มหากุศลยกคนทั้งชาติ
วันที่ 27 ตุลาคม 2545 เวลา 8:30 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

มหากุศลยกคนทั้งชาติ

กฐินทองคำวันที่ ๒๖ ตุลา ทองคำได้ ๓๓ กิโล ๔๗ บาท ๑ สลึง เท่ากับ ๘,๘๖๘ กอง กฐินเงินสดและเช็คได้ ๒๓,๕๙๙,๔๙๐ บาท เท่ากับ ๑๔,๗๔๙ กอง รวมเป็น ๒๓,๖๑๗ กอง ดอลลาร์ได้ทั้งหมด ๖,๔๐๑ ดอลล์ ดอลลาร์นี่ไม่เข้า ตามปกติจะเป็นดอลลาร์เต็มตัวไปเลย สรุปกฐินทองคำ ๘๔,๐๐๐ กองนั้น กฐินทองคำได้ ๒๓,๒๗๒ กอง เท่ากับน้ำหนักทองคำ ๘๘ กิโล ๓๒ บาท เงินสดและเช็คได้ ๕๓,๒๖๔ กอง เท่ากับเงินสด ๘๕,๒๒๒,๔๐๐ บาท รวมกฐินทองคำทั้งหมดได้ ๗๖,๕๓๖ กอง ยังขาดอยู่อีก ๗,๔๖๔ กอง

(ตอนเช้านี่ได้ ๘๕ กองแล้วครับ) ยังขาดอยู่ตั้ง ๗,๔๖๔ กอง ไม่ใช่เล่นนะ แต่มันก็ได้มาเรื่อย ๆ อย่างนี้ มันจะต้องครบแน่ ๆ จะเอาให้ครบนี่วะ ไม่ได้จนตรอกง่าย ๆ สิ่งที่เราจะปรึกษาประชุมกันทุกอย่างมีอยู่เยอะในวัดเรานี้ ผู้คนหมดเรียบร้อยแล้ว เราจะเรียกหมาเข้ามาประชุม สูจะได้กี่กองพวกนี้ ไอ้กี้ได้กี่กอง ไอ้หยองได้กี่กอง มึงเห่ากูเก่งนักไอ้นี่ วันนี้กูจะมาทวงหนี้มึง ฟาดหมดไอ้จ้ำหลดจ้ำหลอด หมูหมาเป็ดไก่ในวัดนี้ประชุมเรียกหมดนั่นแหละ ไม่ได้เรื่องแล้วขับไล่ออกจากวัดหมดเลย มันจะจนตรอกง่าย ๆ หรือ

ทองคำก็จะรวบรวมเฉพาะวันนี้ พอวันพรุ่งนี้ออกเลยไม่รอ คือเร่งใส่หลอมทางนู้น ติดต่อทางโรงหลอมเขาเรียบร้อย เพราะฉะนั้นเราจึงอยากจะทราบทองคำได้เท่าไร ทางโน้นจะทราบจากคุณชายอีกทีหนึ่ง ไปโน้นแล้วบวกกันเข้าอีก ชั่งน้ำหนักเรียบร้อยแล้วบอกมาอีกทีหนึ่ง ถ้าขัดข้องตรงไหนเรานั่นแหละเป็นผู้แก้ปัญหาเหล่านี้นะ เพราะฉะนั้นจึงเร่งอยู่เรื่อย ๆ คือ ๕๐๐ กิโลนี้จะขาดไปไม่ได้เลยในจุดนี้นะ เพราะเป็นธนาคารชาติ เป็นเรื่องของชาติใหญ่โตมากทีเดียว เขามานิมนต์เราไปในงานนี้ก็เท่ากับว่า ถ้าพูดสวย ๆ งาม ๆ ก็ว่าไปเป็นเจ้าภาพด้วยกัน ความจริงเขาให้เราไปเป็นหัวหน้านั้นแหละ ทีนี้เมื่อขาดเหลือเท่าไรเราจึงต้องหมุน

คิดดูซิตั้งแต่เงินที่จะมาถวายพระนั้น เราเปิดหมดเลยเชียวนะ ในฐานะที่เราไปเป็นหัวหน้าอยู่ในนั้น ไม่ให้บกพร่องในงานนี้ว่างั้น ถ้าหากเงินถวายพระองค์ละเท่าไร ๆ รวมแล้วเป็นเท่าไร ทางโน้นให้เป็นตามอัธยาศัย ได้มากได้น้อยก็แล้วแต่รวบรวมกัน เหลือจากนั้นเราจะให้ทั้งหมด นี้อันหนึ่ง จากนั้นแล้วถ้าทางโน้นไม่มี เราให้หมดร้อยเปอร์เซ็นต์เลยบรรดาพระที่นิมนต์มา เราสั่งเสียไปแล้ว ทางนั้นก็บอกว่าพอทั้งนั้น แล้วสองวันมานี้เราให้โทรไปอีก เราจะเพิ่มเข้าอีกเรียกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินที่ถวายพระ ล้านเท่าไรเราก็ลืมแล้วแหละ เงินทั้งหมดมันจะประมาณสักสองล้านกว่าที่ถวายพระนะ เราจะส่งไปให้อีกครึ่งหนึ่ง ทางนั้นก็ปัดทันทีเลย ไม่เอา เพราะหลวงตาได้ช่วยคลังหลวงนี้มามากต่อมากแล้ว ไม่รบกวนแหละ ปัดอีกด้วยนะ ไม่เอา ๆ เลย ตกลงเราก็เลยไม่ให้แหละ ทางโน้นพร้อมแล้วเราก็เลยไม่ให้ นี่เราจะให้เป็นกรณีพิเศษ ให้ไปครึ่งหนึ่งล้านกว่า ทางโน้นไม่เอา ปัดทันทีเลย ก็เป็นอันว่าเรียบร้อยไปทุกอย่างแล้ว

หลวงตาไปทำงานที่ไหน ๆ หลวงตาพูดจริง ๆ ตัวเท่าหนูก็ตาม แต่จิตใจไม่ได้เป็นหนูนะ มันเด็ดขาดทุกอย่างเลย   ถ้าพูดเรื่องความกว้างขวางเราไม่อยากพูด  มีมาเถอะน่ะว่างั้นเลย คิดดูซิว่าทองคำเราเวลานี้กำลังจนตรอกจนมุม ขอให้มีทองคำมาตั้งเป็นภูเขาสักสามลูก เราจะเอารถแทรกเตอร์ไถทีเดียวเรียบวุธ ไม่รบกวนพี่น้องทั้งหลายแหละ ที่เราจะเอามาไว้เป็นของตัวแม้กิโลหนึ่งไม่มี เพราะจิตมันออกช่วยโลกเวลานี้ก่อนที่เราจะได้มาช่วยโลก เราพิจารณาเต็มหัวอกเราแล้วนี่นะ ไม่ใช่เราผึงผังตึงตังออกมานะ เพราะฉะนั้นเวลาเราสั่งอะไรแล้วเรียกว่าแน่ทุกอย่าง แล้วสั่งผึง ๆ เลย อะไรมาผ่านไม่ได้ คำว่าผ่านมีแต่สิ่งที่มันผิด ทางนี้พิจารณาสมบูรณ์แบบแล้วถูกต้องแล้วออกเลย ๆ เราทำอย่างนี้กับพี่น้องทั้งหลายตลอดมานะ เพราะฉะนั้นเราถึงว่าเราสละทุกอย่าง

การพลีชีพในการฆ่ากิเลสเราก็แบบเดียวกัน นี้ยิ่งเป็นเรื่องของบุคคลคนเดียว ไม่เป็นเรือพ่วงอะไรด้วยแล้ว น้ำไหลบ่าไม่มีด้วยแล้ว มันก็ยิ่งพุ่งใหญ่เลย เอา มันจะสลบก็สลบ ฟังซิน่ะ อย่าว่าแต่สลบ ตายก็ตาย เราไม่เคยสลบทำความเพียรเป็นเวลา ๙ ปีนี้นะ แต่ว่าหนักมากที่สุดในชีวิตของเรานี้ไม่มีอะไรมาออกหน้าได้เลย นอกจากการฆ่ากิเลสนี้เราทุกข์แสนสาหัส เราบอกแล้ว เอาไปติดคุกติดตะรางนี้ถ้าฆ่ากิเลสได้เช่นเดียวกับเราทำความเพียรนี้ เราสมัครติดคุก กี่ปีก็ช่าง เพราะไปนั้นจักตอกเหลาตอกวันละ ๕ เส้นพอฆ่าเวล่ำเวลาได้พ้นจากโทษแล้วออกไป ของเรานี้เอากิเลสตายเมื่อไรถึงจะได้ออก ถ้ากิเลสไม่ตายยังไงเราก็ต้องตายไปด้วยกัน นี่มันหนักตรงนี้นะ หนักจริง ๆ

การพูดอย่างนี้เราพูดด้วยความที่เราทำเอง เขาไม่ได้ทำกับเรา เราทำเองทุกอย่าง ที่ว่าไม่เคยสลบ เราก็บอกว่าไม่เคยสลบ แต่เรื่องทุกข์นั่นทุกข์แสนสาหัส แต่ไม่เคยสลบ เอ้า ถึงขั้นที่จะตาย สลบไม่ต้องบอก ตายเลย โน่นฟังซิ เด็ดกับกิเลสขาดสะบั้นลงไป นี่อำนาจแห่งธรรมของพระพุทธเจ้า มีหรือไม่มีมรรคผลนิพพาน ขอแต่เหตุให้มันดำเนินไปแค่ไหน ๆ ธรรมเปิดโล่ง ๆ ที่จะให้ผลสนองกันตลอดเวลานะ เหมือนกิเลสเปิดทางเช่นเดียวกัน อกาลิโกของกิเลส เอ้าเปิดไปทางกิเลส ไปที่ไหนก็เอาให้จมได้เลย ทางกิเลสนะ ถ้าเรื่องธรรมะ เอ้า เปิดเท่าไรฟาดให้หลุดพ้นไปได้เลย สองฝั่งนี้เสมอกันหมด

คำว่า บาปว่าบุญ นรก สวรรค์ มีมาดั้งเดิมกี่กัปกี่กัลป์ ผู้ดำเนินตามศาสดาเอกที่สอนแล้วไม่ผิด สอนโลกจึงเรียกว่า สวากขาตธรรม ตรัสไว้ชอบทุกอย่างแล้ว เอ้า ให้ปฏิบัติตามนี้ เป็นอื่นไปไม่ได้ว่างั้นเลย ถ้าเป็นอื่นไปได้พระพุทธเจ้าก็ไม่มีความหมาย การสอนโลกไม่มีความหมาย พระญาณหยั่งทราบเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ไม่มีความหมายเป็นศาสดาของโลกก็ไม่มีความหมาย แต่นี้เป็นยังไงศาสดาของเราเพียงองค์นี้ มีความหมายขนาดไหน ขนสัตว์โลกให้หลุดพ้นจากทุกข์ไปมากขนาดไหน พระสงฆ์สาวกที่เป็นพระอรหันต์พ้นแล้ว ๆ มีจำนวนกี่หมื่นกี่แสนองค์ แล้วนอกจากนั้นก็เดินตามกันเป็นลำดับลำดามาจนกระทั่งทุกวันนี้ ที่พาดบันไดเอาไว้แล้ว คือ ทาน ศีล ภาวนา นี้คือทางไปสู่ความสุขความเจริญจนกระทั่งถึงความพ้นทุกข์ พาดไว้แล้วพวกเราทั้งหลายก็ดำเนิน

เพราะฉะนั้นผู้เดินตามมีอยู่ ผู้สอนไว้ถูกต้องแล้ว บันไดนี้ถูกต้อง ทางเดินถูกต้อง ผู้เดินตามทางมีอยู่ ถูกต้องแล้วด้วยกันทำไมจะไม่ถึง นั่นฟังซิ แล้วทำบาปก็แบบเดียวกันไม่มีผิดกัน แม้กระเบียดเดียว สม่ำเสมอด้วยกันเป็นสองฝั่ง ออกจากใจดวงเดียว กิเลสเกิดอยู่ที่ใจ ธรรมะเกิดอยู่ที่ใจ ถ้ากิเลสมีอำนาจมาก ดึงออกไปทางกิเลสมันก็เป็นกิเลสเรื่อยไป ถ้าธรรมะมีเครื่องต้านทานทางนั้นก็ลดลง ๆ ถ้าธรรมะมีกำลังมาก ธรรมะก็ตีทางนั้นออก ๆ นี้จำให้ดีคำนี้นะ นี่เราได้ปฏิบัติแล้ว เรียกว่าเจ้าของหายสงสัยทุกอย่างแล้ว ด้วยการบำเพ็ญตาม สวากขาตธรรม ซึ่งเป็นทางเดินอันถูกต้องที่พระพุทธเจ้าทรงพาดทางไว้แล้ว เราเดินเต็มกำลังของเรา ผลเป็นที่พอใจหายสงสัย สำหรับเราฝึกทรมานเราก็อย่างนั้น เหตุหนักขนาดไหนผลก็มาตามกันเลย ไม่ได้มีลดกัน เหตุอ่อนผลก็อ่อน เหตุเต็มเหนี่ยวผลเต็มเหนี่ยว เหตุฟาดเต็มที่ผลก็เต็มที่เลย นี่แหละเหตุกับผลมาด้วยกัน ๆ

ทีนี้เวลาเรามาสอนพี่น้องทั้งหลายเราว่าอะไรก็เป็นอย่างนั้น เพราะสอนกลั่นออกมาจากหัวใจเราแล้ว เราไม่ได้มาสอนสุ่มสี่สุ่มห้านะ พูดให้มันชัดเจน เรากลั่นกรองออกมาจากหัวใจ อันไหนว่าถูก ๆ อันไหนว่าผิด ๆ ไม่ฝืน อะไรที่ถูกพุ่งเลย ๆ เพราะฉะนั้นจึงนำมาสอนลูกศิษย์ลูกหา นี่บ้านเมืองเราจะเจริญขึ้นมาแน่นหนามั่นคงเพราะความรักชาติ ความเสียสละด้วยความสามัคคีนี้เป็นทางถูกต้องนะ ให้พากันดำเนิน บ้านเมืองเราถ้าขาดอันนี้จมแน่ไม่มีอะไรเหลือ  ใครจะเป็นมหาเศรษฐีเงินกองเท่าภูเขาไม่มีความหมาย จมด้วยกันกับโลกเขาจมนั้นแหละ ถ้าต่างคนต่างช่วยเหลือกันเต็มกำลังความสามารถขึ้นได้ทั้งนั้น นี่ก็สอนวิธีขึ้นนะ ไม่ได้สอนวิธีพาชาติให้ล่มจมนะ ไล่เบี้ยกันอยู่ตลอดเวลานี้ได้เท่าไร ๆ ถ้าชี้นิ้วก็ ๘๔,๐๐๐ กอง ได้เท่าไรแล้วไล่เพื่อจะหนุนให้มันได้ตามความมุ่งหมายของเรา เป็นอย่างนั้นนะ

เราสอนเต็มเหนี่ยวแล้วสำหรับโลกนี้ คือเราไม่สงสัยในการสอน ได้ผลเป็นที่พอใจทุกอย่าง นำมาสอนโลกเอาธรรมประเภทเดียวกันสอนจะผิดไปที่ตรงไหน มันแน่ใจขนาดนั้นแล้ว จึงต้องเอาให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย คราวนี้ก็จะให้ได้ ๕๐๐ กิโล คือเราจะให้ได้เป็นพัก ๆ ขึ้นไปจนกระทั่งถึงความมุ่งหมายที่ว่า ๑๐ ตัน พอ ๑๐ ตันแล้วเราก็เลิกละ มันเลิกไปเอง หัวหน้าเป็นผู้พาดำเนินพาหยุดก็หยุดไปเอง เวลานี้เราตะเกียกตะกาย ธาตุขันธ์จะอ่อนขนาดไหนเราก็ยังต้องบึกบึน เพื่อพี่น้องชาวไทยเรานั้นแหละ ไม่ได้เพื่ออะไรนะ เพื่อเรานี้ไม่มีเลย ธาตุขันธ์เราทิ้งไปนานแล้วนะ ถ้าเราไม่เป็นห่วงใยกับโลกกับสงสารเรื่องธาตุเรื่องขันธ์ทิ้งไปนานแล้ว

นี่รั้งมันไว้หลายครั้งพูดตรง ๆ อย่างนี้เลย คำว่ารั้งเป็นยังไง เมื่อมันอยู่ในฐานะที่จะรั้งได้ ๆ นะ ถ้ามันพ้นจากฐานะแล้วแม้พระพุทธเจ้าก็ยังตาย พระสงฆ์สาวกทั้งหลายถึงขั้นที่รั้งไม่ได้แล้วตายด้วยกันทั้งนั้น นี้ยังพอรั้งได้ก็รั้งเอาไว้ รั้งเอาไว้ช่วยโลก ไม่ได้เพื่อช่วยเรา ช่วยมันหาอะไร ก็มันหมดทุกอย่างแล้วนี่นะ ความพากเพียรที่จะละกิเลสตั้งแต่วันกิเลสขาดสะบั้นลงไป เราไม่เคยมีความเพียรเพื่อละกิเลสแม้เม็ดหินเม็ดทราย ฟังซิ หายไหม หายกังวลไหม เรื่องกิเลสนี้เป็นยุแหย่ก่อกวนทำลายมากที่สุด ต่อสู้ก็ต่อสู้กับกิเลส เป็นทุกข์อยู่ตลอดทั้งกิเลสเหยียบย่ำ ทั้งการต่อสู้กิเลสก็เป็นกองทุกข์ พอกิเลสขาดสะบั้นลงไปเท่านั้น ไม่มีอะไรที่จะมาให้แก้นี่พูดจริง ๆ ได้ ๕๓-๕๔ ปีนี้แล้ว ไม่เคยได้ทำความเพียรเพื่อฆ่ากิเลส ฆ่ากิเลสตัวไหนว่ะ ก็เห็นมันโล่งอยู่นี้ตลอดเวลา

นี่ละธรรมพระพุทธเจ้าจริงขนาดไหน สนฺทิฏฺฐิโก ขอให้มันรู้ในหัวใจเจ้าของไม่ทูลถามพระพุทธเจ้าแหละ เพราะธรรมเป็นอันเดียวกัน ปฏิบัติตามสวากขาตธรรมแล้วเป็นอย่างนั้นด้วยกันนั่นแหละ ขอให้พากันยึดหลักเกณฑ์นะ อย่าเชื่อกิเลสนะจะพากันจมจริง ๆ กิเลสมันมีหมัดหนัก ๆ ตลอดเวลา ถ้าธรรมไม่มีหมัดหนักก็แก้กันไม่ตก แล้วลงนรกได้ไม่สงสัย เรื่องกิเลสพาสัตว์โลกให้ลงนรกได้ เรื่องธรรมตั้งแต่น้อยขึ้นไปหามากพาขึ้นตลอดจนกระทั่งพ้นทุกข์ได้ไม่สงสัย นี้เป็นศาสดาองค์เอกสอนไว้ทั้งสองแง่เลย ให้พากันตั้งใจปฏิบัติ

นี่พยายามเต็มเหนี่ยวแล้วสำหรับช่วยพี่น้องชาวไทยเรา เต็มกำลังความสามารถทุกด้านทุกทาง แต่ก็รู้สึกว่าโชคลาภวาสนาอำนวยบรรดาพี่น้องทั้งหลายก็ต่างคนต่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน ต่างคนต่างเสียสละ มีมากมีน้อยหนุนเข้ามา แต่ก่อนเราก็ไม่เคยได้ยินว่าได้ทองคำมาถึงขนาดนี้คือ ๕ ตันกว่า นี่เป็นมาได้ยังไงฟังซิ เวลานี้ทองคำเราได้ถึง ๕ ตันกับ ๒๘๐ กว่ากิโลแล้วนะ นี่ที่ได้มาเรียบร้อยแล้ว มายังไง มาเพราะอะไร ก็เพราะความรักชาติ ความเสียสละของพี่น้องทั้งหลายที่เชื่อฟังหัวหน้านั่นเอง ไม่ใช่อะไร หัวหน้าก็เราตั้งใจไว้แล้วจะไม่พาพี่น้องชาวไทยให้ล่มจม พาฉุดพาลากขึ้นนี่นะ เต็มกำลังความสามารถของเราจนมาถึงบัดนี้

นี่ขาดอยู่กี่กอง ๆ ก็ไล่เบี้ยอยู่เดี๋ยวนี้ มิหนำซ้ำยังจะเดือดร้อนถึงหมูถึงหมา ไปเรียกหมามาประชุมอีก มันถอยเมื่อไร เหอ หมดคนที่ประชุมแล้วไม่ได้กับคนแล้วไปประชุมหาหมา หมาตัวไหนมีกี่ตัวเรียกมาประชุมให้หมด หมู หมา เป็ด ไก่ เรียกมันมาในวัดเต็มหมด เรียกมันมาประชุมช่วยหัวหน้าซิ เข้าใจไหม มันต้องอย่างนั้นซิเวลาเอามันต้องถึงพริกถึงขิง แต่นี้ยังไม่เรียก หมาเราก็ยังอยู่สบาย ๆ ไอ้กี้จะเห่า ๆ เถอะ ยังไม่ประชุมเวลานี้ ประชุมพวกนี้ก่อน ประชุมพวกนี้หมดทั้งตดทั้งขี้ไม่มีเหลือแล้ว เราจะประชุมหมา เข้าใจไหม พวกนี้หมดแล้วบางทีหมามันจะมีปากเปราะขึ้นมา หมดแล้วหมดอะไร หมดทั้งขี้ทั้งตดเราก็บอกเข้าใจเหรอ ประชุมกันแล้วกูจะมาเอากับสูแล้วนะ สูมีอะไรเอาออกมา เข้าใจเหรอ นี่ละให้เป็นพัก ๆ แล้วก็จะถึงจุดหมาย

ชาติไทยของเราทั้งชาติฟังซิ ๖๒ ล้านคนหายใจโล่งไปด้วยกันหมดนะ พอทองคำซึ่งเป็นหัวใจของชาติเข้าสู่จุดปุ๊บเท่านั้น กระจายไปหมดเป็นความอบอุ่นทั่วหน้ากัน ทองคำ ๑๐ ตันมีได้ยังไง ปกติจะให้มีทองคำมาอย่างที่ว่านี้จะมีไม่ได้ ตั้งแต่ ๕ ตันก็มีไม่ได้นะ อยู่ ๆ ก็มีขึ้น เอาทองคำมายกให้เรา ๆ ไม่ต้องเดือดร้อนวุ่นวายกับผู้หนึ่งผู้ใดนี้ไม่เห็นมี ก็เมื่อเป็นอย่างนั้น มันจำเป็นที่พวกเราทั้งหลายแม้จะเป็นทุคตะเข็ญใจ แต่เรายังพอจะฟัดจะเหวี่ยงช่วยชาติของเราได้อยู่ เอ้า ต่างคนต่างหนุน มันก็ได้มาถึง ๕ ตันแล้ว นี่ผลแห่งการอุตส่าห์พยายามเห็นมาแล้ว นี้เราจะพยายามให้ได้จุดที่หมายแล้วหายใจโล่งทั่วประเทศไทย

นี้แหละที่ว่าท่านทั้งหลายสร้างมหากุศล อุ้มชาติไทยทั้งชาติจะไม่เป็นมหากุศลได้ยังไง เราทำบุญให้ทาน ทำมาเหล่านั้นเป็นกุศล ๆ ตลอด นี้เวลามายกคนทั้งชาติ ซึ่งกำลังจะล่มจมกันทั้งประเทศขึ้นสู่ความผาสุกเย็นใจหายใจโล่งนี้ ทำไมจะไม่มีอานิสงส์มากวะ สมบัติของเราเข้าสู่คลังหลวงแน่นหนามั่นคง หัวใจของเราโล่งไปหมด เห็นประจักษ์อยู่นี้ ให้ต่างคนต่างอุตส่าห์พยายามนะอย่าถอย ถ้าจะเป็นยังไงแล้วหัวหน้าจะคอยเตือนเอง ๆ ทุกอย่างนั่นแหละ เราแน่ใจในการเตือนพี่น้องทั้งหลาย เพราะดำเนินมาตามธรรมตั้งแต่ต้นจนสุดความสามารถของเราแล้ว เราหายสงสัยทุกอย่าง นำธรรมที่หายสงสัยมาสอนโลก

อย่างพระพุทธเจ้าท่านนำธรรมจากศาสดาองค์เอกที่หายสงสัยแล้ว มาสอนโลกได้ผลเป็นที่พอพระทัย อันนี้ก็ธรรมอันเดียวกัน สอนโลกก็ต้องสอนแบบเดียวกัน ผลก็ต้องได้เป็นลำดับลำดานี้ ขอให้เมืองไทยเรามีความสงบร่มเย็น มีความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน อย่าไปถือสีถือสากัน เล็ก ๆ น้อย ๆ คอยถือสีถือสา แล้วกีดขวางกันแล้วก็เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา ตั้งแต่เล็กจนถึงใหญ่เสียหมดทั้งประเทศไทยนะ เรื่องของบุคคลแต่ละคน ๆ เป็นเรื่องเล็กน้อยอย่าเอาเข้ามายุ่งกวนส่วนรวมที่เป็นเรื่องใหญ่โตที่สุดนี้ให้เสียไป ให้เกิดความกระทบกระเทือนเสียหายมากนะ ถ้าว่าเป็นโทษก็เป็นโทษมาก คนทำชั่วกับคนทั้งชาติมีโทษมากขนาดไหน เช่นเดียวกับคนทำดีต่อคนทั้งชาติมีอานิสงส์มากขนาดนั้นเหมือนกัน เอาละ พากันจำเอานะ เอาละ เอาแค่นี้ก่อน

เช้าวันที่ ๒๗ กฐินได้แล้ว ๗๖,๗๑๖ กอง ยังขาดอยู่อีก ๗,๒๘๔ กองเวลานี้นะ มันลดลง ๆ อย่างนี้ละ

อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่ www.luangta.or.th




** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก