เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
จิตวิญญาณแสดงตัว
เอ๊ ท่านปัญญาเสียทางนี้เวลาทางอังกฤษเป็นเวลาเท่าไร คือท่านปัญญาเสียทางนี้แล้วก็ไปกระตุกลูกศิษย์ที่เมืองอังกฤษ (ตี ๑ เศษๆ ครับ) ทางนี้เสียตอน ๘ โมงเช้า กับเวลาทางโน้นก็ตรงกัน ตี ๑ ไปเปิดประตูเปิดอะไรๆ โครมครามๆ ที่บ้านคุณเจน เขาเคยมาวัดนี่ อายุดูเหมือนเท่ากันกับท่านปัญญา พอทางนี้เสียตอน ๘ โมงเช้า ทางโน้นก็ดูเหมือนตี ๑ แล้วแสดงในเวลาเดียวกันจนตื่นเต้น โดดไปปลุกผัวมา เป็นยังไงเสียงมันพิลึกพิลั่น ปึงปังๆ ดูว่าประตูเปิดอะไรเปิดไปหมดใช่ไหมล่ะ นี่ละท่านปัญญาท่านไปเตือนลูกศิษย์ท่าน เวลาก็ตรงกันนะ ทางนี้ตอนเช้าประมาณ ๘ โมง ทางโน้นก็ตี ๑ มันไม่ใช่เสียงธรรมดาฟังว่า เสียงโครมครามๆ ดึกๆ ตี ๑ นั่นน่ะเวลาคนนอน เสียงโครมครามๆ มันอะไร โดดไปปลุกสามีมา เสียงอะไรๆ พอออกมาดูแล้วปรากฏว่าประตูก็เปิดอะไรก็เปิดไปหมด เอ๊ มันเป็นยังไงอย่างนี้ ว่างั้นนะ แล้วไม่นานก็ทราบว่าท่านปัญญาเสียเวลาเท่านั้น ก็ตรงเป๋งกับเวลาทางโน้น ท่านไปเยี่ยมลูกศิษย์ท่าน เสียงโครมครามๆ อันนี้พูดถึงเรื่องท่านปัญญา
ทีนี้พูดถึงเรื่องผู้เฒ่าแม่แก้ว อันนี้แม่นยำมาตลอด ตั้งแต่ท่าน(หลวงปู่มั่น) เริ่มป่วย คือแต่ก่อนทางรถมันไม่มีแหละ เราต้องเดินทางไป จากห้วยทรายมาถึงหนองผือนี้ตั้งสองคืนสามคืน เดินทางมา ทีนี้เวลาท่านป่วย(หลวงปู่มั่น) ก็ไม่ทราบเพราะทางมันไกล ไม่รู้แหละไม่ได้ส่งข่าว ทางนู้นทราบแล้ว บอกว่า พ่อ(หลวงปู่มั่น) จะเตรียมลาโลกแล้วนะ เหาะมาทางอากาศ บอกว่าพ่อจะลาโลกแล้วนะ ทางนี้ก็กำลังทอผ้ายังไม่เสร็จ ไม่เสร็จก็ให้รีบ พ่อรอไม่ได้นะ คืนหลังมาอีก เร่งอีก ทางนี้ก็บอกว่าทอไม่ทัน จะเอาผ้าไหมไปถวายท่าน(หลวงปู่มั่น)
พอคืนนั้นละที่นี่ คืนจังๆ เลย พอตี ๑ กว่าๆ เวลาตรงกันเป๋งเลย ท่านมาแล้วมาทางอากาศ นี่เห็นไหมไปดูซิ ไปดูกองกระดูกของพ่อน่ะ ไปดูก็เห็นแต่กองกระดูก บอกให้ไปเยี่ยมเท่าไรก็ไม่ไป นี้พ่อออกแล้วนะ ไปก็จะเห็นแต่กองกระดูก พอแกออกจากที่มาก็ร้องไห้เลยเทียว ตอนเช้าออกจากที่(ภาวนา) มาร้องห่มร้องไห้ คุณแม่(แก้ว) เป็นอะไร เพราะเขาเข้าใจว่าแกเป็นบ้า แกร้องไห้คนเดียว คุณแม่เป็นยังไง คนนั้นวิ่งมาคนนี้วิ่งมา ออกจากห้องมาก็ร้องไห้คนเดียว คุณแม่เป็นอะไร จะเป็นอะไร หลวงปู่มั่นท่านเสียแล้วเมื่อคืนนี้ อ้าวทำไมว่างั้น ไม่ว่ายังไงก็รู้อยู่นี้น่ะ ท่าน(หลวงปู่มั่น) เสียแล้วเมื่อคืนนี้
พอดีหลานของแกไปอำเภอคำชะอี แต่ก่อนมันติดต่อกันได้ก็ทางวิทยุเท่านั้น อย่างอื่นไม่ทราบแหละ พอทางนั้นไปได้ยินว่าหลวงปู่มั่นได้เสียแล้วเมื่อคืนนี้ เวลาเท่านั้นๆ พอทราบก็เลยวิ่งตั้งแต่โน้นถึงสำนักแม่ชีเลย ตอน ๗ โมงเช้าวิ่งมา วิ่งไม่หยุดเลยว่างั้น ทางมันตั้งสี่ห้ากิโลวิ่งไม่หยุด มาถึงก็ว่า คุณแม่ๆ อะไร โอ๊ย หลวงปู่มั่นเราเสียเมื่อคืนเวลาเท่านั้นๆ ทีแรกพวกนี้เข้าใจว่าคุณแม่เป็นบ้าแต่ไม่กล้าพูด ว่างั้น ร้องไห้อยู่คนเดียว ใครมาก็ถาม คุณแม่เป็นอะไรๆ พอเด็กมาบอกเท่านั้น เพราะพูดถึงเรื่องอันนี้ เสียใจว่าหลวงปู่ท่านเสียแล้วเมื่อคืนนี้ แกก็ร้องไห้ ทางนี้ก็มารุมถามเรื่องราว ยังไม่จบอะไร สักเดี๋ยวเด็กก็วิ่งเข้ามา บอก คุณแม่ๆ หลวงปู่มั่นเราเสียแล้วเมื่อคืนนี้เวลาเท่านั้นๆ นั่นเห็นไหม ทีนี้เลยเป็นบ้ากันทั้งวัดเลย ร้องไห้กันทั้งวัด อย่างนั้นแหละแกแม่นยำมากนะ
ท่านก็บอกว่าเร่งนะ นี่จวนแล้วนะๆ ให้เร่งๆ พอดีเมื่อคืนนี้ เห็นไหมพ่อออก(จากร่าง) แล้วนะ ถ้าอยากไปดูพ่อก็ให้ไปดูตั้งแต่กองกระดูกนั่นแหละ นั่นละพอแก(คุณแม่แก้ว) ออกมาแกก็ร้องไห้ คนก็มารุมถาม แกก็บอกตรงๆ บางคนก็จะเข้าใจว่าคุณแม่เป็นบ้า สุดท้ายเลยร้องไห้กันหมดพอเด็กนำข่าวนี้มา นี่ก็แม่นยำอันหนึ่งของแกเหมือนกัน
เฉพาะอย่างเรานี่พูดตรงๆ เลย คือตามธรรมดาห้วยทรายอยู่ตรงกลาง สำนักแม่ชีอยู่ทางด้านตะวันออก สำนักเราอยู่ทางด้านตะวันตก บ้านอยู่จุดศูนย์กลาง เราจะไปไหนมาไหนก็เป็นตามนิสัยเราไม่มีใครรู้แหละว่าจะไปไหน เตรียมบาตรปุ๊บปั๊บสะพายแล้วไปเลยๆ ไม่มีใครรู้ ทีนี้วันนั้นพอเราฉันเสร็จแล้วเราก็ออกไป ทางโน้นก็จะแปลกประหลาดอยู่ เอ๊อ นี่เป็นยังไงวัดเรามันเย็นไปหมด มันเป็นยังไง ไม่ใช่อาจารย์(หลวงตา) ท่านขโมยหนีจากเราไปแล้วเหรอ ไปดูซิ เรานี่แน่ใจว่าไปแล้วมันเย็นไปหมดเลยนี่ เขาก็วิ่งไปดูแล้วบอกว่าไปแล้ว อันนี้ก็เป็นอันหนึ่งนะ เราไปไหนนี่แกจะทราบ
ทีนี้มายิ่งทราบแม่นยำเลยไม่มีผิด พอเราจวนจะมา แกก็ว่าจวนแล้วนะๆ เริ่มอบอุ่นเข้ามาๆ พอมาถึงวัดกึ๊กแกก็ว่ามาถึงแล้ว โน่นวัดอยู่ทางโน้น บ้านอยู่ตรงกลาง จะไปไหนมาไหนเราเคยบอกใครเมื่อไร ไม่เคยบอก เป็นนิสัยอย่างนั้น ถ้าจะไปไปเลย แกว่านี่มาถึงแล้วนะ ตอนเช้าซิที่เราไล่เบี้ยเอา คือตอนเช้าแกจะหุงข้าวมาหม้อหนึ่ง ตามปรกติแกจะไม่หุง ถ้าเราหนีไปแล้วแกจะไม่หุง พอเรามาแล้วแกจะหุงข้าวแล้วจีบหมากมาด้วย พอตอนเช้าแกก็จีบหมากจีบอะไรแล้วหุงข้าว เอ้าเอานี่ไป ท่านมาถึงแล้วเมื่อคืนนี้ ไปก็แม่นยำๆ มาทีไรแม่นยำทุกที พอถึงก็บอกว่าถึงแล้ว อย่างนั้นละแกเก่งมากนะ มาถึงแล้วๆ เราก็เลยถาม ข้าวนี้หุงมาทุกวันหรือว่าไง โอ๋ย ไม่ได้หุงทุกวัน แล้วทำไมวันนี้เห็นหม้อข้าว ก็คุณแม่บอกให้หุงข้าว ว่าอาจารย์(หลวงตา) มาถึงแล้ว
แล้วจีบพลูจีบหมากนี่ล่ะจีบทุกวันหรือ ไม่ได้จีบ พึ่งจีบเมื่อเช้านี้ อย่างนั้นตลอดไม่มีเคลื่อนเลยนะ เรียกว่าทุกครั้งถ้าเราไปไหนมาไหน พอเข้ามาถึงวัดปั๊บแกจะรู้ทันทีๆ เตรียมอย่างนี้ถูกต้องแม่นยำ แกเก่งมากนะ เวลามานี่แกรู้ พอมาถึงวัดก็ว่ามาถึงแล้ว เวลาแกพูดย่อยๆ ให้บรรดาเพื่อนฝูงฟังนั้น แล้วคุณแม่รู้ได้ยังไง รู้ก็จะเป็นไรไป เวลาแกบรรยายก็ว่าเป็นลักษณะจะเริ่มอบอุ่นเข้ามาๆ พอมาถึงกึ๊กแล้วอบอุ่นหมดเลย นี่แกเล่าให้ฟัง แกพูดแค่นั้น ไอ้ที่ลึกซึ้งกว่านั้นแกพูดเท่านั้นเราเข้าใจทันที นี่เป็นเรื่องของวิถีญาณหยั่งรู้กันอย่างนั้น เรื่องแม่ชีแก้วนี่เรียกว่าไม่มีพลาดเลย ไม่เคยมี ไม่มีพลาดเลย เราไปไม่รู้กี่ครั้งกี่หน เราไปไหนเราก็ไปของเราหายเงียบไปเลย เพราะเราไปเราก็ไม่บอกใคร มาเราก็ไม่บอกใคร แต่แกรู้ได้ทุกทีๆ
อันนี้ก็ท่านปัญญาเสียเวลา ๘ โมงเช้า ตี ๑ เสียงประตูลั่นโป๊งป๊างๆ คุณเจนเลยรีบวิ่งไปปลุกสามี เป็นยังไง บ้านเราหลังนี้วันนี้เป็นยังไงมันเสียงลั่นพิลึกพิลั่นนะ พอปลุกสามีออกมาดู ประตูอะไรๆ เปิดโล่งไปหมดเลย เอ๊ ทำไมเป็นอย่างนี้ ท่านปัญญาท่านไปเยี่ยมลูกศิษย์ท่าน คุณเจนเคยมาที่นี่ มาภาวนาอยู่ที่นี่บางทีถึงสองสามอาทิตย์ก็มี ทีนี้พอท่านปัญญาตายก็เลยไปลาลูกศิษย์ ลูกศิษย์พอได้ยินเสียงโครมครามก็เลยเป็นบ้า อย่างนั้นแหละจิตวิญญาณเห็นไหม เรื่องจิตวิญญาณแสดงได้ทุกแบบเพราะอันนี้ไม่เคยตาย แสดงได้ทุกแบบ เป็นอายตนะสมบูรณ์ของตัวเอง เรียกว่าอายตนะนิพพาน นิพพานมีอายตนะที่ไหน พวกตาบอดมันจะไปรู้เรื่องอะไร เราก็ว่างั้น
อายตนะนิพพานคืออายตนะสมบูรณ์แบบในตัวเอง ไม่ได้ไปยืมตา หู จมูก ลิ้น กาย อายตนะ แปลว่า เครื่องสืบต่อ เครื่องประสาน ตาประสานรูป หูประสานเสียง เรียกว่าอายตนะ ประสานกัน ส่วนจิตใจล้วนๆ นี้ท่านว่าอายตนะนิพพาน ไม่มีใครรู้นะ แต่ท่านผู้ถึงนิพพานท่านรู้เอง เรียกว่าอายตนะเป็นของตัวเองโดยหลักธรรมชาติ ความหมายว่างั้น เอาละที่นี่พอละ
รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่
www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th
และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ และสถานีวิทยุอุดร
FM 103.25 MHz |