เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๐
มีแต่ธรรมล้วนๆ ออกแล้วไม่ติดอะไร
ก่อนจังหัน
พระมาศึกษาดูให้ดีนะพระ มาจุ้นจ้านๆ ไม่ได้นะ เดี๋ยวนี้ออกพรรษาแล้วพระเข้าออกๆ ตลอดเวลา พระมาให้ดูให้ดี อย่ามาเก้งก้างๆ ไม่ได้นะ เที่ยวโน้นเที่ยวนี้ตาเถ่อตามอง หัวใจสติปัญญาไม่มีไม่ใช้ไม่สนใจ เลอะๆ เทอะๆ นะ พระมีมากเท่าไรยิ่งเลอะเทอะทุกวันนี้ ตามธรรมดาพระมีมากเท่าไรยิ่งชุ่มเย็น แต่นี้กลับกลายตรงกันข้าม พระมีมากเท่าไรยิ่งกวนบ้านกวนเมือง ยุ่งมากเข้าทุกวันๆ นี่พระเทวทัต...ประเภทนี้
บวชเข้ามาเอาผ้าเหลืองคลุมหัวแล้วก็เอานี้ละโอ่อ่าฟู่ฟ่า อาศัยพระพุทธเจ้า ตัวเป็นมหาโจรอยู่ในนั้น มันเลอะเทอะมากนะเดี๋ยวนี้พระเรา ญาติโยมประชาชนเขาไม่กล้าพูดอะไรเขากลัวบาป เห็นแก่ผ้าเหลือง แต่เจ้าของไม่กลัวบาป เลอะเวลานี้นะ เข้ามาเหล่านี้เหมือนกันจุ้นจ้านๆ เราชี้หน้าเอา ถ้ามาในนี้เอาละเราไม่ได้เหมือนใคร ดูลักษณะท่าทาง ถามมาจากไหนไปไหน ใครเป็นอุปัชฌาย์ ไล่เบี้ยกัน ไล่เดี๋ยวนั้นเลยไม่ให้มาอยู่ มันเลอะเทอะมากนะเวลานี้ พากันจำให้ดี
มองไปที่ไหนไม่น่าดู ดูฆราวาสก็ไปแบบหนึ่ง ดูพระก็ไปแบบหนึ่ง ไม่เป็นสิ่งที่น่าดูน่าชมเลยทำยังไง นี่ละจิตใจต่ำทรามเป็นอย่างนั้น ถ้าจิตใจดีเป็นอรรถเป็นธรรมแล้วจะน่าดูทุกอย่าง กิริยาความเคลื่อนไหวไปมาจะน่าดู ถ้าลงจิตใจต่ำเสียอย่างเดียว แสดงออกมานี้มีแต่มูตรแต่คูถเต็มเนื้อเต็มตัว เต็มกิริยามารยาทการแสดงออก ใช้ไม่ได้นะพระเรา เอาละให้พร
หลังจังหัน
(เจ้าอาวาสวัดน้ำตกจำปาทอง จังหวัดพะเยา ทำหนังสือถวายสถานีวิทยุแด่องค์หลวงตา และเข้าเป็นเครือข่ายวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน ออกอากาศด้วยคลื่นความถี่ระบบเอฟ.เอ็ม ๑๐๓ เม็กกะเฮิซ เครื่องส่งขนาด ๕ วัตต์ เสาสูง ๑๘ เมตร และอุปกรณ์ต่างๆ) เวลานี้วิทยุเรามีจำนวนมากเท่าไรที่ตั้งเป็นสถานีวิทยุ (ตอนนี้ยังไม่รายงานยอดที่แน่นอนมาครับ) ๙๐ กว่าสถานี (ที่เขารายงานข้างหน้าศาลา ๙๑ ) ที่ยังไม่มีมีจังหวัดไหนบ้าง ๑๖ จังหวัดเหรอเมืองไทยเรา (ทุกจังหวัดยังไม่ครบครับ แต่ภาคครบแล้วครับ หลวงตามีอย่างอื่นประกอบด้วยครับ ๑.อินเตอร์เน็ตทั่วโลก ๒.ดาวเทียมไทยคมมีทั้งเสียงทั้งภาพ)
เรามีแต่เทศน์ เทศน์แล้วก็ผ่านเรื่อยๆ ไม่ได้มาสนใจกับมันออกทางไหน เขาจะนำธรรมะนี้ไปใช้ประโยชน์ในทางใดบ้างเราไม่มีเวลาจะคิด เทศน์แล้วก็หายเงียบๆ ทีนี้ผลจากการเทศน์เลยเป็นสถานีวิทยุในที่ต่างๆ เดี๋ยวนี้ ๙๐ กว่าสถานีแล้วนะ (เฉพาะที่รายงานมานะครับ แต่จริงๆ เฉียดๆ ร้อยแล้วครับ ออกตอนนี้ตลอด ๒๔ ชั่วโมงเลย เสียง-ภาพนี่ละครับ หลวงตาอยู่กับเขาทุกบ้านเลยพวกลูกศิษย์ที่เปิด) อยู่หรือมันนอนเฝ้าเฉยๆ ก็ไม่รู้ เราไม่ได้แน่ใจ อยู่กับเขาทุกบ้านไปนั่งเฝ้าเขานอน วิทยุหลวงตานี่เป็นวิทยุนั่งเฝ้าคนนอนหลับ
เราแน่ใจในการเทศนาว่าการสอนโลกคราวนี้ ออกมาจากหัวใจล้วนๆ เลย พูดสาธุ ตำราเป็นแบบแปลนแผนผังแล้วกระจายออกมาหาความจริง ความจริงแท้ออกจากใจ พระพุทธเจ้าตร้สรู้ที่ใจ สาวกทั้งหลายตรัสรู้ที่ใจ ถอดออกจากใจไปเป็นพระไตรปิฎก ปิฎกๆ แปลว่าภาชนะ ภาชนะสำหรับใส่ธรรม พระวินัยปิฎกภาชนะสำหรับพระวินัย พระสุตตันตปิฎก ภาชนะสำหรับรับพระสูตร อภิธรรมปิฎก ภาชนะสำหรับรับพระอภิธรรมขั้นสูงสุด ท่านถอดออกจากใจท่านไปเป็นพระไตรปิฎก ออกจากพระพุทธเจ้าและสาวก แม้จะเป็นภูมิกว้างแคบลึกตื้นต่างกันก็ไม่ผิด คือออกจากความจริงเหมือนกันๆ
นี่เราก็เคยพูดให้ฟังแล้ว จนเป็นเรื่องตลกขบขัน เดินผ่านไปบ้านหนองแวง แต่ก่อน หนองแวงยังไม่มีบ้าน เขามีนาอยู่นั้น คือเขานิมนต์ไปทำบุญลานข้าวเขา เราก็ได้หนังสือพกเล่มหนึ่ง ไปที่ไหนก็อาศัยเทศน์อันนี้ละ กินกับอันนี้ไป พอดีวันนั้นเทศน์จบแล้วเขาแห่กันมาอีก เหอ ท่านเทศน์จบแล้วเหรอๆ เรายังไม่ลืม อีตานั้นน่ะอยากตามฆ่ามันอยู่ มันตายแล้วยังไม่รู้ โหย เทศน์จบแล้วก็จะยากอะไร ให้ท่านฉันเพลเสียก่อนแล้วค่อยเทศน์ เทศน์เมื่อไรก็ได้ ก็มันไม่ได้เทศน์ พอว่าอย่างนั้น อู๊ย สะดุดกึ๊กเลย ฉันขนมนางเล็ดครึ่งแผ่นไม่หมด ไม่ลืมนะ
นี่ละเป็นทุกข์ที่สุดในชีวิตนักบวชคราวนี้ ฝังลึกมากนะ จากนั้นมาก็เรื่อยละ ก็บวชได้พรรษาเดียว จะเอาคำไหนมาเทศน์ ภาษิตที่จะยกมาเทศน์ก็ไม่มี พอบวชเข้ามาก็เรียนสวดมนต์ ๗ ตำนาน ๑๒ ตำนานจบ เรียนปาฏิโมกข์จบ ได้สวดในพรรษา ก็เท่านั้น ออกพรรษาแล้วเขาก็นิมนต์ไป ก็จะได้อะไรไปเทศน์ ก็ได้แต่ จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ เท่านั้น เราก็ไม่ลืมนะ จิตฺเต สงฺกิลิฏฺเฐ ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา แปลว่าถ้าจิตเศร้าหมองแล้วทุคติเป็นที่หวังได้
ทุคติคือนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน นี่อบายภูมิเป็นที่หวังได้ของจิตที่เศร้าหมอง ความหมายว่างั้น เราก็ได้ภาษิตนั่นเท่านั้นละเทศน์ โอ้ ไม่ลืมนะ ทุกข์มากจริงๆ เหมือนอกจะแตก ฉันขนมนางเล็ดครึ่งแผ่นไม่หมด กลืนไม่ลง นี่ก็ไม่ลืม ก็พรรษาเดียวยังไม่ได้เรียนอะไรเรื่องการเทศน์ ภาษิตอะไรไม่มี ต่อจากนั้นก็ค่อยเป็นไป เพราะเราก็เรียนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งทุกวันนี้ ทุกวันนี้มันเลยหมุนเข้ามานี้หมด ที่เรียนตามตำรับตำราหมุนเข้ามาที่นี่หมด ทีนี้จึงทราบว่าต้นลำอันใหญ่หลวงของธรรมทั้งหลายแท้เกิดจากนี้ เลยรู้ละที่นี่นะ ออกจากนี้ทั้งนั้น เวลาจิตมันได้เปิดกว้างมันเปิดจริงๆ ติดเขาติดเรานี่เป็นกำแพงกั้นหัวใจ จะออกทางไหนก็ติด ติดเขาก็ติดเรา ก็กิเลสนั่นละพาให้ติด
ทีนี้เปิดกำแพงฟาดขาดสะบั้นไปหมดแล้วไม่มีติดเขาติดเรา มีแต่ธรรมล้วนๆออก เมื่อมีแต่ธรรมล้วนๆ ออกแล้วไม่ติดอะไร นอกจากจะพูดหนักเบามากน้อยตามสมควรแก่ผู้มาเกี่ยวข้องเท่านั้นเอง เปิดโล่งไปหมด ก็คือคำว่าเขาว่าเรานั้นเป็นกำแพงกั้นหัวใจไม่ให้ธรรมทั้งหลายออกได้ พอกำแพงติดเขาติดเรานี้เปิดกว้างออกแล้ว มันก็โล่งไปหมดเลย
เทวบุตร เทวดา อินทร์ พรหม พระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้ทำไม ท่านไม่เป็นท่านแสดงได้ยังไง สาวกทั้งหลายท่านแสดง ตั้งแต่ท้าวมหาพรหมลงมา เทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม เปรต ผี ท่านเทศน์ได้อย่างไร ก็ท่านรู้ท่านเห็น ท่านติดต่อเกี่ยวข้องกันอย่างที่เราเห็นกันอยู่นี่น่ะ ตาในกับตานอก ตานอกก็เห็นรูปนั่นรูปนี่ ตาในก็เห็นสภาพของภายใน แล้วจะไม่ให้ท่านเทศนาว่าการ อฑฺฒรตฺเต เทวปญฺหากํ ตั้งแต่หกทุ่มล่วงไปแล้วท่านแก้ปัญหาพวกทวยเทพทั้งหลาย มีท้าวมหาพรหมเป็นต้น ลงมาโดยลำดับ ตอนเที่ยงคืนไปแล้วแก้ปัญหาและเทศนาว่าการสั่งสอนพวกทวยเทพทั้งหลาย
พอค่อนคืนไปแล้วก็ ภพฺพาภพฺเพ วิโลกานํ.เล็งญาณดูสัตวโลก พระญาณหยั่งทราบไปหมด ใครมีอุปนิสัยใจคอที่ได้สร้างบุญสร้างบาปมาหนักเบามากน้อยเพียงไร จะซึมซาบไปหมดด้วยพระญาณของพระพุทธเจ้า นั่นละ ภพฺพาภพฺเพ วิโลกานํ นี่ละสำคัญมาก เป็นสิ่งที่ลึกลับ สำหรับผู้ไม่เคยรู้เคยเห็นไม่เชื่อเสียมากต่อมาก คือเล็งญาณดูสัตวโลกนี่ลึกซึ้งมากทีเดียว แล้วก็ อฑฺฒรตฺเต เทวปญฺหากํ แก้ปัญหาตลอดถึงการเทศนาว่าการ สอนพวกทวยเทพทั้งหลายตั้งแต่ท้าวมหาพรหมลงมา อยู่ในข่ายแห่งธรรมที่ท่านจะสอนทั้งนั้น เวลาท่านสอนพวกเทพเป็นพวกเทพไปเลย สอนมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ไป เป็นแบบๆ ไปอย่างนั้น
จิตใจเวลาได้เปิดกว้างออกแล้วมันโล่งไปหมดเลย แต่เวลามันปิด ก็คือติดเขาติดเรานั่นละ เป็นกำแพงปิดไว้หมดเลย เวลาเปิดกำแพงเขาเราพังทลายลงไปแล้ว มันก็ออกกว้างเต็มกำลังความสามารถ หรือตามนิสัยวาสนาของผู้แสดงธรรม แล้วไม่ผิดด้วย เปิดกว้างไปแล้วเห็นอะไรพูดอะไรจะผิดอะไรก็เห็นอยู่รู้อยู่ อย่างที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้นั้น อย่าพากันหลับตาปิดหูฟังนะ จม พระพุทธเจ้าแสดงเรียกว่า สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ชอบแล้ว
คำว่าชอบไม่มีอะไรที่จะไปเพิ่มเติม หรือแบ่งสันปันส่วนแยกออกนี้ อันนั้นขาด อันนั้นเหลือไม่มี เป็นสวากขาตธรรมสมบูรณ์แบบทุกอย่างในธรรมทั้งหลายที่สอนโลก ตามขั้นตามภูมิของโลกที่จะรับได้ เรียกว่าสวากขาตธรรม ท่านว่าอะไรแล้วเป็นความจริงตามนั้นๆ ไม่ผิดไม่พลาด เช่นบาปมีบุญมี นรกมีสวรรค์มี พวกเปรตพวกผีประเภทต่างๆ มี จนกระทั่งถึงนิพพาน ท่านแสดงไว้ด้วยความรู้แจ้งเห็นจริงทั้งนั้น ท่านไม่ได้ลูบๆ คลำๆ นะ
ความรู้ทางใจไม่เหมือนความรู้ที่เราเรียนจำนะ ความรู้ที่เราเรียนจำมาจะว่าเป็นสมบัติของตนว่าไม่ได้นะ เรียนไปๆ มากน้อยที่ไหนมันก็หลงลืมไปๆ ไม่ใช่สมบัติของตัวเอง ถ้าเป็นสมบัติของตัวจากภาคปฏิบัติที่ตนปฏิบัติได้แล้ว รู้ด้วยเห็นด้วยแล้วก็เป็นสมบัติของตนด้วยไปโดยลำดับลำดา นั่นละเป็นอัตสมบัติแท้จากภาคปฏิบัติ เพียงเรียนจำเฉยๆ ไม่ว่าเขาว่าเรา เรียนไปมากน้อยเพียงไรมันก็จำไม่ได้ มันหลงลืมไป
อย่างสมเด็จพระสังฆราชเราทุกวันนี้เห็นไหมล่ะ ท่านเปรียญ ๙ ประโยค ฟังซิน่ะ เต็มภูมิของสมมุติที่ใช้กัน แต่เวลานี้ท่านพูดอะไรได้เมื่อไร เห็นไหม นี่ละเรื่องความจดความจำมันเสื่อมไปหมด เรียกว่าถือเป็นสมบัติของตนไม่ได้สำหรับความจำ แต่ความจริงนี้ติดกับใจ ใจเป็นความจริงล้วนๆ ออกมาจากใจจริงล้วนๆ ทั้งนั้น เป็นอัตสมบัติ เป็นสมบัติของตนๆ
พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เลิศเลอแล้ว ขอให้พี่น้องทั้งหลายยึดไว้ให้เป็นหลักเป็นเกณฑ์ฝากเป็นฝากตายนะ ไม่มีคำพูดใดในสามแดนโลกธาตุนี้ จะเป็นคำพูดที่ถูกต้องแม่นยำเหมือนคำสอนหรือเหมือนคำพูดของพระพุทธเจ้า อันนี้แม่นยำทีเดียว จึงเรียกว่า สฺวากฺขาโต ตรัสไว้ชอบหมด สมบูรณ์แบบ ไม่มีที่จะได้หยิบออกหรือได้เพิ่มเข้าไป ไม่มี สมบูรณ์แบบจากพระญาณหยั่งทราบเต็มหัวใจแล้ว
ให้พากันตั้งใจปฏิบัตินะ เวลานี้กิเลสมันหนาเข้าๆ จนจะไม่มีบาปมีบุญ ทั้งๆ ที่สร้างบาปสร้างบุญอยู่ตลอดเวลาทุกตัวสัตว์ มันก็ลบล้างไปว่าบาปไม่มี บุญไม่มี แล้วการทำบาปไม่ได้บาปจะได้อะไร การทำบุญไม่ได้บุญจะได้อะไร มันก็มีอยู่ในโลกนี้บาปบุญ ใครทำอะไรก็ได้อันนั้นเพราะเป็นของมีอยู่ ทำแล้วไม่ได้ผลไม่มี ทำแล้วต้องได้ผล ไม่มีที่ลับที่แจ้ง ไม่ว่าที่ใดๆ ลงทำ เจ้าของเปิดเผยในการกระทำของเจ้าของอยู่ตลอดเวลา แล้วจะเอาอะไรมาเป็นที่ลับ เจ้าของทำอยู่ หลับตาทำ ทำดีทำชั่วก็เป็นดีเป็นชั่วตลอดเวลา มีที่ลับที่แจ้งที่ไหน
ให้ระวัง ระวังตัว ระวังอะไรระวังได้ทั้งนั้น แต่การระวังตัวโลกไม่ระวัง เพราะฉะนั้นโลกจึงหลวมตัวเข้าสู่ความชั่วต่ำทราม ได้รับความทุกข์ความลำบากมากตลอดมานี้ คือไม่ได้มองดูตัว ตัวสร้างเหตุ เหตุดีเหตุชั่วคือความดีความชั่ว ทำดะไปวันยังค่ำ แล้วก็ว่าไม่มีผล ไม่มีบุญไม่มีบาป สร้างขึ้นมาเรื่อย ขนขึ้นมาเรื่อย บาปบุญเข้ามาเรื่อย ส่วนมากมาแต่บาปแหละ แล้วต่ำลงๆ จิตใจต่ำลงไปแล้วอะไรจะสูงขนาดไหนก็สูงเถอะ ถ้าลงได้จิตต่ำเสียอย่างเดียวต่ำไปหมด ไม่มีอะไรสูงในโลกอันนี้ ถ้าจิตสูงเสียอย่างเดียวสูงหมดเลยเทียว
อย่างจิตพระพุทธเจ้า จิตพระอรหันต์นี้ครอบโลกธาตุ เอาอะไรไปเหยียบย่ำทำลายให้สูงกว่าจิตประเภทนั้น กว่าธรรมประเภทนั้นไม่มี ท่านจึงเรียกว่าโลกุตรธรรม แปลว่าธรรมเหนือโลก คือธรรมที่เลิศเลอเหนือโลกทุกโลกเลย เข้าสู่จิตใจใดใจนั้นก็เป็นใจเหนือโลกๆ ไปเรื่อยๆ
เวลามันต่ำมันก็ต่ำ...ใจ กิเลสตัณหาเป็นของต่ำเหยียบลงไปๆ ธรรมก็อยู่ทางใต้ กิเลสตัณหาอยู่ข้างบน มันก็สนุกทำหน้าที่สร้างความชั่วช้าลามกได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย นั่นละคนที่ได้รับกรรมหนาบางต่างกัน หนักมากน้อยมากต่างกัน ก็เพราะทำตามความอยากของตนนั่นแหละ ถ้ามีธรรมเข้าแทรกบ้าง ควรหรือไม่ควรมันก็มีการแยกแยะ ถ้าไม่ควรทำอยากทำก็ไม่ทำ อะไรก็ไม่ทำถ้าไม่ดี นี่มีธรรมเข้าหักห้าม ถ้าไม่มี พอว่าอยากก็ไหลเลยๆ เอาละวันนี้พูดเท่านี้
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz |