ธรรมที่สอนไว้ไม่จากไป
วันที่ 20 กรกฎาคม. 2548 เวลา 8:15 น.
สถานที่ : ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

เมื่อเช้าวันที่ ๒๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘

ธรรมที่สอนไว้ไม่จากไป

        

         หลวงตาก็จะได้ลาพี่น้องทั้งหลายกลับอุดร กลับไปอุดรก็เหมือนอยู่ที่นี่ ไปอยู่ที่ไหนก็ทำประโยชน์ให้โลกเต็มสัดเต็มส่วน เต็มกำลังความสามารถตลอดมา พูดถึงเรื่องว่างเราไม่ได้ว่างละ อุ้มชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อยู่ตลอดเวลา เราอุ้มอยู่ตลอดนะ สำหรับเราเองเราไม่มีอะไรก็เคยเรียนให้ทราบแล้ว เราไม่มีอะไร ก็มีแต่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เท่านั้นละที่เราอุ้มอยู่เวลานี้ นี่ก็จะกลับไป พี่น้องทั้งหลายที่มานี้ได้ยินได้ฟังเสียงธรรม มาที่นี่เทศน์ทุกคืนๆ เลย ที่กุฏินั้นละเทศน์ทุกคืนเลย ตั้งใจเทศน์เป็นตุเป็นตะที่อยู่กุฏิ อยู่นี้สะเปะสะปะ มีถือไม้ด้วยอะไรด้วย เทศน์ไปตีไปเรื่อยๆ สะเปะสะปะ แต่อยู่ที่กุฏินี้เทศน์เป็นตุเป็นตะนะ

         นี่มาก็ได้ ๒๐ วันนี้แล้ว เทศน์ทุกคืนตลอดเลย ตอนเช้าไม่นับละ แล้วแต่จะพูดตอนเช้า แต่ตอนกลางคืนเทศน์จริงๆ ให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายได้เป็นข้อคิด ให้นำธรรมนี้เป็นข้อคิดนะ เป็นเครื่องปฏิบัติตัวเองในครอบครัวเหย้าเรือน-หน้าที่การงาน อย่าปล่อยธรรมนะ ถ้าปล่อยธรรมเหลวแหลกแหวกแนว กิเลสรุมเข้าๆ ให้พากันสนใจธรรมะมาก ตั้งแต่พื้นเพครอบครัวเหย้าเรือนของเราขึ้นไปถึงวงราชการงานเมือง จนกระทั่งสูงสุดคือวงรัฐบาล ถ้าปราศจากธรรมแล้วไม่เป็นท่าทั้งนั้นแหละ ธรรมเป็นเครื่องเชิดชู ธรรมเป็นเครื่องอุดหนุนโดยถ่ายเดียว ไม่มีคำว่าทำลาย แต่กิเลสมีแต่ทำลายโดยถ่ายเดียวของมัน

         ให้นำธรรมนี้ไปปฏิบัติ หน้าที่การงานอะไรถ้าคำนึงถึงธรรมอยู่เสมอจะไม่ค่อยผิดพลาด ถึงความโลภก็ไม่มาก ถูกธรรมะเหยียบเบรกห้ามล้อเอาไว้ ถ้าไม่มีเบรกห้ามล้อแล้วพุ่งเลยๆ ฉิบหายได้ชาติทั้งชาติ เพราะความโลภ ยิ่งความโลภของคนผู้มีอำนาจมากเท่าไรนั้นละตัวยักษ์ใหญ่ที่กินบ้านกินเมืองอยู่กับผู้มีอำนาจมาก ปกครองบ้านเมืองก็กลายเป็นยักษ์ใหญ่กินบ้านกินเมืองไปได้ถ้าไม่มีศีลธรรม ถ้ามีศีลธรรมท่านเหล่านี้แหละที่จะให้ความร่มเย็นแก่ชาติบ้านเมือง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ท่านเหล่านี้เองจะเป็นผู้คุ้มครองรักษาได้เป็นอย่างดี ไม่มีใครจะมีอำนาจบาตรหลวงมากยิ่งกว่าท่านผู้ปกครองบ้านเมือง ซึ่งเป็นส่วนใหญ่สูงสุด ปกครองบ้านเมืองให้ความร่มเย็น

         จึงขอให้มีธรรมนำไปปฏิบัติ ถ้าเป็นความรู้สึกของเราจริงๆ แล้ว ไม่ว่าวงการใหญ่เท่าไรยิ่งมีธรรมมากๆ นั้นละเหมาะที่สุดเลย นี้มันไม่เป็นอย่างนั้นซิ วงการใหญ่เท่าไรๆ ยิ่งมีแต่กิเลสมากๆ ธรรมะนี่เป็นตุ๊กตาเป็นเครื่องเล่นของเด็กไป ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย นี่ละมันเสีย คนเลยกลายเป็นไม่มีคุณค่าไป เพราะไม่มีธรรมเป็นเครื่องประดับตน ท่านทั้งหลายอยู่บ้านอยู่เรือน อยู่ที่ไหนก็ให้เป็นผู้ตั้งใจในศีลในธรรมนะ ธรรมไม่เคยพาใครให้เสียหายล่มจม แต่กิเลสนี้ตลอดเลย ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ทำความเสียหายได้ทั้งนั้น ให้พากันตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม

         นี่เราก็มาตั้งแต่วันที่ ๓๐ จนกระทั่งวันนี้เป็นวันที่ ๒๐ เราจะได้กลับไปเข้าพรรษา ไปก็ไม่มีเวลาว่างละเรา ยุ่งตลอดเลย พอเข้าพรรษานี่ก็เริ่มยุ่งตั้งแต่วันที่ ๒๑ ไปจนกระทั่งวันที่ ๒๔ วันราชการเขาว่างอยู่บ้าง สุดท้ายก็งานท่านอาจารย์เหรียญ ที่วัดอรัญบรรพต ครบ ๕๐ วัน เขานิมนต์เราไปเทศน์ที่นั่น วันที่ ๒๔ ตอนบ่ายสองโมง วันนั้นก็จะไปเทศน์ที่นั่น ไม่ค่อยมีเวลานะ จึงขอให้พี่น้องทั้งหลายตั้งใจในศีลในธรรม อย่าห่างเหินศีลธรรม ครูบาอาจารย์จากไปธรรมะที่สอนไว้ไม่จากไป ติดกับเราผู้ตั้งใจปฏิบัติ ไปที่ไหนจะมีครูมีอาจารย์ติดกับตัวเสมอ แล้วสวยงาม ชุ่มเย็นนะ

         การช่วยพี่น้องทั้งหลายก็ช่วยเต็มกำลัง เวลานี้กำลังเทศนาว่าการ ทีแรกก็ช่วยชาติเสียก่อน ช่วยชาติคือด้านวัตถุ ด้านวัตถุแล้วก็ด้านนามธรรม ได้แก่การแนะนำสั่งสอน ต่อมาเวลานี้ด้านวัตถุกับด้านนามธรรม นามธรรมรู้สึกจะไปกว้างขวางมากกว่าด้านวัตถุ เช่นอย่างวิทยุนี้ออกทั่วประเทศ ยังออกทั่วโลก (ทางอินเตอร์เน็ต) อีกด้วย เรียกว่าวิทยุ เสียงกระจายไปหมดออกทั่วไป นี่เรามีวิทยุยังดีนะ พอเทศน์ทางนี้ก็กระจายทั่วๆ กันไปหมด

         พระพุทธเจ้าเทศน์ท่านไม่มีวิทยุนะ ไม่เหมือนพวกเรา พระพุทธเจ้าไม่มีวิทยุ  แต่เทศน์เทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหมทั้งหลายกระจายทั่วไปหมด พระพุทธเจ้าไม่มีวิทยุ พวกเทพได้ผลมากทีเดียว ประชาชนพลเมืองก็ได้ผลมาก นี่เรามีทั้งวิทยุ มีอะไรทุกอย่าง แต่ไม่ทราบได้ผลหรือไม่ได้ผลเราก็ไม่ทราบนะ หรือตั้งวิทยุไว้ก็ฟังไปเจ้าของหลับไปเรื่อยๆ ก็ไม่ทราบนะ วิทยุเลยกลายเป็นเครื่องกล่อมไปเลยให้หลับๆ วันนี้นอนไม่ค่อยหลับเอาวิทยุมาฟังหน่อย พอเอาวิทยุมาฟังแล้วหลับครอกๆ นี่เป็นอย่างนั้นนะ วิทยุธรรมเลยกลายเป็นเครื่องกล่อมเราให้หลับไปเสีย

         ให้พากันตั้งใจนะ ธรรมเป็นธรรมแท้ อย่าชินนะ ธรรม-ธรรมแท้ กิเลสความชั่วเป็นความชั่วแท้ ทางชั่วให้ระวังให้ดี ทางดีให้ส่งเสริมให้ดีเหมือนกัน ปล่อยไม่ได้นะ เรื่องกิเลสนี้จะคอยฉวยโอกาสอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ทราบว่ามันมีโอกาสอะไร มันมีโอกาสตลอดเวลา ฉวยตลอดๆๆ พวกเราที่จะมาฉวยโอกาสจากกิเลสมาเป็นอรรถเป็นธรรมต่อจิตใจของเรานี้รู้สึกว่ามีน้อยมาก นอกจากท่านผู้ปฏิบัติธรรมจริงๆ แล้วนั่นละมีตลอด ท่านมีธรรม

         เช่นอย่างพระท่านอยู่ในป่าในเขา นี่ละเด่นมาก การเสาะแสวงหาความดีทั้งหลาย ธรรมตั้งแต่พื้นจนกระทั่งมรรคผลนิพพานคือท่านผู้ที่เสาะแสวงหาอยู่ในป่าในเขา เช่นพระกรรมฐาน ท่านเหล่านี้เวล่ำเวลาจะทุ่มลงความเพียรเพื่ออรรถเพื่อธรรม ทั้งนั้น ท่านไม่ยอมเสียไปในทางโลกทางสงสาร เหมือนอย่างเรามีแต่เป็นโลกล้วนๆ ธรรมไม่มีเลย ผิดกันนะ นั่นละท่านผู้ตักตวงเอามรรคผลนิพพาน ท่านอยู่เงียบๆ พูดถึงเรื่องความสุขเอาคนทั้งประเทศนี่ไปแข่งกับพระผู้ปฏิบัติในป่าในเขาดูซิ หงายทั้งหมดละคนทั้งประเทศ มีแต่ฟืนแต่ไฟเอาไปเผาท่าน ท่านไม่เล่นด้วยละซิ ท่านมีแต่ความสงบเย็น  สง่าผ่าเผยภายในจิตใจ สว่างจ้าครอบโลกธาตุจากใจของท่านที่ปฏิบัติธรรม

         นี่ละธรรมมีอยู่  ใครเสาะใครแสวงหาอยู่ที่ไหนๆ ได้ทั้งนั้น มีทั้งนั้น เป็นแต่ธรรมนี้ไม่เหมือนโลก โลกนี้กระโตกกระตาก อยากโม้อยากคุย อยากอวด แต่สำหรับธรรมท่านไม่นะ มีมากมีน้อยไม่รู้กัน ดังที่เคยพูดให้ฟังเช่นพระกรรมฐาน ในวงกรรมฐานในป่าในเขาเป็นสนามแห่งธรรม สนามแห่งมรรคผลนิพพานอยู่ที่นั่น เวลาคุยกันนี้คุยตั้งแต่เรื่องมรรคเรื่องผล มีสง่าราศี เวลาคุยกันนะ นี่พระท่านมาหากัน ท่านไม่มีเรื่องโลกเรื่องสงสารเรื่องฟืนเรื่องไฟไปเผากันนะ

         ทีนี้เวลาพูดออก องค์ไหนพูดออกแง่ใดมุมใดน่าปีติยินดี ปลื้มอกปลื้มใจ เพิ่มกำลังใจให้แก่กันและกันทั้งสองฝ่ายที่มาสนทนากัน นั่นละธรรม ท่านตักตวงเอาอย่างเงียบๆ นะ พระกรรมฐานท่านตักตวงเงียบๆ มรรคผลนิพพาน ไอ้พวกเราไม่ปฏิบัติก็เลยลบล้างมรรคผลนิพพานว่าไม่มี บุญไม่มี บาปไม่มี มรรคผลนิพพานก็ไม่มี พระพุทธเจ้านิพพานไปนานแล้วถึง ๒,๕๐๐ ปีนี้ มรรคผลนิพพานหมดๆ นี่มันให้กิเลสไปลบหมด ก็มันไม่ได้ปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพาน ปฏิบัติตามกิเลสตัณหามันก็เอาไฟเผาเอาๆ สิ่งที่มีในหัวใจมนุษย์เราก็มีแต่ฟืนแต่ไฟ มรรคผลนิพพานไม่มี เพราะไม่ปฏิบัติตามมรรคผลนิพพาน ถ้าตั้งใจปฏิบัติตามมรรคผลนิพพานแล้ว พระพุทธเจ้าแสดงไว้ อกาลิโก ว่าไง ตลอดเวลา ใครทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วตลอดไป ไม่เอนไม่เอียงนะ ให้พากันตั้งอกตั้งใจ

         นี่ก็จะได้ลาพี่น้องกลับละ ถึงเวลาแล้ว ให้พากันอยู่เป็นผาสุกร่มเย็น เท่านั้นละนะ ต่อจากนี้จะให้ศีลให้พร แล้วออกเดินทาง

         วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ทองคำที่ได้เมื่อเช้านี้ ๑๗ บาท ๙๙ สตางค์ ทองคำที่ได้หลังมอบเข้าคลังหลวงแล้วที่ยังไม่ได้หลอม ๒๑ กิโล ๑๒ บาท ๗๕ สตางค์ ที่หลอมแล้ว ๑๒๕ กิโล ๑๐ แท่ง ว่างั้นเถอะ รวมทองคำทั้งหมดเป็นทองคำประเภทน้ำไหลซึมเข้าคลังหลวง เวลานี้ได้ ๑๔๖ กิโล ๑๒ บาท ๗๕ สตางค์ นี่หมายถึงทองคำที่ได้ทีหลัง ทองคำส่วนใหญ่เรามอบแล้ว ๑๑ ตันกับ ๓๗ กิโลครึ่ง นั้นมอบเรียบร้อยแล้วนะ ทองคำที่ได้ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ที่เรามาถึงสวนแสงธรรมนี้ จนกระทั่งถึงวันที่ ๒๐ นี้ได้ทองคำ ๑๔ กิโล ๒๕ บาท ๖๘ สตางค์ โธ่ หลวงตาเองคาดว่าตั้งแต่วันมาถึงถึงวันกลับได้ทองคำสัก ๑๐ กิโลก็จะดี นี้ฟาดเข้าไป ๑๔ กิโลนู่นของเล่นเมื่อไร ตบหน้าหลวงตาบัวแหลกเลยเชียว

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก