สรุปทองคำและดอลลาร์วันที่ ๒๐ ทองคำได้ ๖ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๓๕ ดอลล์ กรุงเทพกับอุดรนี้รู้สึกมันจะเหมือนไปจ่ายตลาด ใกล้กันนิดเดียว ๆ ประกอบกับทางสะดวกด้วย บึ่งทีเดียวถึงเลย แต่ก่อนไปรถมีน้อยมาก ทางก็แคบ เราเคยไปจากนี้ปั๊บถึงวัดนรนารถฯ ๖ ชั่วโมง ๑๕ นาทีเราไม่ลืม คือทางแคบแต่รถน้อยไม่ค่อยติด ทุกวันนี้ทางกว้างรถก็มาก จึงพอดีกัน จากนี้ถึงกรุงเทพไปพอดี ๆ ราว ๗ ชั่วโมงถึงกรุงเทพพอดี ถ้าไม่หยุดที่ไหนเลยนะก็ ๖ ชั่วโมงหรือกว่าเล็กน้อยก็ถึงกรุงเทพแล้ว คิดดูตั้งแต่จากนี้ไปถึงสวนแสงธรรม กรุงเทพก็ ๖ ชั่วโมง แต่ว่ารถเรามีรถนำไม่ได้ข้องได้แวะที่ไหน แม้แต่ไฟแดง ถ้ารถไฟแดงไม่มากเขาก็ผ่านเลย นอกจากรถไฟแดงมีมากเขาก็รอเป็นธรรมดา ๖ ชั่วโมงจากนู้นถึงนี้ ไม่ค่อยถึงดีแหละ ขาด ๓ นาที ๔ นาที เดี๋ยวนี้ไปกรุงเทพตรงเป๋งเลยเข้ากรุงเทพ ก็ยิ่งย่นเวลาจากนั้นเข้ามามากอยู่
เดี๋ยวนี้ทางไปที่ไหนสะดวกไปหมดแล้ว เราไปทุกแห่งทุกหน คือไปด้วยความสังเกตดูตลอดเวลา ตลอดสาย ไปที่ไหนสังเกตไปด้วย เพื่อเอาเหตุเอาผลเหล่านั้นมาประกอบหรือปรับปรุงบ้านเมืองของเราจากการชี้แนะต่าง ๆ ไม่ใช่ไปเฉย ๆ นะ ไปดูจริง ๆ ไปไหนดูจริง ๆ นะ ถ้าอันไหนที่ควรจะเผดียงจะออกก็ออก ๆ ตามนี้ให้ทราบทั่วหน้ากันแล้วค่อยปรับปรุงแก้ไขไป ถ้าอันไหนดีแล้วก็บอกว่าดีหรือไม่พูดถึง ถ้าอันไหนยังบกพร่องก็เตือนให้รู้เรื่องรู้ราว
เวลานี้คนขับรถของเรา ก็อาจจะบวกกับเรื่องเจอเหตุการณ์บ่อย ๆ ก็เป็นครูสอนได้นะ แต่เท่าที่สังเกตดูเวลานี้คนขับรถรู้สึกมีมารยาทอันดีงามมาก บอกว่ามากทีเดียว คนขับรถรู้สึกให้อภัยให้ทางกันได้ง่าย ๆ พอเห็นรถคันโน้นผ่านมาเขาอยากแซง ถ้าไม่มีรถเล็กรถน้อยอยู่ข้างทาง รถทางนี้จะเริ่มให้ทาง ทางโน้นพอได้โอกาสเขาก็ผึงมา ๆ ผึงไปผึงมา ก็ไม่ต้องเสียเวล่ำเวลา อันตรายก็ไม่ค่อยเกิด นี่การให้อภัยกันเป็นเรื่องน้อยเมื่อไร ชุ่มเย็นทั่วแผ่นดินไทย
คนขับรถแต่ละคน ๆ อยู่ในแผ่นดินไทย สวนไปสวนมาสัมผัสสัมพันธ์ตลอดเวลา ต่างคนต่างให้อภัยซึ่งกันและกัน แล้วความสะดวกจะเป็นไปนี้ทั่วประเทศไทย ก็คิดเอาซิ ถ้าจะถือแต่กฎแต่เกณฑ์อย่างที่ว่ากฎหมาย กฎหมอยมันก็ได้ มี อย่างที่พูดนี่นะ กฎหมายคือตรงไปตรงมาเป็นศูนย์กลาง แต่เรื่องธรรมจะซอกแซก ความละเอียดลออความนิ่มนวลทุกอย่างจะอยู่กับธรรม แทรกไปตามกฎหมายนั้น เช่นว่าทางเขาถูก ถ้าเป็นธรรมแล้ว ทางนี้ผิด ทางนั้นถูก จะมาถือเอาโทษว่าทางโน้นถูกทางนี้ผิด เวลาเจอเข้าไปแล้ว โดนเข้าไปแล้ว เจ็บเสียหายทั้งสองทางดีไหม นั่นฟังซิ ธรรมจึงต้องให้ทางกัน
ทางโน้นมาเมื่อมีโอกาสที่จะควรให้แล้ว ถ้าหากว่าทางไหนที่เขาเปิดไฟขอทาง ทางนี้ก็ให้ดูให้อภัยกันทันที ให้ทางกันทันที ไม่ว่าทางเขาทางเราดีเข้าถึงกัน มันก็มีแต่ดีทั้งนั้น ถ้าชั่วเข้าถึงกัน ต่างคนต่างถือทิฐิมานะถือกฎหมาย แล้วก็แทรกกฎหมอยเข้าไปว่าข้าเป็นทางถูกมานี้ข้ามไปนี้โดนปึ๋ง เสียทั้งสองฉิบหายทั้งสองดีไหมนั่น นั่นละธรรม ธรรมท่านแยกออกมา อย่าถือว่าตัวถูกตัวผิดอย่างเดียว ต้องคำนึงถึงผลบวกกันแล้วทั้งถูกทั้งผิดโดนเข้าไปแล้วเป็นยังไง เสียหายทั้งสองทางดีแล้วเหรอ
ทางโน้นถูกก็ตาม ทางนี้ผิดก็ตาม ก็ทราบกันอยู่แล้วว่าเป็นความจำเป็นทั้งสองฝ่าย ก็ควรให้ทางกันให้อภัยกันทันที ๆ นี้เป็นความถูกต้อง ตามที่เราผ่านมานี้ไปที่ไหนไม่ค่อยเจอรถชนกันนะเดี๋ยวนี้ แล้วมันก็เห็นประจักษ์อยู่ต่อหน้าในขณะที่ขับรถไป พอขับไปทางนี้จะแซง ทางโน้นเริ่มให้ทาง นั่นให้อภัยกันแล้วให้ทางกันแล้ว ทางนี้พอได้โอกาสก็ไป เมื่อทางโน้นให้ทาง ทางนี้เป็นยังไง ก็รับทางจากโน้นมาด้วยความดีงามจากทางโน้น ทางนี้ก็เป็นความดีงามตอบรับกัน เขาให้ทางได้ เราให้ทางได้ เขาให้อภัยเราได้ เราให้อภัยเขาได้ มีแต่ดีบวกกันชุ่มเย็นไปหมดทั่วประเทศไทย ถ้าต่างคนต่างขึงขังตึงตังอวดดีอวดเด่น ถือว่าตัวถูก ๆ อย่างเดียว นั้นละตัวอันธพาลตัวหนึ่งแทรกอยู่ในกฎหมาย เป็นกฎหมอยไปได้เข้าใจไหม
พี่น้องทั้งหลายฟังซิ เราพูดว่ากฎหมายกฎหมอย นี่ละสิ่งที่มันแทรกอวดว่าตัวถูกต้อง ทิฐิมานะแทรกเข้าไป นั่นละกฎหมอยแทรกเข้าแล้ว โดนกันจนได้แหละ ถ้าเป็นกฎหมายแล้วมีธรรมแทรกปั๊บดูกัน ความพอเหมาะพอดีรู้กันอยู่ คนขับรถต้องเป็นนักขับทุกคน แม้แต่ตำรวจเขายืนดูอยู่ความช้าความเร็วความแซงไม่แซงของรถทั้งหลายนี้ เขายังไม่จัดเจนยิ่งกว่าคนขับรถฟังซิน่ะ คนขับรถจะเป็นผู้จัดเจนในการขับรถผ่านไปผ่านมา ควรแซงไม่ควรแซง คนขับรถจะรู้ดี
พูดถึงเรื่องการขับรถ สำคัญที่การให้น้ำใจต่อกันนี้สำคัญมากนะ ขอทุกคนให้มีน้ำใจต่อกัน การขับรถขับราอย่าถือว่าเราผิดเราถูกโดยถ่ายเดียว ให้ถือความพอเหมาะพอควรที่เขาจะมาเราจะไป เรียกว่าให้อภัยกันตลอดนี้จะไม่มีภัย แล้วจิตใจของประชาชนเราทั่วประเทศไทยจะประสานกันด้วยความดีต่อกัน นี่คือความไม่ถือสีถือสากัน สงบร่มเย็นทั่วหน้ากันหมด นี่เรียกว่าธรรม พี่น้องทั้งหลายฟังเอานะ กฎหมายท่านบอกไว้กลาง ๆ ธรรมนั้นแทรกอยู่ทุกแห่ง เช่น ความพอเหมาะพอดีไม่พอเหมาะพอดีรู้อยู่ในธรรม นี่เรียกว่าธรรม เพราะกฎหมายนี้ออกไปจากธรรม
เราไปที่ไหนเราไปจริง ๆ ไปด้วยธรรมล้วน ๆ นะ ตาจะสอดแทรกไปนี้ความรู้มันจะถึงกันทันที ๆ ไปเลย เรื่องความคิดนี้เราพูดถึงเรื่องของธรรม โลกนี้เอื้อมไม่ถึงว่างั้นเลย ความละเอียดลออของธรรมละเอียดขนาดนั้น จึงครองโลกให้เป็นความร่มเย็นได้ นี้เราก็ปฏิบัติธรรมเต็มกำลังความสามารถ จนกระทั่งถึงว่าชีวิตจิตใจทุกสัดทุกส่วนอยู่กับธรรมหมด อะไรมาขวางไม่ได้ ธรรมต้องออกหน้าตลอด ถูกต้องตลอด คือเรื่องผิดของเราจะมาขวางไม่ได้ความหมายว่างั้นนะ ความผิดนี้ขัดกับธรรมตัดทันทีเลย มันเป็นหลักธรรมชาติของมัน ไม่ได้ถือว่าเป็นความชอบใจไม่ชอบใจ ความชอบใจไม่ชอบใจถ้าเป็นความผิดนั้นคือความผิด นั้นคือฟืนคือไฟ ปัดออกทันที เอาความถูกต้องเดินหน้า ๆ อย่างนั้นถูกต้อง
อย่างที่เราผ่านไปที่ไหนไปดูทุกหนทุกแห่ง ทางภาคอีสานก็หลวงตาบัวละโฆษณาตีป้าง ๆ ไปเลยเรื่องขับรถมอเตอร์ไซค์ ๒ ปีผ่านมาแล้วมั้งได้ขนาบเอา รถขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ภาคอีสานเลวที่สุด เราบอกอย่างนี้เลย เราผ่านมาทุกภาคแล้วภาคไหนดีทั้งนั้น ภาคอีสานนี่เลวที่สุด มันเป็นยังไงคนภาคอีสานเรานี่น่ะมันตาบอดเหรอ เขาขับไปตามถนนเขาลืมตา พวกนี้มันตาบอดหรือมันถึงขับระเกะระกะชนหน้าชนหลังไป จากนั้นมาดี เดี๋ยวนี้ดีแล้วนะ แน่ะก็อย่างนั้นแล้ว ก็ต้องได้โดนดุ ดุเพื่อดีเสียหายที่ตรงไหน มันผิดนั้นซีมันเสียหาย การเตือนการบอกเพื่อความดีจะผิดไปที่ไหน
จึงคอยฟังเสียงนะ เสียงอรรถเสียงธรรมเป็นเสียงที่นิ่มนวล ถึงจะเผ็ดร้อนขนาดไหนเต็มไปด้วยความนิ่มนวลในธรรม คือความถูกต้องดีงาม ความปลอดภัยอยู่นั้นหมดนะ อยู่ในธรรม ให้ฟังเนื้ออรรถเนื้อธรรมเหตุผลของธรรม อย่าฟังเสียงเฉย ๆ ฟังเสียงฟ้ากระหึ่มบนฟ้าเป็นยังไง ฝนตกมาชุ่มเย็นไหมล่ะ ถ้าไม่ได้ยินเสียงฟ้าคึกคะนองเลยนี้แห้งแล้งนะไปที่ไหน ฝนไม่ตก ถ้าที่ไหนมีฟ้าคะนองแล้วก็นั่นละฝนตก เสียงฟ้าก็คือเสียงธรรม ออกมาตรงไหนก็นั้นละคือความถูกต้อง ความชุ่มเย็น เหมือนกับฟ้า ฝนตกลงมาจากฟ้า เป็นอย่างนั้น
เราไปทุกภาคไปทุกแห่งทุกหน เฉพาะอย่างยิ่งไปตามรถยนต์ สังเกตตลอดเวลาดูคนขับรถ นิสัยใจคอเป็นยังไง คนขับรถเป็นยังไงมันจะอ่านนิสัยออกมาทันทีเลยนะ นิสัยหยาบโลน นิสัยนิ่มนวลอ่อนหวาน นิสัยให้อภัย นิสัยเพื่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ใช่เอกคนเดียวแต่ตัวทั้ง ๆ ที่อาศัยโลกอยู่ ถือตัวว่าเอกคนเดียว คนนี้เลวมาก พวกเรานี้เป็นสัตว์หมู่สัตว์พวก ต้องเห็นแก่หมู่แก่พวก เห็นแก่ใจเขาใจเรามาเทียบกันมันถึงถูก เป็นอย่างนี้แล้วคนเราให้อภัยกันได้ไม่ยากนะ
ทิฐิมานะตัวไม่ให้อภัยนี่ ตัวมันขวางโลกตัวเป็นภัยต่อโลก ไปที่ไหนขวางที่นั่น คนใดที่ไปพูดกระแทกแดกดัน ไม่คิดเห็นอกเห็นใจคนอื่น มองดูแต่หัวใจตัวเอง จะเอาให้ได้อย่างใจตัวเอง คนนี้ละคือตัวอาละวาดใหญ่ ไปที่ไหนไม่มีใครอยากคบค้าสมาคม เป็นอย่างน้อยนะ มากกว่านั้นเขาชี้หน้าเอาเลยคนประเภทนี้ อย่านำมาใช้นะ เราเป็นสัตว์หมู่สัตว์พวกอยู่คนเดียวไม่ได้ แม้แต่ในบ้านมันยังเอาไอ้ตูบมาเป็นเพื่อนอยู่เห็นไหมล่ะ มันอยู่คนเดียวไม่ได้ ขี้ขลาดที่สุดคือมนุษย์ เมื่อเห็นความขี้ขลาดของตนแล้วก็ให้เห็นคุณค่าแห่งเพื่อนฝูงที่อยู่ร่วมกัน
คบค้าสมาคมกันต้องรู้จักใจกัน เฉพาะอย่างยิ่งดังที่กล่าวมานี้ขับรถ เราได้ชมขับรถ ไปทุกแห่งเราดูทุกแห่ง ดูรถคือดูคนขับนั่นเอง ดูนิสัยใจคอของคนขับ รถมันก็เป็นเหล็กธรรมดามีอะไร ขับไปชนต้นไม้มันก็ชน ขับไปที่ไหนมันก็ไป สำคัญอยู่ที่คนขับ มีนิสัยใจคอหยาบละเอียดแค่ไหนบอกอยู่กับคนขับ ถ้าคนขับรถดีแล้วมองเห็นปั๊บมันก็รู้กันคนเรา ให้อภัยกันทันที ๆ นี้เป็นความถูกต้องดีงาม ให้พี่น้องทั้งหลายนำไปใช้
เพราะเรานี้คละเคล้ากันกับเพื่อนกับฝูงตลอดเวลา มนุษย์นี้เป็นสัตว์พวกเป็นสัตว์หมู่ ต้องเห็นใจหมู่ใจพวกถึงถูกต้องดีงาม อย่าเอาแต่ใจตัวคนเดียวมากีดขวางโลก มันจะเป็นโลกแตกหักไปได้นะ ให้ต่างคนต่างนำไปปฏิบัติ เท่าที่ผ่านมาแล้วนี้เราได้ชม ไม่ว่าไปภาคไหน การให้อภัยกันเกี่ยวกับการขับรถ เรียกว่าดีงามขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก่อนเป็นยังไงนี่เราก็ดูแล้ว เดี๋ยวนี้ดีมาก ถึงขั้นดีมากแล้วเวลานี้ แล้วผลแห่งความเสียหายเพราะความเลวร้ายของคนขับนั้นไม่ค่อยปรากฏนะ ขับรถไปทางไหนไม่ค่อยเห็นรถชนกัน เรียบไปหมด ไปทุกภาคไปที่ไหนเรียบไปหมด นี่ก็ส่อออกมาจากอัธยาศัย ต่างคนต่างรอบคอบในการขับขี่ ใช้ประสาทให้พอเหมาะพอสมทุกสิ่งทุกอย่าง และต่อเพื่อนฝูงด้วยกันที่ขับรถไปมา
มีความจำเป็นมากน้อยเพียงไรให้อภัยกันได้คนเรานะ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วอยู่ด้วยกันได้สบาย ไปที่ไหนสะดวกสบาย และไม่มีภัยมีเวรก่อกรรมทำเข็ญต่อกัน ไปที่ไหนเย็นไปเรื่อย เขาเย็นเราก็เย็น เขาให้อภัยเราให้อภัย เขาดีได้ทำไมเราดีไม่ได้เราเป็นมนุษย์คนหนึ่ง คิดทันทีเลยซิ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วไปที่ไหนก็ดีหมด ให้พากันจำเอาไว้นะ นี่เราพูดเพียงเอกเทศถึงเรื่องการขับรถ ที่มันเกี่ยวข้องกันกับคนหมู่มากขับรถด้วยกัน
ทีนี้คนหมู่มากที่คละเคล้ากันด้วยกิริยามารยาทก็ควรนำไปใช้ อย่าเอาแต่ใจตัวคนเดียวไปใช้ใช้ไม่ได้นะ อยู่กับบ้านกับเรือนก็เอาแต่ใจตัวคนเดียว ไม่มีคู่ทะเลาะก็เอาแฟนนั่นละมาทะเลาะ ถ้าแฟนไปทำงานไม่มีคู่ทะเลาะก็มากัดเมียเจ้าของ หมาสองตัวมันกัดกันเร็วนะ เอะอะ แฮ่ ๆ ใส่กันแล้วไอ้หมาสองตัวนี่น่ะ มันมีไหมในที่นี้น่ะ มันแฮ่ ๆ ใส่กัน มันมีไหมวิชาหมา ใครจะบอก เข้ามาในนี้ถึงทะเลาะกันมันก็ต้องหยุดไว้ ไม่หยุดไม่ได้ปั๊วะเลยหลงทิศ ก็ต้องถามหาซิ ตัวผิดมันมีมันอยู่ไหน ต้องถามหาบ้างซิใช่ไหมล่ะ
นี่พูดถึงเรื่องการขับรถ แล้วการอยู่ร่วมกันก็เหมือนกัน ให้อภัยนี้เป็นของสำคัญมากนะ อย่าเห็นแก่เขาแก่เรา อย่าเห็นแก่พวกเขาพวกเรา ภาคเขาภาคเรา นี้เป็นความแตกร้าวนะ อย่าไปเห็น เช่นอย่างเมืองไทยของเราทั้งประเทศนี้คืออวัยวะอันเดียวกัน ให้เห็นอย่างนั้น แยก ๆ ไปเป็นลำดับลำดาพอให้ได้สัดได้ส่วนแล้วดีงามทั้งนั้นละคนเรา อย่าไปเห็นแก่นั้นแก่นี้ นี่ละเรียกว่าเหยียบเขาแล้ว ยกตนข่มท่าน ถ้าต่างคนต่างดีเห็นใจเขาใจเรา คิดดูใจเขาใจเราแล้วเฉลี่ยใส่กันได้ ได้แต่ความดีงามออกมาใช้ต่อกัน โลกนี้ก็ชุ่มเย็น
เด็กศึกษาจากพ่อจากแม่นะ ถ้าพ่อแม่พานิสัยใจคอเป็นยังไง ลูกจะศึกษาจากพ่อแม่ นี้เรียกว่าหลักธรรมชาติแห่งการศึกษาของเด็ก ออกไปจากผู้ปกครอง จากพ่อจากแม่เพื่อนฝูง แล้วเพื่อนฝูงเป็นยังไงพ่อแม่เป็นยังไง ถ้าดีก็ส่อดีไปเรื่อย ๆ เด็กศึกษาไปเรื่อย ถ้าชั่วเด็กก็ศึกษาจนฝังใจ ทีนี้ถ้าเป็นทางชั่วก็กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว เห็นคนใดเป็นข้าศึกไปหมด นอกจากตัวและพวกของตัวเท่านั้นว่าเป็นคุณต่อตัว ทั้ง ๆ ที่มันเป็นโทษอยู่ด้วยกันนั้นแหละ
ทีนี้เวลาเราต่างคนต่างปฏิบัติตัวเอง เพื่อเฉลี่ยเผื่อแผ่ให้พอเหมาะพอสมกันแล้ว เด็กเขาเด็กเขา พ่อแม่เขาพ่อแม่เรา ผู้เกี่ยวข้องทั้งเขาทั้งเราคละเคล้ากันไปด้วยความดีแล้วก็ดีไปตาม ๆ กันหมดนะคนเรา ไม่ได้ตั้งใจมาศึกษาอ่านบนกระดานดำนะ แต่ละคน ๆ ที่มาเกี่ยวข้องกัน คือกระดานดำตัวใหญ่ อ่านกันออกได้เลย นี่ละให้พากันอ่านตัวเองและอ่านคนอื่น
คบค้าสมาคมกัน มนุษย์เราไม่ได้ต้องการความเสนียดจัญไรความฉิบหายวายร้ายต่อกันแหละ แต่ก็โดนกันเพราะความเห็นแก่ตัวจัดนั่นแหละ ความเห็นแก่ตัวจัดต้องเหยียบย่ำทำลายคนอื่น ถ้าเฉลี่ยจิตใจของเรากับคนอื่นแล้วน้ำหนักก็พอ ๆ กัน ดีต่อดีประสานกันได้อย่างง่ายดายนะ ให้พากันจำเอาไว้
เวลานี้ทางก็ค่อยขยายออกไปทุกภาคแหละ เพราะถนนหนทางนี้ต้องให้เสมอกันหมดทั่วแดนไทยเรา ไม่ว่าภาคนั้นย่อยภาคนี้ใหญ่ แล้วภาคนั้นเมืองลุ่มเมืองดอน ไม่พูด เมืองไหนก็เมืองคน ขามีเท้ามี เครื่องใช้ไม้สอยมีเหมือนกันทุกคนให้ความสะดวกเสมอกันหมด นั่นถูกต้อง เพราะคนไทยเรานี้ก็เหมือนอวัยวะเดียวกัน โดดจากภาคใต้ขึ้นถึงภาคเหนือ โดดจากภาคเหนือลงภาคใต้ โดดจากภาคใต้มาภาคไหน ไปได้หมดคนไทยเรา ไปด้วยกันเพราะถือว่าเป็นสถานที่อยู่ร่วมกัน เป็นอันเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นความเสมอภาค ความเรียบร้อยดีงาม จึงให้เสมอกัน
เช่น ถนนหนทาง ต้องพยายามแก้ไขดัดแปลงให้สม่ำเสมอกัน การไปมาหาสู่กันก็สะดวกสบายทั้งเขาทั้งเรา ทั่วประเทศเขตแดนสะดวกไปหมด นี่ละจึงเรียกว่าไม่ได้ว่าที่นั่นเป็นอย่างนั้น ที่นี่เป็นอย่างนี้ ควรดัดแปลงแก้ไขตรงไหนที่ควรจะเป็นไปได้ให้ดัดแปลง เพื่อความราบรื่นดีงามสม่ำเสมอกัน ทีนี้เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วใครก็สะดวก มาที่นั่นสะดวกด้วยกันหมด ไม่ได้มีลำเอียงถนนหนทาง ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ไปเลย อันนี้เราก็เคยเตือนถนนหนทาง แต่เขาทำอย่างนั้นแล้ว ทางราชการงานเมืองก็ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่ถึงเวลาพูดไปสัมผัสเราก็นำอันนี้ออกมาพูด
การคบค้าสมาคมกันหนึ่ง อย่าเห็นแก่ตัว อย่าเห็นแก่พวกของตัว ภาคของตัว จะเป็นการเหยียบย่ำทำลายคนอื่นเขาไปในตัว ๆ สุดท้ายก็เด่นชัดว่าคนนี้เห็นแก่ตัว คนนี้เห็นแก่พวกของตัว คนนั้นเห็นแก่ภาคของตัว แล้วเอาเรื่องบุคคลเห็นแก่ตัว เอาพวกเห็นแก่ตัว เอาภาคเห็นแก่ตัว มาตีกันแหลกหมดเลย สุดท้ายภาคทั้งภาค ประเทศไทยทั้งประเทศ มีแบ่งภาคแบ่งเหล่าไปแล้ว ทีนี้เมื่อเป็นอย่างนั้นมันก็เป็นข้าศึกต่อกันได้ เพราะฉะนั้นอย่าให้มีอย่างนี้
เราตั้งไว้อย่างนั้นละ ตั้งคนนั้นคนนี้ พวกนั้นพวกนี้ ภาคนั้นภาคนี้ ตั้งเป็นชื่อเป็นนามไว้ แต่การประสับประสานกันเพื่อความดีงามของมนุษย์ ไม่ว่าภาคไหนต้องเป็นคนดีด้วยกัน อยู่ด้วยกันได้สะดวกสบาย เป็นคนกว้างขวาง อย่าเป็นคนคับแคบตีบตันต่อกัน การคับแคบต่อเขาก็คือคับแคบต่อเรานั้นแหละไม่ใช่คับแคบต่อใคร กีดขวางเขาก็คือกีดขวางเรา เปิดทางเขาก็คือเปิดทางเรา กว้างขวางต่อเขาคือกว้างขวางต่อเรา เมื่อเป็นอย่างนั้นกว้างขวางต่อกันทั้งประเทศ นี่ละให้จำไว้นะ นี้คือหลักธรรมสอนพี่น้องทั้งหลายเวลานี้ เราเอาธรรมมาสอน เพื่อให้การปฏิบัติต่อกันเป็นไปด้วยความราบรื่นดีงาม
จากนั้นก็ไปทางวงราชการงานเมือง วงราชการงานเมืองต้องมีธรรมอันใหญ่หลวงอยู่ในวงราชการ ถ้าวงราชการหน่วยไหน ๆ ไม่มีอรรถมีธรรม หน่วยนั้นร้อน ก่อความเสียหายแก่ส่วนรวมได้มากมาย ๆ ในหน่วยงานแต่ละหน่วย ๆ ยิ่งหน่วยงานทั้งประเทศเป็นความเห็นแก่ตัว เห็นแก่พวกของตัว เห็นแก่ได้ เห็นแต่กอบแต่โกยแล้วหมด ประเทศไทยจะไม่มีเหลือเลย นี่ละความเห็นแก่ตัวเป็นอย่างนั้น มันกระจายออกไป คนนี้เห็นแก่ตัว ๆ ไปทำงานในเก้าอี้ใดในวงงานหน่วยไหน มันจะเห็นแก่ตัวเข้าไป เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ เห็นแก่กินเห็นแก่กลืน ทีนี้ก็กลืนไปหมด กลืนเอาไหนมากลืน ไม่เอาเนื้อหนังของมนุษย์ชาติไทยและที่อยู่ร่วมกันมากลืน เอาอวัยวะเดียวกันมากลืนกันมากินกัน เอาพวกเดียวกันมากินกัน มาเอาเป็นอาหารการกินกัน มากินเลี้ยงกันด้วยมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันเป็นชาติเดียวกันมีอย่างเหรอ ว่างั้นเลย ต้องแยกต้องแยะซิ
การทำราชการงานเมืองนี้เป็นที่ไว้วางใจของคนทั้งแผ่นดิน ใครสมควรที่จะเข้าไปทำราชการงานเมืองเป็นที่ไว้ใจของแผ่นดิน อย่าไปทำทุจริตคดโกงรีดไถ กินตับกินปอดเขาเหมือนเปรตเหมือนผี ไม่ใช่วงราชการนะ วงผี อย่านำมาใช้ในวงราชการของเมืองไทยเราซึ่งเป็นเมืองพุทธ เห็นอกเห็นใจกัน ตับเขากับตับเรามีคุณค่าเท่ากัน รักสงวนเท่ากัน สมบัติเงินทองของเขากับของเรามีเท่ากัน ให้นำมาใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อกัน ๆ ตามหลักกฎหมายบ้านเมืองและศีลธรรมยอมรับ อย่านำมาใช้แบบกีด ๆ ขวาง ๆ เห็นแก่ตัว เห็นแก่พวกพ้องของตัว เสียหมดนะเมืองไทยของเรา
ต้องมีความพินิจพิจารณา สมกับเราเป็นผู้นำ ๆ เป็นขั้น ๆ ขึ้นไป ผู้นำนี่สำคัญมากนะ ตั้งแต่สัตว์ก็เหมือนกันมีผู้นำมาตลอดถึงมนุษย์ เห็นเขาตั้งไหมล่ะ พ่อบ้านพ่อเรือน ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ตลอดผู้ว่าราชการจังหวัด ขึ้นถึงระดับนายกรัฐมนตรี นี้เรียกว่าผู้นำเป็นขั้น ๆ ครอบทั่วประเทศไทยเรา ผู้นำแต่ละคน ๆ ต้องคิดอ่านไตร่ตรองด้วยดี อย่ามาทำสุ่มสี่สุ่มห้าสร้างขวากสร้างหนาม สร้างฟืนสร้างไฟเผาบ้านเผาเมือง แล้วยังตามจองล้างจองผลาญกันไปอีก อย่างนี้ยิ่งเลวใหญ่นะ เมืองไทยของเราอย่าให้มี
อันไหนที่ขัดข้องตรงไหนสังคมไม่ยอมรับแล้วให้รีบแก้ไขดัดแปลง เพื่อสังคมจะได้ยังอยู่พร้อมตัวเองด้วย มันถึงถูกนะ แล้วจะเอาแต่ตัวใจของตัวอย่างเดียว พวกของตัว ภาคของตัว แหลกนะ เป็นไปไม่ได้ เมืองไทยเราจะแตกด้วยความเห็นแก่ตัวเห็นแก่พวกเห็นแก่ภาคของตัว นี่แตกได้ไม่สงสัย ใครก็ตามคือคนไทย อวัยวะเดียวกัน เราทำงานนี่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองของเราทุกหน่วยงาน ทุกข้าราชการ ให้ต่างคนต่างรู้สึกตัวแล้วมันก็เรียบราบไปทุกอย่าง ๆ เมืองไทยก็หนุนขึ้น ๆ เป็นความเจริญรุ่งเรือง เพราะเจ้าหน้าที่ทำการงานที่ประชาชนไว้วางใจ ทำตามหน้าที่ที่สังคมหรือประชาชนยอมรับ เรื่องราวมันก็สะดวกสบาย ทุกสิ่งทุกอย่างหงายขึ้น ๆ ไม่คว่ำลง ๆ เหมือนที่เคยเป็นมาด้วยความสกปรกโสมม ในความประพฤติของเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ให้ต่างคนต่างพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงแก้ไขซิ
เราอยู่ร่วมกันต้องเห็นใจกัน จะว่าเป็นเจ้าเป็นนายเป็นเด็กเป็นผู้ใหญ่ก็คนด้วยกัน เป็นอวัยวะของชาติด้วยกัน เราจะตำหนิว่าใครสูงใครต่ำ ความรับผิดชอบทั่วแดนไทยเราถึงกันหมด เมื่อเป็นเช่นนั้นเราปฏิบัติหน้าที่ต่อแดนไทยของเรา ต้องปฏิบัติให้เหมาะสมกับสังคมแห่งแดนไทยเรายอมรับ จากนั้นเมืองอื่นเขาก็ยอมรับ เขาก็มีหัวใจเหมือนกัน หลักใหญ่อยู่ตรงนี้
อะไรก็คอยระแคะระคายคอยบาดคอยหมาง คอยก่อกรรมก่อเวร คอยจองล้างจองผลาญกันนี้ ไม่ใช่คนที่รักษาประเทศชาติบ้านเมืองด้วยกัน เป็นคนที่จะก่อกรรมก่อเวรให้ชาติบ้านเมืองล่มจมไปด้วยกันทั้งนั้น เช่น การทะเลาะเบาะแว้งกันนี้ เอา ในวงราชการแต่ละหน่วยแต่ละพรรคละพวกนี้มาทะเลาะเบาะแว้งกัน ชิงดีชิงเด่นกันนี้ นี่ละคือชิงฟืนชิงไฟจะเผาไหม้ชาติไทยของเรา ให้รีบแก้ไขดัดแปลง ถูกต้องดีงามกับเราที่เป็นผู้นำ
เรียนมาวิชาสูง ๆ ทั้งนั้น ไม่ใช่เป็นวิชาแบบหมากัดกันให้เมืองไทยเดือดร้อนทั้งประเทศ ไม่สมควรอย่างยิ่งกับวิชาความรู้ที่เรียนมา เรียนมาต้องเป็นสง่าราศีแก่ตัวของเราผู้เรียนมา นำมาปฏิบัติต่อหน้าที่การงานให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม นี้สมเกียรติของผู้เรียนมา ไม่ใช่เรียนมาเป็นเปรตเป็นผีกินบ้านกินเมือง คดโกงรีดไถประเภทต่าง ๆ แล้วกลบเอาไว้ ๆ เอาแต่ความดีขึ้นมา ความดีไม่มีประกาศเท่าไรก็มีแต่ลมปากล่ะซี ความชั่วมันเต็มหัวใจเต็มตัวอยู่นั้น จะมีความดีมาจากไหนมันมีแต่ความชั่ว แล้วกลบเอาไว้ ๆ ปิดเอาไว้ คอยเปิดดูตั้งแต่คนอื่น เขาปิดเพียงด้ายเพียงเข็มนี้ก็หาเรื่องใส่เขาว่าเขาผิดเท่านั้นเท่านี้ นี้ตัวใหญ่ละตัวเป็นเสนียดจัญไรต่อชาติบ้านเมือง เป็นก้างขวางคอของชาติ เป็นมหายักษ์ของชาติ เป็นภัยของชาติ ให้ฟังกันทุกคน เหล่านี้มีอยู่ไหมในชาติไทยของเรา ให้พยายามแก้ไขดัดแปลงถ้าเราอยากเป็นคนไทยสมบูรณ์แบบ มีความสงบร่มเย็นต่อกัน
ใครจะดีจะเด่นไปไหน ดีเด่นด้วยความชั่วมันมีแต่เลวทั้งนั้นแหละ เราจะว่าดีอยู่ฟากเมฆ เหนือเมฆมันยังมีอีกคนดีกว่าเรา นั่นเห็นไหมล่ะ เราต้องคิดต้องแก้ไขดัดแปลง เรานี่เป็นห่วงนะ สำหรับหลวงตาบัวนี้เราไม่ได้เข้าในวงอันนี้นะ เอาธรรมพระพุทธเจ้ามาสอนพี่น้องทั้งหลาย เราเองก็อยู่ในวงของธรรม ไม่นอกเหนือจากธรรมไปเลย การสอนจึงสอนโดยอรรถโดยธรรม ว่าเราจะเป็นคู่กรณีไปอยู่ในวงทะเลาะเบาะแว้งกันเราไม่มีเราพูดจริง ๆ ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก แนะนำสั่งสอนไปตามอรรถตามธรรมล้วน ๆ ไปอย่างนี้เอง เราไม่ได้เข้าเป็นคู่กรณีคู่ทะเลาะเบาะแว้งคู่หมากัดกัน ธรรมไม่ใช่หมาจะมากัดกันได้ยังไง ผิดถูกชั่วดีก็ต้องสอนไปตามเรื่องตามราว พากันไปปฏิบัติ บ้านเมืองเราจะชุ่มเย็น ถ้าฝืนธรรมแล้วจม ฟังให้ดีคำนี้น่ะ ถ้าฝืนธรรมพระพุทธเจ้าแล้วจมทั้งนั้น ใครจะว่าดีเด่นขนาดไหน เด่นลม สด ๆ ร้อน ๆ เป็นฟืนเป็นไฟใส่ตัวเอง จากนั้นก็จมลงนรก
นรกเขาไม่เชื่อละ ไม่เชื่อช่างเขาเถอะ ให้ดู หูมีตามีดูกัน ใครผิดใครถูกให้แก้ไขกัน เอาตรงนี้เสียก่อน เรื่องนรกนั้นพวกเปรตพวกผีมันไม่ยอมรับว่านรกมี แต่พวกนี้มันอยู่ในนรกนะไม่ได้นอกเหนือไปจากนรก เวลานี้เราจะไปทางไหนให้พิจารณาตัวเองให้รีบแก้ไขดัดแปลง
วันนี้ได้พูดถึงเรื่องถนนหนทางหรือเรื่องอะไรก็ยืดยาวมาขนาดนี้ ให้พี่น้องทั้งหลายพิจารณา การอยู่ร่วมกันเป็นสำคัญมาก เฉพาะชาติไทยเป็นอวัยวะเดียวกัน อย่าให้มีการทะเลาะเบาะแว้งบาดหมางก่อกรรมก่อเวรซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นภัยเผาชาติไทยเราทั้งนั้น นอกจากนั้นยังเป็นการก่อกรรมก่อเวรไปกี่กัปกี่กัลป์ไม่มีสิ้นสุด คนนี้ก่อเวรใส่คนนั้น คนนั้นก่อเวรใส่คนนี้ แล้วเวลาจะตายไปมันก็ก่อเวรไว้อีก มาก็พันกันไป ๆ ดังที่เราเคยพูดแล้วนางยักษ์ขิณี เห็นไหมล่ะ มันก่อกรรมก่อเวรกันมาสักเท่าไร พระพุทธเจ้าเป็นผู้ไปชะล้างเอาอย่างขาดสะบั้นไปเลย ผู้หญิงคนนั้นก็เลยสำเร็จพระโสดาจากพระพุทธเจ้า ลงใจสุดขีดแล้ว การก่อกรรมก่อเวรเป็นอันว่าหมด
นี่ที่พระองค์แสดงไว้ว่า น หิ เวเรน เวรานิ สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ ตลอดกาลไหน ๆ เวรย่อมไม่ระงับเพราะการก่อกรรมก่อเวร แต่เวรจะระงับเพราะการไม่ก่อกรรมก่อเวรเท่านั้น นี่สอนนางยักษ์ขิณี พอสอนให้แกสำเร็จพระโสดา พระพุทธเจ้าทรงหยั่งทราบในหัวใจแกซึ่งเป็นยักษ์มาก่อน และเป็นคู่กรรมคู่เวรกับผู้หญิงแม่ลูกนี้มานานสักเท่าไร ทีนี้เมื่อเห็นทางนั้นลงใจสำเร็จพระโสดา เรียกว่าลงใจแล้ว ขาดสะบั้นเรื่องก่อกรรมก่อเวรไม่มีเลย พระองค์ก็รับสั่ง เอา ๆ ลูกนี้ไปให้แม่นั้นชมสักหน่อยซิ แม่นั้นคือยักษ์ แม่ของลูกคนนี้ โหย ตัวสั่นเลย แต่จะทำยังไงพระพุทธเจ้ารับสั่ง คือจะยื่นไปก็เหมือนกับว่าจะไปยื่นให้มันกินกร้วม ๆ ต่อหน้าต่อตา ก็ไม่อยากเท่านั้นละ เอาไปยื่นไปนั่นพระพุทธเจ้ารับสั่ง ก็ยื่นไปทั้งสั่นทั้งสาย สั่นสายนี่คือกลัวเขาจะกินลูกตัวเองต่อหน้าตัวเอง พอยื่นไปปั๊บแม่ยักษ์คนนั้นก็เป็นแม่คนแล้ว นี่จะสลบแล้วนะ พอเขาขึ้นหอมแก้มลูกนึกว่าเขาจะงาบลูกตัวเอง
นั่นเห็นไหมล่ะ เวรระงับตั้งแต่นั้นมาเลย นี่ละเวรระงับเพราะอันนี้นะ ไม่ใช่เพราะการผูกกรรมผูกเวร คราวนี้กูแพ้คราวหน้ามึงต้องแพ้กู คราวนี้มึงได้ทีคราวนี้กูได้ที นี้ละเป็นคราว ๆ ที่จะพากันจมทั้งสองฝ่ายเลย จะไม่มีอะไรเป็นชิ้นดี ให้แยกทันที ดีชั่วรู้ทุกคนเรียนมาทุกคน ให้รีบแก้ไขดัดแปลง อย่าเอาแต่ทิฐิมานะมาเผาบ้านเผาเมืองไม่มีใครยอมรับ ไม่สมควรอย่างยิ่ง วันนี้เทศน์เพียงเท่านี้ เอาละพอ
พระญาณของพระพุทธเจ้าเหมือนตาข่าย พอหยั่งปั๊บนี้ซ่าน เห็นหมดเลยตาข่าย พระญาณหยั่งทราบเรียกว่าตาข่าย ก็คิดดูซิ สด ๆ ร้อน ๆ อย่างพระอังคุลิมาล นั่นละเรียกว่าข้องตาข่ายของพระพุทธเจ้า อย่างนี้ละความชั่วของคนชั่ว จะทำคนดีให้เสียคนอย่างพินาศไปได้โดยไม่สงสัยนะ คืออังคุลิมาลนี้เป็นเด็กดี อยู่ในสำนักอาจารย์ด้วยกันหลายคน เด็กเหล่านั้นไม่ดี เด็กคนนี้ตรงไปตรงมาแล้วอาจารย์รัก ทำหน้าที่การงานทุกอย่างหาที่ต้องติไม่ได้ และพวกเลวร้ายทั้งหลายมันก็รวมหัวกัน นี่เรื่องที่จะเกิดนะ
พวกเลวร้ายทั้งหลายบรรดาลูกศิษย์นั้นไม่ดี เห็นอาจารย์ชมลูกศิษย์คนนี้ซึ่งเป็นคนดีก็อิจฉาเด็กคนนี้ แล้วรวมหัวกันคบคิดกันจะทำลายเด็กคนนี้ รวมหัวกันแล้วไปฟ้องอาจารย์ซิ ไปฟ้องมันไม่ใช่คนหนึ่งคนเดียวมันหลายคน เสียงมันเสียงเดียวกัน จะไม่เสียงเดียวยังไงมันคบคิดกันมาแล้ว คนนี้ว่าเด็กคนนี้ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ คนไหนมาฟ้องก็มาฟ้องเด็กคนนี้ไม่ดี ๆ อาจารย์ฟังหลายปาก ๆ ก็เอนละซิ เพราะปากไหนมาพูดก็เป็นเสียงเดียวกันว่าเด็กคนนี้ไม่ดี เอ๊ะ มันไม่ดียังไง ก็อยู่กับเราก็ไม่เห็นมีอะไรที่ต้องติ ทีแรกก็มีค้านกัน อาจารย์ละค้านบรรดาลูกศิษย์เลวร้ายทั้งหลาย เวลาอยู่กับเรา ๆ สังเกตดูตลอดมาก็ไม่เห็นเด็กคนนี้ชั่วช้าลามกดังที่กล่าวหา ทีนี้เขาก็พร้อมกันแก้ ก็เวลาอยู่กับอาจารย์เขาก็ต้องเป็นคนดีอย่างนี้ เวลาออกไปแล้วโกโรโกโสไม่มีใครเกินคนนี้ นั่นฟังซิ
ทีนี้เอนแล้วก็ล้มไปตามเพราะเสียงมันเป็นเสียงเดียวกัน เสียงคบคิดกันคำพูดได้อย่างเดียวกัน เออ ถ้าอย่างนั้นเราตกลงใจละนะ ถ้าอย่างนั้นเราจะจัดการกับมันแหละ เป็นอันว่าเข้าใจ อะไรจะจัดการกับมันเอง พอว่าอย่างนั้นแล้วก็หาอุบายซิอาจารย์ ให้เด็กคนนี้ไปฆ่าคน คือหลักวิชาที่จะเรียนวิชาชั้นเลิศตามอาจารย์ที่ยกตัวว่าเลิศในวิชานี้นะ ยังไม่ให้ใครง่าย ๆ ถ้าใครดีแล้วจะให้วิชาอันนี้ แต่วิชานี้ต้องไปฆ่าคนถึงพันคน ฆ่าใครแล้วให้เอาเล็บมา ฆ่า ๑ คนเอาเล็บห้อยคอมา ได้ ๒ คนเล็บห้อยคอ ได้ ๓ คนห้อยคอ ไอ้เด็กคนนี้ก็ไปเที่ยวหาฆ่าคนหวังจะมาเรียนวิชา ฆ่าคนได้พันคนแล้วจะมาเรียนวิชาจากอาจารย์ จึงไม่ได้มีความโหดร้ายทารุณ มีตั้งมุ่งที่จะเอาเล็บของคน คนหนึ่งตายแล้วเอาเล็บหนึ่งมาสองมาสามมา ไปเที่ยวตามฆ่าคน ฆ่าไม่หยุดไม่ถอยถึง ๙๙๙ คน ยังอีกคนเดียวจะครบพัน
พอดีพระองค์ก็ทรงเล็งญาณไปข้องตาข่ายปึ๋ง โอ๋ ตาย คนนี้จะทำความพินาศแก่ตัวของมันเอง มันทำความพินาศฉิบหายแก่มนุษย์มนาทั้งหลายก็เป็นจำนวนมากแล้ว ครั้งนี้จะมาทำลายตัวเองให้สิ้นซากไม่มีอะไรเหลือติดตัวเลย ไม่ได้ พระองค์เสด็จออกจากที่ไปโปรดเลย คือวันพรุ่งแม่เป็นห่วงเป็นใยมาก เพราะได้ยินว่าอังคุลิมาลนี้ร้ายกาจมาก ฆ่าคนมามากต่อมากแล้ว แม่สงสารแม่จะไปเอาลูกมาไปห้ามลูก ทีนี้ลูกมันไม่ได้คิดว่าพ่อว่าแม่ว่าใครต่อใคร มันคิดแต่เล็บมือเล็บเดียวจากคนตายคนหนึ่งเท่านั้น แม่มามันก็ถือเอาเล็บมือนั้น ไม่ได้ว่าแม่ว่าลูกนี่ วันพรุ่งนี้แม่ก็จะมาแล้ว และเป็นคนสุดท้าย เรียกว่าอุปนิสัยของแกจะถึงขั้นพระอรหันต์ ทีนี้พอฆ่าแม่สักคนเดียวนี้ปึ๊ง อุปนิสัยของพระอรหันต์ขาดสะบั้นลงไปทันทีเลย พระองค์จึงรีบเสด็จไปเลย
พอเสด็จไป อังคุลิมาลเห็นพระพุทธเจ้าก็วิ่งเข้าใส่เลย บอกพระพุทธเจ้าว่าหยุด ๆ พระองค์ก็บอกเราหยุดแล้ว แล้วก็วิ่ง อังคุลิมาลไล่ฟัน ว่าหยุดแล้วทำไมยังวิ่งอยู่ โอ๋ย เราหยุดทำความชั่วช้าลามก เราไม่ได้ทำความชั่วช้าลามกเหมือนเธอ นั่นสอนแล้วนะ เธอนี้ทำความชั่วช้าลามกกำลังจะฉิบหายขาดสะบั้นลงในเร็ว ๆ นี้ สะดุดใจกึ๊กทิ้งดาบเลยทันที แล้วเข้ากราบพระพุทธเจ้า พระองค์ก็ทรงสอน เป็นพระอรหันต์ขึ้นมา นี่ละอุปนิสัยนี้ถึงขั้นพระอรหันต์
แต่แม่นั้นเรียกว่าเป็นมหาคุณอย่างใหญ่หลวง ถ้าฆ่าแม่แล้วอุปนิสัยของอรหันต์นี้จะขาดสะบั้นลงไปเลย ฆ่าใครต่อใครตั้ง ๙๙๙ คนไม่สำคัญ สำคัญที่ฆ่าแม่เพียงคนเดียวนี้เหมือนว่าถอนรากแก้วขึ้นมาพรวดเลย หมด เรื่องราวเป็นอย่างนี้ ความจริงนั้นคือว่าให้ไปหาฆ่าคนได้พันคนนั้น อาจารย์ได้แต่บอกไว้ว่าให้ได้พันคน แต่คิดไว้แล้วว่ามันคนไม่กี่คน ฆ่าเขาไปเดี๋ยวเขาก็ฆ่ามัน มันจะไม่ได้มาเรียนวิชาแหละความหมายว่างั้น แต่นี้มันก้าวเข้าถึงนู้นละซิ พอดีไปเจอพระพุทธเจ้า ๆ แสดงธรรมโปรดเท่านั้นสำเร็จอรหันต์ขึ้นมาปึ๋งเลยทันที
ทีนี้ก็มีปัญหาเกิดขึ้นเต็มบ้านเต็มเมืองจนกระทั่งทุกวันนี้มี ว่าเหตุใดคนอื่นที่เขาไม่ได้ฆ่าคนตั้งจำนวนมากมาย เขาก็ยังไม่เห็นสำเร็จมรรคผลนิพพาน ส่วนพระอังคุลิมาลฆ่าคนตั้ง ๙๙๙ คนแล้วยังสำเร็จมรรคผลนิพพานอยู่ คำวินิจฉัยก็คือว่า ต้นไม้ต้นหนึ่งนี้มันมีหลายกิ่งหลายก้าน ตัดกิ่งไหนก้านไหนก็ตัดไปขาดไปเป็นธรรมดา ๆ มันยังไม่ได้โค่นรากแก้วขึ้นมา ซึ่งเป็นที่รวมแห่งอวัยวะของไม้ทั้งหลายนั้น มันก็ยังไม่ตาย ถ้าถอนรากแก้วขึ้นมานี้เรียกว่าขาดสะบั้นหมด นี่ฆ่ามารดาซึ่งเท่ากับอุปนิสัยแห่งพระอรหันต์เข้าใจไหมล่ะ ถ้าฆ่ามารดาแล้วเรียกว่าถอนรากแก้วขึ้นมา อุปนิสัยนี้ขาดสะบั้นลงไปเลย
เพราะฉะนั้นพระอังคุลิมาลบรรลุธรรมได้ ก็เพราะตัดกิ่งตัดก้านไม่ได้ถึงรากแก้ว จึงบรรลุได้ เรื่องราวเป็นอย่างนั้น ให้พากันเข้าใจนะ ฆ่าคนธรรมดาทั่ว ๆ ไปเป็นอย่างหนึ่ง ฆ่าพ่อฆ่าแม่เป็นอีกอย่างหนึ่ง ฆ่าพระพุทธเจ้าเป็นอีกอย่างหนึ่ง ฆ่าพระอรหันต์เป็นอีกอย่างหนึ่ง ต่างกันอย่างนี้ให้พากันทราบเอาไว้ ว่าเป็นคน ๆ เหมือนกันหมดไม่ได้นะ น้ำหนักของคน น้ำหนักของบาปของบุญมันต่างกัน
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร
www.luangta.com