้อให้หมด ดูเหมือน ๗ แสนหรือ ๘ แสนอยู่ในย่านนี้ ซื้อที่ให้ ก็อย่างนั้นแล้ว (๗ แสน ๕ หมื่น)เออ นี่ละซื้อทางด้านนั้น ก็บอกวัดนี้จะปลูกจะสร้างอะไรบ้าง ถ้าไม่ได้ปลูกสร้างอะไรก็ควรจะปลูกต้นไม้ยืนต้น ไม้เนื้อแข็งปลูกห่าง ๆ กันไว้เป็นแห่ง เช่น ไม้ตะเคียนให้ปลูกแถวนี้เราว่าอย่างนั้น เพื่อจะให้เป็นความชุ่มเย็นสำหรับสถานที่นี่ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่นี้น้อยมาก ก็มีต้นยางต้นหนึ่งอยู่นั้น ต้นเตี้ย ๆ แต่ผึ้งมันไปเข้าปีหนึ่ง ๆ ตั้ง ๕๐-๖๐ รังในต้นเดียวกัน เวลานี้มีประจำอยู่นั้นผึง มองขึ้นไปจนดำไปหมดเลยมันเต็มอยู่นั่น ของเรานี้เหมือนกัน ของเรานี้ก็มีผึ้งเต็ม นี้ต้นไม้ใหญ่มีน้อยมากเราจึงบอกให้หาปลูกไม้ยืนต้นไม้เนื้อแข็งไว้ ไอ้พวกไม้ยางมันขึ้นง่ายที่ไหนมันก็ขึ้น แต่ไม้ตะเคียนขึ้นยาก ก็บอกไว้เรียบร้อย
เนื้อที่เท่าไรนะ ก็ตั้ง ๗ แสน ๕ หมื่นมันก็ต้องกว้างอยู่พอสมควร เราจำไม่ได้ มองไปนี้มันว่างไปหมด เรียกว่าซื้อไว้หมดเลย อันนี้เราก็ซื้อให้ ( ๑๗ ไร่ครับ) นั่นละมันกว้างขวางอยู่ จึงได้บอกให้เอาไม้ตะเคียนไปปลูกเป็นย่าน อย่าปลูกถี่กันนะ คือไม้ตะเคียนต้นหนึ่งตั้ง ๑๐ วามันก็ถึงกัน กิ่งข้างนี้กิ่งข้างนั้นเข้ามาถึงกันเลย อย่างน้อยไม่ให้ต่ำกว่า ๑๐ วาห่างกัน ไม้ตะเคียนต้นใหญ่ เราก็ได้สั่งเสียไว้เรียบร้อย นี้ก็แห่งหนึ่ง
วัดธรรมเพียรเราก็ซื้อให้นั่นก็ ๓๐ ไร่ แต่ก่อนมันไม่แพง นานตั้งแต่สร้างวัดทีแรก ธรรมเพียรออกจากวัดนี้ก็ไปอยู่ที่นั่น ไปเห็นที่มันคับแคบดูเหมือนที่มี ๒๕ ไร่ แล้วเนื้อที่ก็ไม่ดี แล้วที่ที่เขาว่าจะขายอยู่นั้นดี ที่ดี พ่อแม่ครูจารย์มั่นไปปักกลดอยู่ที่นั่นที่แถวนี้ละ ท่านไปภาวนาอยู่นั้น เขารู้สึกว่ามีขยะ ๆ จะเป็นอุบายของเขาอยากขายอะไรก็ไม่รู้แหละ ไอ้เรื่องลิ้นคนนี้ โอ๋ย มันเชื่อไม่ได้นะ เขาว่ามาทำนาที่สถานที่ที่พ่อแม่ครูจารย์มั่นมาปักกลดอยู่นี้รู้ว่ามันขยะ ๆ ว่าอย่างนั้นนะ อุบายวิธีการเขาอยากขายที่ก็ได้มันยากอะไร เราเห็นว่ามันติดกันก็ซื้อให้เลย ๓๐ ไร่ก็เป็นเงิน ๓ หมื่นเท่านั้นแต่ก่อน คือไร่ละพัน ๆ ที่ไม่แพง เป็น ๓ หมื่น ต่อมาจนกระทั่งทุกวันนี้ถึงกว้างมาก
ไอ้เรื่องซื้อที่ซื้ออะไรนี้ไปต้องบอกละวัดนี้ มันกระจายไปทุกอย่างนั่นแหละที่ช่วยโลกนะ กระจายไปไม่ว่าที่ว่าฐานว่าตึกรามบ้านช่องที่ไหน ๆ ไปที่ไหนนี้เกลื่อนไป ผ่านไปเรียกว่ารอยมือเรา ๆ ผ่านไปหมด เฉพาะโรงพยาบาลนี้มากที่สุด ไปที่ไหน ๆ จะมี ๆ ตลอดไปเลย โรงร่ำโรงเรียนมีบางแห่ง โรงเรียนมีอยู่ทั่วไปแต่ไม่หนาแน่นเหมือนโรงพยาบาล โรงพยาบาลนี้ อู๋ย ไปที่ไหน ผ่านไปนี้โรงพยาบาลไหนก็มีแต่ที่เราช่วย ๆ ไปทางไหนก็เหมือนกันหมด เราช่วยอยู่อย่างนั้นตลอดมา เพราะฉะนั้นมันถึงไม่มีเงินมีทองละซิ
เรื่องกระต่ายนั้นรู้สึกว่าเด่นขึ้นมาทุกวันนะ คือกระต่ายเวลานี้ยั้วเยี้ย ๆ ออกมาทั่วหมด แต่ก่อนมันกลัวแมวมันไม่กล้าออกมา ตัวใหญ่ ๆ ไม่กล้าออกมา เวลานี้มีตัวใหญ่ออกมาเพ่นพ่านเต็มไปหมด ไปที่ไหนยั้วเยี้ยมีแต่กระต่าย แสดงให้เห็นชัดเจนว่าแมวกินกันเกือบหมด สำหรับลูกกระต่ายหมด แม่กระต่ายหลบซ่อน ทีนี้พอแมวเข้าไม่ได้เวลานี้แม่กระต่ายพ่อกระต่ายกำลังออกมาเพ่นพ่าน เฉพาะบริเวณของเรามีถึง ๕ ตัวแต่ก่อนมี ๓ ตัว เดี๋ยวนี้เพิ่มเป็น ๕ ตัวแล้ว คือเขาชุ่มเย็นเขาออกเที่ยวอย่างนี้นะ มีทั่วไปหมด เพราะฉะนั้นเราจึงเข้มงวดกวดขัน แมวจะเข้ามาไม่ได้เด็ดขาดว่าอย่างนั้นเลย โห สัตว์เราเกือบตาย
นี่กำลังตะกวด จะจับตะกวดนะ ตะกวดนี้ก็เป็นภัยแก่ไข่ไก่ลูกไก่ นี่ได้สั่งพระแล้ว คือตะกวดนี้ให้จับเลย เราจะไปปล่อยกำหนดให้ ๒ วัด หนึ่งวัดถ้ำกลองเพลเนื้อที่กว้างขวางมาก แล้วไม่ค่อยมีไก่ สัตว์ไม่ค่อยมีอันตรายเหมือนวัดป่าบ้านตาดที่เต็มไปด้วยไก่และลูกไก่ไข่ไก่ จึงต้องแยกออกนี้ เพราะอันนี้มี ๑๖๓ ไร่ สำหรับวัดถ้ำกลองเพลเป็นพัน ๆ ไร่แล้วก็พวกไก่ไม่ค่อยมี ปล่อยไว้ต้นไม้ใหญ่ ๆ เขาขึ้นอยู่สบาย จึงบอกกับพระว่าถ้าจับนี้แล้ว หนึ่งให้ไปปล่อยวัดถ้ำกลองเพล สองปล่อยวัดนาคำน้อย นาคำน้อยก็ไม่ค่อยมีไก่มาก แล้วที่ก็ ๑,๓๑๕ ไร่ เอาไปปล่อยนู้นแล้วก็ไม่เป็นภัยแก่สัตว์อื่น ๆ เราจึงสั่งไว้ ๒ วัดนี้ อันดับที่สามก็ไปวัดดงศรีชมภู อันนั้นก็เนื้อที่กว้างขวางเหมือนกัน แต่ ๒ วัดนี้จุดสำคัญที่เราสั่งไว้ ใครเจอที่ไหนให้จับเลย ไม่ได้นะ โห ไก่เดี๋ยวนี้นะ แถวฟากกุฏิเราไปลึก ๆ นั้นไก่จะไม่ได้ไข่เลย ไข่เท่าไรกินหมด มันมาไข่อยู่ตามนี้ข้างกุฏิเราแถวนี้เต็มหมดนะไก่ คือไม่มีที่ไข่ ไข่ตะกวดเอาไปกินหมด ทั้งลูกทั้งไข่ ลูกน้อยก็กิน จึงต้องจับไม่จับไม่ได้ เกิดอันตรายต่อสัตว์เหล่านี้
พวกนี้เอาไปปล่อยแล้วก็ไม่เป็นอันตราย เขาหากินอยู่ที่กว้าง ๆ เช่น วัดถ้ำกลองเพลหากินได้ทั่วไป แล้ววัดนาคำน้อยก็เหมือนกัน จึงบอกว่าให้เอาไป ๒ วัดนี้ นี่ใครเจอที่ไหนให้จับเลยตะกวด มันไม่มีอะไรละ ตะกวดนะไล่จับได้เลย มันไม่ค่อยกัดง่าย ๆ กัดก็ไม่เจ็บไม่ปวดไม่เป็นพิษ จับปุ๊บเลยจับเอาเลยมันไม่กัดง่าย ๆ มีแต่บืนหนีแหละ ใครอยู่ข้างในครัวก็ให้พากันจับนะ ในครัวตะกวดมันจะคอยออกไปเรื่อย ให้พากันจับบ้างนะ อย่าไปหาจับกันแต่กล้วยหอมกล้วยไข่นะ ไม่ได้พวกนี้มันหาจับแต่กล้วยหอมกล้วยไข่ ตะกวดมันไม่ยอมจับ จึงต้องสั่งซิ
เมื่อวานเราก็ไม่ไปไหนแต่ถูกกวนทั้งวันนะ เพราะฉะนั้นเราถึงไม่อยู่ ถ้าอยู่วัดนี้กวนทั้งวัน ไปไหนเหมือนติดคุกติดตะราง วันไหนอยู่วันนั้นยุ่งมากเรา เพราะฉะนั้นเราถึงหลบหนี ไปหาหลบซ่อน นอนไปในรถเราก็สบายไม่มีใครกวนเรา จากนั้นเราก็อยู่สบายถึงเวลาเราค่อยมา ส่วนมากก็มีแต่คนภายนอก ถ้าคนในวัดเรานี้ไม่มีใครไปกวน คนที่เขามาจากที่ต่าง ๆ นี้ไม่เคยเห็นมันก็ซอกแซก ๆ เข้าไปที่ไหนเข้าไปหมดพระมองไม่ทันนะ มันเข้าได้ทุกช่องก็ไปโผล่เอาทางจงกรมเราบ้าง ที่กุฏิเราบ้าง มันน่าโมโหก็ใส่เปรี้ยง ๆ ซิ นี่ถึงไม่อยู่นะ ทุกวันนี้ฉันเสร็จแล้วหลบหนี ๆ เพราะอันนี้เอง วันไหนอยู่วันนั้นต้องเกิดศึกทั้งวัน อย่างเมื่อวานนี้ก็ทั้งวัน เมื่อวานไม่ไปไหน มันก็เข็ดละซิ คนมาจากนอก ๆ เขาไม่เคยเห็นเขาอยากดูอยากรู้อยากเห็น เที่ยวซอกแซกซิกแซ็ก คนภายในเราไม่มีไปละคน ภายนอกละมันมา เช่น วันเสาร์วันอาทิตย์นี้มาทุกแห่ง มาก็ซอกแซก ๆ ไป พระไล่ออกมามันก็ไปอีกช่องหนึ่ง ๆ
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร
www.luangta.com