|
/body onLoad="MM_preloadImages('../images/link_2_6_a.gif')">
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" page="dhamma_online";
/SCRIPT LANGUAGE="javascript1.1" src="http://truehits1.gits.net.th/data/e0008481.js">
|
|
|
การทำความดีความชั่วมักจะแทรก |
|
วันที่ 25 ตุลาคม 2545 เวลา 8:00 น.
สถานที่ : วัดป่าบ้านตาด |
| | ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :
| |
ค้นหา :
การทำความดีความชั่วมักจะแทรก
เมื่อวานนี้กฐินทองคำได้ ๑,๖๓๕ กอง กฐินเงินสดได้ ๒,๒๕๔ กอง รวมเป็น ๓,๓๘๙ กอง รวมทองคำทั้งหมดได้ ๕,๒๘๔ กิโลครึ่ง(ไม่รวมกฐินทองคำ) กฐินทองคำ ๘๔,๐๐๐ กองนั้น กฐินทองคำได้ ๘,๑๑๙ กอง เท่ากับน้ำหนัก ๓๐ กิโล ๕๗ บาท ๑ สลึง กฐินเงินสดและเช็คได้ ๒๓,๑๙๑ กอง เท่ากับเงินสด ๓๗,๑๐๕,๖๐๐ บาท รวมกฐินทองคำทั้งหมดได้ ๓๑,๓๑๐ กอง ยังขาดอยู่อีก ๕๒,๖๙๐ กอง
วันที่ ๑๐ ธันวา นี้ก็จะมีงานธนาคารชาติเราครบรอบ ๖๐ ปี ที่ก่อตั้งธนาคารขึ้นมา ทองคำที่กล่าวเหล่านี้จะรวมไปมอบในวันนั้น อย่างน้อยให้ได้ ๕๐๐ กิโล นี่ได้ประกาศแล้ว ส่วนดอลลาร์นั้นเวลานี้มีอยู่ ๒ แสนกว่าก็จะมอบพร้อมกัน หากควรจะได้มากยิ่งกว่านั้น ถึงวันที่ ๑๐ ก็มอบด้วยกันหมดเลย
การขวนขวายหาทองคำเข้าสู่คลังหลวงนี้ซึ่งเรากำหนดไว้แล้วว่าให้ได้ ๑๐ ตัน เวลานี้ได้ ๕ ตันกว่าแล้ว ยังขาดอยู่ ๔ ตันกว่า ใน ๔ ตันกว่านี้เราจะขวนขวายอย่างนี้เรื่อยไปเป็นพัก ๆ เช่นงานนี้ก็เป็นงานขวนขวายเพื่อหาสมบัติทั้งหลายมีทองคำ เป็นต้น เข้าสู่คลังหลวงของเรา คราวนี้กะไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะได้มอบคลังหลวงในวันธนาคารชาติวันที่ ๑๐ ธันวา นี้ อย่างน้อย ๕๐๐ กิโล เพราะฉะนั้นจึงเร่งทั้งเรื่องทองคำ ทองคำกฐิน ได้เท่าไรแล้วก็รวมกันไปซื้อทองคำมากำหนดให้ได้ ๕๐๐ กิโล ถ้าไม่ได้เราต้องหมุนอีกให้ได้ ๕๐๐ กิโล เพราะอันนี้เรากำหนดตายตัวแล้ว ยังไงต้องให้ได้ ๕๐๐ กิโล มากกว่านั้นไม่เป็นไร นี่เป็นครั้ง ๆ ไป จากนี้แล้วก็เริ่มอีกเป็นระยะ ๆ
แต่การมอบทองคำนั้นเราได้ประกาศไว้แล้วว่ามอบครั้งละ ๕๐๐ กิโล พอได้ถึง ๕๐๐ แล้วมอบทีหนึ่ง ๆ จนกระทั่งได้ถึง ๑๐ ตันแล้วก็เป็นอันว่าประกาศเลิกรา ด้วยความสง่าราศีในคนไทยเราทั้งชาติเลย เราได้ทองคำเป็นเครื่องประดับชาติเราจากการช่วยชาติที่กำลังจะล่มจมเมื่อ ๓-๔ ปีผ่านมานี้นะ นี่เรารื้อฟื้นขึ้นมา ทองคำเรียกว่าได้ ๑๐ ตัน ดอลลาร์นั้นก็คงจะได้ถึง ๑๐ ล้านนะเรากะเอาไว้ เวลานี้ได้ ๗ ล้านเศษแล้ว กะว่าเมื่อทองคำถึง ๑๐ ตัน ดอลลาร์ก็แน่ใจว่าจะถึง ๑๐ ล้าน จากนั้นก็เลิกรา เพราะหลวงตาอ่อนมากแล้วเวลานี้ ออกมากเทียว
ในระยะ ๓-๔ วันมานี้บรรดาลูกศิษย์ลูกหามาจากที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย เข้ารวมจุดน้ำใจอันเดียวกันที่จะยกชาติไทยเราขึ้นจากหล่มลึก ต่างท่านต่างมาจากที่ต่าง ๆ มาเรื่อย โดยอาศัยที่ว่าจะตั้งกองกฐินขึ้นที่วัดป่าบ้านตาดนี้วันที่ ๒๖ แต่การที่จะมาถวายในวันเดียวกันนั้นสถานที่จะไม่พอ ตลอดถนนหนทางเข้าออกไม่อยากว่าไม่สะดวก มันจะเข้าไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นการที่พวกเราทั้งหลายได้ทยอย ๆ กันมาถวายอย่างนี้ เรียกว่าเหมาะสมแล้ว ถึงวันนั้นคนจะมาก เรียกว่ามากจริง ๆ วันนั้น เราทยอยมานี้ก็ค่อยแบ่งเบากันไป ๆ จึงว่าเหมาะสม ทองคำเรากับดอลลาร์ก็รู้สึกว่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เวลานี้กฐินเราก็ได้ ๕ หมื่นเศษ ๆ ถ้าเราได้ทองคำตามกำหนด ๘๔,๐๐๐ กองก็เท่ากับทองคำ ๘๔,๐๐๐ สลึงหรือ ๓๒๐ กิโล
เวลานี้ทองคำที่เราได้แล้ว ๕ ตันกับ ๒๘๔ กิโลครึ่ง ที่ ๒๘๔ กิโลครึ่งนี้กับจำนวนทองคำเราที่รวบรวมในงานกฐินนี้ บวกกันเข้าถ้าหากได้ทองคำ ๓๒๐ กิโล ตามกฐิน ๘๔,๐๐๐ กองระบุไว้แล้ว เราก็ได้ถึง ๕๐๐ กิโลกว่า ที่เราจะหลอม มันจวน ๖๐๐ นี่ละจะหลอมอันนี้แหละ ทีนี้เวลาหลอมเรียบร้อยแล้วมันเศษเหลือไปจาก ๕๐๐ กิโลเท่าไรเรามอบหมดเลย คือถ้าเหลือมันเป็นแท่ง ๆ คือแท่งหนึ่ง ๑๒ กิโลครึ่ง นี่ถ้ามันเหลือเป็นแท่ง ๆ นี้เหลือเท่าไรเราจะมอบเข้ากับ ๕๐๐ ไปเลย เว้นแต่ทองเรี่ยราดที่ยังไม่ได้หลอมเราก็เก็บไว้ก่อนเพื่อข้างหน้าอีก กรุณาทราบตามนี้ คราวนี้ยังไงก็จะต้องให้ได้ทอง ๕๐๐ กิโล เพราะฉะนั้นหลวงตาที่เป็นหัวหน้าจึงหมุนติ้ว ๆ ๆ ให้ทันกับเวลาจะให้ครบจำนวนที่กำหนดและออกประกาศไว้เรียบร้อยแล้ว เรียกว่าให้ได้ทอง ๕๐๐ กิโล มอบเข้าคลังหลวงเรา ในงานธนาคารชาติซึ่งจะมีขึ้นวันที่ ๑๐ ธันวา นี้ วันนั้นพระก็จะมากพระ ๖๐ กว่าองค์ เรานิมนต์กรรมฐานมาทั้งหมดเลยเข้าอยู่จุดนั้น แล้วประชาชนก็จะมาก เพราะเป็นธนาคารของชาติ คนจะมากมายก่ายกองแหละวันนั้น
ที่หลวงตาได้เข้าไปเกี่ยวข้องธนาคารชาตินี้ก็เพราะทางโน้นนิมนต์มา ถ้าพูดก็เรียกว่าให้ไปเป็นหัวหน้านั้นแหละ หากบอกเป็นคำสวยงามว่าเรามาเป็นเจ้าภาพ หรือหัวหน้าเจ้าภาพมันก็ถูกทั้งสองนั่นแหละ ทางโน้นก็พร้อมทุกอย่างแล้ว เราก็พูดให้ฟังอย่างชัดเจนเสีย เพราะการทำความดีนี้ความชั่วมักจะแทรกเข้ามา แทรกเข้ามาเสมอ นี่ก็อย่างคุณชายท่านมาตะกี้นี้ท่านนำเรื่องเข้ามา ถึงเรื่องมีการประชุมกันในธนาคารชาติ ตอนนั้นผู้ว่าการธนาคารชาติไม่อยู่สั่งให้ลูกน้องตั้งคณะกรรมการประชุม ทีนี้เวลาออกประชุมไปแล้วมีคำไม่เป็นมงคล คำเป็นภัยต่อชาติของเรา หรือจะเก็บออกไปจากที่นั่น มันคงจะมีตัวเสนียดอยู่ในนั้นด้วยแหละ
เอ้า พูดตรง ๆ นี้ภาษาธรรมต้องพูดอย่างนี้นะ ออกไปก็ไปหาเรื่องหาราวขึ้นไปแล้ว ว่าหลวงตาบัวนี้มารีดมาไถเอาเงินทางธนาคารชาติไปถวายพระที่มานิมนต์ในงานต่าง ๆ นั่นไปอย่างนั้นแล้วนะ บอกว่าหลวงตามหาบัวมารีดมาไถเอาเงินแล้ว ยังไม่ถึงไหนเลย เรื่องมันก็เกิดอย่างนี้แหละ พี่น้องทั้งหลายฟังซิน่ะ ดูหน้าหลวงตามหาบัวเสียก่อน เป็นหน้าหารีดหาไถแบบที่ว่านี้เหรอ ไม่มี มีแต่ไปกว้านเอามาเพื่อเข้าคลังหลวงใส่พุงของเราเองเท่านั้นเอง เรื่องมันก็ออกไปจนทางนี้ก็ได้เรียนผู้ว่าการ ผู้ว่าการก็ร้องโก้กเชียวนะ โอ๊ย.ไม่มี ๆ ทางนี้ที่จะไปรบกวนท่านอย่างนั้นไม่มี มันออกมายังไงจะสืบให้ทราบว่างั้นนะ เท่านั้นละ ทางนี้ก็ยืนยันไปแล้วว่า งานเหล่านี้เราได้ตกลงกันพอสมควรกับผู้ว่าการโดยเฉพาะนะ ไม่ได้เข้าในที่ประชุมแหละ มาปรึกษาหารือกัน เพราะเราเป็นเจ้าภาพทั้งสองฝ่าย ทางนี้ก็ฝ่ายศาสนา ทางนั้นฝ่ายชาติบ้านเมืองมาปรึกษาหารือกัน
งานนี้ไม่ใช่งานเล็กน้อย แล้วนิมนต์พระมาจำนวนตั้ง ๖๐ กว่าองค์ แล้วก็นิมนต์พระที่ท่านตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติศีลธรรมอยู่ในป่าในเขา ๆ ทั้งนั้น ซึ่งส่วนมากเราจะไม่เคยเห็นพระประเภทนี้ออกสู่กรุงเทพฯ จำนวนมากถึงขนาด ๖๐ กว่าองค์โดยไปในงานอย่างนี้เรายังไม่เคยเห็นมี นี่เราสั่งเองทีเดียวเป็นผู้นิมนต์พระมา กรรมฐานสายหลวงปู่มั่นเอาไปหมดเลย เพราะท่านเหล่านี้ได้เกี่ยวข้องช่วยเหลือมาตลอดเรื่องงานช่วยชาติ วัดนั้นมาวัดนี้มาหลั่งไหลกันมา มาทุกทิศทุกทาง คณะกรรมฐานของเราเอาใจใส่มากทีเดียว ได้มาตลอดเวลา อย่างเมื่อวานนี้ก็หลั่งไหลกันมาวัดนั้นวัดนี้ อำเภอนั้นอำเภอนี้ วัดไหนมาก็มีประชาชนตามหลังมา ๆ อย่างนี้ตลอดมาตั้งแต่เริ่มช่วยชาติมา
นี่ละเราจึงต้องนิมนต์ท่านมา ทีนี้เขาก็ไปปรึกษากันว่าการจะถวายพระถวายยังไง สมควรยังไงไม่สมควรยังไง นิมนต์ท่านมา ท่านไม่ได้มาทวงเอาแหละ แต่เป็นน้ำใจของเราที่มีแก่ใจไปนิมนต์ท่านมา ท่านก็มีแก่ใจมาให้เรา แล้วเราจะพิจารณายังไง ก็ปรึกษาหารือกันธรรมดา หลักใหญ่ก็คือว่าถ้าทางโน้นมีเท่าไรก็ให้ตามอัธยาศัย มีน้อยมีมากตามอัธยาศัย เมื่อขาดเหลือเท่าไรทางนี้จะออกให้เลย และถ้าสมมุติว่าทางโน้นไม่มีทางนี้จะยกช่วยหมดเลย นี่เป็นคำปรึกษาหารือกันว่าอย่างนี้ แต่เวลามันออกไปมันหาว่าหลวงตาเที่ยวบีบบี้ ฟังซิพี่น้องทั้งหลายฟังกันได้ไหม นี่เราพูดเป็นพัก ๆ อย่างนี้
พักหนึ่งมีเท่าไรก็ให้ถวายไปตามอัธยาศัย ขาดเหลือเท่าไรเราจะเพิ่มให้หมด แต่การนิมนต์พระเราเป็นคนแนะเอง ว่าไม่ควรให้น้อยกว่าองค์ละเท่านั้น ๆ นี่เรากำหนดเอาเงินทั้งหมดมาบวกแล้วเป็นเงินจำนวนนั้นเท่านั้นนะ ทีนี้เงินเหล่านี้ตามแต่อัธยาศัยของธนาคารจะได้มามากน้อย ไม่มีการบังคับกัน ให้เป็นตามอัธยาศัย เมื่อขาดเหลือเท่าไรเราจะเพิ่มให้ทั้งหมดเราว่า นอกจากนั้นถ้าไม่มีแล้วเราจะให้ทั้งหมดเลยร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นอันว่าเรียบร้อยกันออกมาไม่มีปัญหา พอออกไปนี้มันก็เป็นอย่างว่า หลวงตาไปเที่ยวรีดธนาคารแหลกหมด มันเป็นอย่างนั้น
นี่ฟังซิ จะทำความดีมันมีอย่างนี้แหละ แต่เราอย่าไปสนใจนะ คนชั่วเอาประมาณไม่ได้ ต้องเอาคนดีเป็นประมาณ คนดีจะปกครองบ้านเมือง ปกครองตัวเองต้องเราเป็นคนดีปกครองเรา ครอบครัวของเราเป็นครอบครัวที่ดี พ่อกับแม่ไม่ทะเลาะกัน ต่างคนต่างมีความรักความฝากเป็นฝากตาย ความซื่อสัตย์สุจริตต่อกันระหว่างพ่อกับแม่แล้วจะชุ่มเย็น พ่อกับแม่ก็ชุ่มเย็น ลูกเต้าหลานเหลนมองเห็นหน้าพ่อหน้าแม่มีความยิ้มแย้มแจ่มใสต่อกัน เพราะความเป็นคนดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย ลูกเต้าก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ไปโรงร่ำโรงเรียนรู้ภาษีภาษา ถ้าพ่อแม่ทะเลาะกันนี้ไปโรงเรียนตาเถ่อตามอง คิดแต่เรื่องของพ่อของแม่อยู่ในบ้าน เรียนหนังสือไม่เป็นท่า นั่น
เพราะฉะนั้นความเป็นคนดีไม่ว่าแต่เราก็ดี เรื่องสามีภรรยาดีด้วยกัน มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไม่รั่วไหลแตกซึมแล้วดีทั้งนั้น ๆ กระจายออกไปจากเรา ลูกเต้าของเรามาเรียนแบบฉบับเดิมจากพ่อจากแม่นี้แล้วก็ไปโรงร่ำโรงเรียน ครูอาจารย์ก็มีแต่ครูอาจารย์ที่ได้ศึกษาเล่าเรียนเป็นแบบพิมพ์ที่ดี เด็กก็เป็นเด็กดีขึ้นไปโดยลำดับ ๆ นี่แหละความดีมีประมาณ คนดีมีประมาณ แต่คนชั่วเหลวไหลโลเล เผาได้หมดคนชั่ว อย่าเอามาเป็นประมาณ มันจะว่าอะไร ๆ ก็ว่า เวลาเราจะพูดเพื่อเป็นคติเครื่องเตือนใจกันนี้เราก็พูดให้ฟังอย่างนี้ เราไม่ได้พูดเพื่อจะไปขยี้ขยำเขาอะไรนะ ธรรมไม่มีอย่างนั้น ดีบอกว่าดี ชั่วบอกว่าชั่ว แล้วใครจะยึดเอาหลักเกณฑ์อะไร ๆ จากการแนะนำสั่งสอนก็ให้ยึดไปปฏิบัติเอาเท่านั้นเอง
นี่ก็พูดเรื่องดีเรื่องชั่วมันมีมาดั้งเดิมตั้งกัปตั้งกัลป์จะแยกมันไปไหน ความชั่วมีอยู่ความดีมีอยู่ทั่วโลก ให้เราคัดเลือกหาสิ่งที่ดีงามมาเป็นประโยชน์แก่เรา เวลานี้เรากำลังที่จะขวนขวายหาสมบัติเงินทองข้าวของได้จากคนดีคนรักชาติ คนรักชาติคนเป็นนักเสียสละเป็นความสามัคคีกัน ล้วนแล้วตั้งแต่เป็นความดีที่จะหนุนชาติไทยของเราขึ้นสู่ความแน่นหนามั่นคง ทุกวันนี้ก็อาศัยพี่น้องชาวไทยเราซึ่งเป็นผู้รักชาติ เป็นผู้เสียสละเป็นผู้มีความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน นี้ขึ้นได้ไม่สงสัย ถ้าลงแตกแยกกันแล้วคนหนึ่งจะให้คนหนึ่งไม่ให้ นอกจากไม่ให้แล้วกีดกันไม่ให้ นี้คือเปรตคือผีคือยักษ์คือมารเป็นโทษมหันต์ทีเดียวไม่ใช่ธรรมดา ทำลายคนทั้งชาติให้ล่มจมได้ด้วย ๒-๓ ปากเท่านั้นแหละ ๒-๓ ปากนี้ลงไปนรกก็จะจมไปหมด แล้วจะไปเป่านรกอีกให้เป็นฟืนเป็นไฟไปอีก
เขาก็ร้อนอยู่พอแล้วไฟนรก สัตว์นรกก็เสวยกรรมพอแล้ว ไอ้พวกปากเปราะปากเหม็นปากทำลายนี้ก็ไปทำลายเมืองนรกอีก ก็กลัวนรกจะแตกเหมือนกันระวังให้ดีนะ แม้แต่มันทำลายผัวกับเมียทำลายปาก ทำลายกันเท่านี้ก็ไม่ได้ เช่น ผัวก็เป็นผัวตัวคึกตัวคะนอง ถ้าไปที่ไหนไม่ได้มองดูอะไร ๆ นะ มองดูแต่อีสาว เมียนั่งอยู่ข้างหลังนอนอยู่แนบข้างมันไม่มองนะ มันไปมองดูแต่อีสาว ๆ ครั้นกลับมาเมียมาว่าให้บ้าง โวกวากใส่เมีย นี่ทะเลาะกัน เข้าใจไหม ปากนี้ปากเสีย ดีไม่ดีผัวกับเมียแตกกัน แล้วเมียไปเป็นอย่างนั้นก็แบบเดียวกันอีก ปากเสียด้วยกัน อย่านำปากชนิดนี้ไปใช้ อย่านำกิริยานี้ไปใช้นอกจากสามีภรรยาของตนเท่านั้น ให้พากันปฏิบัติอย่างนี้
นี่ละศีลธรรมสอนให้เป็นคนดี ถ้าปฏิบัติตามนี้หากว่ายังไม่ดีแล้วให้มาหาหลวงตาบัว หลวงตาบัวจะพาไปฟ้องพระพุทธเจ้า ไปฟ้องว่ายังไง ไปฟ้องพระพุทธเจ้าว่าศีลธรรมแนะนำสั่งสอนโลก ให้มีความดิบความดีด้วยกันทั่วหน้าไม่เว้นแต่รายเดียว แต่เวลาข้าพระองค์นำธรรมนี้ไปสอนแล้วเขาไม่เป็นอย่างนั้น เขากลับเลวลงไป มันเป็นยังไงเอ้าว่าซิ ไปสอนเขาว่ายังไง ทีนี้เราก็จะยกนิทานนี้ขึ้นมา การ์ตูนเข้าใจไหม เอาคำสอนนั่นละมาปฏิบัติแบบการ์ตูน มันมีโรงอะไร เขาเรียก
โยม ศาลพระภูมิครับ
หลวงตา เออ ศาลพระภูมิอยู่ข้างบน แล้วมีสายระโยงระยางลงมาข้างล่างนี้ แล้วก็มีถังธูปจุดอยู่นี้ ตัวคนหนึ่งตัวสำคัญนั่นแหละ ตัวมันรับโอวาทจากหลวงปู่มา มาก็มาจุดธูปจุดเทียนอะไรอยู่ แล้วปู่อยู่ศาลพระภูมิ เห็นจุดธูปจุดเทียนกำลังยกมือไหว้อยู่ ทำอะไรหลาน ร้องลงมาจากศาลพระภูมิ ทำอะไรหลาน
หลาน: โอ๊ย.เป็นทุกข์มาก
ปู่: เป็นทุกข์เพราะอะไร
หลาน: เป็นทุกข์เพราะปฏิบัติตามปู่นั้นแหละ
ปู่: ปู่สอนยังไงถึงได้เป็นทุกข์มากอย่างนี้
หลาน: ปู่สอนว่าให้มีความปรารถนาน้อย
ปู่: แล้วเธอไปทำยังไงถึงได้มาเป็นทุกข์นี่
หลาน: ไปมีเมียน้อย
นี่ละเห็นไหม ปู่สอนให้ทำความปรารถนาน้อย มันก็ไปเอาเมียน้อยมา ให้ระวังให้ดีนะ แล้วหลวงปู่บัวสอนแล้วไปมีเมียน้อยมาไม่ได้นะ หลวงปู่ไล่ตีไม่ได้เหมือนปู่นั้นนะ ให้พากันจำ ถ้าปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าแล้วคำว่า อัปปิจฉตา มีความมักน้อยคือหมายความว่ามีผัวเดียวเมียเดียวเท่านั้น นี้เป็นศีลเป็นธรรม อยู่กันถึงวันตายไม่มีคำว่าเบื่อหน่ายอิ่มพอกัน นี่คือศีลธรรม ถ้าเป็นเหมือนไอ้คนนั้น ให้ทำความปรารถนาน้อยมันไปฟาดเอาเมียน้อยมา แหลกหมดใช่ไหม พากันจำเอานะ
นี่ละความดีไปที่ไหนไม่ครึไม่ล้าสมัย ขอให้เป็นคนดีเถอะ แม้แต่เด็กก็น่ารักน่าสงสาร เป็นผู้ใหญ่น่าเคารพกราบไหว้บูชา เป็นพระเจ้าพระสงฆ์ยิ่งเป็นที่บูชาใหญ่ ให้พากันจำเอาทุกคน วันนี้ก็อย่าให้พูดมากนักละ พอสมควรแล้ววันนี้นะ ต่อไปนี้จะให้ศีลให้พร ดีแล้วทางฝ่ายทหารเราก็มาช่วยบ้านช่วยเมือง เป็นหัวหน้าหัวตา วงราชการต่าง ๆ มาช่วยชาติบ้านเมืองเรา เหมาะสมอย่างมากทีเดียวนะ เอ้า ให้พร
อ่านธรรมะหลวงตาวันต่อวัน ได้ที่ www.luangta.or.th
|
** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก
ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์
และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์
|
|
|
|