ความจริงที่ไหน ปิดบังญาณหยั่งทราบไม่ได้
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2544
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :
 

                           เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด

                       เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔

ความจริงที่ไหน ปิดบังญาณหยั่งทราบไม่ได้

          ท่านพระครูวิโรจน์ท่านมาจากปราจีนนะ ลงเครื่องบินเมื่อเช้านี้มา ท่านกำลังฉันจังหัน ท่านอยู่วัดพุทธาจาโร ฟ้าหญิงท่านเสด็จบ่อยไปพักภาวนาที่นั่น เราไปกรุงเทพเที่ยวที่แล้วนี้เราตั้งไปดูโดยเฉพาะไปสถานที่นี่ เพราะวันไปเทศน์ที่ปราจีนไม่มีเวลาพอ คราวนี้พอฉันเสร็จแล้วออกจากสวนแสงธรรมไปเลยไม่ให้ใครทราบ ปุ๊บเข้าถึงเลย ไปดูสถานที่ต่าง ๆ เหมาะดี ท่านปรึกษาเราเกี่ยวกับเรื่องที่จะสร้างที่ประทับให้ภาวนาสะดวก ท่านพาเราไปดูสถานที่นั่นด้วย เราดูว่าเหมาะสมดี ทำเลอยู่ทางนี้ ท่านก็ไปพักอยู่ทางนั้น ศาลาอยู่ทางนี้ ทีนี้ที่จะจัดถวายท่านใหม่นี้อ้อมไปนี้หน่อย มีสระน้ำอยู่ทางนั้น แล้วสร้างที่ประทับทางนั้นละ เหมาะดีแล้ว เราไปดู เออ เหมาะดีอยู่ เป็นเอกเทศ อากาศก็ดี ก็อาจจะเริ่มละที่นี่

ท่านพระครูนี้ละจะเริ่มสร้างที่พักภาวนาให้ฟ้าหญิงเล็ก ที่เหมาะสมดี ท่านจะประทับภาวนาพักแรมที่นั่น ภาวนาที่นั่น เราไปเราให้พระครูเปิดดูหมดเลยห้องประทับห้องพักอะไร ๆ ออกจากนี้ก็ทางจงกรม ดูหมดเลย เราสั่งท่านพระครูไว้ให้ทูลฟ้าหญิงเล็กด้วยนะ หลวงพ่อท่านเข้าไปดูหมดแล้ว ถ้าพูดกับพวกเรานี้ก็บอกว่า หมอนพึ่งเริ่มฝ่อ ๆ ยังไม่ขาด ถ้าเป็นพวกเราจะเอาแบบนี้ นี่พูดธรรมดาพูดถึงเสื่อถึงหมอน พวกเสื่อพวกหมอนพอเริ่มฝ่อ ๆ ยังไม่ขาด

พุทธาจาโรนี้หมายถึงท่านอาจารย์สิมนะ ท่านอาจารย์สิมท่านมาพักที่นั่น น่าจะเป็น ก็เลยเอานั้นเป็นเครื่องหมาย วัดพุทธาจาโร ดีอยู่เป็นภูเขา เหมาะ เราไปดูแล้วสงัดดี ไม่ว่าไปที่ไหนละจะซอกแซกนะเรา ไม่มีใครเกินละเรื่องซอกแซก ถ้าเป็นวัดป่า โอ๋ย เอาจริง ๆ นะ แต่อย่างวัดบ้านธรรมดานี้ก็ไม่ค่อยเท่าไร ไม่ค่อยไปละถ้าเป็นวัดบ้าน ถ้าเป็นวัดป่านี้เราซอกแซกทุกซอกทุกมุมไปเลย ดูหมดเลย ดูเรื่องของพระ ผลงานหรืองานที่แสดงออกเหล่านี้ออกจากพระ ดูอันนั้นไม่ต้องมาดูหัวใจพระก็ได้ ดูนี้อ่านข้างนอกอ่านทั้งข้างใน สถานที่ใดไปถ้าเป็นพระนักภาวนาเข้าไปปั๊บมองเห็นรู้ทันทีเลย ข้างนอกไม่ได้ถือสำคัญยิ่งกว่าบริเวณที่ท่านอยู่เป็นยังไง ๆ ทางจงกรม สำคัญตรงนั้น จะเข้าดูทางจงกรมก่อนอื่น

เพราะฉะนั้นจึงได้ดุได้ด่าพระเณร มันอดไม่ไหวบางทีก็โวกวากเอาบ้างซิ คือมองไปไหนมันบอกผลงาน ๆ แห่งความเลว แห่งความเซ่อซ่าไม่เอาไหน ๆ ของสติของปัญญา มันบอกอยู่ทุกแง่ทุกมุม ไม่ต้องไปหาดูตับพระ ไหนให้ผมดูตับหน่อยไม่ต้องก็ได้ ดูเท่านั้นก็รู้แล้วจะว่าไง ไปที่ไหน ๆ มันอ่านกิริยาอาการเหล่านี้ที่แสดงออก ออกจากหัวใจ ๆ ดูนั้นปั๊บเข้าใจทันที ๆ ความรอบคอบไม่รอบคอบ ความละเอียดลออชุ่ย ๆ ชี่ ๆ มันจะบอกในตัวของมันหมดเลย เป็นอย่างนั้นนะ

จึงได้พูดเสมออย่างกุฏิเรานี้ไม่ให้เข้าไปยุ่งนะ คือมันขวางตาทันทีเลย เราเข้าไป องค์ไหนที่เข้าไปจัดทำข้อวัตรนี้ อย่างมากไม่เลย ๒ องค์ สำหรับกุฏิเราที่ไปเกี่ยวข้องกับเรา มีเท่านั้น ก็มีผู้ไปจัดยาให้ตอนเช้าตอนเย็น นี่อันหนึ่ง มีผู้ไปคอยเช็ดอะไร ๆ ตอนเราไม่อยู่ สององค์เท่านั้นไม่ให้มาก พอดูได้ดูกันไป นอกนั้นไม่ให้เข้าไปยุ่ง ไปก็ขวางทันทีเลย ขวางทันที ๆ จนกระทั่งถึงได้ออกอุทานในใจ โอ๋ย  นี่มาภาวนายังไง สติสตังไม่มีเลย ปัญญาความแยบคายอะไรเหล่านี้ไม่มีประจำเลย ไม่มีแฝงเลย มีแต่ความเซ่อ ๆ ซ่า ๆ และไม่เอาไหน บอกตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเราถึงไม่ให้เข้าไปกุฏิเรา มันบอกตลอด แพล็บปั๊บรู้แล้ว นอกจากไม่พูดเฉย ๆ ถ้าหากธรรมดาก็ขังไว้แล้วในนี้ เผาในนี้ แต่เรามันไม่เผา ถึงทราบเรื่องพระเรื่องเณรผู้เกี่ยวข้องเรา เพราะอยู่ในวงของการแนะนำสั่งสอนรับผิดชอบของเรา เราต้องดูทุกอย่าง

อย่างไปข้างในนี้เหมือนกันเราไม่ได้ไปคุยกับใครนะ เราไปเรื่องของเรา ส่วนมากดูสัตว์สงสารสัตว์มากนะ ตาจึงจ้องแต่สัตว์ ไปที่ไหน สงสาร ยั้วเยี้ย ๆ ไปกองอยู่นั้นหมด เมื่อวานเห็นใครอาบน้ำให้ไอ้หมีอยู่ เราว่าจะเอาค้อนปาเข้าไปตรงนั้น เมื่อวานนี้นะเราเดินเข้าไปนั้น เดินออกมานี้เห็นกำลังอาบน้ำให้ไอ้หมี ไอ้หยองเป็นตัวเห่า มันคงจะอิจฉากัน คนหนึ่งอาบน้ำให้ไอ้หมี ไอ้หมีก็ โถ เฉย ผึ่งใหญ่นะ ท่าใหญ่นะไอ้หมี พอเขาอาบน้ำให้ ได้บ๋อยมาจากไหนไม่รู้มาอาบน้ำให้เมื่อวานนี้ ไอ้หมีก็ผึ่งผายใหญ่ ทีนี้ไอ้หยองก็เห่า คงอิจฉากัน ทำไมเราไม่เห็นอาบให้จะว่างั้น

เราเดินดู โถ ไอ้หมีทำไมมึงมาอาบน้ำอยู่นี่ มันถึงแอบเข้ามาเรื่อย เราเดินจงกรมนั้นมันเข้าไปเรื่อยนะไอ้หมีน่ะ มันเดินไปนั้นท่าใหญ่เสียด้วย เดินจงกรมนี้ไม่สนใจกับเรานะ เดินฉากเราเท่านั้นแหละ ไปที่อื่นไม่ไป ฉากเรา มันหยอกเล่นลึก ๆ ของมัน ท่าของมันเอง มึงฉากมาอะไรไอ้หมี จับหลังตีปุ๊บเฉยเลยนะไปเลย ไม่ได้สนใจไม่มองดูเราเลย โห มึงท่าใหญ่จริง ๆ หมาตัวนี้นิสัยอย่างนั้น แต่เวลาจะถูกตีนี้หมอบนะ เวลาถูกตีหมอบ ไม่แง่ ๆ ง่า ๆ แฮ่ ๆ ฮ่า ๆ ใส่เจ้าของนะ ตีนี้หมอบตลอดเลย เอาละตีป่านนั้น แสดงว่าเขายอมแล้วเราบอกพระให้หยุดตีเขา ตีแล้วหมอบเลย บอกว่าเขายอมแล้ว เขาเห็นโทษแล้ว ปล่อย

ไอ้ผู้ตีมันก็แบบเซ่อ ๆ ซ่า ๆ นะ ตีไม่ได้ตีด้วยสติปัญญานี่นะ นี่ดูทุกอย่างก็ยังบอกแล้ว ไม่ใช่คุยนะ นอกจากไม่พูดเฉย ๆ  ตั้งแต่ตีหมาก็รู้ ตีฉลาดหรือตีโง่ จึงบอกว่านี่เขาลงแล้วเขายอมแล้วให้หยุด เขาหมอบเลย ตีลงไปเท่าไรเขายิ่งหมอบลง ทางนี้ยังกระหน่ำลงไป เราอยากจะกระหน่ำพระอีกทีหนึ่งนะ มันตียังไงตีหมา เราฟาดพระอีกทีหนึ่งพอดีกัน เหมาะกันนะ ใครจะเก่งกว่าเราอีก เอา มาตีหลังเรา เรายอมให้ตีเลย เราฟาดพระ พระฟาดหมา เข้าใจไหม หมาหมอบ พระยังไม่ยอมยังตีอยู่เรื่อย บอกให้หยุด ถ้าเป็นธรรมดาก็ตีพระ ถ้าว่าใครฉลาดกว่าเราให้ตีหลังเราอีกก็ได้ เรายอมให้ตีเลย เราหาเหตุผลนี่นะเราไม่ได้หาอะไร หาเหตุผลทั้งนั้น

เรื่องกิเลสเรื่องมานะทิฐิหรืออะไร เย่อหยิ่งหรือถือว่าเราใหญ่กว่าเพื่อนเราไม่มี มีแต่ธรรมล้วน ๆ ออกตลอดเวลา เราไม่ได้มีความรู้สึกว่าเราอยู่ที่นี่เราเป็นหัวหน้า เราเป็นผู้ใหญ่กว่าเพื่อน เราไม่เคยมี มีแต่ธรรมล้วน ๆ ครอบอยู่ตลอดทั้งวัดเลย ไปที่ไหนควรว่ายังไงว่าไปเลยตามธรรม ๆ ไปอย่างนั้น จึงว่าอกจะแตกอยู่กับพระนี่น่ะ โห ความเซ่อซ่า จนคิดว่ามาแก้กิเลสแก้ยังไง ไม่เอาสติปัญญาแก้ แก้อะไร นอกจากสติปัญญาหนุนด้วยความเพียรแล้วไม่มีทาง นั่นมันบอกอยู่ในนั้นเสร็จเลย ทำอะไรลงไปนี้สติปัญญาไม่ค่อยมีและไม่มี สักแต่ทำไป ๆ อย่างนั้น นี่ซิมันไม่ได้ใช้ความคิดความอ่านอะไรเลย

อะไรจะฉลาดแหลมคมยิ่งกว่ากิเลส ให้ขึ้นเวทีฟัดกันเสียก่อนถึงได้รู้ความฉลาดแหลมคมของมัน ไม่มีอะไรเหนือธรรม ถ้าลงธรรมจับเข้าไปแล้วจับได้เป็นระยะ ๆ ฆ่าได้ไปเรื่อย ๆ ถ้าหากไม่มีธรรมแล้วหมอบเลยละ กิเลสตีเอาหมอบ ๆ เลย ไปที่ไหนไม่ได้ไปเฉย ๆ ยังบอกแล้ว ไปมีเหตุมีผลทุกอย่าง ไม่ได้ไปแบบ พูดไม่ใช่คุยนะ ไม่ได้แบบเซ่อ ๆ ซ่า ๆ เพราะฉะนั้นเวลาเข้าไปใครจึงมายุ่งไม่ได้ ไม่ให้ใครมายุ่งนะ เดินไปธรรมดาเฉยไปเลย ดูนั้นดูนี้อะไรควรจะแนะก็แนะ ควรจะเตือนก็เตือน อันไหนที่ควรเตือน –เตือนไปเรื่อย ๆ ที่เห็นไม่เหมาะสมตรงไหนก็เตือนไป ๆ ส่วนมากจะดูสัตว์ ออกจากนั้นก็จ้องสัตว์ละที่นี่ เพราะสัตว์มันยั้วเยี้ยเต็มอยู่ในนั้น ไปกองอยู่ในนั้น พวกไก่

เราก็ว่าที่นี่มาก เข้าไปที่นั่นสู้ทางนั้นไม่ได้เลยนะ มากจริง ๆ ดูสัตว์ ถ้าธรรมดาแล้วนะ เวลาเข้าไปเราจะเอาหนังสะติ๊กไปพร้อม ตัวไหนมันทะลึ่ง เอาหนังสะติ๊กฟาดมันหลงทิศไปซี แต่นี้เราไม่ทำเขาจะว่าหลวงตานี้เป็นบ้าไป เราไม่ได้เป็นบ้า เราฝึกสัตว์ไม่ให้รังแกกัน เราเดินจงกรมอยู่นี้สัตว์มารังแกกันไม่ได้ ตัวไหนไล่ตีขนาบตัวนั้นเลย หลงทิศไปเลย เอาอย่างนั้นละ กระรอกกระแตเหล่านี้มาไล่กัดกันกับเรานี้ไม่ได้นะ บางทีไล่กัดกันตกมานี้ขนาบใหญ่ ไปคนละทิศเลย สูยังเก่งขนาดนี้เหรอ มันไล่อยู่ข้างบนมันไม่ได้กลัวเรา ไล่กัดกันแล้วตกลงมาต่อหน้าเรา ไล่ขนาบอีกตกคนละทิศไปเลย หยอกมันเท่านั้นละไม่ใช่อะไร เล่นกับมัน ทำท่าขู่อย่างนั้นอย่างนี้ ในใจไม่ได้เป็น มีแต่รักมีแต่เมตตาสัตว์นะ หยอกกับมันไปอย่างนั้น เดินจงกรมไปเห็นสัตว์ตัวไหนจ้อดู ดูทุกอย่างนะนั่น เดินไปเห็นสัตว์ เดินจงกรมก็เดินไปอย่างนั้นแหละ จ้องดู เป็นอย่างนั้นนะ เล่นกับกิ้งก่งกิ้งก่าไป จิตอยู่ในนั้นหลักใหญ่

พระเข้าไปเกี่ยวข้องกับเราอย่างมากก็เพียงสององค์เท่านั้น แล้วเวลาเราอยู่ไม่ให้ไปยุ่งด้วยนะ ต้องไปเวลาเราไม่อยู่ นอกจากจำเป็นจริง ๆ ตอนเช้าบางทีเราออกเช้าบ้างสายบ้าง พระก็ไปอะไรทำข้างนอก ทำเสร็จแล้วเราค่อยออกมาก็มี บางทีเราออกมาในระยะนั้นก็มี อันนี้เอาแน่ไม่ได้ พระก็ทำของท่านเฉพาะ ๆ แล้วก็เงียบ ไปเลย ๆ ไม่ให้มายุ่งกับเรานะ เราไม่ชอบยุ่งอะไรทั้งนั้น

อยู่กุฏิก็ไม่มีใครยุ่งอะไรกับเราได้นะ ไปไหนไม่ยุ่งได้นะ ไม่ให้ยุ่ง เราไม่ชอบยุ่งกับอะไรกับใครทั้งนั้น อารมณ์อันเดียวเท่านั้นไม่ยุ่งกับอะไรเลย พูดให้มันเต็มยศก็คือ โลกอันนี้มันว่างไปหมดแล้วจะให้อะไรมายุ่ง อะไรมาผ่าน ถ้าพูดภาษาโลกเขาเรียกรำคาญ นั่นละธรรมเป็นอย่างนั้น ไม่คุ้นกับใคร เป็นกิริยาแบบโลกก็ตามแต่อันหนึ่งไม่ใช่ แน่ะ มันเป็นอย่างนั้น ที่จะใช้แบบโลกก็มี แต่เรื่องธรรมชาตินั้น เรียกว่าไม่เคลื่อนไหวจากหลักความจริงที่ตายตัว ๆ เลย เป็นหลักธรรมชาติของมัน มีการเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นอย่างนี้ไม่มี กฎ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา เข้าไปยุ่งไม่ได้เลย จึงเรียกว่านอกสมมุติซิ สมมุติก็ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ครอบไว้หมด เรียกว่าสมมุติ ส่วนหยาบ ส่วนกลาง ส่วนละเอียด อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา จะครอบไปหมดเลย ธรรมชาตินั้นไม่มีทาง นั่นละที่ว่านิพพานเที่ยง อะไรเที่ยง หัวใจเที่ยงเท่านั้นไม่ถามหานิพพาน ถามหาทำไม

เราอยากจะให้ผู้บำเพ็ญภาวนาได้ดูหัวใจบ้างมันเป็นยังไง เราพูดให้ฟังหมดนะ พูดนี่เพื่อเป็นคติเตือนใจแก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา ถึงขนาดที่ว่านั่งน้ำตาร่วงอยู่บนภูเขา สู้กิเลสไม่ได้ เราก็เอามาเล่าให้ฟัง เล่าหาอะไร นี่เวลามันโง่มันอ่อน กิเลสกำลังมากมันเป็นอย่างนี้ ตั้งสติไม่อยู่เลย ถึงขนาดงงตัวเอง หือ มันมาทำความเพียงยังไง มันทำความเพียรอะไร ตั้งพับล้มพร้อมเลยนะ ไม่ได้ตั้งเพื่ออยู่นะสติ นี่เวลากิเลสมันเชี่ยวมันเชี่ยวขนาดนั้น เชี่ยวจัดจริง ๆ ถึงขนาดตั้งสติพับล้มพร้อมเลย ตั้งท่าอยู่บนภูเขานะ สุดท้ายก็น้ำตาร่วง ทีนี้ถึงกูถึงมึงนะ โถ ลืมเมื่อไร ไม่ลืมนะ สด ๆ ร้อน ๆ โถ มึงเอากูขนาดนี้เทียวเหรอ ถึงขนาดนั้นนะ น้ำตาร่วงบนภูเขา โถ มึงเอากูขนาดนี้เทียวเหรอ

เอาละ ว่างั้นนะ บทตัดสินกัน ยังไงมึงต้องพังวันหนึ่ง ให้กูถอยกูไม่ถอย แล้วก็ไปหาครูบาอาจารย์ละ ไปฝึกซ้อมมาใหม่ พ่อแม่ครูจารย์มั่นนี่เป็นโรงงานใหญ่ สู้กิเลสไม่ได้กลับมามาฝึกซ้อมแล้วไปอีก ฟัดอีกหงายหมามาอีก โอ๋ย หงายหมาไม่ทราบว่ากี่หงายนะ แล้วต่อไปก็ค่อยหงายแมวขึ้น มีตบได้บ้างนะ ถึงล้มทั้งหงายก็ตบได้ นั่นเห็นไหมฝึกเข้า ๆ จากนั้นก็ซัดกัน พอได้ที่ก็ซัดใหญ่เลย ต้องขออภัยจนขนาดก้นแตก นี่ละความมุมานะ ความเคียดแค้นให้กิเลสนี้เป็นธรรมล้วน ๆ เลย

เราอย่าเข้าใจว่าความโกรธความเคียดแค้นนี้จะเป็นกิเลสทั่ว ๆ ไป ไม่ได้เป็น ต้องแยกออกมาจากภาคปฏิบัติของตัวเองถึงรู้นะ เราจะไปหาดูในคัมภีร์ไม่เห็น เราก็เรียนเหมือนกัน ที่ว่าความโกรธเป็นกิเลส ความโลภเป็นกิเลส อะไร ๆ เป็นกิเลสไปหมดเลย แต่เวลามาปฏิบัติขึ้นเวทีมันแยกแยะกันเอง ความโกรธให้กิเลสนี้โกรธเท่าไร เรื่องความพากความเพียร ความมุมานะนี้ยิ่งแข็งแกร่งเทียว เป็นอย่างนั้นนะ โกรธเท่าไรความเพียรยิ่งหนัก แล้วฟาดกิเลสให้เห็นต่อหน้าต่อตา ความโกรธประเภทนี้เป็นความโกรธเป็นธรรม ปราบกิเลสได้ นั่นเป็นอย่างนั้นนะ ความโกรธเหล่านั้นเป็นความโกรธของกิเลสปราบสัตวโลก มันเห็นชัด ๆ อย่างนั้น จึงได้แยกเป็นสองประเภท

ความโลภ โลภอยากได้คุณงามความดีนี้ก็เป็นธรรมไปหมดเสีย ความโกรธ โกรธให้ตัวเองก็เป็นคุณงามความดีไปเสีย แล้วถ้าพูดถึงราคะตัณหานี้ เวลามันเป็นกิเลสตัณหามันก็เป็น ครั้นเวลามันผ่านของมันไปแล้ว กิเลสตัณหานี้ก็มาแสดงเป็นเรื่องความเกี่ยวโยงมายังไงมันจะรู้ของมันเองจะว่าไง ไม่บอกใครมันก็รู้ในหัวใจของมัน มันเกี่ยวโยงกันมายังไงมากน้อยใกล้ไกลขนาดไหนมันรู้ของมัน ๆ ทีนี้ควรจะเป็นประโยชน์บ้างแย็บออกให้เป็นประโยชน์เสียเท่านั้น อันนี้ก็กลายเป็นคุณมาได้ แต่ไม่ไปเป็นโทษอย่างกิเลสตัณหาที่เคยเป็นมา มันเป็นคุณในหลักธรรมชาติของมันเอง

อันนี้ก็พูดให้ใครฟังยากเหมือนกัน มันเป็นคุณ คือเป็นบุญเป็นคุณต่อกัน มันระลึกในระหว่างขันธ์กับจิตที่มากับภพชาติต่าง ๆ มันเกี่ยวโยงกันมาระหว่างขันธ์กับจิต ๆ นี้ พิจารณาย้อนหลังตามอันนี้ ส่วนผ่านข้างหน้ามันผ่านของมันไปแล้วไม่มายุ่งละอันนั้น อันส่วนที่มันมีเกี่ยวโยงกันอยู่มันก็มี เราอย่าเข้าใจว่าไม่มีนะ มันมี เพราะฉะนั้นจึงไม่เป็นจำเป็นที่จะพูดอย่างนั้นนะ มันมีของมัน มันก็เลยกลับมาเป็นปุ๋ยเสีย

เรื่องกิเลสตัณหาที่เคยเป็นมาแต่ก่อน เวลาปราบมันลงได้แล้ว อันนั้นก็กลายมาเป็นปุ๋ย พิจารณาแยกแยะออกไป กระจายออกไปถึงสถานที่เป็นบุญเป็นคุณ ผู้เป็นบุญเป็นคุณยังไงบ้าง มันจะแยกของมันไปเอง ๆ ไม่มีใครบอกมันก็รู้ ถ้าลงได้เปิดหัวใจแล้วมันปิดไม่อยู่ยังบอกแล้ว เวลามันปิดแล้วเปิดไม่ออก มีแต่น้ำตาเปิดออกมาเรื่อยไหลเรื่อย โกรธแค้นให้มันเท่าไรมันก็ฟัดเราลง เวลาเราเปิดมันได้อย่างนั้นแล้ว เอาจนกระทั่งฟาดขาดสะบั้นไปเลย

นี่อำนาจของความโกรธ โกรธให้กิเลสโกรธเท่าไร ความพากความเพียรยิ่งหนักยิ่งแน่นนะ เป็นตายไม่ว่าเลย มึงเอากูขนาดนั้นทีนี้กูได้ที่แล้วกูซัดมึง นี่ซีมันเอากันตรงนี้ โหย สด ๆ ร้อน ๆ นะไม่ลืม ทั้งเรื่องสู้กิเลสไม่ได้น้ำตาร่วง ทั้งสู้กิเลสได้กิเลสยอม ยอมก็ยอมมึงเอากูขนาดนั้น มันจับมาเลย ถ้าเป็นช้างก็ขึ้นตระพองแล้วขอกระหน่ำลงเลย มันร้องโก้ก ๆ เท่าไร มึงร้องก็ร้องเถอะกูไม่ถอย ขอกูไม่หลุดมือ อย่างนั้นนะ มันเห็นทั้งโทษทั้งคุณเห็นมาโดยลำดับ แล้วจะนำมาพูดไม่ได้ยังไง มันเป็นอยู่ที่หัวใจนี่ การแยกแยะอย่างที่ว่านี่ อย่างแยกแยะที่ว่าความโกรธนี่ ความโกรธเป็นต้น ถือกันว่าความโกรธนี้เป็นกิเลสทั้งหมด แต่เวลาเข้าปฏิบัติแล้วความโกรธที่เป็นธรรมฆ่ากิเลสนี้ไม่ใช่กิเลส เป็นอย่างนั้นนะ เป็นธรรม ถ้าเป็นความโกรธ โกรธให้สัตว์ให้บุคคลใดก็ตามสิ่งใดก็ตาม เป็นกิเลสทั้งนั้น แต่ความโกรธ โกรธให้กิเลสของตัวเอง ซึ่งเป็นภัยต่อตัวเองนี้จะแก้มัน โกรธมากเท่าไรมันยิ่งหนักความเพียร แก้มากเข้าไป ๆ มันเห็นอย่างนั้น มันชัดอยู่อย่างนั้น

ให้เข้าภาคปฏิบัติมันถึงรู้ละเอียดลออนะ ภาคปริยัตินี้สาธุ เราก็เรียนมาเหมือนกัน เรียนได้แค่ความจำ ๆ ตำรับตำราท่านว่ายังไงก็เดินไปตามแถวตำรับตำรา จำไปตามนั้น ๆ ถ้าว่าไม้ก็ไม้ซุงทั้งท่อน กิ่งทั้งกิ่งไปเลยนะ ไม่ได้มีแขนง ถ้าพอภาคปฏิบัติจับเข้าไป ซุงทั้งท่อนแตกเป็นกิ่งเป็นก้าน กิ่งก้านแต่ละกิ่งละก้านนี้แตกแขนงออกไป ๆ นั่นภาคปฏิบัติ เพราะฉะนั้นจึงได้กล้าพูดว่า สมเด็จท่าน ไม่ระบุท่านแหละ ท่านก็รู้สึกว่าท่านเมตตาเรามากนะสมเด็จองค์นี้ สนิทกันมากแต่ไหนแต่ไรมา คิดดูอย่างที่พอไปหา นี่พัดเตรียมมาแล้ว ท่านจะเอาพัดให้เรา พัดพระครู จัดเตรียมมาเรียบร้อยแล้ว คือว่าถ้าถวายในสำนักพระราชวังเราไม่ไป เอาออกมาอีกจะให้เราอีก ท่านเตรียมออกมา นี่พัดเอามาแล้ว ไม่เอาเราว่างี้ เฉยอย่างนี้นะแบบเด็ดขาดด้วยนะ ทำไมไม่เอา เอาไปหาอะไรว่างี้ละ เฉย เพราะคุ้นกันบ้าง เคารพด้วยคุ้นด้วย อยากว่าอะไรก็ว่าซี

ท่านหาอุบาย คือทางวัดโพธิฯ(วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี) ประชุมคณะกรรมฐานพวกธรรมยุตจะมานิมนต์เราไป เราไม่เคยไปให้เลย ไม่ไป คราวนี้ก็มาประชุมภาคเลยเทียว ท่านเป็นเจ้าคณะภาค ประชุมภาคแล้วอยากได้อาจารย์มหาบัวมา เคยนิมนต์หลายครั้งแล้วท่านไม่เคยมา พอดีสมเด็จท่านมาประชุมคือเป็นประธาน เลยหาอุบาย โอ๊ย อุบายเก่งนะล่ะ เราก็เคารพเราก็รู้อุบายท่าน แต่เราก็เคารพ ไป วันนี้พาไปเยี่ยมอาจารย์มหาบัวหน่อย ท่านจะมาลากเราเอาออกไปประชุม ท่านมาจริง ๆ นะ ท่านมานี้คุยนั้นคุยนี้ พอพูดถึงเรื่องการประชุมบ้างอะไรบ้างเราก็นิ่งเฉย พูดไปพูดมา บทเวลาจะเอาท่านไม่ได้พูดประชุมนะ ไป ๆ วัดโพธิฯ ด้วยกันเถอะ ท่านว่าอย่างนั้นนะ ไปวัดโพธิฯ ด้วยกัน

จากนั้นท่านก็แย็บออกมา ถ้าเขามีการประชุมอะไรก็ได้ฟังด้วยกันท่านว่าอย่างนั้น ท่านไม่มานิมนต์เราจริง ๆ กลัวเราไม่ไป เราก็เลยไป นี่ละไป ไปถึงจุดนี้ล่ะซิ ถึงจุดความจำความจริงล่ะซี พูดถึงเรื่องความจำ ภาคปริยัติ ภาคศึกษาเล่าเรียนอะไร ๆ แล้วก็ปั๊บเข้ามาทันทีในจิต ทีนี้ออกเลยทันทีนะ ตอบรับกันทันทีอย่างขึงขังด้วยนะ ท่านไม่กล้า ถ้าลงกางเล็บแล้วท่านไม่กล้า

ความจำความจริงไม่ได้เหมือนกันนะขึ้นแล้วนะ รู้สึกคึกคักแล้ว ความจำกับความจริงนี้ผิดกันมากทีเดียว ความจำนี้เราจะเรียนคัมภีร์ไหนก็ตาม กี่คัมภีร์ก็ตาม เราจะเรียนจำได้เป็นทาง ๆ ตามคัมภีร์ที่ชี้บอกไว้เท่านั้น ไม่แตกแขนงออกไปไหนได้เลย ต้องเอาความจำเป็นบทตายตัว คัมภีร์ท่านบอกตรงไหนก็ต้องจำตามนั้นไปตามนั้น รู้ตามนั้นเห็นตามนั้นไปเท่านั้นเรื่องความจำ ไม่ได้พิสดารเหมือนความจริงนะ ความจริงไม่เป็นอย่างนั้น ความจริงทั้งหลายเหมือนเชื้อไฟ ธรรมเหมือนไฟ ไฟคือสติปัญญา

ถ้าเราพูดถึงเรื่องความซึมซาบของธรรมที่จะรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ เราจะพูดเรื่องปัญญานี้รู้สึกหยาบมากนะ ถ้าว่าญาณก็จะอาจเอื้อมไป ไม่อยากอาจเอื้อม แต่หลักความจริงก็คือความจริงนั่นแหละ ปัญญากับญาณนี่ต่างกันมากนะ ปัญญาถ้าเป็นมีดก็เหมือนว่ายำปั๊บ ๆ ถ้าเป็นญาณนี่ซึมไปเลย นั่นต่างกัน ท่านจึงเรียกว่าปัญญาญาณ เรายอมรับทันทีเลย มันเป็นในหัวใจไม่ยอมรับยังไง ทีนี้พอถึงนี้แล้วก็เรียนท่านเลย คือเรียนแบบคึกคักเลยนะ ท่านก็รู้ โอ้ นี่มันจะเอาจริงนะคงว่างั้น โห ถ้าลงเป็นอย่างนั้นมันไม่ถอยใครนะ มาซิว่างั้นเลย มันจะผางออกเลย ก็ความจริงมันเต็มหัวใจนี่นะ

เราก็พูดถึงเรื่องความจริง ความจริงกับความจำนี้ต่างกันมาก ไม่ได้เหมือนกันเลย เช่น ความจริงทั้งหลายที่มีทั่วแดนโลกธาตุนี้เท่ากับเชื้อไฟ ทีนี้ธรรมมีสติปัญญาธรรมเป็นต้น เราว่าอย่างนี้นะเราครอบเอาไว้เลย ญาณเราไม่พูด ญาณก็อยู่ในนั้นเอง เป็นต้น นี่ครอบเอาไว้แล้ว นี่เป็นเหมือนกับไฟ ความจริงมีอยู่ที่ไหน หยาบละเอียดขนาดไหน นั้นคือเชื้อไฟ ๆ ไฟคือธรรมนี้จะรู้จะเห็นจะลุกลามไป ลุกลามคือรู้คือเห็นไปตามความจริงนั้น จะแตกแขนงไปไหนมันจะตาม เชื้อไฟไปที่ไหนไฟจะตามไป คือความจริงไปที่ไหนความรู้อันนี้จะรู้ตาม ๆ กิ่งแตกแขนงไม่มีสิ้นสุด นี่ละความจริงจึงผิดกับความจำมาก

เราว่าอย่างนี้ละ ไม่พูดมากนะ ท่านนิ่งเลย ที่ประชุมนิ่งหมดเลย เพราะเราขึ้นมันขึ้นแบบคึกคักนี่นะ ถ้าใครมา-มาซิเวลานั้น ถ้าลงได้กางเล็บแล้วมาก็เปรี้ยงเลย ใครก็รู้ แล้วปากเปราะเสียด้วย กัดก็เร็วเสียด้วย แล้วเข้าไปสู่ในที่ประชุมคึกคักขึ้นอย่างนั้น ใครจะมาก็มาซิ เอาจริง ๆ มันไม่ได้มีกลัวอะไรในสามแดนโลกธาตุนี่พูดจริง ๆ นะ สามแดนโลกธาตุเป็นสมมุติทั้งหมด เหนือหมดแล้วนี่ ธรรมชาตินี้เหนือหมดแล้ว จะไปกล้าไปกลัวกับอะไร หลักความจริงเป็นอย่างนั้น เอาความจริงมานี่มันจ้าหมดแล้ว จะหยิบเอาตรงไหนก็ได้หมดความจริง ก็มันเต็มอยู่ในหัวใจนี้แล้ว

เพราะฉะนั้นถึงกราบเรียนท่านว่า เรื่องความจำความจริงนี้ไม่ได้เหมือนกันนะ ต่างกันมากทีเดียว เราว่าอย่างนี้ ท่านก็นิ่งเลยนะไม่ตอบ เราก็พูดเพียงเท่านั้น พอให้ท่านจับเงื่อนได้ว่า ความจริงกับความจำต่างกัน ความจริงคือสภาวธรรมอยู่ทั่วแดนโลกธาตุ เป็นเหมือนเชื้อไฟ ทีนี้ธรรมนั้นเป็นเหมือนกับไฟที่จะตามลุกตามรู้ตามเห็นสิ่งต่าง ๆ อันนี้จะตามไปหมดเลย เพราะฉะนั้นความจริงมีอยู่ที่ไหน จึงปิดบังลี้ลับญาณที่หยั่งทราบไม่ได้ นี่พระพุทธเจ้าทรงหยั่งทราบเรื่องโลกนี้หยั่งทราบอย่างนี้เอง ขอให้มีเชื้ออยู่นั้น ไฟจะเข้าทันที นอกจากไม่มีเชื้อ ไฟก็ไม่ไป ตรงไหนมีเชื้อ ไฟจะเข้าเชื้อ เชื้อหยาบจะเผากันหยาบ เชื้อละเอียดขนาดไหนจะเผากันละเอียด จนกระทั่งไม่มีเชื้อเหลืออยู่เลยไฟถึงจะดับ อันนี้ญาณหยั่งทราบ ความรู้หยั่งทราบตามหลักความจริงที่ออกจากหัวใจล้วน ๆ แล้วนี้ จะตามกันอย่างนั้นเอง

ไม่ว่าสภาวธรรม หยาบ กลาง ละเอียดขนาดไหน ธรรมที่ว่าไฟคือธรรมนี้จะลุกลามไป ตามรู้ตามเห็นไปหมดเลย นี่ละที่ว่า นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน พรหมโลก นิพพาน นี่คือความจริงมี พระพุทธเจ้าบอกว่ามี ญาณที่จะหยั่งทราบรับตามความจริง ยอมรับตามความจริงก็หยั่งทราบ ยอมรับกันไปเรื่อย ๆ เผาไหม้ไปเรื่อย ๆ รู้กันไปเรื่อยอย่างนั้น แล้วจะลบได้ยังไงพิจารณาซิ ใครจะไปลบนรกได้ ลบสวรรค์ได้ พวกเปรตพวกผีสัตว์ทั้งหลายซึ่งทำกรรมตลอดเวลาเสวยกรรมสืบทอดกันมาเรื่อย ๆ สิ้นกรรมนี้แล้วไปเสวยกรรมใหม่ ผู้นี้ทำอันนี้แทนกันมาเรื่อย ๆ ตลอดตั้งกัปตั้งกัลป์มา ผลัดเปลี่ยนเหมือนคนออกจากเรือนจำนั่นเอง คนนี้ออกมา เอ้า คนนั้นเข้าไปอยู่อย่างนั้น

อันนี้กรรมดีกรรมชั่วที่สัตว์ทั้งหลายทำ ใครทำดีผู้นั้นก็จะออกทางดี ทำชั่วก็จะออกทางชั่ว ปิดไม่ได้เลยอันนี้ ท่านจึงว่ากรรมเหนือมากทุกอย่าง เหนือมากกว่าทุกอย่าง นตฺถิ กมฺม สมํ พลํ ไม่มีอิทธิพลใดที่จะเหนืออำนาจแห่งกรรมดีกรรมชั่วไปได้เลยฟังซิ อันนี้เหนือทุกอย่างเลย ใครจะเก่งขนาดไหน เอ้า เก่ง ให้ทำไป อำนาจที่จะครอบความเก่งอันนี้คือกรรมนั่นเอง ผลของกรรมอยู่ข้างบน ทำลงไปเท่าไรคนนี้กวาดทีเดียวหมด เป็นอย่างนั้นนะ นี่ละพระพุทธเจ้าทรงหยั่งทราบ ๆ พระอรหันต์ทั้งหลายผู้เชี่ยวชาญท่านหยั่งทราบอย่างนั้น ไปปิดท่านได้ยังไง ก็ตาท่านมีแล้วจะปิดไม่ให้ท่านเห็นได้ยังไง ไอ้เราตาบอดจะไปปิดท่านผู้ตาดีได้ยังไง ฟังซิน่ะ

นี่ละธรรมศาสนามีมาอย่างนี้ ความจริงมีมาอย่างนี้ดั้งเดิม และยังจะเป็นความจริงตลอดไป คำว่าไฟคือธรรมก็จะลุกลามกันไปอย่างนี้ คือจะตามรู้ตามเห็นอย่างเดียวกันนี้แล้วมาสอนโลก พระพุทธเจ้าทั้งหลายตรัสรู้ธรรมขึ้นมาแล้ว นี้ละธรรมอันนี้จะดูความจริงทั้งหลาย รู้ความจริงทั้งหลาย เห็นแบบเดียวกันที่มีอยู่ ๆ มาสอนแบบเดียวกัน แล้วจะเคลื่อนไปที่ไหน ไม่มีทางจะเคลื่อนได้นะ มันเห็นประจักษ์ในหัวใจสามแดนโลกธาตุมาค้านไม่ได้หวั่นนะ มันจัง ๆ อยู่ในหัวใจจะไปยอมรับใคร ยิ่งกว่ารับความจริงเต็มหัวใจเจ้าของที่รู้อยู่เห็นอยู่เวลานี้ ก็มีเท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสรู้เพียงพระองค์เดียว สอนโลกได้สามแดนโลกธาตุ พระอรหันต์ตรัสรู้แต่ละองค์ท่านไปถามใคร ภูมิท่านมีเท่าไรท่านจะออกเต็มภูมิของท่าน คือท่านรู้จัง ๆ ในภูมิของท่าน ท่านจะออกจัง ๆ ตามภูมิของท่าน ภูมิของใครของเราก็ออกตามภูมิของตัวเอง ๆ ธรรมจึงว่าเลิศเลอที่สุด พูดเฉย ๆ พูดไม่ได้รู้ได้เห็นด้วยมันลำบาก ดีไม่ดีพวกนี้ เฉพาะอย่างยิ่งลูกศิษย์หลวงตาบัวนี้ละ อยู่ใต้ถุนศาลามันจะมาโจมตีครูบามันให้ขี้แตกไปเลยก็ได้

เวลานี้กำลังฉันจังหันแล้วใหม่ ๆ เสียด้วย มันคอยจะออกอยู่ด้วย ต้องระวัง มาปุบปับ เดี๋ยวขี้แตกอยู่นี้แตกกระจัดกระจายนะศาลา มันจะมาโจมตีน่ะ วันนี้พูดเพียงเท่านี้ก่อนนะ เดี๋ยวท่านฉันเสร็จแล้วท่านก็จะมาหาเรา พากันเข้าใจไหมล่ะที่เทศน์วันนี้น่ะ ให้ฟังเอานะ นี้ถอดออกมาจากหัวใจนะมาพูด ไม่ได้มาพูดแบบงู ๆ ปลา ๆ นะ เพราะฉะนั้นการพูดไม่ว่าพูดเรื่องดีเรื่องชั่วเรื่องเด็ดเรื่องอะไร ต้องเป็นความจริงล้วน ๆ ไม่สงสัย การพูดออกมาทุกคำทุกประโยค ถ้าเป็นเรื่องของเราแล้ว เอา ขึ้นเวทีเลย บอก นั่นฟังซิน่ะ

(อ่านจดหมายพระครูวิโรจน์ ญาณวิสุทธิ เจ้าอาวาสวัดห้วยเกษียณใหญ่ ถ้ำพุทธาจาโร ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๔ กราบเรียนเรื่องขอเมตตาสร้างตำหนักที่ประทับเพื่อใช้ทรงธรรม เนื้อที่ประมาณ ๓ ไร่ )

เกี่ยวกับเรื่องการเงินการทองมีงบอะไร ๆ ถวายท่านบ้างไหม (ไม่มีครับกระผม ถ้าเกล้ากระผมทำเองคงราวสัก ๑๐ ปีถึงจะเสร็จ) อันนี้ท่านพระครูวิโจรน์ท่านพูดว่าถ้าโดยลำพับท่านทำเองไม่เกี่ยวกับใครเลย ๑๐ ปีถึงจะสำเร็จ ถ้าท่านไม่ทำท่านตายก็ไม่สำเร็จ มันต้องอย่างนั้นซี มันต้องมีแก้เข้าไปใช่ไหม ถ้าต่างคนต่างช่วยเหลือกันแล้วยังไงต้องสำเร็จ อันนี้แผ่นดินไทยเราก็ถือพระมหากษัตริย์ นี้คือวงศ์มหากษัตริย์ร้อยเปอร์เซ็นต์โดยแท้ ที่มีพระทัยเสด็จออกไปเพื่อบำเพ็ญอรรถธรรม เพื่อเป็นเครื่องจูงใจพี่น้องชาวไทยทั้งหลายเป็นส่วนมากทั่วประเทศไทยเรา จึงถือว่าเป็นมงคลอันสูงสุดทีเดียว นอกจากเป็นมหามงคลต่อพระองค์ท่านแล้ว ยังเป็นมงคลแก่พี่น้องชาวไทยเราทั่ว ๆ ไป อันนี้หลวงตาจึงอนุโมทนาด้วย

ต่อไปนี้ใครจะมีศรัทธาจะบริจาคผ่านตรงไหนให้ปรึกษากันเสีย ให้ผ่านองค์พระรัตนตรัยนะ ตะกี้นี้ได้ทราบกันแล้วว่า พระสงฆ์ต้องเป็นพระสงฆ์องค์รัตนตรัย อันนี้ที่จะบริจาคเข้าไปต้องบริจาคเข้าในองค์รัตนตรัย อย่างอื่นเราไม่รับรองเหมือนกัน ศรัทธาทางโน้นเราบอกกันเงียบ ๆ ก็ได้นะ หลวงตาเป็นหัวหน้าบอกเลย เราชมเชยส่งเสริมที่สุดอยู่แล้วในหัวใจของเรา ยิ่งมีการแสดงออกมาด้วยน้ำใจพระกิริยาอาการต่าง ๆ นี้เรายิ่งพอใจใหญ่ จึงอนุโมทนากับท่านเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ถ้าขาดเหลือเท่าไรผมจะค่อยพิจารณาตามหลังนะ แต่จำนวนเท่านั้นเท่านี้ผมยังไม่พูดละนะ แต่อย่างไรต้องให้สำเร็จก่อน ๑๐ ปี ถ้าลงได้เริ่มแล้วต่างคนต่างศรัทธาแล้วต้องก่อน ๑๐ ปี เอาละอันนี้เป็นที่ลงใจกันนะ ต่างคนต่างพิจารณา หมดเท่าไรก็ถึงไหนถึงกัน ให้เป็นที่ระลึกไว้สำหรับทางปราจีนบุรี

ขอโอกาสครับผม ผมกราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงตาองค์เดียวเป็นผู้อุปถัมภ์ผมก็พอใจแล้ว เกล้ากระผมคิดอย่างนี้ครับ จะไปจุดตะเกียงดวงเล็กดวงน้อยทั่ว ๆ ไปนี่ ไม่ทราบว่าจะไปจุดกี่ร้อยกี่พันกี่หมื่นดวงจึงสว่าง อาศัยดวงอาทิตย์ดวงเดียวคือหลวงตาก็พอ

พระอาทิตย์ต้องมีเดือนด้วย นี่เดือน เข้ากันได้ เดือนกับพระอาทิตย์ไปด้วยกันแยกกันไม่ได้ เอาละเข้าใจ เริ่มได้เลยนะ เรื่องจตุปัจจัยไทยทานหมดมากเท่าไรก็บอกมา ๆ เราจะพิจารณาช่วยไปโดยลำดับนะ เป็นเรื่องของเราเองที่ได้ไปเห็นเรื่องราวต่าง ๆ ในวัดวาท่านเรียบร้อยแล้วกลับมาเป็นเรื่องของเราคิดขึ้นมา เข้าใจนะ ไม่เกี่ยวข้องกับใครเลย ใครจะมีศรัทธาไม่มีศรัทธาเป็นเรื่องอัธยาศัยของเขาเอง จะสร้างนั้นขึ้นให้เป็นที่ระลึกระหว่างท่านกับเราด้วย แล้วเรื่องใหญ่ก็คือเรื่องศาสนา กษัตริย์ออกแผ่เมตตานี่อันหนึ่ง ท่านจะพอพระทัยมากทีเดียว เราเอาน้ำพระทัยอีกอันหนึ่งนะ อันนี้เป็นเครื่องหมายแสดงเข้าไปถึงน้ำพระทัยท่าน

หลวงตาขาถ้าถามคำถามหลวงตา ผิดถูกอย่างไรหลวงตาเมตตาอย่าดุนะคะ

มันก็มีคำเดียวถ้าว่าอย่าดุก็อย่าถามเท่านั้นเอง ถ้าลงยังถามอยู่แล้วก็ต้องยังมีดุเข้าใจไหม เอ้าว่ามา

หลวงปู่ขาวบอกว่าเมื่อปี ๒๕๐๖ ถ้าหลวงปู่มั่นท่านมรณภาพไประยะหนึ่ง จะมีช้างเผือกเกิดขึ้น ๑ เชือกมีปาฏิหาริย์อยู่บนอากาศ ให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชา ช้างเผือกตัวนั้นได้เกิดขึ้นหรือยังคะ

ช้างเผือกตัวไหน ช้างเผือกหมาขี้เรื้อนตัวนี้เหรอ อย่าเอามานะ เราไม่อยากเป็นทั้งช้างเผือก ไม่อยากเป็นทั้งหมาขี้เรื้อน ทั้งสองอย่างเราไม่อยากเป็น เราเป็นเฉพาะหลวงตาบัวพอแล้วเข้าใจไหม เอาละแก้ตกแล้ว

อีกข้อหนึ่งค่ะ การสร้างพระบรมธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุหลวงตาเคยบอกพระที่สวนแสงธรรมว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ดีที่สุดจริงไหมคะ

ถ้าเข้าใจแล้วก็ไม่ควรมาถาม ก็มีเท่านั้น  นั่นละเรารู้แล้วว่าจะเอาอะไรมาอ้างเรา ๆ รู้แล้วเราตัดก่อนแล้วเข้าใจไหมล่ะ นั่นเห็นไหมล่ะเพราะนั้นแย็บทางนี้รู้แล้วตัดไว้แล้วขนาดนั้นมันยังโผล่เข้ามาอีกตีเลย  เข้าใจหรือเปล่าล่ะ เราไม่ได้สอนให้พระเป็นบ้านี่นะ สร้างเจดีย์หมายถึงศาสนชนที่เขาสร้างที่ไหนเขาก็สร้างได้ เราจะไปตำหนิยังไงว่าสร้างเจดีย์พระพุทธเจ้าเป็นของเลวทรามที่สุดไม่เคยมีที่ไหน ๆ เราจะอุตริพูดได้ยังไง ก็ต้องบอกว่าดีซิ แต่พระโกโรโกโสไปหากวนบ้านกวนเมืองมาสร้างนั้นสร้างนี้เราไม่เห็นด้วย เพราะพระพวกนี้พระหมาขี้เรื้อนเข้าใจไหม ถ้าหลวงตาบัวเป็นก็หมาขี้เรื้อน นี่กำลังศาลาจะขึ้นจะเตรียมเป็นหมาขี้เรื้อน พอดีลูกศิษย์เขามารับรองไว้เสียก่อน เขามาขอสร้าง หลวงตาบัวเลยไม่เป็นหมาขี้เรื้อน เป็นหมามีขนด่าง ๆ ดาว ๆ ไปอย่างงั้นแหละ เอาละพอ

บุญประทายข้าวเปลือกเช้าวันที่ ๑๑ กุมภาฯ ๔๔ ทองคำได้ ๔ กิโล ๔๖ บาท ๒๐ สตางค์ ดอลลาร์ได้  ,๗๘๗ ดอลล์ เงินสดได้ ๘๖๕,๓๑๓ บาทตอนเช้าเมื่อวานนี้นะ

พระองค์เมื่อกี้ฉลาดจัง

เออ ฉลาด พระครูวิโรจน์ เราเคยไปเยี่ยมวัดท่านแล้ว ที่เราแอบ ๆ ไปนะไปวัดนั้น ไปนี่ปั๊บก็เข้าห้องพระบรรทมดูหมดสถานที่ทุกอย่าง ทุกแห่งจนกระทั่งทางจงกรมหมดแล้วจึงได้บอกว่าให้ทูลท่านนะบอกว่า ท่านพ่อท่านเข้ามาดูหมดแล้วนะ บอกให้พระครูวิโรจน์นี้บอก จากนั้นก็ออกไปดูสถานที่ เราจึงอนุโมทนาด้วยที่จะสร้าง ที่เฉพาะให้ท่าน คือที่นี่มันเป็นที่ชุมนุมชน ชุมนุมพระ เวลาท่านออกมาทรงจงกรมอะไรนี้ไม่สะดวก กลางค่ำกลางคืนเวลาไหน ตำรวจอะไรห้อมล้อมอยู่เต็มไปหมด มิหนำซ้ำยังมีประชาชนพระเณรผ่านไปมาเพราะอยู่ในท่ามกลางวัด ไม่เหมาะ ท่านเลยนิมนต์เราไปดู

ท่านว่าท่านจะสร้างที่พักให้ใหม่ อยากให้เราไปดูเราก็เลยไปดู ออกจากนี้ก็มีสระน้ำกั้นอยู่ตรงกลางนี้อ้อมไปอยู่ทางฟากสระน้ำทางนู้น ไปดูแล้วดูเหมาะสมดี อากาศก็ดี เป็นเอกเทศด้วย สถานที่พักพื้นที่ก็เหมาะสมเราดูแล้ว เอาละผมเห็นด้วย เราว่างั้นเราก็มา เพราะฉะนั้นถึงได้ติดตามนั้นมา เราก็อนุโมทนาด้วยตามที่ได้กล่าวไว้แล้วเบื้องต้น เพราะฉะนั้นเราจึงจะเข้าไปดูแล เวลาท่านสร้างอะไร ๆ นี้ขาดเหลืออะไรเราก็จะค่อยดูแลเรื่อย ๆ ไปอย่างนี้ ก็มีเท่านั้นแหละ ท่านฉลาดพอสมควรอยู่ ให้พร

 

เปิดดูข้อมูล วันต่อวัน ทันต่อเหตุการณ์ หลวงตาเทศน์ถึงเรื่องอะไร

www.luangta.com


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก