เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
กิเลสสิ้นซากไม่มีอะไรขวางใจ
ก่อนจังหัน
วันนี้พระมาฉัน ๓๑ เณร ๒ อยู่ข้างในเยอะท่านไม่ฉัน ท่านไม่ออกมา นี่ละการจะทำตัวให้เป็นคนดีต้องอดต้องทน ทุกข์ก็ต้องทน อย่างพระในวัดนี้ไม่เคยฉันจังหันครบองค์เลย ขาดวันละจำนวนไม่น้อยๆ วันนี้มาฉัน ๓๓ องค์ ขาดไปมากมาย ๒๐ กว่าองค์อยู่ข้างในท่านไม่ฉัน ไม่ฉันเพราะอะไร การฉันมันเป็นการหนุนธาตุขันธ์ แล้วก็เสริมเข้าไปหนุนกิเลส การประกอบความพากเพียรอืดอาด สติไม่ค่อยดี ปัญญาไม่ค่อยคล่องตัว ธาตุขันธ์สมบูรณ์แต่จิตใจแห้งผากจากธรรม นี่ท่านฝึกทรมานท่าน
การขบการฉันพอยังอัตภาพให้เป็นไปวันหนึ่งๆ เพื่อมุ่งเข้าสู่ธรรม อาหารการบริโภคเบาบางทางธาตุขันธ์ แต่ธรรมแน่นหนามั่นคงภายในใจ ท่านฝึกท่านพินิจพิจารณา ไม่ใช่อะไรมาก็กินๆ ก็ฉัน แบบนั้นใช้ไม่ได้ ฉันแบบหมู กินแบบหมู ไม่ได้กินแบบพระฉันแบบพระ ถ้าแบบพระต้องพินิจพิจารณา อาหารการขบการฉันสำหรับหล่อเลี้ยงร่างกายนี้เป็นพื้นฐาน แต่ทำลายจิตใจอย่างลึกลับไม่ค่อยรู้ไม่ค่อยพิจารณา อาหารมีมากๆ ส่งเสริมกิเลสราคะตัณหามากขึ้น การแก้ก็ยาก การพินิจพิจารณาอะไรไม่สะดวก ท่านจึงต้องฝึก ต้องฝึกอย่างนี้ อยากให้เป็นคนดี
ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ก็ดีขึ้นมาๆ ดีตั้งแต่ชื่อแต่เสียงฟากจรวดดาวเทียม ชื่อหยดย้อย มองดูคนอยู่ใต้ก้นนรกใช้ไม่ได้ ขอให้ฟิตตัวให้ดี ฝึกตัวให้ดี ทำตัวให้ดี นี่ละพื้นฐานสำคัญของความสุขความสงบเย็นใจอยู่ที่นี่ ไม่ใช่อยู่ที่ชื่อที่เสียง ใครมาก็หยดย้อย ตั้งชื่อตั้งนาม โถ ไม่ใช่เล่น บางวัดนี่อาจารย์องค์ขลังๆ โหย จะตายละ เขาไปขอให้ตั้งชื่อตั้งนาม คนนั้นเกิดวันนั้น คนนี้เกิดวันนี้ จะตั้งชื่อว่ายังไง ให้พระท่านตั้งชื่อให้ พระผู้ใหญ่เท่าไรเลยจะตายกับตั้งชื่อ มันดีอะไรกับชื่อนั่นน่ะ ตั้งไว้พอให้รู้จักกัน คนนั้นชื่อนั้น คนนี้ชื่อนี้เท่านั้นเอง หลักใหญ่อยู่กับการปฏิบัติตัวนะ ให้พากันสนใจภาคปฏิบัติตัว
โลกไม่ค่อยสนใจกับการปฏิบัติตัวให้เป็นคนดี แต่ชื่อนั้นชอบมาก ให้ดีทั้งหมด เลิศเลอไปหมดด้วยชื่อด้วยนาม ไม่เกิดประโยชน์นะ อันนี้ขัดกับความจริงคือธรรมของพระพุทธเจ้า การฝึกตนให้เป็นคนดีนี่เป็นสำคัญ ชื่อนามเราตั้งไว้อย่างนั้นแหละ ชื่ออะไรจะเป็นอะไร ขอให้เป็นคนดีๆ อยู่ตรงนี้ละ
พระก็ให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติ เคยพูดเสมอสติเป็นสำคัญมาก แล้วยิ่งเน้นหนักๆ เพราะเคยดำเนินมาอย่างนี้ ได้ผลยังไงๆ ก็เทศน์ให้ฟัง สอนตลอดมาอย่างนี้ละ นี่จวนจะตายก็ยิ่งเน้นหนักๆ จุดสำคัญๆ ของการประกอบความพากเพียร ได้เน้นหนักให้ทราบโดยทั่วกัน ไม่อย่างนั้นจะมีแต่เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ไม่คิดอ่านไตร่ตรองอะไรเลยไม่เกิดประโยชน์นะ ผลไม่ได้เท่าที่ควร อย่างน้อยผลไม่ได้เท่าที่ควร นอกจากนั้นก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ให้มีสติเป็นสำคัญ ถ้ามีสติดีแล้ว นั่งก็เป็นความเพียร ยืนเป็นความเพียร เดินเป็นความเพียร นอนก็เป็นความเพียรในขณะที่ไม่หลับ
สติเป็นสำคัญมากนะ งานการภายนอกภายใน ถ้าสติจับอยู่ในนั้นๆ แล้วจะเรียบร้อยสวยงามทุกอย่าง ถ้าขาดสติเสียอย่างเดียวเลอะๆ เทอะๆ ไปหมด แม้แต่เขียนหนังสือก็เขียนแล้วลบ ลบแล้วเขียน เพราะสติไม่อยู่กับปากกา มันอยู่กับโน่น ยุ่งโน่นยุ่งนี่ เขียนไปๆ ขีดไป เดี๋ยวก็มาลบมาเขียนใหม่ นี่สติออกจากงานแล้ว งานไม่เป็นชิ้นเป็นอันนะ ยิ่งงานพระงานฆ่ากิเลสซึ่งเป็นงานสำคัญมาก ให้ตั้งอกตั้งใจด้วยกันทุกองค์ๆ พระที่มาที่นี่ มาจากทิศจากแดนไหนประเทศไหน ไม่รู้กี่ประเทศมาอยู่นี่ แล้วในประเทศไทยเรานี้ก็อีกแหละ กี่จังหวัดๆ เต็มอยู่ในนี้ ก็มาเพื่อมุ่งอรรถมุ่งธรรม จึงขอให้ตั้งอกตั้งใจ
ต้องปฏิบัติจริงๆ ให้มีสติสตัง ทำอะไรให้สนใจ ทุกอย่างทำด้วยความสนใจ เรียกว่ามีสติติดแนบๆ ข้อวัตรปฏิบัติให้สวยงามทุกอย่าง เรียบร้อยทุกอย่าง ด้วยความมีสติ ถ้าไม่มีสติเลอะๆ เทอะๆ สักแต่ว่าทำๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร เอาละพูดเพียงเท่านี้ จะให้พร
หลังจังหัน
ผู้แทนสถานีวิทยุชุมชน ตั้งแต่วันที่ ๔ ธันวา มีการประชุมสถานีวิทยุชุมชน ๗๕ สถานี ที่โรงแรมศิริแกรนด์ จึงกราบขออนุญาตนำเทปธรรมะของหลวงตาไปเปิดตามสถานีวิทยุทั่วภาคอีสานครับ เมื่อวานนี้ก็มีการประชุมผู้บริหารสถานีทั่วภาคอีสานเหมือนกันที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ปรึกษากันในการต่อสู้กับกรมประชาสัมพันธ์ที่จะมายึดเป็นของรัฐบาล พวกเรามีอยู่ประมาณเกือบร้อยสถานี เป็นสมาพันธ์ (หลวงตา กรมประชาสัมพันธ์เขาทำไมถึงจะมาฮุบเอาของเรา) คือใครที่ตั้งสถานีวิทยุ จะต้องโอนเสาวิทยุกับเครื่องส่งไปเป็นสมบัติของกรมประชาสัมพันธ์ และต้องเสียค่าธรรมเนียมปีละ ห้าพันบาท ค่าสมัครก็ ๑ พันบาทต่อปี และบังคับให้ตั้งเสาสูงแค่ ๓๐ เมตร เครื่องส่ง ๓๐ วัตต์ มันก็จะส่งไปได้แค่รัศมี ๕-๖ กิโลเมตร ถือว่าเป็นการจำกัดสิทธิส่วนบุคคลครับ ก็เลยมีการรวมกันว่ามันไม่ถูกต้อง มีการพูดคุยกันและหาแนวทางการต่อสู้ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อนำเสนอรัฐสภาต่อไปครับ ภาคอีสานได้นำร่องแล้ว วันนี้ไปจัดที่โคราช อีสานตอนล่าง อีสานตอนบนเสร็จเมื่อวานนี้ครับ
หลวงตา กรมประชาสัมพันธ์ทำอย่างนั้นเขามีเหตุผลอย่างไรบ้าง
ผู้แทนฯ คงจะบีบไว้ละครับ ท่านรองฯ วิษณุ เครืองาม ออกข้อปฏิบัตินี้ครับ
หลวงตา นี่ถามหาเหตุหาผลว่าใครเป็นตัวเสนียดจัญไร เอาให้เต็มเหนี่ยวเราจะช่วย
ผู้บริหารงานฯหญิง พวกเราตั้งใจจะเอาธรรมะของหลวงตาไปเผยแพร่ทุกสถานีเขตอีสานค่ะ
ผู้แทนฯ สถานีที่บอกความประสงค์มามีสถานีวิทยุขอนแก่น หนองบัวลำภู(มีสี่ห้าสถานี) อำนาจเจริญ อุบล มุกดาหาร กาฬสินธุ์ น้ำโสม อุดร จังหาร จ.ร้อยเอ็ด เอราวัณ จ.เลย อ.สตึก บุรีรัมย์ บ้านผือ อุดร บ้านโนนนารายณ์ จ.สุรินทร์ บุ่งคล้า หนองคาย นครพนม สารคาม เกือบทุกจังหวัดภาคอีสานครับผม เดี๋ยวนี้นำเทปเทศน์ของหลวงตาไปออกอากาศอยู่ครับ ช่วงตี ๕ ไปถึง ๘ โมงเช้า แล้วแต่สถานีไหนจะมีความพร้อมเวลาไหน อนาคตต่อไปจะเชื่อมสัญญาณจากบ้านตาด หลวงตาเทศน์สด ทางสถานีต่างๆ จะเชื่อมสัญญาณออกพร้อมกันทั่วประเทศเลยครับ ลำดับแรกจะเอาภาคอีสานก่อน และต่อไปก็ให้ทั่วประเทศ
หลวงตา ภาคไหนก็ตาม ตามแต่อัธยาศัยของภาคนั้นๆ สำหรับเราเปิดตลอดเวลา เราช่วยโลกเข้าใจไหม เราไม่ได้ช่วยแต่ที่นั่นที่นี่ เราช่วยโลกกว้างขวางเท่าไรเพื่อประโยชน์แล้วเราพอใจทั้งนั้น ที่จะมากีดขวางอรรถธรรมนี้ เรียกว่าเทวทัตเท่านั้น ใหญ่ก็ใหญ่เทวทัต พวกนี้พวกทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงต้องคอยฟังอยู่เสมอนะ ก็โดนปึ๊งเข้าจนได้ กรมประชาสัมพันธ์มันมาจากไหน เพราะตัวเสนียดจัญไรมันคอยจ้องอยู่นี่ ตัวมหาภัยตัวสำคัญ
เรื่องศาสนาไปเป็นเครื่องกีดขวางโลกไม่เคยมี มีแต่กิเลสกีดขวาง มีเท่าไรมันกีดขวางไปตลอดกิเลสน่ะ เราเห็นด้วยเลยไม่ว่าอะไร อะไรมาขวางทางจับฟาดเข้าป่านู่น ฟาดเข้าป่า ปาเข้าป่า เราจะทำประโยชน์ด้วยธรรม ธรรมกีดขวางอะไรใครไม่มี มีแต่โล่งไปเลย มีแต่กิเลสเท่านั้นกีดขวาง มีมากมีน้อยเป็นก้างขวางคอๆ ตัดหนามกั้นทางจุกทางไว้ไม่ให้ธรรมเดินสะดวก กิเลสมันรอบด้านนี่ว่าไง
ธรรมะที่เราแสดงนี้ เรียกว่าแสดงทุกขั้นของธรรมเลย ถึงที่สุดเลย พูดตรงๆ อย่างนี้แหละ ฟังได้ทุกขั้นทุกตอนเลย ตั้งแต่พื้นๆ ไปเลย สอนเด็กนักรงนักเรียนขึ้นไปเรื่อย จนกระทั่งถึงสูงสุดวิมุตติพระนิพพาน จะออกเราก็ยินดี เพราะเรายินดีช่วยโลกด้วยความเมตตา เราไม่ได้เอาอะไร เราไม่หวังอะไรทั้งนั้น ที่พูดเหล่านี้เราไม่มีที่จะหวังนู้นหวังนี้กับอะไร มีแต่ให้ทั้งนั้นเรา ไม่มีคำว่ายึด ยึดก็ยึดธรรมเป็นหลัก ก็มีอยู่เป็นหลักอยู่แล้ว แน่ะจะว่าไง แล้วมีอะไรอีก
ผู้แทนฯ ขอพรไปต่อสู้ให้ชนะครับ
หลวงตา จงสำเร็จ แต่ให้ทำเสียก่อนเอะอะก็จะเอาให้สำเร็จทีเดียวไม่ได้นะ
พี่น้องทั้งหลายให้พากันสนใจในธรรมนะ บ้านเมืองเราจะชุ่มเย็น นับตั้งแต่ตัวของตัวก็ร่มเย็นในใจของตัว ครอบครัวเหย้าเรือนหมู่บ้าน สังคม ตลอดทั่วประเทศเขตแดน ธรรมะไปที่ไหนเย็นไปทั้งนั้นไม่มีร้อน ถ้ากิเลสไปไหนขวางไปเลยๆ
ผู้กำกับ ยอดผู้ปฏิบัติธรรมวัดป่าบ้านตาด ผู้หญิง ๑๑๙ คน ผู้ชาย ๗ คน
หลวงตา ให้ปฏิบัตินะปฏิบัติธรรม ธรรมอยู่กับทุกคน พระพุทธเจ้านิพพานแล้วเป็นเรื่องของพระองค์ไป ธรรมอยู่กับโลก ผู้ปฏิบัติได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยตามกำลังของตัวเองด้วยกันทุกคนนั่นแหละ เราออกจากนี้ไปกรุงเทพก็ไปทำประโยชน์ทั้งนั้นแหละ นั่นก็ยิ่งกว้างขวาง เทศน์ทุกวัน ออกทั่วประเทศไทยแล้วก็ออกอินเตอร์เน็ตทั่วโลกไปเลยทุกแห่งๆ อย่างพูดอย่างนี้ก็ออกแล้ว ออกตลอดไปเลย
เราอยากเห็นพี่น้องชาวไทยเราหันหน้าเข้าสู่ธรรม นี่พูดจริงๆ นะมันจ้าอยู่ตลอดครอบโลกธาตุนี่ พูดเสียให้มันชัดเจน เอาความจริงมาพูด เราไม่ได้เอาเรื่องหลอกลวงต้มตุ๋นมาพูดนะ เราสอนธรรมด้วยความสว่างกระจ่างแจ้ง สอนโลกที่เต็มไปด้วยกองทุกข์ ด้วยความไม่มีทุกข์ในหัวใจของเรา ไม่มีเราบอกจริงๆ ตั้งแต่กิเลสพังลงจากใจเท่านั้น ตั้งแต่บัดนั้นมาเราไม่เคยเห็นกิเลสเท่าเม็ดหินเม็ดทรายเข้ามาแทรกในจิตใจให้ได้ เอ๊ะ กูนึกว่ามึงหมดทั้งโคตรทั้งแซ่ตายหมดแล้ว แล้วหลานเหลนมาจากไหนอีก ยังไม่เคยได้ถามมันนะตั้งแต่วันนั้นแล้ว ทุกข์จึงไม่มีเลย หมดโดยสิ้นเชิง
กิเลสเป็นผู้สร้างทุกข์ มีมากมีน้อยเป็นเสี้ยนเป็นหนาม ใหญ่กว่านั้นก็เป็นหอกเป็นหลาวทิ่มแทง กิเลสเป็นภัยมากทีเดียว จนกระทั่งหมดเสียโดยสิ้นเชิงแล้ว ทุกข์ก็หมดโดยสิ้นเชิงในหัวใจ ไม่มีเหลือเลย นี้สอนโลกด้วยไม่มีอะไรบกพร่องแล้ว เราพอทุกอย่าง สอนโลกด้วยความพอ เราไม่ได้สอนโลกด้วยความทุกข์ของเรา เราเต็มเหนี่ยวแล้ว สอนโลกที่กองทุกข์เต็มไปหมดในโลกอันนี้ เราสอนโลกที่เต็มไปด้วยกองทุกข์ด้วยความไม่มีทุกข์ในใจของเรา เราสอนด้วยความเปิดเผยตามความสัตย์ความจริง ธรรมไม่มีโกหก พูดอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เรายิ่งจวนจะตายแล้วจึงเปิดออกเรื่อยๆ อย่างนี้ละธรรมะ มาแง่ไหนๆ ออกรับกันทันทีๆ พูดให้มันตรงอย่างนี้เลย นอกจากไม่มีก็เหมือนไม่มี ธรรมก็เหมือนไม่มี ธรรมเป็นธรรมอยู่อย่างนั้น เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องทั้งหลายได้นำธรรมนี้ไปปฏิบัติตน ฝืนเอานะฝืนกิเลส กิเลสนั่นละเป็นขวากเป็นหนามกั้นกางธรรมไม่ให้ดำเนิน จะทำความดีความงามนี้มันจะมาแล้วนะ มันมากีดมาขวางทันทีๆ ดูหัวใจเราอย่าไปดูที่อื่น ถ้าเรื่องอื่นๆ คิดทั้งวันทั้งคืนคิดได้ตลอดเวลา เพลินเป็นบ้าไปเลย แต่คิดเรื่องอรรถเรื่องธรรมนี้มันกีดมันขวางทันที กิเลสเข้ามากีดมาขวาง เอาให้มันโล่งไปหมด ทีนี้เวลากิเลสหมดแล้วเราจะคิดเรื่องอะไรๆ ไม่มีอะไรมาขวางเลย โล่งไปหมด นั่นจึงว่าขวางเพราะกิเลสเท่านั้น อย่างอื่นไม่มีขวาง มีแต่กิเลสมันขวางตลอด พอกิเลสสิ้นซากไปแล้วไม่มีอะไรขวางใจ โล่งไปหมด
สุญฺญโต โลกํ อเวกฺขสฺสุ โลกนี่ว่างไปหมดเลย ต้นไม้ภูเขามีเป็นสภาพของเขา จิตใจมันว่างไปหมด ไม่มีอะไรมาเกี่ยวมาเกาะแหละ นั่นละธรรมพระพุทธเจ้าเลิศเลอ ไม่มีอะไรจะเทียบแล้ว ให้พากันตั้งอกตั้งใจ การอบรมจิตใจดูตัวมหาเหตุ คือใจนี้ตัวสร้างเหตุ สร้างความคิดความปรุงความนึกทุกอย่างๆ ออกจากใจ สร้างตลอด เรียกว่ามหาเหตุ สร้างแต่ความทุกข์ความทรมานให้เจ้าของ พอตื่นขึ้นมามันคิดแล้วๆ ดับไม่ลง ต้องดับกันเวลาหลับนอน ตื่นขึ้นมาเครื่องมันเดินแล้ว เครื่องกิเลสเดิน เป็นอย่างนั้นตลอด นี่คือกิเลสทำงานบนหัวใจสัตว์
ทีนี้เวลากิเลสสิ้นซากไปแล้ว อยู่ที่ไหนก็เป็นธรรมตลอด ไม่มีอะไรกวนใจเลย ไม่ว่ายืนว่าเดินว่านั่งว่านอนว่าหลับว่าตื่น ตายเป็นไม่มีความหมายทั้งนั้น ธรรมชาตินั้นไม่มีคำว่าตาย เป็นอมตธรรม คือธรรมไม่ตาย เต็มอยู่ในหัวใจ ใจกับธรรมเป็นอันเดียวกันแล้วไม่มีคำว่าตาย นี่ละธรรมเป็นอย่างนี้ อยู่ที่ไหนไม่มีคำว่าตายว่าเป็นอะไร ไม่มีในใจ หมดโดยสิ้นเชิง ไม่มีอะไรมาขวางใจ โล่งไปหมด ท่านจึงว่า สุญฺญโต โลกํ สูญจากสมมุติที่เป็นข้าศึกศัตรูทั้งหลายต่อจิตใจมานานแสนนาน พอธรรมชะล้างเสร็จลงไปเรียบร้อยแล้วเรียกว่าว่างไปหมดเลย ไม่มีอะไรขวางใจ จิตใจนี้ว่างตลอด ไม่ว่าหลับตื่นลืมตาอิริยาบถใดว่างตลอดเลย นั่นละจิตถ้าได้ชำระให้เต็มเหนี่ยวแล้วเป็นอย่างนั้น สมเหตุสมผล
เวลาทำก็แทบเป็นแทบตาย ควรตายก็ตาย เอ้า ตาย ไม่มีคำว่าถอย ผลก็เกิดขึ้นมาๆ เวลาได้แล้วก็สมมักสมหมาย พิจารณาย้อนหลังถึงปฏิปทาการดำเนินมา กับผลที่ได้รับเป็นยังไง เข้ากันได้สนิทปั๊บเลย ถ้าเหตุอ่อนผลก็อ่อน เหตุหนักผลก็หนัก หนักเข้าโดยลำดับ หนักหลายครั้งหลายหนเพิ่มเข้าไปก็พอ เมื่อพอแล้วก็ไม่ต้องยุ่งอีก ต่อไปไม่ยุ่งแหละ ไม่มี จิตไม่มียุ่งกับอะไร สิ้นเสร็จแล้วเรื่องความยุ่งในสมมุติทั้งปวงไม่มีภายในใจ หมดโดยสิ้นเชิง เพราะการสร้างความดี ให้พยายามอุตส่าห์กันทุกคนๆ
เวลาจะหลับจะนอนอย่าลืมพุทโธ ให้ได้ภาวนาบ้าง อย่างน้อยได้ ๕ นาทีก็ยังดี นั่งภาวนาพุทโธ พุทโธๆ ติดกับใจแล้ว สติติดกับใจไว้ อย่างน้อยให้ได้ ๕ นาที เอาอย่างนี้ก่อนนะ บังคับเสียก่อนให้ได้ ๕ นาที ให้ได้ ๕ นาทีเสียก่อน เหมือนอย่างนายกาละ ลูกอนาถบิณฑิกเศรษฐี พ่อสำเร็จเป็นพระโสดา ลูกไม่เอาไหนเลย ชวนไปวัดก็ไม่ยอมไป ต้องจ้างไปวัด นายกาละจะไปฟังเทศน์พระพุทธเจ้า ก็ขอให้เข้าไปอยู่ในขอบเขตที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมก็พอใจ จะไปนั่งไปนอนอะไรก็แล้วแต่ จ้างทุกวันนะ จ้างลูกชาย ให้ค่าจ้างทุกวัน ไม่ได้ค่าจ้างไม่ไป ต้องได้จ้างไปทุกวันๆ
ไปหลายวันหลายคืนเข้าไปๆ ฟังเทศน์พระพุทธเจ้า ค่อยได้ยินชัดเข้าๆ ก็เกิดผลขึ้นมาในใจ ทีนี้เลยตั้งใจฟัง พอตั้งใจฟังแล้วจิตก็ถึงอรรถถึงธรรมเข้าไป วันนั้นเกิดความแปลกประหลาดอัศจรรย์ในตัวเอง พอกลับไปบ้านแล้ว คือธรรมดากลับไปบ้านต้องไปเอาค่าจ้างจากพ่อเสียก่อน วันนั้นกลับไปแล้ว เถลไถลหนีไปเลยไม่เข้าไปพบพ่อ พ่อเลยว่า ไหนจะมาเอารางวัลทำไมยังไม่เห็นมา อู๋ย อายพ่อจะตาย เท่าที่เป็นมาแล้วอายเหลือเกิน ต่อไปนี้ไม่เอาอีกแล้ว เรื่องวัดเรื่องวาไม่ต้องบอกแหละ พ่อไม่ต้องเป็นกังวลแต่นี้ต่อไป นั่นเห็นไหมล่ะ พอธรรมเข้าสู่ใจเท่านั้นเปิดหมดเลย จะไปเอารางวัลกับพ่อก็หลบหลีก พ่อเอารางวัลไปให้ไม่ยอมเอา ตั้งแต่เอามาแล้วก็อายพอแล้ว ว่างั้นนะ
นั่นเห็นไหมล่ะ ทีแรกก็เป็นอย่างนั้นก่อน พอได้จ้างไปวัด สุดท้ายก็เลยอายพ่อ นี่เราให้ภาวนาวันละ ๕ นาที เหมือนกับเอาค่าจ้างให้วันละ ๕ นาที จ้างเสียก่อน ครั้นเวลาทำไปๆ มันไปสัมผัสธรรมเข้า พอสัมผัสธรรมเข้าๆ มันดูดดื่มเข้า ทีนี้ ๕ นาทีไม่ต้องว่า ๑๐ นาที ๒๐ นาทีเข้าไป ฟาดเสียจน ... นั่นเห็นไหมล่ะ มันไม่ได้ว่านาทีนั้นนาทีนี้ พอเห็นผลแล้วมันดูดดื่มของมันไปเอง การทำต้องเป็นอย่างนั้นก่อนทีแรก ถูไถกันไป พอได้ผลแล้วทีนี้ ๕ นาทีหรือเท่าไรไม่คำนึงเลย นั่งเอาเสียจนกิเลสแตกกระจายออกจากใจ พากันจำเอานะ ทีแรกเอา ๕ นาทีเสียก่อน เอารางวัล วันละ ๕ นาทีเสียก่อน เวลามันได้แปลกๆ ต่างๆ แล้วมันเลย ๕ นาทีละที่นี่ มันเป็นไปเองของมัน หมุนเรื่อยไปเลย
เอาระยะ ๕ นาทีก่อนนะ เอานายกาละมาเป็นตัวอย่างก่อน คนละ ๕ นาทีๆ ก่อน ภาวนาพุทโธๆ หรือธัมโม สังโฆ บทใดก็ตาม ธรรมที่เราถูกจริต นำมาแล้วให้สติจับไว้นั้นไม่ให้คิดไปไหน ในระยะ ๕ นาทีให้คิดอยู่กับคำบริกรรมอย่างเดียวกับสติติดอยู่นั้น ใน ๕ นาทีบังคับไว้ ให้รางวัล ๕ นาที ครั้นต่อไปเมื่อสติมันติดเข้าไปๆ ทีนี้มันจะปรากฏขึ้นมา ธรรมอยู่ในใจยังเปิดไม่ได้ เปิดหลายครั้งหลายหน ก็ค่อยแย้มขึ้นมาๆ ทีนี้ก็แปลกแล้วนะ ธรรมเปิดแล้วทีนี้เอาละไม่ต้องว่า ไอ้เรื่อง ๕ นาทีนาแท หมุนติ้วเลย เป็นอย่างนั้นนะ จำเอา วันนี้ให้รางวัล ๕ นาทีก่อน ต่อไปมันจะค่อยขยับไปเอง มีเท่านั้นละ
วันนี้ฉันเสร็จแล้วก็จะออกเดินทางไปกรุงเทพฯ ไปกรุงเทพฯ ก็ไม่ได้เบานะ คราวนี้ยิ่งจะหนักอยู่ ประเพณีของชาติไทยเรานี้จะฟัดกันเต็มเหนี่ยวเลย เรียกว่าหลวงตาขึ้นเวทีแล้ว เวทีประเพณีแห่งชาติไทยของเรา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตั้งสมเด็จสังฆราชเข้าใจไหม มันมาแย่งเอาไปเดี๋ยวนี้ ทางนี้ขอไปตั้งล้านคนๆๆ แล้วก็ ส.ส. ไทยรักไทยตั้ง ๗๐ คน ขอคืนๆ อันนี้ไม่ว่าไม่ขอ ปัดหมดเลย อย่ามายุ่งว่าอย่างนั้นเลยเชียว เราขึ้นเวทีเอาอย่างนั้นนะ บอกว่าอย่ามายุ่งนะ เดี๋ยวนี้ขึ้นเวทีแล้ว เอาให้ขาดสะบั้นไปเลย มีเท่านั้นไม่พูดมากนะ นี่เรียกว่าเราขึ้นเวทีแล้ว หนักๆ สักทีหนึ่งๆ ถ้าอันไหนหนักๆ เราขึ้นปุ๊บเลยละ
รถจะไปสักกี่คันนี้ไม่รู้นะ มันแห่ไปพวกนี้ โอ๊ มันขัดกับนิสัยเรามาก เราทนแสนทนนะ นิสัยเราจะไปไหนดีดปึ๋งๆๆ เลย เราไม่เคยยุ่มย่ามๆ นะ ยิ่งออกกรรมฐานแล้วไปองค์เดียวชี้นิ้วเลย จนพ่อแม่ครูอาจารย์ เอ๊อๆ ขึ้นทันทีนะ กับเรา กับองค์อื่นไม่นะ กับองค์อื่นจะไป ๒ องค์ ไปทำไม แน่ะ ไปองค์เดียว ถ้ายังไม่แน่ใจ ดูคนนั้นยังไม่ได้หลักจิตหลักใจหรืออะไรเหล่านี้ ท่านดุ แต่กับเรานี้ไม่ใช่ยอนะ พอว่าจะไปที่ไหน คราวนี้คิดว่าจะไปทางนั้น เออ ดีนะ เพราะท่านไปหมดแล้ว แล้วจะไปกี่องค์ล่ะ ไปองค์เดียว เอ๊อ ขึ้นทันทีเลย ท่านมหาไปองค์เดียวนะ ชี้นิ้วเลย ใครอย่าไปยุ่งท่านนะ เอาแล้วนะ พระนั่งอยู่ตามนั้น ท่านมหาไปองค์เดียว ใครอย่าไปยุ่งท่านนะ ก็ร่มโพธิ์ใหญ่อยู่นั้นใครจะไปยุ่ง
เราไม่เคยสนใจว่าใครจะยุ่งกับเรา แต่เวลาพ่อแม่ครูจารย์มรณภาพ พรึบเลยเทียวนะ ไม่ทราบว่าเขาจ้องมองเราอยู่แต่เมื่อไร พระนั่นน่ะ ไปไหนรุมหน้ารุมหลัง กลางคืนขโมยหนี ว่าจะลุกก็ลุกไม่ค่อยขึ้น หมู่เพื่อนรุม มันรำคาญ ความเพียรของเรามันอยู่กับใครไม่ได้ว่ายังไง หมู่เพื่อนรุมไปด้วยจะทำยังไง พอหมู่เพื่อนไปอยู่ด้วย จำเป็นก็ เอา อยู่ไปก่อน กลางคืนก็มี กลางวันก็มี เราขโมยหนี พอเตรียมของ เตรียมบาตรเรียบร้อยแล้ว จะออกแล้วนะนั่น แล้วเดินฉากโน้นฉากนี้ไป ไปดูลาดเลา บางองค์เดินจงกรม บางองค์นั่งสมาธิภาวนา ไม่มีใครรู้เรา ไม่มีใครสนใจกับเรา มาก็เตรียมของขึ้นบาตรออกทางนี้ ทางไม่มีคน ขโมยเงียบไปเลย กลางวันก็เหมือนกัน ดู ถ้าไม่มีคนแล้วปั๊บออกทางนี้เลย ไปอย่างนั้น
แล้วอันนี้เวลาไปที่ไหนมันยั้วเยี้ยๆ มันเข้ากันได้ไหมล่ะ เราเป็นอย่างนั้นตลอด ตลอดเลย ไปภาวนามีแต่องค์เดียวชี้นิ้วๆ เลย นี้ไปที่ไหนยังไม่ได้ออกไปตีเกราะประชุม นี่หลวงตาบัวจะไปกรุงเทพฯ บ้านตาดเราทั้งหมด เมืองอุดรฯ ทั้งหมดนี้ ยังเหลืออยู่ที่ใดให้รีบบอกกัน ท่านจะไปเดี๋ยวนี้แล้วเตรียมให้ทัน ให้ได้บอกกันอย่างนั้นนะ โอ๊ มันยังไงกันพวกนี้
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz
|