ลงเข้ามาทำลายศาสนาแล้วเป็นไม่ถอย
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา 10:00 น.
สถานที่ : ศาลาใหญ่ วัดป่าบ้านตาด
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ ศาลาใหญ่วัดป่าบ้านตาด

เมื่อวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๘

ลงเข้ามาทำลายศาสนาแล้วเป็นไม่ถอย

 

ก่อนจังหัน

ตะกี้นี้ประกาศขอรับศีล คำว่าศีลไม่ใช่อยู่ที่พระ นั่นเป็นศีลของท่าน ที่เราว่า มยํ ภนฺเต คือขอเอาพระเป็นพยานในการรับศีล เฉพาะลำพังเราไม่เชื่อตัวเอง จึงต้องเอาพระเป็นพยาน สมาทานต่อหน้าพระให้พระนำหน้าว่า ขนาดนั้นแหละมนุษย์เรา เชื่อตัวเองก็ไม่ได้ ต้องไปเอาพระมาเป็นพยานอีก ให้พากันเข้าใจนะ คำว่ารับศีลไม่ใช่ถอดเอาศีลมาจากพระมาเป็นสมบัติของเราจากการสมาทานศีลของเรา ไม่ใช่อย่างนั้น หลักธรรมที่แท้จริงแล้วคือเอาพระมาเป็นพยาน เรียกว่า สมาทานวิรัติ คือสมาทานจากพระ คำอธิษฐานหรือสมาทานจากพระนี้ เอาพระมาเป็นพยานแล้วก็รับศีล ว่าไปตามท่าน นี่อันหนึ่งเรียกว่า สมาทานวิรัติ

เจตนาวิรัติ เจตนารับศีล งดเว้นในสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อธรรมเราไม่ทำ เช่น ปาณาติบาต เป็นต้น เราเจตนาวิรัติภายในตัวของเรา เท่ากันกับรับจากพระ ที่มีพระนำหน้า นี่ประการที่สอง

สัมปัตตวิรัติ งดเว้นเฉพาะหน้าที่ไปเจอสัตว์ที่ควรฆ่าไม่ฆ่า เจอสิ่งที่ควรขโมยไม่ขโมย เป็นต้น นี่เรียกว่า สัมปัตตวิรัติ นี่ก็เป็นศีล

สมุจเฉทวิรัติ งดเว้นโดยเด็ดขาดไปเลยทีเดียว อันนี้แยกเป็นสองประเภท งดเว้นโดยเด็ดขาดของปุถุชนเรา ไม่ล่วงเกินศีลตลอดไป นี่อันหนึ่ง แยกออกไปอีกเป็นศีลพระอริยะตั้งแต่พระโสดาขึ้นไป ท่านเป็นสมุจเฉทวิรัติ เป็นศีลขึ้นในหลักธรรมชาติ เรียกว่าเป็นศีลสมบูรณ์ พระโสดานี่เรียกว่าพระอริยะ ท่านมีศีล ๕ สมบูรณ์ตั้งแต่ท่านบรรลุธรรมขั้นโสดาขึ้นไป จนกระทั่งวันตาย ไม่จำเป็นจะต้องเอาใครมาเป็นพยาน ไปรับกับสถานที่ใด แม้จะไปรับศีลกับพระเจ้าพระสงฆ์ นำหมู่คณะไปรับ ให้พระเป็นพยานก็ตาม ท่านก็สักแต่เป็นผู้นำว่าเท่านั้น

ส่วนที่ท่านจะมีความรู้สึกว่าเจตนาของเราจะด่างพร้อยไป การรักษาศีลไม่สมบูรณ์แล้วรับใหม่ อย่างนี้ไม่มี ท่านจึงเรียกว่า สีลัพพตปรามาส แปลว่า รับศีลแล้วรับศีลเล่า รับจากที่นี่แล้วก็ทำลาย แล้วก็ไปรับข้างหน้าอีก เอาพระเป็นพยาน เลยไม่มีความหมายพระก็ดี แล้วออกจากนั้นทำศีลขาด แล้วไปรับกับพระอีก พระเลยจะเป็นบ้าเพราะพวกนี้ทำศีลขาด ไปรับเอาพระมาเป็นพยาน นี่เรียกว่า สีลัพพตปรามาส ไม่ต้องรับอีกแล้วสำหรับพระอริยบุคคลตั้งแต่ขั้นพระโสดา คือรับแล้วรับเล่าๆ ท่านเรียกว่า สีลัพพตปรามาส ลูบๆ คลำๆ ไม่เป็นที่แน่ใจตนเอง สำหรับพระอริยะท่านแน่ใจท่านแล้ว จึงไม่รับที่ไหนแหละ สมบูรณ์แบบ นี่สมุจเฉทวิรัติ

ที่กล่าวเหล่านี้ สมาทานวิรัติ รับจากพระ เอาพระเป็นพยาน เจตนาวิรัติ เจ้าของเจตนางดเว้นเอง สมุจเฉทวิรัติ เจ้าของงดเว้นในปัจจุบันเอง เหล่านี้เป็นศีลสมบูรณ์เสมอกันหมด ส่วนมากชาวพุทธเราไม่ค่อยเข้าใจ ไปรับจากพระ คนไปรับไม่ทัน โอ๊ย ไม่ได้ศีลแล้ววันนี้ เป็นอย่างนั้นนะ ครั้นรับไปแล้วก็ไปเป็นสูญไปหมด ทำลายศีล แล้วก็ไปรับกับพระอีก พระเลยจะเป็นบ้าไปเลยเพราะให้ศีลญาติโยม พระศีล ๒๒๗ หมดตัวเลย เพราะพวกนั้นมารับพวกนี้มารับ นี่ไม่ใช่รับศีลประเภทนั้น โดยเอาออกมาจากพระนะ เอาพระเป็นพยานต่างหาก ขอให้ท่านทั้งหลายได้ทราบเอาไว้ การรับศีลมีความจริงอย่างนี้ ตามตำรับตำราเป็นมา ส่วนลูบๆ คลำๆ พวกเรานี้สุ่มสี่สุ่มห้าไม่แน่นักนะ

ต่อไปนี้จะประกาศนำรับศีลนะ (หลวงตากล่าวนำตั้งแต่ นโมฯ....ไปจนกระทั่งถึง ตติยมฺปิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ญาติโยมกล่าวตาม) นี่เราประกาศตนถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ ถึง ๓ ครั้งด้วยกัน ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ตั้งแต่เริ่มแรกเป็น ๓ ครั้ง เพื่อให้เป็นที่แน่ใจของเรา เราน้อมนึกพระพุทธเจ้าเข้ามาสู่ใจของเรา เรียกว่าเรามีที่พึ่งคือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งของเรา พร้อมกับการรับศีลจากพระ ให้พากันเข้าใจอย่างนี้ ต่อไปจะว่าศีลเป็นองค์ๆ ไปนะ (หลวงตาเริ่มให้ศีลตั้งแต่ข้อ ปาณา..จบลงด้วยข้อ สุรา..และกล่าวท้ายศีล ๕ อิมานิ ปญฺจ สิกฺขาปทานิ, สีเลน สุคตึ ยนฺติ, สีเลน โภคสมฺปทา, สีเลน นิพฺพุตึ ยนฺติ, ตสฺมา สีลํ วิโสธเย.)

นี่ท่านสรุปอานิสงส์ของการรับศีล ท่านว่า สีเลน สุคตึ ยนฺติ ผู้ที่จะไปสู่สุคติ ไปสู่สวรรค์ พรหมโลก นิพพานได้ ก็เพราะมีศีลเป็นสำคัญจริงๆ สีเลน โภคสมฺปทา ผู้จะถึงพร้อมด้วยสมบัติอันเป็นที่ชุ่มเย็นก็เพราะศีลพาขวนขวาย ไม่หาฉกหาลักหาปล้นหาสะดมเขามา เป็นเศรษฐีด้วยความเป็นโจร ผู้มีศีลขวนขวายหามาด้วยความชอบธรรม นี่เรียกว่าผู้ที่จะไปสู่สุคติได้ก็เพราะศีล เข้าใจไหม สีเลน นิพฺพุตึ ยนฺติ ผู้ที่จะถึงนิพพาน ดับกองทุกข์ทั้งมวลได้ก็เพราะศีล ตสฺมา สีลํ วิโสธเย เพราะเหตุนั้นท่านทั้งหลายพึงชำระศีลของตนให้บริสุทธิ์ผุดผ่องเถิด เข้าใจไหม

หลังจังหัน

         นักข่าวหนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย ได้เรียนถามปัญหาหลวงตาดังนี้

นักข่าว เกี่ยวกับเรื่องร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งพระราชบัญญัติฉบับนี้เป็นการจัดตั้งองค์กรมหาชน เป็นองค์กรมหาชนแล้วก็มีการร่วมทุนกันระหว่างนักธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศ คราวนี้ในเนื้อหาระบุว่า จะเอาที่ธรณีสงฆ์ไปจัดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษด้วย หลวงตาเห็นว่าควรหรือไม่อย่างไรเกี่ยวกับเอาที่ธรณีสงฆ์ไปจัดด้วย

หลวงตา ไม่สมควร ที่ธรณีสงฆ์เป็นสมบัติของพระสงฆ์ทั่วประเทศไทย แล้วเฉลี่ยผลประโยชน์ของธรณีของสงฆ์นี้ออกทั่วประเทศไทยเหมือนกัน ทางบ้านเมืองที่จะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ธรณีสงฆ์จึงไม่สมควร สงฆ์เป็นสงฆ์ พระเป็นพระ ศาสนาเป็นศาสนา ไม่สมควรที่จะมาแบ่งมาแยกออกไป ถ้าแบ่งแยกออกไปแล้วศาสนาก็กลายเป็นโลกไปหมด โลกเอาไปถลุงกันหมด ไม่มีความหมาย ว่าอย่างนั้นเลย จึงไม่สมควรที่จะเอาเรื่องที่ธรณีสงฆ์ไปเกี่ยวกับเรื่องชาติเรื่องบ้านเมือง เราเห็นอย่างนั้น

นักข่าว ส่วนใหญ่จะได้รับผลจากพระบรมวงศานุวงศ์ แล้วก็ประชาชนทั่วไปที่ปวารณาถวายให้กับคณะสงฆ์ แต่ร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษฉบับนี้ จะนำที่ธรณีสงฆ์ไปจัดหากำไร ทีนี้จะผิดพระวินัยไหมครับหลวงตา

หลวงตา หาผลกำไรของเขานั้นมันก็ผิด เรื่องของที่ดินสงฆ์ท่านจัดของท่านเอง เป็นส่วนของสงฆ์ไปเองไม่ผิด เพราะฉะนั้นจึงให้พวกนี้ให้ที่ธรณีสงฆ์เป็นเจ้าของแล้วเป็นผู้จัดการเอง เป็นเจ้าของสมบัติเหล่านี้เองถูกต้อง คนอื่นมายุ่งไม่ถูก

นักข่าว มีอยู่ข้อหนึ่งคือว่า หากมหาเถรสมาคมพิจารณาอนุญาตตามกฎมหาเถรสมาคมแล้ว เจ้าอาวาสอนุญาตให้เขาก็นำไปจัดได้ครับ

หลวงตา มหาเถรสมาคมมีความหมายอะไรทุกวันนี้น่ะ มหาเถรสมาคมก็สมเด็จเกี่ยวเป็นหัวหน้าอยู่นั้น เป็นมหาโจร เอาคนผิดเข้ามาใส่มหาเถรสมาคม นายอุดมที่เขาว่าเจริญๆ นามสกุลมันน่ะ มันเป็นคนเสียหายมาเท่าไรไปทำงานในสำนักงานพระพุทธศาสนา ให้ไปเป็นหัวหน้ามันไปทำลายอยู่ในนั้นแหลกหมดเลย ทางคณะสงฆ์ไทยจึงขับออก กระเทือนถึงนายก จึงต้องได้จัดการใหม่ ไล่นายอุดมนี้ออกจากสำนักนั้น เวลาไล่ออกไปแล้ว เขาขออยู่จนกระทั่งครบเกษียณ ทางนี้ก็อนุโลมให้อยู่ครบเกษียณได้ แต่ในระหว่างที่ยังไม่ครบเกษียณจะไปทำงานเหลวแหลกแหวกแนวอย่างนี้ไม่ได้ บอกงั้นนะ แต่เวลายังไม่เกษียณเขาทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเป็นความเสียหายแก่ศาสนา จากนั้นมาสมเด็จเกี่ยวก็ไปลากเอาคนที่เป็นมหาภัยต่อศาสนานี้ ให้มาอยู่ในมหาเถรสมาคม คนนี้ผิดเท่าไรพระสงฆ์ไทยขับออกแล้ว สมเด็จเกี่ยวนี้ก็เป็นสมเด็จโจรไป มันไปเอาคนผิดคนเป็นมหาภัยเข้ามาอยู่ในมหาเถรสมาคม ให้มาเป็นที่ปรึกษา นายอุดมนี่ให้มาเป็นที่ปรึกษาอะไร

พูดถึงหลักของมหาเถรสมาคม ฆราวาสญาติโยมไปเกี่ยวข้องที่ไหนได้ เป็นเรื่องของมหาเถรสมาคมโดยตรง อันนี้นายอุดมมันเป็นฆราวาส ยังบอกให้เป็นที่ปรึกษาหารืออะไรๆ ว่าสมเด็จเกี่ยวสั่งมา ก็เป็นความผิดของสมเด็จเกี่ยวอีกเป็นคนสั่งเอาคนผิดเข้ามา คนเป็นพิษเป็นภัยเข้ามาอยู่ในมหาเถรสมาคม มหาเถรสมาคมก็เป็นลูกน้องของสมเด็จเกี่ยวมหาโจรนั่นเอง ทีนี้ก็พูดอะไรไม่ออกอยู่อย่างนั้น เวลานี้นายอุดมเข้าไปเป็นเจ้าตัวการเป็นแก่นคอยบัญชาการอยู่ในนั้น ให้คำปรึกษาหารือด้วยความยินดีเราไม่เห็นด้วยเลย เพราะเป็นคนที่เป็นภัยมากแล้ว สมเด็จเกี่ยวไปลากเอาเข้ามานี้ มันจะมาเป็นภัยต่อมหาเถรสมาคมอยู่โดยตรง เข้าใจไหมล่ะ ด้วยเหตุนี้เองมหาเถรสมาคมจึงกลายเป็นแหล่งมหาโจร ไม่เรียกมหาเถรสมาคม จะปรึกษาหารืออะไรจากมหาเถรสมาคมนี้ไม่มีความหมาย สำหรับพระไทยผู้ทรงศีลทรงธรรมท่านไม่ยอมรับแล้ว

นักข่าว เมื่อเขาเข้ามาได้ เป็นมติมหาเถรสมาคม ในเมื่อไม่มีประโยชน์ต่อพุทธศาสนา ควรจะให้เอาออกไปโดยมติมหาเถรสมาคม

หลวงตา ควรไม่ควรก็บอกแล้วมันหน้าด้านเฉยๆ มันไม่เอาออก สมเด็จเกี่ยวนั่นละตัวหน้าด้านไม่ยอมเอาออก เอาคนเป็นมหาภัยเข้ามาสู่มหาเถรสมาคม มหาเถรสมาคมเลยกลายเป็นมหาภัยเป็นมหาโจรแล้วเวลานี้ พระสงฆ์ไทยไม่ยอมรับ บอกตรงๆ จะสั่งเสียอะไรมาพระสงฆ์ไทยไม่ยอมรับ ไม่เล่นด้วยเลย เรื่องเป็นอย่างนี้ละ ผิดที่ไหนถูกที่ไหนฟังเอาซิ จึงได้เรียกสมเด็จเกี่ยวเป็นมหาโจร ตั้งหน้าตั้งตาทำความผิด ทำร้ายพุทธศาสนาโดยตรง ผู้ใดที่ผิดมันว่าถูก ไม่ยอมฟังเสียงใครทั้งนั้น ใครจะว่ายังไงมันไม่ยอมฟัง เพราะฉะนั้นฝ่ายพระสงฆ์ผู้ทรงศีลทรงธรรมพระไทยเราจึงไม่ยอมรับมหาเถรสมาคม จะสั่งไปไหนก็สั่งไปเถอะไม่มีความหมาย เพราะเป็นแหล่งมหาโจรแล้ว อยู่ในความควบคุมของสมเด็จเกี่ยวซึ่งเป็นหัวหน้าโจรแล้ว เอ้าว่ามาถามมาเลยจะตอบ

นักข่าว ร่างพระราชบัญญัติฉบันนี้ถ้าหากว่ามหาเถรสมาคมยินยอมให้ใช้ที่ธรณีสงฆ์แสวงหากำไร

หลวงตา ยินยอมไม่ยินยอมก็เป็นพวกมหาโจรนั่นเอง จะเป็นอะไรมหาเถรสมาคม มันกลายเป็นมหาโจรไปแล้ว

นักข่าว จะส่งผลให้พระต้องปาราชิกหมดไหมครับอย่างนั้นในเมื่อเอาทรัพย์สินของผู้อื่นไปให้ทำกำไรอย่างนี้

หลวงตา หือ

นักข่าว คณะสงฆ์ที่เป็นมหาเถรสมาคมก็ดี เจ้าอาวาสวัดก็ดี ถ้าอนุญาตให้ผู้อื่นนำที่ธรณีสงฆ์ไปใช้แสวงหากำไร จะต้องอาบัติปาราชิกไหมครับ

หลวงตา อาบัติไม่อาบัติก็ตาม บอกว่าผิดเท่านั้นเอง ส่วนที่จะแยกแยะไปเป็นอาบัติอาจีอะไรเป็นอีกประเภทหนึ่ง ที่ดำเนินนี้ผิดเรื่องที่ธรณีสงฆ์ฆราวาสเอาไปถลุงหมดจะว่าไง เรื่องของฆราวาสมีขอบมีเขตที่ไหน พระสงฆ์ท่านมีขอบมีเขต ที่ธรณีสงฆ์ของวัดใดๆ ท่านเป็นผู้รับผิดชอบตลอดมา ไม่ว่าที่ไหนเหมือนกัน ตามหลักธรรมวินัยมีอย่างนั้น ที่จะเอาไปทำอีลุ่ยฉุยแฉกอย่างนี้ไม่ใช่ทางของที่ธรณีสงฆ์ที่จะปฏิบัติตามได้ ไม่เห็นด้วย ถ้าพูดตามสบายเราก็ว่าไม่ได้ มาเอาไปนี้ไม่ได้ เอาไปก็เอาไปแบบหน้าดื้อหน้าด้าน แบบมหาโจรนั่นเอง

นักข่าว ทราบว่าร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ นายวิษณุ เครืองาม ท่านได้พิจารณาแล้วและเห็นชอบที่จะนำเข้าสู่คณะรัฐมนตรี

หลวงตา ไอ้วิษณุ เครืองาม มันเห็นชอบหมด ถ้าอะไรที่จะไปทำลายศาสนา วิษณุ เครืองาม มันชอบทั้งหมดมันเห็นด้วยทั้งหมด ที่จะให้คนไทยจมจากศาสนานี้ วิษณุ เครืองาม เป็นผู้บ่งบอกทั้งนั้นแหละ อำนาจของนายวิษณุ เครืองาม คืออำนาจทำลายศาสนา ไม่เห็นตรงไหนที่วิษณุ เครืองาม จะมาส่งเสริมศาสนาให้เราได้อนุโมทนา เรียนมาด้วยกัน รู้มาด้วยกันอันใดผิดอันใดถูก แล้ววิษณุ เครืองาม มันไปเรียนคัมภีร์ไหน มีแต่คัมภีร์ทำลายศาสนาทั้งนั้นที่มันเรียน มันออกกฎหมายกฎหมอยอยู่ทุกวันนี้ กฎหมาย กฎหมอย กฎหมา กฎหมัด มันใช้อยู่เวลานี้จะเป็นใครไป ถ้าเรื่องศาสนาจริงๆ ก็ต้องดำเนินตามนั้น

นี่มันถืออำนาจบาตรหลวงป่าๆ ของมัน เขาเรียกปาราสิด ที่จะทำลายชาติศาสนา เวลานี้ก็กำลังเริ่มแล้ว มันจะทำลายเรื่องเกี่ยวกับป่ากับอะไรนี้ คราวนี้กำลังเตรียมพร้อมชาติไทย เอา ฟัดกัน บอกงั้นเลย ให้ถอยเป็นไม่มี คนไทยทั้งชาติรักษาศาสนามาด้วยอำนาจของนายวิษณุเหรอ หรือมาด้วยอำนาจของพุทธศาสนา แล้วมันมีอำนาจมาจากไหน บาตรหลวงมาจากไหน นายวิษณุ สรณํ คจฺฉามิ มีใครว่าไหม แต่ พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ เขากราบกันทั่วโลกเมืองไทยที่เป็นชาวพุทธ

นักข่าว ทราบว่าหลังจากรัฐบาลฟอร์มคณะรัฐมนตรีเสร็จ ก็จะมีการเปิดประชุมคณะรัฐมนตรี ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ก็จะเข้า หลวงตาจะมีทางใดที่จะให้เขาถอดถอนเรื่องที่ธรณีสงฆ์ออกไปจากกฎหมายนี้ไหมครับ

หลวงตา ก็เมื่อบอกว่าผิดแล้ว ถ้าเขาเป็นธรรมต่อศาสนาแล้วต้องถอน มิหนำซ้ำไม่ควรจะมาแย็บแสดงความโง่ความทำลายศาสนา ให้ประชาชนทั้งประเทศได้เห็นพอที่จะต้องถอนออกไป ถอนออกไปมันทำแล้วถึงต้องถอนใช่ไหมล่ะ มันเสียมาแล้วนั่น ไม่จำเป็นจะต้องมาทำให้ได้ถอนถ้าเป็นคนธรรมดา เข้าใจแล้วเหรอ

นักข่าว มีนักกฎหมายหลายท่านได้ดูร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้แล้ว เห็นว่าซ้ำซ้อนกับร่างพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดิน ซึ่งร่างพระราชบัญญัติฉบับนั้นได้ถอนคำว่าที่วัดที่ธรณีสงฆ์ออกไปหมดแล้ว แต่การดำเนินธุรกิจเรื่องเกี่ยวกับที่ดิน ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ก็ร่างขึ้นมาแทน อย่างนี้เท่ากับเป็นการจงใจที่จะเอาที่ดินพุทธศาสนาไป

         หลวงตา ก็มันจงใจมานานแล้ว ยังไม่รู้อยู่เหรอ ไอ้ผู้มาถามหนังสือพิมพ์ไทยนี่ก็ดี มันจงใจมานานแล้ว ฟัดกันมานานแล้วนี่นะ ลบล้างกันๆ มันหาแต่เรื่องกาฝากมหาภัยเข้ามาสู่เนื้อแท้ของศาสนาให้แหลกเหลวไปหมด ปัดกันออกตลอดเวลา เข้าใจแล้วยังหนังสือพิมพ์ไทยนี่

         นักข่าว รู้สึกว่าเป็นที่น่าผิดสังเกตที่ว่ากระทรวงทุกส่วนราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ดิน เขาได้เสนอความเห็นไปหมดแล้วว่าควรหรือไม่ควรอย่างไร เห็นชอบด้วยหรือไม่เห็นชอบด้วยอย่างไรกับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ แต่สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติกับมหาเถรสมาคมยังไม่แสดงความคิดเห็นเข้าไปครับหลวงตา

         หลวงตา ก็ท่านจะแสดงอะไร ท่านวางไว้เป็นสุภาพชน ก็อย่างนั้นแหละ  เรื่องผิดท่านรู้เหมือนกันหมด ไม่รู้มาเป็นประธานของสำนักงานพุทธศาสนาได้ยังไง เรียกว่าสุภาพชน ว่าอย่างนั้นนะ มหาเถรสมาคมว่าไม่ว่ามันก็เป็นมหาโจรอยู่แล้ว ก็จะให้ว่าอะไรอีก จะให้เลยมหาโจรไปจะเป็นอะไร ตั้งมหากี่มหาว่ะ

         นักข่าว หลวงตาเห็นว่าคนไทยคนพุทธทุกๆ คน ที่เป็นเจ้าของศาสนพุทธด้วยกัน ควรจะร่วมกันออกมาดูแลร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ไหมครับ

         หลวงตา ไม่ควรอะไร ถ้าออกมาเมื่อไรซัดเมื่อนั้นเลย ไม่ต้องว่าควรไม่ควร เวลานี้คนไทยพร้อมแล้ว คนนี้คนเดียวมันเอาอำนาจบาตรหลวงมาจากไหนมาปกครอง มาบีบบี้สีไฟคนทั้งชาติซึ่งถือพุทธศาสนา มันเอาความวิเศษวิโสอะไรมาให้คนไทยกราบยอมรับ หมอบ ไม่มีหมอบ บอกไม่หมอบว่างั้นเลย เอ้าเอาเก่งเข้ามา ว่างั้นเลย หลักความจริงมีอยู่ทำไมไม่ยอมรับกัน นี่พูดถึงว่าเอ้าเก่งให้เข้ามา ถ้าไม่เก่งตกเวทีนะ อันหนึ่งมีหลักมีเกณฑ์นี่ เขารักษามาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์พุทธศาสนา นี้เกิดมากี่ปีกี่เดือนมันมีแต่มาทำลาย มันจะเอาความวิเศษศักดิ์สิทธิ์มาจากไหน มาอวดคนไทยทั้งประเทศที่มีทั้งพระเจ้าพระสงฆ์ผู้ทรงศีลทรงธรรมมากมาย เอาอะไรมาอวดล่ะ มีอะไรว่ามาอีก

         นักข่าว ก็ไม่มีอะไรนอกจากจะกราบนมัสการหลวงตา

         หลวงตา พูดเลย ลงเลย ถ้าลงได้เอาออกแล้วขึ้นสนามเลย เราไม่มีขยาดครั่นคร้ามกับสิ่งใด เราจะเอาแต่ความจริงออกพูดเท่านั้น เข้าใจเหรอ เขาก็เรียนเราก็เรียน เรียนหลักธรรมหลักวินัย ออกมาจากคัมภีร์ไหนมันก็รู้ด้วยกัน อันนี้มันปีนเกลียวของศาสนา เหยียบศาสนาแหลกเหลวมาเป็นประจำ จะให้ยอมรับได้ยังไง ผู้ปฏิบัติดีท่านปฏิบัติ ผู้รักษาท่านรักษาอยู่ แล้วมันเสือกมาทำลายหาอะไร เราอยากว่าเสือก เข้าใจไหม ถ้าไม่ใช่มันดื้อด้านเหลือประมาณ

         นักข่าว เท่าที่ทราบมานี้ ร่างพระราชฉบับนี้ไม่ได้ใช้เฉพาะที่ดินอย่างเดียว โบราณสถานหรือว่าวัตถุโบราณ...

         หลวงตา มันควรจะได้กินมันกินหมด อย่าว่าแต่ที่ดิน มันควรกินหมดมันจะกินหมด เวลานี้กำลังแต่งทุกอย่างแผนของมันจะกินคนไทยทั้งชาติ-ศาสนาจมทะเลหลวง เข้าใจเหรอ มันจะเป็นใหญ่เป็นโตครอบคนทั้งประเทศ เหมือนหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งปกครองคนนั่นเอง เข้าใจไหม ข้อเปรียบเทียบ ผิดถูกอะไร เขาไม่ได้เป็นหมาแต่มันเหมือนหมาก็บอกเหมือนหมาละซิ เอ้าว่ามา

         นักข่าว ทราบมาว่าประชาชนชาวพุทธทั้งหลาย มีความห่วงใยในเรื่องพุทธศาสนาและหวงแหนขนบธรรมเนียมประเพณี หวงแหนศาสนสมบัติที่ปู่ย่าตายายได้สร้างมา เขายังรอฟังเสียงหลวงตาอยู่ว่าหลวงตาจะให้เดินไปทางไหน

         หลวงตา เดินไปทางไหน เราก็ออกแล้วนี่ เราออกแล้วเรื่องขนบประเพณี  เช่นเรื่องพระราชอำนาจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ทรงสถาปนา หรือตั้งสมเด็จพระสังฆราชขึ้นมาเป็นลำดับลำดา แล้วประชาชนตลอดพระเจ้าพระสงฆ์ทั่วประเทศไทยอนุโมทนาสาธุการ น้อมรับเป็นสิริมงคลอันยิ่งใหญ่มาโดยลำดับลำดา แล้วมันเอาความรู้หมาขี้เรื้อนมาจากไหน มาลากเอาอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปครอง หมาขี้เรื้อนครองทองคำได้ไหม พิจารณาซิ นี้ละแบบพวกแย่งชิงเอาไป

         เราไม่เห็นด้วยเราก็บอกไม่เห็นด้วย ถึงจะเอาไปไหนก็ตาม ธรรมความจริงไม่เห็นด้วยอยู่ตลอด มันเอาไปก็เป็นแบบโจรแบบมาร เจ้าของสมบัติคือพวกเรารักษาความดีงามไว้ นี่เรารักษาอยู่ อำนาจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อไร คนไทยทั้งชาติ พระเจ้าพระสงฆ์ทั่วประเทศไทยน้อมรับหมด พระองค์ทรงสถาปนาหรือตั้งสมเด็จพระสังฆราชเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น หน้าที่การงานอะไรที่เกี่ยวกับสมเด็จพระสังฆราช ก็เป็นหน้าที่การงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงพินิจพิจารณา หรือแต่งตั้งใครมาจัดทำก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องตาลีตาลานเข้ามา ปีนเกลียวเข้ามาอยากเป็นสมเด็จพระสังฆราชหลายๆ องค์ เป็นทีละสิบองค์ยี่สิบองค์ไปอย่างนั้น เข้าใจแล้วเหรอ

         นี่มันทะลึ่ง มันดื้อด้านเข้าใจไหม สังฆราชดื้อด้านถ้าเป็นสังฆราชขึ้นมา ไม่มีใครกราบ หมาก็ไม่กราบสังฆราชแบบนี้ กราบสังฆราชที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งเท่านั้น กราบทั่วประเทศไทยอันนี้ ที่มาตั้งแบบนี้ไม่มีใครกราบนอกจากหมาขี้เรื้อน เรายังไม่ได้ถามไอ้ปุ๊กกี้เรา มึงจะกราบไหมสมเด็จสังฆราชแบบนี้ น่ากลัวมันจะไล่กัดเอาจะว่าไง เอาละพอ

         นักข่าว เป็นที่น่าอับอายไหมครับที่ศาสนาพุทธเรา มีการตั้งสมเด็จสังฆราชซ้อนขึ้นมา ขณะที่ศาสนาคริสต์ พระสันตะปาปาปอลก็ป่วยหนัก แต่ก็ไม่มีใครที่จะไปตั้งพระสันตะปาปาขึ้นมาแทน

         หลวงตา อันนั้นเรื่องปลาๆ ไอ้เรื่องปูๆ นี่เรื่องของเรา ปลากับปูมันต่างกัน เราไม่ยุ่งนั่น แต่อย่ามายุ่งปูนี่ก็แล้วกัน ปูง่ามมันมีเดี๋ยวมันงับเอาหลงทิศเอานะ ปูมันมีง่ามงับเอาเลย เอ้าถามมา ถ้าว่าจะตอบแล้วเอามาเลย ไม่มีถอย ไม่เหมือนใคร

         นักข่าว กรณีของร่างพระราชบัญญัติ องค์หลวงตาจะแจ้งไปทางนายกฯเองหรือว่าจะให้ประชาชนเข้าไปแจ้ง

         หลวงตา เราก็แสดงแล้วทั่วประเทศไทย นายกฯหรือไม่นายกฯใครก็ทราบทั่วประเทศไทยว่าผิดถูกมากน้อยเพียงไร ที่ไปแย่งเอาพระอำนาจสมเด็จพระสังฆราชที่ประชาชน พร้อมทั้งพระเจ้าพระสงฆ์เห็นดีเห็นชอบ น้อมรับถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมานมนานเท่าไร เขารู้กันทั่วโลกอยู่แล้ว (ตะกี้ว่าหลวงตาจะแจ้งนายกฯหรือไม่ครับ) ไม่เห็นจำเป็น ประกาศออกทางวิทยุ นายกฯไม่ใช่คนหูหนวก ทำไมโลกเขารู้กันทั้งประเทศ นายกฯเราไม่ได้ยินไม่รู้ไม่เห็นจะเป็นนายกฯได้ยังไง นายกฯต้องหูแหลมคมซิ ไม่จำเป็นต้องประกาศให้นายกฯทราบละ หลวงตาบัวประกาศออกทางวิทยุแล้ว และหลวงตาบัวก็เป็นอาจารย์ของนายกด้วย ไม่ใช่นายกมาเป็นอาจารย์ของหลวงตาบัว หลวงตาบัวเป็นอาจารย์ของนายก พูดได้ เข้าใจไหม เพราะฉะนั้นเวลาเราเตือนไปทางนายก ฝ่ายปรปักษ์เขาจึงมาเอาเราเป็นเครื่องมือ ว่าหลวงตาบัวโจมตีนายก นายกคนนี้จึงไม่สมควรที่จะมาเป็นนายกอีกต่อไปแล้ว เขาว่าอย่างนั้น เราจับอันนี้ได้ตีคืนหลังว่า พวกนี้พวกโจมตีนายก ซัดตรงนี้ หลวงตาบัวเตือนนายกไม่ได้ใครจะเตือน เราเป็นอาจารย์ของนายก นายกไม่ใช่เป็นอาจารย์ของเรา ลูกศิษย์กับอาจารย์เตือนกันเป็นทางธรรม ทำไมเตือนไม่ได้ เราไม่ได้โจมตีนี่นะ มาหาเรื่องอะไรว่าเราโจมตี ก็พวกโจมตีนี่เองไม่อยากให้เป็นนายกอีกต่อไป เขาจะเป็นนายกแทน เราก็ซัดย้อนหลังละซี

นักข่าว ถ้านายกทราบว่าหลวงตาเทศน์ แล้วท่านไม่ทำล่ะครับ ยังปล่อยให้ดำเนินการได้ต่อไป คือปล่อยให้ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ออกมาบังคับใช้

หลวงตา นายกไม่ได้ทำ พวกเปรตต่างหากมันทำ ถ้าทำเราตีปากนายกก็ได้จะว่าอะไร ก็นายกเป็นลูกศิษย์เรา เราทำไมตีปากนายกไม่ได้ อันนี้คนนี้ทำต่างหาก เราพูดตามเรื่องนี้ต่างหากไม่ไปเกี่ยวข้องกับนายกเรา นายกเราไม่เห็นผิดอะไร เรื่องอันนี้เป็นคนอื่นทำ ที่นายกไม่ทราบมีเยอะนะ พอได้เงื่อนจากนายกมันไปตีแขนงเป็นความเสียหายออกมากมาย อย่างที่มาตั้งนี้นายกพูดเพียง ๓ ข้อไม่ใช่หรือ พูดแล้วก็ไม่เห็นขัดแย้งอะไรกับอรรถกับธรรม เราก็ฟังธรรมดา พออันนี้ออกมานี้จะยึดตรงนั้นจะยึดตรงนี้ ฟาดเข้าไปที่ธรณีสงฆ์ ดีไม่ดีจะไล่พระป่าออกจากป่าเอามาขังไว้ในคอกในส้วมในถานในบ้านในเมือง

นี่เริ่มจะขึ้นแล้ว แต่ก่อนก็มีกรมป่าไม้ นี่ออกแล้วมันจะเอาอำนาจเหนือกรมป่าไม้มาครอบหมด แล้วไล่พระป่าออกจากป่า ก็เท่ากับไล่พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์สาวกออกจากป่า เข้ามาอยู่ในบ้าน ถูกขังอยู่ในบ้าน ศาสนาจมที่ตรงนี้ เพราะฉะนั้นอันนี้จึงไม่ได้ ว่างั้นเลย ถ้าจะเอากันจริงๆ ก็เอ้า ใครจะตกทะเลก็ให้ตก บอกเลย คนทั้งชาติไทยจะยอมอำนาจป่าเถื่อนนี้ไม่ได้เป็นอันขาด หลักเกณฑ์มีอยู่ ถ้าจะให้ศาสนาจมก็ เอา ยอมตามอำนาจป่าเถื่อนนี้ ศาสนาก็จมไม่มีอะไรเหลือ ถ้าจะยอมรับศาสนาขับมันออก เข้าใจเหรอ คนกีดขวางโลกเอามาไว้ทำไม กีดขวางศาสนาเอาไว้ทำไม ก็มีเท่านั้น นี่เรื่องความจริงเราพูดอย่างนี้เข้าใจไหม แล้วมีอะไรอีกล่ะ

         นักข่าว ไม่มีแล้วครับหลวงตา

         หลวงตา ไม่มีก็หมด เอาละเราก็อยากให้หมดอยู่แล้วเราเหนื่อย มาซิสามแดนโลกธาตุนี่ เราพิจารณาโดยธรรม พูดโดยธรรม เราจึงไม่เคยสะทกสะท้านกับใครทั้งนั้น ในโลกอันนี้ไม่เคยสะทกสะท้าน ถ้าเป็นธรรมแล้วผมเส้นเดียวเรากราบทันที ฝืนไม่ได้เลย ถ้าเป็นเรื่องของกิเลสเหยียบแหลกเลย มันสกปรก ไม่ได้สนใจกับมัน นี่ก็ชะล้างสิ่งที่สกปรกนั่นเอง ธรรมจะชะล้าง อะไรจะสะอาดยิ่งกว่าธรรมวะ สกปรกนี่น่ะมันยุ่งกันอยู่ตลอดเวลา กัดกันยิ่งกว่าหมา เทศน์กัณฑ์นี้ก็คงกระเทือนทั่วประเทศไทยแล้วนะ ให้มันถึงขีดถึงแดน ถ้าลงเข้ามาทำลายศาสนาแล้วเป็นไม่ถอย

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก