เฉลี่ยเผื่อแผ่ด้วยความเป็นธรรม
วันที่ 21 เมษายน 2550 เวลา 8:20 น.
สถานที่ : ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส

ณ ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

เมื่อเช้าวันที่ ๒๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๐

เฉลี่ยเผื่อแผ่ด้วยความเป็นธรรม

ของเหล่านี้ไม่ทราบว่าจัดกันยังไงๆ ของที่เขามาถวาย ของที่เขามาถวายมากน้อยนี้จัดกันยังไงๆ ไม่รู้นะ เรามีแต่เปิดไว้เท่านั้น เปิดเลย มีเท่าไรๆ แจกทานให้หมดเท่านั้น แต่ได้จัดกันยังไงไม่รู้นะของที่เอามาให้ทาน (ตามคำสั่งหลวงตาครับ) อย่างนั้นแหละ คือของที่เอามาทั้งหมดนี้เปิดเลย แล้วแต่จะแยกไปทางไหนๆ แล้วแต่ เราบอกเราเปิดหมด ทีนี้เวลาเอาไปจะไปแยกทางไหนๆ แล้วแต่นะ ได้จัดอย่างนั้นเหรอ จัดอย่างนั้นใช่ไหม ของที่เอามาทั้งหมดแจกทานให้หมดเลย แยกโน้นแยกนี้ให้ทั่วถึงกันหมด เพราะเราตั้งใจทำประโยชน์แก่โลก เราไม่เอา เราบอกแล้วว่ายังไงขาดไปเลยธรรมะ ไม่มีเงื่อนต่อ ตรงเป๋งๆ เลย

เราช่วยโลกเราไม่เอาอะไร ได้มาเท่าไรออกให้หมด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนวัดป่าบ้านตาด เราอยู่ที่ไหนไปที่ไหนได้แล้วออกๆ หมดเลยไม่เก็บมา เพราะที่ไหนมีความจำเป็นทั่วหน้ากัน ไปที่ไหนควรจะได้สงเคราะห์ เอา สงเคราะห์ไปเรื่อยๆ ผู้จนจนจริงๆ ผู้มีมี ผู้มั่งมีผู้สะดวกสบายแทนที่จะมีสายตายาว คนทุกข์คนจนวิ่งหาตั้งแต่ที่พึ่ง ผู้ที่ควรให้ที่พึ่งก็คือผู้มี แล้วแยกกันๆ แจกกันๆ นั่นถูกต้อง ตามอรรถตามธรรมเป็นอย่างนั้น เก็บไว้หาอะไร ไม่เกิดประโยชน์อะไรเก็บไว้ ตายแล้วสิ่งที่เก็บไว้มันจะไปกีดขวางทางเดินเพื่อความสะดวกของเรา เราให้ทานก็เปิดทางแล้วนั่น ให้ทานมากน้อยเปิดทางๆ ไปโล่งเลย

ไปโลกไหนๆ ถ้าบุญพาไปไม่จนตรอก ถ้าบาปพาไปจนตรอกทั้งนั้นๆ บาปพาไปก็ความตระหนี่ถี่เหนียว ความเห็นแก่ตัว ความรีดความไถ จะได้ท่าไหนเอาท่านั้นๆ นี่ละคนที่ปิดหนามกั้นทางตัวเอง ตัดหนามกั้นทางตัวเอง คือคนประเภทนี้ กินไม่อิ่มกินไม่พอคือกิเลสตัณหา ธรรมะนั่นพอ พอตลอดเวลาธรรม มันเป็นคู่แข่งกัน คือกิเลสนี้เอามาเถอะว่างั้นเลย เหมือนไฟได้เชื้อ ไสเข้าไปเท่าไร ไฟจะดับด้วยเชื้อไสเข้าไปไม่มีทาง ส่งเปลวจรดเมฆนั่นละ เชื้อไฟไสเข้าไป ไฟคือกิเลสตัณหา ได้เท่าไรไม่พอ ตัณหาอยากตลอด ถ้าธรรมแล้วพอ พอเป็นระยะๆ

มันมีคู่แข่งกันอยู่ ถ้ามีตั้งแต่ความอยากความทะเยอทะยานอย่างเดียว โลกนี้เป็นเถ้าเป็นถ่านไปหมด ทีนี้มีธรรมความพอดี ความเหมาะสมสะกัดลัดกั้นเอาไว้ให้อยู่ในความพอดี นี้คือธรรม ถ้ากิเลสแล้วเผาหมด ได้เท่าไรไม่พอๆ คือกิเลส มันอยู่ในหัวใจของสัตว์โลก มีเท่าไรไม่พอ ท่านจึงมีธรรมไว้สะกัดกั้น ถ้าไม่มีธรรมแล้วตายทิ้งเปล่าๆ มนุษย์เราไม่มีความหมาย ต้องอาศัยธรรมเป็นเครื่องเยียวยารักษา เป็นเครื่องพาดำเนิน ถ้าให้กิเลสพาดำเนินไปไม่รอดทั้งนั้นแหละ ใครจะมีเงินกองเท่าภูเขา ก็มีแต่ชื่อเงินกองเท่าภูเขา เจ้าของหิวโหยจะตาย เงินสมบัติเหล่านั้นช่วยอะไรไม่ได้ คือกิเลสกินหมดไม่เหลือ ถ้าธรรมแล้วเปิดโล่ง ออกๆ เลย เป็นอย่างนั้นแหละ

เราก็บอกแล้วว่าเราช่วยโลก เราช่วยจริงๆ เราพูดไม่มีสองนะ ลงลั่นคำไหนแล้วทะลุๆ ก่อนที่จะลั่นนั้นพิจารณาแล้ว ทุกอย่างเราจะพิจารณาของเราเต็มสัดเต็มส่วนในธรรมทั้งหลายอยู่ในหัวใจ อะไรควรไม่ควร จะออกหนักเบามากน้อยเพียงไร จะพิจารณาเรียบร้อยแล้วออกๆ ตามนี้ไม่ผิด นั่นละธรรม ถ้ากิเลสออกผิดทั้งนั้นเลย แหลกไปหมดกิเลสออก ถ้าธรรมออกนี้โล่งๆ ไปเลย

นี่เราก็ได้พยายามเต็มที่แล้ว ที่ช่วยชาติคราวนี้เราก็ไม่เคยคาดเคยคิดว่าจะได้ช่วยถึงขนาด ดังที่พี่น้องทั้งหลายเห็นอยู่นี้ เป็นเวลา ๙ ปี ๑๐ ปีแล้วมังที่เราดิ้นเราจะตายอยู่นะ แล้วเราเอาอะไร เราไม่เอาอะไรเลย ดิ้น พยายามดิ้นก็ได้ทองคำเข้าสู่คลังหลวงตั้ง ๑๑ ตันกับเกือบ ๕๐๐ กิโล นี่เครื่องหมายของหัวหน้าผู้พาพี่น้องทั้งหลายดิ้น เพื่อขวนขวายสมบัติเข้าสู่คลังหลวงของตน ก็ได้สมมักสมหมายเป็นลำดับมา ทองคำก็ได้ตั้ง ๑๑ ตัน เกือบ ๕๐๐ กิโล

ทองคำเป็นของเล่นเมื่อไร ส่วนดอลลาร์ไม่มาก ดูเหมือน ๑๐ ล้านกว่า จากนั้นออกมาช่วยเงินไทย คือเงินไทยไม่พอ เนื่องจากโลกบกพร่องมาก ไปที่ไหนเราขนของเต็มรถไป ไปโรงพยาบาล พอเราเอาของไปเทปั๋วะมาขออีกแล้ว เอ้าขออะไรก็เอามาให้แล้ว แทนที่จะดีอกดีใจ มาขออีก เอามาให้แล้วยังมาขออีก เป็นอย่างนั้นละ โรงพยาบาลทั้งหลายเห็นเราไปนี้เขาเหมือนเห็นพ่อเห็นแม่นะ รุมมาเลยเชียว คนนั้นขาดนี้คนนี้ขาดนี้ หลวงพ่อตัวดีนี่ก็สำคัญนะ เขาว่าขาดอะไรให้เขาๆ เขาก็ขอละซี อันนั้นขาดนั้นขาดนี้ฟาดเป็นตึกเป็นหลังๆ ก็มี เครื่องไม้เครื่องมือ หลวงพ่อตัวดีเขาก็ขอละซิ

เดี๋ยวนี้เยอะนะที่อยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ เป็นตึกก็มี เป็นพวกเครื่องมือ สามหลังสี่หลังราคาเป็นล้านๆ เครื่องมือ นี่เพียงทั้งตึกทั้งเครื่องมืออะไรๆ แล้วเครื่องไม้เครื่องมือแพทย์ ไม่มีที่จะได้เก็บไม่มี เงินวัดป่าบ้านตาดไม่มีนะเงินเก็บ พูดตามความสัตย์ความจริง เรื่องเงินในบัญชีของวัดป่าบ้านตาดยังมีอยู่บ้าง คำว่าบ้างคือว่าเพื่ออะไรบ้าง อยู่ในนั้นแล้ว ไม่ใช่มีอยู่เพื่อเก็บ มีอยู่เพื่อจะตรงนั้นเพื่อจะตรงนี้ เวลาควรจะทุ่มทุ่มเลย เพื่อความจำเป็นหนักเบามากน้อยจะอยู่ในเงินก้อนนี้

เงินวัดป่าบ้านตาดยังมีอยู่ในบัญชีมี เผื่อนั้นเผื่อนี้ ถ้าควรมากก็มาก ควรน้อยก็น้อย ควรทุ่มก็ยกอันนี้ออกช่วยทุ่มไปเลย ที่จะให้มีไว้เป็นสมบัติของวัดเฉยๆ ไม่ได้สำหรับเรา เราไม่ให้มี ให้มีเพื่อโลก โลกได้รับความร่มเย็นเราเป็นที่พอใจ ศาสนาสอนโลกให้ร่มเย็นแล้วจะเอาไฟเผาโลกได้อย่างไร ต้องสอนโลกให้เย็น ช่วยโลกเต็มกำลังความสามารถ ศาสนาช่วยโลกไม่ได้ไม่มีใครได้ในโลกอันนี้

ศาสนานั้นออกจากพระเมตตาของพระพุทธเจ้า เป็นศาสนาที่ช่วยโลกสงสารได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย คือพุทธศาสนา มหาการุณิโก นาโถ หิตาย สพฺพปาณินํ พระพุทธเจ้าทรงพระเมตตากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ทำประโยชน์แก่โลกหาประมาณไม่ได้ นี่แปลออก ใครจะเกินพระพุทธเจ้าไม่มี พระพุทธเจ้าเลิศเลอ ให้หมดจนไม่มีอะไรเหลือ ไปแต่พระองค์เท่านั้นแหละ เวลาจะปรินิพพานยังมีจุดมุ่งหมายอีก เสด็จไปเพื่อจะไปนิพพาน ทรงมีความมุ่งหมายไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่เสด็จไปอย่างลอยๆ นะ ทรงพิจารณาด้วยพระญาณหยั่งทราบเรียบร้อยแล้วไป ไปก็ลงตามจุดๆ

พอไปถึงที่ปรินิพพานแล้ว พราหมณ์แก่คนหนึ่งปุบปับๆ เข้ามา พราหมณ์แก่คนนี้เป็นชาติอริยกะด้วยกันกับสิทธัตถราชกุมาร คือพระพุทธเจ้าของเรา แต่เป็นรุ่นลูกๆ หลานๆ พราหมณ์แก่คนนี้ถือตัวว่าเป็นใหญ่ เป็นอริยกะด้วยกันก็ตาม แต่เราเป็นปู่ย่าตายายของพวกอริยกะลูกๆ หลานๆ ด้วยกัน ไม่ลงใจ ถ้าจะถามธรรมะอะไรก็ถือทิฐิมานะ เลยจะตายทิ้งเปล่าๆ แต่พระองค์ไม่ได้ถือพระองค์นี่นะ เสด็จปึ๋งเข้าไปเพื่อพราหมณ์คนนี้

ถ้าเราไม่ไปคราวนี้มันจะตายจมเปล่าๆ ถ้าเราไปคราวนี้มันจะพ้นทุกข์ ประโยชน์อันยิ่งใหญ่มีอยู่กับความล่มจมมีอยู่ในขณะเดียวกัน พระองค์เสด็จปึ๋งเข้าไปเพื่อความยิ่งใหญ่ พอไปถึงพราหมณ์ก็เข้ามาทูลถาม แต่ก่อนถือทิฐิว่าตัวเป็นอริยกะ ขั้นปู่ย่าตายาย สิทธัตถราชกุมารเพียงเหลนๆ หลานๆ ไม่สมควรจะไปถามปัญหาอะไรๆ ทิฐิมานะ แต่เวลามันจนตรอกจนมุมมาแล้วก็มาพิจาณาตัวเอง อ้าว เราก็ว่าจะทูลถามธรรมะแต่ก็มีแต่ทิฐิมานะ ไม่อยากทูลถาม นี้เป็นกาลสุดท้ายของพระองค์แล้วจะมานิพพานที่นี่ ถ้าเราไม่ถามเวลานี้แล้วเราจะถามเวลาไหน ที่เราถือทิฐิมานะว่าแก่ว่าใหญ่กว่าชาติอริยกะเกิดประโยชน์อะไร ไล่เข้ามา เราไปถามธรรมะท่านจะเกิดประโยชน์อะไรให้รู้กัน ก็ไป

พอไปพระองค์ก็เพียบแล้ว ก็ตั้งใจจะไปตายว่าไง ไปก็ถูกพระอานนท์กั้นเอาไว้ไม่ให้เข้า พระองค์ทรงเพียบแล้ว พระองค์ทราบทันทีก็มาเพื่อพราหมณ์คนนี้ เรียกให้เข้ามาอานนท์ ให้เข้ามาเดี๋ยวนี้ เรามานี้มาเพื่อพราหมณ์คนนี้ ให้เข้ามา เข้ามาทูลถามถึงเรื่องศาสนานั้นศาสนานี้ โลกนี้มีศาสนานับประมาณไม่ได้เลย แล้วจะให้ถือศาสนาไหน อันไหนก็ว่าศาสนาตัวดีๆ แล้วที่ดีแท้คือคือศาสนาอะไร พระองค์ทรงวางลงเป็นกลางๆ ศาสนาใดมีมรรค ๘ ศาสนาใดมีอริยสัจ ๔ ศาสนานั้นเป็นศาสนาที่ทรงมรรคผลนิพพาน นอกนั้นไม่พูดถึงเลย

เอา ให้ปฏิบัติตามนี้ เวลาเรามีน้อย ประทานพระโอวาทย่อๆๆ แล้วไป อานนท์บวชให้เสีย ให้พระอานนท์บวชให้แล้วไปบำเพ็ญเพียร อย่ามายุ่งกับความเป็นความตายของเรา มันมีเต็มด้วยกัน อริยสัจ ๔ ความเกิดแก่เจ็บตายเต็มอยู่ทั้งพราหมณ์ทั้งเรา ให้ไปปฏิบัติตัวเอง ให้ได้เป็นปัจฉิมสาวกองค์สุดท้ายพร้อมกันกับวันปรินิพพานของเรา ไล่ออกไปบำเพ็ญเพียร อย่ามากังวลกับเรา ทางนี้นิพพาน ทางนั้นก็ตรัสรู้ธรรมขึ้นมา ท่านเป็นห่วงขนาดไหน ท่านอุตส่าห์พยายามมีความเมตตาต่อโลก พราหมณ์แก่คนนี้ก็เป็นปัจฉิมสาวก เป็นอรหันต์องค์สุดท้ายตอนที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน

คำว่าศาสนานี่มีมาดั้งเดิมนะ มีมาตั้งแต่กาลไหนๆ มีมาดั้งเดิม ไม่ใช่มีแต่วันนี้เวลานี้ อย่างพระพุทธเจ้ากำลังทรงพระชนม์อยู่เขาก็ถามเรื่องศาสนา ว่ามีไหมศาสนา แล้วจะให้นับถือศาสนาไหน ศาสนาไหนเขาก็บอกของเขาเป็นของดีๆ ทั้งนั้น แล้วความที่ถูกต้องแล้วจะให้ถือศาสนาใด พระองค์ไม่ได้ปัดศาสนาใดนะ ศาสนาใดมีมรรค ๘ และมีอริยสัจ ๔ มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ มีอยู่ในศาสนานั้น สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ คือสมณะที่ ๑ โสดา สมณะที่ ๒ สกิทา สมณะที่ ๓ อนาคา สมณะที่ ๔ พระอรหันต์ อยู่ในศาสนานั้น

ให้ตั้งใจปฏิบัติตามศาสนานี้ ให้พระอานนท์บวชแล้วก็ให้ไปปฏิบัติ สำเร็จเป็นปัจฉิมสาวก ท่านไม่พูดยืดเยื้อไปไกล ตำหนิศาสนานั้นตำหนิศาสนานี้ท่านไม่เอา ท่านเอาแต่ที่จะเป็นประโยชน์เท่านั้นละ พระองค์ไปที่ไหนมีความมุ่งหมายเต็มพระทัยๆ ที่เสด็จมากรุงกุสินารามาปรินิพพานที่นี่ก็เพื่อพราหมณ์แก่คนนี้เป็นสำคัญคนหนึ่ง อันดับสำคัญก็คือว่าเราได้ให้ความร่มเย็นแก่โลกกว้างขวาง สามโลกธาตุเราให้ความร่มเย็นได้หมด

แต่ถ้าเราไปนิพพานผิดแล้วความร้อนจะไม่มีอะไรเกินเวลาเราตายพูดง่ายๆ ถ้าเราตายเมืองใหญ่ๆ เขา เขามีอำนาจมาก เรื่องพระบรมธาตุพระสรีระของพระองค์นี้ เขาจะหึงหวงไว้หมด เตรียมพร้อมที่จะฆ่าฟันหั่นแหลกกัน พระองค์ทรงทราบแล้ว ไปปรินิพพานเมืองกุสินารา บ้านนี้เป็นบ้านเล็กบ้านน้อยทุกสิ่งทุกอย่างจะได้ด้วยความเป็นธรรม เขาไม่เป็นบ้านใหญ่บ้านโตฤทธิ์มากอำนาจมาก ก็แจกด้วยความเป็นธรรมเหมือนกันหมด

เมืองใหญ่เมืองไหนมายกทัพมาเลย จะมาแย่งพระสรีระของพระพุทธเจ้า โทณพราหมณ์ก็ยกตนขึ้นเลยประกาศป้างๆ พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญบารมีจนกระทั่งได้ตรัสรู้เป็นศาสดาเอกของโลก ให้แต่ความร่มเย็นแก่โลกมาเป็นเวลานาน นี้ก็เป็นวาระสุดท้าย แล้วพวกเราทั้งหลายจะมาห้ำหั่นกันด้วยวิธีการรบราฆ่าฟันกัน เพราะการแย่งพระสรีระพระพุทธเจ้าไม่สมควรอย่างยิ่ง นั่นโทณพราหมณ์ ควรที่จะแบ่งสันปันส่วนให้สม่ำเสมอด้วยความเป็นธรรม สมพระพุทธเจ้าสอนโลกด้วยความเป็นธรรม ลงหมดเลย

การรบราฆ่าฟันไม่มีใครดี มีแต่แหลกเหลวไปทั้งนั้น การเฉลี่ยเผื่อแผ่ด้วยความเป็นธรรมเป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าสอนโลกมาแล้ว เอาอันนี้ไปปฏิบัติ ยอมรับกันหมด เอา อย่างนั้นก็แจก มีกี่หัวเมืองมาแจกเสมอกันหมด สงครามก็ไม่เกิด เห็นไหมล่ะ พระองค์ทรงเล็งญาณดูแล้ว สถานที่จะไปปรินิพพานจะมีทั้งฟืนทั้งไฟมีทั้งน้ำทั้งท่า  ความชุ่มเย็นและความแหลกเหลวก็จะมีถ้านิพพานผิดที่ นี่พระองค์ทรงเล็งญาณดูแล้วไปนิพพานเมืองนี้ เมืองนี้ก็เลยเย็น เข้าใจแล้วเหรอ กุสินาราเป็นเมืองเล็ก จะไปรบราฆ่าฟันกับใคร ใครไปก็ยกทัพไปอวดอำนาจของตัวเอง

ส่วนกุสินาราเอาธรรมออกรับ พระพุทธเจ้าสอนโลกด้วยความเป็นธรรม ให้ความสงบร่มเย็น เฉลี่ยเผื่อแผ่เสมอหน้ากันหมด พวกเราจะมาอวดอำนาจบาตรหลวงฆ่าฟันหั่นแหลกกันอย่างนี้ไม่สมควรกับองค์ศาสดาที่ปรินิพพาน ต้องแบ่งสันปันส่วนให้ได้เสมอกันหมด สงครามก็ไม่เกิด นี่ละพระพุทธเจ้าทรงเล็งญาณดูแล้ว ไม่อย่างนั้นแหลกนะ วันนี้พูดเพียงเท่านี้ละ ต่อไปนี้จะให้พร

 

รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก