เทศน์เมื่อคืน นั้นละหลักใหญ่สำคัญ
วันที่ 29 กรกฎาคม. 2547 เวลา 19:00 น.
สถานที่ : กุฏิหลวงตา สวนแสงธรรม
| |
ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

ค้นหา :

เทศน์อบรมฆราวาส ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯ

เมื่อค่ำวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

เทศน์เมื่อคืน นั้นละหลักใหญ่สำคัญ

 

(เฉพาะช่วงท้ายหลังให้พร)

         ผู้กำกับ         : วันนี้เวลา ๑๘.๑๕ น. ข่าวจากไอทีวี เขาออกข่าวเกี่ยวกับการประชุมของพระวัดป่าที่วัดอโศการาม หัวข้อเรื่อง เรื่องที่หนึ่ง การแต่งตั้งคณะผู้ทำหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราชของมหาเถรสมาคม เราให้โอกาสกรรมการมหาเถรสมาคมมาชี้แจง ปรากฏว่านิมนต์ไปแล้วไม่มีมาสักรูปเลยครับ

         หลวงตา : นั่นเห็นไหม ไม่มีมาเราก็ปัดได้อย่างตลอด เราก็คนนี่วะ เป็นหมาแต่เขาเหรอ เป็นคนแต่เราเหรอ มันเป็นคนด้วยกันเข้าใจไหมล่ะ เขาปัดเราก็ปัดเหมือนกัน เรานี้ทำเพื่อชาติ นั้นจะมาทำลายชาตินี่ เราไม่เล่นด้วย

         ผู้กำกับ         : เรื่องที่สองเกี่ยวกับยื่นถอดถอนในวิษณุ เครืองาม ที่รัฐสภา รายชื่อทั้งหมด ๑๖๐,๗๒๐

         หลวงตา : รับทราบ

         ผู้กำกับ         : เรื่องที่สามเรื่องที่เราไปแจ้งความไว้ที่สน.ชนะสงคราม เกี่ยวกับตราตั้งของสมเด็จพระสังฆราชที่เขานำมาใช้ พระที่ลงทะเบียนวันนี้ ๘,๕๒๔ รูปครับ

         หลวงตา : เท่านั้นก็พอแล้ว มามากอะไรนักหนาวะ เท่านั้นมันก็มากพอแล้ว หาอะไรมาอีก

         พระ : กราบเรียนหลวงตา เรื่องการประชุมเรียบร้อยดีทุกอย่าง เป็นไปตามที่เรากำหนดไว้ ทั้งหมู่พระ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ก็ให้ความสำคัญเป็นอย่างดีครับผม การประชุมก็เป็นไปได้ดีแล้วทำความเข้าใจให้กับพระที่มาร่วม ท่านก็เข้าใจตามที่เรากำหนดไว้ และได้มีหนังสือเป็นมติของคณะสงฆ์ ได้อ่านและแจกพวกนักข่าว แล้วสงฆ์ลงมติพร้อมกันเห็นด้วย

         หลวงตา : นั่นแล้วเห็นด้วย จะมาค้านไม่ได้ว่างั้นเลย มาไม่มาไม่สำคัญ เรามานี้ในนามของชาติไทยพระสงฆ์ไทยนี้นะ อันนี้มันจรๆ แจนๆ ขึ้นมาปล้นบ้านปล้นเมือง ตีออกซิ มันเอาของจริงมาจากไหน นี้มีของจริงทั้งนั้นมาพูด มาไม่มาไม่สำคัญเข้าใจหรือ เรื่องความจริงเอาออกแสดงแล้ว

         พระ : มีนักข่าวมากราบเรียนให้ทราบ การแต่งตั้งของมส.คราวที่แล้ว มส.ทำผิดกฎครับผม เพราะมส.ไม่มีสิทธิที่จะแต่งตั้งผู้รักษาการสมเด็จพระสังฆราช และรีบแต่งตั้งไป เขาบอกว่าตอนนี้เขารู้ตัวว่าเขาผิดพลาดไป แล้วพรุ่งนี้จะประชุมมส.เขาจะเริ่มต้นใหม่นะครับผม

         หลวงตา : เริ่มต้นใหม่ก็ขี้กองมาอันเดียวแหละ เอาขี้กองนั้นละขึ้นมาให้โลกเขากราบ พูดตรงๆ อย่างนี้ละเรา มันวกไปเวียนมา พวกนี้หาความจริงไม่ได้นะ หลอกนู้นหลอกนี้ แล้วปั๊บเข้ามาของเก่านั่นแหละ ปั๊บนู่นปั๊บนี่ คว้านู่นคว้านี่แล้วปั๊บมาของเก่า มันเป็นอย่างนั้นนะ มันฟังไม่ได้นะเรา เราต้องจริง มันจะหลอกขนาดไหนก็ตาม เราเป็นเจ้าของสมบัติของชาติไทย อันนี้มันจรขึ้นมาต่างหาก เราว่าเป็นกองโจรก็ได้จะผิดอะไรกัน มันก่อความยุ่งเหยิงวุ่นวายมานี้ไม่มีในแบบในฉบับอะไรเลย มันตั้งขึ้นมาก่อกวนชาติศาสนาเปล่าๆ นี่น่ะ ถ้าว่าตั้งสมเด็จพระสังฆราชก็ตั้งขึ้นมาตั้งดึกดำบรรพ์แล้ว มีอะไรที่จะมายุ่งอย่างนี้ ไม่เคยมี พวกนี้ก็มายุ่งอยู่นี่ มันก็เห็นชัดๆ อยู่อย่างนี้จะให้ว่าไงอีก มันจะดื้อไปไหนก็ดื้อซิ เขาก็คนเราก็คน เราเป็นคนของชาติ เราเป็นเจ้าของสมบัติของชาติ ใครจะมาแตะใครจะมาทำลายไม่ได้ ว่างั้นเลย เข้าใจเหรอ

         พระ : อันนี้เป็นมติของสงฆ์วันนี้ครับ

         หลวงตา : มติของสงฆ์เป็นที่รับรองเรียบร้อยแล้ว สงฆ์ในนามของประเทศไทยนี่นะ ไม่ใช่สงฆ์เล่นๆ ปลอมๆ แปลงๆ เหมือนอย่างที่ปลอมๆ มส.แมแสตั้งขึ้นมากี่ครั้งกี่หนก็เป็นพวกเดียวกันเราอยากพูดอย่างนี้นะ ตั้งขึ้นมาก็ตั้งพวกเดียวกัน มันผิดๆ พลาดๆ ก็คือมันหลบนั้นหลบนี้นึกว่าจะให้ได้อย่างใจเจ้าของ มันผิดมันพลาดไปเสีย ก็ทำท่ามาขอโทษแล้วตั้งใหม่ ตั้งใหม่มันก็จะพลิกมาแบบเก่านั้นแหละเข้าใจไหมล่ะ พวกนี้มันจะไปแบบไหนมันก็ไปแบบหลอกลวงอยู่อย่างนั้นตลอด มันหาความจริงไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกเราจึงไม่ฟังเข้าใจไหม ฟังมันหาอะไร อย่าเอามาพิจารณาเสียเวล่ำเวลา ตัดขาดสะบั้นไปเลย มันจะตั้งขึ้นมาร้อยองค์ก็ตามสังฆราชเราไม่รับรองมันจะตั้งขึ้นไปไหน เข้าใจเหรอ คนไทยทั้งประเทศ พระเหล่านี้เป็นพระที่รับรองมาจากหลักธรรมหลักวินัย อันนี้เอาอะไรมารับรอง ที่มันมากวนอยู่เวลานี้เอาอะไรมารับรอง มันไม่มีอะไรรับรองนี่นะ เข้าใจเหรอ นั่น

         พระ : เราประชุมตั้งแต่บ่ายโมงถึงบ่ายสามโมงก็รอ ว่าจะมีใครมาชี้แจงหรือจะมาคัดค้านอะไรนะครับผม

         หลวงตา : ไม่มาละก็มันผิด มันจะมาอะไร มันกลัวกบาลมันแตก เดี๋ยวตีกบาลเอาซิจะว่าไง พูดตรงๆ อย่างนี้ละเรา มันดื้อมันด้านทุกแบบทุกฉบับ ไม่มีใครเกินพวกนี้ พวกปล้นชาติปล้นศาสนานี่ จะเป็นพวกไหนไปไม่ใช่พวกนี้ เรื่องราวมันมีอยู่แล้วมันหาเรื่องขึ้นมาหาอะไร เอาละพอ มีอะไรไม่อ่าน อ่านอะไรนักหนา ขี้เกียจ ขี้เกียจพูดแล้วขี้เกียจฟังอีกด้วย

         ฟังจะอ่านทองคำ วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ทองคำที่ได้ตั้งแต่วันที่ ๑๕-๒๙ กรกฎาคม ๒๕๔๗ ได้ทองคำ ๘ กิโล ๔๐ บาท ๔ สตางค์ (สาธุ) พากันเลิกได้แล้ว

         พวกนี้พวกก่อความยุ่งยากตลอดมานะ แหม หาชิ้นดีไม่ได้ มีแต่ภัยอย่างที่พูดเมื่อวานนี้ เรียกว่าพวกกาฝากมหาภัยอยู่ในนั้น ไม่มีคุณมีแต่ภัย แล้วมากัดเนื้อกัดหนังของต้นไม้ นี้มากัดเนื้อกัดหนังของชาติของศาสนาไทยให้แหลกเหลวไปหมด พวกกาฝาก ที่พระท่านมายุ่งตลอดเวลานี่เห็นไหม แต่ก่อนพระท่านออกมาเมื่อไรกรรมฐาน ท่านอยู่ในป่าในเขา นี่ก็พวกกวนนี่เองทำให้ท่านยุ่ง กวนจริงๆ ร้อยสันพันคม พลิกนู้นพลิกนี้อยู่ตลอดเวลา หาความจริงไม่ได้คือพวกนี้

ไปดูหน้าไหนมาแบบเดียวกันหมด มันไปศึกษาเล่าเรียนอะไร โรงเรียนโกหก โรงเรียนหลอกลวงต้มตุ๋นชาติศาสนาของเมืองไทยเรานี้มันตั้งกันไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ทำไมมันได้แบบเดียวกันหมด นี่ซิมันน่าคิดอยู่นะ เวลามาพูดแบบเดียวกันหมด ถ้ามีลูกมีหลานมาพูดก็จะแบบเดียวกันหมด โคตรมาพูดก็จะแบบเดียวกันอีกนะ มันไปเรียนหนังสือที่ไหนเรียนแบบนี้น่ะ เราก็ไม่เคยเห็นเขาเรียนที่ไหนเขาก็ยังได้วิชานั้นมาพูดใช่ไหม ไอ้นี้ไม่เห็นโรงเรียนของมันไปเรียนที่ไหนก็ไม่รู้นะ โรงเรียนหลอกต้มตุ๋นนี่

            ผู้กำกับ            : มติสังฆสามัคคี ๔ ทิศ ณ วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๗

ตามที่มหาเถรสมาคมมีมติแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) ร่วมอยู่ในคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชด้วยนั้น ก่อให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในสังฆมณฑลและหมู่พุทธศาสนิกชน เนื่องจากเป็นผู้อยู่ระหว่างถูกโจทก์อาบัติร้ายแรง และถูกกล่าวหาว่าละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ ซึ่งมีผลถึงความบกพร่องทางคุณสมบัติ มีผลให้มติของมหาเถรสมาคมนี้ขัดต่อพระธรรมวินัย อีกทั้งยังเป็นการสร้างความระคายเคืองต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้ หากปรากฏในภายหลังว่าเป็นผู้ขาดคุณสมบัติจริง เนื่องจากกฎหมายไม่เปิดโอกาสให้ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ดังนั้น คณะสงฆ์ไทยทั่วสังฆมณฑล ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายมหานิกายและธรรมยุต จากจตุรทิศ จำนวนประมาณ ๘,๕๒๔ รูป  จึงพร้อมใจกันประชุมตามพระธรรมวินัย เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๔๗ เวลา ๑๓.๐๐ น. ณ วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อร่วมฟังคำชี้แจงรายละเอียดจากมหาเถรสมาคม ตามหนังสือคณะสงฆ์ไทยที่ขอความเมตตาไปยังมหาเถรสมาคม เพื่อสร้างสมานฉันท์ในหมู่สงฆ์ แต่ผลกลับปรากฏว่า เมื่อคณะสงฆ์ไทยได้รอคอยจนถึงเวลา ๑๕.๐๐ น. ไม่มีตัวแทนจากมหาเถรสมาคมมาชี้แจงเหตุผล ยังความเคลือบแคลงสงสัยต่อที่ประชุมคณะสงฆ์ไทยมากยิ่งขึ้น เห็นควรตั้งข้อสังเกตต่อมหาเถรสมาคม ดังนี้

๑.  หากมหาเถรสมาคมไม่ใส่ใจต่อแบบคำฟ้องหรือคำกล่าวหา (แบบ นค.๑) ลงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๗ ของคณะสงฆ์ไทย เพื่อขอให้มหาเถรสมาคมพิจารณาลงนิคหกรรมสมเด็จพระพุฒาจารย์ กรณีรับการแต่งตั้งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชจากนายวิษณุ เครืองาม ซึ่งเป็นคฤหัสถ์ และมีขั้นตอนเป็นโมฆะมาตั้งแต่ต้นนั้น ย่อมถือได้ว่า มหาเถรสมาคมมีเจตนาปล่อยปละละเลยให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ต้องมลทินถูกกล่าวหาทางพระวินัยเป็นผู้น่ารังเกียจ ที่ถูกต้องแล้วมหาเถรสมาคมควรต้องพิจารณาอธิกรณ์ และชำระมลทินให้เป็นผู้บริสุทธิ์เสียก่อนที่จะมอบความไว้วางใจ ให้สมเด็จพระพุฒาจารย์กระทำการใดๆ เพื่อยังความสงบและเป็นที่ยอมรับในหมู่สงฆ์ผู้มีธรรมวินัยเป็นที่พึ่งที่ยึดถือ ความเมินเฉยต่อการกล่าวหา ย่อมทำให้พุทธบริษัทประจักษ์ชัดเจนถึงความไม่ยุติธรรมของมหาเถรสมาคม ประหนึ่งว่าร่วมกันปกป้องพระภิกษุอลัชชีให้มีอำนาจในการปกครองคณะสงฆ์

๒. มหาเถรสมาคมมีมติให้คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช (ระหว่างวันที่ ๑๓ มกราคม – ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๗) ปฏิบัติหน้าที่ในรูปของ “องค์คณะ” แต่ความจริงปรากฏตามหลักฐานว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์มีเจตนาใช้อำนาจของผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชแต่เพียงลำพัง จึงเป็นการฝ่าฝืนมติมหาเถรสมาคม ซึ่งอยู่ระหว่างถูกร้องเรียนกล่าวโทษ อันอาจเป็นผลให้ขาดคุณสมบัติของพระสังฆาธิการ

๓. การที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ใช้อำนาจของผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช นำรอยพระตราสมเด็จพระสังฆราชมาประทับลายมือชื่อของตน เพื่อทำการแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคม โดยที่มิได้มีการประชุมหารือ และมิได้ใช้มติร่วมกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ สมเด็จพระญาณวโรดม และพระพรหมมุนี ย่อมเป็นการจงใจฝ่าฝืนต่อมติมหาเถรสมาคม เป็นการกระทำที่ผิดธรรมผิดวินัยร้ายแรง และก่อให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงต่อสาธารณะด้วย เพราะการแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคมดังกล่าวย่อมเป็นโมฆะ

๔. ในทันทีที่ครบกำหนด ๖ เดือนนับแต่นายวิษณุ เครืองาม ได้ออกประกาศแต่งตั้งสมเด็จพระพุฒาจารย์เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๔๗ นายวิษณุ เครืองาม ซึ่งพ้นจากการกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไปแล้ว กลับแสดงความร้อนรนผิดปกติ กระทำการเกินหน้าที่ โดยเร่งด่วนออกแถลงการณ์สำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับพระอาการประชวรสมเด็จพระสังฆราช ในวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๔๗ และวางแผนร่วมกับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ในการเร่งผลักดันร่างพระราชกำหนด เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันเดียวกัน(๑๖ กรกฎาคม) ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยจัดเป็นวาระจรอยู่ในลำดับท้ายสุดของการประชุม ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ละเอียดอ่อน มีผลกระทบต่อพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ ต่อสมเด็จพระสังฆราช ต่อสงฆ์ทั่วสังฆมณฑล และต่อพุทธบริษัททั่วราชอาณาจักร รัฐบาลควรพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สุด และดำเนินการด้วยความรอบคอบที่สุด เพื่อสร้างความสามัคคีในหมู่สงฆ์อย่างแท้จริง มิใช่เพื่อปกป้องหรือสนับสนุนให้กลุ่มบุคคลเข้ามามีอำนาจครอบงำคณะสงฆ์

มหาเถรสมาคมปล่อยให้นายวิษณุ เครืองาม เข้าแทรกแซงการประชุมมหาเถรสมาคม ในวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๗ จนมีมติเลือกสมเด็จพระพุฒาจารย์ให้อยู่ในคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ทั้งๆ ที่มหาเถรสมาคมก็ทราบดีว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์มีมลทิน ถูกโจทก์อาบัติร้ายแรงจากหมู่สงฆ์ในสังฆมณฑล อีกทั้งมีพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนต่อมติมหาเถรสมาคมอยู่เนืองๆ แสดงถึงความบกพร่องด้านคุณธรรม และเข้าข่ายขาดคุณสมบัติของพระสังฆาธิการ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่มหาเถรสมาคมจะต้องคำนึงถึงคุณธรรม และความประพฤติมาเป็นหลักเกณฑ์ประการแรกในการพิจารณา แต่มหาเถรสมาคมกลับไม่เทิดทูนพระธรรมวินัย เห็นความสำคัญของ “สมณศักดิ์” มีน้ำหนักเหนือกว่า “คุณธรรม” ทั้งๆ ที่พระราชกำหนดก็เปิดกว้างให้พิจารณาเลือกสมเด็จพระราชาคณะรูปใดก็ได้ สิ่งนี้ย่อมประจักษ์ถึงความไม่เอื้อเฟื้อต่อพระวินัยของมหาเถรสมาคมข้อที่ว่า พระภิกษุจะถือเอาความอาวุโสโดยพรรษา หรือโดยสมณศักดิ์ มาเป็นข้อบังคับเหนือกว่าความทรงไว้ซึ่งคุณธรรมมิได้ ภิกษุผู้ไม่ฉลาด แม้มีอายุพรรษาตั้ง ๖๐ หรือ ๗๐ ก็จำต้องถือนิสสัยอยู่ในโอวาทของภิกษุผู้มีคุณธรรมสูงกว่า แม้มีอายุพรรษาเพียง ๑๐ ดังปรากฏในพระวินัยปิฎก เล่ม ๔ มหาวรรค ภาค ๑ และอรรถกถา เรื่อง ให้ภิกษุถือนิสสัย

๕.  การที่มหาเถรสมาคมลุกลี้ลุกลน รีบด่วนมีมติให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่ และเป็นผู้ลงนามผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช แทนคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำรายชื่อสมเด็จพระราชาคณะ ๗ รูป ที่มหาเถรสมาคมมีมติ ให้เป็นคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทนั้น เท่ากับว่า มหาเถรสมาคมมีเจตนาจะล่วงละเมิดต่อพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ โดยร่วมมือกันกระทำการ แต่งตั้งประธานขึ้นล่วงหน้า ก่อนมีพระบรมราชวินิจฉัยว่า สมเด็จพระราชาคณะรูปใดบ้างที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ยิ่งกว่านั้นนายวิษณุ เครืองาม ยังกระทำการอย่างผิดปกติ โดยรีบเร่งนำมติมหาเถรสมาคมดังกล่าว ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา ภายในวันเดียวกันกับการประชุมนั้น ยังความเคลือบแคลงสงสัยต่อพุทธบริษัทว่า บุคคลในรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้อง อาจวางแผนร่วมกันให้ประกาศมติมหาเถรสมาคม โดยไม่รอรับพระบรมราชวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ ทั้งๆ ที่มติมหาเถรสมาคมเข้าข่ายต้องตกเป็นโมฆะ เพราะกระทำการข้ามขั้นตอน และเกินกว่าที่พระราชกำหนดให้อำนาจไว้

จากข้อสังเกตข้างต้น ที่ประชุมคณะสงฆ์ไทยพิจารณาว่า หากปล่อยให้เหตุการณ์เป็นเช่นนี้โดยมิได้แก้ไขโดยเร็ว ย่อมเป็นช่องทางให้ภิกษุอลัชชีสมคบกับคฤหัสถ์ผู้ไม่มียางอาย ร่วมกันสร้างฐานอำนาจครอบงำการปกครองคณะสงฆ์ โดยใช้มหาเถรสมาคมเป็นเครื่องมือในการชักจูงพุทธบริษัทให้หลงเชื่อปฏิบัติตาม อาจลบล้างพระธรรมวินัย และบ่อนทำลายศาสนา เป็นมหันตภัยร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติ และพระมหากษัตริย์ จนสถาบันทั้งสามอาจถึงกาลวิบัติได้ในที่สุด

ที่ประชุมคณะสงฆ์ไทยพิจารณาโดยยึดถือพระธรรมวินัย จารีตประเพณี และกฎหมาย จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ดังนี้

๑.    มหาเถรสมาคมจะกระทำตนอยู่เหนือพระธรรมวินัยมิได้ ในเมื่อมหาเถรสมาคมมีมติในวันที่ ๒๐ กรกฏาคม ๒๕๔๗ อันขัดต่อพระธรรมวินัย มตินั้นย่อมเป็นโมฆะ คณะสงฆ์ไทยมีมติว่า ไม่อาจไว้วางใจยอมรับให้สมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) เข้าร่วมคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชอย่างเด็ดขาด

๒.   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรม ทรงเป็นพุทธศาสนูปถัมภก เป็นที่ยึดเหนี่ยวเทิดทูนของประชาชนทุกหมู่เหล่า ดังนั้น เพื่อจะระงับดับภัยของพระพุทธศาสนาในครั้งนี้ลงได้ ต้องอาศัยพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ช่วยปกปักรักษา คณะสงฆ์ไทยจึงมีมติเห็นควรให้

๒.๑    เสนอต่อรัฐบาล ให้ดำเนินการถวายพระราชอำนาจแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในอันที่จะปฏิบัติต่อสมเด็จพระสังฆราช ในทุกกรณี ตามแบบโบราณราชประเพณี ให้เป็นรูปธรรมโดยด่วนที่สุด

๒.๒   เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วราชอาณาจักร มีส่วนร่วมแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยรณรงค์ให้ร่วมลงลายมือชื่อ ถวายพระราชอำนาจแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในอันที่จะปฏิบัติต่อสมเด็จพระสังฆราช ในทุกกรณี เพื่อรวบรวมเสนอต่อรัฐบาลให้ดำเนินการ จนกว่าจะเป็นผลสำเร็จ

 

                                                                        คณะสงฆ์ไทย

                                                                        ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๔๗

หลวงตา : ลงชื่อลงที่ไหนๆ บ้าง

ผู้กำกับ         : เดี๋ยวพวกพระและญาติโยมลูกศิษย์จะจัดการดังที่เคยปฏิบัติ

หลวงตา : เคยปฏิบัติมาแล้วนะ เป็นอันว่ายุติเข้าใจกันทุกคนแล้วนะ เราเป็นเจ้าของของชาติ ใครมาแตะมาต้อง มาถีบ มาเตะ มายันไม่ได้เข้าใจเหรอ เหล่านี้มีแต่พวกมาเตะมาถีบมายันชาติไทยทั้งนั้นละ เอ้าฟ้องกันด้วยความสามัคคีกัน ที่ถูกต้องแล้วเวลานี้เทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็เราเคยเทิดทูนท่านมาพอแล้วด้วยขนบประเพณีอันดีงาม อันนี้มันอะไรๆ มาแย่งยุ่งไปหมด เข้าใจเหรอ นี่ก็ยังอนุโลมนะยังเสนอรายชื่อ ยังไม่หาไล่ตีมันตกทะเลหมด เข้าใจเหรอ มีตลกบ้างซิ ใครจะมาจับหลวงตาบัวไปใส่คุกก็ไปซิ หลวงตาบัวไม่เคยสนใจกับอะไรนะ เอาละพอ

หลวงตาพอใจกับบรรดาพระเจ้าพระสงฆ์ทั่วประเทศไทย เราพอใจ เราต้องพร้อมเพรียงสามัคคีกันนะ เทศน์เมื่อคืนนี้เข้าใจหมดหรือยัง นั้นละหลักใหญ่สำคัญนะ ชี้นิ้วออกเลยนะเมื่อคืนนี้ เทศน์อย่างไม่สงสัย พุ่งๆ เลยจึงได้ออกเต็มเม็ดเต็มหน่วย ให้ปฏิบัติตามนี้ว่างั้นเลย ถ้าผิดพลาดจากนี้แล้วตูมเลย ชาติ ศาสนาเราจะไม่มีเหลือ วงศ์มหากษัตริย์ลงไปด้วยกันหมด เข้าใจหรือ เทศน์เมื่อคืนนี้ถอดออกมาจากนี้ใส่ตูมเลยเชียว เราความห่วงใยชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราห่วงขนาดนั้นจึงเปิดออกเต็มเหนี่ยว ได้ยินไหมเมื่อคืนนี้ นั่นละให้เอานั้นไปปฏิบัติด้วยความพร้อมเพรียงสามัคคีกัน นี้ละเป็นเครื่องประกัน ถ้าผิดพลาดจากนี้แล้วเป็นอันว่าแน่นอนลงตูมเลย เข้าใจกันแล้วไป เข้าใจกันแล้วไป


 

รับฟังรับชมพระธรรมเทศนาของหลวงตา ได้ที่

www.Luangta.com หรือ www.Luangta.or.th

และรับฟังจากสถานีวิทยุสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ FM 103.25 MHz

หรือสถานีวิทยุอุดร FM 103.25 MHz

 


** ท่านผู้เข้าชมทุกท่านโปรดทราบ
    เนื่องจากกัณฑ์เทศน์บางกัณฑ์มีความยาวค่อนข้างมาก ซึ่งจะส่งผลต่อความเร็วในการเปิดเว็บไซต์ ขอแนะนำให้ทุกท่านได้อ่านเนื้อหากัณฑ์เทศน์บางส่วนจากเว็บไซต์ และให้ทำการดาวน์โหลดไฟล์กัณฑ์เทศน์ที่มีนามสกุล .pdf ไปเก็บไว้ในเครื่องของท่านแทนการอ่านเนื้อหาทั้งหมดจากเว็บไซต์

<< BACK

หน้าแรก