เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาวัดป่าบ้านตาด
เมื่อเช้าวันที่ ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙
พิจารณาหัวใจด้วยธรรม
สำหรับเราเองไม่ได้ว่างนะ ไปที่ไหนเราไม่ได้ว่างนะ หมุนอยู่อย่างนี้เพื่อโลกนั่นละ ไม่ได้เพื่อเราแม้ชิ้นเดียวไม่มี แต่เพื่อโลกทั้งนั้นแหละ หมุนทางนู้นทางนี้ตลอดไป เพราะงั้น ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้คิดถึงอรรถถึงธรรมให้มากกว่าเรื่องโลกสงสารนะ เรื่องโลกเรื่องฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม เรื่องไม่รู้จักประมาณ ถ้าตายก็ไม่มีป่าช้า เรื่องกิเลสเอาคนตายไม่ให้มีป่าช้านะ ตายไหนตายได้เลยกิเลสลากไปๆ คนมีอรรถมีธรรมตายมีป่าช้า คือมีหลักมีเกณฑ์ คนไม่มีอรรถมีธรรมนี้มีแต่ความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ล้มที่ไหนตายที่นั่นเกลื่อนไปเลย ไม่ได้เรื่องได้ราวนะ
ให้พากันมีศีลธรรม มีขอบเขตในการปฏิบัติต่อตัวเองครอบครัวเหย้าเรือนตลอดวงงานต่างๆ ขอให้มีธรรมเป็นเครื่องกำกับรักษาจะมีขอบเขต เหตุผล มีหลักมีเกณฑ์นะ โดยลำพังจิตใจของเราที่ให้เป็นไปตามฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมของกิเลสนี้จะไม่มีความพอดี แล้วเสียไปๆ ตลอด เสียอะไรก็ตาม ถ้าเสียที่ใจแล้วเสียหมดนะ ใจให้มีหลักมีเกณฑ์นะ คิดดูอย่างพระที่ว่ามาเป็น สรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา คือท่านเป็นตัวอย่างได้เป็นอย่างดี ท่านเป็นหลักเป็นเกณฑ์ของท่านแล้วที่ว่า สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ คือท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ชุ่มเย็นภายในใจ เย็นหมด อยู่ในป่าในเขาเทวบุตรเทวดาเย็น มาอยู่ในบ้านในเมืองไปไหนประชาชนก็เย็น
นั่นละศีลธรรมมีอยู่ที่ใดอยู่กับผู้ใดไปที่ใดเย็น ถ้าไม่มีศีลธรรมก็มีไฟแทน ไปที่ไหนร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่ดี การปฏิบัติตัวเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขต้องมีธรรมเป็นขอบเขต มีธรรมเป็นเครื่องปกครอง ลำพังใจไม่มีขอบเขต แม่น้ำมหาสมุทรเขามีฝั่ง แต่กิเลสตัณหา นตฺถิ ตณฺหาสมา นที ขอบเขตของกิเลสไม่มี ฝั่งของกิเลสไม่มี นั่นละเตลิดเปิดเปิงตายจมทิ้งเปล่าๆนะ นี่เราเกิดมาเป็นมนุษย์กี่ปีกี่เดือนแล้ว ความรู้สึกในความเป็นมนุษย์ของเราก็คือธรรม แล้วมันมีมากน้อยเพียงไรหรือไม่ หรือมีตั้งแต่กิเลสเต็มหัวใจพาจมนะ
ให้ระมัดระวัง ให้รักษาตัว ปล่อยทิ้งเปล่าๆ ทิ้งจริงๆไม่มีเหลือเลย ท่อนไม้ท่อนฟืนเอาไปหุงต้มแกง เป็นฟืนเป็นไฟได้ คนตายนี่เน่าเฟะไม่เกิดประโยชน์อะไร มันดีอยู่ที่หัวใจ ให้พากันระมัดระวังรักษาใจ ความประพฤติหน้าที่การงานอย่าพากันฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเกินเนื้อเกินตัว เมืองไทยเรามักเป็นอย่างนี้ทั่วประเทศ ไม่มีขอบเขต อะไรมาคว้ามับๆ ๆ ๆ หาขอบเขตเหตุผลหลักเกณฑ์อะไรไม่ได้นะ จะว่าหลวงตาตำหนิเหรอ เอาธรรมมาสอนโลกนะ
โลกไม่มีประมาณ โลกเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะความไม่มีขอบเขตในการประพฤติตัว การอยู่การกินการใช้การสอยต่างๆ นี้ไม่มีขอบเขต อะไรๆ มาเอาความอยากความทะเยอทะยานนำหน้าๆ เสียไปโดยลำดับลำดา ลูกเต้าหลานเหลนเกิดขึ้นมาก็เอาพ่อแม่เป็นตัวอย่างอันเลวๆ นั่นละไปใช้ เลยกลายเป็นเมืองไทยเป็นเมืองเลวนะ ให้มีศีลธรรมซิ ถ้าไม่มีศีลธรรมเลวทั้งนั้นละ แม้แต่อยู่ในวัดก็เลว วัดเป็นส้วมเป็นถานได้นะ พระเป็นมูตรเป็นคูถได้อยู่ในวัดถ้าปฏิบัติตัวไม่ดี อย่าว่าแต่ประชาชนเลย วัดก็เป็นได้ เป็นส้วมเป็นถานได้ พระเณรก็เป็นมูตรเป็นคูถได้ถ้าปฏิบัติตัวเหลวแหลกแหวกแนว ไม่คำนึงหลักธรรมหลักวินัย เสียหมด ไม่ว่าฆราวาส ไม่ว่าพระ
เพราะฉะนั้นธรรมจึงต้องมีขอบเขต ทั้งฆราวาสก็ปฏิบัติตามหน้าที่ของตน พระก็ ปฏิบัติให้ถูกต้องตามหน้าที่ของพระ มีหลักธรรมหลักวินัยเป็นกฏเกณฑ์เครื่องดำเนินแล้วสวยงาม เจ้าของเองก็ชุ่มเย็น ไปที่ไหนชุ่มเย็นนะ ถ้าไม่มีขอบเขตเลอะเทอะไปหมด ใช้ไม่ได้นะ พุทธศาสนานี้ก็คือพูดประกาศมานานแล้วว่าเลิศเลอสุดยอดแล้วนะ หาที่ใดไม่ได้แล้ว เกิดมาในชาตินี้มาพบพุทธศาสนาเรียกว่าเรามีวาสนาจริงๆจึงได้พบ พบแล้วมีความเคารพเลื่อมใสประพฤติปฏิบัติ กราบไหว้บูชาท่านเป็นขวัญตาขวัญใจตลอดไป
ชีวิตของแต่ละคนๆผู้มีพุทธศาสนาแทรกอยู่ภายในใจแล้วเป็นชีวิตที่มีค่ามีราคานะ ถ้าไม่มีอรรถมีธรรมเลยเท่าชีวิตสัตว์ ดีไม่ดีเลวกว่าสัตว์ เพราะมนุษย์นี่ฉลาด ทำความชั่วช้าลามกได้มากกว่าสัตว์ เลวกว่าสัตว์ได้นะ ถ้ามีธรรมแล้วไม่มีอะไรเลิศยิ่งกว่ามนุษย์ เป็นเทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม ไปจากมนุษย์ผู้มีศีลธรรมทั้งนั้นแหละ จนกระทั่งถึงนิพพาน ไปจากมนุษย์ผู้มีศีลธรรมอบรมตนด้วยความดีงามทั้งหลายก็เป็นคนดี ไปเป็นเทวบุตรเทวดา ว่าไปจากไหนน่ะ ไม่ไปจากศีลจากธรรม จากความประพฤติของตัวเองแล้วไปสู่สถานที่ดีได้อย่างไร
นี่ละที่ว่าสวรรค์ชั้นพรหมมีแต่ไปจากคนมีสมบัติผู้ดี มีศีลธรรมประจำตน ลงนรกมีตั้งแต่พวกเลวทรามต่ำช้าทั้งนั้นแหละ ให้พากันจำเอานะ สถานที่อยู่ของคนชั่วก็ เช่นอย่างในเมืองมนุษย์เรานี้ก็เรือนจำ คนชั่วเรือนจำ แม้ในเมืองผีก็ยังมีเรือนจำ มีกรงขัง กรงขังผีตัวอันธพาล ตัวนักเลงโต มันอาละวาดผีด้วยกัน เวลาตายแล้วมันก็ไปเป็นผีก็เป็นผีอันธพาล ผีนักเลงโต อาละวาดผีทั้งหลายให้หาความสุขไม่ได้ ต้องมีกรงขัง ขังพวกนี้อีก ไปในเมืองผียังมีเรือนจำในเมืองผีอีก เมืองมนุษย์เราก็เห็นแล้วว่ามีไหมเรือนจำมนุษย์เราเป็นชั้นๆ อย่างนั้นละน่ะ
เพราะฉะนั้นการประพฤติตัวจึงเป็นของสำคัญ ไม่เช่นนั้นเลวได้มนุษย์เรา ขอให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ เวลานี้เมืองไทยเรานี้ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมมากทีเดียว เอาธรรม เอาศาสนาจับ เราจะเอาแต่ละคนๆ จับกันมีแต่คนเลอะเทอะด้วยกัน เอาเป็นตัวอย่างกันไม่ได้นะ ต้องเอาศาสนาองค์ศาสดาคือศาสดาองค์เอกนำธรรมมาสอนโลก ให้ยึดธรรมท่านมาเป็นคติเครื่องเตือนใจประพฤติตัวเอง ในครอบครัวสังคมต่างๆให้มีธรรมเถอะจะชุ่มเย็น ไม่ค่อยเสียหาย การงานหรือสมบัติรายได้ก็ไม่รั่วไหลแตกซึมนะ ดี เรื่องธรรมไปที่ไหนไม่มีคำว่าขาดทุนสูญดอก กิเลสไปไหนเป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ไปได้ทั้งนั้นละ ให้พากันระมัดระวังนะ
วันพรุ่งนี้หลวงตาก็จะได้ลากลับไปแล้ว ไปก็ไปทำงานอย่างนี้แหละ เราไม่ได้ทำเพื่อเรา เราพูดจริงๆ เราทำเพื่อโลกเพื่อสงสารด้วยความเมตตาล้วนๆ สมบัติเงินทองข้าวของมีมากน้อยนี้เราไม่เอา ฟังซิ พูดนี้เหลาะแหละไหม เราไม่เคยเหลาะแหละ ลงปลงใจลงไปแล้วปึ๋งพุ่งเลย แล้วไม่เคยผิด อย่างที่นำพี่น้องทั้งหลายหาข้อตำหนิติเตียนเราว่าตรงไหนนำไปนี้ผิดไป เพราะเราพิจารณาในหัวใจของเราพอแล้ว พิจารณาหัวใจด้วยธรรมจึงไม่เคยผิดพลาด เราเองก็ไม่เคยระแคะระคายเดือดร้อนตัวเองว่า พาพี่น้องดำเนินไปนี้ผิดไป ไม่มี เพราะได้พิจารณาเรียบร้อยแล้ว
ธรรมเป็นสิ่งที่โลกตายใจได้ เข้ามาสู่หัวใจ ใจพิจารณานี้แล้วก็ตายใจได้ในหน้าที่การงานที่แสดงออกจากธรรม ซึ่งได้พิจารณาเรียบร้อยแล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายมีธรรมเข้าไปเป็นเครื่องกลั่นกรองจะไม่ค่อยผิดพลาดมากนะ ถ้ามีแต่เรื่องกิเลสตัณหาผิดทั้งเพ ผิดมากผิดน้อยผิดจนพาให้จม หมดราค่ำราคา ทั้งที่เขายกยอสรรเสริญเขาว่าแต่ปากเฉยๆ ใจเขาเบื่อเขาเกลียดเขาชังกันทั้งบ้านทั้งเมือง รู้ไหม
อย่างทุกวันก็เห็นอยู่นี่น่ะ ความเห็นแก่ตัว กิเลสต้องเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ เห็นแก่ร่ำแก่รวย ความไม่รู้สึกตัว ความหน้าด้านคือคนมีกิเลสหนาๆ พวกนี้พวกหน้าด้านไม่รู้จักอาย อำนาจก็เอาอำนาจป่าๆเถื่อนๆ โลภป่าๆ เถื่อนๆ เด็กมองดูมันก็รู้ว่าโลภนี่โลภอย่างไร มนุษย์โลภนี้มนุษย์ดูมนุษย์ทำไมดูไม่ออก มันเลวขนาดไหนมันก็รู้กันอยู่ อย่างนั้นละความเลวไม่ดี ใครจะยกยอสรรเสริญว่าดีขนาดไหนคนนั้นก็เลวอยู่ตลอดเวลา
นี่ละคนไม่มีธรรม โลกก็เหลือประมาณ เราก็พิจารณา เพราะเราไม่ได้คาดได้คิดนะ บวชมาในพุทธศาสนามุ่งหน้ามุ่งตาศึกษาเล่าเรียนอรรถธรรมเพื่อมรรคเพื่อผล ออกไปปฏิบัติเพื่อมรรคเพื่อผลเต็มกำลังความสามารถ ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องโลกเรื่องสงสารเลย พอลงจากเวทีนี้แล้วอดไม่ได้ละทีนี้ พิจารณากระจายไปหมด กระจายไปที่ไหนเห็นแต่ความเลอะๆ เทอะๆ ของกองกิเลสอยู่ในหัวใจคน ใหญ่เท่าไรก็ยิ่งกิเลสหนาปัญญาหยาบ ไม่รู้จักอาย หน้าดื้อหน้าด้าน จนกระทั่งลุกลามเข้าหาพระ
พระองค์ใหญ่ เท่าไรยิ่งกิเลสหนาปัญญาหยาบ โหย ตะกละตะกลาม ลุกลี้ลุกลน อยากได้ยศได้ลาภ ได้สรรเสริญเยินยอ อรรถธรรมนั้นละบวชเข้ามาเพื่ออรรถเพื่อธรรมมันไม่ได้เรื่องมันไม่สนใจกับอรรถกับธรรม มันไปสนใจกับมูตรกับคูถไปอย่างนั้น พระเรานี้แหละ จะเป็นใครที่ไหนไป เห็นกันอยู่โต้งๆ ได้ยินกันอยู่ชัดๆ อย่างนี้ละพระเลว มีไหมในเมืองไทยเรานี้ มันเลวขนาดนั้น ตั้งสูงขึ้นมาเพื่อเชิดชูเพื่อให้มีกำลังใจที่จะนำศาสนา-ประชาชนให้มีความสงบร่มเย็น กลับกลายเป็นเอาไฟเผาทั้งชาติทั้งศาสนาแหลกไปตามๆ กันหมด มีในเมืองไทยเรา เลอะๆเทอะๆที่สุดคือพระหัวโล้นๆ และไม่มียางอายนี่ละ พวกที่เลอะที่สุด
เขาจะว่าอะไรเขาก็ไม่กล้าพูด เขามองเห็นผ้าเหลืองเขากลัวบาป แต่ตัวเองที่ครองผ้าเหลืองอยู่ไม่กลัวบาป พวกนี้พวกหน้าด้านที่สุด พระประเภทนี้หน้าด้านที่สุด นี่ละเอาธรรมเข้าจับ เอาธรรมเข้าว่า ว่าไปตามธรรม ไม่มีคำว่าสูงว่าต่ำ ผิดตรงไหนบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก จึงเรียกภาษาธรรม จะโมกโขโลกนะเห็นแก่หน้าแก่ตาอย่างนี้ไม่ใช่ธรรม แล้วก็เลอะกันไปเรื่อยๆ เกรงอกเกรงใจกัน เขาเกรงใจเรา เราเกรงใจเขา กิเลสเกรงใจกิเลสก็ยิ่งสนุกลุกลามทำความชั่วช้าลามกแก่ตนและส่วนรวมไปได้มาก ไม่มีประมาณ
ถ้าเป็นเรื่องธรรมผิดบอกผิด อย่าทำ นั่น ถูกบอกว่าถูก เอาทำลงไป นั่นภาษาธรรม มันก็มีแต่ความดีงามละซิคนเรา นี่มีแต่ความเลอะๆ เทอะๆ มองไปที่ไหนจะไม่มีความหมาย ถ้าว่ากฎหมายบ้านเมืองก็กลายเป็นกฎหมอยไปเสีย มันไม่ใช่กฎหมาย ศีลธรรมทั้งหลายก็กลายเป็นมูตรเป็นคูถมันเอามาเหยียบแหลกเหลวหมด ตัวมันเป็นมูตรเป็นคูถขึ้นเหยียบศีลเหยียบธรรม ยกตนว่าเป็นของวิเศษวิโส เลิศเลอยิ่งกว่าธรรมไปเสียยิ่งเลวที่สุด นี่ละเรียกว่าคนเลวร้าย คนสันดานหยาบ จิตใจที่หยาบเป็นอย่างนั้น ให้พากันจำเอานะ เอาละวันนี้ไม่พูดมากละ พอ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน FM 103.25 MHz
|