เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
เมื่อเช้าวันที่ ๑๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๙
อย่าแห่กันไปไม่มีเหตุมีผล
ไอ้พวกกองแห่กับหลวงตาบัวนี่มันพิลึกนะ ทางทางหลวงเขาก็เกรงใจหลวงตาบัว กองทัพแห่นำกันไป รถนำคันหนึ่งจะพอดีกับพวกคุ้มครองเขาได้ ไอ้เรานี่มันเลยร้อยพันไปแล้ว มันไม่มีขอบมีเขต ครั้นว่าอะไรก็มาโดนที่หลวงตาบัว เขาก็เกรงใจ เลยทำให้เลอะเทอะไปหมด หลวงตาบัวจะกลายเป็นพาลูกศิษย์ทำบ้านเมืองให้เลอะเทอะ กฎเกณฑ์ของชาติบ้านเมืองมี เช่นอย่างทางหลวงแผ่นดินเขาควบคุมการเดินทาง วิ่งรถวิ่งรา ขบวนหนึ่งมีประมาณเท่าไรๆ เขาเป็นเครื่องรับรองกันในกฎเกณฑ์นั้น แต่เรามันรับรองอะไรเป็นร้อยๆ คัน คันนี้ก็หลวงตาบัวๆ ไม่ทราบจะให้เขาว่าอย่างไร หลวงตาบัวนี้พาบ้านเมืองให้เลอะเทอะ เราไม่ต้องการ แห่ก็แห่กันไปอะไรนักหนา มันพิลึกกึกกือนะไอ้ลูกศิษย์หลวงตาบัวนี่
เพราะมันพลิกตาลปัตรเลย กับนิสัยหรือเจตนารมณ์ที่เราดำเนินมาแต่ก่อน ไม่เอาใครเลย นี่ปรกติของเรา ออกบำเพ็ญฟังธรรมของหลวงปู่มั่นให้ถึงใจแล้วทีนี้ดีดผึงคนเดียวตลอด ที่บำเพ็ญธรรมเอาเป็นเอาตายเข้าว่าเป็นเวลา ๙ ปี ตั้งแต่พรรษา ๗ ออกจากกรุงเทพฯ ไปจำพรรษาที่จักราช ท่าช้าง นั่นละออกแล้วนั่น ขึ้นเวทีแล้ว ตั้งแต่บัดนั้นมาเข้าหาหลวงปู่มั่น พอบรรจุธรรมเข้าสู่ใจจากธรรมที่ท่านแสดงให้แล้วทีนี้ก็พุ่งเลยทีเดียว ไปองค์เดียวๆ
นี่เป็นอย่างไรกับเวลานี้ไปที่ไหนยั้วเยี้ยๆ ขบวนตามแห่หลวงตาบัวนี้เป็นร้อยๆ คัน จะให้ทางหลวงเขาว่าอย่างไร พิจารณาซิ นี่ภาษาธรรมต้องพูดอย่างนี้ เขาก็เกรงใจอะไรๆ ก็ว่าลูกศิษย์หลวงตาบัว เขาก็อนุโลมๆ เลยกลายเป็นอนุแหลกไปนะ หลวงตาบัวจะพากฎเกณฑ์ของบ้านเมืองแหลกเหลวไปหมด ใช้ไม่ได้นะ ควรจะรู้จักประมาณในการไปการมาของพวกเรา เขาเกรงใจเท่าไรก็ยิ่งเป็นโอกาสที่ให้เราหละหลวม ลืมเนื้อลืมตัวในการไปการมา แห่กันไปแห่กันมา ใช้ไม่ได้นะ
เราคิดหมดเรื่องเหล่านี้ ไปที่ไหนนี้ยาวเหยียดเลย ขบวนหลวงตาบัวยาวเหยียด แล้วกี่คัน ธรรมดารถที่นำขบวนสักกี่คันเขามีกฎเกณฑ์ ถ้าเป็นพวกทหารตำรวจหรืออะไร วงราชการเขานำกันไปได้มากอยู่ เขาก็มีกฎเกณฑ์ของเขา หลวงตาบัวนี้นำอะไรถึงเป็นร้อยๆ คัน หาเหตุหาผล หาหลักหาเกณฑ์ไม่ได้ เหลวไหลหลวงตาบัว จะทำบ้านเมืองให้เหลวไหลนะนี่ ไปที่ไหนแห่ไปเลยๆ
นี่ละมันขัดกับนิสัยที่เคยเป็นมาของเรา พลิกเลยเชียว พลิกตาลปัตรเลย เราออกบำเพ็ญอย่างนั้น ไปคนเดียวตลอดเป็นเวลา ๙ ปี ตั้งแต่พรรษา ๗ ออกไปหาหลวงปู่มั่น ได้รับธรรมจากท่านแล้วทีนี้ดีดเลยเชียว องค์เดียวตลอด ไปที่ไหนก็องค์เดียว ใครจะมาว่าอะไร เจ้าคณะนั้นคณะนี้ เขาเคยขับไล่พระที่ไปเที่ยวธุดงค์ เช่นไปองค์เดียวบ้างอะไรบ้าง เขาขับ พระวินัยไม่มีพระวินัยไม่ได้ห้ามไปองค์เดียว จะตั้งเป็นเจ้าคณะนั้นเจ้าคณะนี้ อำนาจป่าเถื่อนมาไล่ เขาเคยไล่เสมอไล่พระ
ทีนี้ความรู้มันไม่ทันกันก็ถูกเขาไล่ก็ต้องไปแหละตามภาษีภาษา แต่เราไม่เคยมีใครมาไล่ ไปองค์เดียว ว่ามหาเท่านั้นเขาก็กลัว ใช่ไหมล่ะ เขาไม่กล้า มาก็มาซิน่ะ หลักธรรมวินัยเต็มตัวเราอยู่ กฎเหล่านี้มาเวลาไหน ตั้งขึ้นเมื่อไร นั่น มันฟัดกันตรงนั้นนะ ตั้งมาป่าๆ เถื่อนๆ เหยียบหัวพระพุทธเจ้าได้เหรอ เรามาตามหลักธรรมหลักวินัยนะนี่ เราไม่ได้มาตามป่าๆ เถื่อนๆ อำนาจอย่างนี้นะ อำนาจป่าเถื่อนอย่างนี้เราไม่มานะ ใครก็ไม่กล้ามาไล่ นอกนั้นถูกไล่ทั้งนั้น หลวงตาบัวไปองค์เดียวๆ ตลอด พูดจริงๆ ว่าไม่มีใครมาไล่เลย
เจ้าคณะที่ไหนแข็งก็แข็งมาเถอะไม่เหนือธรรมเหนือวินัยไปได้ เราแบกธรรมวินัยไปในหัวใจ จะว่าอย่างไร ใส่เปรี้ยงทีเดียวก็หงายเลย เราไปตามหลักธรรมหลักวินัย ไม่ได้ไปป่าๆ เถื่อนๆ ที่ตั้งขึ้นมาแล้วบีบบังคับ มีมากนะ ตั้งเป็นอำนาจขึ้นมาเลยกลายเป็นอำนาจป่าเถื่อนเหยียบย่ำทำลายหลักธรรมวินัย หลักธรรมวินัยนี้ไปองค์เดียวๆ ได้ทั้งนั้น พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ไปบำเพ็ญ อย่างพ่อแม่ครูจารย์มั่นเหมือนกัน พอว่าจะไปกี่องค์ ไปองค์เดียวเท่านั้นท่านขึ้นทันที เอ้า ไปองค์เดียวนะ ใครอย่าไปยุ่งท่านนะ ก็ตามหลักธรรมหลักวินัย
เราไปที่ไหนเราไปอย่างนั้นละไปองค์เดียวตลอด เป็นเวลา ๙ ปีเต็ม ไม่ได้ไปกับใคร เข้าป่าเข้าเขา เข้าไหนไปไหนก็แล้วแต่ อยากจะกินก็กิน ไม่กินกี่วันช่างมัน ชีวิตอยู่กับเรา ความเป็นความตายเราเป็นคนทราบตัวเราเอง แน่ะเป็นอย่างนั้นนะ เราไปสบายๆ ตลอดมา จนกระทั่ง ๙ ปีผ่านไปแล้ว ๒๔๙๓ แล้วหมู่เพื่อนรุม แต่ก่อนหลบ หลบตลอด หลีกตลอด เหมือนผู้ต้องหา หลบหลีกพระ คือพ่อแม่ครูจารย์ล่วงไปแล้วนี้พระไม่มีที่เกาะที่ยึด วิ่งชุลมุนวุ่นวายหาที่เกาะที่ยึด ไอ้เราก็หาที่เกาะที่ยึดของเราตามหลักธรรมภายในใจ แล้วก็หลบก็หลีก ไปอยู่ที่ไหนอย่างมากไม่เลยสองอาทิตย์ พระเณรตามทัน ต้องหลบไป ส่วนมากประมาณอาทิตย์กว่า หลบปั๊บไปนู่น ไปอยู่ที่นู่นปั๊บ หลบปั๊บไปอยู่ที่นู่น อย่างนั้นตลอดมา
จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๔๙๓ ล่วงไปแล้ว พระเณรก็รุม จะทำอย่างไร เราก็เลยแย้มรับบ้างนิดหน่อย จากนั้นมามันก็เลยรุม รุมหนักเข้าจนกระทั่งทุกวันนี้ ไม่รุมแต่พระซี ประชาชนญาติโยมไปไหนก็รุม ขบวนหลวงตาบัวนี้เป็นร้อยๆ คัน ขบวนรุม มันก็ไม่เคยเป็นก็เห็นแล้วนี่ มันพิลึกนะ ให้คำนึงถึงความผิดถูกชั่วดีบ้างพวกเรา ไปไหนอย่าสักแต่ว่าแห่กันไปๆ ไม่มีเหตุมีผล (หมาที่สวนแสงธรรมเดินมา) ไอ้ขอดมึงมาอย่างไรไอ้ขอด ไอ้ขอดมันยังมีเหตุมีผล ใครเกาหลังให้มัน มันสบายมันก็อยู่ด้วย ถ้าไม่มีใครเกาหลังมันก็ไป มันก็น่ารัก ไอ้ขอด เราเรียกมันไอ้ขอด คือมันหางขอด เขาเรียกไอ้โบ้ไอ้เบ้อะไรเราไม่สนใจ เราดูหางมัน หางมันขอดก็เรียกว่าไอ้ขอด
นี่พูดถึงเรื่องการปฏิบัติของเรากับทุกวันนี้มันเข้ากันไม่ได้นะ คือมันรุมเลย เลอะเทอะไปหมดเลย เลยกลายเป็นเรื่องเลอะเทอะไปหมด ไปที่ไหนไปองค์เดียวๆ อยู่องค์เดียว แม้แต่วัดป่าบ้านตาดสร้างวัดทีแรก รับพระอย่างมากไม่ให้เลย ๑๘ องค์ บังคับไว้เลย ๑๕-๑๘ องค์ ตอนนั้นครูบาอาจารย์ท่านก็ยังมีชีวิตอยู่ ครูบาอาจารย์หลายองค์ท่านมีชีวิตอยู่ พระเณรท่านก็แยกไปอยู่กับครูบาอาจารย์องค์นั้นองค์นี้ ทีนี้พอท่านล่วงไปๆ เลยหดเข้ามา ย่นเข้ามา รุมเข้ามาหาเรา เราก็เปิดรับแย้มรับบ้างนิดหน่อย มันไม่ใช่นิดหน่อย เวลามันมามันยกขบวนมาเลย ทีนี้เลยเลอะหมดในวัดป่าบ้านตาด เป็นวัดตลาดเสียแล้วละ ขัดเรื่องขัดเราพิจารณา ก็ทนเอา อย่างนั้นละ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz
|