ข้าศึกศาสนา
วันที่ 27 ธันวาคม 2547 เวลา 18:30 น.
สถานที่ : กุฏิหลวงตา สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมพระสงฆ์และฆราวาส

ณ กุฏิหลวงตา สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

เมื่อค่ำวันที่ ๒๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

ข้าศึกศาสนา

 

         ในวงกรรมฐานนี้ก็อยู่กับเราหมดนะ วงกรรมฐานทั้งหมดอยู่กับเรา เราไปที่นั่น บ้างที่นี่บ้าง ไปเรื่อยๆ นะ ไปเตือนพระเรื่อยๆ ให้มีความเข้มงวดกวดขันกับการปฏิบัติ ไม่ให้ลดหย่อนผ่อนผัน เพราะปรกติสำหรับวัดป่าบ้านตาดนั้นจะมีบ้างเป็นบางเวลาที่พระท่านมาช่วย นอกจากนั้นก็ให้อยู่นู้นไม่ให้ออกมา เราถือธรรมเป็นสำคัญมากทีเดียว ในโลกอันนี้ไม่มีอะไรสำคัญยิ่งกว่าธรรม ในใจนี้ก็ไม่มีอะไรสำคัญยิ่งกว่าใจกับธรรมสัมผัสกัน

         ใครมีใจสัมผัสกับธรรม รักบุญรักกุศล รักศีลรักธรรม ผู้นั้นจะเย็น ไม่ขึ้นอยู่กับความมีความจน ชั้นนั้นชั้นนี้เรียนมาอะไรไม่มี มีแต่กิเลสเหยียบหัวไปหมด เหล่านี้อยู่ใต้อำนาจของกิเลสทั้งนั้น เพราะฉะนั้นจึงหาความสุขไม่ได้ ถ้าธรรมแทรกเข้าที่ไหนจะค่อยเบิกออก ความทุกข์ความยุ่งเหยิงทั้งหลายจะค่อยจางไป ธรรมเข้าแล้วจิตใจจะได้มีความสงบร่มเย็น ชุ่มเย็น มันอยู่จุดนี้นะ เพียงย่อยๆ เท่านี้ก็ตีแผ่ไปถึงส่วนใหญ่แล้ว เรื่องธรรมเป็นของสำคัญเท่าไร

         เราจึงไม่เคยอ่อนนะ สำหรับวัดเราอ่อนไม่ได้ ใครมาเลอะๆ เทอะๆ ให้เห็นไล่หนีเลยนะ เราไม่เอาไว้ ยิ่งจะถือกล้องมาแล้ว(ไล่)หนีทันทีเลย โทรศัพท์มือถือเราก็ยกเว้นให้เครื่องเดียว เพราะมีความจำเป็นเกี่ยวกับวัดเรา ติดต่อมาทั่วประเทศเขตแดนเกี่ยวกับเรา ผู้นั้นต้องรับโทรศัพท์เรื่องอะไรๆ ก็เข้าหาเราๆ แล้วออกจากโทรศัพท์ จึงได้อนุโลม ใครจะไปยุ่งเรื่องอื่นไม่ได้นะ จะให้มีเฉพาะเรื่องของเราเท่านั้น นอกจากนั้นมีไม่ได้ เจอเข้าตรงไหนไล่ทันที

         กล้องถ่ายรูปหนึ่ง แล้วก็โทรศัพท์หนึ่ง นี้เป็นอันตรายมากสำหรับพระเรา โทรศัพท์มือถือนี้สุดยอดเลยเชียว อันตรายสุดยอดเลย วันนั้นตอนตีห้าเราก็ลงมาที่เมรุอาจารย์เจี๊ยะที่กำลังเผาศพ ตอนตีห้าเงียบๆ คนบางๆ เราก็เลยด้อมออกมา จากทางจงกรมแล้วก็ออกมา มาก็ด้อมๆ ไปขึ้นไปนู้นไปดู (พระ)เห็นเรามานี่ พระแสดงว่ามึนชาหน้าด้านพอแล้ว อ่านนิสัยสันดานได้ชัดเจนในขณะนั้น ธรรมดาถ้ารู้ผิดรู้ถูกอยู่บ้างแล้วพอเห็นเรานี้จะหลบทันที ผู้ถือกล้องหรือเอากล้องห้อยคอมานะพระกรรมฐานเรา

         นี่มันสีกรรมฐานเรายังไม่ทราบชัดเจนว่ามาจากวัดไหน พอเห็นเราก็ปุ๊บปั๊บเข้ามา เข้ามานี่เลยละมันไม่รู้เสือโคร่งใหญ่ มาก็ปุ๊บปั๊บถ่ายก็ฟัดเอากับนั้นเลย หงายหมาไปเลยเชียวนะ เอาอย่างหนักทีเดียว คนเต็มอยู่นั้นก็ช่าง ซัดพระองค์นี้ ไม่ได้ถามว่าอยู่วัดไหนเท่านั้นแหละ เปรี้ยงๆๆ เหอ พระยังไง ซัดเอากันอย่างหนักเลย นั่นเห็นไหมบทเวลาจะขึ้นทันทีเลย เหมือนมรสุมใหญ่ที่มันเอาคนตายเป็นหมื่นนั่นแหละ อันนี้ก็แบบนั้นละเปรี้ยงเลยทันที คือมันหน้าด้าน มันไม่รู้จักสูงจักต่ำ ไม่รู้จักผิดจักถูก มันเคยพอแล้ว มันชินชาหน้าด้านจนไม่รู้จักว่าใครเป็นใคร ถ้าธรรมดาแล้วมันต้องหลบ เห็นครูบาอาจารย์แล้วมันต้องหลบ นี้ปุบปับๆ เข้ามาเลย พอดีปุบปับๆ ก็ใส่เปรี้ยง พอดีกันเลย

         อันนี้ละที่พระทั่วประเทศไทยนี้มันกลืนเอาหมดแล้ว โทรศัพท์มือถือกับกล้องถ่ายรูปถือเป็นความโก้ความเก๋ ทันสมัยเหมือนโลกเขาทั่วไป ไม่รู้ว่าเน่าเฟะแล้วนะนั่น พระเหล่านี้เน่าเฟะไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรเหลือติดตัว เหลือแต่หัวโล้นๆ กับผ้าเหลืองเท่านั้น มันหมดยางอายแล้ว มันด้านขนาดนั้น ถือกล้องถ่ายรูปและคล้องคอไป คือมันลืมตัวพอแล้ว มันหน้าด้าน และโทรศัพท์มือถือก็ติดย่ามไปตลอด ติดมือไปตลอด นี่พระทันสมัย พระล้ำยุคล้ำสมัย เลยเทวทัตไปแล้วพวกนี้

         มันเลวขนาดนั้นพระเรา ไม่มีศีลธรรมติดตัวเลย ถ้ามีจะมายุ่งกับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ ศีลธรรมบอกไว้อย่างชัดเจนหมดแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องมาอธิบายให้กันฟัง แล้วมันก็มาทำแบบหน้าด้าน นี่ละพระสมัยปัจจุบัน มันทำเหลวแหลกแหวกแนวต่อพุทธศาสนา พระนี่เป็นหัวหน้าทำลายศาสนา เวลานี้กำลังออกหน้าออกตาทีเดียว ตั้งแต่ผู้ใหญ่ขึ้นมา เป็นมหาโจรมาเป็นลำดับลำดา เจ้าคณะนั้นคณะนี้มีแต่คณะมหาโจรปล้นศาสนา เรียกว่าแทบทั้งนั้น เกือบจะว่าทั้งนั้น แทบทั้งนั้น วิ่งไปตามๆ กันหมด จนไม่มองดู เรื่องศีลเรื่องธรรมเป็นยังไงไม่สนใจ คือมันเลวพอแล้ว

         กิเลสตัณหาความมืดความบอดเหยียบไปหมด ไม่ระลึกถึงหิริโอตตัปปะ สะดุ้งกลัวต่อบาปต่อกรรมว่าผิดถูกชั่วดีต่อหลักธรรมหลักวินัยประการใดบ้าง มันเหยียบไปหมดแล้ว หัวพระพุทธเจ้าเหยียบไปหมด คือพระธรรมก็ดีพระวินัยก็ดี เป็นองค์ศาสดาแทนพระพุทธเจ้า แน่ะท่านก็บอกไว้แล้ว นี่มันเหยียบไปหมดแล้วไม่มีเหลือ ปัจจุบันนี้เป็นอย่างนั้น พระเราส่วนมากเป็นอย่างนั้นเหยียบหัวพระพุทธเจ้าไปตลอดเวลา พระที่จะน่ากราบไหว้บูชาบ้างมันแทบจะไม่มีเหลือในเมืองไทยแล้วนะเวลานี้

         มองดูที่ไหนมันดูไม่ได้ พระดูพระ เรียนหลักธรรมหลักวินัย ผู้หนึ่งรักษาปฏิบัติเข้มงวดกวดขันตลอดเวลา คนหนึ่งมาทำลายต่อหน้าต่อตาให้เห็น มันจะดูกันได้ยังไง  พระเราดูกันดูไม่ได้ ดูเด็กดูเล็ก ดูสัตว์ดิรัจฉานอะไรสงสารเมตตาไปตามขั้นตามตอน ดูประชาชนทั่วๆ ไปธรรมดา มีความเมตตาสงสารไปตามขั้นตอนๆ ไปตามวัยเป็นอย่างนั้น แต่เวลาดูพระที่ตั้งหน้าตั้งตามาทำลายศาสนาให้เห็นต่อหน้าต่อตานี้ มันดูกันไม่ได้ เพราะเพศเดียวกัน อาศัยชาวบ้านเขากินแล้วมาทำหน้าด้านเหยียบหัวพระพุทธเจ้าต่อหน้าต่อตาของชาวพุทธทั้งประเทศทั้งโลกมันดูไม่ได้นะ

         นี่ฟังเอา นี่ละภาษาธรรมพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีคำว่าสะทกสะท้าน ผู้ทำมันไม่ได้สะทกสะท้าน มันหยาบคายขนาดไหน พูดตำหนิเรื่องผิดมันผิดไปไหนว่ะ อันนี้มันผิดก็บอกว่าผิด มันผิดไปไหนการสอนอย่างนี้ การพูดอย่างนี้ ไอ้ผู้ที่ทำผิดมอมแมมยิ่งกว่าหมาขี้เรื้อนมันเลวขนาดไหน ต้องไปคิดตัวเองซิผู้ผิด มันเลวร้ายไปหมด บวชเข้ามาแทนที่จะสนใจอรรถธรรมมันไม่ได้สนใจนะทุกวันนี้ พระเรามากต่อมาก บวชเข้ามาเพื่อหาอยู่หากิน อาศัยศาสนาเป็นแหล่งหากินด้วย อาศัยศาสนาเป็นโล่บังหน้า จิตใจเป็นฆราวาสญาติโยม เลวกว่านั้นไปอีกมากมาย ไม่ได้สนใจกับอรรถกับธรรม จนกระทั่งพระเณร ประชาชนเขาก็อดพูดไม่ได้ มันก็ถูกของเขา เขาว่าแต่ก่อนมองเห็นวัดเห็นวาที่ไหนน่ากราบไหว้บูชา เห็นพระเจ้าพระสงฆ์ยิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งพระทั้งฆราวาสพูดเป็นเสียงเดียวกัน พระผู้ท่านปฏิบัติดีท่านก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน

         ทีนี้เวลามาดูพระ ดูวัดดูวาทุกวันนี้ วัดมันไม่ใช่วัดไปแล้ว สถานที่ก่อสร้างขึ้นในวัดมันก็ไม่ใช่วัด มันเลยวัดไปแล้ว ประชาชนญาติโยมเขายังสู้ไม่ได้ ความหรูหราฟู่ฟ่า เกินบ้านเกินเมือง เกินโลกเกินสงสารอยู่กับวัด นั่นเห็นไหมเขาว่า แล้วทีนี้การประพฤติปฏิบัติตัวเหลวแหลกแหวกแนวก็ไม่มีอะไรเกินพระที่อยู่ในวัด เวลานี้หาพระหาเณรที่จะน่ากราบน่าไหว้ไม่มีแล้ว เลอะเทอะไปขนาดนั้น เขาว่าถึงขนาดนั้นฟังซิ ทีนี้เขาก็พูดว่าวัดเลยกลายเป็นส้วมเป็นถานไปหมดแล้ว ไม่ได้เป็นวัด

         ทีนี้พระที่อยู่ในวัดในวาก็ปฏิบัติตัวเป็นแบบมูตรแบบคูถไปหมด เลยกลายเป็นว่ามูตรคูถคือพระ อยู่ในส้วมในถานคือวัด วัดเลยกลายเป็นส้วมเป็นถานบรรจุมูตรคูถคือพระเณรที่เลวที่สุดสกปรกที่สุดอยู่ในนั้น เขาพูดอย่างนี้ เถียงเขาที่ไหน ถ้าจะเถียงเขาไปดูการกระทำของตัวเองซีมันเป็นยังไง ถ้าหากว่าไม่เป็นอย่างนั้นเขาไม่ว่า ที่อื่นเขาก็ไม่ว่า ที่มันน่าว่าเขาก็ว่าซิ หูมีตามีทุกคน ใจมีทุกคน จะมาเย่อหยิ่งจองหองด้วยอำนาจผ้าเหลืองคลุมหัวโล้นๆ ได้เหรอ ความเลวมันเลวยิ่งกว่าประชาชนเสียอีก มีมากพระเราหายางอายไม่ได้ พูดแล้วมันสลดสังเวชนะเรา

         พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติห้ามไว้ยังไงมันเหยียบไปหมดเดี๋ยวนี้ มันไม่ได้มีธรรมมีวินัย เหยียบไปหมดแหลกไปหมด เมื่อไม่มีธรรมมีวินัยแล้วเอาคำว่าเป็นพระมาจากไหน มันก็มีแต่มูตรแต่คูถ ความสกปรกโสมมเต็มอยู่ในพระในเณรนั้นซิ นี่ที่ทุเรศสงสารมาก ทุเรศเหลือประมาณ ไม่ได้สงสารละขี้เกียจ สงสารให้เสียเวลาทำไม มีแต่ทุเรศที่สุดเลย

         เวลานี้จิตใจของผู้ทรงศาสนาของพระของเณรเรามันต่ำทรามลงมาก จากนั้นแล้วก็ก่อเรื่องก่อราวในวงศาสนาให้เกิดความเดือดร้อนไปหมด ตลอดประชาชน พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้รับความกระทบกระเทือนให้แตกกระจัดกระจายกันเวลานี้ พวกนี้ละพวกพระอลัชชี พวกพระมหาโจรกำลังทำลายอยู่ในวงพุทธศาสนาของเรานี้แหละ ผู้ใหญ่เท่าไรก็ตามตั้งขึ้นมาเป็นเจ้าคณะนั้นเจ้าคณะนี้ เจ้าคณะมหาโจรทำลายศาสนาทั้งนั้นนะเวลานี้

         ไม่ได้ตั้งเป็นเจ้าคณะปกครองกันให้สงบร่มเย็นเป็นถิ่นเป็นฐาน เช่นเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด ตั้งกันไว้เป็นเขตเป็นแดนเพื่อให้มีการปกครองสงบร่มเย็น อันนี้ก็เป็นธรรม เราไม่ตำหนิ ครั้นตั้งขึ้นมาแล้วมันแผ่อำนาจไปทางมูตรทางคูถ  ทางสกปรกรกรุงรัง เลยเป็นเสี้ยนเป็นหนาม เป็นมหาภัยต่อชาติ ตั้งขึ้นมาคณะไหน ก็เป็นมหาภัยๆ เป็นลำดับ ตั้งแต่เจ้าคณะตำบลถึงเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด แล้วเจ้าคณะภาค เจ้าคณะไหนใหญ่เท่าไรยิ่งเป็นมหาโจรมหาภัยต่อชาติบ้านเมืองหนักขึ้น ฟาดขึ้นเป็นสมเด็จนั่นเป็นมหาโจรใหญ่เลย ปล้นอยู่เวลานี้ เห็นอยู่กับตา

         มันทำตามหลักกฎเกณฑ์ที่ไหนของเจ้าคณะนั้นเจ้าคณะนี้ มีอำนาจเท่าไรไปหาบีบบี้สีไฟผู้น้อย แทนที่จะได้รับความร่มเย็นจากการปกครองของตัวเองมันไม่ได้เป็นนะ มันดีดมันดิ้นไปหาอำนาจบาตรหลวงป่าๆ เถื่อนๆ มาเหยียบย่ำทำลายชาติ ศาสนา ให้บอบช้ำและเสียหายไปด้วยกัน เป็นอย่างนั้นนะเดี๋ยวนี้ มันดีที่ไหน ตั้งขึ้นมาไหนก็ตั้งได้ ตั้งชื่อตั้งนามเฉยๆ แต่ตัวคนมันเลวยิ่งกว่าหมาขี้เรื้อน จะว่าไง  หมาขี้เรื้อนไม่ได้ทำความเสียหาย พวกนี้ทำความเสียหายได้มาก กระทบกระเทือนทั้งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่ในวงพวกมหาโจร พระเป็นมหาโจรนี้แหละ เวลานี้กระเทือนไปหมด มันน่าทุเรศไหมล่ะ

         ฝืนทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องดีงาม พระราชามหากษัตริย์ท่านทรงตั้งก็เพื่อส่งเสริมให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ให้เป็นกำลังใจในการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ นี้กลับเป็นกำลังของมหาโจรมาปล้นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยอำนาจป่าๆ เถื่อนๆ ที่เอาดินเหนียวติดหัวมานี้ มันก็เอาดินเหนียวนี้เป็นมูตรเป็นคูถ เป็นฟืนเป็นไฟสาดกระจายไปหมดเลย ใหญ่เท่าไรก็ยิ่งเป็นอย่างนั้น ชอบที่สุดนะตั้งกันนี้ ตั้งยศตั้งศักดิ์ให้กันนี้ แหม ชอบที่สุดเลย

         ดูซีวันเฉลิมพระชนมพรรษาแต่ละครั้งๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มันเสนอกันตั้งแต่เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ ฟาดขึ้นเจ้าคณะจังหวัดถึงเจ้าคณะใหญ่ รวมหัวกันเสนอขอชื่อขอเสียงตั้งสมณศักดิ์ ทั้งๆ ที่ความดีไม่มี  ไม่สนใจ มันหาแต่ชื่อแต่เสียงอย่างนี้ หาแต่ยศถาบรรดาศักดิ์ป่าๆ เถื่อนๆ มาอย่างนี้ ได้มาแล้วก็มาโอ่อ่าฟู่ฟ่า อาตมาเป็นพระครู อาตมาเป็นสมุห์ ใบฎีกา อาตมาเป็นเจ้าคุณนั้นเจ้าคุณนี้ขึ้นไป จากนั้นก็อาตมาเป็นสมเด็จไปเลย สมเด็จปล้นศาสนา อาตมาเป็นมหาโจรว่าอย่างนั้นจะถูก มันเป็นอย่างนี้นะเดี๋ยวนี้ กำลังทำลายเห็นอย่างโจ่งแจ้ง

         หลักธรรมหลักวินัยมี เอามายันกันซิ พูดป่าๆ เถื่อนๆ ที่ไหน เอาหลักธรรมหลักวินัยมาพูด เจ้าคณะนั้นเจ้าคณะนี้ ตกลงก็เลยเป็นเจ้าอำนาจป่าเถื่อนบีบบี้สีไฟ ไปเที่ยวหาปล้นเอาเงินวัดนั้นวัดนี้ไปแหละ เราทราบชัดๆ อย่างนี้ มีแต่พวกเจ้าคณะทั้งนั้น ผู้มีอำนาจบาตรหลวงเอาอำนาจไปบีบวัดนั้นวัดนี้เอาเงินเอาทองมา ให้เขาเอามาให้ ผู้ที่ขอเสนออยากเป็นใหญ่เป็นโตสมณศักดิ์นี่ก็เหมือนกัน เอาเงินไปป้อนกัน คนหนึ่งได้เท่าไรแสนก็ไม่รู้นะไปป้อนผู้ใหญ่เจ้าอำนาจบาตรหลวงยักษ์ใหญ่ นั่นก็กลืนเอาหมดๆ เอาเงินไปป้อนกัน อยากเป็นนั้นอยากเป็นนี้ ทางนี้เสนอเข้าไป ทางนี้ก็ตั้งให้ๆ มันกินกันแบบนี้นะพระสมัยปัจจุบันนี้ มันกินกันแบบนี้

         มีแต่เรื่องเสนอหาความดีความชอบ ทั้งๆ ที่ความดีความชอบเท่าขี้หมาก็ไม่มี มันเสนอกันอย่างนั้น เสนอแล้วเอาเงินไปป้อนด้วยนะ นี่เราทราบมาชัดเจน  เอาเงินไปป้อนกันมาแล้วก็ได้เป็นอันนั้นอันนี้ขึ้นมา นี่ละพวกนี้มันหาธรรมที่ไหน ฟังซิ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ธรรม เรื่องหิวเรื่องโหย เรื่องลืมเนื้อลืมตัว เรื่องทะเยอทะยาน เป็นเรื่องโลกเรื่องสงสาร พระเป็นอย่างนั้นเลวกว่าโลกไปอีก เป็นธรรมที่ไหน ถ้าเป็นธรรมแล้วอะไรจะดียิ่งกว่าธรรม

         ศีลปฏิบัติให้ดี สมาธิภาวนาปฏิบัติให้ดี ธรรมปฏิบัติให้ดีทุกอย่าง ข้อวัตรปฏิบัติ  ทุกสิ่งทุกอย่างของพระเป็นหน้าที่ของพระ ให้ปฏิบัติตามนี้ นี่ละยศของพระอยู่ที่ศีล ที่สมาธิ ที่ปัญญา มรรคผลนิพพานอยู่กับพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่ต้องไปหาที่ไหนมาละ หาทำไมพระพุทธเจ้าประทานให้เรียบร้อยแล้ว ไปปฏิบัติให้ได้นี้ขึ้นมา ในครั้งพุทธกาลตลอดมาเป็นยังไง ท่านไปหายศหาศักดิ์ที่ไหน บวชมาแล้วไล่เข้าป่า รุกฺขมูลเสนาสนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย บรรพชาอุปสมบทแล้วให้ท่านทั้งหลายไปอยู่ตามรุกขมูลร่มไม้ ในป่าในเขา ตามถ้ำเงื้อมผา ป่าช้าป่ารกชัฏ อันเป็นที่สงัดวิเวกในการประกอบความพากเพียร ปราศจากความยุ่งเหยิงวุ่นวายทางโลกทางสงสาร แล้วจงอุตส่าห์อยู่และบำเพ็ญในสถานที่เช่นนั้นตลอดชีวิตเถิด

         นี่พระโอวาทได้รับด้วยกันทุกองค์ ปฏิเสธไม่ได้ อุปัชฌาย์จะรังเกียจขนาดไหนก็ตาม รังเกียจป่าเขาลำเนาไพร เวลากุลบุตรสุดท้ายภายหลังบวชนั้นต้องเอาอันนี้มาสอน ไม่สอนผิดหลักของอุปัชฌาย์ นั่นเห็นไหมพระพุทธเจ้าบังคับไว้ขนาดนั้น มันสนใจอะไรที่ไหน ท่านสอนอย่างนี้แต่มันเคยไปไหมล่ะ ดีไม่ดีไปเที่ยวตำหนิพระป่าเป็นพระวิกลจริต  ฟังซิน่ะ แล้วที่มีจริตดีๆ นั้นคือใคร คือเทวทัตกำลังทำลายศาสนาอยู่เวลานี้ โดยตำหนิพระป่านั่นเหรอ พระอยู่ในบ้านวิเศษวิโสอะไร มีแต่กระดูกหมูกระดูกวัวแขวนคอมันเต็มตัวอยู่นั่น นั้นหรือวิเศษวิโส

         ผู้อยู่ในป่า ใครอยู่ในป่า สกุลของพุทธศาสนานี้สกุลในป่าทั้งนั้น พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญในป่าและตรัสรู้ในป่า สอนบรรดาสาวกทั้งหลายก็สอนอยู่ในป่า สาวกเหล่านี้ก็อยู่ในป่าๆ อย่างนั้นเรื่อยมาๆ ตามตำรามีมาอย่างนี้ ทรงบำเพ็ญและบำเพ็ญอยู่ในป่า ตรัสรู้และบรรลุธรรมอยู่ในป่าโดยลำดับลำดา ผลแห่งการอยู่ในป่าที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนั้นองค์นั้นสำเร็จพระโสดา องค์นั้นสำเร็จพระสกิทาคา องค์นั้นสำเร็จเป็นพระอนาคา องค์นี้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ รวมแล้วเป็น พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ของชาวพุทธทั้งหลายไป

         กระดูกหมูกระดูกวัวอันเป็นที่อยู่ของพวกไม่วิกลจริตมันวิเศษวิโสอะไร เอามาอวดซิถ้าว่าเก่ง มาอวดหาอะไร เหยียบหัวพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงให้อยู่ในป่า มันไปหาว่าพระที่อยู่ในป่าเป็นวิกลจริต มันเลวขนาดไหนพระองค์นี้ ควรให้มันอยู่ในศาสนาหรือ  เขี่ยลงทะเล มันหนักศาสนา มันของเล่นเมื่อไร เป็นข้าศึกต่อพระพุทธเจ้า ต่อพระสงฆ์สาวก ต่อศาสนามากขนาดไหนคำพูดเช่นนี้ มันทำไมหลับหูหลับตาพูดได้ ถ้ามันไม่หยาบสุดยอด หมดยางอาย หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ไร้สาระหมดแล้ว ยังเหลือแต่ลมหายใจฝอดๆ เท่านั้นพระประเภทนี้ ถ้ายังมีสาระอยู่บ้างจะพูดคำนี้ไม่ได้เลย นี่เป็นการทำลายตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมาเป็นอย่างนี้โดยลำดับลำดา

         นี่ละเรื่องตำรับตำราท่านมีมาอย่างนี้ จะให้พูดว่ายังไง ไม่พูดอย่างนี้ ว่าพระที่อยู่ในป่าวิกลจริตมันเอามาจากคัมภีร์ไหนมาพูด มาอวดมาอ้างอยู่เวลานี้ ยกมาซิคัมภีร์ พระที่อยู่ในป่าในเขาเป็นพระวิกลจริตมีในคัมภีร์ไหน แต่อยู่ในป่าที่พระพุทธเจ้าทรงรับสั่งมีอยู่กับพระทุกองค์ พระองค์ประทานไว้เรียบร้อยแล้ว สอนให้อยู่ในป่าในเขาลำเนาไพร ประพฤติปฏิบัติตนด้วยความสันโดษมักน้อย ยินดีในอรรถในธรรมตลอดเวลา

         ประดับประดาสมณศักดิ์ของตนให้ดีขึ้น สมณะแปลว่าความสงบ ศักดิ์ศรีดีงามคือความสงบอยู่ในใจของตน นี่คือยศของพระ สมณศักดิ์ของพระในครั้งพุทธกาล ท่านหาเอาโดยลำพังของท่าน ด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา วิชาความรู้ต่างๆ จากความพากเพียร มีจิตตภาวนาเป็นพื้นฐานของพระที่ท่านประดับองค์ท่านด้วยสมณศักดิ์ ศักดิ์ศรีของพระคือธรรม ท่านสอนอย่างนั้นต่างหาก อันนี้ไปหาเอาอะไรที่ไหน ดิ้นตายไปหาไหน หายศที่นั่น เป็นเจ้าฟ้าเจ้าคุณ สูงขึ้นไปเป็นสมเด็จ ถ้ามีตั้งเลยสมเด็จมันจะปีนขึ้นไปอีก พวกเปรตพวกผี พวกกินไม่อิ่มไม่พอ เลวกว่าประชาชนเขาอีก

         เวลานี้มันกำลังทำลายศาสนาอยู่ในท่ามกลางประเทศไทย หยาบโลนมากที่สุด คือพระในสมัยปัจจุบันนี้ ไม่เคยเห็นก็ดูเอาซิ เห็นอยู่ด้วยกันทุกคนมันเลว ศีลธรรมพระพุทธเจ้าประทานให้มันไม่สนใจ เวลานี้ไม่สนใจนะ อาศัยผ้าเหลืองโกนหัวโกนคิ้วว่าเป็นพระเท่านั้น หากินกับชาวบ้านเขาแล้วรบกวนแบบต่างๆ มิหนำซ้ำเอาอำนาจป่าเถื่อนมาบีบบังคับพระทั้งหลายต่อไปอีก ทั้งผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทั้งพระธรรมดาได้รับความกระทบกระเทือนไปทั่วหน้ากันหมดเวลานี้ ก็พวกนี้ละพวกอำนาจป่าเถื่อนจะเป็นใคร

         เสาะแสวงหาผลประโยชน์ด้วยเรื่องมูตรเรื่องคูถ ไม่ได้หาผลประโยชน์เพื่ออรรถเพื่อธรรมอะไร มันเป็นอย่างนั้นนะ พูดออกมาทุเรศนะ นี่ละพูดภาษาของธรรมให้ฟัง ผู้ยังไม่เคยได้ฟัง พูดตามกฎตามเกณฑ์ของตำรับตำราวิชาความรู้ที่พระพุทธเจ้าทรงประทานให้แล้ว นำมาแสดงตามกฎตามเกณฑ์ ตามเหตุตามผล ตามตำรับตำรา เราไม่ได้นอกเหนือไปจากนั้นเราพูด เราไม่หาป่าๆ เถื่อนๆ ดังที่ขึ้นไปเหยียบหัวพระพุทธเจ้าว่าพระอยู่ในป่าในเขาเป็นพระวิกลจริต นี่เหยียบหัวพระพุทธเจ้าลงมา พระพุทธเจ้าพาอยู่ในป่ามาแล้ว สกุลของศาสนานี้สกุลในป่าทั้งนั้นแหละ

         วัดบ้านก็มีเป็นคู่เคียงขึ้นมาโดยอนุโลม ท่านไม่ห้ามอะไร จึงมีว่า “อรัญวาสี”   “คามวาสี” ผู้อยู่ในแดนป่า อยู่ในแดนบ้าน แดนป่าตั้งแต่ ๑ กิโลไปเรียกว่าป่า สั้นกว่านั้นลงมา ย่นกว่านั้นลงมา เรียกว่าแดนบ้าน อยู่ใกล้บ้าน หรืออยู่ในกลางบ้าน หรืออยู่ในตลาด กลางกระดูกหมูกระดูกวัวก็เรียกว่าแดนบ้านทั้งนั้น เรียกว่า คามวาสี ท่านทรงอนุโลม แต่ที่เข้มงวดกวดขันจริงๆ เป็นเนื้อเป็นหนังจริงๆ นี้สอนให้อยู่ในป่า หลักใหญ่อยู่นี้ อันนี้เป็นปริยายลงมา เมื่อพอผ่อนผันท่านก็ไม่ห้ามปราม จึงมีวัดป่า มีวัดบ้าน

         ถึงอย่างนั้นในตลาดตเลกระดูกหมูกระดูกวัวมันก็จะมีอยู่ในนั้นแล้วพระ ไปตั้งกางกลดอยู่ในตลาดกระดูกหมูกระดูกวัวชุมๆ นั้น มันเป็นไปได้ตามข้างถนนหนทาง ตั้งกลดขลังๆ ไปนั่น ใครมาก็เอาละ หาของขลังให้กัน ขลังอย่างนั้นขลังอย่างนี้ ขลังวัตถุนั้นวัตถุนี้ เสกสรรขึ้นมาวัตถุมงคล มงคลขี้หมามันอะไร วัตถุหลอกลวงโลกมันถึงถูก หาแต่ของขลัง หาแต่รายได้ไปอย่างนั้น ไม่ได้คำนึงถึงศีลถึงธรรม นี่ละเรื่องของภาษาธรรม ท่านทั้งหลายให้ฟังเอานะ มันเลอะขนาดนั้นเวลานี้ศาสนา จนจะไม่มีอะไรเหลือในแดนชาวพุทธเราแล้ว ไปที่ไหนเห็นแต่ความเลอะเทอะอย่างนี้ของพระของเณร ของวัดของวา เต็มไปหมดๆ จะว่าไง มันน่าทุเรศไหม

         ผู้ท่านปฏิบัติดี เราไม่ได้กวาดไปหมดนะ ผู้ปฏิบัติดีตามวัดตามวาต่างๆ มี  เรื่องมีของท่านมี แต่ท่านมีก็เหมือนปิดปากปิดหูปิดตาไปหมด เหมือนไม่รู้ไม่เห็น พูดออกมาไม่ได้ พวกมูตรพวกคูถมันรุมเอาแหลกไปหมดเลย นี่พวกมูตรคูถมีกำลังมาก มันยกอำนาจของมูตรของคูถ ของส้วมของถานทับเอา ผู้ปฏิบัติดีในวัดนั้นก็อยู่ลำบาก ท่านจึงอยู่เฉยๆ เหมือนหูหนวกตาบอด มีอยู่ถมไป ไม่ว่านอกกรุงในกรุงมีแทรกอยู่ในนั้น เราไม่ได้ลบล้างไปหมดนะ ผู้ดีท่านมีอยู่ แต่ที่เลวๆ นั้นเป็นยังไง

         เราพูดที่เลวๆ ตัวทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นี้ต่างหาก องค์เช่นนั้นท่านทำลายอะไร ท่านส่งเสริมศาสนา ท่านส่งเสริมองค์ของท่าน พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต่างหาก แล้วไปตำหนิท่านยังไง องค์เหล่านี้ท่านจะไม่พูด เฉย เหมือนหูหนวกตาบอดไปอย่างนั้น ถ้าพูดออกไปไม่ได้ มันรุมเอาพวกเปรตพวกผี มันยกกำลังว่ามีกำลังมากกว่า มูตรคูถยกโปะเอาคนทั้งคนมองหาคนไม่เห็น เห็นแต่มูตรแต่คูถ เพราะมันมีแต่มูตรแต่คูถเต็มตัวของมัน โปะที่ตรงไหนมันก็มีแต่มูตรคูถน่ะซิ  มันเลอะเทอะขนาดนั้นเวลานี้

         ศาสนาก็มีอยู่ชัดเจน ตำรับตำราเรียนมา ที่มาเป็นมหาโจรปล้นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อยู่เวลานี้มันเรียนน้อยเมื่อไรพวกนี้ ถ้าว่ามหาเปรียญ ถ้ามีสิบประโยคมันได้ถึงสิบประโยค แต่ความประพฤติมันเป็นยังไง จนได้ตั้งว่ามีความดีความชอบ ตั้งขึ้นไปชั้นนั้นชั้นนี้ เหล่านี้ก็ออกจากที่ว่ามีความรู้วิชา แล้วความรู้นี้เป็นความรู้อะไร ความรู้สังหารชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์จากสังหารตนแล้วไปแล้ว มันสังหารไม่มีกำหนดกฎเกณฑ์ เป็นอย่างนั้นนะ มันไม่มีศีลมีธรรมในจิตใจเสียอย่างเดียวแหลกหมดนั่นแหละ

         เรียนในคัมภีร์ใครก็เรียนได้ แบกจนหลังหักแบกคัมภีร์ก็แบกได้ แต่ความสนใจในธรรมไม่มีมันทำชั่วได้วันยังค่ำ ถ้ามีความสนใจในอรรถในธรรมแล้วเรียนไม่เรียน ตรงไหนที่ได้ยินได้ฟังจากครูจากอาจารย์ ยอมรับทันที ปฏิบัติตามก็เป็นมงคลแก่ผู้นั้นๆ ไป ผู้ที่เป็นหนอนแทะกระดาษแล้วยังกระจายไปเป็นภัยต่อโลกนี้ ไม่มีใครเคารพนับถือ ธรรมท่านไม่นับถือ เป็นภัยต่อธรรม

         มันเลอะเทอะจริงๆ นะเมืองไทยของเราเวลานี้ เลอะขนาดนั้น จนจะไม่มีที่ซุกหัวนอนละคนดีทั้งหลาย พระดีทั้งหลาย ถูกพวกนี้เหยียบย่ำทำลายทุกแบบทุกฉบับ นี่ก็ทราบว่าทางวงกรรมฐานนี้ก็คอยไปเที่ยวยุแหย่ก่อกวนนะ ไปเที่ยวยุแหย่ก่อกวนให้เกิดเรื่องเกิดราว ไม่เกิดก็หาเรื่องว่าเกิด วัดกรรมฐานทะเลาะกันอย่างนั้นๆ จะเอามาโฆษณาเข้าใจไหม เอาความชั่วพระกรรมฐานมาโฆษณา แทรกไปทุกแห่งทุกหนนะเวลานี้พวกเปรตนี่น่ะ พวกทำลายศาสนา เป็นอย่างนั้นนะเดี๋ยวนี้ เท่าที่ทราบมานี้ทราบมาอย่างนั้นไม่ผิด เพราะมีผู้มาเล่าให้ฟังด้วยความสัตย์ความจริง

         มันจะเข้าไปแทรกทุกแบบ แทรกทำลายพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไปแทรกไปแซง และจะมีหาเรื่อง ดีไม่ดีมันจะแทรกพวกเปรตผีของมันเรียนแบบเป็นกรรมฐานอยู่นั้น และก่อกวนทำลายในวัดนั้น แล้วก็ตั้งขึ้นมาว่าวัดนี้ทะเลาะกันอย่างนี้ก็ได้ต่อไป เราไม่เชื่อนะพวกนี้ มันมีหลายแบบหลายฉบับ มันหมดยางอาย หมดทุกอย่าง มันจะเอาความดีความชอบด้วยมูตรด้วยคูถที่เลวที่สุดของมันนั่นแหละ

         สำหรับในวงกรรมฐานที่เราดูแลอยู่นั้น เราเอาจริงเอาจังอยู่ตลอดเวลา ท่านตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติตลอด ท่านไม่เคยหวั่นกับใครเลย เหล่านี้ก็เรานี่แหละเป็นหัวหน้าอยู่ ครอบไปหมด ในวงกรรมฐานสายพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นอยู่กับเรา คอยฟังเสียงเราเท่านั้น การปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นเรื่องของท่านปฏิบัติเต็มตัวของท่านเอง แต่สิ่งใดที่ควรจะได้ยินได้ฟังจากครูจากอาจารย์ท่านก็คอยฟังเสียง ท่านเคารพ วงกรรมฐานท่านเคารพกันดีมากทีเดียว เรื่องอาวุโสภันเต ใครมีอายุพรรษาแก่กว่ากันเท่าไรเคารพเป็นลำดับลำดาไปเลย

         นี่ละเยี่ยงอย่างของพระพุทธเจ้า อาวุโสภันเตเป็นสำคัญตั้งแต่วันบวชมา แม้ที่สุดแสดงอาบัติก็ต้องมีอาวุโสภันเตเป็นหลักเกณฑ์ ท่านถืออาวุโสภันเตตามพระโอวาทของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง ท่านไม่ถือสมณศักดิ์สมณะแสกไปเหยียบหัวพระพุทธเจ้านะ เดี๋ยวนี้จะตั้งถือสมณศักดิ์นี้ให้ใหญ่โตยิ่งกว่าอาวุโสภันเต ทีนี้พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านไม่ลงด้วย ค้านทันทีเลย ก็มันปลอมนี่จะว่าไง สมณศักดิ์ก็ตั้งขึ้นมาแล้วก็ไปเหยียบหัวพระพุทธเจ้ามีอย่างเหรอ พระพุทธเจ้าอาวุโสภันเตท่านทรงตั้งไว้แล้ว ตั้งแต่เริ่มบวชมา

         แม้ที่สุดบวชในขณะเดียวกันใครอยู่ด้านไหนๆ ที่จะเป็นอาวุโสยกให้เป็นอาวุโส ผู้อยู่ด้านขวาอุปัชฌาย์ก็ยกให้เป็นอาวุโส ผู้อยู่ทางซ้ายก็ให้เป็นภันเต แม้บวชในขณะเดียวกัน และให้เคารพกันตามอาวุโสภันเต ไม่ให้เย่อหยิ่งจองหองไปได้เลย นี่หลักของธรรมของวินัยท่านดำเนินมาอย่างนี้ เป็นพื้นฐานมาดั้งเดิม แล้วสมณศักดิ์สมณะแสกมันใหญ่มาจากไหนพอที่จะมาเหยียบหัวพระพุทธเจ้า ที่ประทานโอวาทให้ทั้งเขาทั้งเราฟัง หรือได้ยินได้ฟังด้วยกัน มันไม่ฟังหรือ นี่พระโอวาทของพระพุทธเจ้า อาวุโสภันเตเป็นพื้นฐานสำคัญมากมาดั้งเดิม ใครจะมาลบล้างได้ล่ะ สมณศักดิ์สมณะแสกอะไรตั้งขึ้นมาก็มาโอ่อ่าฟู่ฟ่า อยากเอาสมณศักดิ์ให้ใหญ่ยิ่งกว่าธรรม ใหญ่ยิ่งกว่าธรรมก็มีแต่กองขี้นั่นแล้ว มันสกปรก เข้าใจเหรอ เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านี้แหละ

 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก