เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กทม.
เมื่อวันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๔
วันตัดสินชาติไทยจะล่มจมหรือเจริญรุ่งเรือง
สถานีวิทยุกระจายเสียงออกอุดรฯ ๘ สถานี อันนี้เป็นความสมัครใจของทางสถานีเองนะ เราธรรมดาไม่ได้มีการขอร้องแต่อย่างใดแต่ไหนแต่ไรมา สถานีอะไรที่เป็นสถานีประจำมาตั้ง ๑๐ กว่าปีแล้วนะ ดูว่าออกเป็นประจำทุกเช้า ๆ เราพูดอยู่ศาลาวัดป่าบ้านตาดเขาก็ออกสถานีอุดรฯ นั่นละสถานีแรก นี้เป็นพื้นมาตลอด ๑๐ กว่าปีว่างั้นเถอะ เขาออกอยู่เป็นประจำ ๆ แล้วเดี๋ยวทางโน้นขอมาทางนี้ขอมา ทางสถานีวิทยุนี่ละ เลยทั่ว สถานีอุดรฯ ๘ สถานีนี้ออกหมดทุกสถานี เป็นแต่เพียงว่าไม่ซ้ำเวลากัน อันนั้นดูว่ารัศมีมันถึง ๓๐๐ กิโลหรือว่าไง (ครับผม ๘-๙ จังหวัดอีสานได้รับหมด รวมทั้งประเทศลาวด้วย) เออ ทางประเทศลาวได้รับ คือทางประเทศลาวนั้นใกล้กว่าในภาคอีสานของเราบางจังหวัดเสียอีก ทางประเทศลาว ก็เขาติดกับหนองคาย
เหตุที่จะทราบก็คือ เขามานิมนต์เราไปแสดงธรรมที่เวียงจันทน์ ดูลักษณะท่าทีดูลักษณะที่มาจะเป็นผู้ใหญ่ แต่เป็นผู้หญิง ดูลักษณะท่าทางดี สมควร รู้สึกว่าถ้าพูดให้ถนัดทางศาสนาก็เรียกว่าเป็นผู้มีวาสนาอยู่ เราดูมีลักษณะแปลก ๆ เขาตั้งหน้ามาจากโน้น น่าที่เขาจะเป็นผู้ใหญ่อยู่เหมือนกันนะ ทำราชการอยู่ในเวียงจันทน์ เขามาหาเราหลายคน ครั้นเวลามาแล้วเขาขอนิมนต์เราไปเทศน์ที่เวียงจันทน์ แล้วทำไมอยู่ ๆ มาหากันแล้วจะมานิมนต์ไปเทศน์ที่เวียงจันทน์ เคยมาแล้วเหรอ เขาบอกเขาไม่เคยมา แล้วรู้ได้ยังไงถึงนิมนต์ไปเทศน์ที่เวียงจันทน์ บอกว่าเขาดูทีวีทุกวัน เท่านั้นหมัดเดียวเราหงายเลย เขาว่าเขาดูทีวีทุกวัน ทางประเทศลาวดูกันทั้งนั้นเรื่องของหลวงพ่อ เขาว่าอย่างนี้นะ
จึงได้รู้เรื่อง โอ๊ย เขาดูเรามาตั้งแต่เมื่อไร แล้วอยู่ ๆ เราไปถามแบบหลับตาถาม ทราบได้ยังไงถึงได้มาหา พอเขาพูดว่าเขาดูทีวีทุกวัน เราหงายเลย หมัดเดียวอยู่ ขอให้เราพิจารณาเสียก่อนเราก็ว่างั้นนะ ให้พิจารณาเสียก่อน เวลานี้หลวงตากำลังภาระมากทางประเทศไทย เรียกว่าแบกหมดทั้งประเทศก็ได้ เราก็บอกอย่างนี้ แล้วก็คอยดูกันตามทีวีก็แล้วกันนะเราก็ว่างี้ ให้ฟังไปดูไปอย่างนั้นแหละ เท่ากับเมืองไทยทั้งหลายนั่นเองไม่ได้ผิดกันแหละ ยิ่งใกล้กว่าเมืองไทยของเราต่างจังหวัดซึ่งอยู่ห่างไกลจากหลวงตาด้วยซ้ำ เราว่าอย่างนี้ เขามานิมนต์ให้ไป เขาบอกว่าประเทศลาวเขาดูทีวีเรานี้ตลอดหมดเลยว่างั้น ก็เขาเป็นลูกชาวพุทธ เนื้อหนังแห่งชาติไทยของเราทั้งนั้นแหละ
พูดเสียถึงเวลาจะพูดบ้าง เราก็ดูพงศาวดารดูประวัติศาสตร์ของเรามาเหมือนกัน ออกมาจากเมืองนั้นเมืองนี้จากประเทศจีนโน่น ยิ่งพ่อแม่ครูจารย์มั่น โอ๋ย เก่งมากนะ เรื่องประวัติศาสตร์เก่ง ท่านคุยกับท่านอะไร คุณหลวงนิวาทหรือไง โถ เวลาพูดต่างคนต่างรู้ประวัติศาสตร์ด้วยกันซัดกัน น่าฟังนะ หลวงปู่มั่นท่านพูดถึงเรื่องประวัติศาสตร์ เราก็ได้ดูบ้างแต่ไม่กว้างขวางมากมายนัก หากพอจับใจความ ๆ ได้ว่า ทั้งหมดเรานี้ที่มาอยู่เป็นประเทศลาว ประเทศไทย ประเทศอะไรที่ใกล้เคียงเหล่านี้ ต้นตอจริง ๆ ออกมาจากกอเดียวกัน จะเป็นที่ไหนก็เป็นกอเดียวกันทั้งนั้น ครั้นเวลาออกมาก็มาแตกมาแยก ก็ต้องมีหัวหน้าเป็นธรรมดา ตั้งแต่ครอบครัวก็ยังมีหัวหน้าครอบครัว ๆ หัวหน้าหมู่บ้าน หัวหน้าตำบล อำเภอ จังหวัด เป็นหัวหน้า ๆ ไปเรื่อยมา
ทีนี้เวลามาแล้วก็แยกทางโน้น อันนี้แยกไปทางนั้น เราจำไม่ได้ จำได้แต่ว่าแยกไปทางนู้นก็มีหัวหน้า ๆ เรียกว่าจากกอเดียวกัน มาจากเมืองจีน เป็นเมืองอะไรน้า มาเป็นระยะ ๆ แยกกันไป ลงไปทางภาคไหน ๆ เราพอลวก ๆ เท่านั้น อย่างนี้ละมันจำไม่ได้ แต่จำได้ที่แม่นยำก็คือว่าออกมาจากกอเดียวกันทั้งหมดพวกนี้ ทางภาคเหนือภาคไหน ไทยใหญ่ ไทยน้อยอะไร แตกออกไป ทีนี้ต่างคนก็ต่างเป็นหัวหน้า นี่ละที่จะมาแยกกันเป็นนั้นเป็นนี้ หัวหน้าตัวสำคัญทำให้บริษัทบริวารแตกแยกกัน ให้ระส่ำระสาย อันนี้ก็หัวหน้ามาทะเลาะกันล่ะซี ทะเลาะก็เกิดรบกัน รบกันก็ว่าคนนั้นแพ้ คนนี้ชนะ แบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งอันนั้นเป็นนั้น อันนี้เป็นนี้ อันนี้เป็นไทย อันนั้นเป็นลาว อันนั้นเป็นนู้นเป็นนี้ไป มาจากกอเดียวกันพวกบ้าเราอยากว่างั้น เพราะฉะนั้นเราจึงไม่สนใจนะ
ถ้าพูดถึงเรื่องทางโลกเราก็ดูประวัติศาสตร์มาพอสมควร ต้นตอจริง ๆ ออกจากกอเดียวกันหมด แตกแขนงออกไป ๆ แล้วผู้ใหญ่หัวหน้า ๆ ไม่ลงรอยกันทะเลาะกัน รบกัน ฆ่าฟันรันแทงกัน ก็เรียกว่าคนนั้นแพ้คนนี้ชนะ เลยยกเป็นพรรคเป็นฝ่าย ทำให้ลูกน้องทั้งหลายที่เป็นบริษัทบริวารเสียไปหมดเลย ผู้ใหญ่เพียงคนสองคนเท่านั้นไม่ได้มากทำให้แตกให้แยก ไม่ใช่ใครที่ไหน สำคัญอยู่ที่ผู้ใหญ่นะ ถ้าผู้ใหญ่ดีก็ดี ถ้าผู้ใหญ่เสียคนเดียวนี้ ทำให้บริษัทบริวารเสียไปตาม ๆ กันหมดเลย แล้วแยกแตกเป็นฝักเป็นฝ่าย แม้ในบ้านเมืองเดียวกันก็แตกกันอยู่อย่างนั้นจะว่าไง เพราะหัวหน้าละตัวสำคัญ
เพราะฉะนั้นจึงให้พากันคัดเลือกให้ดีนะ อันนี้เราสอนเน้นหนัก เอาธรรมมาสอน เราไม่ได้สอนโลก ๆ เพื่อแพ้เพื่อชนะกับผู้ใดนะ ธรรมไม่มีคำว่าแพ้ ไม่มีคำว่าชนะ คำว่าได้ว่าเสียไม่มี เป็นธรรมล้วน ๆ เลิศเลอเหนือโลกเหนือสงสารทุกสิ่งทุกอย่างแล้วจึงนำมาสอนโลก พวกเรานี้พวกโลกคือพวกถังขยะ ท่านมาสอนเรา จึงพูดได้ทุกอย่างตามเรื่องอรรถเรื่องธรรมที่เป็นความถูกต้องแม่นยำแล้ว ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก เป็นยังไงก็ว่าไปตามเรื่อง อย่างนั้นจึงเรียกว่าธรรม ตายใจได้ ให้ผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่อความเป็นธรรมได้ยึดหลักที่ท่านสอนไว้นั้นมาเป็นคติเครื่องเตือนใจ ไม่ว่าจะประกอบหน้าที่การงานทุกสิ่งทุกอย่าง ส่วนย่อย ส่วนใหญ่ ส่วนรวม จนกระทั่งประเทศชาติบ้านเมือง ถ้าต่างคนต่างมีอรรถมีธรรมในใจแล้ว คนเราไม่ค่อยทะเลาะกันง่าย ๆ นะ
อันนี้มันไม่มี พวกข้าศึกศัตรูมันอยู่ในใจ ตัวนั้นละตัวทำลาย ครั้นกระจายออกมาก็ทำลายตัวเองแล้วก็ทำลายสังคม ตลอดชาติบ้านเมืองให้แหลกเหลวไปตาม ๆ กันหมดเลย สำคัญกับหัวหน้านะ เพราะฉะนั้นการหาหัวหน้านี้ขอให้พี่น้องทั้งหลายหาหัวหน้าที่เป็นธรรมในใจนะ หัวหน้าที่มีธรรมในใจจะมีความเมตตาสงสาร มีจิตใจอันกว้างขวาง ไม่เห็นแก่ตนคนเดียว นี่ละธรรม คำว่าธรรมมีอยู่ที่ไหน จิตใจจะชุ่มเย็น มีธรรมแล้วก็ชุ่มเย็น แล้วมองหน้ามองหลังมองใกล้มองไกล มองกว้างมองแคบมองไป นี่เรียกว่าธรรม ธรรมเป็นอย่างนั้น
ถ้ากิเลสไม่มองนะ ตรงกันข้าม สวนทางกันเลยร้อยเปอร์เซ็นต์ สวนกันร้อยเปอร์เซ็นต์ ๆ ไปเลยเทียว เพราะฉะนั้นกิเลสไปไหนจึงขัดจึงแย้ง จึงกีดจึงขวางไปทุกสิ่งทุกอย่าง พอเตะ-เตะ พอถีบ-ถีบ พอยัน-ยัน พอโค่น-โค่น พอล้ม-ล้ม นี่กิเลส อย่างนี้ละ มันไม่ได้เอาของดิบของดี คือเพื่อมันเพื่อกิเลส ๆ ใครเป็นตัวกิเลสแบบเดียวกันก็เข้ากันได้ รวมกำลังวังชา ออกมาตีพวกที่มีอรรถมีธรรมให้เดือดร้อนวุ่นวายไปหมด อย่างนั้นนะกิเลส ถ้าธรรมแล้วไปที่ไหนแม้จะเป็นของ เช่นอย่างเสื้อผ้าของเรานี่มันขาดมันหลุดมันลุ่ย เอามาติดมาต่อมาปะมาชุน ใช้ไปได้หลายวันหลายคืนนะ
ถ้าเป็นเรื่องของกิเลสแล้ว โอ๋ย ไม่เอา ใช้วันหนึ่งสองวันนี้ไม่เอา มันเก่าแล้ว ไปหาใหม่มา ใช้วันหนึ่งสองวันแล้วไปหาใหม่มา ไปหากวาดเอามา ในห้องของคนคนเดียวจนจะหาที่นอนไม่ได้ ดีไม่ดีในส้วมในถานมันก็จะเอาเครื่องแต่งเนื้อแต่งตัวไปไว้เต็มห้องเต็มถาน สุดท้ายหาที่ขี้ไม่ได้ ฟาดขี้ราดเสื้อราดผ้าไปหมด พวกนี้พวกกิเลส กินไม่อิ่มกินไม่พอ ได้เท่าไรยิ่งถีบยิ่งยันหาเรื่อย หากินเรื่อย มันอยู่บนหัวใจคน หัวใจคนเมื่อมันเกี่ยวกับผู้กับคน มันก็ไปหากว้านผู้คนเข้ามาเป็นบริษัทบริวาร เหยียบย่ำทำลายคนอื่นไปเรื่อย ๆ พวกนี้พวกทำลายชาติทำลายศาสนา
ศาสนาคือว่าเป็นคำสอนที่ถูกต้องดีงาม มันไม่ได้สนใจ มันเหยียบย่ำทำลายไปพวกนี้ จึงเรียกว่าพวกทำลาย ถ้ากิเลสไปที่ไหนทำลายที่นั่น ไม่ได้มีความชุ่มเย็น เพราะฉะนั้นจึงต้องหาคนดี เราชั่วก็ตามเราก็อยากเกาะคนดี คนโง่ก็ต้องอาศัยคนฉลาด คนฉลาดที่เป็นอรรถเป็นธรรมนะ ถ้าคนฉลาดเป็นอรรถเป็นธรรมแล้วคนนั้นละจะพาก้าวพาเดินพาถูพาไถ แล้วพวกบริษัทบริวารก็ค่อยเป็นไปตามนั้น ๆ ก็ค่อยชุ่มเย็นกันขึ้น ๆ นี่ธรรมไปที่ไหนค่อยชุ่มค่อยเย็น คือหมายความว่าการประสาน การซ่อมแซม การบำรุงการรักษานี้คือธรรม
แต่เรื่องของกิเลส มีแต่การถีบการยันการเตะการโค่นการล้มตลอดไปเลย ไปที่ไหนเตะไปทำลายไป ไปที่ไหนต้องยกตัวดีเสมอ เหยียบย่ำทำลายคนอื่นไปในขณะเดียวกันนี้คือกิเลส กิเลสมันชอบยอ ชอบอำนาจบาตรหลวง ขอให้ได้อำนาจมา เป็นอันว่าพอใจของกิเลส มันจะเหยียบหัวใครก็ตามไม่ได้สนใจนะเรื่องของกิเลสนี่ เอาแหลกไปหมด ๆ นั่นท่านว่ากิเลส ถ้าธรรมแล้วไม่แตะ คิดดูซิอย่างพระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ แม้แต่สัตว์อยู่ในครรภ์ไม่ให้แตะไม่ให้ทำลายกันเลย ท่านให้สิทธิ์เสมอกันหมด ชีวิตความเป็นอยู่ของใครต่อใคร ใครรักใครสงวน ไม่อยากให้ผู้หนึ่งผู้ใดมาแตะต้องทำลายได้ เมื่อเอาหัวใจของตัวคิดอย่างนั้น หัวใจของเขาเป็นอย่างเดียวกัน ประสานกันแล้วทำกันไม่ลง มีแต่ความเมตตาสงสารและเห็นอกเห็นใจกัน นี่เรียกว่าธรรม ธรรมเป็นอย่างนั้นนะ
นี่เราก็ได้พยายามมานำพี่น้องทั้งหลาย โดยเอาพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาที่เอกอุในสามแดนโลกธาตุนี้ ไม่มีศาสนาใดเหมือนพุทธศาสนาเลย การพูดทั้งนี้เราไม่ได้เหยียบย่ำทำลายศาสนาใด คือยกเอาหลักความจริงมายันกันเลย ศาสนาทั้งหลายนี้เป็นศาสนาของคนมีกิเลสเป็นเจ้าของศาสนา ย่อมมีความผิดพลาดลูบ ๆ คลำ ๆ ผิดบ้างถูกบ้าง ผลสุดท้ายก็ไม่พ้นที่จะมาเข้าตัวของผู้เจ้าของศาสนานั้นแล แต่พุทธศาสนานี้ไม่เป็นอย่างนั้น เสมอไปเลย เรียกว่าให้ความเสมอภาค ไม่มีเหยียบย่ำทำลายใครผู้ใด เป็นศาสนาของผู้สิ้นกิเลสแล้วด้วย
พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์เป็นผู้สิ้นกิเลสทั้งนั้น เป็นศาสนาที่ทรงความรู้แจ้งแทงทะลุไปหมด ความรู้ความเห็นพระญาณหยั่งทราบเหมือนกันหมดเลย เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าทั้งหลายจึงไม่เคยค้านกันนะ เรื่องบาป บุญ นรก สวรรค์ พรหมโลก นิพพาน ตลอดเปรตผีต่าง ๆ นี้มีมากี่กัปกี่กัลป์ แล้วพระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาก็ไม่ปรากฏว่ามีองค์ใดที่มาลบล้างสิ่งเหล่านี้ว่าไม่มี ไม่เคยมี องค์ใดมาก็มาเห็นอย่างเดียวกัน เพราะตรัสรู้ขึ้นมาหลังจากสิ่งเหล่านี้มีอยู่แล้ว เมื่อตรัสรู้ขึ้นมาก็มาเห็นสิ่งเหล่านี้ เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้แล้วก็มีทั้งดีทั้งชั่ว มีประเภทใด รูปลักษณะยังไง ให้ความสุขความทุกข์ให้คุณให้โทษอย่างไรบ้าง ท่านก็เห็นตามนั้น ๆ เมื่อรู้ตามนั้นแล้วนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงให้โลกได้รู้ได้เห็นและเข้าใจ เพราะโลกหูหนวกตาบอดไม่รู้
สิ่งใดที่ควรหลีกควรเว้นให้หลีกให้เว้นเสียอย่าทำ ถ้าทำแล้วก็คือทำลายเจ้าของนั้นแหละ จะทำมากทำน้อยก็เรียกว่าทำลายเจ้าของ ภาษาศาสนาก็เรียกว่าทำบาป ทำบุญคือทำความดี บุญคือความสุข บาปคือความทุกข์ แปลออกแล้ว ผลของมันเป็นทุกข์ ทุกข์มากทุกข์น้อยแล้วแต่บาปมีมากมีน้อย สุขมากสุขน้อยแล้วแต่บุญมีมากมีน้อย ท่านบอกว่ามีเหมือนกันหมด นรกสวรรค์ทุกอย่างไม่มีอะไรที่จะลบกันเลยนะ ว่าพระพุทธเจ้าองค์นี้ตรัสอย่างนั้นอย่างนี้ องค์นี้มาตรัสอย่างนี้ ไม่เคยมี ในตำรับตำราบอกเป็นเสียงเดียวกันหมด เพราะท่านรู้อย่างเดียวกัน
เนื่องจากสิ่งเหล่านั้นมีอยู่ดั้งเดิมก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้ พอตรัสรู้มาแล้วก็มาเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ดั้งเดิมนั่นแหละ แล้วก็นำอันนี้มาสอนโลก พระพุทธเจ้าของเราทุก ๆ พระองค์จึงเป็น โลกวิทู คือรู้แจ้งทั้งโลกนอก ตลอดภายนอก เห็นหมดรู้หมด ภายในพระทัยก็สว่างจ้าไปหมด จึงเรียกว่า โลกวิทู รู้แจ้งทั้งโลกนอกโลกในตลอดทั่วถึง ควรแก่ความเป็นศาสดาที่มาสอนธรรมแก่โลกมืดบอดนี้อย่างแท้จริง
นี่เราได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ในเมืองไทยของเรานี้เรียกว่าเป็นเมืองพุทธก็ไม่ผิด ถ้าเอาพุทธศาสนาเอาธรรมมาปกครองมาอยู่ร่วมกัน นับตั้งแต่ตัวของเราก็อย่าให้ร้าวรานกัน ร้าวรานคือว่าความดีความชั่ว ให้พยายามดับมัน สิ่งใดที่ชั่วในหัวใจของเรา อย่าให้แสดงออกมา อย่าพูดออกมา อย่าทำออกไป ให้หาตั้งแต่ความดีงามใส่ตัวเอง แล้วคนนั้นก็อบอุ่น ทีนี้เวลาไปคละเคล้ากับสังคมต่าง ๆ ต่างคนก็ต่างมีเจตนาอันดีงามอย่างเดียวกันแล้วเข้ากันได้สนิท ๆ ไปไหนไม่มีคำว่าทะเลาะเบาะแว้ง แตกร้าวอะไรอย่างนี้ไม่มี มีแต่การประสาน
นี่ละถ้าธรรมไปที่ไหน เป็นการประสาน มีการบำรุงรักษา การประสานเข้าไปเรื่อย ๆ ไม่มีคำว่าทำลายนะ มีตั้งแต่การบำรุงรักษาทะนุถนอมสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดีงามยิ่งขึ้น หนาแน่นมั่นคงยิ่งขึ้น นี่เรียกว่าธรรม ธรรมนี้แหละจะครองโลก โลกจึงรู้จักประมาณ ถ้าให้กิเลสครองไม่มีคำว่ารู้จักประมาณ มีเท่าไรไม่พอดังที่พูดตะกี้นี้แหละ เครื่องแต่งตัวของคนคนหนึ่งเท่านั้นหาที่วางไม่ได้ แล้วก็ทิ้งเข้าไปในส้วม เวลาปวดส้วมหาที่ถ่ายไม่ได้ ฟาดขี้แตกใส่เครื่องแต่งตัวเจ้าของไปเสีย คือมันหาจนกระทั่งเลยเขตเลยแดน กิเลสเป็นอย่างนี้นะ
ทีนี้การได้มาเหล่านี้เราไม่ขวนขวายใครเป็นคนขวนขวาย ได้มามากน้อยเกิดจากการขวนขวายทั้งนั้น การขวนขวายต้องเป็นทุกข์ ต้องดีดต้องดิ้นหามากว่าจะได้มา ได้มาใช้ไม่พอวันสองวันแล้วทิ้งไปหาไปดิ้นไป ๆ ตลอดเวลา หาความสุขไม่ได้เลย ไม่มีฝั่งมีฝา ถ้าเป็นธรรมแล้ว มีพอใช้พอแล้วไม่ต้องกังวลวุ่นวาย ไม่ต้องดีดต้องดิ้นให้สร้างกองทุกข์แก่ตัวเองนะ เป็นความสะดวกสบายไปเรื่อย ๆ เลย นี่สงบร่มเย็น นี่ธรรมมีคำว่าพอ ถ้าพอที่ไหนสุขที่นั่น ถ้ายังไม่พอก็ยังหิวโหย พาดีดพาดิ้นให้เป็นทุกข์ตลอดไป ทีนี้ความพอเพิ่มขึ้นมามากน้อยเพียงไร สุขมากน้อยเพียงนั้น พอพอแล้วสบายเลย
เช่นอย่างธรรมของท่าน เวลาท่านบำเพ็ญธรรม บำเพ็ญเพื่อชำระความหิวความโหย คือกิเลสมีอยู่ภายในใจ ชำระให้ถึงขั้นอิ่มพอ อิ่มพอไปโดยลำดับลำดา ศีลก็อิ่มพอ รักษาศีลเต็มเม็ดเต็มหน่วย ในองค์ของพระผู้ตั้งใจปฏิบัติ บวชมาเป็นพระเป็นสงฆ์แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตนให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ผู้นี้ศีลก็มีเต็มหัวใจ มีเต็มกายเต็มวาจา รวมแล้วเรียกว่ามีเต็มตัว นี่ก็อิ่ม ไปที่ไหนเอิบอิ่มผู้มีศีลเต็มตัว ๆ เราจะเห็นอย่างชัด ๆ เอา เข้าสู่สงครามในป่าในเขา ไปอยู่ในป่าในเขาขนาดไหนก็ตาม เสือกระหึ่ม ๆ อยู่ข้างทางจงกรมนี้ไม่ได้หวั่นนะ อย่างน้อยศีลบริสุทธิ์แล้ว ตายก็ขึ้นเลย มันแน่อยู่ในหัวใจแล้วนี่
นั่นละธรรม ไม่จำเป็นจะต้องหาใครมาลากมาจูงละ อยู่ที่ไหนก็แน่ใจ เพียงศีลบริสุทธิ์เต็มตัวเท่านั้นก็เป็นความสุข ไม่ได้กลัวนะเรื่องสัตว์เรื่องเสือเนื้อร้ายอะไรต่าง ๆ ไม่กลัว แล้วยิ่งมีสมาธิความสงบใจขึ้นภายในใจ ยิ่งเป็นเรือนใจที่หนักแน่นเข้าไป เรือนภายนอกคือศีล ธรรมส่วนหยาบเรียกว่าศีล รักษาให้เป็นความอบอุ่นรอบด้าน ภายในนี้เป็นเกาะอันใหญ่โต เป็นอุโมงค์อันใหญ่โต แห่งความสงบสุขเย็นใจอยู่ที่นั่น อยู่ที่ไหนเย็นสบาย ๆ ไปหมด นี่อิ่ม นั่นละธรรมมีขั้นไหนค่อยอิ่มไป ๆ มีขั้นศีลแล้วอิ่มในศีล จะรักษาให้ยิ่งกว่านี้ไปอีกไม่ได้แล้ว ตามหลักพระวินัยที่ท่านสอนไว้ยังไง รักษาไว้โดยสมบูรณ์ อิ่มใจ
จากนั้นสมถธรรม ความสงบใจ สมาธิคือความแน่นหนามั่นคงของใจ เต็มไปด้วยความสุข อยู่ที่ไหนมีแต่มืดกับแจ้ง ท่านไม่ได้สนใจกับวันนั้นวันนี้ยุ่งเหมือนอย่างพวกเราเป็นบ้าปีใหม่ปีเก่า ท่านไม่ได้มีปีใหม่ปีเก่า เพราะกิเลสมันไม่เคยมีปีใหม่ปีเก่า ธรรมจะคอยหาปีใหม่ปีเก่าไม่ทันกิเลส ฟัดกันเลย ๆ ข้าศึกอยู่ตรงไหน ไม่ว่าเกิดขึ้นกลางวันกลางคืน ฟาดกันแหลก ๆ กิเลสพังไปได้ไม่ว่ากลางวันกลางคืน แล้วจิตก็ยิ่งมีความพอกพูนตัวเองได้ความแน่นหนามั่นคงขึ้นไป สมาธิแน่นหนามั่นคง จากนั้นก็ก้าวเข้าสู่ปัญญา
ปัญญานี้ใครอย่ามาคาดนะว่างี้ เราตัวเท่าหนูเอามายันพี่น้องทั้งหลายได้เลยนะ เกิดมาแต่โคตรพ่อโคตรแม่หลวงตาบัว ไม่เคยได้ยินว่าปัญญาเป็นยังไงจะว่ายังไง พูดให้มันยัน ๆ อย่างนี้ คือเอาน้ำหนักมาพูด น้ำหนักของความรู้ความเห็นที่มันเป็นในเวลาโง่ ๆ กับเวลามันเกิดขึ้นมาด้วยความฉลาดในหัวใจดวงเดียวกันนั้น เวลามันจ้าขึ้นมานี้ปัญญาอย่าเอามาพูด โลกธาตุนี้มันครอบไปหมดเลยเวลามันออก มันจ้าไปหมด ไม่เคยรู้มันรู้ ไม่เคยเห็นมันเห็นไปหมด เห็นอย่างไม่สงสัยเสียด้วยนะ ธรรมพระพุทธเจ้าเห็นแบบ สนฺทิฏฺฐิโก สนฺทิฏฺฐิโก เห็นด้วยตาตนเอง ฟังด้วยหูตนเอง ถ้าเทียบมาทางกายของเรานะ อันนั้นรู้ด้วยใจตนเองในสิ่งที่เป็นความเหมาะสมกับเรื่องใจที่จะรู้นี้ปิดไม่อยู่ ๆ
ต้นไม้ ภูเขา ดินฟ้าอากาศ อย่าเอามาปิดธรรมชาติที่มีอยู่ ซึ่งเป็นนามธรรมล้วน ๆ อันเป็นของละเอียดสุดนั้น กับใจที่เป็นของละเอียดสุดยอด เข้าถึงกันทันที ๆ ไม่ได้มาเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ ว่าอันนั้นปิดบัง อันนี้ปิดบัง วันนี้อากาศมืดมองไม่เห็น วันนี้อากาศสว่างมองเห็น เราอย่าเอามาเทียบเหล่านี้ หัวใจดวงนี้ไม่มีวันมีคืน ไม่มีมืดมีแจ้ง สว่างจ้าตลอดเวลาโดยหลักธรรมชาติของตน นี่พอถึงขั้นปัญญา แก้ทั้งกิเลส กิเลสมีหนักเบามากน้อยมันจะทะลุถึงกัน ๆ
แต่ก่อนเราเคยรู้เมื่อไร บทเวลาเครื่องมือคือสติปัญญานี้ฟิตตัวขึ้นเป็นลำดับ ๆ สว่างจ้าแล้วมันก็เห็นไป ๆ กว้างออก ๆ กิเลสภายในใจมีมากมีน้อยพังกันลง ๆ สิ่งภายนอกมีมากมีน้อย เห็นกันไป ๆ เห็นทั้งภายนอกภายในตลอด ทะลุจนกระทั่งนรกอเวจี เปรต สวรรค์ พรหมโลก ต่อไปเมื่อจิตสว่างจ้ามันเห็นนิพพาน ไม่ต้องถามพระพุทธเจ้า นั่นละจิต เรื่องของจิตมีอำนาจมากทีเดียว ใครจะมาคาดไม่ได้นะ
แต่เวลานี้ถูกกองมูตรกองคูถ คือขี้โลภ ขี้โกรธ ขี้หลง ครอบมันไว้ คนคนหนึ่งจึงไม่เห็นมีราค่ำราคาอะไร เอาเครื่องประดับตกแต่ง เอาชื่อเอาเสียง เอาบริษัทบริวารเงินทองข้าวของมาประดับประดาตกแต่งให้มีราค่ำราคา มันจะมีอะไรประสากระดาษ ถ้าว่าเงินก็เพียงกระดาษสมมุติกันขึ้น ไอ้หลังลาย มันวิเศษวิโสอะไรประสากระดาษ ถ้าหากว่าไม่นิยมไม่นับถือว่ามันเป็นเงินจะมาเผาไฟทิ้ง มันก็เหมือนฟืนเหมือนไฟทั้งหลายนั่นแหละ แล้วเอามามวนบุหรี่สูบมันเหม็นเขียวจนจะตาย นี่เราก็เสกสรรมันขึ้นมา แล้วจะเอาสิ่งเหล่านี้ เงินทองข้าวของ ทองอะไรก็ตาม จะเป็นเพชรเป็นนิลจินดา มันก็แร่ธาตุอันหนึ่ง ๆ เท่านั้น พิจารณาตามหลักความจริงแล้วมันแปลกกันอะไร
เมื่อธรรมอิ่มแล้วเห็นหมดจะว่าไง อันไหนสูงอันไหนต่ำ อันนี้เอาไว้สำหรับสมมุติขั้นนี้ ๆ ใช้ไปในโลกสมมุติ แต่ธรรมท่านเป็นหลักธรรมชาติแล้วท่านไม่ตื่น สมมุติอะไรท่านก็ไม่คัดไม่ค้านไม่ลบไม่ล้าง ท่านก็ใช้ไปตามโลกสมมุติในเมื่อธาตุขันธ์มีอยู่ แต่ท่านไม่ตื่นไม่เต้นนะ นี่ละธรรมฟังซิ กระจายออกไปถึงขั้นปัญญา เมื่อถึงขั้นปัญญาแล้ว สุดท้ายกิเลสจะละเอียดขนาดไหนก็ตาม สู้สติปัญญาญาณอันนี้ไม่ได้ ขาดสะบั้นไปเลย เพราะสติปัญญาอันนี้เป็นเหมือนไฟได้เชื้อ เชื้อไฟคือกิเลส เชื้อหยาบ กลาง ละเอียดขนาดไหน ไฟนี้จะลุกลามไปตามเชื้อหยาบ เชื้อกลาง เชื้อละเอียด ถ้ามีหนามากความเพียรก็เน้นหนัก สติปัญญารุนแรง ผาดโผนโจนทะยาน ฟัดกันมันถึงทันกัน
ทีนี้ขึ้นถึงกิเลสมันอ่อนตัวลง สติปัญญาก็เป็นสติปัญญาที่แหลมคมขนาดกลาง ไม่ผาดโผนโจนทะยาน ทีนี้เวลากิเลสมันอ่อนตัวลงไป ๆ มากเท่าไร สติปัญญายิ่งเฉียบยิ่งแหลม ทำงานละเอียดลออ ๆ กลายเป็นน้ำซับน้ำซึม กิเลสเป็นเหมือนเชื้อไฟที่ละเอียด ละเอียดสุด สติปัญญาซึ่งเป็นเหมือนไฟก็เผากันอย่างละเอียด ๆ จนกระทั่งเชื้อที่ละเอียดคือกิเลสละเอียดนั้นขาดสะบั้นไปหมดแล้ว ไฟดับเอง ไม่ต้องดับมันก็ดับเอง เพราะไม่มีเชื้อที่จะให้ไหม้มันก็ดับ
ทีนี้ธรรมแผดเผากิเลสก็เหมือนกัน เมื่อถึงขั้นกิเลสขาดสะบั้นไปจากใจ เผาอันใดอีก นั่นเรียกว่าพอเต็มตัว ธรรมพระพุทธเจ้าเป็นธรรมพอเต็มตัวของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ของพระอรหันต์ทุก ๆ พระองค์ ไม่มีองค์ใดยิ่งหย่อนกว่ากันเลย ท่านว่า นตฺถิ เสยฺโยว ปาปิโย นับแต่พระพุทธเจ้าลงมาทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า และสาวกของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ จนกระทั่งถึงสาวกองค์สุดท้าย ความบริสุทธิ์เสมอกันหมดเลย ไม่มีใครยิ่งหย่อนกว่าใครเลย นี่ละธรรมอันนี้เองที่เวลาถึงนี้แล้วกลายเป็นธรรมธาตุ เหมือนกับน้ำที่ไหลมาจากสายต่าง ๆ เข้าสู่มหาสมุทร พอเข้าถึงมหาสมุทรแล้วกลายเป็นน้ำมหาสมุทรทะเลหลวงไปตาม ๆ กันหมด เราจะไปแยกแยะว่าน้ำหยดนี้ ๆ มาจากแม่น้ำสายนั้นสายนี้ไม่ได้เลย มองลงไปปั๊บเป็นมหาสมุทรอันเดียวกันหมด
นี่จิตของท่านผู้บริสุทธิ์วิมุตติหลุดพ้นเต็มเหนี่ยวจนกลายเป็นธรรมธาตุแล้วก็เหมือนกัน คือผู้บำเพ็ญนั้นน่ะเท่ากับแม่น้ำสายต่าง ๆ ที่ไหลเข้ามา ๆ คือใกล้เข้ามา ได้แก่บารมีแก่กล้าเข้ามา ๆ พอถึงมหาสมุทรได้แก่หลุดพ้นอย่างเดียวกันแล้ว เรียกว่าน้ำนี้เข้าถึงมหาสมุทรแล้ว เราจะไปแยกสายต่าง ๆ ของน้ำไม่ได้เลยฉันใด ผู้ที่เข้าถึงความบริสุทธิ์ด้วยบารมีของตน เมื่อเข้าถึงธรรมธาตุซึ่งเทียบกับน้ำมหาสมุทรแล้ว เป็นธรรมธาตุเหมือนกันหมด จะว่าแยกมาจากสกุลใดสัตว์ตัวใดและบุคคลคนใด ๆ ไม่มี เข้าถึงนั้นแล้วเป็นธรรมธาตุเหมือนกันหมด
ธรรมประเภทธรรมธาตุนี้แลที่คุ้มครองรักษาโลกอยู่เวลานี้ ที่ว่าธรรมมีอยู่ ๆ คือธรรมธาตุเป็นพื้นฐาน ท่านแยกออกเป็นธรรมมีอยู่ ก็มาเป็นพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ออกมา เป็นกิ่งของอันนี้ออกเพื่อรับสมมุติของโลก ให้โลกได้ปฏิบัติบูชา พอเป็นแนวทางเข้าไปสู่ถึงธรรมธาตุ พอเข้าไปถึงธรรมธาตุแล้ว คำว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ รวมเข้าไปในธรรมธาตุทั้งหมด ตัวเราเองที่วิ่งว่อนอยู่ในเวลามีกิเลส เมื่อสิ้นกิเลสแล้วเข้าเป็นอันเดียวกันอีกเหมือนกันหมด นี่ธรรมอย่างนี้ละ จึงขอให้พี่น้องชาวไทยเราได้นำไปประพฤติปฏิบัติรักษาตน ประเทศชาติบ้านเมืองของเราด้วยอรรถด้วยธรรมนะ อย่านำกิเลสเข้ามารักษาชาติบ้านเมืองของเรา จะฉิบหายวายปวงไปหมด นี่เป็นสำคัญมาก
เราเป็นลูกชาวพุทธ อย่าสร้างความแตกแยกต่อกัน ไม่ใช่เป็นของดีเลย ให้สร้างความสมานสามัคคี ผู้ใหญ่มีกำลังมากน้อยเพียงไรให้มุ่งเข้ามาสู่ประโยชน์ส่วนรวม ไม่ว่าผู้ใหญ่ผู้น้อยรวมกันแล้วเป็นส่วนรวม ให้ต่างคนต่างขวนขวายหาความรู้วิชาเข้ามาเพื่อบำรุงรักษาประโยชน์ส่วนรวม อย่าหาความรู้ความฉลาดมาเป็นไฟเผาบ้านเผาเมือง อันนี้ใช้ไม่ได้เลย ไม่สมกับเราที่เป็นมนุษย์และเป็นลูกชาวพุทธ
ในเมืองไทยเรานี้อย่างน้อย ๘๐% เป็นลูกชาวพุทธ มีอยู่ทุกแห่งทุกหนบรรดาข้าราชการงานเมืองทั้งหลาย มีพ่อมีแม่มีครูมีอาจารย์ ได้จากครูบาอาจารย์มา ครั้นมาแล้วมาปฏิบัติหน้าที่การงาน ก็ขอให้ระลึกถึงธรรมถึงครูถึงอาจารย์ ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ระลึกถึงพ่อถึงแม่ของตน ซึ่งเป็นบ่อแห่งคุณของเราทั้งนั้น สักการบูชา ฟังเสียงอรรถเสียงธรรม ฟังเสียงครูเสียงอาจารย์ ฟังเสียงพ่อเสียงแม่ อย่าฟังแต่เสียงกิเลสตัณหา จะเอาไฟเผาโลกโดยไม่สงสัย นี้เป็นหลักธรรมที่นำมาสอนพี่น้องทั้งหลาย
เวลานี้ก็กำลังหัวเลี้ยวหัวต่อที่พี่น้องทั้งหลายจะเสาะแสวงหาผู้นำ ผู้นำไม่ใช่เป็นเรื่องเล็กน้อย ทำบ้านเมืองให้จมก็ได้ผู้นำ ถ้าผู้นำชั่วเสียอย่างเดียวทำชาติบ้านเมือง คนทั้งชาติให้จมไปเลยก็ได้ ถ้าเป็นผู้ดี ทำคนทั้งชาตินี้ให้เป็นอิสระเสรีมีความสงบร่มเย็นอยู่ในตัวของคนทุกคน ๆ เป็นอิสระเต็มตัวทั่วประเทศไทย นี่คือผู้นำดี เพราะฉะนั้นการเลือกผู้นำจึงเป็นหน้าที่ของพี่น้องทั้งหลายจะเป็นผู้คัดเลือกด้วยความพินิจพิจารณารอบคอบขอบชิด เพราะเราแต่ละคน ๆ นั้นมีสิทธิที่จะคัดเลือก ถ้าหากว่าเราโง่เราไม่ฉลาด การคัดเลือกของเรานี้ มันจะหาแต่เอาฟืนเอาไฟมาเผาตัวเอง สุดท้ายเผาได้ทั้งบ้านทั้งเมืองด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา ชุ่ย ๆ สุกเอาเผากิน นี่ทำชาติบ้านเมืองให้จมได้ แต่ถ้าผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดโดยอรรถโดยธรรมแล้ว ก็เรานั้นแหละผู้เดียว ๆ แต่ละคน ๆ มีสิทธิมีอำนาจจะยกชาติไทยของเราให้ขึ้นได้ด้วยความรอบคอบของเราทุกคน
นี่วาระนี้ก็จะถึงวันที่ ๖ นี่เขาจะหย่อนบัตรแล้วนะ นี้เราย้ำแล้วย้ำเล่าเพราะเป็นห่วงพี่น้องชาวไทยกันทั่วประเทศ กลัวจะผิดจะพลาด กลัวจะเข้าปากโจรปากมารกลืนกินไปเสียในคนทั้งชาติ เป็นอาหารของมหาโจรมหาภัยไปเสีย อาหารสัตว์เขาก็มีประเภทต่าง ๆ อาหารมนุษย์เราก็มีอย่างอื่น อาหารมนุษย์ไม่ใช่จะเอามนุษย์มาเป็นอาหาร ไม่สมควรอย่างยิ่ง มนุษย์ต้องเป็นมนุษย์ปกครองบ้านเมือง ให้เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
นี่ละตอนนี้ละ วันที่ ๖ เขาจะหย่อนบัตร เป็นวันตัดสินเด็ดขาดกันวันนั้นนะ ประกาศความตัดสินเด็ดขาดว่า ที่ว่าความจะล่มจมของชาติไทยเรานี้ อยู่กับเราทุกคน ด้วยความไม่เฉลียวฉลาด ด้วยความสุกเอาเผากิน ไม่คิดอ่านหน้าอ่านหลัง เห็นแก่พวกแก่พ้อง เห็นแก่เขาแก่เราธรรมดา ไม่เห็นแก่ส่วนรวม ส่วนรวมเป็นหลักใหญ่มากกว่า จะเห็นแก่ใครก็ตามถ้าไม่เห็นแก่ส่วนรวมแล้วก็ผิด ต้องเห็นส่วนรวมเป็นสำคัญ หลักใหญ่ของส่วนรวมคือต้องเป็นส่วนรวมที่มีความเห็นอันถูกต้องดีงามตามอรรถตามธรรม ที่จะยังชาติไทยของเราให้เจริญรุ่งเรือง เมื่อความเห็นรวมกันแล้วว่า เอ้า ใครดี เอาตัดสินกันที่นี่นะ เอาไปวินิจฉัย
คือเวลานี้ผู้ที่จะสมัครตัวเป็นผู้แทนเป็นนายกนี้มีอยู่มาก แต่ละพรรค ๆ เป็นความสมัครตนในหัวหน้าที่จะต้องเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยกันทุกคน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องชาวไทยเราจะเป็นผู้ชี้ขาดในการให้อำนาจให้เป็นนายกรัฐมนตรี เราเป็นผู้ชี้ขาดในหัวใจของเรา หย่อนบัตรลงตรงไหนมากตรงนั้นจะได้ขึ้นเป็นนายก นายกคนนี้เป็นคนดีหรือคนไม่ดีนั่นซิ ถ้าเราหย่อนบัตรลงไปผิด ๆ พลาด ๆ หย่อนไปก็เท่ากับเข้าไปปากโจรปากมาร บัตรที่เราหย่อนไปก็เท่ากับดาบของเรา หย่อนเข้าไปแล้วให้เขาจับได้แล้วก็กลับมาฟันคอเราขาดสะบั้นไปทั้งประเทศ จากนายกที่เป็นคนชั่วช้าลามก เป็นเพชฌฆาตสังหารชาติไทยให้หัวขาดสะบั้นไปตาม ๆ กันได้
นี่ละการหย่อนบัตร บัตรของเรานี้เป็นธรรมชาติที่สิทธิ์ขาดเต็มตัวทุกคน ๆ เราจึงต้องสงวนบัตรของเราให้ดี พิจารณาให้รอบคอบเสียก่อนก่อนที่จะหย่อนบัตร หย่อนลงไปนี้บัตรอันนี้จะกลับมาเป็นดาบตัดคอเรา หรือบัตรอันนี้จะกลายเป็นดาบอันแหลมคม ตัดความทุกข์ความจนความว้าวุ่นขุ่นมัวทั้งหลายในประเทศไทยให้ขาดสะบั้นลงไป มีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข ผู้นำของเราเป็นคนดี เพราะเราหย่อนถูกต้องตามจุดหมาย สำคัญมากตรงนี้นะ เพราะฉะนั้นจงให้พากันพิจารณาให้ดี
คราวนี้เป็นคราวที่จะชี้ดวงชะตาของชาติไทยเรา โดยถือเราเป็นตัวตั้งตัวตี ถือเราเป็นผู้มีอำนาจทั้งการทำลายตัวเอง ทั้งการจะอุ้มชูชาติไทยของเรา ด้วยความโง่และความฉลาดของเราเอง ถ้าเราโง่แล้วก็หย่อนบัตรลงไปให้เป็นดาบกลับมาตัดคอเรา มอบดาบนี้ให้มหาโจรคือผู้นำที่ชั่วช้าลามก มันได้อำนาจนั้นแล้วก็มาตัดคอเราขาดสะบั้นลงเลย ถ้าหย่อนให้ผู้ดี ดาบนี้ก็กลายมาเป็นบุญเป็นคุณเป็นเครื่องหนุนชาติไทยของเรา ประหนึ่งว่าดาบซึ่งเกิดกับเราเอง มากลายเป็นเทวบุตรเทวดาให้ความร่มเย็นแก่เรา เพราะเราได้ผู้นำที่ดี สำคัญตรงนี้ ผู้นำเป็นสำคัญมาก ให้พิจารณาให้ดีนะ ธรรมสอนอย่างนี้นะ เราไม่ได้มีเอียงทางโน้นเอียงทางนี้ ธรรมสอนว่าอย่างนั้น ให้หาคนดี เหตุผลที่จะให้ดีเพราะอะไรก็สอนหมดแล้ววิธีการต่าง ๆ ให้ระมัดระวัง
เวลานี้ผู้นำทั้งหลายไม่ว่าเขาว่าเราก็เป็นคนมีกิเลส อยากเป็นหัวหน้าเป็นเจ้าหน้าเจ้าตาเป็นธรรมดา แต่หลักใหญ่ของเขาก็เพื่อจะช่วยชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริงก็มีอยู่ ผู้ที่คอยที่จะแก้แค้นซึ่งหาอุบายวิธีการพูดว่า ทำงานคราวนี้ไม่ค่อยสำเร็จสมบูรณ์แบบ แล้วมาขาดตำแหน่งหน้าที่ลงไปเสียก่อน แล้วขอสมัครใหม่ อยากจะขอแก้มือ นั้นแลคือขอแก้แค้น เวลานี้ตัดคอชาติไทยเรายังไม่ขาด ถ้าได้ขึ้นคราวนี้ให้มันขาดหมดทั้งโคตรพ่อโคตรแม่ของชาติไทยของเรา เป็นความเคียดแค้นเข้าใจไหม มันพลิกปั๊บเดียวเท่านั้น ความปากหวานหลอกลวงประชาชนให้ล่มจมตามกลมายาแห่งความหวานของตัวเองที่เคลือบด้วยน้ำตาลนั้น
นั้นละมันจะมากล่อมชาติไทยของเราที่โง่ ๆ ให้กลายเป็นมดง่ามทั้งหมด คือชาติไทยของเรา ตายจมอยู่ในน้ำตาลอันหวานฉ่ำ ถูกน้ำตาลเป็นเครื่องล่อ เครื่องสังหารคือฟืนคือไฟเผาไหม้ชาติไทยของเรา ให้พากันพินิจพิจารณาด้วยดีนะ เวลานี้คนไทยเรามีจำนวนอย่างน้อย ๖๒ ล้านคน จะต้องอาศัยอรรถอาศัยธรรมเป็นทางเดิน และอาศัยความรักชาติ อาศัยความเสียสละ อาศัยความจริงจัง กล้าหาญชาญชัยที่จะรักษาชาติบ้านเมืองของตนให้ปลอดภัยไร้กังวลทั้งหลายได้ เพราะความเอาจริงของชาติไทยเรา ขอให้นำไปประพฤติปฏิบัตินะ
หลวงตาไม่มีอะไรจะเอาอะไรกับท่านทั้งหลายนะ เป็นแต่นำธรรมพระพุทธเจ้ามาสอน ที่เรียกว่าศาสนาเป็นผู้นำ เราในนามของศาสนา เอาศาสนามาสอนพี่น้องทั้งหลาย และสอนด้วยความแน่ใจด้วยไม่สงสัย ไม่มีเอนมีเอียง ไม่มีฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ หนักโน้นหนักนี้เราไม่มี แต่ดีชั่วที่ไหนมีตำหนิตามความชั่ว ชมเชยตามความดีมี ธรรมเป็นอย่างนั้น นี่จึงมาสอนพี่น้องทั้งหลาย ให้พากันตั้งอกตั้งใจปฏิบัติต่อหน้าที่ของเรา วันที่ ๖ เป็นวันที่จะตัดสินชาติไทยของเรา คอจะขาดหมดทั้งชาตินี้ก็เพราะความโง่เขลาเบาปัญญา สุกเอาเผากิน ทำอย่างชุ่ย ๆ ไม่ได้คำนึงถึงเหตุถึงผล ถึงสารประโยชน์ของตัวและชาติไทยของตัวเลย คนนี้และพวกนี้ตลอดชาติไทยจมได้ไม่สงสัย
ถ้าต่างคนต่างมีความหมายมั่นปั้นมือที่จะรักษาชาติไทยของเรา นับแต่ตัวของเราออกไปด้วยการคัดเลือกในบัตรอันนี้ละ เป็นบัตรเพชฌฆาตก็ได้ เป็นบัตรเทวบุตรเทวดาก็ได้อยู่ในกำมือของเรา ที่เราจะไปหย่อนบัตรนี้ละตัวเพชฌฆาตอยู่ในนั้นนะ ถ้าไม่รอบคอบกลับมาเป็นเพชฌฆาตตัดคอเราได้เลย เป็นดาบตัดคอเรา ถ้าเรามีความรอบคอบแล้ว อันนี้จะเป็นบัตรเทวบุตรเทวดาอินทร์พรหมมาโปรดโปรยเราให้มีความสงบร่มเย็น บัตรอันนี้คือเราหย่อนลงด้วยความพินิจพิจารณาเรียบร้อยแล้ว ว่าใครเป็นคนดี ที่จะรับบัตรอันนี้ไว้เพื่อต่ออายุสังขารของชาติไทยเรา ให้เป็นดวงชะตาที่แน่นหนามั่นคงต่อไป เป็นคนใด ให้ดูคนนั้นให้ดี เมื่อดูดีแล้วหย่อนลงไปเลยไม่ผิดหวังละนะ นี่เป็นสำคัญมากที่พี่น้องทั้งหลายจะคัดเลือกพินิจพิจารณา เรียกว่าเป็นหมัดเด็ดของชาติไทยเรา
ดวงชะตาของชาติไทยเราขึ้นอยู่กับวันที่ ๖ ที่จะหย่อนบัตร นั่นละทุกคนให้ใช้ความพินิจพิจารณาให้ดี ไม่อย่างนั้นพลาดจริง ๆ ถ้าพลาดแล้วจมไม่มีวันฟื้นนะ เป็นสำคัญอันนี้นะ เวลานี้กำลังหัวเลี้ยวหัวต่อ ไอ้เรื่องดีเรื่องชั่วก็มีสับมีปนกัน คนดีคนชั่วมีสับมีปนกันทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย มีการขัดการแย้งการเตะการถีบการยันการทำลายกันตลอดไป ดีไม่ดีที่จะตั้งนายกขึ้นคราวนี้ จะตั้งขึ้นได้หรือไม่ได้ประการใด จึงต้องชี้กับดวงชะตาของพี่น้องทั้งหลายเอง เอาอันนี้เป็นอำนาจบาตรหลวงอันใหญ่โต ไม่มีอะไรมาคัดค้านได้นะ ถ้าให้เป็นอำนาจป่า ๆ เถื่อน ๆ เช่น ป.ป.ช.บ้าง เช่น กฤษฎีกา บ้าง รัฐธรรมนูญบ้าง พวกนี้มันพลิกได้ทั้งนั้นนะนี่
ใครเป็นคนถือ ป.ป.ช. ใครเป็นคนถือกฤษฎีกา ใครเป็นคนถือบังเหียนของศาลรัฐธรรมนูญ มันเอาอันนี้มาตัดคอของเราได้นะ เราต้องถือหลักเกณฑ์อันนี้เป็นสำคัญ ที่เราถืออยู่นี้เป็นอำนาจใหญ่โต ป.ป.ช.มีกี่ร้อยฉบับก็ตาม รัฐธรรมนูญมีกี่ฉบับก็ตาม กฤษฎีกามีกี่ฉบับก็ตาม ใครเป็นคนตั้งขึ้น ชาติไทยของเราเป็นผู้ตั้งรัฐบาลขึ้น รัฐบาลเป็นผู้ตั้งสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา แล้วสิ่งนี้จะมีอำนาจเหนือเราคนไทยทั้งชาติซึ่งปฏิบัติตัวด้วยความชอบธรรมไปได้เหรอ มันไปไม่ได้ ถ้าชาติไทยไม่ยอมรับเสียอย่างเดียว เพราะชาติไทยถูกต้องดีงาม เหล่านี้มาเป็นเครื่องสังหารจะยอมรับกันได้ยังไง เพียงเท่านี้มันก็ล้มทันที ให้พากันรักษาไว้ให้ดี ๆ นะ นี้ละเป็นเครื่องชี้ขาดในตัวของเราทุกท่าน ๆ
เวลานี้มันกำลังจะเตะจะถีบจะยันกัน จะไม่ให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีได้เลย นอกจากตัวมหาโจรคนเดียวนี้เท่านั้นจะเป็นผู้เรืองอำนาจ กินประเทศชาติทั้งบ้านทั้งเมือง คนไทยทั้งชาติเป็นอาหารเลี้ยงกันบนโต๊ะบนเก้าอี้ไม่กี่โต๊ะกี่เก้าอี้แล้วพอใจ ให้พวกเราระวังอันนี้ให้ดี เราไม่ใช่เนื้อเราเป็นคน ถ้าเป็นเนื้อก็สมควรที่จะขึ้นเขียงให้เขาสับเขายำให้เขากินโต๊ะกัน ก็นี้เราเป็นคนไทยทั้งชาติ เราต้องรักษาคนไทยทั้งชาติไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยวอาจหาญชาญชัย ด้วยความมีเหตุมีผล ด้วยความเฉลียวฉลาดทุกแง่ทุกมุมไปนะ นี่ละเรื่องราวมันเป็นอยู่อย่างนี้ มีแต่จะเตะจะถีบจะยันกัน ที่จะหาความเจริญรุ่งเรืองไม่มี มีแต่จะเอาแต่เป็นใหญ่เป็นโตเป็นยักษ์เป็นมารครองบ้านครองเมือง กินบ้านกินเมืองต่อไปไม่มีวันอิ่มพอเวลานี้ เพราะฉะนั้นจึงต้องได้ใช้ความพินิจพิจารณา เอาคนทั้งชาตินี้เป็นตัวประกันชาติไทยของเรา
อย่างที่ว่าตะกี้นี้ บัตรเป็นของสำคัญนะ อันนี้ละมีอำนาจมากที่สุดเลย เอากฎหมายข้อไหนมาก็มา ถ้าลงชาติไทยของเราได้จับบัตรติดมือเข้าสู่จุดที่เราต้องการด้วยความถูกต้องชอบธรรมแล้วอันไหนล้มไปหมดเลย อันนี้สำคัญมากนะ ถ้าเหลว ๆ ไหล ๆ โลเลโลกเลกนี้จมได้นะชาติไทยเรา เวลานี้กำลังเริ่มเตะ ยิ่งเตะหนักเข้าไปนะ เตะถีบกันยันกัน ๆ ระหว่างผู้ที่เสกสรรตัวว่ามีอำนาจใหญ่ ไม่ทิ้งลวดลาย มีแต่จะเพิ่มลวดลายเข้าไป ลวดลายเสือยังไม่แล้ว ลวดลายราชสีห์ก็ยังไม่แล้ว อาจมีลวดลายหมาดำหมาด่างเข้าไปแทรกเข้าอีกก็ได้ พวกนี้ลวดลายมันไม่พอ มีเท่าไรมันกว้านเอามาหมด มาเพื่อเป็นกำลังวังชากินโต๊ะกินเลี้ยง พวกเราเป็นอาหารของมัน ให้ระวังให้ดี
เรานี้สลดสังเวชมากนะ เราไม่เคยที่จะมาเกี่ยวข้องกับชาติบ้านเมือง ด้วยความสกปรกโสมมอย่างนี้ แต่เรื่องราวมันก็เป็นมาอย่างนี้ เราถึงต้องพูดถึงเรื่องการบ้านการเมือง ก็เพราะเรื่องเรามันเข้าจุดศูนย์กลางแห่งชาติไทยแล้วจึงต้องได้พูดโดยไม่สะทกสะท้าน ว่าผิดจากหลักธรรมหลักวินัย เพราะเราเป็นผู้ปฏิบัติหลักธรรมหลักวินัยอยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้ขัดขวางต่อชาติบ้านเมือง คือทั้งชาติทั้งศาสนาด้วย เราอยู่ในวงของชาติด้วย เราอยู่ในวงของศาสนาด้วย และเป็นผู้รับผิดชอบในหัวใจของสมบัติพี่น้องชาวไทยทั้งชาติด้วย ด้วยการรับบริจาคทองคำ ดอลลาร์ เงินสด เราจะเอาเข้าคลังหลวง เดี๋ยวนี้มันเอาเข้าไม่ได้เป็นยังไง ใครมากีดมาขวาง จำให้ดี พวกนี้คือใคร เอาจำให้ดีนะ
พวกที่มากีดมาขวาง เป็นก้างขวางคอแห่งชาติไทยของเราเวลานี้ สมบัติเงินทองข้าวของจะเอาเข้าคลังหลวง ซึ่งเป็นของคู่ควรกันกับชาติบ้านเมืองอย่างยิ่งแล้ว ทำไมเอาเข้าไม่ได้ เราให้ทราบว่านี่ใครเป็นคนห้ามใครเป็นคนกัน มันมาจากไหน ไม่มาจากธนาคารชาติจะมาจากไหน จากธนาคาร รัฐมนตรีคลังจะมาจากไหน แล้วจากนั้นรัฐมนตรีคลังนี้ใครมีอำนาจที่เหนือนี้ มาจากไหนมันถึงได้มาถือบังเหียนคุมอำนาจป่า ๆ เถื่อน ๆ ขวางคอประเทศไทยอยู่เวลานี้ อันนี้มันก็ต้องมาจากนายกซิ แล้วนายกคนนี้คือใคร ถามหาถึงนามสกุลก็ได้นี่นะ มีนามสกุลเหมือนกันนั่นละกับเรานี่ มันผิดมันถูกอย่างไร เราหูดีตาดีด้วยกันทุกคนดูให้ดีนะ อย่าให้มันมาเหยียบย่ำทำลายชาติบ้านเมืองอีกต่อไป ของเลวอยู่ที่ไหนมันก็เลว อยู่ในตัวของมันก็เลว ออกมาสู่สนามก็กลายเป็นสนามเลวสนามเป็นฟืนเป็นไฟไปได้หมดนะ ให้พากันพินิจพิจารณาให้ดี
นี้เราก็ได้ทราบเวลานี้กำลังเรื่องราวมันมา คือมากระเทือนถึงตัวของเราเอง เขาออกหนังสือพิมพ์เมื่อสองสามวันนี้ ทางหนังสือพิมพ์เดลินิวส์หรืออะไร เขาบอกว่านายชวนให้สัมภาษณ์ แต่เราไม่ได้ไปดูหนังสือพิมพ์ เขาบอกเราก็เชื่อตามคำเล่า ว่าหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ออกสัมภาษณ์นายชวน สัมภาษณ์ว่ายังไง หนังสือพิมพ์เราก็ไม่ได้ดู เขามาเล่าให้ฟังเราก็พูดตามที่เขาเล่าและจำได้มาว่า
นายชวนเป็นผู้ให้สัมภาษณ์เขาว่า นายทองก้อนนี้ทีแรกก็ว่าเป็นธรรมดา ๆ เขาก็ไม่ได้ตีว่าเป็นชั่วเป็นดีอะไร ถือว่าเป็นธรรมดา ครั้นต่อมานี้ก็กลายเป็นผู้กวนบ้านกวนเมืองการบ้านการเมืองไป นี่เป็นลูกศิษย์ของหลวงตามหาบัว แล้วเวลานี้กำลังดึงหลวงตามหาบัวลงว่างั้น แล้วเขาก็ทำท่ายอ ปากหวานก้นเปรี้ยวใครจะเกินไอ้นี่วะ นายชวนนี่ ปากหวานที่สุด ต้มตุ๋นเก่งมากที่สุดคือคนนี้ ทุกคนทั่วประเทศไทยเขาพูดทั่วหน้ากัน ทำไมหลวงตาบัวพูดไม่ได้วะ ปากหวานที่สุด ไปที่ไหนกล่อมไปหมด ๆ แต่ข้างในมันเป็นยังไง เวลานี้บ้านเมืองจะล่มจม นายชวนทำให้ล่มจมหรือนายชวนยกบ้านเมืองขึ้นเวลานี้ รัฐบาลนายชวนเวลานี้เป็นยังไง พี่น้องทั้งหลายได้เห็นไหม เป็นยังไง
นี้กำลังหาอุบายจะยกยอหลวงตาบัวนะ หลวงตาบัวท่านเป็นพระผู้ดิบผู้ดี เหมือนหนึ่งว่าประเสริฐเลิศเลอ ไม่สมควรจะดึงท่านลงมาต่ำ ๆ อย่างนี้ ทองก้อนเป็นผู้ไปดึงลงมาว่างั้นนะ คุณทองก้อนเป็นคนทำงานให้คนทั่วประเทศไทย เป็นบุคคลที่น่ายกย่องสรรเสริญเป็นคนที่น่าเทิดทูน ไม่เห็นใครก็เห็นคุณทองก้อนกำลังเป็นผู้ทำหน้าที่แทนพี่น้องชาวไทยอยู่นี้ แล้วหลวงตาบัวก็สอนไปอุบายเดียวกันกับคุณทองก้อน เพื่อจะเชิดชูชาติไทยของเรา ชำระสะสางสิ่งไหนไม่ดีไม่งาม เพื่อให้เป็นสิริมงคล แล้วคุณทองก้อนจะมากดถ่วงหลวงตาบัวที่ตรงไหน ดึงหลวงตาบัวลงที่ตรงไหน หลวงตาบัวที่นายชวนหาว่าคุณทองก้อนมาดึงหลวงตาบัวลงไป
คุณทองก้อนกับเราก็ไม่เห็นมีอะไรกัน นอกจากนายชวนมันปั้นเรื่องขึ้นมา เพื่อจะยุแหย่ก่อกวนให้คนทั้งชาติเอนเอียงแล้วล้มเหลวไปตาม แล้วมันจะกอบโกยเอาคะแนนมาเป็นนายกผีอีกครั้งที่สอง แก้แค้นว่างั้น ไม่เป็นอย่างอื่น เอ้า ฟังให้ดีพี่น้องทั้งหลาย นี่ละธรรมออกต้องออกอย่างนี้ ออกอย่างอื่นไม่ได้นะ คอขาดขาดไปเลยเราขอให้ได้บูชาธรรมของพระพุทธเจ้าเราเป็นที่พอใจ นี่ออกจากหนังสือพิมพ์ ผิดหรือถูกไปดูหนังสือพิมพ์ เราไม่ได้ดูหนังสือพิมพ์ ลูกศิษย์ลูกหามาเล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างนี้ นี่เป็นยังไง แล้วคุณทองก้อนกับเราเป็นอะไรกันถึงได้มาดึงเรา ลากเราลงสู่ที่ความสกปรกโสมม
ความสกปรกมันอยู่ที่ไหน นอกจากมันอยู่ที่ธนาคารชาติ แล้วก็ไปรัฐมนตรีคลัง ไปหานายกชวนเท่านั้นมันไปที่ไหน เหล่านี้เป็นของสะอาดหรือของสกปรก ของสกปรกใช่ไหม บ้านเมืองของชาติไทยเราจะเอนเอียงเพราะความเดือดร้อนเพราะสิ่งเหล่านี้ เรากำลังเข้าไปชำระสะสางอยู่นี้ กำลังเต็มที่อยู่นี้ ยังไม่ได้เห็นผลอะไรเลย แล้วพวกนี้ไปก่อความสกปรกเอาไว้ แล้วหาว่าคุณทองก้อนไปดึงเรามาสู่ความสกปรก ใครเป็นคนดึงเรานอกจากพวกนี้ดึงเราลงสู่ความสกปรก ให้ยุ่งเหยิงวุ่นวายไปตามกันเท่านั้นไม่มีอย่างอื่น พิจารณาตามหลักเกณฑ์มันก็เป็นอย่างนี้
เขาทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ด้วยความรักชาติ ด้วยความเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง ยังมาหาอุบายโจมตีเขา พลิกแพลงเปลี่ยนแปลงหลายสันพันคม เกลี้ยกล่อมประชาชนให้เอนเอียงไปทางพวกหัวคะแนนยักษ์ผีนี้ว่างั้นผิดไปที่ไหน เพื่อจะกลืนได้ง่าย ๆ เมื่อคนได้เห็นใจน้อมหัวลงก็กลืนเอา ๆ ก็ได้ มันพลิกไปได้หลายสันพันคมนี่อุบายวิธีการเหล่านี้ ยกจริง ยกคำพูดยกจริง คำพูดนี้ใครยกก็ได้ หลวงตาบัวยกเองก็ได้ ขนาดที่เขามายกเรานี้ไม่พอ เรายกเองเราสูงกว่านี้ก็ได้ อย่างนี้เราก็พูดได้วะการยกอย่างนี้ แต่การทำมันสกปรกเลวทรามยิ่งกว่าเปรตกว่าผีนั่นซิ ดูกันตรงนั้นซิ ให้พิจารณาให้ดีนะพี่น้องทั้งหลาย
วันนี้เราเปิดเผยตามหลักหนังสือพิมพ์ที่เขามาแสดง นี้ก็กำลัง การโฆษณาว่าการแล้วแต่ใครจะโฆษณาที่ไหน ตามต้นเสาอะไร ที่เสาไฟฟ้งไฟฟ้า เสาโทรเลขโทรศัพท์ที่ไหนก็มีอยู่ทั่วไป ใครเป็นผู้แทนว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เป็นตามโฆษณาของเขาธรรมดา ๆ ไม่เห็นความผิดความถูกประการใด ที่จะเป็นผลออกมาให้เป็นความกระทบกระเทือนแก่โลกสงสารเลย แล้วเหตุใดจึงต้องไปหาอ้างเขา ว่าการทำอย่างนั้น เช่นอย่างเขาว่าเขาเป็นนายกแล้วเขาจะนำเงินไปช่วยประชาชนราษฎรหมู่บ้านละ ๑ ล้านก็แล้วแต่เขาพูด เป็นเรื่องโครงการของเขาที่เขาทำไป เขายังไม่ได้ทำเขาพูดเฉย ๆ ทางนี้ก็อวดเก่งขึ้นไปแล้ว ทำท่าข้าศึกศัตรูคัดค้านต้านทาน อันนี้ทำไม่ได้ผิดรัฐธรรมนูญฟังซิน่ะ มันผิดรัฐธรรมนูญ
แต่เขายังไม่ได้ทำทำไมผิดรัฐธรรมนูญแล้ว ผู้ไปค้านมันไม่ผิดรัฐธรรมนูญเหรอ ธรรมนูญต้องฟ้องกันเวลาทำผิดแล้วใช่ไหมล่ะ ถึงจะมาฟ้องกัน นี้เขายังไม่ได้ผิด เขาพูดธรรมดา ทำไมไปฟ้องเขาแล้วไปคัดค้านเขาแล้วว่าเขาผิดรัฐธรรมนูญ ตัวผู้พูดผลเกิดก่อนเหตุนี้มันไม่ผิดเหรอ ไปค้านเขาว่าผิดรัฐธรรมนูญ ธรรมนูญที่ไหนน่ะ มันลม ๆ แล้ง ๆ ที่เขาพูดเขาก็เป็นลม ๆ แล้ง ๆ อันนี้ไปค้านเขา ค้านให้คนเชื่อถืออย่างจริงจัง อันนี้ทำไม่ได้ เมื่อทำไม่ได้ก็เหมือนกับว่าคนนี้ไม่สมควรจะเป็นนายกนั่นเองเขามาค้าน ค้านนี่ความหมายอย่างนั้นนะ หวังเอาคะแนน ๆ ทั้งนั้น พี่น้องทั้งหลายฟังเอาซิ เราเป็นคนไทยทั้งชาตินี่นะ
ค้านกันหาอะไร เรื่องโฆษณาอุบายต่าง ๆ เป็นเรื่องของผู้ที่เขาทำไป เขายังไม่ได้ทำความผิดความถูกความกระทบกระเทือนแก่ชาติบ้านเมืองอะไร แล้วมาค้านเขาหาอะไร ถ้าเก่งก็หาอุบายมาเพิ่มเข้าอีกซิถึงจะถูกนี่นะ ถ้าเป็นผู้ช่วยชาติบ้านเมือง นี่มันตั้งใจคัดค้านต้านทาน ตั้งใจจะเตะจะถีบจะยันกันด้วยความเป็นมหาโจรโดยถ่ายเดียวเท่านั้น ใครจะเชื่อถือได้ คนไทยมีหัวใจทุกคน ยิ่งศาสนาด้วยแล้วจับมันตลอดเวลา เราจึงพูดตามหลักศาสนา ผิดถูกประการใดเอาหัวหลวงตาบัวไปตัดก็ได้ คัมภีร์มี พระพุทธเจ้าองค์ศาสดายังอยู่ คือธรรมทั้งหลายยังอยู่ เราจะพูดตามธรรมตลอดไป เขามา กุสลา มาติกา ก็บอกว่า ธรรมเรามีแล้วไม่ต้อง กุสลา หลวงตาบัวแหละ หลวงตาบัวตายด้วยความชอบธรรม เช่นถูกเขามาฆ่า หลวงตาบัวตายแล้วด้วยการฆ่าของเขา เช่น คอขาด ขาดไปซีคอ ธรรมหลวงตาบัวไม่ได้ขาดนี่วะ เข้าใจไหม
หลวงตาบัวกลัวอะไรประสากระดูก ตายไม่ตายถึงเวลามันก็เผาได้ฝังได้เหมือนกันเมื่อถึงกาลแล้วนะ ไม่ว่าคนดีคนชั่วคนโง่คนฉลาด ตายแล้วสิ้นท่าเหมือนกันหมดนั่นแหละ ขันธ์ของเราเมื่อตายแล้วก็สิ้นท่าจะเป็นประโยชน์อะไร ใครจะเอาไปไหนก็แล้วแต่เถอะ วันนี้เตือนพี่น้องทั้งหลายถึงหมัดเด็ดนะชาติไทยของเรา ในฐานะที่ว่าเราเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายทุกสิ่งทุกอย่าง เราไม่เอาอะไรกับพี่น้องทั้งหลายนะ มีแต่ความเมตตาสงสาร กลัวจะโง่เง่าเต่าตุ่นให้จมตลอดไป จึงต้องเตือนเอาไว้ให้รู้เรื่องรู้ราวทุกสิ่งทุกอย่าง
เอา ลงจุดสำคัญก็คือว่า ท่านผู้ใดที่สมัครตนจะมาเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลาย มีคุณธรรมพอสมควรที่จะเชื่อถือได้แล้ว ในสายตาของเรา ก็ไม่ใช่คนโง่นี่นะสายตาคนไทย ดูแล้วแน่ใจแล้ว เอาหย่อนลงในคนนี้ จะหมดทั้งประเทศไทยก็ได้ไม่ขัดข้อง จะเป็นอะไรไป หย่อนลงไปเพื่อยกชาติไทยของเราผิดที่ตรงไหน แต่ที่จะหย่อนลงไปให้เป็นดาบตัดคอเรานั้น ใบเดียวอย่าหย่อนนะ คอขาดได้ทั่วประเทศนะ เพียงใบเดียวที่มีอำนาจมาก คอคนไทยเราขาดได้ทั้งประเทศ ให้พากันระมัดระวังให้ดี เอาละวันนี้ เทศน์เพียงเท่านี้ละ
วันนี้เกือบชั่วโมง เทศน์ไปเทศน์มา ต่อกันไปต่อกันมา เลยฟาดจนถึงชั่วโมง ไม่ใช่เล่น
ที่หลวงตาเทศน์มานี่
อะไร เอาละไม่ต้องพูด ดีไม่ดีเราพูดไปแล้วฟังก็แล้วกัน อย่ามายุ่งอีก ไม่เอา เราเทศน์ให้ฟังฟังไปซี ไม่ใช่สองธรรมาสน์สามธรรมาสน์ ถ้ายุติยุตินะเรา พอพูดแล้วเลิกแล้วนะเรา เพราะเราเทศน์ไม่มีอาลัยเสียดายกับอะไร ไม่มีกดมีถ่วง ไม่มียึดมีถือ ไม่ว่าพูดหนักพูดเบา พูดมากพูดน้อย พูดเป็นอรรถเป็นธรรม พอเสร็จแล้วปั๊บหายพร้อมเลย ๆ ไม่ว่าเด็ดว่าดีว่าดุว่าด่าว่าอะไร มีน้ำหนักเท่ากัน พอจบพับหายไปพร้อมกันหมดเลย เพราะเป็นธรรมล้วน ๆ ด้วยกัน เอาละให้พร
..
เมื่อวานนี้ดอลลาร์ได้ ๗๔๗ ดอลล์ ทองคำได้ ๓๒ บาท ๑๓ สตางค์
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร
www.luangta.com |