|
/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
ผิดถูกต้องเดินไปตามแถวธรรม |
|
วันที่ 2 ตุลาคม 2545
สถานที่ : สวนแสงธรรม |
| | ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
| |
ค้นหา :
ผิดถูกต้องเดินไปตามแถวธรรม
พี่น้องทั้งหลายฟังนะ ที่หลวงตาออกมานำพี่น้องชาวไทยคราวนี้นั้น เรานำด้วยธรรมล้วน ๆ เราไม่เอากิเลสตัณหา ถังขยะเข้ามาคลุกเคล้ากับคำพูดการแสดงออกของเรา ถึงจะดุด่าว่ากล่าว เด็ด เฉียบขนาดไหน ล้วนแล้วตั้งแต่น้ำที่สะอาดคือ ธรรม ลงชำระล้างสิ่งสกปรกทั้งหลายโดยถ่ายเดียวเท่านั้น ขอให้พี่น้องทั้งหลายทราบตามนี้ เพราะฉะนั้น ใครจะมาติฉินนินทา มาเห่าหรือมากัดหลวงตาจึงไม่มีความหมายสำหรับหลวงตา นอกจากผู้ที่เห่าที่กัดเท่านั้นจะบอบช้ำในปากของตัวเอง เพราะท่านแสดงไว้แล้วว่า กมฺมสฺสโกมฺหิ กมฺมทายาโท กมฺมโยนิ กมฺมพนฺธุ กมฺมปฏิสรโณ ยํ กมฺมํ กริสฺสามิ กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา ตสฺส ทายาโท ภวิสฺสามิ เรามีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เราทำกรรมอันไว้ดีหรือชั่ว กรรมนั้นแลจะติดตามหรือเป็นสมบัติของเรา นี่เป็นพระวาจาของพระพุทธเจ้าที่ตรัสสั่งสอนสัตว์โลก
เพราะฉะนั้น การที่ใครจะมาตำหนิติชม ก็เป็นมงคลและความเสียหายแก่ปากของตนที่ขุดออก ผิด ถูก ดี ชั่วเท่านั้น ไม่ไปเกี่ยวกับผู้ที่ถูกตำหนิติเตียน ให้เรากรุณาทราบอย่างนี้ ที่เราได้ช่วยพี่น้องทั้งหลาย การดุการด่าเป็นคู่เคียงกันไปกับธรรม แยกกันไม่ได้ ดังพระพุทธเจ้าทรง ที่เราจะนำมาแสดงเป็นภาษาไทย ซึ่งออกในสยามรัฐตลอดมา พี่น้องทั้งหลายก็เห็น ในภาษาบาลี แต่เราจะแปลออกเป็นคำภาษาพวกเราฟังกันได้ง่ายก็คือว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจะตำหนิติเตียน หรือสาบแช่ง ดุด่าว่ากล่าว จนกระทั่งถึงว่า อัปเปหิ ขับหนี ในบรรดาผู้ที่ควรดุด่าว่ากล่าว สาบแช่งหรืออัปเปหิอย่างนี้ และเราจะชมเชยผู้ที่ทำคุณงามความดี ปฏิบัติตนเป็นประโยชน์แก่ตนและแก่โลก เป็นคู่เคียงกันไปอย่างนี้
ในภาษาบาลี นิกัณหา ปะกหารหัง นิกัณหาแปลว่า การดุด่าว่ากล่าว ขับไล่ ถ้าควรอัปเปหิ ควรขับขับออก ถ้าเป็นพระก็เรียกว่าขับออกจากวงคณะสงฆ์ ไม่ให้อยู่ให้แปดเปื้อนในวงคณะสงฆ์ เพราะพระเหล่านี้เป็นพระเนื้อร้าย ไม่เป็นประโยชน์อะไรกับพระทั้งหลายที่ปฏิบัติตัวเป็นศีลเป็นธรรมอยู่ นอกจากเป็นพระเนื้อร้ายทำลายส่วนดีทั้งหลาย ให้ฉิบหายไปเท่านั้น เพราะงั้น พระพุทธเจ้าจึงอัปเปหิขับประเภทที่เป็นเนื้อร้ายแล้วเอาไว้ไม่ได้ ประเภทที่พอที่จะเยียวยารักษาได้ก็เยียวยาเหมือนอย่างที่เราไปรักษาโรคโรงพยาบาล เมื่อมันสุดวิสัยตายแล้วไม่เอาเข้าโรงพยาบาลใดแหละ
การที่หลวงตามานำพี่น้องทั้งหลายนี้ก็นำธรรมของพระพุทธเจ้าออกมาประกาศเพื่อเป็นมงคลและมหามงคลแก่พี่น้องชาวไทยเราโดยถ่ายเดียวเท่านั้น เราไม่มีที่จะแย็บออกว่า ให้ร้ายป้ายสีต่อผู้ใดด้วยความไม่เป็นธรรม จะออกเป็นคำผิดควรตำหนิก็เป็นธรรม ถูกก็เป็นธรรม เราออกตามธรรมล้วน ๆ เพราะฉะนั้น ใครจะมาตำหนิติเตียนเราอะไรจึงไม่มีความหมายสำหรับเราที่รับไว้นั้น รับไม่ได้ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้รับกรรมที่คนอื่นทำแล้วมาโยนให้ แต่เป็นเรื่องของเขาที่จะรับกรรมของเขาทั้งดีทั้งชั่วโดยถ่ายเดียว จะรับไป
ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่เคยหวั่นวิตกกับคำใด พระพุทธเจ้าท่านสอนพระอานนท์ พวกนี้ก็รู้ก็เห็นด้วยกัน เพราะเรียนมาในคัมภีร์เดียวกัน เป็นแต่เพียงว่าจะปฏิบัติตามนั้นหรือไม่ปฏิบัติเป็นอีกแง่หนึ่งเท่านั้น ว่าพระพุทธเจ้าเสด็จออกบิณฑบาตนี้ เขาจ้างคนมายืนเป็นแถวเรียงรายกันเลย ให้ด่าพระพุทธเจ้า ด่าว่า ไอ้อูฐ ไอ้ลา ไอ้หัวโล้นโกนคิ้ว ไอ้ขอทาน ไอ้กะลามะพร้าว ไอ้เศษไอ้เดน ไอ้ถังขยะ แล้วแต่เขาจะพูด พระองค์ทรงบิณฑบาตเฉย เพราะมันออกจากปากเขา สกปรกหรือสะอาดออกจากปากเขา ไม่ได้ออกจากปากพระพุทธเจ้า พระอานนท์มีความอิดหนาระอาใจแล้วกราบทูลพระพุทธเจ้า ขอให้พระองค์พาเสด็จไปโปรดเมืองอื่นที่เขาไม่นินทากาเลอย่างนี้
พระองค์ทรงรับสั่งถามว่า อานนท์จะไปเมืองไหน ไปเมืองไหนเขาก็มีปากเหมือนกัน คนพูดเขาก็พูดอย่างที่เป็นมาแล้วนี้ ไม่เป็นที่ไหนไม่พ้นสัตว์โลกที่มันมีปาก มันต้องเห่า ต้องดุ ต้องกัดเป็นธรรมดา พระอานนท์ก็บอกไปเมืองนู้น ไปเมืองไหนก็แบบเดียวกัน แล้วจะไปที่ไหนละ มีแต่สัตว์โลกมีแต่ปาก เห่าฟ่อ ๆ แฟ้ เหมือนกันหมด แล้วจะไปที่ไหน สุดท้ายพระอานนท์ไม่มีที่ไป เพราะไปที่ไหนก็ไม่พ้นที่เขาจะดุด่าว่ากล่าวต่าง ๆ ด้วยความไม่เป็นธรรมของเขา พระองค์ก็ทรงแสดงว่า ไอ้สิ่งเหล่านี้มีมาดั้งเดิมอานนท์ อย่ามาตื่น ไม่ใช่มีมาสองสามวันนี้เท่านั้น มีมาตั้งกัปตั้งกัลป์
เป็นภาษิตโบราณว่า เอส ธมฺโม สนันตโน ธรรมเหล่านี้เป็นของเก่าของแก่ สัตว์ทั้งหลายได้เคยคลุกเคล้ากันมากับมันตลอดกัปตลอดกัลป์ ไม่น่าตื่นเต้นกับสิ่งเหล่านี้ เพราะเป็นของมีมาดั้งเดิม ไม่ใช่เป็นของพึ่งมีมาเมื่อวานนี้ เรานี้จึงเปรียบเหมือนช้างที่เข้าสู่สงคราม มุ่งต่อชัยชนะที่เป็นผลประโยชน์ต่อส่วนรวมเท่านั้น เราไม่เคยพรั่นพรึงหวั่นไหวกับลูกศรหรือศาสตราวุธที่จะมาในทิศใด เราตั้งหน้าตั้งตา ทำประโยชน์ให้โลกโดยถ่ายเดียวเท่านั้น พระองค์ก็ทรงดำเนินไปตามแถวของพระองค์ พวกที่เขาดุเขาด่า เขาตำหนิติเตียนพระองค์ก็เป็นเรื่องของเขาไป
อันนี้สำหรับหลวงตาบัวตัวเท่าหนูก็เหมือนกัน โลกอันนี้จะตำหนิ ยกมาหมดขบวนของโลก อย่าว่าแต่คนทั่วโลก โคตรของคนทั่วโลก สัตว์ทั่วโลก โคตรแซ่ของสัตว์ทั่วโลกจะมาตำหนิติเตียนหรือชมเชยเราก็เป็นเรื่องของเขาโดยถ่ายเดียวเท่านั้น เรามุ่งแต่ประโยชน์ที่จะทำให้ส่วนรวมได้รับความสุข ความเจริญแน่นหนามั่นคง ไม่มีอย่างอื่น การที่หลวงตาได้นำพี่น้องทั้งหลาย อันใดผิด อันใดถูกต้องเดินไปตามแถวธรรม เมื่อผิดจากธรรมก็ต้องบอกว่าผิด เมื่อถูกต้องบอกว่าถูก จะพูดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
ขอให้ท่านทั้งหลายฟังตามร่องรอยของธรรม ท่านทั้งหลายจะได้หายกังวลกับเรื่องเห่า ๆ หอน ๆ อยู่ตามถังขยะสุ่มสี่สุ่มห้า หาเหตุหาผลไม่ได้ เพราะอำนาจบาตรหลวง ความหลงลาภ หลงยศ หลงชื่อ หลงนาม เป็นบ้ายศ บ้าลาภ อันนั้นเป็นเรื่องของกิเลส ทำให้คนตาฟ่าตาฟาง ถ้าเข้าไปครอบในหัวพระ พระก็ตาฟ่าตาฟาง ตามืดตาบอด ผ้าเหลืองก็มีแต่ผ้าเหลืองคลุมกองกระดูกที่เต็มไปด้วยถังขยะอยู่เท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่ผู้ที่ปฏิบัติธรรมจะนุ่งจะครองเป็นผ้าสบงจีวรหรือเป็นซิ่น หรือเสื้อกางเกงก็หุ้มห่อร่างกายของคนผู้เป็นคนดี ดีไปด้วยกันทั้งหมด
มันขึ้นอยู่กับใจต่างหากนะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งภายนอก ขอให้ท่านทั้งหลายจำเอา ใครจะตำหนิติเตียนหลวงตา อย่าไปคิดมาก อย่ามาวิตกกับหลวงตาว่าจะหวั่นจะไหว หลวงตาไม่มีแล้วในสิ่งเหล่านี้ จะว่าสักเท่าไรมันก็ไม่มี เพราะเราไม่มีในหัวใจเรา เราเปิดโล่ง ปล่อยออกหมดโดยสิ้นเชิง ว่าคำตำหนิติเตียนซึ่งมีน้ำหนักเท่ากันจะสร้างความหนักหน่วงหรือกังวลใจให้เราเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น อิฐก้อนหนึ่งมีน้ำหนัก ๑๐ กิโล แล้วเอาทองคำแท่งหนึ่งมาวางลงเทียบกัน น้ำหนัก ๑๐ กิโล ทองคำกับอิฐทั้งสองก้อนนี้เมื่อยกขึ้นแล้วจะมีน้ำหนักเท่ากัน
ถ้าว่าเป็นทุกข์เพราะความหนักในการยกอิฐและยกทองคำก็เป็นทุกข์เท่ากัน เพราะฉะนั้น เพื่อความไม่เป็นทุกข์จึงไม่ยกทั้งทองคำ ไม่ยกทั้งอิฐ ปล่อยไว้ตามเป็นจริง อิฐหรือทองคำเทียบกับความนินทาและความสรรเสริญ ความนินทาเท่ากับอิฐก้อนหนึ่ง มันก็มีน้ำหนักของมันเท่านั้น ความสรรเสริญแม้ว่าเป็นของดี มันก็มีน้ำหนักเช่นเดียวกัน ไปยกขึ้นก็หนักเท่ากัน เพราะงั้นจึงปล่อยเสียทั้งหมดโดยสิ้นเชิง เมื่อไม่ยกอะไรแล้วหาความทุกข์ไม่ได้ เช่นพระพุทธเจ้าทรงปล่อยวางหมดแล้ว พระอรหันต์ปล่อยวางหมดแล้ว ความทุกข์ทางจิตใจเพราะอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นท่านจึงไม่มี เปิดออกหมด ไม่มีอะไรเหลือ
ไม่มีใครมีความสุขยิ่งกว่าผู้ที่ปล่อยวางแล้วในบรรดาสมมุติทั้งหลายโดยสิ้นเชิง แล้วไม่มีผู้ใดจะมีความทุกข์มากยิ่งกว่าผู้ที่กวาดที่ต้อนเอาทั้งมูตรทั้งคูถ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ว่าเป็นของสกปรกหรือดีอะไรก็ตามมาคลุกเคล้ากันกลายเป็นถังมูตรถังคูถ แล้วแบกเทินหัวไป เป็นกองทุกข์ หนักก็หนัก ขี้ก็ไหลอาบบ่าอาบตัวลงมา คนนี้น่าดูไหม คนที่อาบมูตรอาบคูถทั้ง ๆ ที่แบกเทินอยู่บนหัวด้วย แล้วอาบไหลลงมาตามร่างกายด้วย น่าดูไหม ผู้ไม่แบกนั้นแลผู้สบาย จะนินทามา สรรเสริญมาก็ตามไม่แบกทั้งนั้น ผู้นี้สบาย ให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้
และอย่าวิตกวิจารณ์กับหลวงตาที่ว่า ใครก็ตามที่จะมาตำหนิติเตียน หลวงตาเองไม่มีความกังวลแล้ว ท่านทั้งหลายไปกังวลแบกหามให้เป็นทุกข์หาอะไร ถ้าแบกหามให้เป็นทุกข์ก็ควรจะเป็นหลวงตาผู้แบกหอมก่อนอื่น แล้วเป็นทุกข์ก่อนผู้อื่นผู้ใดทั้งนั้น นี่ตัวเราเองเราก็บอกชัด ๆ การปฏิบัติธรรมมาในชาตินี้เป็นชาติที่สิ้นสงสัยทุกอย่างแล้ว ในสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราเคยกด เคยดัน เคยทับอยู่บนศีรษะเรามากี่กัปกี่กัลป์แต่เราได้สละลงเรียบร้อยแล้วด้วยอำนาจแห่งธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นเครื่องปล่อยวาง เราดำเนินตามนั้น ปล่อยวางตามนั้น จนกระทั่งปล่อยวางได้โดยสิ้นเชิง จึงไม่มีอะไรเหลือ
เราจึงไม่มีทุกข์ในทางใด มีตั้งแต่ความเมตตาสงสารสัตว์โลกเท่านั้นเอง ไปที่ไหนก็ตะเกียกตะกายโบกมือที่นั่นโบกมือที่นี่ ไหนทองคำ ไหนดอลลาร์ และไหนเงินสด ไปที่ไหนก็โบกมือหานั้นเพื่อจะขนสมบัติเหล่านี้เข้าสู่คลังหลวง อันเป็นลมหายใจของคนเราทั้งชาติให้ได้หายใจโล่ง เราเป็นที่สบาย เพราะฉะนั้น เราจึงได้ตะเกียกตะกายในสิ่งที่เป็นไปได้กับโลกทั้งหลาย เพื่อความสุขความเจริญและความร่มเย็นแก่บรรดาโลก สำหรับหลวงตานี้พอทุกอย่างแล้ว ไม่มีอะไร เขาจะตำหนิติเตียนก็ตาม ชมก็ตาม ไม่มีความรู้สึกอะไรที่จะหวั่นจะเกรง จะอยากได้ อยาก ทะเยอทะยาน ไม่มี เรียกว่า พอ
ธรรมเมื่อเข้าสู่หัวใจใดแล้วย่อมพอ ไม่มีอะไรเลิศเลอยิ่งกว่าคำว่า พอ คำว่านิพพาน แปลว่าดับกองทุกข์ทั้งหลายนั้นแลจากใจ เมื่อสมมุติดับโดยสิ้นเชิงแล้ว ใจก็พอ ให้พากันตั้งอกตั้งใจ แล้วการช่วยชาติบ้านเมืองก็ดังที่พี่น้องทั้งหลายปฏิบัติมานี้ตามแนวแถวของครูของอาจารย์ หลวงตาขออนุโมทนาด้วยทุก ๆ ท่านนะ แต่การดูแลความรับผิดชอบในบ้านในเมืองของเรา ทุกคนต้องมีหูมีตาสอดส่อง มองดูสิ่งที่ดีที่ชั่ว ที่มีอยู่รอบข้าง ถ้าเรามองไม่รอบ อยู่แบบตายใจความเสียหายจะเป็นสิ่งที่เราจะได้รับเคราะห์ทั่วหน้ากันในเมืองไทย จึงพากันเข้มงวดกวดขันในการระมัดระวังรักษา ไม่เช่นนั้นไม่ได้นะ
เวลานี้ศึกสงครามรอบด้านในเมืองไทยเรา ท่านทั้งหลายก็ทราบดียิ่งกว่าหลวงตาด้วยซ้ำ หลวงตาอยู่แต่ในป่าในเขา ถึงเวล่ำเวลาก็ออกมาแสดง แต่เรื่องฟืนเรื่องไฟ เรื่องมูตรเรื่องคูถ มันคละมันเคล้า มันซอกมันซอน สลับซ้ำซ้อน มันหาช่องหาทางอยู่ตลอดเวลา เท่ากับตาสับปะรดที่จะยุแหย่ก่อกวนโลกทั้งหลายให้หลงตามกลของมันแล้วเหยียบลงทั้งชาติทั้งศาสนา จะไม่มีเหลือในเมืองไทยเลย เพราะกลอุบายของเปรตผีเหล่านี้ ให้พากันจำให้ดีและให้พากันเข้มงวดกวดขัน เข้มแข็ง ถึงเวลาเข้มแข็งต้องแข็ง เราเป็นเจ้าของสมบัติ อ่อนไม่ได้นะ มีคนเดียวก็ฟัดกันเลย
มหาโจรมันจะมากี่สิบกี่ร้อยคน เราเป็นเจ้าของสมบัติเรามีสิทธิ มีอำนาจเต็มตัวของเรา อยู่เพียงคนเดียวไม่มีอะไรเลย เอาหมัดฟัดกันเลย ต่อยกันด้วยหมัด เราก็ให้อุบายเรียบร้อยแล้ว เมื่อหมัดของเรามันหมด ไม่มีอะไรแล้ว ให้ไปคว้าเอาหมัดหมามาช่วยเรา หมามันก็มีหมัด หมัดที่เท้ามันตีได้เหมือนเราก็ได้ มันเขี่ย มันขุด มันขูดเอา แล้วหมัดบนหลังมันกัด นอนไม่หลับใครมีหมัดบนหลัง ใครมีหมัดบนหัว ให้ไปเอาหมัดนี้มาฟัดหัวมัน พวกเปรต พากันจำไว้นะ อย่าอ่อนนะ ต้องมีความเข้มแข็งทั่วหน้ากัน อย่าเห็นว่านี่เป็นของคนนั้น นั้นเป็นของคนนั้น ชาติไทยจะจม
มาแง่ไหนมุมใดเป็นภัยของชาติไทยทั้งนั้น เมื่อเป็นภัยของชาติไทยแล้วก็เรียกว่าเป็นภัยของเราทุกคน เราจำต้องได้ระวังรักษา อุบายวิธีการของเปรต ของผี ของยักษ์ ของมารมันจะไม่มีเหตุมีผล มีแต่ท่าจะได้จะเอา พวกดื้อพวกด้านทุกอย่าง ไม่มีใครเกินพวกนี้นะ ออกทุกซอกทุกมุมอย่างหน้าด้าน ไม่มียางอายเลย เราต้องดูเหตุผล ถ้าผิดสังเกตที่ไม่เป็นที่แน่ใจ อย่าไว้ใจมัน การโฆษณาให้มันยกเอาตู้รถไปมาโฆษณามันก็เป็นกระดาษเศษ ถ้าเราไม่หลงเชื่อมันตามกลหลอกลวงของมันเสียเท่านั้น ถ้าเราหลงเชื่อแล้วแย็บออกตายแล้วนะ เราก็เรียนวิชา เฉพาะอย่างยิ่งเรียนจากหลักธรรมมา เป็นวิชาที่คงเหตุคงผล คงเส้นคงวา เฉลียวฉลาดแหลมคม ไม่มีใครเกินวิชาของพระพุทธเจ้า ให้นำมาใช้ติดตัวของเรา อย่านอนใจนะ
วันนี้พูดเพียงเท่านี้เป็นข้อเตือนใจพี่น้องทั้งหลาย ต่างคนต่างรักษาสมบัติของตนด้วยความระมัดระวัง อย่าคุ้นกับใครง่าย ๆ จะมาประจบประแจงเลียแข้งเลียขาแบบไหน เลียเพื่อจะกัดคอเรานั้นแหละ เพื่อจะงับคอเรา เราอย่าปล่อยให้มันงับง่าย ๆ นะ อย่าเชื่อง่าย ๆ คนประเภทนี้ประจบสอพลอเก่งนะ เลียแข้งเลียขา เข้าแทรกนั้นแทรกนี้ ไม่ว่าบ้านนอกบ้านนา ไม่ว่าในที่ราชการต่าง ๆ มันจะเข้าเลียไปหมด ประจบประแจงเพื่อจะหลอกลวงต้มตุ๋นให้ได้อย่างใจมัน
ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลายที่ตั้งหน้าตั้งตาบริจาคด้วยความรักชาติของตนทั่วหน้ากันเทอญฯ
อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่ www.luangta.or.th
|
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|