เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
เล่นกับของสกปรก
ก่อนจังหัน
มาทุกภาคนะพระ ที่มารวมที่วัดป่าบ้านตาด มาทุกภาคเลย ตั้งแต่ภาคกลางมาเรื่อยๆ ภาคตะวันออกภาคไหนมารวมกัน พระจะมากอยู่วันนี้ ประชาชนก็มาก ไม่มากยังไงเราเป็นเจ้าของสมบัติแห่งชาติไทย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสมบัติมหาศาลขึ้น ที่ล้นค่าที่สุดในเมืองไทยเรา นี้เป็นหัวใจของชาติไทยเรา เรามานี้ก็เพื่อบำรุงรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ของเรานั่นเอง มามากมาน้อยไม่เฟ้อ เรามาเพื่อบำรุงรักษาไม่เฟ้อ ไอ้มาเพื่อทำลายมีรายเดียวก็ทำลาย
พี่น้องทั้งหลายให้รู้นะว่าชาติไทยของเรามีความสำคัญอย่างไร ให้ดู แสดงน้ำใจกำลังวังชาทุกอย่างด้วยความพร้อมเพรียงกัน ฟังแต่ว่าชาติไทย หัวใจรวมอยู่จุดเดียวหมดเลย กระเทือนถึงกันหมด ดีชั่วเราต้องดูแลให้รอบคอบนะ อย่าเห็นแก่เขาทำแล้วก็แล้วเท่านั้น เซ่อๆ ซ่าๆ จม ชาติไทยจม ตัวเองจม นี่เราไม่ได้เพื่อเราจมเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์จม เพื่อบำรุงรักษา จึงต้องพร้อมเพรียงกัน กำลังวังชามีเท่าไรทุ่มลงเพื่อชาติของตนเองๆ นั่นถูกต้องดี
ที่ท่านทั้งหลายมานี้เราเห็นด้วยแล้ว ชอบธรรม ที่เราพาพี่น้องทั้งหลายดำเนินนี้ ดำเนินด้วยธรรมล้วนๆ ไม่มีเรื่องโลกเรื่องอะไรเข้ามาแฝงเลย เพื่อธรรมล้วนๆ จะผิดถูกชั่วดีประการใด เราจะพิจารณาให้เต็มกำลังความสามารถแล้วสั่งออกๆ ด้วยความเป็นธรรมทั้งนั้น เรื่องโลกเรื่องสกปรกเรื่องทำลายเราไม่เอาเข้ามายุ่ง ปัดออกทั้งหมด การดำเนินของเราจึงดำเนินด้วยความบริสุทธิ์ทุกอย่าง เรียกว่าศาสนาพาพี่น้องชาวไทยซึ่งเป็นลูกชาวพุทธดำเนินกัน ให้ฟังเสียงหัวหน้าก็แล้วกัน องค์เอกคือองค์ศาสดา ต่อจากนั้นก็พระสงฆ์สาวกเรื่อยมา รวมมาจนกระทั่งถึงพระเจ้าพระสงฆ์ ครูบาอาจารย์นี้เป็นผู้นำๆ เราเป็นผู้ก้าวเดินตาม เอาให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยนะ แสดงน้ำใจของตัวเองแห่งความรักชาติของตัวเอง ศาสนา พระมหากษัตริย์ของตัวเอง ให้เต็มเหนี่ยวนะ อย่าทำเหยาะๆ แหยะๆ ไม่ได้นะ ทำอะไรให้จริงจังทุกอย่าง เหลาะแหละไม่เป็นท่าทั้งนั้นแหละ
พระที่อยู่ศาลาข้างนอกก็ดูแลกัน พระจำนวนมาก ประชาชนก็มีจำนวนมาก ประชาชนอยู่ที่ศาลาหน้าวัดนี้ไม่ใช่ประชาชนตาบอด พระตาดีนะ แล้วพระอดอยาก ประชาชนอิ่มท้องใช้ไม่ได้ เข้าใจไหม ประชาชนก็มีหูมีตา ดูซีอะไรบกพร่องขาดเขิน นั่นละตามีหูมี ดู ฟัง พิจารณาทุกอย่าง เอาละให้พร
หลังจังหัน
เวลานี้วิทยุเสียงธรรมนี้กำลังกระจายออก จังหวัดต่างๆ กำลังออก ทางภาคอีสานนี้ออกมากอยู่นะ อย่างร้อยเอ็ดเครื่องเดียวก็ครอบไปตั้งหลายจังหวัด นี่ก็ ๑๐ กิโลวัตต์ ที่ขอนแก่นก็มาเมื่อเร็วๆ นี้ผ้าป่าสถานีวิทยุ กำลังกระจาย มีทุกแห่งๆ ทางภาคอีสานนี้กระจายไป แม้แต่ทางสามหมอ เขตจังหวัดอุดรก็จะมีแล้วนี่ สกลนครตั้ง ๙ แห่ง ๑๐ แห่ง เรียกว่าทั่วถึง ทางประเทศลาวก็ถึงหมดเลย ครอบไปถึงประเทศลาวหมด วิทยุออก (ทางสะเดา ได้ถึงประเทศมาเลเซียเจ้าค่ะ มีวัดพุทธศาสนาอยู่ในมาเลย์หลายวัดเจ้าค่ะ)
ทุกวันนี้ความจำเลอะเทอะมากนะ เมื่อวานนี้ก็ยังพูดถึงเรื่องความจำกับความจริง คือความจริงนี้ธรรม เช่นอย่างเทศน์ออก ธรรมออกจากนี้เป็นความจริงล้วนๆ ความจำคอยประสานกัน คือธรรมออกจากนี้จะออกเป็นธรรมๆ มีสัญญาประสานเข้าหากันให้เกี่ยวโยงกัน สืบเนื่องกันไป พูดได้ถ้อยได้ความสืบเนื่องกันไปเรื่อยๆ อันนี้เรียกว่าสัญญา ทีนี้สัญญาอันนี้เสื่อมลงทุกวัน เมื่อสองสามวันนี้ก็ยังได้ถามพระผู้ถอดเทป ว่าเป็นยังไงไม่ใช่เทศน์สะเปะสะปะไปหมดแล้วเหรอ ความจำไม่เป็นท่านะ ท่านบอกว่าไม่มี ความจริงมีอยู่นั้นละแต่ท่านให้เกียรติเราว่าไม่มี ให้เกียรติอะไรกับเรามันรู้อยู่ ความเหลวไหลมันรู้อยู่กับตัวเอง ความจำ
ที่ว่าสัญญานี้เป็นเหมือนกับภาชนะหรือเครื่องประสานติดต่อจับกันให้ติดๆ กันไปอย่างนั้นนะ ธรรมนี้ออกๆ แล้วสัญญาเป็นผู้จับผู้เก็บผู้เรียงว่างั้นเถอะ ทีนี้สัญญานี้เสื่อมไปๆ ธรรมะออกมาๆ นี้ก็กลายเป็นเรี่ยราดไป ไม่มีที่เก็บ สัญญาเป็นตัวเก็บเป็นตัวเรียงลำดับลำดา มันค่อยเลอะเทอะไปเรื่อยๆ สัญญาความจำ แต่สังขารยังไม่เห็นมันมีอะไรแปลกให้เห็น ขันธ์ ๕ ขันธ์แปลว่ากอง ถ้าเป็นวัตถุสิ่งของเหล่านี้ก็เป็นกอง ถ้าธรรมก็เป็นหมวดเป็นหมู่ ขันธะแปลว่ากอง แปลว่าหมวดว่าหมู่
เช่นอย่างขันธ์ ๕ เป็น ๕ กอง คือรูปกายของเรา เวทนา คือความสุข ทุกข์ เฉยๆ เป็นสองกองแล้ว สัญญา ความจำได้หมายรู้ สังขาร ความคิดความปรุง เป็นสี่แล้ว วิญญาณ เวลาตา หู จมูก ลิ้น กาย สัมผัสสัมพันธ์กับรูป เสียง กลิ่น รส เครื่องสัมผัส เกิดความรู้ออกมาตามสิ่งที่มาสัมผัสสั้นยาว เรียกว่าวิญญาณ รวมทั้งหมดนี้ท่านเรียกว่าขันธ์ ๕ พากันจำเอานะ ในตัวของเรามีทุกคน ขันธ์ ๕ รวมกันอยู่นี้เรียกว่าขันธ์ ๕ แปลว่า กอง เรียกกองเหมาะดี กองอยู่ที่เดียวกันนี้ ขันธ์ ๕ แปลว่ากองกัน มันกองกันอยู่อย่างนี้ ถ้าเป็นธรรมเรียกว่าหมวดว่าหมู่ไป บางคนจะไม่เข้าใจที่ว่าขันธ์ๆ นี่ ขันธ์แปลว่ากอง ตัวเรานี้แหละเรียกว่าขันธ์ กอง วัตถุ รูปก็คือรูปกายนี้ เวทนา คือความสุข ทุกข์ เฉยๆ มีอยู่ทั้งทางร่างกายและจิตใจ สัญญา ความจำ จำเรื่องนั้นเรื่องนี้ ชื่อเสียง สังขาร ความคิด ความปรุง คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เรียกว่าสังขาร วิญญาณ คือตามองเห็นรูปปั๊บ ความรู้ระหว่างตากับรูปเกิดขึ้นเรียกว่าวิญญาณรับทราบๆ แล้วก็ดับไปตามสิ่งที่มาสัมผัสผ่านไป รวมแล้วเรียกว่าขันธ์ ๕ พากันเข้าใจเสีย
ขันธ์ ๕ มีอยู่กับทุกคน แต่ขันธ์ ๕ นี้กิเลสเป็นเจ้าของพาให้ตั้งรูปตั้งนามขึ้นมา กิเลสเป็นเจ้าของพาให้เกิดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา มนุษย์เราเรียกว่าเป็นขันธ์ ๕ นี่เป็นสมบัติของภพชาติได้แก่อวิชชา เป็นผู้ตั้งภพตั้งชาติขึ้นมา มาเป็นขันธ์ ทีนี้ขันธ์ ๕ นี้มีอันหนึ่งที่สำคัญอยู่นั้นใครมองไม่เห็นแหละ มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นเป็นผู้ทรงทราบทุกสิ่งทุกอย่างในขันธ์นี้ขันธ์ไหนครอบโลกธาตุ มีพระพุทธเจ้าทรงทราบว่าขันธ์ ๕ อันนี้เป็นเครื่องมือของใจ ทีนี้ใจมีกิเลสอยู่นั้นด้วย มีธรรมอยู่นั้นด้วย
เมื่อกิเลสมีอำนาจ มันเป็นเจ้าอำนาจเป็นเจ้าของของร่างกายนี้หมด มันนำไปใช้ตามที่มันต้องการ ถ้าคนมีกิเลสหนาก็เอาตั้งแต่เครื่องมือนี้ไปใช้ทางความชั่วช้าลามกไปเสีย ตาเห็นก็เพื่อจะทำลาย หูได้ยินก็เพื่อจะทำลาย ไม่มีเพื่อส่งเสริม ตา หู จมูก ลิ้น กาย สัมผัสสัมพันธ์กับอะไร กิเลสตัวอยู่ภายในเป็นเจ้าของนี้สั่งการๆ ให้ยึดนั้นยึดนี้ เอามาทำประโยชน์ตามความต้องการของตนซึ่งเป็นกิเลสล้วนๆ เรื่องมันก็เป็นกองทุกข์ขึ้นมา พากันเข้าใจเอานะ นี่ละขันธ์ทั้ง ๕ ตาเห็นถ้าเห็นด้วยกิเลสนี้ เห็นแล้วจะมีความหมายไปทางกิเลส ทางกิเลสก็เป็นทางลบทั้งนั้น ไม่ได้เป็นธรรมง่ายๆ นะ ทั้งๆ ที่ธรรมก็มีอยู่ภายในใจดวงเดียวกัน แต่ธรรมไม่มีอำนาจ มีแต่กิเลสเป็นเจ้าของครองอำนาจ อันนี้เลยเป็นเครื่องมือของกิเลสเกือบว่าแทบทั้งหมดเลย ถ้าคนเราสามัญธรรมดาทั่วๆ ไปมันเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ของกิเลส
ทีนี้เวลาเราบำเพ็ญธรรมขึ้นมา ธรรมค่อยแสดงออก ตาเห็นรูป หูฟังเสียง แยกมาเป็นธรรมๆ เป็นประโยชน์เรื่อย ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นประโยชน์ นี่เรียกว่าเป็นเครื่องมือของธรรมด้วย ส่วนมากเป็นเครื่องมือของกิเลสเสียก่อน ทีนี้เวลาเราบำเพ็ญธรรมก็เป็นเครื่องมือของธรรมด้วย ของกิเลสด้วย เมื่อธรรมมีอำนาจมาก ธรรมก็เป็นเจ้าของครอบเอาเครื่องมือนี้ไปใช้ทางธรรมเสียมากต่อมาก ธรรมมีมากเท่าไรๆ เครื่องมือนี้ก็หมุนเข้ามาสู่ธรรม เป็นเครื่องมือของธรรมไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจิตบริสุทธิ์สุดส่วนแล้ว ขันธ์ทั้ง ๕ นี้เป็นเครื่องมือของธรรมล้วนๆ เลย กิเลสขาดสะบั้นไปแล้วไม่มีใครเป็นเจ้าของมายึดอำนาจเหมือนแต่ก่อน ธรรมมีอำนาจที่นี่ ธรรมเป็นเจ้าของแต่ธรรมท่านไม่ยึดเหมือนกิเลส กิเลสเป็นเจ้าของยึดด้วยอุปาทานความยึดมั่น นั่นต่างกันอย่างนี้ ส่วนธรรมเป็นเจ้าของไม่ยึด เป็นเครื่องมือใช้เฉยๆ อย่างพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านนำออกใช้ประโยชน์ ขันธ์ทั้ง ๕ นี้กลายเป็นประโยชน์ไปหมดสำหรับเป็นเครื่องใช้ของใจ ใจที่บริสุทธิ์เป็นธรรมล้วนๆ แล้วกระจายออกไป เครื่องมือนี้ก็หมุนไปทางธรรมเป็นประโยชน์มาเรื่อยๆ
นี่ละขันธ์ ๕ อันนี้เป็นได้สองอย่าง เป็นเครื่องมือของกิเลสและเป็นเครื่องมือของธรรม โลกทั้งโลกนี้เรียกว่าเป็นเครื่องมือของกิเลสเสียทั้งนั้นก็ได้ เป็นเครื่องมือของธรรมมีน้อยมาก ทีนี้เมื่อธรรมมีอำนาจมากเท่าไร ขันธ์เหล่านี้ก็เป็นเครื่องมือของธรรมไปหมด ดังพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่าน เป็นเครื่องมือของธรรมล้วนๆ ไม่มีที่ว่าเป็นเครื่องมือของกิเลส พากันเข้าใจเอาเสียคำว่าขันธ์ นี่ละเอาธรรมแจงออกมาอย่างนี้ถึงชัดเจนดี ถ้ามีแต่ใช้ ต่างคนต่างใช้ ใครก็ไม่ทราบว่าอะไรเป็นอะไร คละเคล้ากันไปหมด สุดท้ายก็มีแต่กองกิเลสเต็มตัวๆ ถ้ามีธรรมแล้วแยกแยะออกๆ ให้เข้าใจอย่างนี้
ทีนี้ขันธ์ ๕ เป็นเครื่องมือของธรรมแล้ว ขันธ์ ๕ นี้จะเป็นผู้คอยรับใช้ธรรมที่บงการออกมาใช้ในกาลต่างๆ ไปเรื่อยๆ พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ จนกระทั่งท่านนิพพาน นำขันธ์นี้ออกทำประโยชน์ให้โลกทั้งหมด ไม่ได้เหมือนกิเลส สร้างฟืนสร้างไฟให้โลก แต่ธรรมนี้สร้างความดีงามให้โลก จึงให้เอาธรรมนี้เข้าไปสู่ใจ ให้ใจนี้ได้เป็นเจ้าของของขันธ์นี้บ้าง นำไปใช้ในสิ่งที่ดีงามทั้งหลาย เช่น มาวัดมาวาฟังธรรมจำศีล ทำข้อวัตรปฏิบัติที่เป็นส่วนกุศลและประโยชน์ส่วนรวม นั้นเรียกว่าธรรมๆ ล้วนๆ เลย
เพียงขันธ์เป็นกลางๆ หมุนไปทางไหนก็ได้ขันธ์ เป็นเครื่องมือสำหรับใช้ โจรมารจะนำไปใช้ก็ได้ บัณฑิตนักปราชญ์เอาไปใช้ก็ได้ ใช้ในทางที่ดี ใช้ในทางที่ชั่ว ต่างกันอย่างนี้ ท่านจึงให้อบรมใจซึ่งเป็นเจ้าของของธาตุของขันธ์อันนี้ ให้ได้หมุนตัวไปในทางที่ถูกที่ดี เมื่อใจได้รับการอบรมในทางที่ถูกที่ดีแล้ว ใจก็ดูแลตัวเอง ระวังรักษาตัวเองในทางที่ถูกที่ดี ไม่ทำลายตนด้วยการทำชั่วช้าลามกต่างๆ ก็เป็นความดีขึ้น สำหรับขันธ์เขาไม่เอาอะไรแหละ ใจจะเป็นผู้เอานะ ชั่ว ดี ใจเป็นผู้สั่งการสั่งงาน จะเข้ามาที่ใจทั้งนั้นทั้งฝ่ายดีฝ่ายชั่ว
ธาตุขันธ์นี่ถึงเวลาแล้วแตกกระจายลงเป็นดิน เป็นน้ำ เป็นลม เป็นไฟตามเดิมของเขา ไม่ได้ไปนรก ไม่ได้ไปสวรรค์ พวกนี้ไม่ไป จะไปเป็นอะไรอีกก็ไม่เป็น เป็นธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ ไปเท่านั้นเอง ส่วนจิตนี้ไป คือมีบาปมีบุญอยู่ในนั้นที่สั่งงานต่างๆ เอาขันธ์ไปทำงาน ขันธ์ทำงานแล้ว ผลประโยชน์กลับมาสู่ใจเป็นผู้รับ ดีใจก็รับ ชั่วใจก็รับ เวลาตายแล้วสิ่งเหล่านี้จึงไปกับใจ ไม่ได้ไปกับธาตุขันธ์ ดิน น้ำ ลม ไฟ เขาไม่เอาอะไร บุญบาปเขาไม่เอาแหละ ส่วนจิตใจนี้เอาทั้งบุญทั้งบาป สร้างว่าจะไม่เอา แต่ตัวเองเป็นคนสร้าง เหตุเกิดที่ไหนผลก็เกิดที่นั่น มันก็เป็นสมบัติของตัวเองจนได้นั่นแหละ และเป็นผู้พินาศทำลายตัวเองก็อยู่ในนั้นเสร็จ ท่านจึงสอนให้อบรม พากันเข้าใจเอานะ วันนี้แยกธาตุแยกขันธ์ให้ฟังเสียบ้าง
วันนี้ก็จะมีการประชุมกัน เรียกว่าทั่วประเทศไทยเรา รวมทุกภาคมาประชุมเกี่ยวกับการรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสมบัติอันล้นค่าแห่งชาวไทยเรา ให้ต่างคนต่างมีความพร้อมเพรียง มีความรัก ความพร้อมเพรียงสามัคคีซึ่งกันและกัน เพื่อสมบัติอันล้นค่า ได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะได้เป็นสมบัติครองหัวใจชาวไทยของเราต่อไป จะเป็นความสงบร่มเย็น เรามีเนื้อมีหนังมีตนมีตัว มีผู้เก็บมีผู้รักษา จึงต้องได้พากันระมัดระวัง สิ่งใดที่จะเข้ามาทำลายสมบัติอันล้นค่าของเรา ต่างคนต่างช่วยเหลือกัน ปลดเปลื้องออกไป ปัดออกไป ทำลายออกไป ชะล้างออกไป ให้พากันเข้าใจ
เช่นอย่างมาวันนี้ เรื่องราวที่เกิดก็ได้ออกประกาศทางวิทยุแล้วไม่ใช่เหรอ เรื่องก็ออกแล้ว หลวงตาบัวก็ในนามของพี่น้องชาติไทยเราทั้งหมด ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้ออกประกาศทางวิทยุให้ทราบทั่วถึงกันแล้วด้วยความเป็นธรรมล้วนๆ นั่นละที่มาประชุมก็ประชุมเรื่องเหล่านี้เอง สิ่งมัวหมองมืดตื้อมันเข้ามาเป็นความสกปรกรกรุงรัง จะทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของเรา เราเป็นเจ้าของต้องเป็นผู้ชะผู้ล้าง ผู้ซักฟอกกันออกไปโดยลำดับลำดา จะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ จมได้ทั้งนั้น ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จมได้ด้วยพวกเราที่ไม่เอาไหน แต่เจริญรุ่งเรืองสงบร่มเย็นได้ด้วยอำนาจแห่งเราเป็นเจ้าของ เป็นผู้รักผู้สงวนสมบัติอันล้นค่าของตน ต่างคนต่างเข้มงวดกวดขันในสิ่งที่ชั่วและดีทั้งหลาย ที่ชั่วให้ปัดออก ที่ดีให้สั่งสมขึ้นมา ที่มาประชุมกันก็เพื่อให้เข้าใจแนวทางแห่งการรักษาชาติบ้านเมือง ศาสนาของเรา พระมหากษัตริย์ของเรานั่นเองไม่ใช่เพื่ออะไร ที่มาประชุมกันนี้
เหตุที่ประชุมก็เพราะว่า มีสิ่งเลวร้ายที่เข้ามาทำลายๆ ผู้ที่เป็นเจ้าของต้องได้ระมัดระวังรักษาชำระล้าง อย่างประชุมกันนี้ก็เพื่อวางแนวทางให้รู้จักวิธีการปฏิบัติต่อชาติของตนเอง ชาติมีสมบัติเต็มอยู่แล้ว เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องเข้มงวดกวดขันรักษาด้วยกันเสมอหน้ากันหมด อย่าไปคิดว่านั้นเป็นของท่าน นี้เป็นของเราแล้วไม่เอาไหนนี้ชาติไทยจม พากันเข้าใจอย่างนั้น
ที่มาประชุมนี้ก็คือ พูดให้ตรงไปตรงมาแกนนำก็คือเรา เป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้หนาแน่นมั่นคงสงบร่มเย็นต่อพี่น้องชาวไทยเราต่อไป เราจึงได้เป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลาย การนำเหล่านี้เราเอาธรรมออกนำทั้งนั้น เราไม่มีโลกเข้ามาทำ ที่จะไปทำลายคนนั้นทำลายคนนี้โดยหาเหตุผลไม่ได้ ไม่มี มีตั้งแต่เรื่องธรรม ควรตำหนิตำหนิ ควรชะล้างชะล้าง ควรที่จะส่งเสริมให้ดีขึ้น ต่างคนต่างอุ้ม ต่างคนต่างส่งเสริมกัน เรื่องราวเป็นอย่างนี้ ที่ประชุมก็ประชุมตามโครงการเหล่านี้เองไม่ใช่เพราะอะไร พากันเข้าใจ
เรื่องราวที่เกิดขึ้นเวลานี้ก็มีอยู่ ๓ ประโยคที่ใหญ่โตมาก ออกทางวิทยุแล้วตามหลักความจริง ธรรมไม่หาเรื่องหาราว เอาความจริงออกมาพูด นี่ธรรมออกมาพูดพูดอย่างนี้เองไม่พูดอย่างอื่น เช่นอย่างพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์เรานี้ พี่น้องชาวไทยเราทั้งพระเจ้าพระสงฆ์ ประชาชนทั่วประเทศไทย ได้น้อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงสถาปนาหรือตั้งสมเด็จพระสังฆราชเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น คนอื่นไม่เข้าไปยุ่งได้เลย นี่ตามหลักประเพณีอันดีงาม ซึ่งชาวไทยเราทั้งพระเจ้าพระสงฆ์ทั่วสังฆมณฑล และประชาชนทั่วประเทศยอมรับ และน้อมถวายท่านแล้ว ท่านก็ทรงตั้งมาเป็นลำดับลำดา เป็นความราบรื่นดีงามชื่นอกชื่อใจแก่บรรดาพี่น้องชาวไทยเราตลอดมา นี่ละเรื่องดั้งเดิม
จึงเรียกว่าเป็นประเพณีของชาติไทยเรา ที่น้อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงสถาปนาหรือตั้งสมเด็จพระสังฆราช เพื่อเป็นเจดีย์ของชาวพุทธเราต่อไปได้กราบไหว้บูชา เพราะพระต้องมีประมุข เช่นสมเด็จพระสังฆราช ก็เป็นประมุขของฝ่ายสงฆ์ ชุ่มเย็นเป็นสุข โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งขึ้นมาด้วยความเป็นธรรม เมื่อต่างฝ่ายต่างเป็นธรรม ผู้น้อมถวายก็เป็นธรรม ทรงรับด้วยความเป็นธรรม ชาติไทยของเราก็ชุ่มเย็นเป็นสุขมาด้วยขนบประเพณีอันดีงามนี้ จึงเรียกว่าเป็นน้ำหนักเท่ากันกับชาติไทยเรา ขนบประเพณีอันนี้มีน้ำหนักมากขนาดนั้นทีเดียว เพราะคนไทยน้อมรับกันทั่วประเทศ ทั้งฝ่ายพระสงฆ์ ทั้งฝ่ายประชาชน น้อมรับขนบประเพณีอันดีงามนี้ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงบำเพ็ญตามพระภาระของพระองค์ตลอด โดยตั้งสมเด็จพระสังฆราชเรื่อยมาจนกระทั่งบัดนี้ มีเพียงพระองค์เดียวคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ฟังให้ชัดเสียนะ นี่ละเรื่องราว นี่คือประเพณีอันดีงามของชาติไทยเรา มีความสงบร่มเย็นเป็นสุขมาตลอด
แล้วก็มีผู้เข้ามาแย่ง ฟังให้ชัดเสียนะ มายึดเอาอำนาจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปกินไปกลืนไม่ยอมคาย ดึงไว้กลืนไว้หาเหตุหาผลไม่ได้ ดึงไว้เพราะอะไร มายึดเอาอำนาจไปนี้เพราะเหตุผลกลไกอะไร ไม่บอกเหตุบอกผล แต่กลืนแล้วไม่ยอมคาย เป็นอยู่อย่างนี้ ทีนี้ก็จับดึงกลับคืนมาซี นี่ที่ออกเวลานี้ เอาไปทำไม นี่สมบัติของชาติไทยที่เราน้อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา พี่น้องชาติไทยซึ่งเป็นลูกของพระองค์เองได้ทรงดำเนินต่อไป ให้เป็นขนบประเพณีอันดีงามแก่พี่น้องทั้งหลาย แล้วพวกนี้มาแย่งไปหาอะไร เอา หาเหตุหาผลมา การมาแย่ง แย่งเพราะเหตุไร ก็ไม่ได้บอกเหตุบอกผลเรื่องการมาแย่ง
ตั้งกฎนั้นเข้ามา ตั้งข้อบังคับนี้เข้ามา กฎหมายเข้ามา กฎหมอยเข้ามา กฎหมาเข้ามา กฎหมัดเข้ามา ยึดอำนาจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไป กำลังกินกำลังเคี้ยวกันอยู่เวลานี้ ชาติไทยไม่ใช่ชาติหมาขี้เรื้อน ชาติไทยเป็นคนทั้งประเทศจะว่าไง ทั้งประชาชนทั้งพระเจ้าพระสงฆ์ก็รู้อยู่แล้วว่าถูกแย่งอำนาจที่ชอบธรรม ซึ่งเป็นสมบัติอันล้นค่าของพี่น้องชาวไทยออกไป แล้วจะยึดกลับคืนมา นี่เรื่องที่พูดอยู่เวลานี้ กำลังออก เอาคืนมาด้วยความชอบธรรม ไม่ได้ผิดธรรม เราเป็นผู้นำนี้ก็นำโดยธรรมล้วนๆ ความถูกต้องดีงามคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้นทรงสถาปนาหรือตั้งสมเด็จพระสังฆราชขึ้นมา ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาเรื่อยๆ จนกระทั่งป่านนี้ เป็นความชอบธรรมเรียบร้อยแล้ว เป็นความถูกต้อง
แล้วที่นี่ผู้ที่มายึดเอาไปด้วยกฎนั้นกฎนี้ กฎรัฐบาลรัฐแบนอะไรก็ไม่รู้แหละ กฎป่าๆ เถื่อนๆ กฎไม่เป็นศีลเป็นธรรมไม่เรียกว่าการปกครองชาติให้ร่มเย็น กฎอำนาจบาตรหลวงป่าๆ เถื่อนๆ เข้ามายึดครอง แล้วเอาไปกลืนกันอยู่เวลานี้ กำลังงุบงิบๆ กันอยู่นั้น นี้พี่น้องชาวไทยทั้งประเทศซึ่งเป็นเจ้าของของสมบัติอันนี้ต้องประกาศตนออกมาว่า นี้คือสมบัติแห่งชาติไทยของเรา อย่าเอาไป ความหมายก็ว่าอย่างนั้นแหละ บอกชัดๆ อย่างนี้เอง นี้เป็นข้อที่หนึ่ง
ข้อที่ใหญ่ที่สุดมีอยู่ ๓ ข้อที่ออกเสนอทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยหลวงตาบัวเป็นผู้นำของพี่น้องชาวไทยและพระสงฆ์ทั่วประเทศ นี้ก็ออกทางวิทยุแล้ว ที่เรียกกลับมานี่เพราะไม่ชอบธรรมไม่ถูก มาแย่งมาชิงไปหาอะไรหาเหตุหาผลไม่ได้ บอกว่าเหตุผลกลไกอะไรจึงมาเอาไป เพราะอะไร ก็ไม่ตอบ แต่กินไปกลืนไปๆ อันนี้ก็ตามกันละซิ นี่ข้อหนึ่ง
ข้อที่สองก็สมเด็จเกี่ยว ก่อเรื่องก่อราวยุ่งเหยิงวุ่นวายมาตลอด จนกระทั่งคนทั่วประเทศไทยเขาเรียกสมเด็จเกี่ยวนี้ว่าเป็นมหาโจรปล้นศาสนา ซึมซาบเข้าไปถึงชาติ ถึงพระมหากษัตริย์ด้วย อยู่ในงานอันใหญ่โตของสมเด็จเกี่ยวที่เป็นผู้ใหญ่เวลานี้ มันใหญ่ป่าๆ เถื่อนๆ ทำศาสนา ประชาชน ให้เกิดความเดือดร้อน ประชาชนเป็นผู้มีหัวใจจะไม่พูดไม่โต้ตอบไม่คัดค้านกันได้ยังไง นี่ก็คัดค้านข้อหนึ่ง นี่ก็ขอถอดถอนเรื่องสมเด็จออก ไม่สมควรที่จะมาปกครองชาติไทยซึ่งเป็นผู้มีธรรมอยู่ด้วยกันอย่างนี้ การเป็นสมเด็จใช้อำนาจแบบนี้ไม่ใช่เรื่องของสมเด็จ ขอถอนออกขอถอดออก พูดง่ายๆ ว่าอย่างนี้เลย
อันที่สามก็ตัววิษณุ เครืองาม นี้เป็นเจ้าใหญ่นายโตครอบคนทั้งประเทศ เป็นเจ้าหัวกฎหมาย กฎหมอย กฎหมาหรือกฎหมัดอะไรเราก็ไม่ทราบได้แหละ ถ้าอะไรมันปลอม อะไรเป็นพิษเป็นภัย ก็เรียกกฎหมอย กฎหมา กฎหมัดไปเลย ถ้าเป็นกฎหมายก็ต้องเป็นธรรมต่อส่วนรวม จึงเรียกว่ากฎหมาย อันนี้มันเป็นกฎอะไร ตั้งกฎนั้นขึ้นมา ตั้งแง่นี้ขึ้นมา ร้อยเล่ห์ร้อยเหลี่ยมร้อยสันพันนัยไม่มีใครเกินไอ้นี้ ถืออำนาจบาตรหลวงอันใหญ่โตครอบคนทั้งประเทศให้อยู่ในอำนาจของตนเพียงคนเดียว
คนเมืองไทยเรานี้ ๖๒-๖๓ ล้านคน มาหมอบหัวกับคนๆ เดียว ชาติไทยไม่ใช่ชาติหมาขี้เรื้อน ย่อมรู้จักเจ้าของ หมาขี้เรื้อนมันยังรู้จักเจ้าของ คนทั้งประเทศทำไมจึงไม่รู้จักเจ้าของ เจ้าของคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นี้เป็นเจ้าของอันใหญ่หลวงของคนไทยทั้งชาติ ต้องได้โต้ตอบ หรือต้องได้พูดกัน ขับไล่ออกมาปกครองแบบนี้ คนไทยไม่ใช่หมาขี้เรื้อน จะมาปกครองแบบหมาขี้เรื้อนอย่างนี้ไม่ได้ ให้ออก ประกาศกันออกแล้วนี่ ออกจากตำแหน่ง อำนาจป่าๆ เถื่อนๆ มากดขี่บังคับ หมดทั่วประเทศไทยนี้มีคนเดียวเป็นผู้วางกฎวางอำนาจเอาไว้ ตั้งแต่กฤษฎีกงฎีกา สภาที่ไหนรวมมาหมด จนกระทั่งถึงข่าวสารอะไร มันถืออำนาจครอบไปหมดเลย นี่ไม่ชอบธรรมๆ จึงต้องให้ออก ใครเป็นคนดีเอาเข้ามา คนไม่ดีที่จะมาทำลายชาติไทยนี้ไม่ให้มาทำลาย ชาติไทยมีเจ้าของ คนทั้งชาติเป็นเจ้าของ นี่อันหนึ่งเป็นสามข้อด้วยกันที่ออกเวลานี้ นี่เราพูดเพียงย่อๆ นะ ให้ท่านทั้งหลายได้ทราบเอาไว้
เหตุที่จะออกก็พิจารณาแล้วโดยธรรม เช่นยึดพระราชอำนาจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี้ไม่ถูกต้อง เป็นความผิดอย่างร้ายแรง ดีที่เขาไม่ได้จับติดคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตไปเลย มันมาทำลายหัวใจคนทั้งชาติด้วยยึดเอาอำนาจไป นี้อันหนึ่งเป็นความผิดขนาดไหน ใครเป็นคนตั้งขึ้นมา นั้นเป็นมหาโจร นั้นเป็นมหาภัยต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของเรา เพราะฉะนั้นจึงต้องได้ต้านทานคัดค้านหรือยึดกลับคืนมา ที่ว่าสมเด็จเกี่ยวที่ไปครองอำนาจ อำนาจป่าๆ เถื่อนๆ ยุแหย่ก่อกวน ทำพระสงฆ์ให้แตกร้าวกันในสังฆมณฑลจนไม่มีดีเลย
พระสงฆ์อยู่ในป่าในเขาปฏิบัติศีลธรรมด้วยความเรียบร้อยดีงาม ก็ต้องเดือดร้อน กลับมาประชุมกันไม่รู้กี่ครั้งแล้ว นี้ใครเป็นต้นเหตุถ้าไม่ใช่สมเด็จเกี่ยวจะเป็นใคร ตัวสำคัญก็อยู่ที่นี่ รู้กันอยู่แล้วนี่ ผิดหรือถูก เอา ไปฟัง เราพูดตามหลักความจริงเป็นอย่างนี้ ตั้งแต่ไม่มีเรื่องนี้ขึ้นมาจากสมเด็จนี้ พระสงฆ์ก็สงบร่มเย็นมาแล้วด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ศาสนาของพระพุทธเจ้าปกครองให้ความร่มเย็นแก่โลกมาเท่าไร อันนี้มันเก่งอย่างไรบ้างจึงมาทำลายอย่างนี้ มันเก่งแบบทำลาย จึงต้องกำจัดออกไป มียศมีลาภอะไรถอนออก อย่าให้คนประเภทนี้เข้ามาปกครองชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะทำชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้ล่มจมโดยไม่ต้องสงสัย นี่ละถึงได้ให้ออกให้ถอน มหาภัยนี้ต้องถอน นี่เป็นข้อที่สอง
ข้อที่สามก็วิษณุ เครืองาม เอาอำนาจป่าเถื่อนมาครอบคนทั้งประเทศ ตั้งแต่ฝ่ายศาลลงมา ศาลไหนก็ตามอยู่ในอำนาจของคนๆ เดียวนี้ ใช้อำนาจป่าๆ เถื่อนๆ ไปกดขี่บังคับไว้หมดทีเดียว นี่เราก็ทราบว่าเรื่องพุทธมณฑลที่พระออกมาเป็นหัวหน้าโจรเป็นหัวหน้าอันธพาลใหญ่ เห็นไหมนั่น ถ่ายรูปไว้เหลืองอร่ามๆ นั้น ออกมาเป็นแม่ทัพจะรบเหมือนตำรวจทหาร เคยมีไหมพระในประเทศไทย นี่ก็มาทำแล้วให้เห็นอยู่นั้น แล้วเรื่องเหล่านี้สงบไปไหน เราทราบเพียงว่าออกมาจากคนๆ เดียวนี้บังคับเอาไว้ไม่ให้ดำเนินเรื่องราวผิดถูกดีชั่วประการต่างๆ ตามขนบประเพณีอันดีงามของชาติไทย บังคับเอาไว้ไม่ให้เรื่องนี้เกิดต่อไป ใครจะเอาเรื่องนี้ก็จะย้ายคนนี้ไปๆ นี่ก็อำนาจป่าเถื่อนของมัน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงสงบเงียบอยู่เวลานี้ ถ้าตามหลักธรรมหลักวินัยแล้วพระเหล่านี้จะต้องถูกจับสึกให้หมด นี่หลักธรรมหลักวินัย จากนี้แล้วเอาไปดำเนินตามคดีตามกฎหมายบ้านเมือง นี่ถูกต้อง แต่ทั้งสองนี้เงียบไปหมด มันไปไหน
เราทราบมาว่าผู้นี้เป็นผู้ถืออำนาจป่าเถื่อนแต่ผู้เดียว เรื่องของพระก็ให้เงียบไป ไม่ให้เอาเรื่องเอาราว เรื่องเจ้าหน้าที่ที่จะมาจับไปทำโทษตามกบิลของบ้านของเมืองก็ให้ระงับ ถ้าใครจะมาเอาเรื่องนี้ก็จะถูกย้ายไปที่โน่น ถูกย้ายไปที่นี่ ก็ตัวนี้ตัวจะสั่งย้ายป่าๆ เถื่อนๆ นี้เห็นไหม มันดีหรือพิจารณาซิ มันครอบไปหมดทั่วประเทศไทย เมืองไทยเราเป็นเมืองของมนุษย์ผู้มีศีลมีธรรม เมืองพุทธศาสนา อย่าเอาเรื่องมหาภัยเข้ามากีดมาขวางมาทำอย่างนี้ไม่ได้สำหรับเมืองไทย เพราะฉะนั้นจึงต้องเสนอออกมาในนามของคนทั้งประเทศ ที่เสนอสามข้อนี้โดยมีหลวงตาบัวเป็นหัวหน้า และพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศก้าวเดินตาม ที่ออกมาประชุมเป็นระยะๆ เป็นอย่างนี้เอง ไม่ใช่เป็นเพราะอะไร
เหตุผลกลไกมันมีอย่างนี้ ผิดที่ตรงไหน เราเป็นผู้ดำเนินโดยอรรถโดยธรรมมาล้วนๆ เราไม่เคยขัดข้องตรงไหนว่าผิดไป เราพาพี่น้องทั้งหลายดำเนินไป เช่นการช่วยชาติบ้านเมือง เงินทองข้าวของได้มาเท่าไรเราแบมือเลย บาทหนึ่งเราไม่เคยแตะ ฟังซิ ท่านทั้งหลายไปหาที่ไหน เราช่วยชาติด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความเมตตาต่อพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศ ซึ่งจะล่มจมลงในทะเลหลวงต่อหน้าต่อตาเมื่อปี ๒๕๔๐ ลืมเมื่อไร ถึงขนาดได้ร้องโก้ก
เราบวชในพุทธศาสนาไม่เคยสนใจกับเรื่องโลกเรื่องสงสาร ตั้งรัฐบาลมากี่ยุคกี่สมัยเราก็ไม่สนใจ เป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง เรื่องของธรรมเป็นเรื่องของเรา วินัยเป็นเรื่องของเรา เราปฏิบัติเต็มกำลังความสามารถของเราตลอดมาตั้งแต่วันบวช แต่เมื่อเวลาจำเป็นเราอยู่ในท่ามกลางแห่งชาติไทย เป็นลูกคนไทยด้วยกัน กระเทือนทั่วกันหมด แล้วอยู่ได้ยังไง สมบัติเงินทองในคลังหลวงก็จะไม่มีเหลือ จะเอาไปถลุงกันหมด ทุกสิ่งทุกอย่างจะเอาจมลงในทะเลหมด หมูหมาเป็ดไก่ไม่เว้น จะจมไปหมด ก็เราไม่ใช่หมานี่ อยู่ท่ามกลางเมืองไทย หมาก็อยู่กับคน คนกับหมาก็อยู่ด้วยกัน เมื่อคนไม่จมหมาก็ยังไม่จมซี ก็ต้องสู้กันอย่างนี้เรื่อยมา
เราถึงขนาดร้องโก้ก ออก เอ้าแต่นี้ต่อไปจะนำพี่น้องทั้งหลาย ได้เท่าไรก็ตามเกิดตามมี เราก็นำมาเรื่อยๆ ไม่ได้คิดเรื่องราวจะเกิดขึ้นเพราะเหตุผลกลไกอะไร ครั้นทำมาๆ แล้วเรื่องราวมันก็เข้าไปหาจุดใหญ่ละซิ ซึ่งเรากำลังขนเงินขนทองสู่คลังหลวงของเรา เพื่อหนุนคลังหลวงที่กำลังจะจมอยู่แล้วนั้นให้ฟื้นตัวขึ้นมา เรื่องมันก็เข้ามาทำลายกันในจุดนั้น เราก็อยู่ในท่ามกลางแห่งคลังหลวงด้วย นั่นละมันก็จะได้เอากันตรงนั้นอีก จากนั้นมาก็กระเทือนมาจนกระทั่งทุกวันนี้ เราไม่ได้อุตริ เราทำด้วยเหตุด้วยผลกลไกที่เกี่ยวโยงกันอย่างไร หนักเบามากน้อยเพียงไรเราทำตามนั้นต่างหาก ซึ่งเป็นความถูกต้องโดยธรรมแล้ว เราจึงได้นำมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้
เวลานี้เกิดขึ้นอย่างนี้ก็กระเทือนทั่วประเทศไทยไม่ใช่หรือ การมายึดอำนาจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ชาวไทยทั้งประเทศทั้งฝ่ายพระเจ้าพระสงฆ์และฆราวาสประคับประคองถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตลอดมาด้วยความชื่นอกชื่นใจ แล้วมาถูกแย่งไปเสีย ฟังซิน่ะ หาเหตุหาผลไม่ได้ ทำไมจะไม่แค้นใจคนเรา นี่อันหนึ่ง จากนั้นก็มาตั้งพระให้เป็นหัวหน้า หัวหน้าก็เป็นหัวหน้าอันธพาล หัวหน้ามหาโจร ทำลายพระเจ้าพระสงฆ์ให้เกิดความเดือดร้อน อยู่ในป่าในเขาก็อยู่กันไม่ได้ ต้องมาประชุมกันยุ่งไปหมด เพราะมหาโจรอันนี้เองทำลาย เหตุผลก็มีอยู่อย่างนี้
จากนั้นอันที่สามก็คือวิษณุ เครืองาม เป็นยังไงปกครองบ้านเมือง มายึดอำนาจแต่ผู้เดียว เรื่องราวที่พุทธมณฑลที่กล่าวมาแล้วนี้สงบลงไป เงียบ ไม่มีการดำเนินอะไรตามประเพณีของมนุษย์เราเลย นี่เพราะใครเป็นต้นเหตุ เขาก็บ่งบอกไปตรงนั้น เราไม่ได้ยินต่อปากต่อคำ ว่าตัวนี้เอง นั่น เป็นผู้ไม่ให้เอาเรื่องเอาราวอะไรทั้งหมด มันครอบด้วยอำนาจป่าเถื่อนมันไว้อย่างนี้ เข้าใจไหมล่ะ เรื่องราวอะไรๆ จะอยู่ในอำนาจของคนๆ เดียวนี้ คนทั้งประเทศไม่มีปากมีเสียง ให้อยู่ในคนๆ เดียวนี้ แล้วใครจะอยู่ได้ ปากใครมีก็พูดได้ซี หูใครมีใจใครมี มันคิดได้พูดได้ฟังได้โต้ตอบกันได้ซี เวลานี้กำลังโต้ตอบกันอยู่เห็นไหม ออกประชุมเวลานี้ คนทั้งประเทศมีปากมีใจทุกคน
สมบัติเหล่านี้เป็นสมบัติของคนไทยทั้งประเทศด้วยกัน ทำไมจะไม่มีสิทธิพูดกันได้ล่ะ นี่ละเรื่องราวที่มาประชุม ให้ท่านทั้งหลายทราบเสีย เราแสดงโดยความเป็นอรรถเป็นธรรม เราไม่เคยสะทกสะท้านว่าเราพาพี่น้องทั้งหลายดำเนินนี้ผิดไป ไม่มี เป็นความถูกต้องแล้ว ยึดความถูกต้องกลับมาครองในเมืองไทยของเราเท่านั้นเอง ให้พากันเข้าใจอย่างนี้นะ เอาละยุติเป็นพักๆ ไป
โยม ขอโอกาสกราบเรียนว่า เมื่อเช้าวันนี้นายสมัคร สุนทรเวช ได้พูดในรายการเช้านี้ที่เมืองไทย ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง ๕ เวลาประมาณ ๗ นาฬิกา มีประเด็นดังต่อไปนี้ขอรับ
ข้อ ๑ นายสมัคร สุนทรเวช กล่าวว่า หลวงตาดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมา ไม่เคยมีพระออกมาถวายฎีกาให้ถอดสมณศักดิ์พระมาก่อน
หลวงตา ดึงมาที่ไหน เรื่องมันมีให้ถอนก็ถอนละซี ถ้าอยู่เฉยๆ ใครจะไปถอน ตั้งแต่หลวงตาบัวมียศยังไม่ถอน ตั้งไว้สองยศสามยศเดี๋ยวนี้นะ ตั้งแต่พระราชญาณ..แล้วก็พระธรรมวิสุทธิมงคล ก็ไม่เคยถอน ตัวมันเสนียดจัญไร เป็นบ้ายศบ้าลาภ มันจะหนักเกินไปก็ถอนออกมาเสียเท่านั้นแหละ ว่าดึงพระมหากษัตริย์ลงมา ดึงลงมาเพื่ออะไร ใครเป็นคนดึงลงมา เราดึงพระมหากษัตริย์ดึงด้วยเหตุผลกลไกอะไร เอ้า ว่ามา ถ้าว่านายสมัคร สุนทรเวช เก่งจริง เอามาตอบหลวงตาบัววันนี้น่ะ มันเก่งมาจากไหนนายสมัคร สุนทรเวช เราดำเนินถูกต้องในอรรถในธรรมมาเต็มเม็ดเต็มหน่วย นายสมัคร สุนทรเวช มันไปสอบมาได้ชั้นไหนมาอวดหลวงตาบัว เอ้า ต่อยกันสักหน่อยน่ะ หลวงตาบัวไม่มีอะไรมีแต่ธรรมในปาก ศาสตราอาวุธก็ไม่มี มันเรื่องราวอะไร อยู่เฉยๆ มันไม่อยู่ อวดดี
เขาช่วยคนทั้งชาติ มันช่วยอะไรบ้างพอจะมาตีปากหลวงตาบัวไม่ให้พูด ปากนายสมัครก็มี หลวงตาบัวก็มี มีหมัดมีกำปั้น ถ้าหมัดไม่พอไปเอาหมัดหมามาตีปากนายสมัคร สุนทรเวช ก็ยังได้นี่นะ
โยม ข้อ ๒ นายสมัคร สุนทรเวช พูดด้วยว่า หลวงตาถูกชักจูงโดยนายทองก้อน
หลวงตา นายทองก้อนเป็นลูกศิษย์หลวงตาบัว ไม่ได้เป็นเทวทัตเหมือนนายสมัคร สุนทรเวช อันนั้นมันเป็นเทวทัต อันนี้เขาเป็นลูกศิษย์หลวงตาบัวจะเป็นอะไรไป แล้วทองก้อนมาชักจูงเราอะไร พิจารณาซิ เราผิดไปตรงไหน ชักจูงเราไปไหนว่าซิ ที่มันพูดอยู่เวลานี้ นี่ละตัวชักจูงคนให้จมทั้งประเทศ คือตัวมันกำลังพูดอยู่เวลานี้จะเป็นใครถ้าไม่ใช่นายสมัคร สุนทรเวช น่ะ คนทั้งชาติเขาพยุง อันนี้มันกดลงคนเดียว มาขายขี้หน้าไอ้สมัคร สุนทรเวช นี่น่ะ
โยม ข้อ ๓ นายสมัคร สุนทรเวช ถามหลวงตาด้วยว่า ไม่มีลูกศิษย์คัดค้านบ้างหรือ
หลวงตา ไม่มีใคร ถ้ามีก็มีไอ้สมัคร สุนทรเวช เท่านั้นละมาคัดค้านหลวงตาบัวเวลานี้
โยม นายสมัครกล่าวด้วยว่า ตัวนายสมัครจะเป็นผู้นำออกมาปลุกระดมให้มีการคัดค้านต่อต้านและให้กำจัดนายทองก้อนให้พ้นไปจากพระพุทธศาสนา นายวิษณุ เครืองาม เป็นคนดี
หลวงตา ให้นายสมัครไปเที่ยวโฆษณาคนทั่วประเทศ ให้มากำจัดนายทองก้อนเดี๋ยวนี้โดยด่วน เพื่อนายสมัครจะได้เป็นตัวเลิศตัวเลอ ให้นายสมัครมาเป็นใหญ่อยู่ในชาติไทยแทนนายวิษณุอีกคนหนึ่ง ว่านายวิษณุเป็นคนดีมันดีอะไร โกงบ้านโกงเมือง ร้อยเล่ห์ร้อยเหลี่ยมร้อยสันพันคมอยู่กับนายวิษณุ ที่จะเหยียบย่ำทำลายคนทั้งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มันดีตรงไหน คนไทยทั้งประเทศเขาไม่ใช่คนตาบอด มันตาดีตั้งแต่นายสมัคร สุนทรเวช คนเดียวเหรอ เราอยากถามว่าอย่างนั้น หรือถามแล้วก็ไม่รู้นะ มันหาเรื่องอุตริมายกยอปอปั้นกองขี้ขึ้นเป็นทองคำมันเป็นไปได้ยังไง มันเห็นกันชัดๆ คนทั้งประเทศ เขาเอือมระอาจะตายแล้วไอ้ป่าเถื่อนมันมาเหยียบย่ำทำลายเขา จนกระทั่งพระก็อยู่ไม่ได้ หลวงตาบัวก็ออกปากพูดออกมาแทนประชาชนทั้งชาตินั่นเองที่พูดนี่ หลวงตาบัวใครจะว่าอะไรก็ว่าเถอะ เฉยเลย เหมือนหมาปล่อยหำนั่นแหละ
โยม นายสมัคร สุนทรเวช กล่าวว่าพร้อมจะหยุดนายทองก้อน โดยตัวนายสมัคร สุนทรเวช จะเป็นผู้ชนกับนายทองก้อนด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้นายวิษณุลงมือ เพราะนายวิษณุ เป็นคนดี
หลวงตา เวลานี้หลวงตาบัวยังไม่เห็นด้วย ก่อนที่จะมาชนนายทองก้อนนั้นขอให้นายสมัคร สุนทรเวช ถ้าหัวเก่งให้ไปชนต้นเสาทดลองดูเสียก่อน แล้วค่อยมาชนคุณทองก้อนกับคนทั้งประเทศ คุณทองก้อนในนามของคนทั้งประเทศ ให้ไปทดลองดูต้นเสาเสียก่อน ถ้าหัวดีแล้วค่อยมาชนคุณทองก้อน
โยม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ขอให้ถามความเห็นคนอื่น นิมนต์ไปข้างหน้า ตนไม่อยากพูด ยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับตนยิ่งไม่ควรพูด
หลวงตา ไม่อยากพูดอะไรมันพูดแล้วนั่น มันจะไม่อยากพูดอะไร มันพูดจนหมดน้ำลายแล้ว มันมาอวดเราว่าไม่อยากพูด มันพูดแล้วรู้ไหม ว่าส่วนที่เกี่ยวกับตนยิ่งไม่ควรพูด นั่นมันก็พูดแล้ว ก็ตามรู้กันอยู่ทุกระยะนี่วะ มันเอาความรู้วิเศษวิโสมาจากไหน
โยม ส่วนที่ว่าการถวายฎีกา พระสงฆ์สามารถทำได้หรือไม่นั้น ตนไม่ขอตอบ
หลวงตา ทำได้ ทำไมทำไม่ได้ พระสงฆ์อยู่ในนามพระพุทธศาสนา ใครมาทำลายศาสนา พระสงฆ์ทำได้ เมื่อพระสงฆ์ทำได้หลวงตาบัวทำไมจะทำไม่ได้ มันเอาอำนาจบาตรหลวงมาจากไหน ว่าการถวายฎีกาพระสงฆ์ทำได้หรือไม่ตนไม่ขอตอบนั้น มันตอบมาแล้ว เราก็ตอบไปแล้วจะเอาอะไรมาอีก อย่ามาเล่นเล่ห์เหลี่ยมกับเรา ธรรมไม่มีเล่ห์เหลี่ยม เล่ห์เหลี่ยมไหนมาเอาศอกงัดเลย
โยม นายวิษณุกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีข้อกฎหมายมีแต่ข้อธรรมะ ภาษาพระถือว่าท่านเป็นปาปมุติ แปลว่าทำอะไรก็ไม่ผิด
หลวงตา พ้นจากบาปแล้วก็จะผิดอะไรเมื่อพ้นแล้ว ไม่ผิด คนอยู่ในบาปนั่นแหละมันทำแต่บาป มันถึงกอบโกยเอาแต่บาป คนไม่ทำบาปไม่ผิด ปาปมุติ พ้นจากบาป แปลว่างั้น มันไปเอามาจากคัมภีร์ไหนไม่รู้ หรือมันไปถามใครก็ไม่รู้ มาเล่นกับหลวงตาบัว อย่ามาเล่นนะ นี่บวชมาตั้งแต่เป็นพระมาแล้วไม่ถอย
โยม ภาษาพระถือว่าท่านเป็นปาปมุติ แปลว่าทำอะไรก็ไม่ผิด
หลวงตา คือพ้นจากบาปแล้ว ท่านไม่ทำบาปจะผิดอะไร ผู้สร้างบาปทำไมมันไม่พูด มาพูดอะไรผู้ไม่ทำบาป ผู้ไม่ทำบาปไม่พ้นจากบาปจะพ้นจากอะไร ก็ไม่ทำบาป ผู้ทำบาปอยู่มันไปไหนเดี๋ยวนี้ หาตัวมันมาสักหน่อยซี กำลังก่อกวนบ้านเมืองอยู่เวลานี้ คือตัวนี้ตัวสำคัญ เราก็ไม่อยากพูดเราก็ดี (คนทั้งศาลาหัวเราะ) มันต้องอย่างนั้นซีเราไม่อยากพูดนะพี่น้องทั้งหลาย เข้าใจไหม เรื่องอย่างนี้หลวงตาบัวไม่อยากพูด เขาทำความเดือดร้อนให้คนทั้งประเทศ เขาทำบาปหรือทำบุญใครก็รู้กันทุกคน เราไปทำความเดือดร้อนให้ใคร เอาว่ามาค้านมา เราจะตอบเดี๋ยวนี้ โอ๊ย เล่นกับของสกปรกก็พูดไปอย่างนั้นละ เราเล่นไปอย่างนั้นละเราไม่สนใจ นี่พูดเพื่อพี่น้องทั้งหลายต่างหาก เราไม่มีอะไรกับใคร ก็มีเท่านั้นละ ให้มันว่ากันไปเถอะ ปากกาหนังสือพิมพ์ก็เป็นของเขาเอง ไอ้เราเป็นบ้าไปฟังไปตอบกับเขา มันก็เป็นบ้าแบบหนึ่ง เราจะไปแก้บ้าของเราเอง เอาละเลิกกันเรื่องนี้ ต่างคนต่างไปแก้บ้าของตัวเองก็แล้วกัน
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |