เทศน์อบรมฆราวาส
ณ ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
เมื่อเช้าวันที่ ๒๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
เห็นพี่น้องชาวไทยเราฟุ้งเฟ้อ
สรุปทองคำน้ำไหลซึมถึงวันที่ ๑๙ เมษา ทองคำที่หลอมแล้ว ๓๘๗ กิโลครึ่ง เท่ากับ ๓๑ แท่งๆ หนึ่งน้ำหนัก ๑๒ กิโลครึ่ง ทองคำที่ยังไม่ได้หลอม ๓๑ กิโล ๒๐ บาท ๗ สตางค์ รวมทองคำที่หลอมแล้วและยังไม่ได้หลอมเป็น ๔๑๘ กิโล ๕๒ บาท ๙๖ สตางค์ ถ้ารวมกับ ๓๗ กิโลครึ่งที่มอบไว้แล้วนั้นเข้าด้วยกันก็เป็นจำนวนทองคำ ๔๕๖ กิโล ๒๐ บาท ๗ สตางค์ จาก ๑๑ ตันไปนะ คือ ๑๑ ตันเรามอบเรียบร้อยแล้ว เศษจาก ๑๑ ตันมาเป็น ๔๕๖ กิโล ๒๐ บาท ๗ สตางค์ อันนี้ละจะซึมซาบไปเรื่อยๆ เพราะเราเป็นห่วงคลังหลวงมาก คลังหลวงของเราทองคำรู้สึกมีน้อยมาก ไม่สมประเทศไทยที่มีพี่น้องชาวไทยรวมตั้ง ๖๒-๖๓ ล้านคนต่อทองคำที่มีนั้นไม่สมดุลย์กัน เพราะฉะนั้นออกมาเราถึงกระจายเรื่อย ไม่หยุดนะตั้งแต่บัดนั้นมา
ประธานธนาคารชาติหรือไง (ห้องที่หลวงตาเข้าไปดูห้องมั่นคง) ท่านนั้นรู้ความมุ่งหมายของเรา เพราะวันนั้นเราไปมอบทองคำและดอลลาร์ด้วย จากนั้นก็นิมนต์เราเข้าไปดูในห้องเลย บอกว่าในห้องนี้มีดูได้สองท่าน คือใครบ้าง สมเด็จพระเทพฯกับเรา เราก็ดูอย่างละเอียดลออ พอออกมาแล้วก็ไปถามกันโดยเฉพาะ คืออันนี้ตับปอดของประเทศไทยเปิดไม่ได้ เข้าใจไหมล่ะ จะรู้เฉพาะเราเท่านั้น ออกมาก็บอกว่าทองคำเรานี้บกบางอยู่มากทีเดียว
จึงขอให้พี่น้องทั่วประเทศได้ทราบ ว่าเวลานี้ทองคำในคลังหลวงเรายังบกบางอยู่มาก ที่ได้เพิ่มเข้านี้ ๑๑ ตันกับเกือบ ๕๐๐ กิโลนะยังไม่พอ ยังขาดอยู่มากทีเดียว ที่เราเข้าไปดูแล้วนะ แต่ขาดเท่าไรๆ เราไม่บอก ขอให้พยายามตามที่ว่ามันขาดให้มันสมบูรณ์เรื่อยๆ ขึ้นมาเท่านั้นเราพอใจ เราพยายามที่สุดที่จะทำให้ชาติไทยของเรามีความแน่นหนามั่นคงอบอุ่นทั้งด้านธรรมะและด้านวัตถุไปตามๆ กัน การอยู่กินใช้สอยอย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัว เมืองไทยเรานี้เป็นเมืองฟุ้งเฟ้อ
เราเกิดอยู่ในท่ามกลางเมืองไทยรู้ เพราะเหตุไรเราเกิดในท่ามกลางเมืองไทย เรามีหลักธรรมหลักวินัยเป็นข้อบังคับตลอดเวลา อะไรจะขาดเหลืออะไรสูงต่ำ มันขัดต่อหลักธรรมหลักวินัยหลักศาสนาอย่างไรจะทราบทันทีๆ แล้วตัดออกๆ อะไรบกพร่องเพิ่มเข้ามีประจำ รักษาศาสนารักษาชาติบ้านเมืองไปด้วยกัน เพราะฉะนั้นจึงมองเห็นพี่น้องชาวไทยเราฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัว ไม่สมกับว่าเป็นลูกชาวพุทธเลย บอกให้ชัดเจนอย่างนี้ละ
ให้ไปปรับปรุงตัวเสียใหม่ ทุกอย่างให้มีความรู้จักประมาณพอดีติดตัวบ้าง อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินไป เป็นภัยต่อชาติของเราเอง แต่ละคนๆ สร้างภัยขึ้นมาแก่ตัวเองแล้วก็สร้างภัยขึ้นมาในชาติของตัวเอง ใช้ไม่ได้เลย เรานี้พยายามที่สุดที่จะทำเมืองไทยของเราให้แน่นหนามั่นคง แต่ผู้ที่จะทำลายนี้มันอยู่ทุกหย่อมหญ้าเลย ด้วยความฟุ้งเฟ้อ ไม่ใช่อะไรนะ เจตนาไม่เจตนาก็ตาม ขาดสตางค์หนึ่งก็ขาดไป เจตนาไม่เจตนาตกหายไปเท่าไรก็หายไปเท่านั้น ต้องระมัดระวังกันนะ
เราก็พยายามที่สุดแล้วที่ช่วยชาติคราวนี้ ทั้งด้านศาสนานี้ก็เรียกว่าวิทยุเรานี้ออกทั่วประเทศไทย ออกเองเป็นเองนะ เราไม่เคยสนใจ เทศนาว่าการเสร็จแล้วปล่อยเลยๆ แต่ท่านเหล่านั้นไปตั้งเป็นวิทยุร้อยกว่าสถานีแล้วเวลานี้ ทุกภาค เป็นแต่เพียงมากกับน้อยต่างกัน เป็นเอง เราไม่ได้เกี่ยวข้อง เทศน์จบแล้วหายเงียบๆ แล้วท่านเหล่านั้นก็พอใจที่จะนำธรรมะนี้เข้าไปทางวิทยุ จึงมีตั้งร้อยกว่าแห่งเวลานี้ แล้วเปิดที่ตรงไหนๆ มักจะมีแต่เรื่องธรรมะหลวงตาออกหน้าๆ เลย เราก็พอใจ
ธรรมที่เราแสดงให้พี่น้องทั้งหลายฟังเป็นที่แน่ใจจากหัวใจของเราแล้ว ด้วยการปฏิบัติมา ไม่บกพร่อง เพราะฉะนั้นจึงสอนได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ขอให้ปฏิบัติเถิด ธรรมะจะพาพี่น้องทั้งหลายล่มจมหลวงตาบัวจะตามไปฟ้องพระพุทธเจ้า ให้มันเห็นเสียที นี้มีแต่พระพุทธเจ้าเขกกบาลอยู่ทุกวันพวกนี้น่ะ เห็นหน้าเอาแล้วปั๊วะแล้ว วันนี้จ่ายไปเท่าไรแล้ว พอเห็นหน้าปั๊บปั๊วะจ่ายไปเท่าไรแล้ววันนี้ เงินยังหาไม่ได้กู้เขามา นั่นละเห็นไหมมันเป็นอย่างนั้น มันเร็วยิ่งกว่าลิงการจับการจ่ายพี่น้องชาวไทยเรา มันเป็นนิสัยอย่างนั้น คือเป็นเมืองสมบูรณ์พูนผลมาตั้งแต่ดั้งเดิม ทีนี้เวลามีเหตุการณ์เข้ามาเผชิญหน้ามันแก้ไม่ทัน ปรับตัวไม่ทันก็เสียท่าไปได้ ให้พากันจำเอา
วัดเป็นแบบฉบับในการเก็บหอมรอมริบการเก็บการรักษา ไม่ใช่สุรุ่ยสุร่ายนะ แต่วัดอื่นใดเราไม่ไปสนใจ สำหรับวัดป่าบ้านตาดเป็นมาอย่างนี้ดั้งเดิม อยู่ในการอารักขาของเรา คอยดูทุกสิ่งทุกอย่างอะไรบกพร่องไม่บกพร่อง เหลือเฟืออะไรเราดูตลอด เราไม่ได้ดูแบบโลกๆ ดูแบบธรรม ให้พอเหมาะพอดีกับธรรม ถ้ามันมากไปตรงไหนแจกไปๆ เป็นอย่างนั้นเรื่อยมา จึงมีประมาณอยู่ตลอดเวลา สำหรับวัดป่าบ้านตาด ไม่ได้คุย เราเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง
การปฏิบัติตามหลักธรรมหลักวินัย กฎเกณฑ์ของวัดก็เป็นไปตามหลักธรรมหลักวินัยไม่ให้คลาดเคลื่อนไปเลย องค์ไหนไม่ดีอย่างไรอย่างน้อยเรียกมาเตือน มากกว่านั้นไล่หนีเลย เราไม่เหมือนใคร เพราะสอนสอนจริงๆ ไม่สอนเล่นๆ นะ เราสอนเราก็เป็นอย่างนั้น เอาจริงเอาจังมาก ควรจะตายเอาตาย ว่าอย่างนั้นนะ ทีนี้มาสอนหมู่สอนเพื่อนก็ทุ่มลงเต็มกำลังความสามารถ แต่มาเหลวๆ ไหลๆ ให้เห็นนี่เราไล่หนีเลย ไม่ให้อยู่ เพราะสอนเต็มหัวอกแล้ว แล้วยังมาเก้งๆ ก้างๆ ให้เห็นอยู่เหรอนี่ กับเจตนาที่สอนและคำพูดที่สอนลงไปเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วการทำอย่างนี้มันเข้ากันได้เหรอ ไล่หนีเลย
ไม่มีใครอยู่ เราอยู่คนเดียวเรา ในวัดป่าบ้านตาดหลวงตาบัวจะอยู่คนเดียว ไม่มีอะไรมายุ่งกวนให้หนักอกหนักใจ เดี๋ยวเรื่องนั้นเดี๋ยวเรื่องนี้ เรื่องนั้นเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่สอนเพื่อให้ดิบให้ดีมันกลับเลวลงไปต่อหน้าต่อตา นี่ละที่ไล่พระออกจากวัดเรื่อยๆ ไล่เรื่อยนะ เราไม่มีที่วินิจฉัยใคร่ครวญมาก เพราะเราวินิจฉัยใคร่ครวญแล้วในธรรมของเราที่สอนพระเณร สอนเต็มเม็ดเต็มหน่วย และสอนด้วยความตั้งอกตั้งใจ ให้ปฏิบัติตามนั้น อย่ามาเหลวไหลโลเลให้เห็น ถ้ามาเห็นอย่างนี้แล้วไม่ได้ ไล่เลย เพราะวินิจฉัยเรียบร้อยแล้ว
มันเลอะเทอะไป ศาสนาเวลานี้กำลังเข้าขั้นเลอะเทอะนะ พระเณรเรานั่นแหละเป็นตัวการสำคัญทำลายศาสนาของตนเอง วัดเลยกลายเป็นส้วมเป็นถาน พระเณรทั้งวัดเลยกลายเป็นมูตรเป็นคูถ เต็มอยู่ในวัด แต่ละวัดละวาเป็นส้วมเป็นถานเป็นมูตรเป็นคูถเต็มไปหมดใช้ได้เหรอ วัดเป็นสถานที่เคารพบูชาสำหรับผู้บำเพ็ญธรรมทั้งหลาย บำเพ็ญอย่างนั้นนะ อยู่ในกรอบของศีลของธรรมของวินัยทุกอย่าง มองดูงามตา ฟังแล้วงามหู เต็มไปด้วยเหตุด้วยผลทุกอย่าง นั่นน่าฟังนะ อันนี้อะไรเก้งๆ ก้างๆ กิริยาอาการทุกอย่างขวางอรรถขวางธรรมไปหมด แล้วศาสนาจะเจริญได้อย่างไร ก็เราเป็นคนทำลายอยู่ตลอดเวลาด้วยอากัปกิริยาที่แสดงออก ขัดต่อศาสนาอยู่
ให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายได้ทราบ เราเป็นผู้รับผิดชอบในประเทศไทยของเรา ให้ต่างคนต่างรักษาตัว รักษาตัวก็เท่ากับรักษาส่วนรวม อย่าอีลุ่ยฉุยแฉก อย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัว ตะกี้นี้เอาหลักธรรมหลักวินัยมาสอนให้ท่านทั้งหลายได้ทราบ หลักศาสนาเป็นหลักที่เหมาะสมทุกอย่าง ออกมาจากสวากขาตธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชอบแล้วทุกอย่าง ปฏิบัติตามนั้นจะไม่มีผิดมีพลาด แต่ถ้าออกจากนั้นแล้วเลอะเทอะ ทั้งนั้นแหละ จึงได้สอนไม่ให้เลอะเทอะ ให้เข้าอยู่ในกรอบของศีลของธรรมจะพอดูพอชมนะ เอาแค่นี้
รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th
และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
และเครือข่ายทั่วประเทศ
|