ภัยอยู่ที่ใจ คุณอยู่ที่ใจ
วันที่ 16 กรกฎาคม. 2544
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔

ภัยอยู่ที่ใจ คุณอยู่ที่ใจ

สรุปทองคำและดอลลาร์เมื่อวันที่ ๑๕ วานนี้ ทองคำได้ ๓ กิโล ๕๓ บาท ๗๔ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๑,๔๗๓ ดอลล์ ทองคำที่ต้องการมอบเข้าคลังหลวงที่พูดแล้วพูดเล่าตลอดมานั้นจำนวน ๔,๐๐๐ กิโล นี่สำหรับพี่น้องทั่วประเทศไทยรวมกันเป็นอวัยวะให้ครบสมบูรณ์ ๔,๐๐๐ กิโล มอบเข้าคลังหลวงแล้ว ๒,๕๐๐ กิโล ยังขาดอยู่อีก ๑,๕๐๐ กิโล จะครบจำนวน ๔,๐๐๐ กิโล จำนวนนี้เป็นพิเศษอันหนึ่งต่างหาก ทองคำต่อยอด นี่หมายถึงเอามาจากที่อื่นจะขึ้นต่อยอดข้างบน ๔,๐๐๐ นี้ให้เป็นอวัยวะของพี่น้องทั่วไปหมด ๔,๐๐๐ เป็นอย่างน้อย

ทองคำต่อยอดจากเงิน ๘๐๖ ล้านบาท ซื้อทองคำแล้ว ๒๐๐ ล้านบาท ได้ทองคำ ๕๐๐ กิโล(๔๐ แท่ง) มอบเข้าคลังหลวงแล้ว ๒๕๐ กิโล(๒๐ แท่ง) ที่ยังไม่ได้มอบก็อีก ๒๐ แท่ง รวมทองคำที่มอบเข้าคลังหลวงแล้ว ๒,๗๕๐ กิโล ทองคำที่ได้หลังจากมอบเข้าคลังหลวงแล้วได้ ๒๕๐ กิโล นี่ก็หมายถึง ๒๐ แท่งที่เอาเงินโครงการออกไปซื้อเมื่อเร็ว ๆ นี้ อันนี้ยังไม่ได้มอบคลังหลวง ทองคำที่ยังไม่ได้หลอมและยังไม่ได้มอบเป็น ๑๔ กิโล ๒๓ บาท ๑๙ สตางค์ รวมทองคำทั้งหมดได้ ๓,๐๑๔ กิโล กรุณาทราบตามนี้ จะคืบคลานตามนี้ไปเรื่อย ๆ เดินไปตามนี้ นี่ละรอยแห่งความสมบูรณ์พูนผลแห่งประเทศไทยเรา คือรอยที่อ่านนี้ ให้เดินตามนี้ด้วยกันทุกคน ๆ อย่าปลีกอย่าแวะ แล้วจะถึงจุดหมายปลายทางแห่งความสมบูรณ์พูนผลแห่งชาติไทยของเรา โดยความรักชาติและความสามัคคี มีศาสนาเป็นเครื่องหนุน จะเป็นไปด้วยความราบรื่นดีงามทุกอย่าง

เมื่อวานนี้พระก็มาจำนวนมาก ไล่เลี่ยกับมาวันที่ ๑๓ วันที่ ๑๓ เป็นคณะฝ่ายปริยัติฝ่ายปกครองที่มามาก ส่วนใหญ่ก็รวมสองจังหวัด อุดร ขอนแก่น ที่มารวมกันเมื่อวันที่ ๑๓ พระจำนวนมากดังที่เราเห็นกัน นี้เป็นฝ่ายปริยัติฝ่ายปกครอง ที่มาเมื่อวานนี้เป็นฝ่ายปฏิบัติ ส่วนมากเป็นสายหลวงปู่มั่น จำนวนมากเหมือนกัน อันนี้ไม่แน่นอน มาจากทุกแห่งทุกหน ไม่ว่าจังหวัดนั้นจังหวัดนี้ นครพนม สกลนคร หนองคาย อุดร ขอนแก่น มาทั้งนั้น กรรมฐานมีอยู่ทั่วไป เมื่อวานนี้ดูเหมือนเป็นวันนัดกันให้มารวมตามประเพณีที่ครูบาอาจารย์พาดำเนินมา ก็คือมาคารวะรับฟังโอวาทคำสั่งสอน อย่างมาเมื่อวานนี้ แล้วก็มาอนุโมทนาช่วยชาติของเรา เพราะฉะนั้นทองคำเมื่อวานนี้จึงได้ถึง ๓ กิโล ๕๓ บาท ๗๔ สตางค์ เกือบ ๔ กิโลเมื่อวาน ทางโน้นได้มา ทางนี้ได้มา รวมกันไม่หยุดไม่ถอยจะค่อยสมบูรณ์พูนผลขึ้นไปเรื่อย ๆ

ดังที่เรียนให้พี่น้องทั้งหลายทราบ ให้ฟังเสียงธรรม นี่สำคัญมากนะ ธรรมถือเป็นหัวใจเลย ก้าวตามนี้จะราบรื่นดีงาม ไม่กระทบกระเทือน ถ้าเป็นกิเลสมันมักเป็น อย่างน้อยก็มักจะ มากกว่านั้นแตก กิเลสไปไหนเป็นอย่างนั้นเป็นไฟไปเลย แต่โลกก็ถูกมันจูงจมูกไม่รู้เนื้อรู้ตัว ได้เท่าไรร่ำรวยเท่าไรยิ่งดิบยิ่งดี เรื่องของกิเลสดี ๆ แต่ตัวเองผู้ดิ้นตายตามมันนั้นและส่วนรวมที่ได้รับความกระทบกระเทือน กิเลสมันไม่ให้มองดูนะ เรื่องกิเลสไปไหนกระทบกระเทือน ถ้าธรรมไปไหนราบรื่นดีงาม เหมือนกับน้ำไหลลง ที่ไหนต่ำก็ไหลลง ๆ หนุนกัน ๆ ที่ใดสูงไหลลงมา

เช่นอย่างฝนตกลงจากภูเขา ไม่อยู่นะ ไหลลงมาพื้น ที่ไหนต่ำก็ไหลลงไป ๆ ธรรมเฉลี่ยเผื่อแผ่ เป็นอย่างนั้น โลกทั้งหลายถึงได้ยอมรับกัน ถึงขนาดประกาศออกมาเลยว่าขอความเป็นธรรม คือความเป็นธรรมเป็นความที่ตายใจได้สุดยอดแห่งหัวใจเราเลย ขอความเป็นธรรม คือความเสมอภาค ไม่เอนไม่เอียง เรียกว่าความเป็นธรรม อคติ ๔ อย่างที่ว่า ความลำเอียง ไม่มีในธรรม ต้องเสมอไปเลย

ภาวนาก็ให้ดูหัวใจตัวเองนะ เข้ามาอยู่ในวัดก็คิดถึงบ้าน ฟังซิน่ะ มันไม่อยู่เป็นสุขนะกิเลส ถ้าอยู่ในบ้านธรรมท่านก็ฉุดลากออกมา จะนอนตายอยู่ในบ้านนี่เหรอ เวลาตายแล้วเขาเอาไปเผาป่าช้า เขาไม่ให้อยู่ในบ้านนะ ถ้าเป็นพูดคุยกัน หือ อย่างนั้นเหรอ ธรรมท่านกระตุกเอา จะนอนตายอยู่ในบ้านนี่เหรอ เวลาตายแล้วเขาเอาไปเผาป่าช้า เขาไม่เผาในบ้านนะ เวลานี้มีธรรมในหัวใจบ้างหรือเปล่า อุ๊ย ยังไม่มี ถ้าอย่างนั้นก็ภาวนาบ้างซี ถูกธรรมท่านจูงมา ครั้นมานี่กิเลสก็ลากคืนไปโน้น บ้านเราเป็นยังไง พ่อบ้านเป็นยังไง แม่บ้านเป็นยังไง ยุ่ง ส่วนมากว่าพ่อบ้านเป็นยังไง ลูกเป็นยังไง งานการเป็นยังไง ยุ่งอยู่นั้น มันไม่ได้ภาวนามันพาวน วนกลับไปบ้าน เป็นอย่างนั้นนะ

เวลาได้ภาวนา กายมาใจให้มาด้วย เพราะใจเป็นผู้พามา มาอยู่แล้วกิเลสลากใจไปยุ่งเหยิงวุ่นวายกับบ้านกับเรือน มันไม่ให้ยุ่งกับทางจงกรมภาวนา มันไปยุ่งกับบ้านกับเรือน ถามภาวนาเป็นยังไงได้อะไร โอ๊ย ไม่ได้เรื่อง ก็จะได้เรื่องอะไรมันไม่ได้หาอรรถหาธรรม หาแต่เรื่องยุ่งก็ได้เรื่องยุ่งน่ะซี มานี้ให้ตั้งใจภาวนาทุกคน ตั้งใจมาอบรม ดูซิพระท่านมาจากภาคไหน วัดป่าบ้านตาดนี่รับพระทั่วประเทศไทยมาตั้งแต่เริ่มแรกสร้างวัด ทุกภาคอยู่นี้ไม่เคยขาดนะ วัดนี้รับตลอดทุกภาค ๆ บางทีทางฝั่งลาวเขาก็มา ทางนั้นก็พุทธศาสนา ลูกชาวพุทธเหมือนกัน

ท่านมาตั้งใจอบรมให้ดูซี องค์ไหนอยู่ที่ไหน ๆ มีบ้านมีเรือนมีพ่อมีแม่ มีการมีงานมีสมบัติเงินทองข้าวของเหมือนกัน ทำไมท่านตัดมาภาวนา ก็คิดเอามาเทียบเคียงเจ้าของบ้างซิ เราก็ตั้งใจมาภาวนาหาอรรถหาธรรมซึ่งเป็นของเลิศเลอเหมือนกัน ทำไมเราจะหาไม่ได้ หัวใจไม่มีผู้หญิงผู้ชาย หัวใจเป็นนามธรรมล้วน ๆ ก็มีแต่กิเลสกับธรรมอยู่ด้วยกัน เวลาเรามาอย่างนี้ก็ตีกัน ล่อให้กิเลสกับธรรมรบกัน ทางหนึ่งก็จะลากไปบ้าน ทางหนึ่งก็จะลากเข้าทางจงกรม สุดท้ายหมอนลากไปเลย ครอก ๆ เสร็จ ศาลเป็นผู้พิพากษาตัดสินคือหมอน คือเสื่อคือหมอนตัดสิน ฟังเสียง โอ๋ย วันหนึ่งไม่ทราบว่าตัดสินอะไร ผู้พิพากษาเลยจะตายตัดสินทั้งวันทั้งคืน คนนี้หลับครอก ๆ คนนั้นก็ครอก ๆ แครก ๆ ตัดสินลงเสื่อลงหมอนนั่นซิ พอลงถึงนั่นแล้วไม่มีคำคัดค้านต้านทานนะ ครอก ๆ เลย ตรงนั้นเป็นที่ตัดสินเด็ดขาด ผู้พิพากษาเด็ดขาดของลูกศิษย์หลวงตาบัว วัดป่าบ้านตาด มีผู้พิพากษาเป็นผู้ตัดสินบังคับบัญชาลงในเสื่อในหมอน แทนที่จะไปทางจงกรมไม่ไป โดดเข้าไปตรงนั้นแหละ มันมีไหมวัดป่าบ้านตาด หรือเราหาเรื่องอุตริเอาตำรวจเข้ามาจับพวกนี้ มันนอนไม่รู้จักตื่น จับลากออกไปบ้าง โดดลงน้ำมันจะได้หายง่วงบ้าง

ดังครั้งพุทธกาลนี่มี นั่งภาวนามันง่วง ลงเดินจงกรมก็ยังง่วง แหงนดูเมฆดูดาวดูเดือนตามธรรมพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ ให้ดูเมฆดูดาวเพื่อเปลี่ยนความรู้สึกให้ไปแย็บ ๆ อันนั้นแล้วหมุนเข้ามาตีอีก ตีกิเลส จากนั้นก็ลงน้ำ มันยังง่วงอยู่ลงน้ำ ฟังซิเป็นคติขนาดไหนท่านสอนไว้ในตำรา แต่ก่อนเราก็เพียงอ่านไปเฉย ๆ ยังไม่เห็นต้นเหตุต้นผลแห่งความจริงที่แสดงอย่างนี้คืออะไร ลงไปเดินมันยังง่วง เดินลงไปอีกมันยังง่วง ก็คว้าเอาพวกจอกพวกแหนมาโปะหัวเข้าไปซี มันทำไมง่วงนัก อยู่ในกลางน้ำนะเห็นไหมล่ะ นั่นละท่านฝึกของท่าน สุดท้ายท่านสำเร็จ นี่หมายความว่าความเพียรที่หมุนตัวติ้วเข้าใจเหรอ นี่เรามาจับเอาตรงนี้ได้ ถ้าธรรมดาไม่ทำละ

นี่อำนาจแห่งธรรมเมื่อเวลาแก่กล้าสามารถแล้วธรรมจะพาก้าวเดิน ความง่วงเหงาหาวนอนในธาตุในขันธ์มันก็ดึงลงให้ง่วงเหงาหาวนอน ธรรมดึงออก ๆ ดึงลงน้ำลงท่า ฟาดเอาจอกเอาแหนมาโปะศีรษะ ตรัสรู้ปึ๋งขึ้นมาเลย นั่นเห็นไหม นี่แต่ก่อนเราก็ยังไม่คิด เวลามันมาโดนเข้าหัวใจนี้ ผ่านแล้วมันถึงกันหมดเข้าใจไหม เพราะฉะนั้นจึงไม่ถาม ทูลถามพระพุทธเจ้าหาอะไรว่างั้นเลย จ้าอย่างเดียวกันแล้วถามหาอะไร

อันนี้ก็เหมือนกัน ความเพียรเมื่อเข้าถึงกันแล้วมันจะรับกันทันที ๆ อย่างที่ท่านว่าเดินจงกรมจนฝ่าเท้าแตกเหมือนกัน นี่มีในตำรา จนได้ตั้งเป็นเอตทัคคะขึ้นมา พระโสณะท่านแก่กล้าในความเพียร เป็นเอตทัคคะทางนี้ เวลาตรัสรู้ขึ้นมาแล้วยกให้เลิศในทางความเพียรแก่กล้า องค์เหล่านั้นท่านก็เพียรเหมือนกัน แต่องค์นี้ฝ่าเท้าแตก เอาอันนี้ขึ้นมา ความเพียรของท่านมีด้วยกัน ถึงขั้นเพียรแล้วไม่ถอยด้วยกัน นี่มันก็บอกกันหมด เป็นแต่เพียงยกเอกเทศขึ้นมาว่า องค์นี้ฝ่าเท้าแตก องค์นั้นไม่ได้กล่าวถึงก็เลยยกอันนี้ขึ้นเสีย ความเพียรของท่านที่หมุนตัวเป็นเกลียวเป็นอย่างนั้น ฝ่าเท้าแตก

เดินจงกรมธรรมดาให้ฝ่าเท้าแตกมันไม่แตก มันมีแต่หมอนแตก ฝ่าเท้าอย่าหวังว่ามันจะแตกนะมีแต่หมอนแตก ทีนี้เวลาความเพียรอำนาจของธรรมแก่กล้า ตีเข้าไป ๆ กิเลสพังออก ๆ ทีนี้หนุนเข้า ๆ ไม่มีวันมีคืน นั้นละเดินจงกรม ถ้าลงได้ก้าวเข้าทางจงกรมแล้วฟาดเสียทั้งวันเดินได้ จิตมันไม่ได้ออกมันหมุนอยู่นี่ ตีกันอยู่นี่วงใน ถ้าเป็นนักมวยตีเข้าวงใน นี่เรียกว่าธรรมจักร สติปัญญาอัตโนมัติ พี่น้องทั้งหลายฟัง ถอดออกมาจากหัวใจมาพูด ท่านทั้งหลายว่านี้มาโกหกโลกเหรอ สอนโลกจนจะตายอยู่เวลานี้สอนด้วยความโกหกเหรอ เราแทบเป็นแทบตาย บอกทุกอย่าง สมัยปัจจุบันนี้ก็เอาตัวออกยันเลย แต่ก่อนเราเอาตำราออกยัน นี้เอาตำราใหญ่ออกเลย เราไม่สงสัยพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ไม่มีสงสัยเลย จ้าไปหมด เทียบกับแม่น้ำมหาสมุทรอย่างที่กล่าวแล้วนั่นเห็นไหม ถามหาพระพุทธเจ้าทำไมอันเดียวกันเท่านั้นพอ จ้า เป็นมหาสมุทรไปหมด จ่อลงตรงไหนก็มหาสมุทร ๆ จ่อลงตรงไหนก็ธรรมธาตุ ๆ เหมือนกัน

ทีนี้เวลาความเพียรอย่างนี้แล้ว เดินจงกรมมันไม่รู้ละเวล่ำเวลา ไม่ได้สนใจ เรื่องน้ำเรื่องท่าเรื่องอะไรไม่สนใจทั้งนั้น เหมือนนักมวยเข้าวงในกัน ใครจะไปอ่อนแอไม่ได้เวลานั้น พุ่งเต็มเหนี่ยว ๆ นี่กิเลสกับธรรมฟัดกัน เข้าวงในกัน นี่เรียกว่าธรรมเข้าวงใน เข้าวงในได้ที่แล้วตีกิเลสแหลก ๆ เดินจงกรมถ้าลงก้าวเข้าทางจงกรมแล้วอยู่นั้นละ เดินอยู่งั้น ทีนี้ไม่ใช่เดินวันหนึ่งวันเดียวล่ะซี กลางคืนก็เดินได้ตลอดเวลา จนจะตายถึงมานอน ไม่อย่างนั้นทางนี้มันหมุนไม่ถอย นี่ละความเพียร ธรรมมีอำนาจเป็นอย่างนี้พี่น้องทั้งหลายจำไว้ เหมือนกับกิเลสมีอำนาจ จะไปทำคุณงามความดี กิเลสลากเอา ๆ มันไม่ให้อยากก้าวออกจากบ้านจากเรือน สิ่งของต่าง ๆ ที่จะสละทำบุญให้ทานมันไม่ยอมนะ กิเลสมันดึงเข้า ๆ เวลากิเลสมีอำนาจ อะไรมีราคาหมดขึ้นชื่อว่าเป็นของกิเลส เรื่องของธรรมมันเห็นเป็นมูตรเป็นคูถไปหมด จำเป็นอะไร มันว่าอย่างนั้นนะ กิเลสมันเก่งขนาดนั้น

นี่เรายกมาเทียบจากใจดวงเดียวนี้ เมื่อได้รับการอบรม เอาธรรมเข้าฟอก ฟอกไปฟอกมาหลายครั้งหลายหนก็ค่อยผ่องใสขึ้นมา ก็ค่อยมองเห็นเหตุเห็นผล เห็นดีเห็นชั่ว ค่อยเห็นเรื่องผิดเรื่องถูกของตัวเองเข้าไป ก็ค่อยแก้ไป ๆ ก็เบิกออก ๆ พอเบิกออกเท่าไรมันก็ยิ่งเห็น เพราะมันมีแต่โทษเต็มตัว กิเลสเป็นคุณที่ไหน มีแต่โทษเต็มตัว ๆ รอบหัวใจ เวลาธรรมส่องเข้าไปมันก็เห็นซิ แต่ก่อนธรรมส่องออกไม่ได้นะถูกกิเลสมันบีบ ทีนี้พอธรรมส่องออกไปได้ เห็นตรงไหนมันก็เป็นโทษ ๆ มันก็ยิ่งกระจ่างออกไปเรื่อยโทษ คุณก็ยิ่งเด่นขึ้น ๆ เกิดความรู้ความเห็นแปลกประหลาดอัศจรรย์ขึ้นเรื่อย ๆ ทีนี้กิเลสก็เบิกออก ๆ

นี่ละที่นี่ เรียกว่าธรรมเป็นอัตโนมัติ แต่ก่อนกิเลสเป็นอัตโนมัติลากถูสัตวโลก ตื่นนอนขึ้นมาลากแล้ว กิเลสลากสังขารความคิดความปรุง สัญญาความสำคัญมั่นหมาย ได้รับมาจากตา หู จมูก ลิ้น กาย ไปเก็บกว้านมาแล้วก็มาเข้าในคลังหลวงนี้ สังขารเป็นผู้ทำงาน สัญญาเป็นผู้ทำงาน สองอย่างนี้ออกมาทำ กว้านเอามาจากที่ได้เห็นได้ยินได้ฟังในเรื่องราวต่าง ๆ ลากเข้ามาตรงนี้ก็มาเผาเจ้าของ คิดเรื่องไหนก็ตาม ไม่ได้ว่าเรื่องนี้เราคิดแล้วตั้งแต่เมื่อวานเมื่อวานซืน คิดมาหลายครั้งหลายหนเบื่อหน่ายอิ่มพอแล้ว เป็นเดนไปแล้วไม่มี ถ้าลงสังขารได้คิดด้วยอำนาจของกิเลสแล้วสด ๆ ร้อน ๆ ทั้งนั้น เรื่องราวผ่านมาตั้งกัปตั้งกัลป์มันก็เอามาอุ่นเอาสด ๆ ร้อน ๆ เผาเจ้าของตลอดเวลา นี่เวลากิเลสมีกำลังเป็นอย่างนั้นนะ

ทีนี้เวลาธรรมชำระเข้าไป ๆ ด้วยความตะเกียกตะกาย หนุนเข้าไปหลายครั้งหลายหนก็ค่อยเบิกออก ๆ ก็ค่อยเห็นเรื่องเห็นราว พอเห็นเรื่องเห็นราว ก็มีแต่ภัยทั้งนั้นรอบตัว เห็นเพียงเท่านี้ก็เป็นภัยแล้ว เห็นไปเท่าไรก็เป็นภัยทั้งนั้น ทีนี้ธรรมก็ค่อยเปิดออก ความเพียรก็เร่งเข้า ๆ แสงสว่างก็จ้าออก ๆ ทีนี้มองเห็นแต่ภัยทั้งนั้นรอบด้าน นี่ละเห็นไหมธรรม บทเวลาเห็นแล้วภัยรอบด้าน คุณก็รอบหัวใจ มันก็หมุนติ้วกัน จากนั้นก็เป็นธรรมอัตโนมัติ ธรรมก้าวเดินในหัวใจเป็นอัตโนมัติ กิเลสอ่อนลง ๆ อันนี้ตีเข้า ๆ

นี่ละกิเลสกับธรรมอยู่หัวใจดังที่พ่อแม่ครูจารย์ว่า ที่เราไปหาท่านทีแรกเราลืมเมื่อไร หือ ท่านมาหาอะไรขึ้นเลยนะ จ้อเข้าเลย มาหามรรคผลนิพพานเหรอ ซัดไปเลย ต้นไม้ภูเขาไม่ใช่มรรคผลนิพพาน ดินฟ้าอากาศไม่ใช่มรรคผลนิพพาน ไม่ใช่ธรรม นั่น ปฏิเสธทั้งสอง ๆ ตลอดเต็มท้องฟ้ามหาสมุทร ไม่ใช่กิเลสไม่ใช่มรรคผลนิพพาน กิเลสจริง ๆ มรรคผลนิพพานจริง ๆ อยู่ที่ใจ นั่นท่านบอกมานี้นะ ให้ดูที่ใจ ภัยอยู่ที่ใจ คุณอยู่ที่ใจ ลงนี้เลยนะ จากนั้นก็เร่งสอนทางด้านภาวนา นี่จึงต้องบุกเบิกภัยทั้งหลายออก เร่งสอน เราไม่ได้ลืมนะ

เหล่านี้ไม่ได้เป็นกิเลสตัณหาเป็นภัย มันเป็นอยู่กับอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากใจไปวาดภาพหลอกเจ้าของ อันนั้นดีอย่างนั้นอันนี้ชั่วอย่างนี้ ออกจากนี้นะไปหลอกเจ้าของ เป็นตุ๊กตา เหมือนเขาดูหนังนั่นละ เรื่องมันไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เอาภาพมาดูเป็นบ้ากัน ไม่ว่าเป็นบ้าแต่คน หมาก็เป็นเราไปเห็นแล้ว เขานิมนต์ไปสวดมนต์ เขามีงานอะไรนิมนต์เราไปสวดมนต์ ออกมาเขาฉายหนังอยู่กลางทุ่งนา เรียกว่าฉายหนังกลางแปลงว่างั้นเถอะ มาจอหนังก็จ้าอยู่ใหญ่ ๆ นะ ก็มองดูเรากำลังจะผ่านไปที่พักนะ มานี่มองเห็นลิงตัวหนึ่ง โถ ใหญ่กว่าไอ้หมี ไอ้ลิงตัวนั้นน่ะ เดี๋ยวตัวนั้นโดดลงมา ตัวนี้โดดลงมา หยอกกันเล่นกัน โก้กก้าก ๆ ไอ้หมาไปเที่ยวหากินเศษกินเดนที่เขาไปดูหนัง ไปหากินนั้น มันมองเห็นลิงในจอหนัง หมาก็เลยลืมกินข้าวไป ฟังเสียงหมาเห่าวอกแวก ๆ เห่าลิงในจอหนัง

นี่พวกเรานี้พวกหากินเศษกินเดนตามกิเลสมันหลอกมันล่อ อันนั้นก็ดีอันนี้ก็ดี กินเศษกินเดนของกิเลส ทีนี้พอลิงผ่านมาก็เป็นพวกเดียวกัน พวกลิงกับพวกเรามันอันเดียวกัน พอพวกนี้เห็นลิงก็เห่าโวกวาก ๆ ตื่นบ้ากันอยู่ ประสาผ้าประสารูปไปเห่าโวกวาก ๆ เห็นไหมล่ะ นี่ละมาวาดภาพหลอกเจ้าของ หลอกอยู่งั้นทั้งวันทั้งคืน หลอกมาตั้งกัปตั้งกัลป์กิเลสตัวนี้ มันเอาเป็นสังขารสมุทัย สัญญาก็สมุทัย กิเลสเอาไปใช้ทั้งหมด มันเล่นเต็มเหนี่ยวของมัน ทีนี้เวลาเราบุกเบิกด้วยอรรถด้วยธรรมของเราไป ค่อยจางไป ๆ เห็นเรื่องเห็นราว ๆ เข้าไปเรื่อย ทางนี้เบิก

พอธรรมมีกำลังกล้าแล้ว ธรรมเป็นอัตโนมัติละที่นี่ ตีออกแหลก ๆ แย็บออกไปนี้ไปปรากฏเป็นภาพออกไปจากใจนี่รู้แล้วนะ แต่ก่อนมันไม่เห็น เห็นอยู่ภาพนู้นเลยมันออกไปจากไหนไม่รู้ เป็นลิงเป็นค่างเป็นสัตว์เป็นเสือตามจอหนังเข้าใจไหม นี่สังขารมันปรุงพับเป็นสัญญาอารมณ์ไปวาดภาพ แล้วก็ตื่นภาพ ไม่รู้ว่ามันออกไปจากไหนนะ เวลาสติปัญญาทันแล้ว แย็บไปปรากฏโน้นออกจากนี้ ๆ พอกำหนดปั๊บมันจะดับปุ๊บ ๆ นั่นท่านแก้ของท่านอย่างนั้น มันแย็บออกตรงไหนก็รู้ทันที ๆ ออกจากนี้ ๆ ก็ตีตรงนี้เข้าไป โรงงานใหญ่มันอยู่ที่นี่ ไปเป็นภาพเป็นจอต่าง ๆ มันออกไปจากนี้ ตีเข้านี้ อันนั้นก็จางไป ๆ ค่อยเห็นโทษ ทีนี้ฟาดอันนี้เข้าไปด้วยอัตโนมัติ

นี่ละความเพียรในขั้นนี้ไม่รู้จักหลับจักนอนไม่รู้จักเป็นจักตาย ถึงขั้นธรรมมีกำลังเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน เวลากิเลสมันลากสัตว์ทั้งหลายไม่รู้จักเป็นจักตาย ตายไม่มีป่าช้า ประหนึ่งว่าจะไม่ตาย มันดีดมันดิ้นตามอำนาจของกิเลสเป็นอย่างนั้นนะ ทีนี้เวลาธรรมส่องเข้าไปมันก็เห็นล่ะซี นี่ป่าช้าคนเป็น นั้นป่าช้าคนตาย เขาตายทิ้งไว้ป่าช้า เรายังไม่ตายอยู่กับเรา ป่าช้าผีดิบอยู่กับเรา ป่าช้าผีตายอยู่นั้น มันก็ย้อนเข้ามาพิจารณาตัวเอง นี่ละ โอปนยิโก เข้าใจไหม ทีนี้ก็ยิ่งเบิกกว้าง ๆ เรื่องของกิเลสตัณหาก็ค่อยหดเข้ามา ๆ ธรรมจ้าออก ๆ นี่ท่านว่าความเพียรอัตโนมัติ นี่ถึงขั้นฝ่าเท้าแตก อันนี้ฝ่าเท้าแตกไม่สงสัย

แต่ที่เราจะบังคับธรรมดา เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ให้ฝ่าเท้าแตกมันเป็นไปได้ยาก เราก็อ่านไปอย่างนั้นแต่ก่อน มีในตำรานี่ พอเวลามันมาเจอเข้าอย่างจัง ๆ ในหัวใจนี้ อ๋อ ขึ้นทันทีไม่ต้องไปถามท่าน อ๋อ ฝ่าเท้าแตกเพราะเหตุนี้เอง เดินอยู่ทั้งวันทั้งคืน เดินอยู่เป็นประจำวันประจำคืนแล้วจะไม่แตกได้ยังไง ถ้าลงได้เดินแล้วไม่รู้เวล่ำเวลา นั่งก็เหมือนกัน แบบไหนก็แบบเดียวกัน มีแต่เพลินกับธรรมภายในใจ มันไม่ได้ออกมาสังขารร่างกายเจ็บปวดเมื่อยล้าอะไรนะ ไม่ออก มีแต่กิเลสอยู่ตรงไหนฟัดกันตรงนั้น ๆ นี่ละที่ว่าฝ่าเท้าแตก อ๋อ แตกอย่างนี้เอง

เราไม่เคยแตกเราก็บอกไม่เคยแตก แต่ถ้านานไปกว่านี้จะแตกไม่สงสัย นี่กิเลสแตกเสียก่อนพูดให้มันตรง ๆ อย่างนี้นะ กิเลสแตกเสียก่อนฝ่าเท้าเลยไม่แตก ถ้าหากว่ากิเลสยังไม่แตกจะแตกแน่ ๆ ฝ่าเท้า เพราะเหตุใด พอมานั่งนี้มันออกร้อน เหมือนไฟลนฝ่าเท้านี่นะ โอ้โห ทำไมฝ่าเท้าถึง นี่เวลาออกจากทางจงกรมมานั่งนี้มันเหมือนไฟลน เอ๊ นี่มันฝ่าเท้าแตกหรือ ก็มาดูฝ่าเท้าเจ้าของ ดู เอ๊ มันก็ไม่แตก ไม่แตกก็บอกไม่แตก คือหนังมันบางเต็มที่แล้ว ถ้าเวลานานไปกว่านั้นมันก็แตกได้ คือว่าหนังบางเข้าไป ๆ ถึงเนื้อ เรียกว่าฝ่าเท้าแตก

นี่ละความเพียรฝ่าเท้าแตก อำนาจของธรรมแก่กล้าขนาดนั้น ไม่งั้นลากโลกออกจากสงสารไม่ได้ กิเลสมันหนาแน่นมาก จึงต้องอาศัยความพากเพียรเต็มเม็ดเต็มหน่วย นี่เมื่อเวลามันได้เจอในหัวใจแล้วจะสงสัยไปที่ไหน วัดกันได้ทันที ๆ เลย เป็นอย่างนั้น ดังที่ท่านลงไปเดินจงกรมถึงขนาดกว้านเอาจอกเอาแหนมาโพกศีรษะนี้ คือจิตมันไม่ถอย แต่ธาตุขันธ์มันอ่อนมันจะตาย มันอยากหลับอยากนอน ทางนี้ไม่ถอยทางจิตนี่ จึงต้องได้ช่วยกันด้วยวิธีเอานั้นมาให้ทางนี้ก้าวสะดวก เพราะความง่วงเหงาหาวนอนจะไม่รบกวนมาก พอทางนั้นเบาลง ทางนี้ก็พุ่ง ตรัสรู้ปึ๋งเลย

ไม่ใช่อยู่ ๆ ท่านไปด้นเดาเอานะ อันหนึ่งพาหนุนให้เดินจงกรม ทรมานกันทุกแบบเพื่อธรรมจะได้ก้าวเดินสะดวก ธาตุขันธ์ไม่กวนมาก ถ้าเวลามันง่วงมันก็มีแต่จะหลับจะนอน การทำความเพียรก็ต้องพักเวลาหลับนอน ทีนี้ความพุ่งของจิตของธรรมท่านมันไม่พักนี่นะ ท่านจึงหาอุบายวิธีช่วยอย่างนั้น นี่ในตำรามี ทีนี้เวลาไปเจอนั้นแล้วมันเข้ากันนี้ปั๊บยอมทันที ๆ อ๋อ ๆ ไปเลย ถามกันหาอะไรความจริงอย่างเดียวกัน ใครเจอเข้าก็ยอมรับด้วยกันนั่นแหละ

อย่างที่ว่าบาปบุญนรกสวรรค์ก็แบบเดียวกันนี้ไม่ได้ผิดกันอะไรเลย พอเจอกันปั๊บ อ๋อ ทันทีเลย เอา ใครจะเก่งกล้าสามารถในโลกอันนี้ จะไปลบบาปบุญนรกสวรรค์ไม่ให้มีในโลก ที่ศาสดาทั้งหลายทุกพระองค์สอนไว้อย่างนี้ องค์ไหนมาก็เจอ อันนี้มีมาตั้งกี่กัปกี่กัลป์แล้วบาปบุญนรกสวรรค์นี่ พรหมโลกนิพพาน เปรตผีประเภทต่าง ๆ มีมาประจำโลกถ่ายทอดกัน เหมือนคนติดคุกติดตะราง พวกนี้สิ้นโทษพวกนี้ออกไป พวกนั้นเข้ามาอย่างนี้ สร้างบาปสร้างกรรม พวกไปสวรรค์เหมือนกันถ่ายทอดกันอยู่ตลอดเวลา พวกลงนรกก็แบบเดียวกัน มันยั้วเยี้ย ๆ ถ้าพูดถึงภาษาของเราเป็นตานี้ยั้วเยี้ย ๆ แต่ตาใจไม่ได้เป็นอย่างนี้ เห็นปั๊บหายสงสัยทันที ๆ ไม่ได้มองว่า เอ๊ะ นี่มันข้างหน้าหรือข้างหลังนะ คน ๆ นี้เป็นข้างหน้าข้างหลัง ไม่นะ ถ้าลงจิตได้เห็นสภาพความเป็นจริงแล้วจริงผึงทันทีเลย หายสงสัย ๆ นั่นท่านจึงเรียกว่ารู้จริงเห็นจริงซิ

พระพุทธเจ้าสอนแบบนี้นะสอนโลก เพราะเห็นแบบนี้มาสอนโลก พวกเรายังจะไปเก่งกล้าสามารถยิ่งกว่าครูหรือ ไปเที่ยวลบบาปบุญนรกสวรรค์ไม่ให้มี เก่งกว่าศาสดาทุกองค์เหรอ ถ้าอย่างนั้นพวกเราใครจะปฏิญาณตนว่าเป็นศาสดาของพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้ไหม มันไม่มีใครสามารถ มีแต่จะจม ๆ ทั้งนั้นถ้าฝืนพระพุทธเจ้า ฝืนมากฝืนน้อยจมไม่ต้องสงสัย ใครจะไปทำในที่ลับที่แจ้งที่ไหนก็ไปทำเถอะน่ะ ความลับความแจ้งไม่มี มีอยู่กับความทำ ทำที่มืดเป็นการทำ ทำดีเป็นดีทำชั่วเป็นชั่ว ในที่มืดที่แจ้งเสมอกันหมด นี่ละตราของธรรมเป็นอย่างนั้น ตราของบาปของกรรมของบุญของกุศลเป็นอย่างนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับที่มืดที่แจ้ง อย่างเขาไปฉกไปลักไปปล้นไปสะดมตีชิงวิ่งราว ตระบัดยักยอกอะไร หรือโกงบ้านโกงเมืองกินบ้านกินเมืองว่าไม่มีใครเห็น ตัวเองนั้นเป็นตัวเห็นตัวทำจะไปไหน ก็ตัวนี้เองตัวมันจะจมจะเป็นตัวไหนไป จะเลยศาสดาไปไหน

นี่ละกิเลสตัวมันหลอกโลกให้ลืมเนื้อลืมตัวจนจะจมทั้งเป็น ๆ อยู่เวลานี้ คนประเภทนี้ดูหัวใจมันก็รู้ มันจะเอาความเย็นมาจากที่ไหน ด้วยการคดโกงรีดไถประเภทต่าง ๆ จากผู้อื่นผู้ใดหรือส่วนใดก็ตาม คือสร้างฟืนสร้างไฟเผาตัวเอง ไม่มีใครรู้มันก็รู้ในตัวเองเป็นผู้สร้างตัวเองไฟ แล้วบาปกรรมมันก็เผาอยู่ที่หัวใจ ๆ ตัวเอง พอลมหายใจขาดนี้เปลี่ยนภพปั๊บปุ๊บผึงเลย ธรรมชาติของจิตนั้นสำเร็จแล้วด้วยบาปด้วยบุญ อยู่ในนั้นหมดแล้ว ไม่ได้ไปหาเอาตามธาตุตามขันธ์นั้นนะ มันอยู่ในจิตหมดแล้ว สร้างดีสร้างชั่วอยู่ในนั้นหมดแล้ว ท่านจึง กมฺมสฺสโกมฺหิ กรรมเป็นของตัวเองจะแยกให้ใครไม่ได้เลย เป็นของผู้นั้นโดยถ่ายเดียว ให้พากันจำเอานะ พอตายแล้วก็ผึงเลย นรกไปไหนไม่ต้องถาม ถามหาอะไรประสาลมปาก ความสำคัญของกิเลสหลอกต่างหาก ความจริงไม่ได้เป็นอย่างความสำคัญของกิเลสนะ ความจริงคือธรรม มีอย่างไรเป็นอย่างนั้น ๆ

พระพุทธเจ้าสอนทุกองค์สอนอย่างนี้ทั้งนั้น พวกเรายังจะดื้อด้านหาญทำทุกอย่างหรือ ฝืนพระพุทธเจ้าตลอดเวลาหรือ ให้ฟังบ้างนะถ้าอยากมีเส้นเกาะเส้นยึดพอผ่านพ้นไปได้ ถ้าไม่ฟังธรรมพระพุทธเจ้าไม่มีนะผึงลงเลย ถ้าธรรมพระพุทธเจ้าจะมีบุญมีกรรมติดตัวเอง ความดีความชอบอันนี้ละจะลากเราออกจากกองทุกข์ ถ้าไม่มีอันนี้มีแต่กิเลสอย่างเดียวลากผึงลงไปเลยนะ นี่ละเราสงสารโลกนะ เฒ่าแก่มาเท่าไร ๆ แทนที่จะอ่อนลงในการแนะนำสั่งสอน ก็อำนาจของจิตที่เมตตานั่นแหละมันทำให้เป็นผึง ๆ เดี๋ยวนี้ก็กำลังจะตายแล้วแก่ขนาดไหน แต่กิริยามารยาทเหมือนจะกัดจะฉีกฟังเอาซิ

เราเป็นลูกชาวพุทธอย่าท้าทายพระพุทธเจ้านะ ศาสดาองค์เอกทุกพระองค์ไม่มียิ่งหย่อนกว่ากัน คำว่าเอกนี่เสมอกันหมดเลย เราอย่าไปท้าทาย ให้ตั้งหน้าตั้งปฏิบัติ เราเป็นวาสนาอันดีงามแล้วเราได้มาบำเพ็ญตัวในวัดในวา นี่เป็นโอกาสอันดี อย่างอื่นกิเลสเอาไปถลุงเสียมากต่อมาก นี่เป็นโอกาสที่เรามาประพฤติปฏิบัติศีลธรรม ให้อุตส่าห์ขวนขวายพยายามบำเพ็ญภาวนา มันดื้อ เอา ฟาดมัน มันดื้อเราก็ดื้อซิ ดื้อกิเลสกับดื้อธรรมมันฟัดกันได้นะ ดื้อทางหนึ่งดื้อกิเลส ทางหนึ่งดื้อธรรมตีหัวกิเลส มันก็มีวันชนะกันได้ ๆ ถ้ากิเลสดื้อเท่าไรเรายิ่งหมอบ ๆ แล้วตายนะ ไม่มีวันฟื้นคนประเภทนั้น วันนี้พูดเพียงเท่านี้นะ อย่าพูดมากนัก มันมากหรือไม่มากก็ไม่รู้แหละ เอาจนหมดลม

มาจากโรงพยาบาลบ้านแท่น มารับรถครับ

โทรไปบอกแล้วไม่ใช่หรือ นั่นละรถเอามาแล้ว บ้านแท่นมาถึงแต่ที่ภูเรือยังไม่มา สั่งพร้อมกัน ๒ คัน ๆ นี้มาก่อนอยู่นั่นละ ไม่พูดมากละ เอานี่กุญแจ แล้วหาของใส่รถด้วยนะ (ใส่แล้วครับ)ใส่แล้วเหรอ เออ อย่างนั้นละ โรงพยาบาลไหนมาก็ตามใส่ให้เต็มรถ ๆ ไปทั้งนั้น นี่มารับรถไปก็ใส่ของให้เต็มรถไปเลย เติมน้ำมันให้เต็มไปพร้อม ๆ อันนี้ยังภูเรือ ๆ ก็คงจะจวนแล้ว เมื่อวานซืนนี้ให้ไฟฟ้าทางพนมสารคาม แปดริ้ว อันนี้บอกว่าล้านสอง เราเลยจี้เข้าไปมันล้านสองจริง ๆ เหรอ ถ้าว่าเป็นล้านสองแสนหรือเป็นล้านสองกับสามบาท สามบาทนี้จะต้องคิดดอกให้เต็มเหนี่ยวเราว่าอย่างนั้น เขารับรองว่าเพียงล้านสองเท่านั้นว่าอย่างนั้น เออ อย่างนั้นไม่คิดดอก

นี่ตกลงให้เขาแล้วนะ อันนี้เขาเคยขอเราแล้ว หมอคนนี้เคยอยู่ที่ดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร เราได้ให้เครื่องนี้แล้วเขาย้ายไปอยู่ที่พนมสารคาม เขามาเมื่อ ๒ วันนี้เขาเลยมาขอนั้นอีก ทางนู้นมี ๙๐ เตียง อู๊ย อ้างสูงขึ้นเรื่อยนะทางนี้ไม่มากทางนู้นมี ๙๐ เตียงขาดไปนี้รู้สึกว่าขาดมาก เข้าท่าดี เราก็เลยให้ถามราคาว่าประมาณเท่าไร ทีแรกดูเหมือนสูงกว่านั้น เราบอกไม่เอาอย่างนี้แหละเราจะตายแล้ว พูดไปพูดมาว่าไม่เลยล้านสองแหละว่าอย่างนั้น เราก็เลยหันมาพิจารณาอีก ทีแรกมันสูงกว่านั้น ทำไมจึงพูดอย่างนี้ล่ะ เขาบอกว่าความแน่นอนเพื่อนบอก แน่นอนคือล้านสองเขาจะเอาให้ได้ล้านสอง เลยตกลงเอาให้ ล้านสองเกินไปสามบาท สามบาทนี้ต้องคิดดอกเบี้ยแพงที่สุดเลย คิดมากกว่าต้นเราว่าอย่างนี้นะ ไม่เกินเขาว่าอย่างนั้น ถ้าว่าเกินมันจะไม่ได้เข้าใจไหมล่ะ เขาบอกไม่เกินเราก็เลยให้

นี่ให้เขาติดต่อทางหมออ้วน เขาจะตกลงกันทางไหนใครจะเป็นคนสั่ง ให้หมอต่อหมอไปปรึกษากันเอง เพราะหมออ้วนเป็นคนติดต่อกันตลอดเวลาเกี่ยวกับเรื่องสั่งเครื่องมือแพทย์ต่าง ๆ เมื่อเวลาเขาไปพบกันแล้วเขาอาจจะตกลงกันให้ทางไหนสั่งเองก็ได้ เพราะสั่งไปไหนบิลก็ต้องมาที่นี่ มันไม่ไหวนะเรา ไม่ไหวจริง ๆ หนักมากเป็นประจำเลย มาทุกแง่ทุกมุม เมื่อวานนี้ก็ดุเอา ดุด้วยไม่ให้ด้วย พวกนี้มันนอนใจเกินไปแล้วนะ คือไม่รู้ตัวนอนใจเสียมาก จะมีเลี้ยงอะไรพวกนักเรียนกับครูอะไรที่ไหนก็มาขออะไรกับเราไปเลี้ยงกัน ใส่เอาเสียเปรี้ยง ๆ เลย พวกนี้มันลืมตัวขนาดนี้นะ มันเห็นว่าหลวงตานี้เป็นส้วมเป็นถานมาโกยเอาเมื่อไรก็ได้ มันคิดว่าอย่างนั้นนะ ใส่เปรี้ยง ๆ แล้วก็เมรุอะไรที่นู่นทางเดียวกัน เงินยังไม่พอเมรุ ไม่พอแต่ก่อนมันมาสร้างเอาอะไรมาสร้าง มันมีมันถึงมาสร้างได้ เวลาไม่พอทำไมจะหาไม่ได้ ไม่ให้ทั้งสองเลยนั่นเห็นไหม

บทเวลาจะเอา ไม่ให้ทั้งสองเลย มันจะลืมตัวพวกนี้ เราไม่ได้เสียดายเงิน เราเสียดายหัวใจคนมันต่ำลงไปโดยลำดับ อะไรพึ่งแต่ผู้อื่น เอะอะก็มาพึ่งผู้อื่น ๆ เหล่านี้ไม่สมควรพึ่งผู้อื่นเลย หาในวงบ้านเจ้าของได้เราว่าอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ให้บอกเลย ไล่กลับไปด้วยดุด้วยนะเมื่อวานนี้ เห็นไหมล่ะ มีเหตุมีผลทุกอย่าง หากจำเป็นจริง ๆ ก็ให้อย่างที่เขาว่านี่ ล้านสองล้านสามยังให้เห็นไหมล่ะ มีความจำเป็น ไฟนี้มันเกี่ยวโยงกันไปหมดโรงพยาบาล ซึ่งเราเคยได้ให้เขาตั้งแต่โรงพยาบาลดอนตาล ไฟอย่างเดียวกันนี้นะ มันไม่มีเราก็เลยให้ ราคาแพงเหมือนกัน นี่เขาย้ายไปอยู่พนมสารคาม ทางนู้นก็ ๙๐ เตียงก็ยิ่งจำเป็นกว่านี้มาขอ เราก็เลยให้ไปอีก เรื่องราวมันเป็นอย่างนั้นละ

อยู่ ๆ มาขออย่างไม่มีเหตุมีผลไม่ได้นะกับเรา จะเล็งดูหัวใจคนด้วยนะไม่ใช่ธรรมดา มาขอด้วยความนอนใจ มาขอด้วยความลืมเนื้อลืมตัวไม่ให้นะ ขอด้วยความจำเป็นจริง ๆ ถึงไหนถึงกัน พอถูไถเอากันเลย แน่ะเป็นอย่างนั้นนะ ถ้าแบบที่ว่านอนใจ ๆ ลืมเนื้อลืมตัวนี้ไม่ให้นะ มันจะทำคนให้นอนใจมากเข้าไปกว่านั้นอีก เราไม่ยอมส่งเสริมอย่างนั้น ให้พยายามนะพี่น้องทั้งหลาย ให้ทุกคน ๆ หนุนกันเข้ามา เฉพาะโครงการช่วยชาติของนี้ได้มีแล้วในธนาคาร ๓-๔ ธนาคารนะ มีอยู่ทั่วประเทศไทยนี้เราได้บอกแล้ว เงินที่เข้ามานี้เราก็เคยเรียนให้ทราบแล้วว่า เงินสดที่มานี้แบ่งเป็น ๒ ทาง ทางหนึ่งจะหมุนเข้าซื้อทองคำ ทางหนึ่งพอเจือจานประชาชนพี่น้องชาวไทยเราทั่วประเทศ เราก็จะแยกไปอย่างนั้น ดังที่เราเคยแยกเคยแจกมาแล้ว แยกมาทางทองคำนี้ก็แยกมาแล้ว ตั้ง ๘ ร้อยล้านมากยิ่งกว่าที่เราไปช่วยประชาชน

เงินจำนวนนี้ ๘๕๐ ล้านเราเป็นคนถือบัญชีเอง เราไม่ถอนใครจะถอน เราจึงพูดได้เต็มปาก ๘๕๐ ล้าน ๘๐๖ ล้านนี้ตัดเข้ามาทองคำแล้วนี่ ทั้ง ๆ ที่เราประกาศแล้วว่าเงินสดนี้ทั้งหมดฟังซิน่ะ เราจะไม่เอาเข้าคลังหลวง เราจะเอาเข้าเฉพาะทองคำกับดอลลาร์ ส่วนเงินสดทั้งหมดเราจะเอาออกช่วยประชาชนทั่วประเทศ ถึงอย่างนั้นก็ยังอดคิดไม่ได้เห็นไหม เงิน ๘๕๐ ล้านยังตีเข้าไปทองคำเสียตั้ง ๘๐๖ ล้าน ยังเหลือนั้นเพียง ๕๐ ล้าน ทีนี้เงินที่ได้เตือนพี่น้องทั้งหลายนี้ก็แบบเดียวกัน คือเข้ามานี้เราจะเป็นคนจัดคนแจงพิจารณาเอง หนักเบามากน้อยเราจะพิจารณาเองแล้วแยกแยะเอง เงินเหล่านี้จึงเป็นได้สองภาค แต่นี้ต่อไปก็จะเป็นสองภาค ภาคหนึ่งแยกเข้าไปทองคำซื้อทองคำ อีกภาคหนึ่งก็ช่วยโลกดังที่เห็นกันนี้ ช่วยไปทั่ว ๆ ไป ออกจากเงินก้อนนี้ กรุณาทราบเอาไว้ ส่วนดอลลาร์กับทองคำนี้เรียกว่าพุ่งเข้าคลังหลวง ไม่มีทางแยกทางปลีกทางแวะ ส่วนเงินสดนี้แยกตามความจำเป็นดังที่ว่าแล้ว

จึงขอให้ทุกคน ๆ ช่วยกัน ชาติไทยของเราเราไม่ดูแลไม่มีใครดูแลนะ เราอย่าไปหวังพึ่งใครนะ ต้องพึ่งชาติไทยของเราด้วยกัน มีมากมีน้อยต่างคนต่างช่วยกัน ๆ แล้วจะหนุนขึ้น ๆ ให้เชื่อธรรม เก็บเล็กผสมน้อยแล้วจะมากมูนขึ้นโดยลำดับ ถ้าไม่สนใจแล้วจะเสียนะ นี่เราก็พยายามตะเกียกตะกาย เวลานี้ธาตุขันธ์ก็ยิ่งอ่อนลง ๆ แต่จิตใจยิ่งห่วงมากขึ้น ๆ เพราะฉะนั้นคำพูดคำจาจึงเด็ดตลอดไปนะ เพราะใจไม่พาอ่อนแอด้วยความเมตตาล้วน ๆ ดึงลากออกไปด้วยความเมตตา ดึงลากคนนั่นแหละ อย่านอนใจ เมื่อวานทองคำได้ตั้ง ๓ กิโลกว่า เวลานี้ทองคำที่ได้หลังจากการหลอมและฝากคลังหลวงเรียบร้อยแล้ว เราได้มาใหม่นี้ ๑๔ กิโล ๒๓ บาท ๑๙ สตางค์จำนวนนี้แหละจะเพิ่มขึ้น ๆ พอถึงจำนวนที่ควรจะหลอม เช่นอย่าง ๔๐๐ กิโลขึ้นไปแล้วจะหลอมเป็นครั้ง ๆ เลย

ในพรรษานี้เราก็ยังไม่แน่ เราอาจจะได้สัตตาหะลงไปกรุงเทพฯ อีกก็ได้ คือกำลังหมุนเงินนี้ออกตามดอกที่มันผ่านพ้นไปแล้ว หมุนไป ๆ ได้เท่าไร หมุนไปได้เท่าไรแล้วจะซื้อทองคำ ๆ เวลาซื้อทองคำได้ตั้งแต่ ๔๐ แท่งขึ้นไปแล้วเราอาจจะได้ลงกรุงเทพฯ เราคิดว่าอย่างนั้นนะ คือไปมอบทองคำ ส่วนดอลลาร์ได้เท่าไรก็ช่างมันเถอะ ทองคำเป็นหัวหน้าต้องได้ไป แต่อย่างน้อยต้อง ๔๐ แท่งเราถึงจะไป เวลานี้ก็ได้ ๒๐ แท่งแล้วต่อเงิน ๑๐๐ ล้าน อันนี้กำลังพิจารณาถึงเรื่องบัญชีนี้ บัญชีจะถอนได้มากน้อยเพียงไรเราจะไปซื้อทองคำ เราจะทราบตอนนี้ว่าเงินนี้ถอนไปแล้ว ได้เท่าไรไปซื้อทองคำมา เราก็จะทราบว่าได้เท่านั้นแท่ง ๆ ถ้าสมควรจะไปกรุงเทพฯ เราก็จะไปในตอนนี้ กลางพรรษา เอาละเลิก

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร

www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก