ล่มจมด้วยปาก
วันที่ 25 ธันวาคม 2547 เวลา 18:30 น.
สถานที่ : กุฏิหลวงตา สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส  ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

เมื่อค่ำวันที่ ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

ล่มจมด้วยปาก

 

        ผู้กำกับ         :       ลูกศิษย์เขามีปัญหาธรรมะแล้วแต่พิจารณาให้กราบเรียน

          หลวงตา        :       เขาถามว่าไง

         ผู้กำกับ        :      กราบเรียนหลวงตาที่เคารพอย่างสูง ลูกขออนุญาตกราบเรียนถามหลวงตา ๓ ข้อ

          ข้อ ๑ เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวา ๔๗ ลูกได้ลากหลวงตากลับเชียงใหม่ ระหว่างที่รอรถอยู่นั้น นั่งภาวนาพุทโธ ๆ เห็นอวัยวะภายใน เห็นเหมือนกับการทำงานของหัวใจ ลูกไม่แน่ใจจึงพยายามอีกครั้งจึงชัดเจนขึ้น ว่าใช่ เหมือนกับที่เคยเห็นในทีวี เวลาเขานำมาฉายอวัยวะภายในให้ดู ลูกจึงลองนึกไล่ดูตั้งแต่ปลายเท้าก็เห็นเป็นโครงกระดูก เหมือนภาพเอ็กซเรย์ตั้งแต่ปลายเท้า แขน ขา มือ ตลอดถึงศีรษะ ลูกลองขยับศีรษะดู หัวกะโหลกนั้นก็ขยับเช่นเดียวกันด้วย อ้าปากหัวกะโหลกก็อ้าปากด้วย ขยับด้วยทกุอย่าง ลูกไม่แน่ใจว่าเป็นอุปาทาน หรือเห็นเป็นเของจริงเจ้าค่ะ

          หลวงตา        :       ก็นั่นแหละกรรมฐาน เห็นแล้วก็มาพิจารณาดูซิ สิ่งเหล่านี้เป็นกะโหลกศีรส่งศีรษะ ถ้ามันอยู่เฉย ๆ นี้มันก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง พิจารณาให้เป็นธรรมมันก็เป็น พิจารณาให้เป็นโลกมันก็เป็นโลกไป ไม่อะไรนักล่ะ พิจารณาอันนั้นถูกต้องแล้ว เหมือนหรือไม่เหมือนกับทีวงทีวีอย่าเอามาวาดทับกันนะเรื่องธรรม เรื่องโลกเขาทีวงทีวีเป็นเรื่องหนึ่ง เอาตรงที่ว่ามองดูแล้วให้เกิดความสลดสังเวชในสิ่งที่น่าสลดสังเวช น่าปล่อยวาง ถ้ามันสลดสังเวชมันปล่อยของมัน ถอยเข้ามา ๆ สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่น่ารักน่าชอบที่ไหน แต่มันไม่เห็นมันก็รัก มันก็ชอบเท่านั้นเอง พิจารณาอันนั้นด้วยความเป็นอสุภะอสุภัง เป็นเรื่องแปรสภาพเหมือนเราเหมือนเขา เวลามีชีวิตอยู่ก็เป็นอย่างนั้น เข้าใจเหรอ ถูกแล้ว ไม่อยากอธิบายไปมาก

          ผู้กำกับ         :        ข้อ ๒ ครับ ระหว่างภาวนาพุทโธไปได้ระยะหนึ่งมือเบา เหมือนกับว่าหายไป ไม่มีความรู้สึก ไม่ใช่เรื่องเหน็บชา แต่มันเบาเหมือนกับไม่มีมือ

          หลวงตา        :        วิธีการภาวนามันก็เป็นแปลก ๆ ต่างๆ จะให้อธิบายทุกแง่ทุกมุมอะไร กายมันเบามันก็ปล่อยความสำคัญมั่นหมายเข้ามา สิ่งเหล่านั้นอาจจะแปรสภาพต่าง ๆ ไม่เป็นกังวลกับมันล่ะ ใจเบาแล้วถูกต้องแล้ว มันหดตัวเข้ามา ถูกต้องแล้ว พยายามให้มันเบาเข้ามา ให้มันหดเข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งร่างกายนี้เบาหวิว จากเบาหวิวหายเงียบเลย เห็นไหมล่ะจิตมันปล่อยเข้ามาเหลือแต่ความรู้ล้วน ๆ

          ผู้กำกับ         :       ข้อ ๓ หลังจากกลับมาถึงบ้านที่จ.เชียงใหม่ ตอนสายเวลาประมาณ ๑๐ โมงเช้าลูกเดินจงกรมและมายืนภาวนาพุทโธ ๆ ลูกเห็นผู้หญิงประมาณสองสามคน เห็นไม่ชัดนัก เห็นชัดสองคน เป็นคนแก่ผอมแห้ง และร่างท้วมโกนศีรษะ นุ่งขาวห่มขาว นั่งพับเพียบอยู่หน้าบันได้ ลูกก็นึกสงสัยว่าเขามารออะไร ระหว่างที่คิดอยู่นั้นลูกก็เห็นหลวงตามายืนอยู่ตรงหน้าเขาเหล่านั้น หลวงตามาที่บ้านลูกจริงหรือเปล่าเจ้าค่ะ

          หลวงตา        :       เอาละไม่อยากตอบ ไม่ค่อยเป็นสาระอะไร เป็นเรื่องอาการของจิตมันจะแสดงอะไร เวลาภาวนาก็ให้รู้เท่านั้นเอง

          (พระสงฆ์วัดสังฆทานมากราบถวายทองคำหลวงตา ๑๐ บาท) พอใจ นี่เรากำลังเสาะแสวงหาทองคำมาเข้าคลังหลวงเรา ทองคำเวลานี้ก็กำลังเริ่มค่อยไหลซึมเข้ามา เช่นมากรุงเทพฯคราวนี้ก็ได้หลายกิโลแล้ว ได้ ๑๐ กิโลกว่า ที่มาตั้งแต่วันที่ ๑๑ มานี้มาถึงวันที่ ๒๕ วันนี้ได้ตั้ง ๑๐ กิโลกว่าแล้วนะ นี่ล่ะมันค่อยไหลซึมเข้าไป เราเป็นห่วงชาติของเรามากทีเดียว เราจึงอยากได้ทองคำนี้เป็นหัวใจของชาติให้แน่นหนามั่นคงเอาไว้ เราจึงพูดแล้วพูดเล่ารบกวนพี่น้องทั้งหลายอยู่ตลอด

          เวลานี้ทองคำเราไม่ได้มีมากนะในคลังหลวง เราไปเห็นเองนะพูดได้เต็มปาก เราดูจริง ๆ ดูละเอียดลออ ไปเป็นซอกเป็นมุมดูกองทองคำเป็นแท่ง ๆ อย่างที่เรามอบเข้าไปนั้นแหละ เราไปซอกนั้นซอกนี้ดู พอเสร็จแล้วก็มาถาม ถามแบบดื้อ ๆ นั่นแหละ คือประเทศไทยของเราก็ต้องเกี่ยวกับหลายประเทศ ที่มีความเกี่ยวข้องกันต้องมีทองคำเป็นเครื่องประกัน เราคิดไว้อย่างนั้น เพราะมีการซื้อขายติดหนี้ติดสินเป็นธรรมดาต้องเอาทองคำเป็นเครื่องประกันเอาไว้ พอออกมาแล้วก็ถาม

          ถามประเทศอื่นก่อน ก่อนประเทศไทยของเรา แล้วทองคำของเรามีความเกี่ยวข้องกับประเทศใดบ้างล่ะ แน่ะเอาแล้วนะ มีเกี่ยวข้อง ประเทศไหนบ้าง ประเทศนั้นเท่านั้น ประเทศนั้นเท่าไร ประเทศนั้นเท่าไร ประเทศนั้นเท่านั้นเรื่อยมา ย้อนเข้ามาหาประเทศไทยของเรา ประเทศที่เราไปฝากนั้นไปไว้เพื่อเป็นพยานหลักฐานประกันตัว  คือติดหนี้ติดสินกันต้องเอาทองคำเป็นเครื่องประกันเอาไว้ มากน้อยตามความจำเป็นที่เกี่ยวข้องกัน

          ทีนี้ย้อนมาถามถึงทองคำของเรา ในคลังหลวงของเรา เพื่อชาติไทยของเราโดยตรงมีเท่าไร มีเท่านั้น เราใจหายวูบเลยนะ นี่ล่ะที่มากระเทือนใจเอามากนะ ที่ส่งไปข้างนอกยังมากกว่านี้ มากกว่านี้ตั้งมากมาย เพราะความจำเป็นทางนู้นมีมาก ทีนี้ส่วนนี้สำหรับประกันตัวเองในชาติไทยของเรา แต่มีน้อยมากอยู่ ถามแล้วใจหายวูบเลย เรามาจึงได้รบกวนพี่น้องทั้งหลายตั้งแต่วันนั้นมาเลยล่ะ  จนกระทั่งป่านนี้ล่ะ รบกวนเบื้องต้นก็ผาง ๆ ออกเลย เราก็ได้ทองคำมาเป็นที่พอใจของเรา

          รวมทั้งหมดมันก็ได้ทองคำที่เข้าสู่คลังหลวงแล้ว ๑๑ ตัน กับ ๓๗ กิโลครึ่ง เราบอกว่าให้ได้ ๑๐ ตัน แล้วสุดท้ายตันหนึ่งก็เลยปลีกย่อย ว่า ๑๐ ตันอันนี้คู่ แต่ทองคำในคลังหลวงมันคี่อยู่ ถ้าได้อีกหนึ่งตันคลังหลวงก็จะคู่ ทางนี้คู่ใส่กันไปพอดีเลย ก็เลยได้มาอีก ๑ ตัน เศษไป ๓๗ กิโลครึ่ง เราก็ได้สมมักสมหมายทุกอย่าง ไม่บกพร่องเลยในน้ำใจของพี่น้องทั้งหลายที่รักชาติและรักความเสียสละ ฟังเสียงครูเสียงอาจารย์ เสียงอรรถเสียงธรรม ก็เป็นมงคลขึ้นมาแก่ชาติไทยของเราอย่างนี้

          เวลาได้มาสมมักสมหมายส่วนนี้จริง แต่ส่วนที่ยังบกพร่องอยู่มาก จึงได้รบกวน บรรดาพี่น้องทั้งหลายเพื่อให้เป็นทองคำประเภทซึมซาบ ในระยะเวลาที่เหมาะที่สมอยู่เวลานี้ คือเป็นเวลาที่เรานำทองคำเข้าสู่ชาติ ถ้าหากว่าขาดนี้ไปแล้วจะไม่ได้นะ เราคิดอย่างนี้ จะไม่มีได้เลย คิดดูซิธรรมดาเคยได้เมื่อไรทองคำถึง ๑๑ ตันไม่เคยได้นะ แต่เวลาเราขวนขวายของคนทั้งชาติก็ได้มา เดี๋ยวนี้ยังบกพร่องอะไรเราควรที่จะเยียวยาเข้าไปอีก ให้พอเหมาะพอสมบ้าง จึงได้รบกวนบรรดาพี่น้องทั้งหลายเรื่อยมา

เวลานี้จึงกลายเป็นทองคำประเภทซึมซาบ ค่อยไหลซึมมา ไม่เหมือนแต่ก่อนล่ะ  เรียกว่าประกาศให้ทราบหนึ่ง เผดียงให้ทราบ และเจือปนไปด้วยความวิงวอน หรือความออดอ้อนด้วย และค่อยไหลมา ๆ นี่เราเล็งอยู่ในนู้นในทองคำในคลังหลวง เพื่อให้ได้เวลานี้จะเหมาะสม

อันนี้มันก็กระเทือน ฟังว่าผู้ใหญ่นะพูดนะ ว่าทองคำอยากให้หยุดว่างั้น เราอยากถามว่าผู้ใหญ่คนนี้มันเกิดมาจากโคตรไหน อยากว่างั้นนะ มันถึงมาพูดอย่างนี้ได้ลงคอ เด็กอมมือเขาก็ไม่พูด เขายังรู้จักชาติของเขา รักชาติของเขา ขวนขวายสมบัติเงินทองเข้ามาบำรุงชาติไทยของเขา แต่นี้ทำไมจึงว่าไม่อยากให้หาทองคำอีก ว่าทองคำมีมากแล้ว โคตรพ่อโคตรแม่มันเคยได้ไปดูทองคำไหม หลวงตาบัวเองไปดู ไปดูมาแล้วถึงกระเทือนใจ ถามหัวหน้าทีเดียว ไม่ได้ถามใครนะ

อันนี้มันพูดสุ่มสี่สุ่มห้า ว่าทองคำมีมากแล้วไม่อยากให้หาอีก มันพูดบัดซบอะไร  ว่าเป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่บัดซบอย่างนี้ไม่ควรจะให้อยู่หนักในเมืองไทยเรา เขี่ยลงทะเลหลวงเสีย ให้เด็กที่เขารู้จักสารคุณรักชาติของตนเข้ามาอยู่แทน เขาจะได้ช่วย เด็กหาทองยังได้มากับพ่อกับแม่ ยังได้ทองมาให้ ผู้ใหญ่อย่างนี้มันเคยหาทองมาให้สักบาทสักสตางค์ไหมไม่เคยมี มีแต่มาคัดค้านต้านทานมาตลอดตั้งแต่เราเริ่มช่วยชาติบ้านเมือง พวกเปรตพวกผีเหล่านี้มีคัดค้านต้านทาน ยุแหย่ก่อกวนกีดกันทุกแบบทุกฉบับนะ

ตั้งแต่เริ่มตั้งรัฐบาลขึ้นมานี้อันนี้ตามจองล้างจองผลาญ ตามขัดตามขวางเรื่อยมาอยู่ตลอด เราเป็นผู้ทำประโยชน์ให้โลกเราก็ทำเต็มเหนี่ยวไม่ได้ฟังเสียง และประชาชนเขาก็ไม่ฟังเสียงนะ ฟังเสียงปากเปรตปากผี ปากมหาโจรปากมหาภัยเขาไม่ฟัง ไปเทศน์ที่ไหนแน่น ๆ คน เราไม่เคยเห็นว่าไปเทศน์ที่ไหนคนบกบางไม่มี บอกตรง ๆ สถานที่บางแห่งจึงตั้งเป็นจังหวัดให้ เพราะประชาชนในอำเภอนั้นก็สมควรกับอำเภอจำนวนพอประมาณ อันนี้มันพิลึกกึกกือ มันเลยอำเภอไป เลยให้ตั้งเป็นจังหวัดเสียคือคนมาก อย่างนี้ทั้งนั้นไปเทศน์ที่ไหน

เขาฟังเสียงปากเปรตปากผีเมื่อไร เขายังรู้จักสารคุณในชาติไทยของเขา อันนี้อยากให้หยุดทองคำ ฟังซิ ตั้งแต่เราเทศนาว่าการ ไปเที่ยวกีดเที่ยวกัน คือไม่ให้ไปฟังเทศน์เรา ฟังซิน่ะ พวกเปรต เปรตที่กำลังทำลายชาติอยู่เวลานี้ เปรตใหญ่เปรตโตนะพวกนี้ มันจะลุกลามเข้าไปหารัฐบาล จะเป็นรัฐบาลมหาภัยต่อชาตินะ เราอดคิดไม่ได้นะ เพราะเราตามคิดอยู่ตลอดเวลาด้วยความเป็นธรรม เราไม่ได้มีโลกแฝงเราเลย มันออกแง่ไหน ๆ เราจะตามมาบวกลบคูณหารดูหมด

ตั้งแต่เราช่วยชาติมานี้ถ้าหากฟังเสียงพวกนี้ไม่ได้สักสตางค์เดียวเลยนะ ไม่มีที่จะนำสมบัติเข้าสู่คลังหลวงเราไม่มี แต่นี้ประชาชนพี่น้องชาวไทยเราเขาไม่ฟัง เขาฟังเสียงครูเสียงอาจารย์ เสียงอรรถเสียงธรรม และด้วยความรักชาติด้วย อุตส่าห์ขวนขวายหามาได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจนกระทั่งถึงทองได้ ๑๑ ตัน ๓๗ กิโลครึ่ง นอกจากนั้นยังมีทองประเภทซึมซาบไปเข้าอีก ดอลลาร์ก็ได้ตั้งสิบล้านกว่า เขาอุตส่าห์มา

ไอ้ปากเปรตปากผีมันออกมาได้ยังไง ทราบว่าเขาบอกนะ เราไม่ได้ยินเสียงปากมันพูดเอง ถ้าได้ยินเสียงปากเอง เราจะเอาปากแตกเลยคนนั้น ใส่เปรี้ยะเดียวเลย  โคตรพ่อโคตรแม่มึงได้หามาหรือทองคำ มันมากีดขวางหาอะไร ตีแล้วถึงจะบอก เราก็ได้ยินสะเทือนใจมากนะ ถ้าเป็นผู้เล็กผู้น้อยก็ไม่ว่า อันนี้พวกหากีดหากัน ทำลายชาติเวลานี้ ทำลายศาสนา ทำลายพระมหากษัตริย์ อยู่ในจุดเดียวกัน กำลังถูกทำลายก็พวกนี้

มันแย็บออกมาช่องไหน ๆ ที่จะเป็นการส่งเสริมชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ของเราไม่มี เราพูดจริง ๆ เราตามฟังทุกแง่ทุกมุม มีตั้งแต่เรื่องกัดเรื่องกิน เรื่องจุดเรื่องเผาทั้งนั้น ออกมาทุกแง่ทุกมุมตั้งกฎนั้นมาตั้งกฎนี้มา กฎเพื่อจะทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ทั้งนั้นล่ะ มันจึงได้ต้านกันอยู่เวลานี้ อย่างที่เราพูดอยู่เวลานี้ เราฟังด้วยเหตุด้วยผล ด้วยอรรถด้วยธรรม เราไม่มีโลกเข้ามาแฝงใจเราเลย ผิดต้องทราบว่าผิด ถูกบอกว่าถูก พูดตามความจริงนั้นเลย

นี่ล่ะมันเป็นอย่างนี้ล่ะนะ มันกีดมันขวางอยู่ตลอดเวลา พี่น้องทั้งหลายให้ตั้งอกตั้งใจรักษาชาติของตนนะ อย่าอ่อนแอท้อแท้กับพวกเปรตพวกมารนี่นะ มันกลืนแบบนั้นเข้ามากลืนแบบนี้เข้ามา เริ่มเข้ามาตั้งแต่เริ่มแรกเป็นรัฐบาล มันกีดมันขวางตั้งแต่เราเริ่มช่วยชาติมาจนกระทั่งบัดนี้ และพวกนี้ทองคำบาทหนึ่งมันก็ไม่เคยมาให้ ดอลลาร์หนึ่งดอลล์มันก็ไม่เคยมาให้ เงินหนึ่งบาทมันก็ไม่เคยมาให้ แต่เรื่องการกีดขวางนี้มันครอบไปหมดเลย

เราไปที่ไหนมันแทรกซึม ๆ บอกอย่างลับ ๆ บอกอย่างเปิดเผย ถ้าจะเปิดเผยจริง ๆ มันกลัวเราจับตัวมันได้ คือเราไม่เหมือนใครนะ ทราบว่าเป็นใครจะตามเอาเลยนะ เอามาซัดกันเลย เราไม่ได้เหมือนใคร ขอให้ได้ความจริงมา เอาจริง ๆ เรา เพราะเราทำด้วยความสัตย์ความจริง ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรที่จะลี้ลับ เรื่องกิเลสไม่มีในหัวใจเรา เราจึงเป็นธรรมล้วน ๆ พูดได้เต็มปาก ผิดบอกว่าผิด ถูกบอกว่าถูก เต็มเม็ดเต็มหน่วยตลอดไปจนกระทั่งเราตาย เป็นอื่นไปไม่ได้

นี่ล่ะเรื่องกีดเรื่องขวางมันมีอยู่อย่างนี้ตลอดนะ ให้ท่านทั้งหลายรู้ไว้ว่าชาติไทยของเรานี้เต็มไปด้วยพิษด้วยภัย เหมือนตาสับปะรดเวลานี้ กำลังแผ่อำนาจขึ้นมา มันกำลังลุกลามไปหารัฐบาลนะ ให้รัฐบาลมาแผ่อำนาจแบบไหนก็ไม่รู้ล่ะ เรากำลังฟัง มันซึมซาบเข้าไป เราจับเอาเงื่อน ๆ ไปเรื่อย ๆ เราไม่ไว้ใจจนกระทั่งถึงรัฐบาล ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นี่ล่ะธรรม ไม่ไว้ใจกันบอกว่าไม่ไว้ใจ อะไรที่จะเป็นภัยต่อส่วนรวม ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไว้ใจไม่ได้เลย ชาติเป็นชาติไทยมาด้วยความชอบธรรม ศาสนาเป็นศาสนาที่ชอบธรรม พระมหากษัตริย์ที่ชาวไทยเราเทิดทูนทั้งประเทศโดยความเป็นธรรมแล้ว มันมายุแหย่ก่อกวนทำลายหาอะไร ลองพิจารณาดูซิ

อย่างที่มาแย่งเอาตำแหน่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เอาไปกินไปกลืน มันมาแย่งหาอะไร พิจารณาซิ อันนี้เป็นขนบประเพณีอันดีงาม มีคุณค่ามากที่สุด น้ำหนัก เท่ากันกับประเทศไทยทั้งประเทศ ขนบประเพณีอันดีงามที่ชาวไทยและพระสงฆ์องคเจ้าทั้งหลายเทิดทูนมา ขนบประเพณีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงตั้งสมเด็จพระสังฆราช เป็นประเพณีที่ดีงามราบรื่น ชุ่มชื่นชุ่มเย็นมาตลอด นี้มันก็มาแย่งเอาอำนาจนี้ไป แล้วมันจะเอาอำนาจเปรตผีที่ไหนเข้ามาเหยียบอีก มันจะทำลายศาสนาเข้าใจไหมนี่ ทำลายพระมหากษัตริย์เข้าใจไหม นี่ล่ะพวกนี้จะทำลายพระมหากษัตริย์ บีบเข้ามาแง่นั้น บีบเข้ามาแง่นี้ แล้วทำลายชาติอยู่ในตัวนั้นแหละ ทั้งสามนี้กำลังถูกบีบถูกทำลาย

พี่น้องทั้งหลายจำเอานะ เราพูดเต็มปากของเรา เราได้พิจารณาแล้วเต็มหัวใจ ไม่ได้มาด้น ๆ เดา ๆ พูดนะ พวกนี้พวกมหาภัยจริง ๆ กำลังกระจายอยู่ทั่วโลกดินแดน ทางฝ่ายพระมันก็ทำลายอีกแบบหนึ่ง ทางฝ่ายฆราวาสก็ทำลายอีกแบบหนึ่ง เข้ามาหากลืนเอาสามพระองค์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของเราให้จมลงจากเมืองไทย สิ่งที่มันจะนำมาครองคือยักษ์คือผี ไม่มีศาสนาเลย ยังปีนขึ้นไปอีก เท่าที่ทราบอยากปีนขึ้นไปหาประธานาธิบดีบอแดที่ไหนอีก เราก็พูดตามที่เราทราบมาจากบรรดาลูกศิษย์ลูกหา ซึ่งเขาไม่โกหกแหละ เขาต้องทราบเรื่องราวมาเขาจึงมาพูดอย่างนี้ อันนี้เราก็ยิ่งสลดใจ

คือประธานาธิบดียังไง เหยียบหมดชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่มี ให้มีแต่ประธานาธิบดี ให้คนทั้งประเทศที่เคยนับถือพระพุทธศาสนา กราบพระพุทธเจ้าลงคอกราบมันแทน ก็เท่ากับกราบหมาแทนนั่นเอง ประธานาธิบดีบอแดที่ไหนเป็นอย่างนั้น ฟังซิน่ะ นี่เรื่องที่กำลังเป็นภัยต่อชาติมันมีทุกหย่อมหญ้านะไหลเข้ามา ๆ ให้ท่านทั้งหลายจำเอาไว้ เราเป็นจุดศูนย์กลาง เรานำธรรมมาสอน พูดได้อย่างเต็มปากของเราทุกอย่าง ๆ ไม่เอนไม่เอียงทางนั้นทางนี้ ไม่มี เราไม่มีฝ่ายได้ฝ่ายเสียจากผู้ใด ความแพ้ความชนะเราก็ไม่มี ธรรมนี้เป็นธรรมเหนือโลก เอามาสอนนี้เป็นธรรมสอนโลกนะ

เราไม่ได้อยู่วงกรณีแห่งความพิพาท ธรรมนี้เหนือหมดแล้ว มาสอนที่มันจะมีความผิดพลาดจนกระทั่งกระทบกระเทือน หรือล่มจมแห่งชาติ-ศาสนาของชาติไทยเรา ก็เอามาแสดงให้ฟังหมด เวลานี้ข้าศึกเหล่านี้กำลังคืบคลานเข้ามาทุกแบบทุกฉบับ ทางพระก็เห็นอยู่ อย่างพูดเมื่อคืนนี้ก็พูดแล้ว มีแต่มหาโจรเต็มบ้านเต็มเมือง ตั้งขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่เท่าไรเป็นมหาโจรอันใหญ่โต ที่จะทำลายศาสนา ทางชาติก็กลืมกลืนเป็นอันเดียวกัน มือซ้ายมือขวาจับแขนกันกลืนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของเราให้จมลงไป เวลานี้ เป็นอย่างนั้นแน่นอน เราไม่สงสัย เราพิจารณามานานแล้ว อุบายวิธีการของพวกนี้จะกลืนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องระวังนะ ทุกคนให้ระวัง เราสลดสังเวช

เราพูดถึงเรื่องว่าทองคำ ทองคำนำเข้าสู่คลังหลวงมันเสียหายที่ไหน ฟังซิน่ะ ลมหายใจของคนทั้งประเทศอยู่กับทองคำ เมื่อนำทองคำเข้าสู่คลังหลวงลมหายใจก็เต็มปอด ๆ  แล้วว่ามันมีมากแล้ว มากแล้วมันเคยไปเห็นที่ไหน เราเองเป็นผู้ไปเห็น ที่เราพูดได้ชัดเจนนะ เราถามถึงหัวหน้าผู้รักษาคลังหลวง ทองคำที่นั่นมีเท่าไร ที่นั่นมีเท่าไร จนกระทั่งถึงเมืองไทยเรามีเท่าไร ทราบละเอียดลออด้วยตาของเราก็ไปดูเอง นี่เราเห็นเองเราจึงไม่สงสัย ไอ้ที่มันพูดสุ่มสี่สุ่มห้ามันพูดเพื่อทำลายต่างหาก มันไม่พูดเพื่อยกยอชาติไทยของเรา ถ้าพูดตามนั้นแล้วมันจะพูดคำนี้ไม่ได้ เพราะทองคำมีน้อยจริง ๆ ดังที่เราไปเห็นแล้ว

นี่มันมากีดมาขวางแบบนี้ ฟังว่าผู้ใหญ่เสียด้วยนะ ใหญ่ก็ใหญ่แบบยักษ์แบบผี ฟังไม่ได้นะ อย่างนี้ล่ะมาหากีดหาขวางอะไร คนทั้งประเทศเขาอุตส่าห์พยายามขวนขวายหาสมบัติเข้ามาสู่หัวใจของเขาคือคลังหลวง แล้วทำไมเราจึงมากีดมาขวางแบบนี้ เด็กอมมือเขาก็พูดไม่ได้นะพูดคำนี้ แล้วมันเอาความรู้นี้มาจากไหน มันถึงได้มาพูดอวดประชาชนทั้งชาติที่เขาร่ำลือต่อชาติของเขา ทะนุถนอมชาติของเขาให้เสียหายล่มจมไปตามปากของมัน

ปากนี้มันเลวกว่าปากหมานะ ปากหมาเขาไม่ได้เห่าแบบนี้นะ เจ้าของเขาไม่เห่า หมามีเจ้าของเขาไม่เห่า อันนี้มันไม่มีเจ้าของ พวกนี้สัตว์เร่ร่อนไม่มีเจ้าของ  เห่าได้หมด กลืนได้หมด กินได้หมด พอจะกินที่ไหนกินได้สัตว์ไม่มีเจ้าของ พวกเปรตพวกผีไม่มีเจ้าของ คนที่มีเจ้าของ มีชาติเป็นเจ้าของ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นเจ้าของแล้วจะไม่เห่าไม่หอน ไม่กีดไม่ขวางอย่างนี้ นี้มันทำได้ลงคอ มันน่าทุเรศไหมล่ะท่านทั้งหลายพิจารณาซิ

ได้ยินมาโดยลำดับ เมื่อมันมาสัมผัสก็พูดให้ฟังอย่างนี้ ถ้าไม่มีอะไรมาสัมผัส ฟังแล้วก็เหมือนไม่ฟัง ทราบแล้วเข้าลิ้นชัก ๆ ถึงกาลเวลามันหากออกเองในจิตอันนี้นะ ไม่มีว่าอัดอั้นตันใจที่อยากพูดอย่างนั้นอย่างนี้เราไม่มี แล้วแต่เหตุผลกลไกที่จะควรพูดหนักเบามากน้อยเพียงไร อันนี้ก็เกี่ยวกับทองคำเข้ามา พระเจ้าพระสงฆ์ท่านอุตส่าห์พยายามเอามาทั่วประเทศไทย ขวนขวายเข้ามา ประชาชนก็เต็มทั่วประเทศ มันยังมีหน้ามีตามาเบ่งอวดดิบอวดดี ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความดีอะไรเลย ว่าทองคำมีมากแล้ว มันไปเห็นที่ไหน ไม่ได้เห็น มันพูดเอาเฉย ๆ พูดอย่างนี้พูดเพื่อกีดเพื่อขวางนั่นเอง

อย่างเราไปเทศนาว่าการที่ไหนก็ตาม มันไปเที่ยวกีดเทียวขวางหมดพวกเปรตพวกผี นี่สัตว์ไม่มีเจ้าของคือพวกนี้เอง ถ้ามีเจ้าของมันทำไมมันจะไม่รักเจ้าของ และมันทำไมจะไม่รักชาติถ้าสัตว์มีเจ้าของ เราเกิดกับชาติใด ชาตินั้นเป็นเจ้าของของเรา ควรจะรักชาติของคนซิ ไปทำอย่างนั้นได้ยังไง ก็ผู้บำรุงชาติมีอยู่ ควรจะส่งเสริมกันมันถึงถูกต้อง อันนี้มากีดมากันมาขวาง นี่พวกมหาภัย จำกันไว้นะ

วันนี้พูดเพียงเท่านี้ก่อนล่ะนะ ขอขอบคุณอนุโมทนามาก ๆ นะ ดีละได้หนุนกันมาจากทางนั้นทางนี้ หลวงพ่อสังวาลย์เป็นพระที่มีบุญมีคุณมากทีเดียว กับเราสนิทกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ท่านก็เคารพเราด้วย

เราสร้างรากฐานไว้ให้ชาติไทยของเรา เวลาเราตายไปแล้วจะได้มีรากฐานอยู่เย็นเป็นสุขต่อไป สำหรับเราเราไม่เอาอะไรแล้ว เราก็บอกเราไม่เอา แต่นี้เราทำไว้เพื่อลูกเพื่อหลานของเรา ในโอกาสที่ควรจะได้ก็ให้ได้เราว่างั้นนะ แต่ก็เดชะนะ ตั้งแต่ต้นมาว่ายังไงได้อย่างนั้น ว่ายังไงได้อย่างนั้นตลอดมา ไม่เคยผิดเคยพลาดนะ ไม่เคยทำให้ชอกช้ำในใจ เสียอารมณ์ไม่มี ว่าตรงไหนได้ตรงนั้น ๆ ว่าเอานะผึงเลยได้เลย ว่าอะไรได้อย่างนั้นตลอดมา จนกระทั่งปัจจุบันนี้

ทองคำวันนี้ได้ ๔๖ บาท ๖๔ สตางค์ เฉพาะวันนี้ ตะกี้นี้ก็ ๑๐ บาทแล้ว

 

ทางวงกรรมฐานนี่ช่วยมากนะ เรื่องทองคำก็ดี ดอลลาร์ก็ดี เงินสดก็ดี วงกรรมฐานช่วยมากไม่ใช่น้อย ๆ ทั่วไปหมดเลย วงกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นนะ ช่วยทั้งทองคำ ทั้งดอลลาร์ ทั้งเงินสด เรียกว่าทั่วไปหมดเลย และทางนี้หลวงพ่อสังวาล ทางนี้ก็ช่วยมาก เราได้เห็นพี่น้องชาวไทยเราเข้าสู่วัดสู่วาฟังธรรม จำศีล เราเป็นที่พอใจ โลกยังมีหวังที่จะได้รับความสงบร่มเย็น มีที่ซุกหัวนอน คือมีที่พักพอซุกหัวนอนได้นอน ที่ไม่มีเลยไปที่ไหนล้มลงที่ไหนก็มีแต่ขวากแต่หนาม คือกองทุกข์จากกิเลสปักเสียบเอาไว้ อย่างนี้มีมากทีเดียวนะ

เอาธรรมจับเห็นชัดเจน เพียงใจเราดูเฉย ๆ ดูไม่รู้นะ เพราะงั้นมันถึงไม่ได้มองเห็นตามความจริงเหมือนธรรม นี่มันต้องคาดกัน เขาคาดเรา เราคาดเขา เขาคาดทั่วโลกดินแดน ว่าบ้านนั้นเจริญ เมืองนี้เจริญ ประเทศนั้นเจริญ ประเทศนี้เจริญ เขาจะคาด เช่นอย่างประเทศใหญ่เขาเจริญ แต่ส่วนลึกของหัวใจ รากแห่งความเจริญและความเสื่อมอยู่ที่ไหนเขาไม่ได้เห็นนะ คือใจ นั่นน่ะรากแห่งความเสื่อมและความเจริญ  รากแห่งความสุขและความทุกข์จริง ๆ อยู่ที่ใจ ธรรมตามเข้าไปเห็นหมด

          สิ่งเหล่านั้นเป็นเครื่องประกอบให้เกิดความสำคัญมั่นหมาย หลงเพลินไป เป็นบ้าไปตาม ๆ กันเฉย ๆ ไม่ใช่ความจริง ความจริงคือจิต นี่ล่ะที่เป็นผู้รับเคราะห์รับกรรมจากความหลอกลวงตัวเอง ว่าที่นั่นเจริญ ก็ดีดดิ้นกับเขา แล้วก็ผิดพลาดไปเรื่อย แล้วจมไป ทั้ง ๆ ที่หวังความเจริญเหมือนเขา แต่แล้วกลับจมไปมีเยอะ นี่เรียกว่าคาดไป โลกอันนี้ถือว่ากิเลสมันพอที่ไหน เอาอันนี้เข้าครอบเลยนะ กิเลสบนหัวใจสัตว์โลกจะไม่มีคำว่าพอ เป็นทุคตะเข็ญใจก็หวังความร่ำความรวยจนกระทั่งถึงเศรษฐี เศรษฐียังหวังรวยอีกนะ อย่าว่าเศรษฐีนี้พอ เศรษฐียิ่งหวังมากกว่าประชาชน

          นี่ล่ะกองทุกข์เกิดขึ้นจากความอยาก เหมือนไฟได้เชื้อ อยากตลอด ๆ เผาไป ดิ้นไปตลอด และหาความเจริญที่ไหนไม่มี เห็นแต่ความดีดดิ้นเต็มหัวใจ ได้มามากน้อยเป็นเครื่องอยู่ภายนอกต่างหาก แต่เป็นเครื่องประกอบอันหนึ่งที่จะให้กิเลสเสริมตัวให้อยากมากขึ้น อยากร่ำอยากรวยมากขึ้น นี่ล่ะพระพุทธเจ้าจึงท้อพระทัยในการสอนโลก คือโลกไม่ได้มองตามความเป็นจริง มองแต่สิ่งจอมปลอมตามที่กิเลสหลอกลวง มันจึงผิดพลาด ๆ ไปตลอด

          ธรรมย้อนกลับ สอนธรรมเข้ามาสู่ใจ ใจเป็นตัวดีดดิ้น ดีดดิ้นเพราะอะไร เพราะมีสิ่งที่หลอกลวงให้ดีดให้ดิ้น สอนเข้ามาหานี่ มาหากองไฟอยู่ที่หัวใจ ที่เรียกว่ามหาเหตุ มันก่อฟืนก่อไฟอยู่ที่หัวใจของสัตว์ตลอดเวลา เอาธรรมจ่อเข้ามานี่ปั๊บเท่ากับน้ำดับไฟ พอเริ่มสาดน้ำเข้าไปไฟจะค่อยสงบตัวลง ท่านให้ดูใจที่เป็นตัวมหาเหตุ น้ำดับไฟ ได้แก่จิตตภาวนาเป็นสำคัญมากนะ จ่อเข้าไปตรงนี้มันจะเห็นทันที กิเลสนั้นล่ะจะเจอกิเลสก่อนเพื่อน เพราะกิเลสมันเต็มไปหมดในหัวใจ

          พอตั้งสติพับเข้าไปจะเห็นแต่ความยุ่งเหยิงวุ่นวาย ความดีดความดิ้น อยากคิดอยากปรุงอยู่ตลอดเวลา ทีนี้ระงับความคิดเหล่านี้เป็นตัวภัย ให้ระงับ ระงับเบื้องต้นก็เคยสอนแล้ว ให้ระงับด้วยบทภาวนา เอาคำบริกรรมมาบีบบังคับเอาไว้ นี่เราก็สอนแล้วนะ คือคิดเรื่องโลกเรื่องสงสารเป็นอารมณ์ของกิเลส คิดเรื่องอรรถเรื่องธรรมเป็นอารมณ์ของธรรม เช่นพุทโธคิดเป็นอารมณ์ของธรรม คิดเรื่องได้เรื่องเสีย เรื่องอะไรกับสิ่งใด ๆ เป็นเรื่องของกิเลสไปได้วันยังค่ำ ไม่มีเวลากลับตัวเลย คิดเตลิดเปิดเปิง

          พอเอาธรรมเข้าไประงับ ความคิดทั้งหลายเราเคยคิดมาแล้ว ระงับความคิดนั้น เอาความคิดทางอรรถธรรมมาใช้ในหัวใจดวงเดียวกัน จึงต้องบังคับ มันจะคิดทีแรก โถเหมือนอกจะแตกนะ เพราะมันเคยคิดเคยปรุง แล้วปิดกั้นไว้ไม่ให้มันออก มันจะตายนะไม่ใช่เล่น ๆ นะ จึงต้องระบายทางให้มันออกเล็กน้อย ๆ ถ้าทานไม่ไหว ระบายให้มันออกเล็กน้อย ทางนี้เรากักกันไว้ระบายให้มันออกเล็กน้อย น้ำที่ไหลไปหากองทุกข์มาให้เรา ทีนี้เอาพุทโธ หรือคำใดก็ตามที่ถูกกับจริตนิสัยของเรา เอาคำนั้นล่ะเข้ามากำกับใจ เพราะใจนี่เป็นตัวคิดตัวปรุง เนื่องจากกิเลสดันให้มันคิดมันปรุง แล้วบังคับความคิดของธรรมเอาไว้ด้วยคำบริกรรม เอาสติจ่อ สติเป็นผู้จ่อบังคับงาน ควบคุมงานไม่ให้มันเผลอไปที่ไหน

          ครั้นต่อไป ๆ จิตจะค่อยสงบลง ๆ นี่อำนาจแห่งธรรม คือน้ำดับไฟ ติดต่อกันไปเรื่อย ๆ มากเท่าไร ทีนี้ค่อย ๆ เยือกเย็นเข้าไป ๆ จิตที่เคยดีดเคยดิ้นก็ค่อยสงบตัวเข้ามา สงบตัวเข้ามา ทีนี้เย็น เห็นล่ะ อ๋อเป็นอย่างนี้ มันค่อยเย็นเข้าไป นี่วิธีฝึกใจให้ได้หลักได้เกณฑ์ ให้มีทางระงับดับทุกข์บ้างพอประมาณใช้วิธีนี้ ให้จำเอานะ พุทธศาสนาเป็นศาสนาชั้นเอกที่ปราบปรามความชั่วช้าลามกคือกิเลส ซึ่งมันสร้างขึ้นในหัวใจได้เป็นลำดับ ๆ และได้เป็นอย่างดี ถึงขนาดได้เป็นอย่างดีเยี่ยม คือธรรมพระพุทธเจ้า นอกนั้นเอามาระงับดับกิเลสไม่มี ๆ ศาสนาใดก็ตามไม่มีศาสนาที่จะจ่อลงไปหัวใจนี่ไม่มี มีพุทธศาสนาที่จ่อเข้าถึงจุดต้นเหตุอันเป็นฟืนเป็นไฟได้อย่างแม่นยำ ๆ

          พอเราบังคับเอาไว้นี้ โห มันเคยคิดเคยปรุง มันดิ้นมันดีดมันอยากคิด นั่นล่ะมันจะออกไปตามทางของมัน ไปหาผลประโยชน์ของมัน แต่สร้างฟืนสร้างไฟให้เรา ได้แก่ความคิดของกิเลส พอบังคับให้มันอยู่กับคำบริกรรม คำบริกรรมเป็นการสร้างธรรม สร้างธรรมแทนกัน ๆ ปิดช่องกิเลสให้ช่องธรรมเดินด้วยพุทโธ ๆ สติควบคุมไว้ จิตจะค่อยสงบเย็น ๆ ต่อไปก็มีทางแก้ไขกันละทีนี้ รู้จักวิธีบ้างพอประมาณ วันไหนจิตมันยุ่งมากเอากันหนัก เป็นอย่างนั้นนะ

          ต่อไปจิตเมื่อได้รับการบำรุงรักษาอยู่ ภัยอันตรายไม่ค่อยได้เข้ามาทำลายได้ มันก็สงบแน่นหนามั่นคงขึ้น เย็นขึ้น ๆ ธรรมปรากฏขึ้น เห็นคุณค่าหนักเข้า ๆ เห็นโทษ แห่งความวุ่นวายทั้งหลายไปโดยลำดับ ๆ ทีนี้ก็หนักแน่นในทางดี นี่วิธีหลบหลีกปลีกกันระหว่างกิเลสกับธรรมฟัดกัน หลบหลีกกันหลบหลีกอย่างนี้ แล้วก็สงบเย็น เบื้องต้นเป็นอย่างนั้น หนักมากอยู่นะ เพราะพลังของกิเลสรุนแรง เหมือนกับคลื่นมหาสมุทรทะเลหลวง เราเอาฝ่ามือกั้นมันไม่อยู่นะคลื่นมหาสมุทรทะเล เราต้องกั้นทีละเล็กละน้อยกั้นออกไป เอาจนกระทั่งอยู่หมัดเลย

          เวลามันสงบจริง ๆ แล้ว โอ้โห อะไรจะอัศจรรย์เพียงขั้นสงบเต็มที่ นี้ก็พอแล้วนะคนที่ยังไม่เคยรู้เคยเห็นธรรม มันสงบจริง ๆ นะแน่วเลย บางทีกายหายไปหมด นี่อำนาจแห่งภาวนา สติเป็นพื้นฐานสำคัญ เผลอไม่ได้นะ สติเป็นพื้นฐานคือนายบังคับงาน ถ้านายหนีลูกน้องมันก็เถลไถล ต้องนายมาแล้วดูทำการทำงาน ลูกน้องก็ทำการทำงานได้ นี่ก็เหมือนกันสติบังคับ ๆ แล้วจิตสงบเย็นขึ้นมาๆ เมื่อเวลาหนุนกันอยู่ตลอดเวลาความแปลกประหลาดอัศจรรย์ของจิตนี้ไม่ต้องบอก จะขึ้นมาเรื่อย เพราะบำรุงเหตุด้วยดีผลจะแสดงขึ้นมาเป็นลำดับลำดา

          เราเคยพูดแล้วนี่เพื่อเป็นคติต่อพี่น้องทั้งหลาย เราไม่เคยคาดเคยคิด นั่งภาวนาทีแรกก็นั่งภาวนาไปอย่างนั้น ไปถามท่านพระครูวัดโยธาเพราะบวชที่นั่น อยากภาวนา และจะให้ภาวนา เอาพุทโธล่ะนะท่านว่า เราก็ภาวนาพุทโธแหละ ก็จับได้เท่านั้นไปทำ ท่านบอกว่าให้ตั้งสติให้ดี ภาวนาพุทโธนะ ได้เท่านั้นเราก็มาทำ ตั้งสติไว้ไม่ทราบว่ากี่วินาที หรือมันไม่ถึงวินาทีก็ไม่ทราบมันเผลอเสีย แล้วสุดท้ายก็นอนมันไม่สงบ หลายครั้งหลายหนบทเวลามันจับได้นะ มันหากมีจังหวะหนึ่งจนได้ จังหวะกิเลสจะเผลอธรรมจะได้ต่อยมัน เมื่อมันต่อยกันอยู่ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเผลอจนได้แหละ กิเลสกับธรรมฟัดกัน ส่วนมากเรามันเลยเผลอเรื่องธรรม เรียกว่าตายเลย ให้กิเลสน็อคเอา ๆ ตายเลย ทีนี้ให้กิเลสเผลอบ้างซิฟัดกิเลส

          ทีนี้พอภาวนาไป ๆ บทเวลามันจะเป็นนะ จิตใจของเราที่ซ่านไปทั่วโลกดินแดน มันเหมือนเราตากแหเอาไว้ ตีนแหที่กระจายออกไปเหมือนกระแสของจิตออกไป พอระลึกพุทโธ ๆ เหมือนจอมแห พุทโธติด ๆ กันไม่ให้เผลอ แล้วปรากฏเหมือนว่าดึงจอมแหเข้ามา ตีนแหก็หดย่นเข้ามา ๆ กระแสของจิตที่คิดซ่านไปค่อยย่นเข้ามา เป็นที่สังเกต และจิตก็จ่อดู ๆ ไม่เผลอสติ ย่นเข้ามา ๆ จนกระทั่งแหนั้นย่นเข้ามาเป็นกองแห ทีนี้กระแสของจิตย่นเข้ามาจนเป็นจุดของผู้รู้ที่เด่นชัด นี่ล่ะเรียกว่ากองแห

          พอถึงนี้กึกเลยทีเดียว เราก็ยังไม่ลืมนะ ทุกวันนี้ก็ยังไม่ลืม นี่ล่ะเป็นครั้งแรกเราจึงไม่ลืม ถึงจะสูงกว่านั้นไปเท่าไรมันก็ไม่ลืมในเบื้องต้น พอสงบเข้ามา ๆ มาถึงจุดแล้วกึกเท่านั้นขาดหมดเลย อะไรทั่วโลกนี้ขาดไปหมด เรียกว่าอยู่ในท่ามกลางมหาสมุทร  ที่นั่งเท่ากับเรามีอยู่เท่าเรานั่ง นอกนั้นเป็นมหาสมุทร นี่ล่ะจิตอยู่จุดศูนย์กลาง นอกนั้นเวิ้งว้างไปหมดเลย แปลกประหลาดอัศจรรย์ โอ้โห แล้วมันก็ตื่นเต้นซิเราไม่เคยทำ เกิดความตื่นเต้นในขณะนั้น อัศจรรย์ในขณะนั้น ความตื่นเต้นเหล่านี้เลยไปกวนจิต มันเลยถอยออกมา ไม่นานนัก แต่จับได้ถนัดชัดเจนว่าจิตนี้อัศจรรย์อย่างนี้

          จากนั้นมาก็อัศจรรย์ วันหลังเอาใหญ่ก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นสัญญาอารมณ์กับอดีตไปเสีย มันไม่อยู่ปัจจุบัน จนกระทั่งมันจางไป ๆ เอาอีกเป็นอีก พอขยับเข้าจริงๆ   หายไปเสีย เพราะจิตเราไปหมายอารมณ์อดีต ไม่ได้อยู่ในปัจจุบัน พอมันจางไปความหวังเหล่านั้นหมดไปแล้วไม่เอาแล้วทีนี้ ปล่อยมาปัจจุบัน เป็นอีก เป็นแบบเดียวนี้ เราเรียนหนังสืออยู่ ๗ ปี จิตของเรารวมแปลกประหลาดอัศจรรย์สามหน เราไม่ลืมเลยนะ นี่เราไม่เคยเป็น ลงได้เป็นแล้วไม่ลืม จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ไม่ลืม

          จากนั้นมาเป็นจุดสำคัญที่เราที่เราจะตั้งความมุ่งหมายเข้าสู่จุดนั้น ๆ ให้ได้ พอออกปฏิบัติเอาใหญ่เลย จะเอานี้ให้ได้ ซัดกันมันก็ได้ละซิ เพราะเอากันอย่างจริงจัง ๆ สติติดแนบมันก็เป็นขึ้นเจริญขึ้นเรื่อย นั่นจิตเป็นอย่างนั้นนะ จนกระทั่งจิตนี้แน่นปึ๋ง ๆ  อยู่ที่ไหนสบายหมดไม่มีอะไรกวนใจ ก็กิเลสกวนจิต ทำจิตให้หมุนแล้วเจ้าของก็เป็นทุกข์ พอกิเลสจางไป ๆ สมาธิครอบ คือความสงบใจครอบเข้าไปก็มีแต่ความเย็นความสบาย

          นี่ล่ะของอัศจรรย์จริงๆ อยู่ที่จิตนะ เราอย่าไปคิดว่าอยู่กับสิ่งนั้นสิ่งนี้ ผิดทั้งเพ ถ้าลงได้เข้ามาหาจิตนี้แล้วมันจะปล่อยของมันไปโดยลำดับ ปล่อยโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรเหลือ ได้จิตเต็มส่วนแล้วปล่อยหมด อย่างพระพุทธเจ้า-พระอรหันต์บรรลุธรรม นั่นล่ะ ได้เต็มส่วนแล้วปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง เมื่อยังอยู่ตรงไหนก็ยังเกาะยังติดนิดหน่อย ปล่อยเข้ามาๆ จนกระทั่งปล่อยหมดโดยสิ้นเชิง นั้นล่ะบรมสุข หมด เรื่องทุกข์ไม่มีอะไรเหลือเลย นี่การอบรมจิต นี่ล่ะความทุกข์ก็ดี ความสุขก็ดี มารวมอยู่ที่จิตนะ อย่าไปว่ามันไปอยู่ที่ตรงนั้นตรงนี้นะ มันอยู่ที่จิต จิตเป็นผู้ไปสำคัญมั่นหมาย พอฝึกหัดให้ถูกทางแล้วมันจะปล่อยเข้ามา ถึงจุดที่แปลกประหลาดอัศจรรย์นี้มันจะปล่อยนั้นเข้ามาเรื่อยๆ พอได้อันนี้หนักแน่นเข้าไปยิ่งปล่อยข้างนอกเรื่อย ๆ นั่น พากันจำเอานะ

          วันนี้พูดเรื่องภาวนา ให้พากันเข้าอกเข้าใจบ้างบรรดาพี่น้องทั้งหลาย อยากให้ได้เห็นความแปลกประหลาดในใจของตัวเอง เพราะเราเป็นลูกชาวพุทธ ควรที่จะทำตามจุดที่ว่านี้ พระพุทธเจ้า-ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านจะโกหกเราจริงๆ เหรอ ส่วนมากมีแต่เราโกหกตัวเอง ท่านสอนอรรถสอนธรรมเป็นความจริง ยังจะว่าท่านโกหกเหรอ เอ้าทำตามท่านว่าดูซิน่ะ มันจะเป็นยังไง แต่อย่าไปคาดไปหมายนะ เราจะให้จิตเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หมายไปข้างนอกไม่เกิดประโยชน์ ต้องลงในปัจจุบัน เราภาวนาให้อยู่กับนั้น ผลอย่าไปคิด จะเป็นสวรรค์ชั้นฟ้าอะไรก็ตามอย่าไปคิด ให้จับตัวเหตุนี้คือคำบริกรรมในเบื้องต้นไว้ เมื่อสติติดแนบกันอยู่แล้วจิตจะค่อยสงบตัว ๆ และแน่วลงไป เอาละวันนี้พูดเพียงเท่านั้น

          (คุณหมอจักรธรรม ผอ.สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติมากราบหลวงตา)

          คุณหมอจักรธรรม     :      ก่อนหลวงตากลับอุดร ถ้ามีเวลาสักสองชั่วโมงผมนิมนต์ที่พุทธมณฑล เพื่อเป็นสิริมงคล

          หลวงตา                  :       จากนี้เป็นวัน ๆ นี้ติดตลอด ๆ

          คุณหมอจักรธรรม      :       มีเวลากระผมขอนิมนต์ ผมจะเอารถมารับพาหลวงตาไปดูพุทธมณฑลให้รอบ ๆ หลวงตาเคยไปแล้วแต่ว่าจะมีเวลาน้อย ยังไงผมจะติดต่อกับพระเลขานุการ หลวงตาแข็งแรงดีนะขอรับ

          หลวงตา                  :        ก็แข็งแรงอย่างนั้นแหละ ไปที่ไหนเตะไปเรื่อย ชอบจะเตะคนนะ แข็งแรงแบบนี้มันแข็งแรงอันธพาล ไปที่ไหนชอบเตะ มือก็เตะไปทางหนึ่งนะ จับนี้เตะ อันนั้นตก อันนี้หลุดมืออะไรไป ทางเท้าก็เหมือนกันไปไหนเตะดะไปเลย มือก็เตะดะไป อย่างนี้มันชักแข็งแรงไปอย่างนั้นล่ะ แข็งแรงอันธพาล วันนี้ก็ได้ฟังเทศน์มิใช่หรือ ได้ทันอยู่หรือ

          คุณหมอจักรธรรม     :       ทันอยู่ครับ กระผมมานั่งอยู่เกือบชั่วโมง นั่งอยู่ข้างล่างครับ พอดีกว่าจะเสด็จกลับก็เกือบ ๕ โมง ท่านผู้อำนวยการยงยุทธ จันทร์ตรีหลวงตารับเป็นหลานศิษย์ไปแล้ว เป็นผู้อำนวยการที่ดูแลพุทธมณฑลอยู่ครับ

          หลวงตา                  :       ยงยุทธ จันทร์ตรี เป็นอะไรกับคุณสละ จันทร์ตรี     

          คุณยงยุทธ                :        เป็นหลานครับหลวงตา

          หลวงตา                  :        เป็นลูกศิษย์นะ ไม่ได้พบกันมานาน ลูกศิษย์สนิทสนมจริงๆ  นะ แล้วห่างกันมาหลายปี พอว่าจันทร์ตรีระลึกย้อนหลังเกี่ยวข้องกันยังไง จนกระทั่งทราบว่าเป็นหลาน เวลานี้สุขภาพเป็นยังไง     

          คุณยงยุทธ               :       ไม่ค่อยดีครับ

          หลวงตา                  :       ไม่ค่อยดี เออเข้าใจ เป็นลูกศิษย์มานานนะนั่นน่ะ จนได้ยินนามสกุลนี้ว่าจันทร์ตรี ถึงย้อนไปหา

          คุณหมอจักรธรรม     :       ท่านยงยุทธกับกระผม ก็อยากให้หลวงตาไปเหยียบพุทธมณฑล ขอกราบนิมนต์ถ้ามีเวลาสักสองชั่วโมง ไม่เกินครับ

          หลวงตา                  :       วันใดเวลาใดที่ว่าง

          คุณหมอจักรธรรม       :       แล้วแต่หลวงตาครับ

          หลวงตา                  :       เราจะโทรไปบอก แล้วมีโทร…..

          หลวงตา                 :       มีครับ ผมให้พระไว้แล้วครับ เออถ้างั้นไม่มีปัญหา ถ้ามีเวลาว่างเราก็จะโทรไปแล้วก็ไปเลย พอใจ ๆ เท่านั้นล่ะนะ

          คุณหมอจักรธรรม       :       นมัสการลาเลยครับ   

          หลวงตา                 :       เอานะให้ใช้ความอดทน พวกเลวร้ายอะไรมันสกปรกมากต้องใช้ความอดความทน เราเป็นลูกศิษย์พระอดทน อย่างที่หลวงตาพูดอยู่นี้นะ เวลาเร่งมันก็เร่งๆ เครื่อง เหมือนฟ้าดินถล่ม แต่หัวใจเราไม่มีอะไรนะ มันเป็นอย่างนั้นต่างหาก เป็นพลังของธรรมของออกพุ่ง ๆ พอจบแล้วหายเลย ไม่มีอะไรกับใคร

          คุณหมอจักรธรรม       :       ผมก็เชื่ออย่างนั้นล่ะครับ

          หลวงตา                  :       คือมันไม่มีจริง ๆ ไม่อย่างนั้นจะว่ามันหมดหรือ มันไม่มี จะคว้าหามาอะไรเรื่องความโกรธโมโหโทโส คว้าที่ไหนมันก็ไม่มี มันก็มีแต่ธรรมล้วน ๆ ที่ออกทำหน้าที่ จะหนักจะเบาพลังของธรรมทั้งนั้น พูดแล้วจบหายเงียบเลย ไม่ว่าพูดหนักพูดเบาแบบเดียวกัน หมดไปด้วยกัน ไม่เป็นอารมณ์

          คุณหมอจักรธรรม      :      สองวันมานี้ก็หนักมาก กระผมอ่านหนังสือพิมพ์ หนังสือพิมพ์ยังหนักเลยขอรับ

          หลวงตา                 :     เมื่อวานก็ได้พูดเหมือนกัน ได้พูดเสียบ้าง พวกนี้มันหนัก ธรรมะไม่หนักมันก็เข้ากันไม่ได้ ไม่ใช่โกรธแค้นกันนะ ทางนั้นมาหนักอันนี้สกปรกมาก น้ำก็สาดลงมากมันถึงทันกัน

          คุณหมอจักรธรรม       :        กราบนมัสการครับหลวงตา

          หลวงตา                 :     ดีล่ะเป็นมงคลวันนี้ หลานศิษย์มาเยี่ยมอาจารย์หลวงตานะ พ่อเป็นลูกศิษย์ ลูกนี่เป็นหลานศิษย์เรื่อยไปล่ะ ก็ท่านสัญญา ธรรมศักดิ์ท่านพูดเอง ท่านเอาลูกไปฝากเป็นหลานศิษย์อยู่ที่อุดร ตอนนั้นลูกชายไปเป็นผู้พิพากษาอยู่อุดร ไปฝากเป็นหลานศิษย์กับเรา พ่อเป็นลูกศิษย์ทีนี้จะมาฝากให้เป็นหลานศิษย์ ว่างั้นนะ ลูกท่านสัญญา หาคนอย่างท่านสัญญา อู๊ย หายากมากนะ แทบจะไม่มีนะ เราชมเชยตลอดตั้งแต่ต้นจนอวสาน ท่านสุขุมละเอียดลออ เฉลียวฉลาดรอบคอบรอบด้านเลย หายากอยู่

  

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร

FM 103.25 MHz

 

 

 

 

 

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก