เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔
ทางเดินของกิเลสของธรรม
เมื่อเช้านี้ปรอทลงดูเหมือน ๑๕ ครึ่ง เมื่อวาน ๑๖ รู้สึกจะหนาวกว่าเมื่อวานนี้หน่อยหนึ่ง มีปรอทวัด แต่ก่อนไม่มีปรอท เอานี้(หน้า) วัดเลย โห หน้านี่ดำหมด แตก หนาวขนาดนั้นนะ ครองจีวรจนจะไม่ได้มือมันแข็ง เราบิดลูกบวบจะไม่เข้ามือมันแข็ง กำไม่เข้า มันหนาวมากขนาดนั้น
ผ้านี้ได้แจกตามโรงพยาบาล ที่เราไปที่ไหน ๆ ได้แจกทุกแห่ง ๆ นะ โรงพยาบาลขาดผ้า ไปที่ไหนต้องแจก อย่างหนองบัวลำภูก็เอาไปมากเพราะเป็นโรงพยาบาลจังหวัด นอกนั้นก็ให้เสมอ ๆ กันไป ถ้ามีพอจะให้เสมอก็เสมอ ควรจะให้มากตามความจำเป็นของโรงพยาบาลใดก็ให้ตามนั้น ๆ เพราะทางโรงพยาบาลขาดทางผ้านี่มากนะ เราจึงได้ให้ผ้า
เราวิพากษ์วิจารณ์พิจารณาทบทวนเรื่องโลกเรื่องธรรม ซึ่งแต่ก่อนเราก็ไม่ค่อยจะไปสนใจในเรื่องการพูดการจาการเทศนาว่าการเกี่ยวกับทางโลกทางธรรม คลังกิเลส เรียกว่าโลก คลังแห่งธรรมเรียกว่าธรรม เรื่องโลกเรื่องธรรมเราก็ไม่ไปสนใจยิ่งกว่าความจริงที่จะก้าวเดินตามนั้น อันนี้เป็นหลักใหญ่ เหมือนว่าทางเดิน ความจริงคือทางเดินเราก็ไม่ค่อยได้สนใจมากนัก ทีนี้เวลาพูดไป ๆ เสียงออกไปมันก็เข้ามา เสียงเราออกไปเสียงเขาก็เข้ามา เสียงกิเลสเข้ามาเสียงธรรมออกไป อันนี้ทราบมานานฟังมานาน แต่ไม่ค่อยจะได้มีโอกาสพูดให้พี่น้องชาวไทยเรา ซึ่งเป็นทั้งคลังกิเลสทั้งคลังธรรมอยู่ด้วยกันได้พอทราบไว้บ้างว่า ทางของธรรมท่านเดินยังไง ทางของกิเลสมันเดินยังไง
คำพูดของกิเลส คำพูดกิริยาท่าทางการเคลื่อนไหวไปมาทุกสิ่งทุกอย่าง ความเป็นอยู่ของกิเลสเป็นอย่างไรบ้าง ทีนี้ความเป็นอยู่ความเคลื่อนไหวไปมาของอรรถของธรรม ความเป็นอยู่ของธรรมไปยังไงบ้าง ไปสายไหน ๆ นี่เราก็ไม่ค่อยได้นำมาพูดให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบ ทั้ง ๆ ที่ทั้งทราบทั้งพูดเปิดเผยมาตลอด วันนี้มีโอกาสให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบบ้าง เพื่อจะให้ประชาชนชาวพุทธเราได้ทราบ เอ้า สรุปลงไปเลยว่า ภาษาของธรรมกับภาษาของโลกของกิเลสนั้นต่างกันอย่างไรบ้าง ภาษาของธรรมนั้นจะก้าวเดินและแสดงออกตามหลักความจริงล้วน ๆ ไม่มีเคลือบมีแฝงแปลงปลอมอะไรเข้ามาเลย นี่เรียกว่าภาษาของธรรม
พระพุทธเจ้าท่านสอนท่านก็บอกว่า สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม ธรรมคือความถูกต้องดีงามทุกสัดทุกส่วน พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เรียบร้อยแล้วและเรียบร้อยตลอดไป นี่เรียกว่าภาษาของธรรม เอาออกมาจากสวากขาตธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้วนั้น แสดงออกมาก็ชอบตามนั้น ๆ เดินตามสายธรรมคือเดินตามหลักความจริง ไม่มีอ้อมค้อม ไม่มีแวะ ไม่มีคำว่าสูงว่าต่ำ หลีก ๆ หลบ ๆ อะไรอย่างนี้ไม่มีในภาษาธรรม ธรรมจะเป็นใหญ่เรื่องความจริง ความจริงไม่ว่าเล็กว่าใหญ่ขนาดไหนก็ตาม นั้นแหละธรรมจะแสดงออกตามนั้น ๆ จึงเรียกว่าธรรม มีแต่ความจริงล้วน ๆ ความจอมปลอมไม่มี
การเทศนาว่าการ อะไรดีก็บอกว่าดี อะไรชั่วบอกว่าชั่ว นี่คือหลักของธรรม ท่านไม่ได้สนใจว่า ดีนี้ชาวโลกเขาไม่นิยมด้วย เขาว่าชั่ว ท่านจะพลิกไปตามเขาอย่างนั้นไม่ใช่ธรรม เป็นตนเป็นตัวเป็นเนื้อเป็นหนังเป็นหลักเป็นเกณฑ์ของโลกไม่ได้ ไม่สมชื่อสมนามว่าธรรมคือหัวใจของโลกที่ตายใจทั่วหน้ากัน เพราะฉะนั้นธรรมจึงต้องเดินตรงตามอรรถตามธรรม นี้เรียกว่าธรรม คือความจริงล้วน ๆ ทีนี้โลกก็คือคลังกิเลส วัฏจักรนี้คือคลังกิเลส คลังกิเลสรวมทั้งหมดแล้ว กิเลสมันก็ไม่ยอมมันไม่อยากฟังไม่อยากทราบถ้าว่ากิเลส ถ้าว่าโลกว่าธรรมพอหวานหูบ้างนะ โลกพอหวานหูบ้าง ความจริงก็คือกิเลส นี้ธรรมนี้กิเลส แล้วก็เลี่ยง ๆ ไปพูดว่าโลก
เรื่องของกิเลสนี้จะไม่มีอะไรเป็นความจริงออกมา จะมีแต่เรื่องปลอมแปลงแฝงกันทั้งนั้น ๆ ย้อมตลอดเวลา เพราะกิเลสนี้หิวโหยมาก ไม่มีคำว่าอิ่มว่าพอได้เลยคือกิเลส ทุกประเภทที่ออกมาจากกิเลส ต้องออกมาจากความหิวความโหยทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีวันอิ่มพอ อยากตลอดเวลา นี่คือเรื่องของกิเลส ความที่กิเลสชอบที่สุด อาหารของกิเลสที่ชอบที่สุดก็คือเรื่องความยกยอสรรเสริญ ปั้นยอให้ดี ๆ จะสกปรกหรือจะชั่วขนาดไหนกิเลสจะไม่ยอมรับตามความจริงนั้น จึงต้องให้ปลอมแปลงใหม่แฝงขึ้นมาใหม่ ย้อมแฝงขึ้นมาใหม่ ประดับประดาขึ้นมาใหม่ ให้เป็นของสวยของงาม
ของไม่งามกิเลสไม่ให้พูดว่าไม่งาม ต้องบอกว่างาม ของเหม็นกิเลสก็ต้องให้บอกว่าหอม ของสกปรกโสมมขนาดไหนกิเลสต้องให้บอกว่าสะอาด ๆ คือกิเลสตัวสกปรกแต่ชอบสะอาด เพราะฉะนั้นมันจึงต้องชอบยอเสมอ อะไรพูดไปถ้าเป็นเรื่องของธรรมจึงต้องเขี่ยต้องเตะต้องถีบต้องยันกับกิเลสตลอดเวลา เรียกว่าเป็นข้าศึกกันมาเรื่อย ๆ โลกของกิเลสนี้จะพูดตามหลักความจริงนี้ขัดต่อธรรม ทีนี้จะพูดตามธรรมก็ขัดต่อกิเลส เพราะฉะนั้นจึงมีการรบกันตลอดมา กระทบกระเทือนกันตลอดมา ระหว่างกิเลสกับธรรมดำเนินและภาษาของกิเลส กิริยาของกิเลส ภาษาของธรรม กิริยาของธรรม จึงไม่เคยลงรอยกันแต่ไหนแต่ไรมา และจะไม่ลงรอยกันตลอดไป เพราะเป็นคู่แข่งกันก็ไม่ผิด ฝ่ายกิเลสสกปรกมากที่สุด ฝ่ายธรรมเป็นเครื่องชำระสะสางตามหลักความจริงตลอดไป จึงเป็นข้าศึกต่อกัน
เพราะฉะนั้นธรรมเวลาออกมาสู่โลกให้เป็นธรรมล้วน ๆ แล้วต้องพูดตามหลักความจริง ไม่คำนึงไปตามเรื่องของกิเลสซึ่งเป็นเรื่องสกปรกเลย ธรรมจะกลายเป็นของสกปรกไปตาม ๆ กัน จึงต้องทรงธรรมเอาไว้ให้สะอาดสะอ้าน ทรงความจริงเอาไว้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ทีนี้เวลาท่านแสดงธรรม ชี้แจงแสดงธรรม ตลอดท่านดำเนินธรรมปฏิบัติธรรม ท่านต้องดำเนินตามธรรมล้วน ๆ ไม่ได้นอกเหนือไปจากธรรม เช่น พระวินัยตรงไปพระวินัย ทางธรรมตรงพระวินัย ผู้ปฏิบัติตามธรรมวินัย นี่เรียกว่าท่านก้าวเดินตามธรรม กิริยาที่แสดงออกจากผลที่ได้มาจากการปฏิบัติธรรมวินัยนั้นเป็นยังไง ก็เป็นธรรมล้วน ๆ ขึ้นมา เมื่อเป็นธรรมล้วน ๆ ขึ้นมาแล้ว เช่นอย่างพระพุทธเจ้าเป็นอันดับหนึ่ง พระสาวกเป็นอันดับสอง ประกาศธรรมสอนโลกจะสอนตั้งแต่เรื่องความถูกต้องดีงามและความจริงความจังแม่นยำทั้งนั้น ไม่ได้สอนลูบ ๆ คลำ ๆ ผิด ๆ ถูก ๆ ดังกิเลสหลอกโลกมา
ทีนี้เวลาท่านมาสอนท่านก็สอนไปตามหลักความจริงนั้นเลย เรื่องที่ว่าสกปรกโสมมหรือเรื่องที่ว่ามีดุด่าว่ากล่าวอะไรนี้ เป็นเรื่องของกิเลสป้องกันตัวของมัน เพราะกิเลสสกปรกมากที่สุดจึงไม่อยากให้อะไรเข้าไปแตะกิเลสว่าสกปรก ต้องบอกว่ากิเลสสะอาดที่สุด กิเลสโหดร้ายที่สุด ความโลภไม่มีอะไรเกินกิเลส ความโกรธ ราคะตัณหา นี้คือฟืนคือไฟไม่มีอะไรเกินกิเลส เป็นตัวทุกข์ตัวร้อนตัวเป็นฟืนเป็นไฟที่สุด มันฝังอยู่ในกิเลส แล้วจะไปพูดว่าอย่างนั้นไม่ได้ กิเลสมันหว่านล้อมไปหมด ประดับประดาสวยงาม ทุกสิ่งทุกอย่างรวมอยู่ในคำว่างามของกิเลสทั้งนั้น กิเลสชอบใจ
แต่เป็นสิ่งที่ขัดข้องกันเป็นอย่างมากคือสายตาของธรรม ด้วยเหตุนี้เองภาษาของโลกกับภาษาของธรรม คำว่าโลกให้พึงทราบเอานะ ภาษาของโลกกับภาษาของธรรมจึงไม่เข้ากันได้ ภาษาของโลกมีอ้อมค้อม มีเล่ห์มีเหลี่ยมหลายสันพันคม ตกแต่งเปลี่ยนแปลงไปต่าง ๆ นานาจากความจริง ๆ ไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ นี่คือปลอม ภาษาของโลกมันปลอม เพราะกิเลสเป็นตัวสำคัญที่จะทำสิ่งเหล่านั้นให้ปลอมแปลงแฝงไปได้ทุกแง่ทุกมุม แต่ภาษาของธรรมนี้ตรงไปตรงมา
ด้วยเหตุนี้เองภาษาของโลกกับภาษาของธรรมจึงไม่ตรงกัน ตรงกันไม่ได้ ต้องขัดต้องแย้ง ความสกปรกกับความสะอาดจะตรงกันได้ยังไง ต้องขัดกันวันยังค่ำ นี่ละภาษาของธรรม เฉพาะอย่างยิ่งที่เวลานี้หลวงตาได้นำธรรมมาสอนพี่น้องทั้งหลายนี้ เราไม่สงสัยว่าพี่น้องทั้งหลายจะไม่คิดดังที่ชี้แจงให้ทราบเวลานี้ เช่น เทศนาว่าการต้องออกในช่องเดียวก่อน เป็นธรรมใส่หัวใจเจ้าของ ดีไม่ดีไม่เข้า มีแต่กิเลสเปิดทางของกิเลสเข้าแล้ว เปิดหูออกฟังนี้กิเลสเข้าก่อนแล้ว ๆ ตาดูกิเลสเข้าก่อนแล้ว ความคิดความอ่านกิเลสเข้าก่อนแล้ว ๆ เราอยากจะพูดว่าแทบทั้งนั้น ยังไม่พูดว่าทั้งนั้น เพราะผู้ดีนี้ยังมี จึงว่าแทบทั้งนั้น ส่วนมากมันเหลวไหลนะ
ทีนี้เวลาเราพูดอย่างนี้ กิเลสจะต้องออกช่องนี้ก่อน เพราะเราเทศน์ตามความจริง หนักเบามากน้อยจะเป็นความจริงเต็มสัดเต็มส่วนทุกแง่ทุกมุมไป ดีบอกว่าดี ชั่วบอกว่าชั่ว ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก ควรหนัก-หนัก เช่นดุด่าว่ากล่าวนี้คือกิเลสมันโหดร้าย มันมีน้ำหนักมาก ธรรมต้องมีน้ำหนัก เช่น ดุ นี้คือธรรม น้ำหนักของธรรมจะชะล้างกิเลส ความสกปรกโสมมไม่มีอะไรเกินกิเลสที่เป็นตัวสกปรกโสมม ธรรมเป็นน้ำที่สะอาดชะล้างเข้าไป กิเลสมันไม่พอใจ เพราะเข้าไปโดนตัวสกปรกมันเข้า ถ้าให้เหมาะจริง ๆ มันต้องขึ้นมาเทศน์สอนพระเสียด้วยนะ
หลวงตาต้องเทศน์อย่างนั้นนะ คือกิเลสนี้อย่าไปว่ามันสกปรกนะ ต้องบอกว่ากิเลสนี้จอมสะอาดให้ว่างั้น มันจะมาสอนหลวงตานะ หลวงตาไม่ได้บอกว่า โคตรพ่อโคตรแม่มึงสกปรกทั้งหมด จะให้กูเอาโคตรไหนมาพูดกับมึงว่ามึงสะอาดที่สุด โคตรกูถึงสกปรกก็ตาม แต่ธรรมพระพุทธเจ้าสะอาดนี่นะ กูจะเอาธรรมมาตีหัวมึง ถ้ามึงไม่อยากฉิบหายทั้งโคตรให้รีบลงทะเล ก็จะว่าอย่างนั้นเข้าใจไหม นี่ละมันขัดกันอย่างนี้ ว่าดุว่าด่าว่าพูดหยาบโลนสกปรก ตัวของมันที่อยู่ในนั้นมันป้องกันตัวมันไว้ คือตัวหยาบโลนที่สุดอยู่ในนั้น มันประดับประดาตกแต่งข้างนอกเอาไว้ให้สวยให้งาม
ในสายตาของโลกของกิเลสด้วยกันแล้วจะสวยงามและหลงไปตามมันทั้งนั้น แต่ในสายตาของธรรมนี้เรียกว่ากิเลสนี่สกปรกมากสุดยอดเลย นั่นเห็นไหม นี่คือสายตาของธรรม จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบเอาไว้ การเทศนาว่าการสำหรับเราเองที่มาเทศน์สอนโลกนี้ เราไม่เคยคำนึงถึงเรื่องว่าจะว่าให้ผู้ใดก็ตามว่าสกปรก ไม่มี ในธรรมทั้งหลายไม่มี พูดตามเรื่องสกปรกเฉย ๆ สกปรกมันอยู่กับผู้ใดมันก็เกี่ยวข้องกับผู้นั้น ผู้นั้นจะต้องชะต้องล้างต่างหากนะ ธรรมนี้สอนเป็นกลาง ๆ ให้ปฏิบัติตามนั้น สกปรกบอกสกปรก หยาบโลนบอกว่าหยาบโลน เพราะตัวนั้นหยาบโลนจะให้ทางธรรมะบอกสะอาดยังไง ต้องบอกตามหลักความจริงจึงเรียกว่าธรรม
จะดุด่าว่ากล่าวท่านเล็งน้ำหนัก เช่น ความสกปรกมากองอยู่ต่อหน้าของเรานี้ มันมีความสกปรกมากขนาดไหน เช่น กองมูตรกองคูถ กองมูตรกองคูถเหล่านี้สมควรจะชะล้างด้วยน้ำมีจำนวนมากเท่าไร ถ้าจะเอาน้ำแก้วเดียวเทลงแชะลงไปล้างสิ่งสกปรกซึ่งเท่ากองถังมูตรคูถ เต็มถังอันนี้ เราจะเอาน้ำแก้วเดียวเทแชะลงไปนี้จะสะอาดได้ไหม เมื่อสะอาดไม่ได้ น้ำยังไงมันถึงจะพอเหมาะกัน ควรยังไง มันควรเป็นถัง ๆ ไปเลย เทชะล้างลงไปปึ๋ง ๆ สะอาดไปเลย นี่ละน้ำหนักของธรรมที่มีน้ำหนักจะแก้กิเลสซึ่งมีน้ำหนักมากเหมือนกันให้พอกันเป็นอย่างน้อย มากกว่านั้นต้องเหนือกัน ๆ ถึงจะสะอาดสะอ้านได้
นี่การแนะนำสั่งสอนธรรมพระพุทธเจ้ามีทุกประเภทที่สำหรับชะล้างสิ่งสกปรก น้ำหนักของธรรม ความสะอาดของธรรม มีทุกประเภทที่จะชำระสะสางสิ่งสกปรกซึ่งอยู่ในหัวใจ กิริยาอาการความประพฤติของสัตวโลกเป็นของสกปรกทั้งนั้น ท่านต้องมีธรรมประเภทต่าง ๆ มาชะล้าง ซึ่งเทียบกันกับว่าน้ำที่สะอาดมาชะล้างเป็นลำดับลำดา จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบเอาไว้เอาไปชั่งกัน เราไม่ได้บังคับการสอนนี้ว่าเราจะปิดป้องตัวเราเอง ปิดป้องธรรมเราเองไม่ให้กิเลสเข้ามาแตะต้อง เปิดเลย ๆ เราไม่มีคำว่าปิดป้อง ให้ระวังแต่กิเลสต้องปิดป้อง ไม่ปิดป้องถูกฉะนะจะว่างั้นนะ เพราะกิเลสเปิดหน้าอกความสกปรกโสมมซึ่งไม่เป็นความปรารถนาของธรรมมานานแสนนาน หลายกัปหลายกัลป์แล้วที่ธรรมจะชะล้างลงไปตรงนั้น ให้ระวัง ไม่ระวังหงายนะจะบอกอย่างนั้นเลย
นี่คือภาษาของธรรมให้พี่น้องทั้งหลายทราบ หลวงตาบัวเองที่นำออกมาแสดงเองแก่พี่น้องทั้งหลายอย่างเปิดเผยนี้เป็นเวลาร่วม ๓ ปีนี้แล้วนะ การแสดงจะแสดงอย่างอื่นไปไม่ได้ เราต้องแสดงตามอรรถตามธรรมทุกแง่ทุกมุมดังที่เคยเป็นมา โลกของกิเลสทั้งหลายอาจจะโจมตีหรือโจมตีก็ได้ว่าหลวงตาบัวนี้พูดหยาบโลน หลวงตาบัวนี้พูดขวานผ่าซาก หลวงตาบัวนี้พูดดุพูดด่าอะไร ๆ นี้ เป็นเรื่องของกิเลสจะต้องโจมตีแน่นอน แต่ธรรมไม่เคยสนใจเอากิเลสมาเป็นประมาณ เอากิเลสมาเป็นสรณะนะ เอาธรรมเป็นสรณะเพื่อโลกทั้งหลาย เอาธรรมเข้ามาเป็นเครื่องยืนยัน เป็นหลักเป็นเกณฑ์ต่อจิตใจของเราต่างหาก
เพราะฉะนั้นการสอนจึงสอนให้เป็นไปตามอรรถตามธรรมล้วน ๆ ใครก็ตามคำสูงคำต่ำไม่มีในธรรม ผิดตรงไหนบอกตรงนั้น ใครผิดควรจะระบุชื่อระบุเลยจะผิดไปไหน ตัวมันมีชื่อหรือไม่มีชื่อมันก็ทำผิดได้ ผู้สอนจะมีชื่อหรือไม่มีชื่อก็ระบุได้เช่นเดียวกัน เพราะระบุเพื่อความดีเพื่อชะเพื่อล้าง ไม่ได้ระบุเพื่อการทำลายกัน เป็นอย่างนั้นนะ นี่เราก็ไม่เคยได้แสดงให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบ เรื่องภาษาธรรมกับภาษากิเลสนี้ต่างกันอย่างนั้น ราวฟ้ากับดินเลย สำหรับธรรมท่านจะตรงไปตรงมา ไม่ได้สนใจว่าจะไปตำหนิติเตียนผู้ใดแบบกิเลส ด้วยความเคียดแค้น ด้วยความไม่พอใจตำหนิใครอย่างนี้ ธรรมไม่มี ธรรมจะไปเสมอเลยเรื่อย ๆ ไปอย่างนั้น
เช่น น้ำกับความสกปรกนี้ ความสกปรกก็เป็นความสกปรก น้ำเป็นน้ำ ก็ไม่เห็นเป็นข้าศึกต่อกันอะไร มันสกปรกชะล้างไปด้วยน้ำก็สะอาดขึ้นมาที่นั้น ๆ ที่จะเกิดเรื่องก็คือตัวสกปรกนั้นแหละมันเป็นเจ้าเรื่อง น้ำก็เป็นคู่แข่งกัน ฟาดกัน ว่าน้ำดับไฟ ให้พากันเข้าใจเอาไว้นะ ภาษาธรรมจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป
เรื่องที่ว่าจะไปตำหนิติเตียนผู้ใดกลุ่มใดหรือเรื่องใด ด้วยความไม่พออกพอใจอย่างกิเลสมันเป็นนั้นธรรมไม่มี ไม่มีเลย ท่านไม่คำนึงว่าเป็นความสกปรก ไม่คำนึงว่าเป็นคำดุด่าว่ากล่าว อย่างนี้ท่านไม่คำนึง คำนึงแต่ความจริง ความจริงนี้คำนึงถึงน้ำหนักด้วยที่จะมาแก้ไขกัน ต้องคำนึงถึงน้ำหนัก ถ้ากิเลสมีน้ำหนักมาก ธรรมต้องยกเป็นน้ำหนักขึ้นมา ดังตะกี้นี้พูดถึงเรื่องโคตรเรื่องแซ่เข้าใจไหม กิเลสมันก็มีโคตร ธรรมะไม่มีโคตรสู้มันได้หรือ เราก็ยกโคตรเราออกไปซีเข้าใจไหม นี่ละไม่ใช่หยาบนะพี่น้องทั้งหลายให้ทราบเอาไว้ คือน้ำหนักยกรับกัน นี่เรียกว่าธรรม
ท่านไม่มีละที่กิเลสมันเห่าอึกทึก ว่าพูดอย่างนั้นพูดอย่างนี้ ท่านไม่มี ตรงไปตรงมาเรียกว่าธรรม ไม่หวั่นไม่ไหวคือธรรม ถ้าหวั่นไหวอยู่เป็นที่พึ่งหรือที่ตายใจของโลกไม่ได้นะ ธรรมต้องเป็นธรรมวันยังค่ำ กรุณาทราบเอาไว้ การเทศนาว่าการบางทีอาจจะเกิดอกุศลภายในจิตภายในวาจาก็ได้นะ เพราะการแสดงเหล่านี้เราไม่มีที่จะให้เกิดอกุศล เทศน์เพื่อการชะการล้างเพื่อเป็นการกุศลแก่ผู้ฟังล้วน ๆ แต่ผู้ฟังเปิดหูออกมานี้ กิเลสจะออกทางหู เปิดใจออกมากิเลสจะออกทางใจคอยทำลายเจ้าของนั่นแหละ ออกมาหาว่าท่านว่าอย่างนั้นว่าอย่างนี้ โกยเข้ามาแล้วมาเผาเจ้าของ กิเลสเป็นผลรายได้ รายได้เอาไฟไปเผาหัวใจเจ้าของถ้าฟังไม่พินิจพิจารณา กิเลสจะกอบโกยทันที แทนที่เราจะไปกอบโกยเอาธรรมจากท่านแสดงมาฟัง เลยกลายเป็นกอบโกยเอากิเลส กิเลสก็คือมูตรคือคูถคือฟืนคือไฟเผาตัวเองไปตลอด
ไปแล้วก็ไปเป็นศาสดาของพระอีกด้วยนะ กลับไปบ้าน แหม วันนี้ท่านเทศน์ดุ วันนี้เทศน์สกปรก เป็นศาสดาสอนพระ จะสอนท่านว่ายังไง จะให้สอนว่า แหม ไพเราะที่สุด ขี้นี่มันเหม็นที่สุดก็หอมที่สุดให้ว่างั้นเหรอ กิเลสมันจะมาสอนอย่างนั้น ขึ้นธรรมาสน์แทนแล้วสอนพระแทน อย่างหลวงตาบัวนี้อย่ามาสอน ยกโคตรมากูจะฟาดมึงหงายหลังหมดเลย อะไรจะเหนือธรรม อะไรจะสกปรกยิ่งกว่ากิเลส พากันเข้าใจเสีย การเทศนาว่าการ บางคนอาจเข้าใจผิดนะ เราจึงเปิดความจริงให้ทราบทั้งสองอย่าง คือภาษาธรรมกับภาษาโลกหรือภาษากิเลสไม่เหมือนกันว่างั้นเลย
ภาษาธรรมต้องเป็นธรรมเสมอไปเลย ภาษากิเลสอะไรบิดเบือนอ้อมค้อมร้อยเล่ห์ร้อยเหลี่ยมร้อยสันพันคม นี้คือเรื่องของกิเลสจะหาความจริงไม่ได้ ดีดไปไหนดีดเพื่อแก้ตัว ดีดไปไหนดีดเพื่อหลบภัย แต่มันดีดเพื่อหาภัย กลิ้งไป ๆ ผิดขนาดไหน กลิ้งไปเป็นความผิดตลอด หลีกไปไหนเป็นความผิดตลอด หนีจากโทษไปเท่าไรทั้ง ๆ ที่ตัวทำผิดแล้ว หนีโทษไปด้วยความพลิกแพลงเปลี่ยนแปลง ก็หนีไปด้วยความผิด ๆ ความผิดติดกับความเคลื่อนไหวไปตลอดเวลา ธรรมท่านจับตลอดเวลา ถ้าผิดแล้วจะดิ้นไปไหนก็ผิด
ไปขโมยของเขามา ของกลางเขาก็ได้ด้วย เจ้าของก็แก้ตัวว่าไม่ได้ฉกไม่ได้ลัก ใครเชื่อได้ไหมล่ะพิจารณาซิ ก็ของกลางอยู่นี้ เป็นอย่างนี้ละพิจารณาเอา โอ๋ย เราทุเรศนะ กิเลสมันพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงหมุนตัวไป คือขี้กองหนึ่งนั่นละ มันหมุนไปกลิ้งไปไหนก็ดูซิขี้มันกลิ้ง ไอ้คนเป็นนักโทษเป็นคนชั่วช้าลามก มันพลิกตัวกลิ้งไปที่ไหนร้อยสันพันคม มันก็คือขี้ของมันหมุน ความผิดของมันหมุนไป ในสายตาของธรรมเห็นชัด ๆ อย่างนั้น ให้พากันเข้าใจเอานะ
ต่อไปนี้ก็จะเริ่มเผดียงพี่น้องทั้งหลายทั่วหน้ากันมาตลอด และจะเริ่มเรื่อย ๆ นะ เวลานี้เรากำลังปรับปรุงบ้านเมืองของเราซึ่งค่อนข้างจะล่มจมเอนเอียงชัดเจนแล้ว ล่มจมนี้ค่อนข้างจะล่มคอยที่จะลง เพราะฉะนั้นเวลานี้เมืองไทยเราพอรู้เนื้อรู้ตัวบ้าง แล้วต่างคนต่างสกัดลัดต้อนต้านทานไว้ไม่ให้ล้ม เอนเอียง ๆ เราหนุนให้กลับคืนด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคี ความเห็นโทษเห็นภัยแห่งกิเลสนี้ละมันเป็น ที่ว่าเอนเอียงกิเลสพาให้เอียงนะ เมืองไทยจะจมเพราะกิเลสพาให้จม ไม่ใช่ธรรมพาให้จม ให้เข้าใจเอาไว้ นี่ธรรมกำลังปรับเนื้อปรับตัวปรับพี่น้องทั้งหลายที่เป็นคลังของธรรมเหมือนกัน จากคำสอนพระพุทธเจ้า ให้นำไปปรับปรุงแก้ไขตัวของเราแต่ละราย ๆ
เมื่อรู้เนื้อรู้ตัวแล้วว่า บ้านเมืองของเราซึ่งเป็นที่เกาะที่ยึดที่ฝากเป็นฝากตายมาแต่ปู่ย่าตายายจะล่มจมทำยังไง เราจะไปนอนทะเลแทนเมืองไทยเราได้เหรอ ใครจะไปเก่งไปนอนในทะเลนอกจากปลาเท่านั้น คนนี้ไม่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้นเราเคยนอนไหม เราเคยนอนในเมืองไทยของเรามีทั้งน้ำทั้งบกทั้งอะไร แล้วเวลานี้กำลังจะจม เมื่อกำลังจะจม ให้ต่างคนต่างปรับปรุงแก้ไขต้านทานไม่ให้จม ไม่ให้จมด้วยวิธีใด อะไรพาให้จม นั่น เอาตรงนั้นเสียก่อน
เบื้องต้นก็นิสัยใจคอของชาติไทยเรานี้ เป็นนิสัยที่สบาย ๆ มาตั้งแต่ปู่ย่าตายายไม่พาอดอยากขาดแคลน เรียกว่าเกิดอยู่ในเมืองอู่ข้าวอู่น้ำก็ไม่ผิด ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์เลย ทีนี้การอยู่การกินการใช้การสอย ไม่คำนึงถึงความสิ้นความเปลืองอะไรเลย ทีนี้มันก็ค่อย ๆ เป็นไป ๆ ในความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมลืมเนื้อลืมตัว ประดังกันเข้ากับต่างชาติว่างี้เลย ต่างชาติต่างภาษาคนมีจำนวนมากเข้ามาคละเคล้ากัน กิริยามารยาทความเป็นอยู่ทุกอย่าง การซื้อการขายการคบค้าสมาคมมันเปลี่ยนแปลงแปรปรวนไป ทีนี้ส่วนมากมักจะเป็นทางเอนเอียงทางผลลบ ๆ ทีนี้เราก็ลืมเนื้อลืมตัวของเราไป ก็เอนเอียงไปตามเขา สุดท้ายก็คว้ามับ ๆ เขาเอาอะไรมาหลอกคว้าเลยเห็นไหมเมืองไทยเรา เพราะไม่ได้คิดเป็นความเสียหายนะ มันไม่เคยเสียหายนี่ เราอยู่ที่ไหนเราสบาย ๆ
สิ่งที่ทำความเสียหายก็แทรกเข้ามาเราก็ไม่ได้คิดน่ะซี นี้ก็เสียหายไปด้วย อะไร ๆ ก็ดี เลยกลายเป็นเรื่องเมืองไทยตื่นบ้ากับสิ่งของภายนอกนอกประเทศไปเสีย นี้ธรรมฟังให้ดีนะ อะไรมาก็คว้ามับ ๆ เห็นว่าดีไปเสีย เลยสุดท้ายเห็นเมืองไทยเราเป็นผ้าขี้ริ้ว ในขณะเดียวกันเหยียบเมืองไทยเราลง พร้อมกับการยกยอเมืองอื่นสรรเสริญเมืองอื่น เงินนี้กอบโกยเอาไปเมืองอื่น ๆ มาเผาเจ้าของคือความจนเห็นไหมล่ะ การเห็นว่าเมืองไทยเราไม่ดี เมื่อไม่ดีแล้วเป็นยังไง ฟาดตั้งแต่หมาขึ้นไปก็ไม่ดีเข้าใจไหม หมูหมาเป็ดไก่ไม่ดี เพราะเป็นหมูหมาของเมืองไทย เมืองไทยไม่ดี เมืองไทยเป็นอาจารย์ของหมูของหมา เห็นไหมเลว ไม่มีความคิดความอ่านพินิจพิจารณาเพื่อป้องกันรักษาชาติของตนเอง ซึ่งเป็นชาติที่มีคุณค่ามาจากปู่ย่าตายาย ทำไมจึงมาเหลวแหลกแหวกแนวด้วยความไม่เอาไหน อะไรมาคว้ามับ ๆ นี่ความเหลวแหลกไม่มีหลักมีเกณฑ์ เราต้องฝึกตัวของเราอย่างนี้นะ
การซื้อไม่ห้ามขอให้อยู่ในหลักเกณฑ์ ควรซื้อ ๆ ของเขามาจะเป็นประโยชน์อะไรมากน้อย อย่าซื้อเอาความคึกความคะนองตามนิสัย นี้คือความเสียหาย เราต้องพิจารณาเสียก่อน ไม่ว่าเขาว่าเรา เขามาซื้อของเราเราไปซื้อของเขาก็ต้องมีเหตุผลตาม ๆ กัน พอฟัดพอเหวี่ยงอยู่กินกันไปได้พวกเรา ไม่เอารัดเอาเปรียบไม่เสียเปรียบกันเพราะต่างฝ่ายต่างเป็นผู้มีความคิดความอ่านเพื่อป้องกันรักษาตัว ต่างฝ่ายต่างมีความคิดความอ่าน แล้วการซื้อการขายก็ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน เราก็ไม่ลืมตัว การอยู่การกินการใช้การสอยให้ประหยัดมัธยัสถ์นะเมืองไทยของเรา เรียกว่าเริ่มบวชใหม่เสียบ้าง เมืองไทยเป็นเมืองฟุ้งเฟ้อเป็นเมืองลืมเนื้อลืมตัว แล้วให้บวชใหม่เสียบ้าง ให้ตั้งหลักลงไป เคยจ่ายเท่าไรวันหนึ่ง ๆ ไม่จำเป็นไม่จ่าย ถ้าจำเป็นก็จ่าย จ่ายประมาณเท่าไรพอดี เป็นขั้น ๆ การอยู่การกินก็เหมือนกัน เมืองไทยเราจะเริ่มขึ้นได้นี่ศาสนาสอนจำไว้
นี่ละคำสอนพระพุทธเจ้าคืออย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม ให้รู้เนื้อรู้ตัว ให้รักสงวนเมืองไทยเราไว้เป็นอันดับหนึ่งเพราะเมืองไทยเป็นเมืองของเราร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครมารับผิดชอบเมืองไทยเรานะ คนไทยเราทุกคนเท่านั้นจะรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นการระมัดระวังรักษาก็ต้องมีการระมัดระวังรักษาเสมอหน้ากันไป อย่าคิดว่าคนนั้นจะรักษาคนนี้จะรักษา นี้คิดเฉื่อยชาใช้ไม่ได้นะ ต้องถือเป็นสำคัญ ๆ ด้วยกันทุกคน เมืองอื่นเราก็เห็น เป็นยังไงเขาสามัคคีกันไหมพิจารณาซิ นอกจากไม่เอามาพูดเฉย ๆ เรื่องเหล่านี้พี่น้องทั้งหลายจะจัดเจนยิ่งกว่าหลวงตาบัวนะ เรื่องเมืองอื่นเขารักเขาสงวนขนบประเพณีรักสงวนชาติของเขา เขารักชาติของเขาเป็นยังไงก็พอทราบกันได้แล้ว แล้วชาติของเรามันชาติไหน ก็ชาติคน เขารักชาติของเขา เราก็รักชาติของเราได้เข้าใจเหรอ เมื่อเรารักชาติของเราเราต้องสงวนชาติของเรา อะไรที่จะมาแตะต้องทำลายเพื่อความเอนเอียงหรือเสียหายแก่ชาติของเราเราต้องต้านทานเลย
ต้านทานเรานี่เองก่อนอื่น มันอยากฟุ้งเฟ้ออย่าฟุ้งเข้าใจไหม ฟุ้งไปนี้เพื่อเอาไฟเผาตัวอย่าฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมออกไป ไฟก็ไม่มาเผาตัว นี่คือการรักษาตัว การกินอยู่ปูวายทุกอย่างขอให้มีประมาณนะ เวลานี้กำลังเริ่มจะฟื้นฟูชาติไทยของเราซึ่งค่อนข้างจะล่มจมแล้วอย่างเห็นได้ชัดทั่วประเทศไทย การอยู่การกินการซื้อการขายการก่อการสร้างอะไรล้มเหลว ๆ ไปซิไปที่ไหนก็ไป ตามีหูมีเห็นหมด ล้มเหลว ๆ เพราะอะไร เงินไม่มีจะเอาอะไรมาสร้าง เงินเอาไปไหน ถูกเจ้าของเอาไปถลุงหมด มิหนำซ้ำทั้งส่วนใหญ่ส่วนย่อยถลุงกันทั้งนั้น แล้วมันจะมาจากไหนเงินเอาอย่างนี้ละ ส่วนใหญ่ก็ถลุงแบบใหญ่ส่วนเล็กถลุงแบบเล็ก ถลุงแบบไหนก็คือพาให้ชาติไทยของเราล่มจม ทีนี้ต่อไปนี้เราจะต้องพิจารณา ให้ต่างคนต่างพินิจพิจารณานะ เริ่มต้นเรื่องผู้นำเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อไร เดือดร้อนทั่วประเทศนี่นะ ก่อนที่จะได้เป็นผู้นำมาแต่ละคน ๆ ต้องได้พินิจพิจารณาเต็มอัตรา
เช่นอย่างการที่จะหย่อนบัตรในคราวที่แล้ว หลวงตาออกสนามเลยเชียว หลวงตาเป็นผู้ค้ำจุนเป็นผู้อุ้มพี่น้องชาวไทยทั้งชาติทั้งศาสนาให้อยู่ร่วมกันด้วยความผาสุกร่มเย็น จึงต้องเตือนต้องบอกตลอดเวลา เด็ดเป็นเด็ดทีเดียวนะ นี่ละเห็นไหมควรเด็ด ๆ อย่างนี้ แล้วเวลานี้ก็เริ่มก่อตัวขึ้นจะเป็นรัฐบาล เมื่อเป็นรัฐบาลด้วยดีแล้ว ทางนั้นก็จะก้าวเดินเป็นรัฐบาลซึ่งเรียกว่าเป็นผู้นำพี่น้องชาวไทยด้วยความเป็นสิริมงคล ทางศาสนานี้จะคอยแนะคอยบอกคอยสอน ชาติกับศาสนาจะแยกกันไม่ได้แหละ เฉพาะอย่างยิ่งคือหลวงตาบัวซึ่งเวลานี้กำลังนำชาติอยู่ คือกำลังนำศาสนานี้ ไม่พ้นที่จะต้องสอดส่องดูแลชาติ เพราะชาติกับศาสนาเหมือนแขนซ้ายแขนขวาอยู่ด้วยกัน ตัดแขนใดลงขาดแล้วคนแขนกุ้นดูได้ไหม ชาติขาดดูไม่ได้จม ศาสนาขาดดูไม่ได้เมืองไทยไม่มีจิตใจของคนเลย มีแต่จิตใจของสัตว์นรกจมด้วยกัน ธรรมเป็นเครื่องพยุงใจให้เป็นมนุษย์ขึ้นมา
เมื่อเป็นอย่างนั้นหลวงตาหากเป็นหลักธรรมชาตินะ จะต้องได้สังเกตดูแล คอยแนะคอยบอกคอยสอน ทางบ้านเมืองก็เหมือนกัน เพราะศาสนาเหนือบ้านเมืองอีกนะ เช่นเป็นครูเป็นอาจารย์ของชาติของบ้านเมือง เพราะธรรมเป็นของเลิศสุดสูงกว่าทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว จะค่อยได้แนะได้นำสั่งสอนได้เตือนบอกนั้นบอกนี้อยู่ตลอดเวลาอย่างนั้นเพื่อความพยุงชาติไทยของเราขึ้น เมื่อชาติไทยของเรามีรัฐบาลเป็นที่ตั้งขึ้นมาพอสมควรอุ่นหนาฝาคั่งได้แล้ว ทีนี้ทางรัฐบาลก็จะขวนขวาย เมื่อขวนขวายทางนี้ก็หนุน พูดจริง ๆ ศาสนาจะหนุนจะเตือนเรื่อย ๆ แล้วให้ต่างคนต่างพยุงขวนขวายหามาไม่มากก็ให้ได้น้อย ๆ ไปทุกวัน ๆ ทางศาสนานี้เราก็จะชักชวนหรือบิณฑบาตพี่น้องชาวไทยกันด้วยความร่วมมือร่วมใจกัน ทรัพย์สมบัติเรามีมากน้อยก็จะตั้งฐานขึ้นอีก นี่ฐานทีแรก
และฐานที่สองเราจะเสริมเรื่อยเหล่านี้แหละเข้าไป แล้วขนเงินเข้าสู่คลังหลวง คำว่าคลังหลวงคือชาติไทยของเราทุกคนอยู่ในนั้น เราจะหมุนเข้าไปนั้น ๆ แล้วก็จะค่อยเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปโดยลำดับเพราะต่างคนต่างอุดหนุน ๆ ได้มากได้น้อยก็อย่างนี้ละ ฝนตกทีละหยดทีละหยาดสามารถทำท้องฟ้าให้เต็ม นี้ก็เต็มได้ทำไมไม่เต็ม แล้วชาติไทยของเราก็จะขึ้นได้ หลักสำคัญอยู่ตรงนี้ เราก็จะช่วยพยุงภายนอก ๆ ตักเตือนแนะนำสั่งสอนด้วยดังที่เคยเป็นมา และบิณฑบาตพี่น้องชาวไทยเราให้เอาสมบัติที่เป็นส่วนตัว ๆ ซึ่งไม่มีน้ำหนักมากยิ่งกว่าส่วนใหญ่คือคลังแห่งชาติไทยของเราคลังหลวงของเรานั้น ให้หนุนเข้าไปจุดนั้นเป็นหัวใจของชาติแล้วจะอยู่เย็นเป็นสุข ซุกหัวนอนที่ไหนได้เราถ้ามีที่อยู่ที่กินที่แน่นหนามั่นคงแล้วนะ
นี่ละเราก็จะพยุงทั้งด้านศาสนาก็จะช่วยทางนี้อีก ทางชาติบ้านเมืองเราก็จะประสานกันให้ดำเนินไปนี้เป็นหลักใหญ่ หลักที่สองก็เคยพูดแล้วให้พยุงกันไป ผู้นำแต่ละคน ๆ หามาของง่ายเมื่อไร คนทั่วประเทศไทยมีกี่คน หาผู้นำที่จะเป็นที่ไว้ใจได้หาได้สักกี่คน เราต้องคิดอย่างนี้อีกซิ มันของเล่นเมื่อไรหาผู้นำที่ดี เพราะฉะนั้นเมื่อได้ผู้นำมาแล้วเราก็ต้องต่างคนต่างระมัดระวังรักษา เป็นรั้วล้อมหัวใจของชาติไว้อีก ผู้นำเป็นหัวใจของชาติอันหนึ่งเหมือนกันนะ อย่าให้ใครที่มาทำลายแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ มีหมัด-หมัดมีมวยต่อยมวยเลย หมัดไม่พอเราก็ยืมหมัดหมามาฟาด ใครมาทำลายเมืองไทยเรา มันต้องอย่างนั้นซิถึงเรียกว่านักรบ ที่พูดนี่หยาบไหม ก็อย่างนั้นซิคือหมัดเราไม่พอมันไม่มี มันไม่ได้จริง ๆ ต้องไปขอเอาหมัดหมามาซิใช่ไหม ก็มันจนตรอกต้องไปขอเขามาซิ หมามันก็มีเกียรติบ้างตอนนั้นเราไปขอหมัดมันมา ฟัดคนที่มาทำลายชาติไทยของเราเข้าใจไหม
นี่ละต่างคนต่างระมัดระวังรักษาช่วยกัน ผิดตรงไหนให้เตือนกัน เตือนเพื่อการแก้ไขดัดแปลงไม่ใช่เตือนเพื่อการทำลายนะ แล้วผู้นั้นก็มีแก่ใจแล้วเขาก็ตั้งหน้าดำเนินไปแล้วพยุงกันไปเรื่อย ๆ นี่เรียกว่าทั้งชาติทั้งศาสนาพยุงชาติไทยเราขึ้น ด้วยความมีผู้นำเป็นผู้พาเดิน ศาสนาก็พาเดินชาติก็พาเดินแล้วเมืองไทยของเราขึ้นได้ แล้วทีนี้เมื่อเวลาดำเนินไปอย่างนั้นแล้วก็ให้คอยดูแลกัน อะไรไม่ดีให้เตือนกัน ๆ เพื่อการส่งเสริมหากว่าชาติไทยของเรานี้ขึ้นอยู่ด้วยผู้นำผู้นี้ ๆ พอสมควร จะไม่ได้เต็มสัดเต็มส่วนตามหัวใจเราต้องการที่ใจมันร้อน ๆ นั่นนะ มันจะให้ล้นฝั่งตั้งแต่น้ำฝนยังไม่ตกว่างั้นเถอะน่ะ เราก็ระงับใจของเรา อย่าร้อนใจเกินไป ให้ก้าวเดิน ๆ แล้วให้ผู้นี้พยุงไปเรื่อย เมื่อถึงกาลถึงสมัย อันนี้มันก็มีสมัยเหมือนกัน ถึงกาลนั้นเวลานั้นก็จะหมดชุดหมดสมัยของผู้นำของนายกอะไรไป เอา นายกคนไหนดีรวมหัวกันเข้า นี่ศาสนาพูดตรง ๆ อย่างนี้เลย รวมหัวกันเข้า เอา หย่อนบัตรหย่อนลงไป
คณะไหนพวกไหนพรรคไหนที่จะเป็นพรรคที่จะอุ้มชาติไทยของเราได้ เอาโยนลงไป ๆ เมื่อได้แล้วก็พยุงกันขึ้น พรรคพวกเปรตพวกผีพวกโจรพวกมารพวกทำลายชาติ เตะลงทะเลอย่าให้เข้ามายุ่ง นี่ละบ้านเมืองของเราจะขึ้น นี่ภาษาของศาสนาคำสอน สอนอย่างนี้ต้องเชื่อ ๆ ศาสนา ไม่เชื่อศาสนาจมได้นะ
เมื่อวานนี้ก็ไปเข้าโรงพยาบาลอำเภอหนองหาน ฉีดยา โห มันคัน คันยิบ ๆ แย็บ ๆ ไปที่ไหนหมาแตกฮือ ๆ หมาธรรมดาไม่แตก หมาขี้เรื้อนอยู่ไม่ได้แตกเลยสู้เราไม่ได้ หมาขี้เรื้อนสู้เราไม่ได้นะ เลยเขาโรงพยาบาลเอาอะไร ๆ ไปให้เขาแล้วก็ให้เขาฉีดยา บอกเรื่องราวให้เขาได้ทราบทุกอย่างแล้วเขาฉีดยา สงบมาตั้งแต่นั้นนะจนกระทั่งป่านนี้ไม่แสดง สงบเงียบเลยแสดงว่าถูก ไม่คันยิบ ๆ แย็บ ๆ หมาแถวนี้อยู่ได้สบายแต่ไปเตือนไอ้ปุ๊กกี้นะมึงอย่าสบายเกินไปนะเดี๋ยวหลวงตาหมัดมานี่มึงแตกนะให้บอกงั้น เมื่อวานนี้ไปฉีดยาแล้วจากนั้นก็เข้าไปดูตึก ตึกที่สร้างให้เรียบร้อยแล้วยังไม่ได้เข้าไปดูเมื่อวานก็เลยไปดู ไปดูชั้นล่างไปดูชั้นบน โอ๊ย สวยงามมากนะประมาณ ๗ ล้านกว่า ๒ ชั้นตึกใหญ่ด้วย เราเอาที่ ที่ว่าง ๆ ให้เป็นแปลนทั้งหมดเลยเพราะไม่มีที่ขยายข้างนอก ข้างนอกก็มีแต่ตลาด ที่เขาก็ไม่ขายจะว่าไง ตลาดล้อมเลยขยับออกไปไม่ได้ สุดท้ายเลยขยายข้างบนเป็น ๒ ชั้นขึ้นไปเมื่อวานนี้ไปดู คนเต็มนะ ๒ ชั้นคนไข้มีทั้ง ๒ ชั้น ให้พร..
เมื่อวานซืนนี้ได้รถยนต์แอมบูแลนซ์ให้โรงพยาบาลหนองบัวลำภู ฉากไปหนองวัวซอนั่นแหละ แต่ไม่ให้หนองวัวซอไปให้หนองบัวลำภู เพราะหนองวัวซอให้แล้ว ไปโรงพยาบาลหนองบัวลำภูไปนี้เดินไปนี้พอลงรถปั๊บ เดินดูนั้นดูนี้ดูเบอร์ของรถโรงพยาบาล ไปดูคันนั้นเป็นยังไงสภาพเป็นยังไง ดูคันนี้เป็นยังไง ถามโรงพยาบาลนี้มีรถกี่คัน ว่ามีเท่านั้นคัน ๆ แล้วดูสภาพรู้สึกว่า โฮ้ ชำรุดมาก เราก็พูดเท่านั้นเขาก็ชี้แจงให้ทราบย่อ ๆ เราขึ้นไปนั้นก็เลยให้รถแอมบูแลนซ์คันหนึ่งเลย เขายังไม่ได้ขอนะ ให้ไปคันหนึ่งเลย แต่คราวก่อนนั้นเครื่องมือแพทย์ที่สำคัญ ๆ ๒ ชุด ๓ ล้านบาทไปคราวก่อน คราวนี้ไปให้รถคันหนึ่งเพราะตั้งฐานขึ้นเป็นโรงพยาบาลจังหวัด
ทีนี้อะไร ๆ ก็ไม่พอ นี้ก็ยังต้องคอยลดหย่อนผ่อนผันกันไว้ก่อน เราจะให้เป็นช้อน ๆ ไปเราจะให้เป็นหม้อไม่ได้เราบอก เพราะหม้อเรานี้มันมีคนหลายคนจะกินด้วยกันอยู่นี้ จะมาเอาไปกินคนเดียวหม้อหนึ่งเราไม่ให้เราว่างี้เลย คือเรื่องน้ำใจไม่ต้องบอกว่างั้นเลย ล้นฟ้าล้นแผ่นดินล้นโลกธาตุ เพราะฉะนั้นพูดทุกอย่างเราจึงออกเต็มเหนี่ยว ๆ เลย ไม่มีอะไรมาขัดขวางธรรมได้เลย ดังที่พูดนี่แหละภาษาธรรมภาษาของโลกต่างกันอย่างนี้ละ ฟังอย่างนั้นก็แล้วกัน ภาษาธรรมจะออกล้วน ๆ อย่างนี้เลย ไม่คำนึงคำนวณกับอะไรนอกจากความจริงล้วน ๆ เท่านั้น
เทศน์ที่วัดอโศการามรู้สึกจะเป็นเนื้อธรรมที่เป็นประโยชน์กว้างขวางพอประมาณ ทั้ง ๆ ที่เทศน์วันนั้นไม่ได้จุใจนะ ดังที่เคยพูดแล้วมันนิวเคลียร์นิวตรอนเข้ามาเสียก่อน เขาถามปัญหาข้อเด็ดขาด ทางนี้ผึงออกเลยเชียวนะอย่างนั้นละเห็นไหมธรรม ถ้าสมควรที่จะออกไม่ต้องบอก ผางทันทีเลย คว่ำหม้อใส่กันเลย แล้วโรคหัวใจขึ้นทันทีเลย จนกระทั่ง อู๊ย หยุด ๆๆ ขนาดนั้นนะ ไม่ได้แล้ว ๆ นี่เราจะเทศน์ต่อไปนี้อีก ๓ โมงจะขึ้นเทศน์บนธรรมมาสน์ในงานใหญ่วัดอโศการาม นี่เอาไปกินหมดไม่ได้ เพราะฉะนั้นให้พรนี่ โหย สั่นเครือไปหมดนะ จนจะไม่จบให้พร แล้วเข้าห้องปั๊บ บอกเอาเท่านั้น ๓ โมงเราจะเทศน์ เพราะฉะนั้นจึงไม่จุใจเท่าที่ควร แต่สำหรับผู้ฟังทั้งหลายนี้คงจะพอใจว่าดุเดือดเผ็ดร้อนนะ แต่เราไม่ถึงใจวันนั้นเพราะอันนี้มันทำลายเสียก่อน
กฎหมายต่างชาติ กฎหมายในชาติ กฎหมายครอบครัวผัวเมียมันหลายกฎหมายนะ ให้ชำระไปโดยลำดับ เฉพาะอย่างยิ่งชำระกฎหมายครอบครัวผัวเมียลูกเต้าหลานเหลนให้ดีก่อน แล้วก็ชำระต่อสังคม ๆ ด้วยดี ๆ เรื่อย ถึงชาติบ้านเมืองดีไปหมด ถ้าตัวของเราผัวกับเมียทะเลาะกัน อย่าไปชำระที่ไหนนะ เมื่อวานนี้ได้ทองคำ ๕ บาท ดอลลาร์ได้ ๓๒ ดอลล์
เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร
www.luangta.com |