สุกขวิปัสสโก รู้อย่างสงบเงียบ
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
  วิดีโอแบบ(Win Narrow Band)   วิดีโอแบบ(Win High Band)

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๐

สุกขวิปัสสโก รู้อย่างสงบเงียบ

         (กราบเรียน พวกเด็กและเยาวชนสถานพินิจจังหวัดอุดรธานี ได้รับรางวัลจากการประพฤติปฏิบัติดี โดยการปฏิบัติธรรมเดินจงกรม เขาขอถวายเงินรางวัลทั้งหมด ๖๔๐ บาทแด่องค์หลวงตาครับ) ถ้าปฏิบัติตัวดีแล้วมีคุณค่ามากที่สุด ยิ่งกว่าคนอื่นใดที่จะมาตกรางวัลให้ การประพฤติดีของเราเป็นรางวัลของเราเอง

         เมื่อวานก็ไปที่อำเภอคำม่วง นายอำเภอมาขอเงิน ๘ ล้านไปสร้างที่ว่าการอำเภอ ครั้นเวลาจะสร้างก็ขัดข้องกัน ทางนายอำเภอก็เขียนจดหมายมาหาเรา เล่าเหตุผลกลไกเกี่ยวกับเรื่องการขัดข้องในการสร้างที่ว่าการอำเภอ เราเองต้องได้ไปเมื่อวาน ไปก็ไม่เห็นมีเรื่องอะไร พอไปก็ถามเรื่องราวที่ขัดข้องในการที่จะสร้างที่ว่าการอำเภอ ขัดข้องเพราะเหตุผลกลไกอะไร เอา ชี้แจงมาทั้งฝ่ายอำเภอทั้งฝ่ายชาวบ้านคนละวาระกัน ให้ทางอำเภอชี้แจงก่อน และทางชาวบ้านใครเป็นผู้ขัดข้องออกมาชี้แจงให้เราทราบ เราจะเป็นคนฟัง

         ทางอำเภอก็ไม่ได้พูดมากอะไร เพราะเขาปราบที่ไว้เรียบร้อยแล้ว วางแผนไว้หมดแล้ว คอยแต่จะขึ้น แต่ไอ้คำคัดค้านที่เป็นเสี้ยนเป็นหนามต่อบ้านต่อเมืองมันก็ขึ้นมาให้เป็นอุปสรรค เราก็ได้ว่าเอาบ้าง เราอยู่บ้านตาดยังต้องเดือดร้อนไปด้วย ความคัดค้านต้านทานมีความหมายอะไร มีค่าอะไร ซัดเอาเสียบ้างเมื่อวาน บทเวลาถามถึงเรื่องความคัดค้านไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร นี่มนุษย์ตัวแสบเราก็ว่าอย่างนั้น เขาจะทำอะไรให้เป็นความเจริญรุ่งเรือง

ทางวัดก็พร้อม ให้เงินมาตั้ง ๘ ล้านที่จะสร้างที่ว่าการอำเภอ ไอ้ปากมันปากอย่างไรมาค้าน เอาผลประโยชน์จากไหนมาค้าน ค้านแล้วจะได้ผลประโยชน์อะไรบ้าง เหตุผลที่ค้านเพราะอะไร ตกลงเลยไม่มาค้านอีก เอา ว่ามา เรากำลังดูเวลานี้น่ะ เราเป็นผู้ลงทุนบริจาคให้พี่น้องทั้งหลายในอำเภอนี้เอง เราไม่ได้หวังอะไร มากัดกันอะไร เราว่าอย่างนั้น มันเรียนวิชาหมาอะไรในที่ว่าการอำเภอ ทั้งประชาชนทั้งนายอำเภอเลยหัวเราะกันลั่น ก็ว่าไม่ได้โกรธนี่ ฟังเสียงเปรี้ยงๆ มองหน้าแล้วยิ้มตลอด ซัดเอาเปรี้ยงๆ ทางนั้นยิ้มๆ ซัดกัน ตกลงก็ไม่มีอะไรละ แน่ะก็อย่างนั้นแหละ

ตกลงก็เริ่มสร้างแล้ว เขาวางแผนผังไว้หมดแล้ว เมื่อมีผู้มาคัดค้าน เพื่อความบริสุทธิ์ผ่องใสของทางอำเภอด้วย เขาจึงให้เราเป็นผู้พิจารณาแล้วตัดสิน ก็เป็นอันว่ากระจ่างแจ้งไปหมด ปัญหาไม่มีแล้ว เราไปเราก็ชำระเลย เสร็จแล้วเราก็มา ให้ ๘ ล้าน ที่ว่าการอำเภอมาสร้างทางนี้ ทางเข้ามานี้ตรงเป๋งพอดี ไอ้ผู้คัดค้านมันอยากให้ไปทำที่นู่นที่นี่ ไปทำรูหอยรูปูที่ไหน หนูตัวไหนมันจะเข้ารูหอยรูปไปชำระความกันที่นั่น ที่ว่าการอำเภอที่ทำนี้สำหรับคนเหมาะแล้วนี่เราว่า ไม่ใช่รูหอยรูปูที่จะเอาพวกกระจ้อนกระแตมาประชุมกัน เขาไม่เคยได้ยินเขาก็หัวเราะแหละ

พูดไม่มีเหตุมีผลอะไร ทำให้ส่วนรวมเสียหาย อย่างน้อยชักช้า จนกระทั่งเรามาจากวัดมาดูเหตุการณ์อันนี้เอง ทางอำเภอขอไปปลูกสร้างที่ว่าการอำเภอก็เป็นมงคลแล้ว มันขัดข้องเพราะอะไร ไล่ไปไล่มาก็ทราบว่าอยากให้ปลูกที่นั่นๆ เราก็ไล่เข้าไปรูหอยรูปูหนูตัวไหนจะไปประชุมที่นั่น เลยเงียบหมด เอา ปลูกที่นี่เราเห็นด้วยแล้ว เป็นมงคลแล้ว ที่ทางอำเภอจัดขึ้นเรียบร้อยแล้วนี่ ทางตรงเข้ามาเป๋ง ในนู้นมันอยู่ที่ไหนลึกลับที่ไหน สร้างเพื่ออะไร หาเหตุผลไม่ได้ก็มาค้าน ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยไอ้คนตัวแสบๆ นี่น่ะ เราก็ว่าอย่างนั้น ใส่เสียบ้างเมื่อวาน

ก็ไม่มีอะไรพอเราไปเราก็ชี้แจงเหตุผล ถามเรื่องราวจากทางอำเภอบ้างพอสมควร เขาก็ชี้แจง พวกที่ค้านมันไม่กล้าเข้ามาเลย เลยตีขนาบไปเลยเรา มันไม่มีเหตุผลอะไรเลย ทางอำเภอเหตุผลเขาเต็มตัว สร้างหลังใหม่ขึ้นมา ทางเข้ามาตรงเป๋งเลย อยู่ในจุดที่เปิดเผย เขาวางแผนผังไว้หมด เพื่อความสะอาดนั่นเอง ให้มีผู้มาชำระสะสางให้เป็นที่ลงใจก็หมายถึงธรรมนั้นแหละไปชำระของสกปรก ก็เรียบร้อยไม่เห็นมีอะไรเมื่อวาน

เราก็ขู่เอาบ้าง ทั้งดุทั้งด่าทั้งขู่ทั้งยิ้มทั้งแย้ม เลยไม่ทราบว่าโกรธหรือโมโหเป็นอย่างไร ดุคนนี่เสียงลั่นไปเลย แต่หัวเราะยิ้มแย้มตลอด มันโกรธอะไรก็ไม่รู้ มันโมโหน่ะ เราว่าอย่างนั้น เราก็บอกอย่างนี้ แต่ก็เรียบร้อยไม่มีอะไร เอาสร้างตรงนี้เหมาะแล้ว ว่าอย่างนั้นเลยเรา มาสร้างเพื่อความเป็นสิริมงคล อะไรมาขัดข้องความเป็นมงคลแก่บ้านเมืองของเรานี่น่ะ ก็ว่าอย่างนั้น ถ้าล้มระนาวแล้วเกิดประโยชน์อะไร

เราก็ให้แล้ว ๘ ล้าน ก็จะขึ้นละ เหมือนหลังเก่า ดูว่าคราวนี้จะสร้างเป็นตึกหรือเป็นอะไรก็ไม่รู้แหละ เขาจะทำขึ้น ดูจะไม่ค่อยได้ไม้ ไม้หายาก น่าจะเป็นตึกฟังว่า อะไรก็แล้วแต่เขา เขาคิดราคาเรียบร้อยแล้วว่า ๘ ล้าน หากมีความจำเป็นอะไรเขามาติดต่ออีกก็ไม่พ้นที่จะให้อีกอยู่นั่นแหละ เราไปช่วยที่ไหนไม่เคยอยู่ในจุดที่ช่วยนะ ต้องขึ้นตลอดๆ เราเพื่อความดีงาม ไม่เพื่ออะไร ไม่เพื่อหมดเพื่อยังอะไร เราเอาความดีงาม

เมื่อเช้าวานนี้ทางหล่มสักเขาก็มา หมอเชาวลิต นั่นก็ ๑๕ ล้าน ถมสระใหญ่ให้ โกยเอาภูเขาทั้งลูกมาถมเลย สระใหญ่ มันว่างอยู่ที่นั่นแห่งเดียว นอกนั้นไม่ว่าง เลยได้ที่นี่ ไม่มีปัญญาที่จะถมสระอีกละ ตกลงเราให้หมดเลย ถมลงไปพร้อม เอารถทับไปเรื่อยๆ ให้แน่นเข้าไปเรื่อยๆ เทหินลงไปเขาเรียกรถอะไรรถทับน่ะกลิ้งไปกลิ้งมา รถบดทับลงไปๆ ตลอดให้แน่นไปพร้อมๆ กันเลย ทับไปตลอดๆ พอเสร็จก็แน่นปึ๋งเลย เอาขึ้น โอ๋ย สูงเท่าต้นไม้ ยาวถึงนี่ ๑๕ ล้าน

ไปที่ไหนคนก็ตามขอยั้วเยี้ยๆ มันก็ออกจากนี้เอง ไม่ใช่อะไร เราไปที่ไหนตามขอกันยุ่งไปหมดเลย ออกไปเมื่อเช้าวานนี้ก็มา เราช่วยอะไรต่ออะไร..ตา ยังขาดเหลือเท่าไร ขาดเหลืออยู่ประมาณสัก ๕ หมื่น เราก็ให้ ๑ แสนไปเลย เมื่อเช้าวานนี้ออกไปจากนี้ ให้แล้วก็ไป อย่างนั้นแหละไปที่ไหนให้ตลอด ก็เราไม่เก็บ เราบอก เราช่วยโลก มีเท่าไรออกหมด สำหรับเงินทองข้าวของในวัดนี้ ไม่มี เราพูดจริงๆ

ถ้าเรายังมีชีวิตอยู่รักษาวัดนี้อยู่ปฏิบัติแบบนี้ตลอดไปเลย ไม่เอา ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ผู้ทุกข์ผู้จนมีมากมายก่ายกอง พอมีพอเป็นอย่างไรเอาถูไถกันไปเรื่อยไปเลย เก็บไว้หาประโยชน์อะไร เก็บไว้ก็ทิ้งเปล่าๆ ไม่เกิดประโยชน์ นำไปทำประโยชน์เกิดประโยชน์ทันที ก็อย่างนั้นแหละ

วันนี้วันที่ ๑๖ ไปโรงพยาบาล เมื่อวานนี้ไปคำม่วงเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าการอำเภอ เราขนของเต็มรถไปมอบให้โรงพยาบาลคำม่วง ให้เต็มรถเลย หมอเขาก็เตรียมที่ให้เราไปนั่งที่ไหน เราไม่ลง เราจะไปลงที่ว่าการที่เดียว เราเลยไม่ลง ขนของให้แล้วเราก็ไป หมอตามไปขอ ได้ไปสักกี่ล้านเมื่อวานคำม่วง ไปดูว่า ๒ ล้านหรือ ๓ ล้าน อย่างนั้นแล้ว ไปที่ไหนเป็นอย่างนั้น เราไม่มีเหลือ ได้มาหมด ไม่มีเหลือเลย หมดเลย ก็เราไม่เอาอะไร เราช่วยโลก เราไม่เอาเราก็บอกเราไม่เอา มีแต่ช่วยทั้งหมดเลย

(หลวงตาบอกจนที่สุดก็วัดป่าบ้านตาด จนที่สุดก็องค์หลวงตา แต่คนที่มาขอไม่เห็นไปขอที่รวย เห็นมาขอที่จนทุกที) ก็เขารู้แล้วว่ามันมีเพื่อจน เข้าใจไหม ได้มาเท่าไรเขาก็หวังได้เขาก็มาขอมันก็จนละซี มีเท่าไรก็ไปหมด ไม่เหลือละวัดป่าบ้านตาด  ไม่เหลือจริงๆ เพราะเราช่วยโลกเราไม่เอาอะไร บอกว่าไม่เอาไม่เอาจริงๆ เราไม่เหมือนใคร หมุนติ้วนี้ไม่เอา มีแต่เพื่อโลกทั้งนั้นๆ

คิดดูอย่างไปที่ว่าการอำเภอคำม่วง ก็ต้องขนของไปเทลงที่โรงพยาบาลคำม่วง ซึ่งเขาเคยมาขอเสมอ เวลามีโอกาสไปก็อย่าให้เสียเที่ยว แน่ะ เอาไปให้เขา เขานิมนต์ลงนั่ง  ไม่นั่ง เราจะไปนั่งที่ว่าการอำเภอทีเดียว เราไม่ลง เขาเตรียมไว้หมด ไม่ลง เขาก็ตามไป ดูว่าได้มาสักกี่ล้านเกี่ยวกับเรื่องตาเรื่องอะไร ดูว่า ๒ ล้านกว่าหรือ ๓ ล้าน ตกลงกันแล้วมอบให้หมออ้วนเป็นคนสั่ง อย่างนั้นละไปไหน หมดไม่มีเหลือ

เราพอใจในการช่วยชาติคราวนี้ช่วยจริงๆ ตั้งแต่เริ่มต้น ๒๕๔๐ ที่บ้านเมืองเรากำลังจะล่มจมต่อคนไทยทั้งประเทศ ให้เห็นต่อหน้าต่อตากัน เมืองไทยจะจมคราวนั้นแหละ เราถึงได้ออกปากโก้กขึ้นเลย เอา เราจะช่วย เอาให้เต็มเหนี่ยว ตั้งแต่นั้นมาก็ค่อยฟื้นฟู ทางด้านวัตถุทองคำก็ได้เข้าไปตั้ง ๑๑ ตันกับ ๔๐๐ กิโล ผลก็เห็นอย่างนั้น แล้วดอลลาร์ที่เข้าคลังหลวงแล้ว ๑๐ ล้าน ๒ แสนเท่าไร ที่เข้าไปแล้ว นอกจากนั้นกระจายออกทั่วประเทศไทย แล้วธรรมะเวลานี้ออกทั่วโลกเลย เราคิดเรื่องธรรมะมากกว่าวัตถุนะ

พอว่าจะช่วยคนทั้งหลายเขาจะคิดถึงด้านวัตถุ แต่เราไม่คิดด้านวัตถุ เป็นเครื่องนำหน้าเท่านั้นละ ธรรมละจะออกคราวนี้ เป็นคราวที่ธรรมจะออก ก็ออกตั้งแต่นั้นมา จนกระทั่งป่านนี้กี่สถานีวิทยุ ตั้งร้อยกว่าแล้วมัง (ตอนนี้ชัดเจนแล้วที่เขาสร้างเสร็จเรียบร้อย ๙๙ ดร.รัตนาบอกยังไม่สร้างอีกประมาณ ๑๐ แห่ง) นั่นละธรรมจะออกสู่โลกคราวนี้เอง ก็ออกจริงๆ ส่วนวัตถุก็พอเป็นแนวหน้าเท่านั้นละ นอกนั้นก็เป็นธรรมออก ออกทั่วโลกเลย

ธรรมของเรารู้สึกว่าออกมาก ในประเทศไทยนี้อยากจะพูดให้เต็มปากเสียเลยว่า ตามความรู้สึกของเราที่ตะเกียกตะกายช่วยพี่น้องทั้งหลายมาจนกระทั่งบัดนี้ เรียกว่าหมดเนื้อหมดตัวถ้าพูดภาษาของโลก เราให้ด้วยความเมตตาทั้งนั้น การเทศนาว่าการธรรมทุกประเภทที่เราเทศน์ ตั้งแต่พื้นๆ ถึงวิมุตติหลุดพ้น ถอดออกจากหัวใจที่ทรงไว้แล้วอย่างเต็มเหนี่ยว ว่าอย่างนั้นเลย เทศน์ก็เทศน์เต็มเหนี่ยว เทศน์เฉพาะพระอยู่บนศาลานี่ละที่เผ็ดร้อนมาก นอกนั้นเป็นแกงหม้อใหญ่ๆ

เวลาเขาเอาออก เขาเอาออกหมดเลย ทั้งแกงหม้อใหญ่หม้อเล็กหม้อจิ๋ว ออกทั่วหมด จะเข้าร้อยสถานีแล้ว เราเทศน์แล้วก็ปล่อยไปๆ เขาหากนำไปทำเอง นั่นละเราช่วยโลกช่วยขนาดนั้น แล้วช่วยอย่างแน่ใจเสียด้วย การเทศนาว่าการในธรรมทุกขั้นเราไม่สงสัยในการเทศน์ว่าจะผิดไป ไม่มี เพราะออกจากหัวใจที่ปฏิบัติมาด้วยความถูกต้องแล้วจึงเห็นผลอย่างนี้ นั่น นำอันนี้ออกไปจะผิดไปไหน นอกจากนี้ก็ยังบอกพี่น้องทั้งหลายด้วยว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา เราบอกชัดๆ เลย ประกาศป้างมาตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓ บนหลังเขาวัดดอยธรรมเจดีย์ เวลาห้าทุ่ม บอกขนาดนั้นนะ ฟ้าดินถล่มอยู่ตรงนั้น เหมือนฟ้าดินถล่ม ร่างกายนี้ผึงเลยเทียว เพราะจิตระหว่างกิเลสกับธรรมขาดสะบั้นจากกัน ทีนี้ระหว่างจิตกับร่างกายมันสะเทือนกัน จนกระทั่งร่างกายนี้ดีดผึงเลยเชียว รุนแรงขนาดนั้นละ

กิเลสขาดจากใจไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดทั่วไป คือเฉพาะเราเป็นอย่างนั้น บางองค์ท่านก็จะไปเรียบๆ ดังที่ท่านแสดงไว้ในอรหันต์ ๔ พระอรหันต์มี ๔ ประเภท สุกขวิปัสสโก รู้อย่างสงบเงียบไปเลย จนกระทั่งหมดไปเลย อย่างท่านสิงห์ทองท่านมาเล่าให้ฟัง ท่านก็มาเล่าถึงเรื่องการปฏิบัติของท่าน ปฏิบัติไปๆ ละเอียดเข้าไปๆ จนกระทั่งสุดท้ายนี้เลยไม่ทราบจะปฏิบัติยังไง และไม่ทราบว่ากิเลสมันสิ้นไปเมื่อไร หากไม่มีอะไรในใจเดี๋ยวนี้ ท่านก็ว่างั้น หายสงสัยทุกอย่างแล้ว เวลาท่านเล่าผลนี้ตรงกันเป๋งไม่มีค้านกัน เวลาปฏิบัติท่านรู้ไปโดยลำดับลำดา ค่อยละเอียดลงไปๆ อันนี้เป็น สุกขวิปัสสโก รู้อย่างสงบเงียบไปเลย เตวิชโช ฉฬภิญโญ จตุปฏิสัมภิทัปปัตโต อรหันต์ ๔ ประเภทต่างกันกิริยาอาการ แต่ความบริสุทธิ์เมื่อเสร็จสิ้นแล้วเหมือนกันหมด แต่กิริยาที่แสดงออกจากนิสัยวาสนาของตนนั้นต่างกัน

ท่านจึงแยกไว้ว่าอรหันต์ ๔ สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ จตุปฏิสัมภิทัปปัตโต ฉฬภิญโญ คือได้อภิญญา ๖ เหาะเหินดำดินบินบนได้ เตวิชโช คือวิชชา ๓ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ  ตลอดถึง อาสวักขยญาณ อาสวักขยญาณ รู้เหมือนกันหมดนั้นแหละ ส่วน ฉฬภิญโญ มีอภิญญาณ ๖ เป็นเครื่องประกอบ ความบริสุทธิ์เหมือนกัน จตุปฏิสัมภิทัปปัตโต คือ อัตถปฏิสัมภิทา ธัมมปฏิสัมภิทา นิรุตติปฏิสัมภิทา ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ๔ ประเภท อรหันต์รวม ๔ ประเภทนี้เรียก จตุปฏิสัมภิทัปปัตโต เป็นอรหันต์ประเภทเยี่ยม เครื่องประดับความเป็นอรหันต์ของท่านพร้อมมูลหมด คือ จตุปฏิสัมภิทัปปัตโต อรหันต์ประเภทนี้ วันนี้ชี้แจงให้ทราบ

ประเภทไหนก็ตามเถอะขอให้กิเลสสิ้นจากใจหายห่วงด้วยกันหมด ไม่มีอะไรสงสัย นี้ก็จึงบอกชัดๆ เราได้ช่วยพี่น้องทั้งหลายคราวนี้ช่วยเต็มเหนี่ยวจริงๆ ช่วยโลกช่วยสงสารเราไม่เอาอะไรเลย แม้ที่สุดตายแล้วเขาเอาปัจจัยไทยทานมาถวายเพื่อจะเผาศพเรา เราตั้งกรรมการ นี้เขียนพินัยกรรมไว้แล้ว ตั้งกรรมการไว้เรียบร้อยแล้ว ให้คณะกรรมการเก็บหอมรอมริบเงินที่เขามาบริจาคเงินทานในการเผาศพเรา แล้วรวบรวมเงินเหล่านี้ซื้อทองคำเข้าสู่คลังหลวงปึ๋งหมดเลย เราจะเผาด้วยไฟ ไปด้วยความดีดผึงเลยเชียว ไม่ต้องนิมนต์พระมากุสลา

เอาให้มันชัดเจนซิการปฏิบัติ ทำไมกิเลสมันเหยียบหัวคนมาทั่วโลกดินแดนเป็นฟืนเป็นไฟ ทำไมชมมันอยู่เรื่อยๆ ธรรมะที่เป็นเครื่องเหยียบหัวกิเลสได้มากน้อยเพียงไร ควรจะภาคภูมิใจต่อผลของท่านผู้บำเพ็ญได้ ทำไมจึงมาดูถูกเหยียดหยามหาว่าอวดอุตริมนุสสธรรมไป นี่ปากอมขี้เข้าใจไหม ปากอมธรรมท่านพูดออกมา ปากพระพุทธเจ้าเป็นปากอมธรรม ปากสาวกทั้งหลายปากอมธรรม สอนโลกเย็นไปหมด ปากอมขี้ไปที่ไหนเป็นฟืนเป็นไฟไปหมด มันยังเอามาอวดได้ ว่าอวดอุตริมนุสสธรรม

เรานี้ก็โดน พูดให้มันชัดๆ เขาว่าหลวงตาบัวนี้อวดอุตริมนุสสธรรม ปรับอาบัติปาราชิกหลวงตาบัว เราก็บอกว่าให้ยกโคตรมาเลย โคตรเราก็มี เอ้า ให้ยกมา เราอวดเพราะเหตุไร แล้วคำที่ว่าเราอวด เอ้า ค้านมา คำที่มันขัดกับธรรมพระพุทธเจ้าที่เราแสดงออกไปนี้ อันไหนที่มาโจมตีเรามาฟ้องเราว่าเป็นสังฆา ปาราชิก คำนั้นเอามาจากไหน เอามาแจงเอามาค้านกับธรรมที่เราแสดง ถ้าหากว่าธรรมที่เราแสดงนี้ขัดข้องยุ่งเหยิงไม่ถูกต้องแล้วอันนั้นถูกต้อง เอา ยกให้ หลวงตาบัวนี้เป็นปาราชิกก็จะว่าเลยใช่ไหม นี้เงียบจนกระทั่งป่านนี้

บอกให้มันยกมาทั้งโคตรมันก็ไม่มา บอกว่าโคตรเราก็มีเราว่างี้ เราก็พูดไปเฉยๆ ที่จะให้มีขัดข้องใจอะไรกับใครที่มาตำหนิติเตียนไม่มี มันผ่านไปหมดแล้ว เหล่านี้เป็นโลกสมมุติโลกนิยมกัน พวกส้วมพวกถาน ธรรมะผ่านหมดแล้ว เวลาถึงกาลที่จะเอามาพูดก็นำมาพูดเฉยๆ เราไม่มีอารมณ์อะไรกับสิ่งเหล่านี้ เรียกว่าธรรมสูงกว่าโลกแล้ว โลกุตรธรรม แปลว่าธรรมเหนือโลก ก็มีเท่านั้น เอาละให้พร

พระพุทธเจ้า พระสงฆ์สาวกทั้งหลายเป็นปาราชิกหมด เพราะถูกเขาโจมตี เขาฟ้อง พวกเขาเป็นผู้วิเศษหมดใช่ไหม พวกปากอมขี้เป็นผู้วิเศษหมด ปากอมธรรมไม่มีความหมาย เข้าใจเหรอ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก