จะเป็นอย่างนี้ด้วยกัน
วันที่ 22 ตุลาคม 2549 เวลา 13:00 น.
สถานที่ : วัดกลางราชวรวิหาร สมุทรปราการ
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส

งานพระราชทานเพลิงศพ รศ.รท.หญิง จินตนา พึ่งละออ

ณ วัดกลางราชวรวิหาร อ.เมือง สมุทรปราการ

เมื่อบ่ายวันที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙

จะเป็นอย่างนี้ด้วยกัน

            วันนี้เป็นวันที่พี่น้องทั้งหลายที่มาในงานนี้จะได้พิจารณาทั่วถึงกัน เพราะความเป็นเช่นนี้ จะมีทุกรูปทุกนาม ไม่มีเว้นแม้รายเดียว ว่าเกิดแล้วต้องตาย เป็นคู่เคียงกันมาตั้งแต่วันเกิด วันตายมันถ่ายรูปติดตัวมาตลอด จนกระทั่งวาระสุดท้ายก็ตาย เวลามีชีวิตอยู่อย่าได้พากันเพลิดเพลิน จนเกินเนื้อเกินตัว เป็นเรื่องของกิเลสหลอกคนให้ลุ่มหลงหนักมากขึ้นๆ  ทางที่จะไปข้างหน้าก็ปิดตันอั้นตู้ไปหมด หาทางเบิกกว้างให้เป็นความสงบร่มเย็นแก่ใจดวงที่สมบุกสมบัน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวนี้ไม่ได้

วันนี้อาจารย์จินตนา ซึ่งเป็นผู้ใจบุญมาตั้งแต่กาลไหนๆ ก็ได้ล่วงลับไปแล้ว วันนี้จะได้ปลงกเฬวรากซากศพ ให้พี่น้องทั้งหลายได้ปลงธรรมสังเวชทั่วถึงกัน ไม่มีใครยิ่งหย่อนต่างกัน เรื่องสภาพเช่นนี้มีอยู่กับทุกคน ต่างกันแต่เพียงว่าก่อนหรือหลังเท่านั้น เมื่อมีชีวิตอยู่ อย่าได้พากันเพลิดเพลินจนเกินเนื้อเกินตัว เวลาตายจะคว้าอะไรไม่ทัน สุดท้ายก็ได้ตั้งแต่สิ่งที่เราเพลิดเพลินรื่นเริงไม่รู้เนื้อรู้ตัวนั้นแล จะย้อนเป็นไฟมาเผาเราในภพชาติต่างๆ

สิ่งเหล่านี้ส่วนมากมักจะมีแต่ความเพลิดเพลินรื่นเริง หลงงมงายไปตามกิเลส ที่ชักจูงไป ลากเข็นไป เราไม่รู้ตัว แต่พอรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เกิดขึ้นมาก็เป็นรูปมนุษย์เกิดเฉยๆ ก็อยู่กับมนุษย์เขาทั่วๆ ไป แต่ศีลธรรมที่เป็นเครื่องฉุดลากจิตใจ ให้มีความอบอุ่นนั้นไม่มี มีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวาย เพราะกิเลสหลอกลวงต้มตุ๋น ให้เพลิดให้เพลิน ให้รื่นให้เริง ประหนึ่งว่าโลกเขาตายทั้งโลก จะเหลือแต่เราคนเดียวไม่ตาย อายุของเราจะอยู่ค้ำฟ้า ทั้งที่โลกทั้งหลายตายกันทั้งนั้น นี่ละจะเป็นความเสียท่าเสียที ของบุคคลที่ลุ่มหลงจนเกินเนื้อเกินตัว

วันนี้เป็นวันที่ควรจะปลงธรรมสังเวชด้วยกัน จะเป็นอย่างนี้ด้วยกันหมดทุกรูปทุกนาม เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ท่านว่ามรณกรรม คือเรื่องความตายนี้ ไม่มีว่าสูงว่าต่ำ ว่าให้เกียรติผู้ใด เป็นหลักความจริง เกิดแล้วต้องตาย เป็นแต่เพียงว่าก่อนหรือหลังกันเท่านั้น เวลามีชีวิตอยู่ ขอเชิญชวนพี่น้องทั้งหลาย ให้ระลึกถึงศีลถึงธรรมเข้าสู่ใจบ้างพอประมาณ ถ้าไม่ได้มาก ถ้าจิตใจมีความฝักใฝ่ใคร่ต่ออรรถต่อธรรมไปตลอด นั้นเป็นความรื่นเริงไปเรื่อยๆ  มีชีวิตอยู่ก็รื่นเริงกับอรรถกับธรรมภายในใจ ตายไปแล้วก็สุคติเป็นที่หวัง

คนใจบุญสุนทาน ไม่เคยปรากฏว่าไปตกนรกหมกไหม้ หรืออเวจีหลุมไหนไม่เคยมี ธรรมของพระพุทธเจ้าท่านไม่เคยแสดงไว้ เพราะไม่มี ท่านไม่อุตริแสดงธรรม เอาสิ่งไม่มีมาแสดง สัตว์โลกจมอยู่ด้วยกองทุกข์ ท่านก็บอกว่าจมอยู่ด้วยกองทุกข์ ผู้มีความเฉลียวฉลาดบำเพ็ญตัวให้เป็นประโยชน์ เวลามีชีวิตอยู่ทั้งทางโลก ก็ช่วยโลกช่วยสงสารตามกำลังของตน ทั้งฝ่ายธรรมก็สนใจใคร่อรรถใคร่ธรรม ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่เอกอุ ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนแล้ว น้อมเข้ามาสู่ใจ ประหนึ่งว่าเราตามเสด็จพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ตลอดเวลาที่เราระลึกถึงท่าน ชีวิตจิตใจความระลึกของเราอันนี้เป็นมงคล มหามงคลแก่เรา ขอให้น้อมเข้ามาระลึกถึงบ้าง อย่าระลึกตั้งแต่เรื่องความเพลิดความเพลินรื่นเริงบันเทิง

โลกเขาตายเกลื่อน ไปที่ไหนมีแต่เรื่องเกิดเรื่องตาย แต่เราจะอยู่ค้ำฟ้าคนเดียวนี้ มันหลงตัวลืมตัวจนเกินไป ตายแล้วจะเสียท่า เวลานี้เตือนให้พี่น้องทั้งหลายได้รับทราบเสีย วันนี้เป็นวันสักขีพยานที่จะได้เผาศพเผาเมรุกัน ก็เห็นอยู่ต่อหน้าต่อตาไม่ได้โกหกกัน เราทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ หรือที่อื่นที่ใด ไม่มียกเว้นแม้แต่รายเดียวที่จะไม่เป็นอย่างนี้ แต่สัตว์ทั้งหลายเขาไม่รู้เนื้อรู้ตัว มนุษย์เรานี้เป็นสัตว์ฉลาด ควรจะรู้เนื้อรู้ตัว ระลึกในสิ่งที่เป็นสาระและอสาระเข้ามาสู่ใจ คัดเลือกสิ่งที่เป็นสาระเข้าสู่ใจ ปัดสิ่งที่ไม่ดีงามทั้งหลายออกจากใจ ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่เลิศเลอ

ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดเลิศเลอยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ถ้าใครมีธรรมประเภทนี้ พุทโธก็ได้ ธัมโมก็ได้ สังโฆก็ได้ อยู่ภายในใจนั้น คนนั้นแม้จะทุกข์จนข้นแค้น หัวใจไม่ได้ทุกข์ สมบูรณ์พูนผลไปด้วยอรรถด้วยธรรม ไปด้วยความสุขความเจริญ ความอบอุ่น ทั้งมีชีวิตอยู่และตายไป ไม่ใช่เป็นคนอาภัพ ยิ่งเป็นคนมั่งมีศรีสุข เงินทองข้าวของกองเป็นล้านๆ เท่าภูเขา แต่ไม่มีศีลธรรมภายในใจเลย คนนี้สู้คนจนๆ แต่มีธรรมในใจไม่ได้ ท่านทั้งหลายจะเอาส่วนไหน ให้ท่านเลือกเสียตั้งแต่บัดนี้ ตายไปแล้วจะไม่มีอะไรติดเนื้อติดตัว

สมบัติเงินทองข้าวของ เป็นเพียงเครื่องอาศัยในเวลามีชีวิตอยู่เท่านั้น พอลมหายใจขาดเท่านั้น สกลกายของเราก็ขาดกรรมสิทธิ์ สมบัติเงินทองข้าวของมากน้อยก็ขาดกรรมสิทธิ์ไปเช่นเดียวกันหมด สิ่งที่ติดเนื้อติดตัว คือใจของเราซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวไปนั้นก็คือบุญและบาป คำว่าบาปนี้ใครเป็นคนสั่งสอนไว้ คนตาบอดหูหนวก คนโง่เขลาเบาปัญญา ไม่สามารถมาเป็นศาสดานำธรรมมาสอนโลกได้ ก็คือพระพุทธเจ้าผู้เฉลียวฉลาด จอมปราชญ์นั้นเอง มาสอนโลก ท่านสอนว่าบาปมี บาปนั้นทำความเดือดร้อนแก่ผู้ทำบาป บุญมี บุญทำความอบอุ่นเย็นใจให้แก่ผู้สร้างบุญสร้างกุศล ให้พากันคัดเลือกเสีย ตั้งแต่บัดนี้ที่ยังไม่ตาย เวลาตายไปแล้ว นิมนต์พระมากี่วัด มา กุสลา ธมฺมา กุสลา ธมฺมา ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ถ้าเจ้าของไม่สร้างกุสลา คือบุญกุศลเสียตั้งแต่บัดนี้

อันนี้ตายแล้วไปนิมนต์พระมากุสลา มันไม่เกิดประโยชน์ หากจะเกิดประโยชน์แล้วศาสนาก็ไม่มี บวชหลวงตาไว้สัก ๒-๓ องค์ ไว้ในบ้านหนึ่งๆ เพื่อมากุสลา ธมฺมา เขาจะสร้างบาปสร้างกรรมขนาดไหนก็ตาม มีผู้ยืนยันรับรองเขาแล้ว คือหลวงตาที่บวชไว้ประจำบ้านนั้นๆ ท่านจะมากุสลาโยนขึ้นสวรรค์นิพพานไปเอง ไม่ต้องสร้างคุณงามความดีให้เสียเวล่ำเวลา ลำบากเปล่าและสิ้นเปลืองไปเปล่าๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่นี่มันไม่เป็นเช่นนั้น บุญเป็นบุญ บาปเป็นบาป ให้พากันเชื่อบาป

คำว่าบาปนี้ ไม่ใช่คนโง่เขลาเบาปัญญามาสอนไว้ ศาสดาองค์เอกคือพุทธศาสนาของเรานี้ ออกจากพระพุทธเจ้าผู้สิ้นกิเลสแล้ว เป็นโลกวิทู รู้แจ้งทั้งโลกนอกโลกใน ตลอดทั่วถึง เทวบุตร เทวดา อินทร์พรหม ถึงนิพพาน ย้อนลงไปถึงเปรตถึงผีนรกอเวจี ไม่มีใครจะรู้แม่นยำยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า ท่านนำธรรมที่ท่านทรงรู้ทรงเห็นแล้วนี้มาสอนพวกเราผู้ตาบอดหูหนวก ให้พากันฟังเสียงท่านบ้าง ถ้าฟังเสียงท่านแล้ว ให้พยายามบึกบึนตามท่าน ว่าบาปมี ให้ระวังบาป

เจ้าของนั้นแหละเป็นตัวคึกตัวคะนอง ชอบทำบาป ครั้นเวลาทำลงไปแล้ว ความทุกข์ซึ่งเป็นผลของบาปจะมาหาผู้ทำ จะไม่ไปสู่ที่ใด ไม่ใช่เจ้าของของเขา เจ้าของของบาปก็คือผู้ทำบาป เจ้าของของบุญก็คือผู้ทำบุญ จะเข้ามาสู่เจ้าของนี่แหละ พาเป็นพาตายก็คือบุญและบาปนี้ ถ้าบาปแล้ว ดึงลงๆ โดยถ่ายเดียว ใครอยากไปรับความทุกข์ความทรมาน แม้แต่เป็นสัตว์เดรัจฉานก็ไม่อยากเป็น รักเรื่องรักสัตว์นั้นน่ะ เช่น เราเลี้ยงไว้ในบ้านในเรือนของเรา เมืองไทยของเราหรือเมืองไหนๆ ก็ชอบเลี้ยงสัตว์ไว้ดูเล่น รักหมาเป็นต้น แต่เวลาถามอยากเป็นหมาตัวนี้ไหม ไม่อยากเป็นด้วยกัน แต่รักเขา เป็นอย่างนั้นละเข้าใจไหม

ไม่มีภพใดชาติใดสู้ภพชาติมนุษย์ได้ มนุษย์นี้รู้ทั้งบุญทั้งบาปทุกสิ่งทุกอย่าง เรานั่งฟังอยู่เวลานี้ก็รู้อยู่ด้วยกัน ขอให้ฟังเสียงธรรมของพระพุทธเจ้าบ้าง อย่าฟังแต่เสียงกิเลส ที่มันกล่อมตลอดเวลาให้เคลิ้มหลับไปๆ ด้วยความมืดบอด จะหาความสุขความเจริญแก่ตัวเองไม่ได้ เวลาตายไปแล้วจะจมๆ เพราะความคึกความคะนอง ในการสร้างบาปสร้างกรรมของตนนั้นแหละ ให้พากันสร้างบุญสร้างกุศล

วันหนึ่งคืนหนึ่งตั้งแต่เราเกิดมานี้ กี่ปีกี่เดือนแต่ละคนๆ มาจนกระทั่งบัดนี้ อายุเท่าไร เราเคยสร้างบาปมากน้อยเพียงไร จดทะเบียนไม่ทัน บัญชีไม่ทัน มีแต่บาปเต็มตัว มองเห็นกันเห็นตั้งแต่บาปเต็มตัวๆ หัวคนไม่เห็น เพราะหัวก็หัวบาปเสีย ที่ไหนก็มีแต่บาปเต็มตัว ตายแล้วจมลงในนรก เราอยากเป็นอย่างนั้นเหรอ ถ้าไม่อยากเป็นอย่างนั้น ให้ฟังเสียงศาสดาองค์เอก คือพระพุทธเจ้าไม่เคยโกหกใคร ว่าบาปมี บาปทำความเดือดร้อนแก่ผู้ทำ ให้พากันพยายามละ บุญมีขอให้พากันขวนขวาย สร้างบุญสร้างกุศล อย่าอยู่เปล่าๆ กินเปล่าๆ นอนเปล่าๆ ได้มาใช้สอยด้วยความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมเปล่าๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร ให้แบ่งกินแบ่งทาน

แบ่งกินก็คือเพื่อธาตุเพื่อขันธ์ของเรา แบ่งทานก็เพื่อจิตใจของเรา เราสละทานลงไปแล้ว ใจเราได้สร้างบุญสร้างกุศล ผลความดีทั้งหลายจะไหลเข้าสู่ใจ เวลาตายไปแล้ว ผลบุญนี้แหละจะเป็นผู้สนับสนุนจิตใจของเรา ให้ไปเกิดในสถานที่ดีคติที่เหมาะสม ตั้งแต่มนุษย์ผู้มีฤทธาศักดานุภาพมีอำนาจวาสนา ขึ้นไปถึงเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหม เมื่อบุญกุศลเต็มที่แล้ว ถึงนิพพานได้ก็คือบุญคือกุศล

อย่าพากันขี้เกียจขี้คร้าน อย่าพากันอ่อนแอท้อแท้ ในการสร้างบุญสร้างกุศล ให้เชื่อพระพุทธเจ้า ศาสดาองค์เอกนี้มีเพียงพระองค์เดียวที่สอนอย่างแม่นยำ เรียกว่า สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ชอบแล้วดีแล้ว ไม่มีที่จะได้เพิ่มเติมหรือตัดออก เป็นความถูกต้องแม่นยำพอดิบพอดี ได้แก่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ว่าบาปมี มีจริงๆ บุญมี มีจริงๆ นรกมี นรกกี่หลุมมีจริงๆ ตามพระพุทธเจ้าทรงรู้ทรงเห็นด้วยพระญาณหยั่งทราบแล้วมาสอนโลก สวรรค์มีกี่ชั้น ตั้งแต่มนุษย์เราก็เห็นกันอยู่นี้ พระพุทธเจ้าก็ว่าแดนมนุษย์ เราเป็นมนุษย์ เราทำไมจะไม่เห็นตัวเองว่าเป็นมนุษย์ พระพุทธเจ้าสอนก็สอนถูกต้อง จากนั้นก็พวกเทวบุตร เทวดา อินทร์พรหม ทรงรู้ทรงเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง แล้วมาสอนพวกเรา

เหตุผลของสิ่งเหล่านี้เป็นมาจากอะไร คนทำบาปต้องตกไปในทางที่ต่ำ สิ่งใดที่ไม่พึงปรารถนามักจะเกิดจะพบจะเห็นในสิ่งเหล่านั้น สิ่งที่พึงปรารถนาแต่ขี้เกียจขี้คร้าน สร้างความดีให้สมความปรารถนา ไม่ทำกัน นี่ละโลกจึงมีแต่ความผิดหวังๆ ใครก็อยากให้สมหวังทุกคน เกิดมาในโลกนี้เสาะแสวงหาตั้งแต่ความดิบความดี ขอตั้งแต่ความสุขความเจริญ ครั้นเวลาได้มามีแต่ความผิดหวังๆ บางรายนอนไม่หลับ มือเกยหน้าผาก นอนไม่หลับ แล้วหนักเข้าไปกว่านั้น เป็นบ้าก็มี เพราะความคิดมาก อยากได้ให้สมใจ แต่มันไม่สมใจ เพราะการกระทำของตัวมันขัดแย้งกันกับความมุ่งหวังที่ให้เป็นความสุข แต่ไปทำความทุกข์ขึ้นมาเสีย ความทุกข์ก็มาขัดแย้งทางเดินเพื่อความสุข เลยไปไม่ได้ให้พากันคิดเสียตั้งแต่บัดนี้ ตายแล้วจึงนิมนต์พระมากุสลา ธมฺมา ไม่เกิดประโยชน์

พระท่านสอนคนเป็นๆ นี้แหละ เราผู้ฟังก็นั่งฟังอยู่ด้วยกัน ให้ต่างคนต่างฟัง ผู้เทศน์ก็ตั้งหน้าตั้งตาเทศน์ อย่างหลวงตาเทศน์อยู่เวลานี้ เอาอรรถเอาธรรมมาเทศน์ เป็นภาษาธรรมล้วนๆ ตรงไปตรงมา ไม่มีอ้อมค้อม ไม่มีลูบหน้าปะจมูก นั่นไม่ใช่ภาษาธรรม ภาษาของกิเลส ปลิ้นปล้อนหลอกลวงต้มตุ๋น ประจบประแจงเลียแข้งเลียขา นั่นเป็นภาษาของกิเลส ภาษาของธรรม ดีบอกว่าดี ชั่วบอกว่าชั่ว ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก นรกบอกว่านรก สวรรค์นิพพานบอกสวรรค์นิพพาน ท่านสอนไว้ให้เราละเราบำเพ็ญ ในสิ่งที่ควรละและสิ่งที่ควรบำเพ็ญ อย่าตายใจ

เวลานี้จิตใจมนุษย์เรานี้ซึ่งเป็นชาวพุทธ รู้สึกว่าหนามากเข้าทุกวันๆ ชวนไปวัดเหมือนจะถูกโยนลงในนรก ร้องแหง็กๆ เหมือนจูงหมาใส่ฝนนั้นแหละ เคยเห็นไหมเวลาฝนตกจ้ากๆ  จูงหมาออกไป มันร้องแหง็กๆ ไหม ถ้าไม่ร้องแหง็กๆ ก็แสดงว่าผู้พูดนี้ผิดไป หมายังดีๆ ยังสบายอยู่ สบายหมาบางตัวที่มันร้อนๆ มันโดดลงอ่างน้ำ มี เราไม่ว่าตัวเช่นนั้น ตัวที่รังเกียจน้ำ ไปจูงมันใส่น้ำ มันร้องแหง็กๆ อันนี้จูงไปวัดไปวา ไปหาศีลหาธรรม ร้องแหง็กๆ ขึ้นมาทุกคน อยากจะว่าทุกคน วันนี้ติดธุระงานนั้นยุ่ง งานนี้ยุ่ง ถ้าจะชวนไปวัด มีแต่ยุ่งเต็มตัว ถ้าจะชวนลงไปเหวไปบ่อ ตกนรกอเวจีทั้งเป็นนี้ มีสิบขาอยากได้สิบขา ยี่สิบขามันไปด้วยกัน เหมือนขาบุ้งกือเพราะอยากไป นี่ละสิ่งที่มันไม่สมหวัง เพราะมันขัดต่อหลักความจริงที่เราทำอยู่ทุกวันนี้

ให้ดัดแปลงแก้ไขจิตใจของเราด้วยอรรถด้วยธรรม ธรรมไม่เคยพาใครให้ผิดหวัง สอนคนให้ถูกต้องแม่นยำไปตามอรรถตามธรรม มีความสุขความเจริญ ส่วนกิเลสหลอกลวงต้มตุ๋น ให้ติดแต่ความทุกข์ความลำบาก จนตรอกตัวเองนั่นแหละ ให้พากันจดจำเอาเสียในวันนี้ หลวงตาพูดตามอรรถตามธรรม การปฏิบัติมาก็ปฏิบัติตามอรรถตามธรรมอย่างตรงไปตรงมา สิ่งใดที่ผิดขัดต่ออรรถต่อธรรม ปัดออกๆ ด้วยความพากเพียรทุกวิถีทางที่จะทำได้ สิ่งใดที่เป็นคุณเป็นประโยชน์แก่ใจ สั่งสมขึ้นมาๆ ความดีงามก็พอกพูนขึ้นมาโดยลำดับ จนกระทั่งถึงจิตใจหาความสงสัยไม่ได้แล้วในโลกนี้ เมื่อหาความสงสัยไม่ได้แล้ว จะไปสงสัยโลกไหนล่ะ หัวใจเจ้าของก็หายสงสัยแล้ว ดูที่ไหนมันเป็นยังไงก็รู้ตามความสัตย์ความจริง แต่เจ้าของไม่ได้ไม่เสียกับเขา เราก็ไม่เป็นทุกข์

ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติ เวลาจะหลับจะนอน อย่างน้อยขอให้ได้กราบพระเสียก่อน เสร็จแล้วก็ให้ภาวนา จะนั่งพับเพียบก็ได้ นั่งขัดสมาธิก็ได้ ถ้าอยากสะดวกสบาย ตามนิสัยของคนชอบสบาย จะปีนขึ้นเก้าอี้ ภาวนาก็ได้ก็ไม่ว่านะ ถ้าธรรมดาก็ต้องมีความเคารพในธรรม มีพิธีอันหนึ่งที่เป็นความสวยงามกับธรรม เช่น มีความเคารพ จะนั่งขัดสมาธิก็เป็นความเคารพประเภทหนึ่ง จะนั่งพับเพียบเป็นความเคารพประเภทหนึ่ง แล้วระลึกนึกน้อมถึงพระพุทธเจ้า เช่น พุทโธ ธัมโม สังโฆ  ๓ บทนี้บทใดบทหนึ่ง เราชอบบทใดก็นำธรรมบทนั้น เข้ามาบริกรรมจิตใจของเรา ให้ใจอยู่กับคำบริกรรม เช่น พุทโธๆ เป็นต้น สติติดแนบอยู่กับคำบริกรรมนั้น ไม่ให้คิดยุ่งเหยิงวุ่นวายไปทางอื่น ซึ่งเราเคยคิดมาตั้งแต่ตื่นนอน เราบังคับจิตใจเราเพียง ๕ นาที ไม่ให้คิดออกไปสิ่งภายนอก มันจะเป็นยังไง บังคับได้ จิตใจเป็นสิ่งที่ฝึกได้ บังคับได้ ไม่เช่นนั้นพระพุทธเจ้าไม่สอนโลก นี่ก็คือโลกนี้สอนได้ พระพุทธเจ้าจึงสอน ให้นำไปปฏิบัติตนเองบ้างนะ เกิดขึ้นมาก็จะตายทิ้งเปล่าๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร

ใจนี้เป็นนักท่องเที่ยว สิ่งที่จะติดใจไปนี้คือบาปกับบุญ อย่างอื่นอย่างใดไม่ติด สมบัติเงินทองข้าวของกองเท่าภูเขา ดอกเตอร์ดอกแต้อะไร เรียนมาที่ไหนมันก็มีแต่ความเสกสรรปั้นยอตามกิเลสพอใจเท่านั้น ครั้นตายไปแล้วมันก็เป็นกองกระดูกอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่มีความดี ถ้ามีความดี เอ้า กองกระดูกเป็นกองกระดูก ทั้งเขาทั้งเราเหมือนกัน แต่กองบุญกองกุศลเต็มหัวใจ เราจะดีดไปสู่สุคติโลกสวรรค์ ไม่ไปอื่น ถ้าคนสร้างแต่บาปหาบแต่กรรม ก็จมลงไปในนรก ให้พากันพินิจพิจารณาบ้างนะท่านทั้งหลาย

วันนี้มาปลงธรรมสังเวช คือจะเผาศพอาจารย์จินตนา ซึ่งเป็นผู้มีบุญมีคุณ เป็นคนใจบุญมาดั้งเดิมอยู่แล้ว ให้ถือเป็นคติตัวอย่าง ตายไปอย่างสุขใจ เราก็ให้นำธรรมนี้ไปเป็นคติเครื่องเตือนใจสอนเราที่ยังไม่ตาย ให้ระลึกพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ในคืนวันหนึ่ง ไม่ต่ำกว่า ๕ นาที ให้นั่งสงบใจ เอาพุทโธก็ได้ ธัมโมก็ได้ สังโฆก็ได้ มาเป็นคำบริกรรม แล้วมีสติติดอยู่กับใจ ห้ามไม่ให้คิดไปกับสิ่งใดทั้งหมดในเวลา ๕ นาที ใจจะสงบเย็น วันนี้ก็ทำ วันหน้าก็ทำ ใจจะสงบเย็นลงไปๆ เมื่อใจเย็นเสียอย่างเดียว โลกธาตุไม่มีความหมาย มาเย็นอยู่ที่ใจนี้ทั้งหมด ถ้าใจร้อน ใจเป็นฟืนเป็นไฟเสียอย่างเดียว โลกธาตุก็มาร้อนอยู่ที่หัวใจเรา

เราอย่าเข้าใจว่าโลกนี้กว้างแสนกว้าง มันกว้างมันแคบอยู่ที่หัวใจเรา ให้ปฏิบัติตนให้ถูกตามธรรมของพระพุทธเจ้า เราจะมีความสุขความเจริญต่อไป ให้ท่านทั้งหลายระลึกไว้ให้ดี วันนี้เป็นธรรมสอนโลก เรานำธรรมเป็นภาษาของธรรม มาสอนพี่น้องทั้งหลาย อย่างตรงไปตรงมา แบบอ้อมค้อมไม่ใช่ธรรม แบบตรงไปตรงมานี้คือแบบของธรรม แก้กิเลส กิเลสตัวไหนมันเป็นภัย แก้ออกๆ อันใดที่ดีสั่งสมขึ้นมาๆ จะเป็นความสุขความเจริญแก่เรา กลับไปบ้านไปเรือนนี้ อย่าลืมเนื้อลืมตัว ให้ระลึกถึงบ้าง ใครได้ดูหัวใจตัวเองบ้างไหมตั้งแต่ตื่นนอน หรือตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งบัดนี้ ดูหัวใจนี้มีธรรมไหม เช่น พุทโธ มีสักคำไหม ธัมโม มีสักคำไหม สังโฆ มีสักคำไหม หรือมีแต่ความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหาเต็มหัวใจ นี้ก็คือไฟทั้งกองเผาหัวใจ ตั้งแต่นี้ถึงตาย กองไฟจะเป็นกองใหญ่โตเผาหัวใจ เรื่องสวรรค์นิพพานที่ท่านผู้ดีทั้งหลายไป ไม่มีความหมายสำหรับคนสั่งสมตั้งแต่ความชั่ว จะจมอยู่ในนรกโดยถ่ายเดียว

ศาสดาองค์เอกไม่เคยหลอกลวงใคร มีแต่เราหลอกลวงเราเอง พระพุทธเจ้าสอนไว้ตรงไหนไปลบ ว่าบาปมี ก็ลบไม่ให้มีบาป บุญมีก็ลบ ไม่ให้มีบุญ แล้วไม่สร้างบุญ ไม่ละบาป สร้างแต่บาป ตายแล้วจม

ให้พากันจำเอานะ วันนี้แสดงธรรมเพียงเท่านี้ ขอฝากธรรมะไว้กับพี่น้องทั้งหลาย นำไปคิดไปอ่าน นี่เป็นภาษาธรรมะป่า ที่นำมาสอนโลกอยู่เวลานี้ เอามาจากป่าจากเขา จากถ้ำเงื้อมผามาสั่งสอนพี่น้องทั้งหลาย ขอให้ระลึกพระพุทธเจ้าตรัสรู้ในป่า สาวกทั้งหลายตรัสรู้ในป่าในเขา เป็นสรณํ คจฺฉามิ ของพวกเรา นี้ก็ธรรมมาจากป่าจากเขา มาสอนพี่น้องทั้งหลาย ควรจะเป็นที่ระลึกภายในจิตใจ ให้เป็นสิริมงคลในการมาในงานนี้บ้างพอประมาณก็จะเป็นมงคล การแสดงธรรมเห็นว่าสมควรแก่กาลเวลาและธาตุขันธ์ ขอความสวัสดีจงมีแก่บรรดาพี่น้องทั้งหลาย โดยทั่วกันเทอญ.

พูดท้ายเทศน์

อาจารย์จินตนานี้เวลามีชีวิตอยู่ เข้าออกวัดป่าตลอดมา เป็นลูกศิษย์วัดป่าบ้านตาด มาเสียชีวิตเสีย อาจารย์เป็นห่วงลูกศิษย์ คิดถึงลูกศิษย์ก็เลยมาเผาศพวันนี้ แล้วแผ่เมตตาให้ลูกศิษย์คนนี้ไปสูงๆ ให้ไปสูงกว่าพวกที่นั่งอยู่นี้ เข้าใจไหม ให้อาจารย์จินตนา ลูกศิษย์หลวงตาบัวนี้ ไปสูงกว่าพวกนี้ที่มันขี้เกียจภาวนา เข้าใจเหรอ เอาละพอ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก