ความใจบุญกว้างขวางไปไหนได้อาศัยหมด
วันที่ 17 เมษายน 2550 เวลา 8:15 น.
สถานที่ : ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส

ณ ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

เมื่อเช้าวันที่ ๑๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๐

ความใจบุญกว้างขวางไปไหนได้อาศัยหมด

         เดี๋ยวนี้ทางกระทิงแดงเราก็แจกดูเหมือนแทบทุกวัน แจกเงินให้พวกมารับทาน คนละยี่สิบบาทๆ วันหนึ่งปาเข้าหลายหมื่นๆ นะ คนจำนวนมาก กระทิงแดงเราคุณภาวนานั่นละเป็นหัวหน้าใหญ่ในการบริจาคทานแจกเด็ก เต็มไปหมดแถวนั้น แจกแยกแถวนั้น ทุกแง่ทุกมุมแจกกันไป

         การเสียสละไปที่ไหนชุ่มเย็นนะพี่น้องทั้งหลายจำเอาไว้ การเสียสละนี้ไปที่ไหนชุ่มเย็นหมด การเห็นแก่ตัว คดโกงรีดไถ พอได้ช่องไหนเอาช่องนั้น ไปที่ไหนปิดทางตัวเอง ให้พากันจำไว้ ไม่ใช่ปิดทางเฉพาะชาตินี้ ชาติหน้าก็ปิด ไปข้างหน้าเขาสมบูรณ์พูนผล เราอดอยากขาดแคลน เข้าช่องไหนช่องอดอยากๆ มีแต่ช่องที่เราทำไว้แล้วกีดขวางตัวเอง อะไรเขาให้เราไม่ให้ เรากว้านเอามา เขาให้เรากว้านเข้ามา ทีนี้เวลาไปมันก็มาปิดทางตัวเอง เขาเปิดทาง สุดท้ายเรามาปิดตัวเองๆ

         พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ทุกอย่างพร้อมแล้วด้วยพระญาณหยั่งทราบ ไม่มีผิดมีพลาด เรียกว่าสวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบแล้ว ให้เชื่อตามนี้ ความอดอยากขาดแคลนนี้ไม่ดีทั้งนั้น ตัวเราเองโดนเข้านี้ โหย ใจเป็นฟืนเป็นไฟไปนะ แล้วยิ่งเป็นกันทั่วโลก เป็นฟืนเป็นไฟเผากันได้เลย เพราะฉะนั้นการเสียสละจึงเป็นของสำคัญมากทีเดียว สำหรับวัดป่าบ้านตาดนี้พูดให้ชัดๆ เปิดโล่งเลยเรา เราไม่เอาอะไร พูดว่าไม่เอาไม่เอาจริงๆ ไม่ได้พูดเล่นๆ ว่าอย่างไรพิจารณาเรียบร้อยแล้วออกๆ ตามนั้นๆ ไม่เคลื่อนคลาด

ของที่ตกเข้ามาในวัดนั้นหมดเลย ไม่เอา ผู้อดอยากขาดแคลนเต็มบ้านเต็มเมือง เราจะมามีความสุขอยู่คนเดียว ดูหน้าพวกนั้นตาปริบๆด้วยความอดอยากขาดแคลนมันดูไม่ได้ ให้เราตายเสียดีกว่าเขาอด ต้องอย่างนั้นซิ อย่างนั้นแล้วมันออกได้ละที่นี่ทาน เสียสละได้ๆ เราทำอย่างนี้ตลอดไป เราจะทำอย่างนี้จนกระทั่งสิ้นชีวิตของเรานะ คือจิตนี้มันเปิดหมด ไม่มีอะไรติดในนี้เลย กำอย่างนี้ไม่มี เปิดโล่ง ได้มามากน้อยเท่าไรออกหมดเลย เพราะความเมตตา มีของอยู่นี้ความเมตตากวาดออกๆ หมดเลย เป็นอย่างนั้นละ

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์จึงเป็นยอดแห่งเมตตาธรรม และทานบารมี พระพุทธเจ้าทุกพระองค์สมบูรณ์แบบด้วยบารมี คือทานบารมี เมตตาบารมีเต็มไปหมด ด้วยเหตุนี้ศาสดาไปที่ไหนนี้เกลื่อนไปเลย จนกระทั่งคนทั้งหลายที่เขาไม่รู้เรื่องรู้ราว เขาเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จไปไหนนี้เกลื่อนไปเลยเรื่องจตุปัจจัยไทยทาน แม้ที่สุดเทวบุตรเทวดาแปลงเพศลงมา มาทำบุญให้ทานกับพระพุทธเจ้า

คนทั้งหลายเขาก็ว่านี่ก็เป็นเพราะท่านเป็นพระพุทธเจ้า เขาว่าให้ท่าน เป็นเพราะท่านเป็นพระพุทธเจ้า ไปที่ไหนเกลื่อนกลาดไปด้วยทักษิณาทานทั้งหลาย อย่าว่าอย่างนั้น เห็นไหมท่านห้าม ทักษิณาทานนี้เกิดขึ้นมาจากทานของเรา พระพุทธเจ้าไม่ได้เป็นใหญ่กว่าทาน นั่นฟังซิ ใครมาพูดได้อย่างนี้ พระพุทธเจ้าพูดได้ พระพุทธเจ้าไม่ได้ใหญ่กว่าสิ่งเหล่านี้ ที่ผลิตเราให้เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมาก็เพราะทาน จะมาว่าเราใหญ่เพราะเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร

สิ่งที่ผลิตให้เราเป็นพระพุทธเจ้าคืออะไร คือเหล่านี้ ของที่เกลื่อนกลาดเขามาทำบุญให้ทานเกลื่อนไปหมดก็เพราะผลทานของท่าน ไปที่ไหนเสียสละ เปิดออกๆ แล้วมันก็ไหลเข้าเรื่อยซิ ทางไหลออกมีและทางไหลเข้ามันก็มี เป็นอย่างนั้นละ เวลาท่านจะยกลูกศิษย์ของท่านท่านก็ยกเหมือนกันนะ พระพุทธเจ้าท่านเสด็จไปล่วงหน้าก่อน แล้วพระกัสสปะที่เป็นสาวกองค์โปรดที่สุดของพระพุทธเจ้า พระญาณหยั่งทราบก็ไล่เลี่ยกันลงมา พระญาณหยั่งทราบเหตุการณ์ต่างๆ ตลอดถึงสัตว์ทั้งหลายที่ซอกแซกซิกแซ็ก เที่ยวเกิดเที่ยวตายอยู่ทุกแห่งทุกหน

พระกัสสปะท่านเข้าฌานสมาบัติท่านพิจารณาดูสัตวโลก ที่ซอกแซกเกิดตายมีอยู่ทุกแห่งทุกหน ไม่มีบกบางว่าสถานที่ไหนว่างที่สัตว์ทั้งหลายจะไม่ไปเกิดไปตายในสถานที่นั้นไม่มี เต็มไปหมด นี่พระกัสสปะท่านเล็งญาณดู พระพุทธเจ้าก็ทรงเล็งญาณดูพระกัสสปะอีกทีหนึ่ง เออ กัสสปะลูกศิษย์เราตถาคต เธออย่าไปดูเลยเท่านี้นะ เราตถาคตดูก่อนแล้ว อันนี้เป็นวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลายต่างหาก ไม่ใช่วิสัยของเธอ

ให้ดูเพียงสภาพแล้วให้ปล่อยวางตามความเป็นจริง โลกมันเป็นอย่างนี้มาหลายกัปหลายกัลป์ การเกิดการตาย การแสวงหาในที่กำเนิดเกิดต่างๆ กันนี้เพราะอำนาจแห่งกรรมเกิดไม่เหมือนกัน เพราะอำนาจแห่งกรรมตัวเองทั้งดีทั้งชั่ว มันพาให้ไปเกิด อย่าเข้าใจว่าอะไรมีอำนาจมากยิ่งกว่ากรรม กรรมดีกรรมชั่วพาให้เกิดดีเกิดชั่วได้  ท่านรับสั่งไปหาพระกัสสปะ พระกัสสปะอันนี้เป็นวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะทรงหยั่งทราบไปหมด เธอเพียงกำลังเท่านี้อย่าพิจารณาให้มันลำบากเปล่า สัตว์โลกเป็นอย่างนี้ตลอดมา

ท่านรับสั่งมาหาพระกัสสปะ พระกัสสปะกำลังเข้าฌานเวลานั้น ท่านกำลังเข้าฌานเล็งดูสัตวโลก เพราะท่านก็เก่งเหมือนกันทางญาณหยั่งทราบในเหตุการณ์ต่างๆ พระพุทธเจ้าหยั่งทราบพระกัสสปะอีกทีหนึ่ง บอกว่า เออ กัสสปะอันนี้เป็นวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลายต่างหาก ที่จะทรงทราบละเอียดทั่วถึงหมดในสามแดนโลกธาตุนี้  ไม่ใช่วิสัยของเธอ ให้เธออยู่ตามสภาพก็แล้วกัน เพราะเรื่องเหล่านี้มีมาดั้งเดิม พิจารณาไปเท่าไรก็ยิ่งเป็นความลำบากลำบน เป็นกังวลไปเปล่าๆ ให้ปล่อยเสีย สัตว์โลกเป็นอย่างนี้มา ตั้งแต่เรายังไม่พิจารณาเขาก็เป็นอย่างนี้ของเขา ท่านรับสั่งกับพระกัสสปะ

นี่ละสัตว์โลกเกิดตายอย่างนี้ ไม่ใช่จะตายเฉยๆ เกิดเฉยๆ นะ ตายด้วยอำนาจแห่งกรรมดีกรรมชั่ว ใครจะอยากไปเกิดในสถานที่เลวทราม อยากเกิดในสถานที่ดีๆ ทั้งนั้น แต่แล้วมันก็ผิดหวังๆ เพราะการสร้างความดีความชั่ว ส่วนมากมันสร้างความชั่วเป็นการทำลายตัวเอง ไปที่ไหนตัดหนามกั้นทางตัวเองๆ เสีย จึงไม่สมหวังในสถานที่จะเกิดให้สมหวัง ไม่สมหวัง นั่นละเราทราบแล้วอย่างนี้ให้พากันพิจารณาแก้ไขตัวเอง ถ้ามันบกพร่องตรงไหนให้พิจารณาเสีย

เมื่อพิจารณาสมบูรณ์แบบแล้วอยู่ที่ไหนโล่งหมด โล่ง จิตใจนี้ถ้าลงได้บำเพ็ญตัวเองให้เบิกกว้างออกไปจนครอบโลกธาตุหมดแล้วโล่งหมดเลย ไม่มีอะไรมากีดมาขวางได้เลยคือใจของท่านผู้สร้างบารมีจนกระทั่งสิ้นกิเลสแล้ว โล่งหมดเลย ไปที่ไหนเป็นแต่คุณๆ ไม่มีโทษ ท่านสร้างแต่คุณอย่างเดียว ให้เราพิจารณา มีอะไรๆ มาอย่าตระหนี่ถี่เหนียว ให้พากันเฉลี่ยเผื่อแผ่แจกกันเล็กๆ น้อยๆ ตามเกิดตามมี  อย่าเห็นแก่ตัว เห็นแก่พรรคพวกของตัว นี้เป็นคนคับแคบตีบตัน ไปไหนพวกเพื่อนฝูงไม่ค่อยมี ให้มีใจอันกว้างขวาง ไปไหนเพื่อนฝูงเต็มบ้านเต็มเมือง คนเสียสละไปไหนกว้างขวางมาก ให้พากันจำเอา พระพุทธเจ้าทุกพระองค์สร้างความกว้างขวางคือเมตตาธรรม ได้แก่ความเสียสละครอบโลกธาตุ เราจะสร้างตั้งแต่ความตีบตันอั้นตู้ไว้สำหรับตัวเอง ไปไม่รอด อย่าแข่งพระพุทธเจ้านะ วันนี้พูดเพียงเท่านั้นละ

คุณเฉลียว-คุณภาวนากระทิงแดงของเล่นเมื่อไร ทำคุณงามความดีแบกชาติบ้านเมืองศาสนาพระมหากษัตริย์อยู่ในทั้งสองท่านนี่ กระทิงแดงเป็นของเล่นเมื่อไร ทำเงียบๆ นะ ทุกสิ่งทุกอย่างทำแบบเงียบๆ ไม่ได้บอกใคร โกยออกตลอดนะนั่น สมบัติเงินทองมีมากขนาดไหนโกยออกแบบเดียวกันนั้นแหละ ไปที่ไหนๆ แจกทำบุญให้ทาน วัดป่าบ้านตาด ๓๐๐ ไร่เป็นใครถ้าไม่ใช่กระทิงแดง คุณเฉลียวกับคุณภาวนา ซื้อที่ให้หมดเลย ซื้อที่ให้หมดแล้วถมดินให้หมด แล้วทำกำแพงให้อีก ทุกสิ่งทุกอย่างตกแต่งให้เสร็จ

เสร็จแล้วทำศาลาใหญ่ให้ เห็นไหมตั้งตระหง่านอยู่กลางวัดนั่น นั่นก็เป็นคุณเฉลียว-คุณภาวนา สร้างศาลาใหญ่ประชาชนทั้งหลายเข้ามาอาศัยความร่มเย็น ตอนนั้นมันเกี่ยวกับการช่วยชาติบ้านเมือง เวลาเข้ามาผู้คนเปียกปอนไปหมด ท่านทั้งสองนี้ดูอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายสั่งไม้จากเวียงจันทน์เข้ามาก็มาขอสร้าง จึงได้เป็นศาลาใหญ่ขึ้นมาที่เราทั้งหลายได้อาศัย ในบริเวณวัด ๓๐๐ ไร่ เราอยากจะว่ามีแต่ท่านเหล่านี้แหละ ถมดินของง่ายเมื่อไรเป็นเมตรๆ ที่มันต่ำเท่าไรถมขึ้นๆ จนเป็นที่ราบเรียบ เสร็จแล้วตั้งถานตรงไหนๆ ควรจะปลูกกุฏิที่ไหนๆ ทั่ววัด ที่นอกจากกำแพงในออกมาแล้ว อยู่ข้างนอกเป็นกุฏิ เป็นสถานที่ต่างๆ สำหรับบำเพ็ญของพระ

ท่านให้ความสะดวกแก่พระเจ้าพระสงฆ์มากมายมาเป็นเวลานาน สำหรับวัดป่าบ้านตาดกำแพงนอกนี้มีแต่กระทิงแดงทั้งนั้นเป็นผู้สร้างไว้อย่างเงียบๆ ไม่ค่อยมีใครทราบละ ท่านเหล่านี้ไม่ค่อยพูด ว่าอะไรถึงไหนถึงกันไปเลย ว่าอะไรๆ ปุ๊บเอาเลยๆๆ ศาลาใหญ่เห็นไหมนี่ๆ เป็นใคร เราเปิดเสียบ้างซิ ผู้ทำก็ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจผู้เปิดด้วยความเป็นธรรมผิดไปไหน นี่เห็นไหมล่ะก็มาทำให้ อย่างนี้ละความใจบุญกว้างขวางไปไหนได้อาศัยหมด พวกเรานั่งเต็มศาลานี้ก็อาศัยอันนี้ นี่ละความใจบุญกว้างขวางเป็นอย่างนี้ หลังนั้นก็ว่าใหญ่ ฟาดหลังนี้ขึ้นมาใหญ่กว่านั้นอีก คนเลยยกมาทั้งประเทศมาอยู่เต็มไปหมด มีเท่านั้นละวันนี้ ต่อจากนี้จะให้พร

วัดทางนี้เนื้อที่ ๑๒ ไร่ ทางฝั่งนู้น ๑๗ ไร่ กว้างกว่าฝั่งนี้ ทางนู้นก็ได้ปลูกสร้างบ้างแล้ว สำหรับบรรดาลูกศิษย์ลูกหามาพักกันที่นั่น แต่อย่ามาแย่งที่นั่งที่นอนที่พักผ่อนนอนหลับกันให้มาถึงหลวงตาบัวนะ ถ้าได้ยินว่ามาแย่งกันที่พักที่หลับที่นอน มาถึงหลวงตาบัวไล่หนีหมดเลย ไม่ให้อยู่ เราจะให้ตั้งแต่ไอ้ขอดกับไอ้นั่นละเข้าไปอยู่แทน พวกนี้มันไม่เป็นท่า ไล่มันหนี ให้อันนี้ไปทำงานแทน กุฏิก็ปลูกให้ นี้ก็เป็นใครอีก กุฏิห้าหลังก็กระทิงแดงนะนั่น ปลูกให้ตั้งห้าหลัง ไปพักนอนอยู่สบายๆ ได้ถามหรือเปล่าว่าใครเป็นคนมาสร้างนี่น่ะ กุฏิตั้งห้าหลังอยู่นั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางนู้นก็อยู่สบาย ทางนี้ก็อยู่สบาย

สรุปทองคำน้ำไหลซึมถึงวันที่ ๑๖ เมษายน ทองคำที่หลอมแล้วได้ ๓๘๗ กิโลครึ่ง เท่ากับ ๓๑ แท่ง แท่งหนึ่งน้ำหนัก ๑๒ กิโลครึ่ง นี่ได้ ๓๑ แท่ง ทองคำที่ยังไม่ได้หลอม ๒๕ กิโล ๕๐ บาท ๙๘ สตางค์ รวมทองคำที่หลอมแล้วและยังไม่ได้หลอมเป็น ๔๑๓ กิโล ๑๘ บาท ๙ สตางค์ ถ้ารวมกับ ๓๗ กิโลครึ่งที่มอบคลังหลวงแล้วนั้นเข้าด้วยกันก็เป็นทองคำ ๔๕๐ กิโล ๕๐ บาท ๙๘ สตางค์ สมบัติเหล่านี้จะเข้าคลังหลวงเป็นหัวใจของพี่น้องชาวไทยเรา เข้าทางอื่นไม่มีทาง ต้องอาศัยพี่น้องรวมหัวกันเข้า นี่ทองประเภทน้ำไหลซึมก็ตั้ง ๔๕๐ กิโลแล้ว จาก ๑๑ ตันมาเป็น ๔๕๐ กิโล มากเข้าๆ เอาละ

 

รับชมและรับฟังพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.luangta.com หรือ www.luangta.or.th

และสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน  FM 103.25 MHz

และเครือข่ายทั่วประเทศ

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก